เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 39
ลืมตาตื่นขึ้นในห้องนอนที่ไม่ใช่ของผมทั้งๆที่ไม่ได้ง่วงอย่างที่โกหกไอ้ตัวเล็กไว้เลย แต่พอเอนหลังลงนอนบนเตียงหลับตาลงสักพักไม่ถึงสิบนาทีก็หลับสนิทไปแล้ว บิดขี้เกียจไปมาพลางมองเพดานขาวที่ว่างเปล่า แล้วจู่ๆสมองก็หวนคิดประโยคนึงขึ้นมา
' กูรักมึงว่ะ แต่ไม่ใช่แบบเพื่อนที่ควรเป็นนะ กูรักมึงแบบผู้ชายคนนึงจะรักใครสักคนได้ กูรักมึงแบบนั้นวะขม ' ถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงประโยคนั้น ยังจำความรู้สึกที่เงียบจนได้ยินแต่เสียงของเข็มนาฬิกาได้อยู่เลย ผมไม่รู้ว่าทำไมภาพถึงพูดออกมาแต่สิ่งที่รู้คือ มันไม่ได้โกหก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น คือเรื่องจริง
แต่ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงแค่ไหน นั้นก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างสำหรับผมในตอนนี้ดูแปลกไป ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรแปลก ควรทำตัวเหมือนเดิม ผมก็รู้สึกว่า ทุกอย่างรอบตัวก็เริ่มแปลกไป ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีก จากที่มันเคยเป็นแค่ห้องนอนของเพื่อนสนิทที่นอนข้างกันได้อย่างสนิทใจ แต่ต่อจากวันนี้ไปมันก็คงไม่สนิทใจแบบนั้นอีก
ผมก็ไม่รู้ว่าตัวผมรู้สึกยังไงกับมันเหมือนกัน ' ชอบงั้นเหรอ ? ' แต่ผมก็รู้สึกหงุดหงิดตอนที่รู้ความจริงว่าน้องมีนาชอบมันนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ว่าใครจะชอบภาพ หรือภาพจะชอบใครผมก็ไม่สนใจทั้งนั้น แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ตัวผมสนใจทุกอย่างของมันขึ้นมา
ผมร้องไห้ตอนที่มันมีเรื่องเศร้า ดีใจตอนที่มันมีความสุข และหงุดหงิดตอนที่รู้ว่ามีใครมาชอบมัน เป็นความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าเพื่อนเกินไป แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่เคยคิดถามตัวเองเลยว่า รู้สึกยังไงกับมัน อาจเพราะชีวิตทุกวันในสมองมีแต่เรื่องของหัวหอม เรื่องความรู้สึกส่วนตัวแบบนั้นเลยวางทิ้งมันไว้ข้างหลังไม่ได้เก็บมานั่งคิดอะไร
แบบนั้นพอมันสารภาพรักก็เลยได้แต่นิ่ง แล้วก็บอกไปแค่ว่า ' ไม่มีคำตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ ' คำตอบที่ไม่ชัดเจน คนถามเองก็คงไม่ได้อยากฟัง คงดีกว่าถ้าผมพูดออกไปให้ชัดเจนเลยว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าพูดออกไป ทั้งๆที่รู้ดีว่าถ้าตอบออกไปแล้ว มันก็จบ ถ้าชอบก็คบกัน ไม่ชอบก็ห่างกัน มีหน้าที่แค่ดูแลหัวหอม มันอาจจะไปชอบใครสักคนในอนาคตแล้วแต่งงานและ ผมเองก็เช่นกัน
เพิ่งรู้สึกถึงข้อเสียของการเป็นคนสำคัญก็วันนี้เอง บางทีถ้ามันเป็นแค่เพื่อนแบบไอ้โมผมคงตัดสินใจง่ายกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงตอนนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าตอบว่าคบกันภาพคงมีความสุขผมเองก็เช่นกัน ทุกอย่างก็ดำเนินไปแบบเดิม แต่ถ้าเลิกกัน แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็คงไม่มีอยู่ และเช่นกัน ถ้าตอบว่าไม่ตกลง ความเป็นเพื่อนของเราคงจบลงแค่ตรงนี้ ถึงจะสัญญาว่าความเป็นเพื่อนจะไม่เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างงั้น ทั้งผมทั้งมันก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่ามันคงต้องเปลี่ยน
“ ไม่อยากเสียมึงไปเลย ทำไมถึงเป็นแบบเดิมไม่ได้วะ " เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน เลี้ยงหัวหอมไปด้วยกัน ไม่ต้องหาใครเป็นคนรักแค่อยู่ด้วยกันไปแบบที่เป็นมาก็พอแล้ว เป็นความสัมพันธ์ที่ยืนยาวและไม่มีวันเลิกกัน " เห็นแก่ตัวชะมัด คิดเหี้ยอะไรแบบนั้นวะกู " ยกยิ้มกับความคิดที่อยากจะกักขังมันไว้แบบนั้น ผมพลิกตัวมองข้างตัวที่ว่างเปล่า ที่นอนฝั่งของภาพแต่ไม่มีมันอยู่ตรงนั้น ผมเอื้อมมือไปจับก่อนจะหลับตาลง
กลัวจริงๆนะ ที่จะเสียมึงไป กลัวมากจริงๆกับการที่ไม่มีมึงอยู่ใกล้ๆ กลัวจนไม่กล้าจะพูดออกไปตรงๆ ว่าชอบ หรือ ไม่ชอบ ก็เพราะทั้งสองทางที่มึงให้เลือก มันเสี่ยงกับการที่จะเสียมึงไปทั้งนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดึงให้ตัวผมลุกขึ้นจากเตียงทันที ตอนที่ประตูนั้นเปิดออกคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าของห้องที่โผล่หน้าเข้ามาก่อน พอเห็นผมนั่งอยู่บนเตียงมันก็เดินเข้ามา
“ มึงเองเหรอ " ผมพูดตอนที่เห็นหน้ามัน ล้มตัวลงนอนต่ออีกคนก็หัวเราะ ภาพหย่อนตัวเองลงนั่งที่ข้างเตียงก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือผมให้ลุกขึ้นนั่ง
“ ตื่นได้แล้วไอ้เหี้ย ไปกินข้าว จะถึงเวลาข้าวเย็นแล้ว "
“ เหรอ " มันบอกก่อนจะพยักหน้ารับ เงยมองหน้ามันที่กำลังมองผม สังเกตเห็นคราบน้ำตาที่ติดอยู่ตรงแก้ม " มึงร้องไห้มาเหรอวะ "
“ เปล่านิ " มันส่ายหน้าปฎิเสธ ผมก็ขมวดคิ้ว
“ น้ำตาติดอยู่ตรงแก้มมึงอะ " ชี้ที่แก้มตัวเองบอกตำแหน่งกับมันอีกคนก็ทำเป็นโง่ ทั้งๆที่จริงเรื่องแค่นี้มันควรฉลาด
“ ตรงไหนอะ เช็ดให้หน่อย " ยื่นแก้มมาให้ผม ที่ถอนหายใจออกมา เบือนสายตาหันไปหาทิชชู่มาเช็ดให้ ภาพมันก็ถาม " หาอะไรของมึง "
“ ทิชชู่ไง "
“ ไม่ต้อง! มือไปเลย " มันว่า ผมก็เหลือบตามองบนก่อนจะแบะปากส่ายหน้าใส่มัน
“ ไม่เอาอะ รังเกียจ "
“ อ๋อเหรอ รังเกียจเหรอ แล้วรังเกียจมากมั้ย " ร่างสูงเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ผมยันมือกับอกหนากันมันให้ออกห่างจากตัวไว้อีกคนก็หัวเราะ " เร็ว จะเช็ดให้ดีๆหรือจะเช็ดให้แบบแนบชิด "
“ แนบชิดพ่อมึง! ถอยออกไป! " ตะโกนบอกมัน อีกคนก็ยังดันตัวเองเข้ามาใกล้ ทำตัวไม่ต่างอะไรกับสาวเลยกู นี่ถ้าปากเอ่ยบอกว่า พี่ภาพอย่าเข้ามานะคะ แม่งคงใช่อะ " ถอยไปเว้ย เชี้ยภาพ ! ไม่งั้นกูจะโกรธนะ " คำขู่ประดุจเมียหลุดออกมาจากปากผม ทันทีที่พูดออกไปไอ้ภาพมันก็หยุดก่อนจะยกยิ้ม
" มีกง มีโกรธด้วยอะ ถามจริงจะโกรธกูยังไง ไม่ให้หอมแก้มไรแบบนี้ปะ ว้าวววววว "
" ว้าวพ่อมึง กูไม่ใช่ไอ้หัวหอม " ผมบอกปัดมันอีกคนก็ยกยิ้ม" โกรธของกูคือมึงห้ามเข้ามาใกล้กู " แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ ? ผมถามตัวเองในใจ มองยังไงคำพูดท่าทางของตัวผมตอนนี้ก็ดูสาวไปหมดเลยเว้ย อะไรกันวะเนี้ย สัด
" อะไรของมึง อยู่ๆทำหน้าเป็นรูตูดหมาแบบนั้น "
" หงุดหงิดตัวเอง " ผมบอกมัน " กูพูดเหี้ยอะไรออกมาตอนนี้ ก็ดูแรดไปหมดเลย ดูแบบเป็นคำที่สาวๆเค้าชอบพูดกับแฟนอะ "
" คิดมากไอ้เหี้ย ไม่เห็นเหมือน " ภาพบอกก่อนจะหัวเราะ " ทำไมมึงคิดว่าแค่พูดว่า ถอยออกไปอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นจะโกรธนี่สาวมากเหรอ " ภาพถามผมก็พยักหน้ารับ " ติงต๊อง! " มือหนาผลักหัวผมพลางส่ายหน้า
“ ก็กูไม่อยากจะเป็นแบบนั้นอะ กูอยากจะเป็นแบบเดิม แต่พอพูดเหี้ยอะไรอ มันก็รู้สึกไม่ใช่ไปหมดเลย มันดูสาวแตกอะ "
“ มึงคิดไปเองทั้งนั้น อยากจะพูดอะไรก็พูดเป็นแบบเดิมน่ะดีแล้ว " ภาพบอกก่อนจะก้มหน้าลงแล้วหันมายกยิ้มให้ผม " สำหรับมึงต่อให้เรียกกูว่า ผัวขา มึงก็ยังเป็นมึงนั่นแหละ กูไม่ได้มองมึงเปลี่ยนไปหรอก ยังไงก็ชอบมึงอยู่ดี "
“ พูดเหี้ยอะไรวะ ! " ผมตะโกนขึ้นหลังคำพูดของมัน อีกคนก็หัวเราะ " หุบปากเน่าๆของมึงไปเลย ไอ้สัด ไม่อยากฟัง " พูดแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้มันพลางถอนหายใจ ผมเปลี่ยนเรื่อง " แล้วนี่ร้องไห้ทำไม "
“ เปล่าหรอก แค่ไปคุยกับกาลิคมา แล้วรู้สึกว่า ไอ้เด็กนั่นมันเก่งจริงๆ ทั้งๆที่อายุแค่นั้นแต่เก็บความรู้สึกเก่งชะมัด " มันว่าผมก็ขมวดคิ้วมองมัน
“ ยังไง "
“ กูคุยกับมันเรื่องที่ว่ากูเป็นพ่อมัน แล้วมันก็ถามกูว่า มันเรียกกูว่าป๊าได้มั้ยมันอยากมีพ่อ " ภาพก้มหน้าลงก่อนจะยิ้มแล้วถอนหายใจออกมา " มึงรู้มั้ย ตอนที่กูฟังมันพูด กูคิดถึงครั้งแรกที่มันเจอเรา มันที่บอกว่ามันมาหาพ่อแต่เรากลับบ่ายเบี่ยง กูโยนให้มึง มึงโยนให้กู ตอนนั้นมันจะเจ็บปวดแค่ไหนกันวะ แต่ว่าเด็กนั่นกลับไม่เคยเอ่ยถามเราเลยว่าใครเป็นพ่อมัน เหมือนมันรู้ว่าถ้าถามออกไปคงทำให้เราเสียใจ หงุดหงิด แล้วก็ทะเลาะกันเหมือนครั้งแรกที่เจอ มันก็เลยได้แต่เก็บเรื่องนั้นเอาไว้เงียบๆทั้งที่ตัวเองก็อยากรู้แล้วก็อยากจะเจอ อยากจะเรียกใครคนนั้นว่า พ่อ มาตลอด "
“ แต่อดีตมันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว มึงเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ " เอื้อมมือไปจับไหล่มัน
ผมรู้ว่าภาพกำลังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของหัวหอมในอดีต มากแค่ไหน ยิ่งพอคิดว่าตัวเองเคยพาเด็กคนนั้นไปทิ้ง และสุดท้ายก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่เป็นพ่อ มันก็ยิ่งเสียใจ
แต่จะปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตราบาปติดตัวมันไปตลอดนั่นก็ไม่ได้อีกเพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น ภาพก็ต้องตามใจหัวหอมเพื่อชดเชยสิ่งที่มันเคยทำให้เสียใจและถ้าเป็นแบบนั้นสุดท้ายหัวหอมก็จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจที่นิสัยไม่น่ารัก แล้วผมก็คงจะยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน " เราหวนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะมึง เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดได้ มันยังไม่สาย สิ่งที่มึงควรทำคือเลี้ยงมันให้ดีที่สุด ให้ความอบอุ่นกับมัน ให้ความสุขกับมัน เติมเต็มความรู้สึกที่ไม่เคยมีให้หัวหอมมันรู้สึกว่า ดีจังเลยที่มีมึงอยู่ ดีจังที่มาอยู่กับมึง " ภาพเงยหน้าขึ้นมามองผม มันก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มจางๆ
“ อื้ม "
“ ไม่ต้องคิดมากหรอก อดีต มันคือสิ่งที่เตือนใจเราว่าอย่าทำแบบนั้นอีก แล้วมึงก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นอีกถูกมั้ย " ใบหน้าคมพยักหน้ารับ " เพราะงั้นรู้สึกแย่กับมันได้แต่อย่าจมไปกับมัน เอามันมาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้ามึงจะตามใจหัวหอมเพื่อที่จะชดเชยสิ่งที่มึงผิด มึงได้ทะเลาะกับกูแน่นอน เพราะกูจะไม่ยอมให้มันต้องเป็นเด็กแบบนั้น "
“ คร๊าบบบบ รู้แล้วคร๊าบบบ กลัวแล้ว" ไอ้ภาพยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นสองมือทำทีเหมือนยอมแพ้ ผมเอื้อมมือไปตบไหล่มัน
“ ไม่ต้องคิดมากหรอกไอ้สัด ถ้ามึงทำดีหัวหอม ความทรงจำของมึงในใจมันก็จะมีแต่เรื่องดีๆแล้วมันก็จะกลบเรื่องแย่ๆนั่นไปเองแหละ " ผมบอก " เด็กจำช่วงเวลาเลวร้ายของตัวเองได้ดีก็จริงอยู่ แต่มึงอย่าลืมว่าเรื่องดีๆมันก็จำได้เหมือนกัน แล้วพอโตขึ้นจนรู้จักเหตุผล มันก็เอาเรื่องดีๆของมึงมาหักล้างเองแหละ "
" ยังไง "
" ก็แบบว่า มันจำได้ว่ามึงเคยเอามันไปทิ้ง แต่มันก็จะคิดขึ้นมาได้ว่า แต่อาภาพก็เคยช่วยเราจากโอลิเวียนะ แล้วหลังจากนั้นอาภาพก็ดีกับเรามากเลย รักเรา ส่งเราเรียน พาเราไปเที่ยว เค้าทำอย่างงี้ให้นะ อย่างงั้นให้นะ อะไรแบบนี้ "
" เหรอ " มันยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับเข้าใจ
" เอาน่า ถ้ามันมีเรื่องแย่ๆสักเรื่องที่ต้องจำไว้ในใจ กูคิดว่ายังไงก็ไม่ใช่เรื่องของมึงหรอก โอลิเวียเลวกว่ามึงเป็นไหนๆ ถูกมั้ย ถ้ามันจะมีความทรงจำแย่ๆสักเรื่อง ก็คงเป็นเรื่องของแม่มันมากกว่า เพราะไม่มีอะไรดีๆมาหักลบเลย "
“ อื้ม "
“ ไม่ต้องคิดมากเข้าใจมั้ย "
“ เข้าใจครับ " มันพยักหน้ารับ
“ ดีมาก " ตบไหล่อีกคนที่หันมายิ้มให้ เรามองตากันสักพักจนผมต้องเป็นคนหลบออกมาก่อนเพราะเผลอคิดถึงเรื่องคำสารภาพของมัน
“ งั้น..เราลงไปกินข้าวกันได้แล้วละ ตอนนี้เค้าคงตั้งโต๊ะกินข้าวกันแล้วมั้ง " ภาพบอกก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง มันที่เดินออกไปผมเองก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตาม แต่ทว่าอยู่ๆภาพก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ มันหันมาผม
“ พรุ่งนี้วันศุกร์ให้กาลิคไปโรงเรียนดีมั้ย เรื่องทั้งหมดก็เคลียร์แล้ว หรือว่าจะให้ไปอาทิตย์หน้าไปเลยดี "
“ ให้ไปพรุ่งนี้นั่นแหละ เดี๋ยวให้ไปวันจันทร์มันจะขี้เกียจ มึงกับกูเองก็ควรไปมหาลัยด้วย หยุดมาตั้งหลายวันแล้ว ตอนนี้งานกูกองสูงกว่าส่วนสูงกูแล้วมั้ง "
“ งั้นก็น้อยอะดิ " ร่างสูงว่าก่อนจะยกยิ้ม " ก็มึงเตี้ยอะ งั้นคงไม่เยอะเท่าไหร่หรอก "
“ ไอ้สัด " ด่ามันเสียงรอดไรฟันแต่อีกคนก็ทำได้แค่ยิ้มก่อนจะเดินออกไป ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิดไม่กับคำด่านั้น อีกอย่างสูงกว่ากูหน่อยเดียวทำเป็นคุย
เดินเข้ามาให้ส่วนของห้องทานอาหารที่ตอนนี้อาหารเย็นหน้าตาน่ากินมากมาย วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นกับเมนูของชอบของตัวเอง หัวหอมยิ้มหน้ายิ้มใหญ่กับอาหารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วเอ่ยเรียกเสียงใส
“ อาขมมมมมมม นั่งตรงนี้ " มือเล็กๆตบที่เก้าอี้ข้างมันผมก็เดินเข้าไปใกล้ ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะเอื้อมมือไปตบที่เก้าอี้อีกข้างของมัน " ป๊า ป๊านั่งตรงนี้ "
“ ป๊าเหรอ ? “ ผมเอ่ยพูดเสียงเบาๆ ตอนทีไ่ด้ยินหัวหอมเรียกไอ้ภาพ เผลอยิ้มออกมาตอนที่ก้มลงมองคนที่ดูเขินอยู่หน่อยๆกับสรรพนามใหม่ที่ไอ้ตัวเล็กใช่เรียกมัน
“ เออ ทำไม ? กูเป็นป๊าของกาลิคแล้ว มึงจะล้อกูเหรอ " ภาพถาม ผมก็ส่ายหน้า
“ เปล๊า~ แค่จะบอกว่าน่ารักดีนิ " ผมชี้ไปที่ร่างสูงก่อนจะชี้ที่ไอ้ตัวเล็ก " นี่ คุณพ่อ แล้วนี่ ก็คุณลูก "
“ แล้วอาขมเป็นอะไรดี " หัวหอมถาม ผมก็นิิ่งไปสักพัก
“ เป็นคุณแม่ดีมั้ย " ภาพบอก
" เชี้ย! " ผมสบถออกมาเสียงเบาก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ก็แอบหลบตาก่อนจะก้มหน้าลงยิ้มๆ แน่นอนว่าเค้าต้องได้ยินอยู่แล้วมันพูดเสียงเบาที่ไหน แต่ท่าทางที่ไม่ตกใจแถมยังขำแบบนั้น พวกท่านเองก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วแน่ๆ สำหรับความรู้สึกของภาพ " อาขมว่า อาขมเป็นอาขมนั่นแหละดีแล้ว " ตอบเด็กน้อยไปแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือมากอดแขนผมไว้
“ อาขมเป็นอาขมของหนู "
“ จ้าๆ พ่อคนขี้อ้อน แต่ตอนนี้กินข้าวได้แล้วนะ " ดึงหัวหอมให้นั่งบนเก้าอี้ดีๆ ก่อนที่พี่แก้วจะตักข้าวใส่จานแล้วยื่นมาให้
" น้าแก้ว ขอบคุณครับ "
" ค่า น้องกาลิคกินเยอะๆเลยนะ " พี่แก้วบอกก่อนจะลูบหัวอีกคนก็ที่พยักหน้ารับ ผมตักทอดมันกุ้งใส่จานก่อนจะแบ่งเป็นคำๆให้มัน
“ งั้นกาลิคกินข้าวแล้วนะ " หัวหอมว่า ก่อนจะตักข้าวกับทอดมันกุ้งของโปรดเข้าปากไปเต็มๆคำ ตักแกงจืดใส่ถ้วยเล็กๆให้มันอีกคนก็กินเข้าไปแบบไม่หยุดปาก เป็นสองเมนูโปรดที่กินสู้ตายกันเลยทีเดียวสำหรับไอ้ตัวเล็ก
ดื่มน้ำหลังจากยัดข้าวเข้าไปสองจาน ทั้งๆที่สามวันก่อนยังทำตัวเป็นพวกไม่อยากอาหารอยู่เลย หัวหอมที่กำลังกินไอติมเข้าไปคำสุดท้าย ผมจัดการเช็ดปากที่เลอะไปหมดนั้นก่อนที่มือเล็กจะยกน้ำขึ้นมากิน
" อิ่มแล้วววว " เด็กน้อยบอกก่อนจะยิ้มกว้าง มันหันไปหาพี่แก้วที่กำลังเจ็บจานของพ่อกับแม่อยู่ " น้าแก้วๆ น้าแก้วอร่อยมากเลย กาลิคชอบกินทุกอย่างเลย "
" ช่างพูดจริงนะ มันรู้ดีจริงๆว่าควรอ้อนใคร " พ่อเอ่ยบอกพวกเรา ทุกคนก็หัวเราะออกมา
" ขอบคุณนะคะน้องกาลิค ไว้เดี๋ยวน้าแก้วทำให้กินอีกนะ "
" ครับ! กาลิคจะกินให้หมดทุกอย่างเลยยยย " มันบอกเสียงใสด้วยรอยยิ้มกว้าง พ่อกับแม่ลุกขึ้นจากที่นั่งหลังจากที่จานบนโต๊ะถูกเก็บไปจนหมด
" กาลิคเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จไปดูการ์ตูนที่ห้องปู่กับย่านะ "
" กั๊บป๋ม! " เสียงเล็กๆตอบรับ ท่านทั้งสองก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านคงไปเตรียมห้องนอน เปิดแอร์ อาบน้ำ เตรียมตัวรอไอ้ตัวเล็กเหมือนทุกทีนั่นแหละ
" งั้นเราก็ขึ้นไปข้างบนบ้างดีกว่า ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วจะได้ไปดูการ์ตูนที่ห้องคุณปู่คุณย่าไง ไปกันเถอะ " ผมลุกขึ้นยืนเอื้อมมือไปหาอีกคนกาลิคก็คว้าจับไว้ก่อนจะหันมองภาพ
“ ป๊าไปกัน " มันชวนก่อนจะยื่นมืออีกข้างไปจับ " ไปกันนะ "
“ โอเค ไปกัน " ภาพเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆนั่นไว้ มือข้างนึงของหัวหอมที่จับมือผมอีกข้างจับมือภาพเป็นท่าทางที่ชวนให้ยิ้มกว้าง จนร่างสูงต้องเอ่ยถาม
“ ยิ้มอะไร "
“ ก็เปล่า " ส่ายหน้าไปมาแต่ก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น เปิดประตูเข้าไปในห้องหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง หัวหอมเองวิ่งไปหยิบรถของเล่นของตัวเองมาเล่น ผมเงยหน้ามองนาฬิกา " เดี๋ยวอีกสิบนาทีค่อยไปอาบน้ำก็แล้วกันนะ อาบตอนนี้เดี่ยวจะจุก "
“ บรืนๆ บรืนๆ " เสียงเล็กๆที่กำลังบังคับรถไปมา รถบังคับที่ขับมาที่เท้าผมก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นมาบนตัวผมเรื่อยๆ รถของเล่นแล่นขึ้นมาถึงไหล่ก่อนจะลงไปที่หลัง " บรืน~ บรืนๆ "
“ นี่หัวหอม พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ "
“ จริงเหรอ! " มันหยุดเล่นทันทีก่อนจะเอียงตัวมามองหน้าผม " พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนจริงๆเหรอ จริงๆนะอาขม "
“ จริงสิครับ "
“ เย้ๆ ไปโรงเรียน " ท่าทางดีใจของมันที่กระโดดโลดเต้นไปมาไม่ยอมหยุด " พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนแล้ว เย้ๆ กาลิคน่ะนะ คิดถึงรินเน่มากๆแล้ว คิดถึงเจ้านายแล้วก็ ก็. คิดถึงอลัน คิดถึงเพื่อนๆทุกคนเลย อยากไปโรงเรียน "
“ แล้วคิดถึงใครที่สุด "
“ คิดถึงรินเน่!! ” หัวหอมตะโกนบอก ไอ้ภาพที่นอนอยู่บนเตียงก็ดึงลูกชายตัวเองเข้าไปกอดไว้มันส่งเสียงล้อ
“ ฮั่นแน่~ ทำไมคิดถึงรินเน่อะ ชอบรินเน่เหรอเราน่ะ คิดอะไรกับลูกสาวเค้าปะวะ ไอ้เสืออออ " ภาพจิ้มแก้มมัน อีกคนก็ส่ายหน้า พลางโบกมือเล็กๆไปมา
“ เปล่านะ~ ป๊า~ กาลิคน่ะยังเด็กอยู่ " มันเอามือทาบอกตัวเอง " ถ้าเรายังเด็กอยู่ เราไปโรงเรียนเราก็ต้องไปเรียนหนังสือ ไม่ได้ไปหาแฟนนะรู้เปล่า "
“ ใครสอนให้ตอบแบบนี้เนี้ย หื้มมม จับฟัด " มือหนากอดอีกคนแน่นขึ้นมันที่หอมแก้มใสๆเข้าไปเต็มฟอด ก่อนที่นิ้วเล็ๆจะชี้มาทางผม
“ อาขมสอน "
“ เป็นไง คำตอบน่ารักมั้ย " ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ยกยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ จะว่าไปก็แปลกๆอยู่นะ ทำไมเพื่อนสนิทไอ้กาลิคดันเป็นเด็กผู้หญิงวะ ปกติมันต้องเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ " ภาพพูดขึ้นเสียงเบาๆ ผมก็คิดตามไม่รู้เหมือนกันนะ รู้ตัวอีกทีเพื่อนสนิทหัวหอมก็เป็นน้องรินเน่ไปแล้ว " กาลิค กาลิคไม่มีเพื่อนผู้ชายเลยรึไง "
“ มีน้า~ ก็น้องอลันกับน้องเจ้านายไง " มันหันไปบอกภาพด้วยสายตาจริงจัง " แต่ว่ากาลิคสนิทกับรินเน่ที่สุดเลย "
“ แล้วรินเน่ไม่มีเพื่อนผู้หญิงเหรอ " ผมถาม
“ มีนะ น้องรินเน่ชอบไปห้องน้ำกับเพื่อนเพลงเพราะ แต่ว่าน้องรินเน่สนิทก็กาลิคที่สุด "
“ เป็นความสัมพันธ์ที่แปลกดี " ภาพบอก " แต่เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีเพื่อนหรือว่าโดนเพื่อนแกล้งละนะ "
“ แล้วทำไมถึงสนิทกับรินเน่ละ " ผมถาม เด็กน้อยก็เอิียงหน้าคิด
“ ก็รินเน่ใจดี แบ่งขนมให้กินตลอดเลย แล้วรินเน่ก็น่ารักมากกกกกก น่ารักที่สุดในห้องเลย "
“ ฟังดูแปลกๆนะว่ามั้ย " ผมเอียงตัวไปบอกไอ้ภาพอีกคนก็ยกยิ้ม " ในอนาคตมึงอาจจะได้ลูกสะใภ้เป็นน้องรินเน่ก็ได้ "
“ ไม่ลูกสะใภ้ก็เพื่อนสาวของลูกอะ มีอยู่สองอย่าง "
“ ไอ้สัด " ผมสบถออกมา " มึงอะปากดีว่าลูกตัวเอง "
" กูไม่ได้ว่ามันสักหน่อย สำหรับกูมันมีความสุข เป็นคนดีของสังคม เลี้ยงตัวเองรอด ไม่เอาเปรียบคนอื่น ก็พอแล้ว อย่างอื่นก็ตัดสินใจเองเถอะว่าจะเป็นอะไร พ่อแม่กูเลี้ยงกูมาแบบนี้ เค้าเข้าใจกูยังไง กูก็อยากจะเลี้ยงให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน อยากจะเข้าใจมันให้มากที่สุด "
“ ถ้าอย่างงั้นเรื่องนั้นมึงก็คงบอกพ่อกับแม่ไปแล้วสินะ " ผมถามมันอีกคนก็ขมวดคิ้ว ทำหน้าดง่ๆไม่รู้เรื่องราว ใสๆแบ๋วๆ
" เรื่องอะไร "
" อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง " พอพูดแบบนั้นอีกคนก็ยังเอียงหน้าไปมา
" เรื่องอะไรกันนะ พี่ภาพไม่เห็นรู้เรื่องเลยน้า " ขอตอบแม่งสักทีได้มั้ย โคตรหมั่นไส้เลย
" พี่ภาพพพพ " ไอ้หัวหอมเรียกร่างสูงอีกคนก็ก้มลงไปหอมแก้มลูกชายมัน
" ครับ น้องกาลิค " มันหัวเราะก่อนจะเงยหน้ามองผม ที่ยังขมวดคิ้วมองมันอยู่เพราะยังไม่ได้รับคำตอบของคำถาม ไอ้ภาพเอื้อมมือมาหยิกแก้มมันยิ้ม " เออ กูบอกแล้ว บอกไปตั้งนานแล้วด้วย "
“ เหรอ ? “ อ้าปากค้างตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้น คือรู้อยู่แล้วว่ามันบอก แต่มาตกใจกับไอ้คำที่ว่า บอกตั้งนานแล้วนี่แหละ " บอกตั้งแต่ตอนไหนวะ "
“ บอกตั้งแต่วันที่พากาลิคเข้ามาที่บ้านแล้ว " มันจ้องหน้าผม " มึงคิดว่าความรู้สึกของกู มันฉาบฉวยเหรอไง ถึงคิดว่ากูจะไม่เตรียมการอะไรเลยเหรอ แบบจู่ๆก็มาบอกมึงเป็นคนแรก "
“ ก็..ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่า มึงจะบอกพ่อกับแม่มึงมานานแล้วก็เท่านั้น "
“ ความรู้สึกของกู มันไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้นสักหน่อย กูต้องคิดดีแล้วละ ถึงจะพูดออกมา " ภาพบอกก่อนจะถอนหายใจ " มึงเป็นเพื่อนสนิทกูนะขม ถ้าไม่รู้สึกอะไรจริงๆ กูคงไม่พูดออกไปหรอก กูเองก็ใช่ว่าอยากจะเสียเพื่อนดีๆแบบมึงไป แต่ที่ตัดสินใจพูดเพราะมั่นใจแล้วว่า ความรู้สึกของกูมันไม่ได้ฉาบฉวยแต่เป็นความรู้สึกที่มั่นคง แล้วก็มากขึ้นอยู่ตลอด "
“ อื้ม " หัวใจของผมเต้นแรง แรงจนต้องมือขึ้นมาจับอกของตัวเองไว้ กลัวว่ามันเต้นแรงเกินไปจนใครอีกคนนั้นได้ยิน ผมก้มหน้าลงไม่รู้จะพูดอะไรกับมันอีก แก้มแดงๆที่ชวนให้ร้อนไปทั้งหน้า แล้วในวินาทีนั้น แววตากลมๆของคนที่นั่งเล่นอยู่ก็เอียงหน้าลงมามองผม
“ อาขม อาขมเป็นอะไร "
“ เปล่าหรอก " ผมส่ายหน้า
“ ไม่สบายเหรอ " มันถามก่อนจะทำท่าทีตกใจ " อาขมหน้าแด๊งแดง "
“ ไม่ได้แดงสักหน่อย "
“ แดงน้าาา " มันเถียง ก่อนจะยื่นมือมาลูบที่แก้มผม " ใครทำให้อาขมเป็นแบบนี้ ป๊าเหรอ~ งั้นกาลิคจะจัดการให้นะ " หัวหอมหันไปตีแขนไอ้ภาพ " นี่แหน่ะ ป๊าอย่าทำอาขมนะ "
“ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
“ ป๊าทามมมมม " มันลากเสียงยาว ร่างสูงก็ยิ้มกว้าง
“ ทำอะไร "
“ ทำให้อาขมต้องเขินไง อาขมหน้าแดงเพราะป๊าเลย " เด็กน้อยบอกก่อนจะดึงมือตัวเองขึ้นไปบี้แก้มคนเป็นพ่อไว้แน่นด้วยสองมือ " นี่แหน่ะ "
“ โอเคๆ ป๊ายอมแพ้แล้ว งั้นป๊าจะทำยังไงดีละ กาลิคจะให้ป๊าทำอะไรให้อาขมหายเขินดี "
" อื้มมมมม " เด็กน้อยทำท่าคิด " ป๊าต้องกอดอาขม ให้อาขมหายหน้าแดงเลยนะ " มันสั่งไอ้ภาพที่ก็ยกยิ้มก่อนจะทำทีเป็นเอื้อมมือจะมากอดผมไว้ แต่ทว่าผมก็ยกมือห้ามการกระทำนั้นของมันไว้ก่อน ก้มหน้าลงต่ำแล้วเอ่ยเสียงเบาๆ
“ พอเถอะ " ผมบอก " มึงอย่าทำแบบนั้นไอ้ภาพ หัวใจกูเต้นแรงไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว " ก่อนที่มันจะระเบิดออกมา ช่วยหยุดทุกอย่างเอาไว้แค่นั้นก่อน
" ไม่ได้หรอก กาลิคสั่ง " มันดึงผมเข้าไปกอด ร่างกายที่แนบชิดกับมัน หัวใจที่เต้นแรงขึ้นผมซบหน้าลงกับไหล่หนา เสียงทุ้มกระซิบข้างหู " หัวใจเต้นแรงจัง "
" ปล่อยเลยไอ้สัด! กูก็บอกแล้วว่า หัวใจกูมัน..”
" เปล่า ไม่ได้หมายถึงหัวใจมึง กูหมายถึงหัวใจของกูตังหาก ที่กำลังเต้นแรง "
มึงนี่มันใจร้ายซะจริง ทำแบบนี้กูก็ยิ่งไม่อยากจะเสียมึงไปสิวะ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมชีวิตกูต้องมีแต่มึงด้วย ถ้าชีวิตกูไม่มีแค่มึง กูจะตอบรับรักมึงแล้วพอถึงวันที่เลิกกัน ไม่ว่าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย กูก็จะไม่สนใจอะไรอีก .. แต่นี่มันไม่ใช่ ทำไมชีวิตกูต้องมีมึงคนเดียวด้วยนะ
.................................................................
อยากหยิกแก้มกาลิค หมั่นเขี้ยววว สั่งให้ป๊ากอดอาขมเงี้ยยย หนอย ~
จะว่าไงดี เราชอบความสัมพันธ์ของภาพกับขมนะ เป็นเพื่อนรักที่โตมาด้วยกัน รักกันสนิทกัน
จนเรียกได้ว่าเหมือนครอบครัวเดียวกัน แม้ตอนนี้ในใจของทุกคู่จะไม่แน่ชัด ขมยังกลัว ไม่แน่ใจ กลัวเสียเพื่อนแบบภาพไป ภาพเองก็ยังไม่ได้รับคำตอบของขม แต่ถึงจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกียวของกาลิค มันสองคนจะหันหน้าเข้ามาคุยกัน เหมือนจะลืมเรื่องทุกอย่างแล้วให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้เท่านั้น
รู้สึกว่ามีทั้งความรักแบบวัยรุ่นอยู่ แล้วก็ความรับผิดชอบของครอบครัวอยู่
แต่ก็สงสารขมนะ เพราะ ไม่ว่าความสัมพันธ์แบบไหน ถ้าเปลี่ยนไปเป็นคนที่รักกันแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นความสัมพันธ์เดิมได้อีก ต่อให้เราพยายามแค่ไหน ไม่ว่ายังไงก็ไม่เหมือนเดิม
แล้วขมจะตัดสินใจอย่างไร..
ค่อยๆคิดนะจ๊ะน้องขม แต่เร็วก็ดี ตอนนี้พี่ภาพเปิดโปร #ตกลงเป็นแฟนวันนี้แถมฟรีลูกติดอีกหนึ่ง
และอยากบอกว่า คิดเยอะมากๆ ระวังไม่มีผัวนะแกร
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าาาาา