“มาทำไมวะ”
อือ....เราเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคุณภพกำลังคุยกับใคร...
“ง้อจนไม่รู้จะง้อยังไงแล้วว่ะ”
ผมที่ทำท่าจะตื่นรีบแกล้งหลับต่อทันทีที่ได้ยินเสียงพี่แพน
ด้วยถือคติว่าเรื่องชาวบ้านเราต้องยุ่ง
“ก็มึงทำเขาไว้เยอะนี่หว่า”
“แต่กัสไม่ใช่คนใจแข็งแบบนี้นะเว่ย มึงช่วยกูหน่อย”
“กูก็ช่วยให้มึงกับกัสให้เจอกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้เรื่องเลยเหรอวะ”
“กูรู้ว่ามึงทำเพื่อกูแล้ว แต่ขออีกเรื่องสิ นะๆ”
“เออเย็นนี้เจอกันร้านมิเสะ .....มึงทำตัวเองทั้งนั้นนะแม่ง”
“ไม่ต้องมาด่ากู มึงจัดการเรื่องน้องนัทยัง ไหนมึงบอกรักจริงหวังแต่ง ห่า..ไม่ทำไรสักอย่าง”
“ก็ทำอยู่นี่ไง ให้อยู่สบายๆ แถมเลี้ยงครอบครัวเค้าให้อีก”
“ทำไมหน้าน้องเค้าดูไม่มีความสุขเลยวะ ฮะๆ”
“เดี๋ยวเถอะมึง!”
“เออๆ กูไปและ อย่าลืมนะเว่ยนัดกัสให้ไปเจอกันที่ร้านมิเสะ”
ผมรอให้พี่แพนออกไปก่อนสักสามนาที เป็นสามนาทีที่ยาวนาน
“ตื่นแล้วเหรอ”
เขาทัก
ผมปวดคอหนึบ นอนทับแขนตัวเองจนเป็นปื้นแดงน่ากลัว
เขาลุกขึ้นมาลูบหัวผม เหมือนจะแต่งผมยุ่งๆให้ใหม่ ผมยิ้มประทับใจที่เขาเริ่มรู้จักเทคแคร์
“เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวนะเย็นนี้”
“อื้ม มีงานให้ทำมั้ยวันนี้”
“ไม่มี ถามแบบนี้อีกและ”
“คุณต้องให้ผมทำงานบ้างนะ ผมรู้สึกไม่มีค่าเลยเวลาไม่ได้ทำงาน....บอกตั้งหลายทีแล้ว”
ประโยคหลังงึมงำ
“เดี๋ยวหาตำแหน่งว่างให้แล้วกัน”
คุณภพผลักประตู ในมือถือเอกสารปึกใหญ่
“คุณจะไปไหน?”
เขาเปิดประตูค้าง
“ดูโรงงานสักหน่อย”
“สู้ๆนะครับ”
คุณภพพยักหน้า เดินออกไปพร้อมกับพี่นิดาที่ยืนรอท่าอยู่
ผมกลับมาเหงาตามเคย....
กระอักกระอ่วน...
คิดๆอยู่ว่าไม่น่าตื่นมาได้ยินบทสนทนานั้นเลย
จากที่ได้ยิน ...มันทำให้ผมไม่แน่ใจว่าที่เขาชวนเราไปเที่ยวปุบปับ เป็นเพราะเหมาะเจาะกับเพื่อนเขาหรือเปล่า
เขาไม่ใช่คนประเภทจะชวนอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว...
อดน้อยใจไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดรายละเอียดนี่นะ เราอย่าเก็บเอามาคิดให้มากความเลยดีกว่า
รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกดีๆกับเรา
แม้มันจะน้อยนิด น้อยกว่าคำว่ารักตัวเองของเขา ผมก็ไม่ว่าอะไร
ผมเข้าใจนะ....
เฮ้อ....
บอกตัวเองเสมอ รู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่คนคิดมาก
แต่ทำไมตอนนี้เรากลับกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไปไม่ได้
เรื่องงี่เง่า....
เราเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่ารำคาญ…..
RRRRRRRR
“ครับมาร์ค”
ผมรับสายด้วยเสียงเอื่อยๆ
-“ไม่สบายเหรอครับ”-
“เปล่า เพิ่งตื่นนอนน่ะ มีอะไรเหรอ”
-“พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า จะชวนนัทไปดูแกลเลอรี่เปิดใหม่ของเพื่อนผมเอง”-
“ว่างทุกวันแหละ ไปได้”
-“งั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่ซอยสุขุมวิทxxนะ ไปได้ใช่มั้ย”-
“ได้ๆ เคยไปอยู่”
ผมวางโทรศัพท์
ไหนๆชั้นนี้ก็เงียบทั้งชั้นแล้ว ผมไปหาเพื่อนคุยที่ฝ่ายบุคคลดีกว่า แผนกนั้นเขาคุยเก่งดี แล้วก็ชอบอัพเดตเครื่องสำอางใหม่ๆ จนผมแทบเป็นบ้าเพราะตามไม่ทันสาวๆ(?)
.
.
.
.
“พรุ่งนี้ผมจะไปสุขุมวิทxxนะ”
บอกเขาขณะขับรถ
“ไปทำไม”
“มาร์คโทรมาชวนไปดูแกลเลอรี่เพื่อนเขา เบื่อๆน่ะ ผมไปนะ”
“สนิทกับมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสียงเขาดูสบายๆนะ แต่..เอ่อ...บรรยากาศท่าจะไม่ดี
“ผมรอคุณเอางานมาให้ไง”
“ไม่ต้องไป”
ว่าแล้วไง
“ผมอยากไป”
“หึ...ถ้าจะไปก็ต้องไปงานพีชกับฉัน”
ผมเงียบ...กัดฟันไม่พูด
ไม่มีทางที่ผมต้องไปกับเขา
ไม่ใช่เหตุผลที่ดี...
เรามาถึงร้านมิเสะ ร้านโปรดของคนข้างหน้าผม
พอลงรถมา เขาก็เดินลิ่วไม่สนใจคนข้างหลัง
ผมกำลังงงนะ....งงว่าเราเป็นคนขอเขาเป็นแฟนเหรอ?
เราถึงต้องคอยตาม คอยห่วง คอยน้อยใจ
มันใช่เรื่องหรือเปล่า กับสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่นี้?
เขานั่งลงที่ประจำ ตามด้วยผม
คุณภพทักพี่กัสที่นั่งอยู่ก่อนแล้วพอเป็นพิธี แล้วลงมือกินส่วนของตัวเอง
“น้องนัทสบายดีนะ”
“ครับ พี่กัสล่ะครับ”
“สบายดี”
แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว มันไม่เรียกว่าดีเลยนะพี่
พี่กัสกับพี่แพนคงมีปัญหาผัวๆเมียๆ ผมอยากรู้นะ เผื่อจะเป็นที่ปรึกษาให้ได้บ้าง
คุณหมอแกดูเงียบๆ ดูนิ่มๆ ทั้งๆที่หน้าเถื่อน ตัวล่ำ
เราสามคนต่างกินข้างเงียบๆ ไม่มีใครคุยกับใคร
อ้อ....ก็มีนะ ผมเล่นเน็ต จะเรียกว่าคุยได้หรือเปล่า
ส่วนเขาเช็คหุ้นหน้ายิ้ม.....นั่นคือความสุขของเขา เราต้องเข้าใจ
เงินคือความสุขของเราทุกคนนั่นแหละ
“โทษทีว่ะ งานเยอะ”
พี่แพนโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง
ผมยกมือไหว้คนแก่กว่า
พี่เขาฉีกยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นพี่กัส
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ นัทไปเป็นเพื่อนหน่อย”
คุณภพเริ่มแผนที่ตัวเองวางไว้
พี่กัสทำหน้าเหรอหรา แต่ก็ยังดูดี
ผมเดินตามคุณภพมายังห้องน้ำหลังร้านที่สวยมาก มีที่นั่งเล่น มีน้ำตกและต้นไม้ สไตล์แบบเซน
เขาเลือกม้านั่งตัวห่างไกลจากห้องน้ำมากที่สุด แล้วกวักมือเรียกผม
“มีปัญหากันหรือครับ”
“รู้ได้ไง?”
แอบฟังคุณคุยกันไง.....
“เดาจากสีหน้าน่ะ”
“ไอ้สองคนนั้นมันเคยคบกันสมัยมหาลัย พอเรียนจบก็ห่างกันไปเพราะงานยุ่ง ไอ้แพนมันเลยขอเลิกก่อน ทีนี้กัสมันก็บ้าไปเลย โหมออกกำลังกายจนตัวยักษ์อย่างทุกวันนี้แหละ”
“แสดงว่าพี่กัสไม่เคยตัวแบบนี้เหรอครับ”
“อืม เมื่อก่อนมันตัวเล็กน่ารัก มีแต่ผู้ชายมาจีบ ไอ้แพนเลยเอาเพื่อนตัวเองก่อนที่จะเสียให้คนอื่น”
“น่าสงสารนะครับ”
“สงสารใคร?”
“...ทั้งคู่...ผมว่าถ้าคุยกันดีๆ ก็ไม่น่าจะทำให้พี่กัสผูกใจเจ็บ พี่แพนเขาขอเลิกยังไงเนี่ย”
“โทรศัพท์คุยกัน นี่ก็พยายามง้ออยู่”
“โห....สมควรอ่ะ ดูสิครับ กว่าจะง้อมันก็สาย”
“อย่าไปคิดเรื่องพวกมันเลย เหนื่อยเปล่า”
“คุณไม่ห่วงเพื่อนคุณเหรอ”
“ไม่รู้สิ ห่วงทำไม มันดูแลตัวเองได้”
“แล้วคุณเคยห่วงผมมั่งมั้ย”
“.....ถามอะไรไร้สาระ”
ฮ่าๆ
“โอเคครับ ผมจะได้รู้ไว้...แต่คุณรู้มั้ย นั่นเป็นเรื่องพื้นฐานของคนเป็นแฟนกันนะ”
..............................
“ถึงแล้วนะมาร์ค ใช่อาคารสีขาวๆป่ะ”
ผมคุยโทรศัพท์กับหนุ่มตี๋เสียงหล่อ
เสียงเขาดูตื่นเต้นมาก
ผมตีรถเลี้ยวเข้าประตูเหล็กที่ถูกทาเป็นสีขาว
อาคารนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปนิกที่ผมเคยติดตามอยู่แน่ๆ ..(ตอนนี้ลืมชื่อไปแล้ว)
เห็นมาร์คยืนรอยิ้มแฉ่งหน้าประตูแล้วอดขำไม่ได้ เขาเหมือนหมาตัวใหญ่ที่ดีใจเพราะเจอเจ้าของผู้พลัดพราก
“รอนานมั้ย”
“ไม่นานครับ เชิญนัทไปพบเพื่อนผมก่อนเลย มันตื่นเต้นกว่าผมอีก”
เขาทำอย่างกับผมเป็นบุคคลสำคัญ ถ้าประคองเดินได้ คงทำไปแล้ว
ห้องรับรองถูกตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่าย เน้นสีไข่ไก่เป็นสำคัญ
แต่ผนังกลับถูกสาดด้วยสีสะท้อนแสง...เอ่อ...ผมไม่ค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่
“สวัสดีครับคุณณัฐกานต์ ผมณัฐวุฒิ ชื่อเล่นว่าณัฐ แต่มันจะซ้ำกับคุณ งั้นเรียกผมว่าวุฒิก็พอ”
ชายตัวเล็กพอๆกับผมยกมือไหว้ ทำเอารับไหว้ไม่ทัน
คือบางทีก็รักความเป็นไทยเกินไปมั้ย
เห็นได้จากชุดลายช้างไทยทั้งชุด กับผ้าคาดผมจากผ้าตีนจก
ถ้าถามว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ....ผมบอกไม่ถูก หน้าดูเป็นผู้ชายทะเล้น ที่ออกแนวเซอร์ๆหน่อย ยิ่งรอยยิ้มยิ่งตอกย้ำความขี้เล่นพอตัว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวุฒิ”
เรายิ้มให้กัน
ยิ้มจนผมเหงือกแห้ง เขาก็ยังไม่เอ่ยอะไร
“เอ่อ....มันเป็นแฟนคลับนัทน่ะครับ”
มาร์คเห็นว่าเพื่อนตัวเองท่าจะไปไม่รอดเลยพูดแทน
“จริงเหรอครับ!? ขอบคุณนะครับ”
“ติดตามมาตั้งแต่คุณนัทยังไม่ดังเลยครับ ผมชอบมาก คุณนัทมีเสน่ห์มากจริงๆ”
“เฮ้ยณัฐ มึงพาคุณนัทไปดูงานมึงสิ”
“อ้ะใช่ๆ คุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตั้งหลายรูป มาครับๆ ผมเปิดแกลเลอรี่นี้เป็นวันแรกเพื่อคุณเลย”
.
.
.
ผมอึ้ง และอึ้ง กับภาพพอเทรตของตัวเอง มันเข้ากับห้องนั่งเล่นบ้านผมมากๆ
สีพาสเทลช่วยให้ผ่อนคลาย แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือน....
ดวงตานั้นสดใสเกินไป
ผมไม่เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้วนะ....
“ชอบมั้ยครับ ผมวาดให้ด้วยใจจริง”
“ลิเกไปป่ะมึง เก็บอาการหน่อย”
ผมหลุดขำเพื่อนสองคนเขาทะเลาะกัน น่าเอ็นดูดีนะ เมื่อก่อนผมกับทัชก็เป็นแบบนี้แหละ
เจ้านั่นชอบเล่นหัว ชอบสกินชิพ เสียดายช่วงเวลาของการเป็นเพื่อนกัน แต่ผมก็ไม่เสียใจที่มีมันเป็นแฟน
มันก็ยังดูแลผมดีเหมือนเดิมนั่นแหละ
แต่คนเรา...ไม่แน่ไม่นอนจริงๆ
“คุณนัท ผมขออนุญาตเก็บรูปนี้ไว้จนกว่าจะหมดวันแสดงนะครับ”
“ตามสบายเลยครับ แค่วาดให้ก็เกรงใจจะแย่ ขอบคุณมากๆ ถ้ายังไงผมขอเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”
“ได้ๆเลยครับ โอ๊ย ปลื้มจริงๆ”
คุณณัฐวุฒิกระโดดเหย็งๆไปมาเหมือนเด็ก
ดูไม่เหมือนศิลปินอารมณ์ติสต์อย่างคนอื่นเลย
มาร์คลอบส่งสายตาอ่อนใจแทนเพื่อน แต่ผมกลับชอบซะอีก แบบนี้น่ารักดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
---แอบมองเมียเที่ยว---