ม่านไหมลายพยัคฆ์
บทที่ 18
เกิดความโกลาหลขึ้นทันทีเมื่อนายหญิงของบ้านเป็นลมหมดสติไปกับพื้น หย่งหนานปรี่เข้าไปช้อนแขนอุ้มฟางซินกลับไปยัง
ห้องนอนและเฝ้ามองด้วยความเป็นห่วงพร้อมกันกับที่เหม่ยฮัวสาวใช้คนสนิทรีบนำน้ำมันหอมมาให้การดูแล เหวินเป่าที่กำลังดูแลคุณ
ชายน้อยฮุ่ยจงก็รีบอุ้มบุตรของเจ้านายติดตามมา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการของฟางซิน หญิงสาวเริ่มได้สติกลับคืนมาบ้างแล้วแต่ดวงตายังคงล่องลอยอยู่พักใหญ่และ
สักพักจึงร้องไห้ออกมา
“ฟางซิน เธออย่างเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย ข่าวนั้นอาจจะเป็นแค่ข่าวลวง”
หย่งหนานเป็นห่วงภรรยามาก สีหน้าของเขาเป็นกังวลทั้งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อจิตใจของฟางซิน ในตอน
นี้เขาละล้าละลังเมื่อจะต้องรีบออกไปปฏิบัติงานแต่ภรรยาของเขาก็ยิ่งน่าเป็นห่วง
“ผมจะดูแลนายหญิงให้เอง นายท่านรีบไปทำงานเถอะครับ”
เหวินเป่ารับอาสา หย่งหนานพยักหน้าด้วยความไว้วางใจ เขาดึงมือของฟางซินมากุมไว้และปลอบประโลมภรรยา
“เข้มแข็งไว้นะฟางซิน ฉันจะรีบกลับมาเมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว”
หย่งหนานรีบร้อนออกไปจากห้องทั้งที่ในใจยังกังวล เหวินเป่ากล่อมฮุ่ยจงในอ้อมกอดที่กำลังร้องไห้ให้เงียบลงและมองฟาง
ซินด้วยความเป็นห่วง
“ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
เหม่ยฮัวที่คอยปรนนิบัติเองก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวเช่นกัน เธอรีบรุดเข้ามาดูแลฟางซินหลังจากได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ
ของเพื่อนสาวใช้ที่ยืนดูแลเจ้านายอยู่ในห้องโถง เมื่อรีบวิ่งเข้ามาในบ้านก็เห็นหย่งหนานอุ้มฟางซินเข้ามาในห้องแล้ว ฟางซินที่เพิ่ง
ได้สตินอนนิ่งมองเหม่อไปที่เพดานน้ำตาไหลเป็นทางยาวจากหางตา
“เหม่ยฮัว” ฟางซินพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ เหม่ยฮัวเป็นสาวใช้ที่ติดสอยห้อยตามกันมาจากสกุลหลี่หญิงสาวจึงไว้ใจพอที่
จะระบายความอัดอั้นออกมา “คุณพ่อหักหลังข้อตกลงกับรัฐบาล ทั้งๆที่มีฉันเป็นตัวประกันในข้อตกลงนั้น ทำไมคุณพ่อถึงยอมละทิ้ง
เกียรติยศศักดิ์ศรีของขุนศึก ทำไม”
“โถ ฮูหยิน”
เมื่อรู้สาเหตุแล้วเหม่ยฮัวกับเหวินเป่าก็ได้แต่มองหน้ากัน ทั้งคู่สงสารฟางซินเป็นอย่างมากแต่ก็ช่วยเหลือสิ่งใดไม่ได้เลย
นอกจากคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้หญิงสาวเท่านั้น ฟางซินผินหน้ามามองเฉินฮุ่ยจงบุตรชายวัยสามขวบในอ้อมกอดของเหวินเป่า
อย่างสะท้อนใจ
“โธ่เอ๋ยลูกแม่ ทำไมต้องมากลายเป็นเช่นนี้ อยู่ๆก็ได้ชื่อว่าเป็นเชื้อสายผู้ก่อกบฏ”
“นายหญิงอย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ ตอนนี้นายหญิงหน้าซีดเหลือเกิน ทำใจดีๆและพักผ่อนก่อนดีกว่า”
เหวินเป่าว้าวุ่นใจเหลือเกินที่นายหญิงที่แสนดีของเขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ เขาถอนหายใจด้วยความสงสารและทำได้
เพียงช่วยดูแลฮุ่ยจงเจ้านายตัวน้อยในขณะที่สาวใช้คนอื่นวุ่นวายอยู่กับการประคับประคองร่างกายและจิตใจของฟางซินแต่ดูเหมือนว่า
จะไม่ได้ผล
กว่าหย่งหนานจะกลับเข้าบ้านอีกครั้งเวลาก็ผ่านไปถึงสองวัน เป็นครั้งแรกที่ไหล่กว้างคู้ลงจนรู้ว่าเขากลัดกลุ้มเพียงไหน
เหวินเป่ารีบอุ้มฮุ่ยจงมารับบิดาแต่สีหน้าของหย่งหนานทำให้เหวินเป่าใจหาย เหวินเป่าได้แต่มองตามหลังเมื่อหย่งหนานเดินเข้าไปใน
ห้องที่มีฟางซินนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง
หย่งหนานทอดถอนหายใจขณะทรุดนั่งที่ขอบเตียงและมองเห็นภรรยาของเขา ฟางซินยิ่งบอบบางราวกับกระดาษที่พร้อมจะ
ขาดจากกันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมาและเมื่อเห็นว่าเป็นสามีหยาดน้ำตาก็กลับคลอขึ้นมาอีก
“เหตุการณ์ความรุนแรงยุติลงแล้ว” หย่งหนานพูดเสียงเบา เขาดึงมือฟางซินมากุมไว้
“รัฐบาลปราบปรามผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมลงได้แต่ก็มีการสูญเสียไปไม่น้อย”
ฟางซินเบิกตากว้าง นัยสำคัญจากข้อความนั้นกำลังส่งสารถึงเธอ
“แกนนำหลายคนถูกจับกุม และหลายคนก็ถูก...จัดการ”
ริมฝีปากของฟางซินสั่นระริกจนต้องกัดไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำและเปียกชื้นขณะสบตากับสามี เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจน
แทบฟังไม่ได้ศัพท์
“คุณพ่ออยู่ในกลุ่มไหนคะ”
หย่งหนานกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน มันเป็นการแจ้งข่าวที่เขาลำบากใจที่สุดในชีวิต
“ขุนศึกหลี่เสียชีวิตแล้วเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา”
ฟางซินเบิกตากว้าง แม้จะคาดเดาได้ถึงจุดจบหากแต่เมื่อรู้ว่าสิ่งที่คาดเดานั้นกลายเป็นเรื่องจริงหญิงสาวก็ไม่สามารถทำใจ
ได้โดยง่าย หญิงสาวหลับตาลงและสะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเสียใจ
หย่งหนานปล่อยให้ภรรยาร้องไห้ออกมา ในช่วงเวลานี้ฟางซินไม่ได้ต้องการคำปลอบใจใดๆนอกจากความเอาใจใส่ ชาย
หนุ่มประคองร่างบอบบางที่สะอึ้นจนตัวโยนให้เข้าสู่อ้อมกอดของเขา ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของเหวินเป่าที่ยืนอุ้มฮุ่ยจงอยู่หน้า
ห้อง
น้ำตาของเหวินเป่าไหลเป็นทางด้วยความเวทนาสงสารฟางซิน เขารู้ดีว่าความสูญเสียนั้นทำให้หัวใจแหลกสลายแค่ไหน
เขาทำได้แค่เพียงส่งความห่วงใยไปให้หญิงสาวที่ร้องไห้จนหมดแรงในอ้อมกอดของสามี
อาการของฟางซินไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้ว่าข่าวร้ายจะผ่านไปหลายวันแล้ว หย่งหนานกังวลจนต้องเชิญมิสเตอร์จอห์นนายแพทย์
ฝรั่งมาดูแล
“สภาพจิตใจของมาดามเฉินนั้นย่ำแย่ ส่งผลให้ร่างกายยิ่งทรุดหนัก ผมคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากวิตามินบางตัวและยานอน
หลับอย่างอ่อนเท่านั้น”
มิสเตอร์จอห์นกล่าวอย่างหนักใจก่อนจะกลับโรงพยาบาลและยิ่งทำให้หย่งหนานกลุ้มใจมากขึ้น แม้ว่าประมุขของบ้านเฉินจิ้ง
เหอและป้าสะใภ้ของเขาจะมาเยี่ยมเยียนก็ไม่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
“ไม่ต้องไปทำงานหรอก” หยางซุนญาติผู้พี่บอกหย่งหนาน “งานที่รัฐสภาพี่จะไปดูแลให้เอง นายอยู่ดูแลเมียเถอะ”
หย่งหนานไม่เคยหยุดงานมาก่อน เป็นสิ่งที่เขาละอายใจที่ไม่เคยได้ดูแลภรรยา แต่เขาเองก็ไม่นึกว่าเมื่อได้หยุดงานและได้
ดูแลฟางซินจริงๆภรรยาของเขาจะอาการทรุดหนักขนาดนี้
“กินโจ๊กหน่อยไหม กำลังอุ่นพอดี”
เขาประคองฟางซินที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นให้ลุกพิงหัวเตียงไว้ ฟางซินฝืนยิ้มอย่างยากเย็น
“น้องไม่รู้สึกหิวเลยค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกินบ้าง ร่างกายของเธอจะเอาอะไรไปต่อสู้กับโรคภัย”
หย่งหนานดุด้วยความเป็นห่วง ฟางซินจึงยอมฝืนกินได้ไม่กี่คำ หญิงสาวมองสามีด้วยความสลดใจ
“พี่หย่งหนานคะ เราเป็นสามีภรรยากันมีอะไรก็ควรพูดกันตรงๆ และขอให้เราได้พูดคุยกันในขณะที่น้องยังมีสติสัมปชัญญะ
ครบถ้วน”
“เธอต้องการจะบอกอะไร”
หย่งหนานยกมือลูบศีรษะของฟางซินด้วยความสงสาร เขาตั้งใจฟังเสียงแหบโหยแผ่วเบาที่หลุดจากริมฝีปากแห้งผากของ
ภรรยา
“บอกน้องอย่างตรงไปตรงมานะคะ พี่รู้สึกเช่นไรกับเหวินเป่า”
หย่งหนานสะดุ้งอยู่ในใจคล้ายกับคนที่มีหอกแหลมแทงอยู่ด้านหลัง เขาฝืนยิ้มให้กับฟางซินที่จ้องมองรอคำตอบ
“จะรู้สึกเช่นไรล่ะ ฉันสงสารในความอาภัพของเหวินเป่าก็เท่านั้น”
“พี่จะปิดบังน้องไปถึงเมื่อไหร่กันคะ น้องไม่ได้โง่ขนาดดูไม่รู้ว่าพี่กับเหวินเป่ารักกันอยู่”
“ฟางซิน!”
หย่งหนานตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของภรรยา ฟางซินยิ้มบางๆและวางมือมาบนหลังมือของเขา
“แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันมานานแต่น้องก็รู้ว่าพี่แค่สงสารน้องมันไม่ใช่ความรัก เท่าที่พี่ให้น้องมาน้องก็ยินดีมากแล้ว อย่าให้
น้องกลายเป็นคนขัดขวางทางรักของพี่เลย”
“เธอพูดอะไรของเธอ ฟางซิน”
ส่งเสียงดุภรรยาเพราะนึกละอายแก่ใจ แต่ฟางซินยังคงมอบรอยยิ้มมาให้เขา
“ไม่ว่าใครจะพูดติฉินอะไร อย่าให้พวกเขาเข้ามาทำให้หัวใจรักของพี่สั่นคลอน อย่าให้ม่านประเพณีขัดขวางทางเดินชีวิตของ
พี่ น้องอยากเห็นพี่มีความสุข”
หย่งหนานสบตาภรรยาด้วยความสับสน ฟางซินประสานสายตาอยู่ชั่วครู่หญิงสาวก็เอนกายลงบนเตียง
“น้องอยากพูดแค่นี้ ส่วนความหมายน้องคิดว่าพี่คงเข้าใจดี อยู่ที่พี่จะยอมรับหรือเปล่า”
ฟางซินหนีจากบทสนทนาด้วยการหลับตาทิ้งไว้แต่หย่งหนานที่ยังว้าวุ่น เขาก้าวออกจากห้องอย่างเงียบๆทั้งที่สมองและ
หัวใจของเขาอื้ออึงไปด้วยคำถามถึงทางเดินที่เขาควรจะเลือก
เหวินเป่าที่กลายเป็นพี่เลี้ยงฮุ่ยจงอุ้มเด็กชายตัวป้อมเข้ามาหามารดาในยามค่ำดังเช่นทุกคืนก่อนจะพาฮุ่ยจงไปนอนที่ห้อง
ระยะหลังเหวินเป่าต้องย้ายไปนอนห้องเดียวกับเด็กน้อยเพราะพี่เลี้ยงของฮุ่ยจงต้องมาผลัดเปลี่ยนกับเหม่ยฮัวดูแลฟางซิน
ฮุ่ยจงหัวเราะเอิ้กอ้ากในอ้อมกอดของเหวินเป่า ฟางซินพอจะยิ้มออกเมื่อได้เห็นบุตรชาย เหวินเป่าพยายามใช้ความสดใส
ของตัวเองช่วยบรรเทาความเศร้าให้ฟางซินแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนัก นายหญิงที่แสนดีกลับดูแย่ลงทุกวัน
“เหวินเป่า ส่งเซียวจงให้เหม่ยฮัวไปเดินเล่นข้างนอกแล้วเธอจงอยู่พูดคุยกับฉันสักประเดี๋ยวเถิด”
หนุ่มน้อยไม่อิดออด เขาส่งเด็กชายร่างป้อมให้เหม่ยฮัวรับไปนอกห้องตามคำสั่งจนเหลือเพียงเขาและฟางซินเพียงลำพัง
“นายหญิงมีอะไรจะใช้ผมหรือเปล่าครับ”
เหวินเป่าถามด้วยความหวังดี หากฟางซินต้องการสิ่งใดเขาจะรีบไปทำให้ทุกอย่างแม้ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ฟางซินท
อดสายตามองด้วยความเอ็นดู
“มีสิ งานสำคัญด้วย ฉันจะฝากให้เธอดูและเซียวจงและนายท่านของเธอหากว่าฉันไม่อยู่”
เหวินเป่าเอะใจ เขารู้สึกไม่ดีกับคำพูดของฟางซินเลยแม้แต่นิด
“นายหญิงจะไปไหนครับ ไกลไหม แล้วนานกี่วัน”
ฟางซินทอดถอนลมหายใจ หญิงสาวเบนสายตาเหม่อมองไปบนเพดานราวกับมันเป็นท้องฟ้าแสนสวยสำหรับเธอ
“ไม่รู้สิว่าจะนานไหม ฉันเหนื่อยและทรมานมาเยอะแล้วอยากจะพักผ่อนบ้าง เห็นเธอดูแลเซียวจงได้เป็นอย่างดีฉันก็เบาใจ
และอีกอย่างที่ฉันขอคำมั่นสัญญาจากเธอ”
หญิงสาวหันกลับมาสบตากับเหวินเป่าและเอ่ยขอคำสัญญานั้น
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทิ้งพี่หย่งหนานไป เธอจะให้คำมั่นสัญญากับฉันได้ไหมเหวินเป่า”
“นายหญิง!”
เหวินเป่านิ่งงันไปกับคำขอร้องของฟางซิน เขาไม่กล้าหลบสายตาที่มองเขาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
“จงเป็นตัวแทนดูแลสามีและลูกชายของฉันทดแทนที่ฉันทำไม่ได้ ดูแลและรักทั้งสองคนอย่างที่เธอทำอยู่ในตอนนี้และ
ตลอดไป ฉันขอเธอเพียงเท่านี้เธอจะทำให้ฉันได้หรือเปล่า”
เหวินเป่าร้อนจมูกไปหมด เขาต้องกลั้นน้ำตาไว้อย่างยากเย็น ฟางซินมองลึกเข้ามาในดวงตาจนดำดิ่งไปสู่ก้นบึ้งของหัวใจ
และเหวินเป่าไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าฟางซินล่วงรู้ความรู้สึกของเขา
“ผมสัญญาครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะอยู่เคียงข้างนายท่านและคุณชายน้อย”
ตัดสินใจเอ่ยออกมาจากหัวใจ ฟางซินยิ้มรับพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหล
“แค่เธอสัญญาฉันก็วางใจทุกอย่างแล้ว ขอบใจนะเหวินเป่า ขอบใจจริงๆ วันนี้ฉันคงหลับฝันดีที่ได้ยกความกลัดกลุ้มออกจาก
อก”
หญิงสาวหลับตาลงโดยที่ยังไม่ได้ทำให้ความสงสัยของเหวินเป่ากระจ่างแจ้ง เขายังงงงันว่าทำไมฟางซินต้องคาดคั้นให้เขา
เอ่ยปากรับคำสัญญา แต่เพราะฟางซินผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเหวินเป่าจึงไม่กล้าจะถามเพื่อคลายความข้องใจ เขาย่องออกมาจาก
ห้องเพราะว่ากลัวฟางซินจะตื่นก่อนจะรับฮุ่ยจงมาจากเหม่ยฮัวเพื่อไปนอนในห้อง
เหวินเป่านอนหลับเคียงข้างเด็กชายตัวน้อยจนใกล้รุ่งสางจึงได้สะดุ้งตื่นพร้อมกับคนทั้งบ้านเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของ
เหม่ยฮัว เหวินเป่ารีบวิ่งออกไปยังห้องของฟางซินเพื่อที่จะพบว่าหย่งหนานกำลังประคองร่างอันไร้วิญญาณของภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด
เป็นครั้งสุดท้าย
มีต่ออีกนิด...