"รถไฟสายความทรงจำ" -
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รถไฟสายความทรงจำ" -  (อ่าน 62476 ครั้ง)

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ความหลังเมือยังเด็ก

รออ่านต่อไปนะครับ

 :a3:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

............แค่กอดกัน.........ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากใจ....... :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
เหมือนสมัยก่อนที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลย

แซม โจ้ สู้ๆ โพสกันต่อปาย  :m4:  :m4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนรึเปล่า  :m17:  :m17:

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน .... แต่ขอให้ความรู้สึกที่มีให้กันยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมนะ ....  :impress:  .... ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มีความหมายที่เหมือนเดิมก็เถอะ  :undecided:

napho

  • บุคคลทั่วไป
รีบมาต่อนะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
โจ้ แซม สู้ ๆ

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 14 วันสุดท้าย

                ต่อศักดิ์มองมุมห้องที่เคยเป็นที่เก็บของส่วนตัวของจักรกฤษแล้วรู้สึกใจหาย ตอนเที่ยงวันของเมื่อวานจักรกฤษเก็บข้าวของกลับบ้าน เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่อาศัยบ้านของต่อศักดิ์อีกต่อไป

                เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่ามนุษย์มีกลิ่นพิเศษเฉพาะตัว แต่ละคนมีกลิ่นที่สามารถระบุถึงตัวเองได้ คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อศักดิ์คิดพลางหยิบผ้าห่มบนเตียงนอนมาดมกลิ่น กลิ่นของจักรกฤษเป็นกลิ่นแป้งชนิดหนึ่งที่หอมมาก ต่อศักดิ์จำได้ว่าหลังอาบน้ำจักรกฤษมักใช้แป้งชนิดดังกล่าวทาทั่วตัว ตอนนี้เขารู้สึกหลงรักเพื่อนสนิทของเขาจนไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว

                ต่อศักดิ์ส่ายศีรษะไล่ความคิดออกไปจากหัวสมองพลางลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ขณะที่เขาสวมชุดนักเรียนหน้ากระจก เขาคิดอย่างใจหายว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้สวมใส่ชุดนักเรียน

                 หลังเข้าแถวเคารพธงชาติ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่หกต่างพากันเข้าห้องเรียนพบอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรับสมุดพก

                 ห้องเรียนที่เขาต้องเข้าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นอาคารเรียนวิชาภาษาไทยที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งห้องอยู่ชั้นบนสุดของอาคารเรียน เพื่อนร่วมห้องแต่ละคนผมยาวกว่าเดิมจนรู้สึกแปลกตาไปบ้าง เนื่องจากไม่มีใครเกรงกลัวอำนาจของห้องปกครองอีกต่อไป เมื่อรับสมุดพกเรียบร้อยแล้วเพื่อนร่วมห้องเดินออกจากห้องเรียนไปเป็นกลุ่ม ส่งเสียงดังโวยวายอย่างสนุกสนาน เหลือแค่เขากับจักรกฤษที่ยังนั่งอยู่ในห้องเท่านั้น

“ไปกันหมดแล้ว” จักรกฤษพูดพลางลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเดินไปที่กระดานดำหน้าชั้นเรียน

“เวลาผ่านไปเร็วจังเนอะ ว่าไหม” ต่อศักดิ์มองไปทั่วห้องเรียงอย่างสำรวจ

                  ไม่มีนักเรียนนั่งเปิดหนังสือบนโต๊ะเรียน ไม่มีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน บนกระดานดำหน้าห้องเขียนตัวเลขขนาดใหญ่ว่า "ห้องหกทับสิบเอ็ด" แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกว่ามีห้องเรียนนี้ในโรงเรียนอีกต่อไป หลายครั้งที่เขาเห็นห้องเรียนว่างเปล่าเมื่อเขาต้องออกจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย แต่คราวนี้เขารู้สึกเงียบเหงาจนน่าใจหาย ราวกับว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ให้เขาอีกต่อไปแล้ว

“เผลอแปบเดียวเรียนจบ ม.ปลาย เลย” จักรกฤษเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างล่าง

“ยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะ” ต่อศักดิ์เดินไปประตูห้อง ยกมือขึ้นลูบปลายคาง

“ไปไหนวะ” จักรกฤษหันหน้าไปถาม

“ออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงหน่อย” ต่อศักดิ์พูดแล้วเดินออกไปนั่งที่หน้าห้องเรียน มองตรงไปข้างหน้าเห็นธงชาติปลิวไปตามแรงลม คงไม่มีโอกาสที่เขาจะได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว ต่อศักดิ์คิดขณะที่จักรกฤษเดินตามออกมานั่งด้านข้างลำตัวเขา

“อนาคต นักเรียนในโรงเรียนคงไม่มีใครรู้จักเรา แม้ว่าเราจะเขียนชื่อลงบนผนังห้องหรือสลักชื่อลงบนโต๊ะเรียน พวกเขาคงไม่เคยรู้ว่าเราเคยสนุกกันมากแค่ไหนในตอนนี้” ต่อศักดิ์พูดอย่างเหม่อลอย จักรกฤษนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

“เหมือนเวลาเดินเร็วเกินไป” ต่อศักดิ์พูดต่อ

“เร็วเกินไปจริงๆ เหมือนเมื่อวานเพิ่งจับสลากเข้าเรียนอยู่เลย” จักรกฤษเสริม

“เราเดินหลงทางอยู่ในกาลเวลา กว่าจะรู้สึกตัวเวลาเหล่านั้นก็กลายเป็นภาพสีน้ำตาลของอดีต”

“คิงรู้แล้วเหรอว่าความทรงจำเป็นสีอะไร” จักรกฤษหันหน้ามาถาม

“อืม ถ้าหากตอนนี้กูนึกภาพเราสองคนเดินทางไกลตอนเข้าค่ายลูกเสือชั้น ม.3 รู้สึกว่าภาพเป็นสีน้ำตาลวะ” ต่อศักดิ์ครุ่นคิด

“แล้วถ้าเอาฟิลม์กลับไปล้างใหม่ จะได้ภาพสีหรือเปล่าวะ” จักรกฤษหัวเราะ

“อนาคตมึงเปิดร้านถ่ายรูปหรือเปล่าละ กูจะเอาความทรงจำไปล้างร้านมึง”

“ถ้าหากว่ามีร้านจะล้างให้นะโว้ย” จักรกฤษตอบแล้วยิ้มจนเห็นเขี้ยวหมา

                ถ้าหากอนาคตต่อศักดิ์นึกถึงจักรกฤษเขาคงนึกถึงเขี้ยวหมาสองข้างอย่างแน่นอน แต่ภาพของจักรกฤษจะยังคงเป็นสีสดใสเหมือนตอนนี้หรือเปล่านะ หรือว่าเป็นภาพสีน้ำตาลที่มีปลวกกัดกิน

“มึง” ต่อศักดิ์เรียก

“อะไรวะ” จักรกฤษหันหน้าไปสบตาเขา

“กูนอนหนุนตักมึงหน่อยสิ” ต่อศักดิ์พูดแล้วก้มศีรษะลงหนุนตักของจักรกฤษ โดยไม่รอฟังคำตอบ

“เหมือนวันลอยกระทงเลยเนอะ” ต่อศักดิ์พูด จักรกฤษหัวเราะเล็กน้อย

                   หากต่อศักดิ์สามารถขอพรจากพระเจ้าได้หนึ่งข้อ เขาคงขอให้เวลาหยุดเดินในช่วงวินาทีนั้น เพราะว่าเขาอยากอยู่กับจักรกฤษตลอดไป แม้ว่าจะเป็นได้แค่เพื่อนก็ตาม

                   สายลมพัดมาเบา ๆ จนรู้สึกง่วงนอน เสียงกริ่งเข้าเรียนดังไปทั่วโรงเรียนแต่เขาสองคนไม่รู้สึกว่าต้องรีบร้อนเข้าห้องเรียน คงเพราะเสียงกริ่งโรงเรียนไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาอีกต่อไป

“ปั่นหูให้นะ” จักรกฤษพูดขึ้น

“อืม” ต่อศักดิ์ยิ้ม หลับตาลง

จักรกฤษดึงเส้นผมออกมาเส้นหนึ่ง ลงมือพันหูให้ต่อศักดิ์จนเคลิ้มหลับไปในที่สุด

 
“เราหลับไปนานแค่ไหน” ต่อศักดิ์ถามเสียงดังแข่งกับเสียงรถไฟ นอกหน้าต่างเป็นทุ่งนาสีเขียวขนาดกว้าง มีต้นตาลสองต้นเคียงคู่กันอยู่กลางทุ่งนา ฉากหลังเป็นภูเขาที่สามารถมองเห็นได้ลางๆ

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของจักรกฤษ

 
“ต่อ ตื่นเถอะ” เสียงจักรกฤษปลุกให้ต่อศักดิ์ตื่นจากภวังค์

“อืม” ต่อศักดิ์งัวเงีย เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ

“กลับบ้านกันเถอะ” จักรกฤษเดินเข้าไปในห้องเรียนโดยมีต่อศักดิ์เดินตามหลัง จักรกฤษคว้ากระเป๋าสองใบบนโต๊ะเรียน

“มึงจะสอบชิงทุนไปประเทศญี่ปุ่นจริงๆ เหรอวะ” ต่อศักดิ์ถาม

“อืม” จักรกฤษหันหน้าไปมองต่อศักดิ์ เขาสองคนหยุดยืนหันหน้าเข้าหากัน ต่อศักดิ์หลุบตา เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเพื่อให้จักรกฤษเปลี่ยนใจไม่ให้ไปสอบชิงทุน

“ขอให้โชคดีนะ” ต่อศักดิ์เงยหน้ามาพูด

                    ผ่านไปสามอาทิตย์ ต่อศักดิ์รู้สึกใจหายเมื่อจักรกฤษโทรศัพท์ไปบอกว่าสอบติดทุนแล้ว ต่อศักดิ์เคยแอบแช่งให้จักรกฤษสอบไม่ติดทุนแล้วเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่คำแช่งไม่เป็นผล ทำไมเขาถึงไม่บอกไปตามตรงว่าอยากให้จักรกฤษอยู่กับเขานะ ต่อศักดิ์คิดหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว

                    ในวันที่เขาไปส่งจักรกฤษที่สนามบิน เขานึกโกรธตัวเอง โกรธจักรกฤษ โกรธทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล

                    หลังจากนั้นเขาตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่กรุงเทพ เพื่อแสวงหาโอกาสในอนาคตให้กับตัวเอง บ่อยครั้งที่จักรกฤษเขียนจดหมายมาหาเขา ช่วงแรกต่อศักดิ์ยังคงเขียนตอบกลับทุกฉบับ แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับเลิกเขียนจดหมายเพราะอยากหาความชัดเจนให้กับตัวเอง บางทีความใกล้ชิดของคำว่าเพื่อนอาจทำให้เกิดความสับสนในเรื่องของความรัก เขาอาจแยกแยะไม่ออกระหว่างรักแบบเพื่อนหรือรักแบบคนรัก ดังนั้นเขาจึงลองห่างจากจักรกฤษเพื่อพิสูจน์ความเป็นชายแท้ จนกระทั่งผ่านไปสองปี ข่าวคราวของจักรกฤษเงียบหายไปในที่สุด
 

                “นายไม่ยอมเขียนจดหมายมาหาเรา” จักรกฤษพูด

                “เราไม่ค่อยมีเวลาว่างนะ” ต่อศักดิ์พูดเสียงเบา

                “แต่คราวนี้นายคงมีเวลาติดต่อกับเราแล้วใช่ไหม” จักรกฤษถาม

                "อืม" ต่อศักดิ์พยักหน้า

                “กลับมาเป็นเพื่อนกันนะ”

“ได้เลย” ต่อศักดิ์ตอบแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกเดียวกับครั้งแรกที่พบกันในโรงอาหาร

                 ถ้าสมมติว่าวันจับสลาก เขาจับพลาดจนไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ ป่านนี้ชายสวมแว่นตรงหน้าคงเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับเขาอย่างแน่นอน

“ไม่คิดเลยว่าเราสองคนจะกลับมาพบเจอกันอีก” จักรกฤษพูดแล้วยิ้มตอบ เขาสองคนสบตากัน

                บางทีคนบนฟ้าได้ขีดเส้นทางให้เขาทั้งสองคนมาผูกพันกัน อาจเป็นเพราะโชคชะตาที่ลิขิตเอาไว้แล้ว คงไม่ใช่ความบังเอิญที่รหัสนักเรียนของเขาสองคนต่อกัน ไม่ใช่ความบังเอิญที่เขาสองคนกลายมาเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ความบังเอิญที่เขามานั่งบนรถไฟขบวนเดียวกันหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน โชคชะตากำลังเล่นอะไรกับเขากันแน่ ต่อศักดิ์คิด

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อาจเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนขีดโชคชะตา  :a1:  :a1:  :a1:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หากคนจะรักกัน อุปสรรคมากมายเพียงใด ก็กลับมาพบกันได้
 :m1: :m1: :m1:

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
ดีจัง ...... อะไรที่พลาดไป ไม่ได้ทำตอนมัธยม อาจจะได้ทำ ได้แก้ตัวนะ ..... เช่น ..... การพูดคำว่า "รัก" ออกไป  :give2:

แต่ก็นะ อะไรๆมันก็อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ทั้งความรู้สึกของเรา และความรู้สึกของเค้า .... เพราะฉะนั้นอาจเป็นได้แค่การขอพูดอะไรที่มันยังค้างคาอยู่ในใจก็ได้ว่า "เคยรัก"  :undecided: ... จะได้ไม่มีอะไรค้างคาอีก  ขำขำไป  :เฮ้อ:

... เอ ... หรือจะเก็บเรื่องเก่าๆไว้เป็นแค่ความทรงจำไว้ก่อน ... แล้วลองกลับมาเป็นเพื่อน เริ่มนับ 1 ใหม่อีกทีหว่า?
 :serius2:
อีมมมมม ..... นะ

เอาเป็นว่า .... มาต่อเร็วๆละกันนะ อิอิ  o17

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






niph

  • บุคคลทั่วไป
รถไฟใกล้ถึงปลายทางแล้ว
ค่ำคืนที่หัวลำโพงค่อย ๆ กลายเป็นสีน้ำตาลอย่างช้า ๆ (หรือเปล่าหว่า)

ภาพสีสดใสของคนสองคนบนรถไฟใกล้จะจบลงหรือเปล่าเนี่ย

รอตอนต่อไปนะครับ  :m1:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.............ฟ้าเบื้องบนขีดเส้นโชคชะตาหั้ยเขามาเจอกัน..............

.............แต่ต่อจากนี้..........จงขีดเส้นชะตาความรักด้วยตัวเราเอง........... :impress: :impress:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

อดีต เป็นสิ่งที่ควรจดจำเสมอ

ไม่ว่าจะเรื่องดี หรือ เรื่องร้าย

ใช้มันเป็นพลังในการดำเนินชีวิตของเราต่อไปนะ

แหวะ รออ่านต่อไปน๊า.....

 o15

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
อดีต ... เป็นสิ่งที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้  o16
ปัจจุบัน ... เป็นสิ่งที่เราใช้อย่างสนุกสนานมันมือที่สุด  :oak: ... (แต่ที่จริงควรจะที่ต้องใช้อย่างดีที่สุด)
อนาคต ... เป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่ามันคงจะดีที่สุด ...  :impress: (แต่อยากจะให้มันดียังไงแค่ไหน ที่จริงก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตและวางแผนในปัจจุบัน)

อืม ... อย่างให้อนาคตเราดีๆจังเลย  :m4:

ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่มีความสุขละกัน  :m18:

zatoru

  • บุคคลทั่วไป
                สองข้างทางของขบวนรถไฟเริ่มคุ้นตา

                “จังหวัดลำพูนคะ” พนักงานหญิงเดินมาบอกเขาสองคน

                “คุณสองคนมาด้วยกันหรือค่ะ” เธอถามแล้วส่งยิ้มให้ต่อศักดิ์ ต่อศักดิ์หันหน้าไปสบตากับจักกฤษ

                “ครับผม” เขาสองคนพยักหน้าพลางหัวเราะ

            พนักงานหญิงโค้งตัวให้เล็กน้อยก่อนเดินไปบอกผู้โดยสารอีกคนหนึ่ง เขาสองคนเก็บกระเป๋าเดินทาง เดินออกไปยืนรอที่ประตูทางออก รถไฟชะลอความเร็วลง

                “จริงสิ นายกลับบ้านมาทำอะไรเหรอ” ต่อศักดิ์หันหน้าไปถาม

                “เมื่อวานตอนกลางวันนึกอยากกลับบ้านขึ้นมา เลยขอลางานกับเจ้านาย” จักรกฤษตอบ

               “มีอย่างนี้ด้วยเหรอ” ต่อศักดิ์ทำหน้าแปลกใจ

                “เราคงเบื่องานที่ทำอยู่นะ”

                “อืม คืนนี้น้องชายเราแต่งงานวะ ไปด้วยกันไหม” ต่อศักดิ์ถาม

                “น้องชายนายแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย นายปล่อยให้น้องชายแซงหน้าไปได้ยังไงกัน” จักรกฤษหัวเราะ

                “ไปด้วยกันหรือเปล่า” ต่อศักดิ์ชวน

                “ไปดิ ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปบ้านนายเลยแล้วกัน”

                “อ้าว นายกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยออกมาตอนเย็นก็ได้” ต่อศักดิ์พูดด้วยความเร็ว

                “เอาน่า ที่บ้านเราไม่มีใครรู้หรอกว่าเรากลับมานะ ยังไงเข้าไปวันพรุ่งนี้ก็มีค่าเท่ากัน”

                “ตามใจนายแล้วกันนะ” ต่อศักดิ์ก้มหน้า ขณะเดียวกับรถไฟจอดลงที่สถานีลำพูน

               
                “นึกถึงความหลังจังวะ” จักรกฤษพูดลอยๆ ขณะรถสองแถวขับผ่านหน้าโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด ซึ่งแตกต่างไปจากภาพความทรงจำของเขาสองคนมากทีเดียว แต่นักเรียนในโรงเรียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย ต่อศักดิ์เผลอคิดว่าขณะนั้นเขาสวมชุดนักเรียนเหมือนกับนักเรียนคนอื่น

 
                หน้าบ้านของต่อศักดิ์มีการเตรียมงานแต่งงานขนาดใหญ่ สนามหญ้าหน้าบ้านถูกปูเสื่อสีแดงเข้ม บนเสื่อมีขันโตกทำจากหวาย ต่อศักดิ์ลองนับคำนวณอย่างรวดเร็ว คืนนี้คงมีแขกไม่ต่ำกว่าห้าสิบคนอย่างแน่นอน ด้านหนึ่งของสนามกำลังมีการตั้งเวที ต่อศักดิ์มองนาฬิกาข้อมือพลางพูดว่า “เที่ยงวันแล้วเหรอเนี่ย”

                น้องชายของต่อศักดิ์เดินเข้ามาทักทายทันทีที่เขาสองคนเดินเข้ามาในบ้าน น้องชายสวมชุดพื้นเมืองสีขาว มีเครื่องประดับเต็มตัว หน้าตาของน้องชายคล้ายกับต่อศักดิ์มากแต่น้องชายมีรูปร่างสูงกว่า เนื่องจากเป็นนักกีฬาบาส หลายครั้งมีคนเข้าใจผิดคิดว่าต่อศักดิ์เป็นคนน้องเลยด้วยซ้ำไป

                เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้าน บริเวณห้องครัวหญิงวัยกลางคนประมาณหกคนช่วยกันประกอบอาหาร พร้อมกับส่งเสียงพูดคุยเป็นภาษาเหนือสลับกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เมื่อต่อศักดิ์ลองฟังจึงรู้ว่าเป็นการนินทาใครสักคน

               เขาสองคนเดินเข้าห้องนอนแล้ววางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างเตียงนอน จักรกฤษทำท่าทางตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นการจัดแต่งห้องนอนใหม่ ซึ่งดูเป็นห้องนอนแบบผู้ใหญ่ขึ้น ต่อศักดิ์ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างสบายตัว ส่วนจักรกฤษเดินมานั่งด้านข้าง สักพักน้องชายของต่อศักดิ์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดในมือ บนถาดมีน้ำเย็นสองแก้ว

                “พี่ต้นมาได้ยังไงกันครับ” น้องชายถามขณะวางน้ำเย็นสองแก้วลงบนโต๊ะใกล้เตียงนอน

                “บังเอิญนั่งรถไฟมาขบวนเดียวกับพี่ของแกแหละ” จักรกฤษตอบ

                “บังเอิญจริงๆนะครับ” น้องชายหัวเราะ

                “ยินดีด้วยนะ ครั้งสุดท้ายที่เห็นยังเป็นเด็กอยู่เลย เผลอแปบเดียวแต่งงานเสียแล้ว แซงหน้าพี่สองคนไปได้ยังไงกัน” จักรกฤษพูดอย่างร่าเริงพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง น้องชายมีสีหน้าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด

                “ก็พี่สองคนยังไม่ยอมหาแฟนสักที” น้องชายแหย่

                “ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ เลยยังไม่อยากมีแฟนไง” ต่อศักดิ์นั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบแก้วน้ำมาดื่มเพื่อดับกระหาย

                หลังจากที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อศักดิ์คบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอค่อนข้างสวยแต่ชอบโวยวายเวลาไม่พอใจ หลายครั้งเขาต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ต่อศักดิ์จึงตัดสินใจบอกเลิกกับเธอด้วยคำว่า “พอแล้ว” จากนั้นมาต่อศักดิ์ไม่ยอมคบหากับใครอีกเลย ต่อศักดิ์คิดว่าผู้หญิงทำความเข้าใจยากกว่าผู้ชายด้วยกัน เขาจึงไม่อยากมีปัญหาแบบนั้นอีก

                “เชิญพี่ตามสบายเลยนะ เดี๋ยวผมต้องไปเตรียมงานข้างนอกก่อน” น้องชายพูดแล้วเดินออกจากห้องไป ต่อศักดิ์คิดว่าถ้าพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้คงกำลังวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกเหมือนกัน

                “ขอนอนก่อนนะ” ต่อศักดิ์พูด ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

                “ปั่นหูให้เอาไหม” จักรกฤษเสนอ

                “เอาสิ” ต่อศักดิ์ยิ้มแล้วคลานมานอนหนุนตักของจักกฤษอย่างว่าง่าย จักรกฤษดึงเส้นผมมาปั่นหูอย่างอ่อนโยนจนต่อศักดิ์เคลิ้นหลับไป

           
                 ในความฝันของต่อศักดิ์ เขานั่งอยู่บนรถไฟสายความทรงจำสองข้างทางมีหมอกควันสีขาวล่องลอยไปมา นอกหน้าต่างบานหนึ่งเด็กนักเรียนสองคนนั่งยิ้มให้กันในโรงอาหาร บนเวทีมีกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมข้างในบรรจุด้วยม้วนกระดาษมากมาย ต่อศักดิ์มองเด็กสองคนแล้วเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว สักพักขบวนรถไฟเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
                 หน้าต่างบานที่สอง เด็กสองคนอยู่ในชุดลูกเสือเดินไปตามทางเดินลูกรัง สองข้างทางเป็นทุ่งนาสีน้ำตาล
                 หน้าต่างบานที่สาม วัยรุ่นสองคนวิ่งไล่กันบนอาคารเรียน คนหนึ่งมีวาซาบิติดอยู่ที่ริมฝีปาก
                 หน้าต่างบานที่สี่ วัยรุ่นสองคนนั่งห้อยข้างหลังรถกระบะหันหน้ามาสบตากัน
                 หน้าต่างบานที่ห้า สองข้างทางเป็นป่าไม้ วัยรุ่นคนหนึ่งแบกเพื่อนเอาไว้ด้านหลัง เขาสองคนเกี่ยวก้อยสัญญากัน

                รถไฟชะลอความเร็วลง ปลายทางเป็นสถานีที่ต่อศักดิ์ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเดินลงมาจากรถไฟอย่างเชื่องช้า บริเวณโดยรอบมีหมอกควันสีขาว ชายคนหนึ่งนั่งคอยเขาอยู่บนเก้าอี้หน้าสถานีรถไฟ เมื่อต่อศักดิ์เดินเข้าไปหาก็พบว่าชายคนนั้นคือตัวของเขานั้นเอง
                 "นายเคยปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปหลายต่อหลายครั้ง" ชายคนนั้นพูด
                 "แต่การปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ยังดีกว่าการเสียเพื่อนที่รักไปไม่ใช่เหรอ" ต่อศักดิ์พูด
                 "นายกลัวเสียเพื่อนไป หรือ กลัวว่านายจะเป็นพวกอย่างว่ากันแน่"
                 "..." ต่อศักดิ์เงียบ เขานั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งเขามักปฏิเสธตัวเองมาตลอดว่าเขาไม่ใช่เกย์
                 "ตอนนี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้วที่นายจะได้พูดความจริง"
                 "พูดไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง" ต่อศักดิ์ส่ายหน้า
                 "พูดความจริงยังไงละ ความจริงว่านายคิดยังไง"
                 "แล้วถ้าบอกออกไป ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปไหม"
                 "หลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้ายลง แต่อย่างน้อยนายก็ได้บอกความจริงไม่ใช่หรือ"
                 "..." ต่อศักดิ์เงียบ
                 "บอกเขาเสียก่อนที่โอกาสจะผ่านไปตลอดกาล"

zatoru

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาลงเองนะครับ ขอบคุณผู้อ่านนะครับที่มาตามกัน เหอเหอ (นานๆจะได้มาตอบ)

พอดีช่วงนี้เปิดเรียนนะครับ เวลาว่างไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เหนื่อยมากมาย

แต่ยังไงขอบคุณทุกท่านนะครับที่ยังมาตามอ่านกัน ขอขอบพระคุณจริงๆครับ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เรื่องชักซับซ้อนแล้วสิ
เป็นอดีตหรือปัจจุบันที่วิ่งซ้อนทับกับความฝันหรือ

เอาเป็นว่า ขอให้ลงเอยด้วยดีนะ
 :m17: :m17:

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆ คนแต่งมาโพสเองแล้ว  :m4:

อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย ...... สามารถจบแบบ Happy Ending ได้มั๊ยเนี่ย  :impress:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ขอมานั่งรอลุ้นว่าจะพูดความจริงในใจมั้ย คิดแล้วตื่นเต้นแทน อิอิ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

พูดออกไปเถอะ

จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ปัจจุบันเป็นเส้นทางสู่อนาคต  :a1:  :a1:  :a1:

zatoru

  • บุคคลทั่วไป
                ต่อศักดิ์ตื่นนอนมาตอนบ่ายสามโมงเย็น จักรกฤษนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวตัวเดียวนั่งค้นหาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทาง ไม่ได้สวมแว่นตาจึงทำให้ต่อศักดิ์รู้สึกแปลกตา ท่อนบนที่เปลือยเปล่ามีน้ำเกาะเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บริเวณหัวเข่ามีรอยแผลเป็น

                “ไปอาบน้ำได้แล้ว” จักรกฤษพูดทันทีที่เห็นต่อศักดิ์ลุกนั่ง

                “อืม” ต่อศักดิ์ยืน มองสำรวจร่างกายของจักรกฤษอีกครั้ง

                “เดี๋ยวนี้ออกกำลังกายแล้วเหรอ” ต่อศักดิ์ถามขณะมองกล้ามหน้าอกและกล้ามหน้าท้องที่ไม่คุ้นตา

                “นิดหน่อย” จักรกฤษตอบ

                “อ้วนขึ้นละสิ ถึงได้ออกกำลังกายลดน้ำหนัก” ต่อศักดิ์พูดพลางหยิบผ้าขนหนูมานุ่ง

                “ไอ้บ้า” จักรกฤษใส่อารมณ์ในน้ำเสียง

                เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเขาสองคนเดินออกไปหน้าบ้าน ขณะนั้นมีแขกมากันเต็มไปหมดแล้ว
                ไม่นานนักพิธีทางศาสนาได้เริ่มขึ้นในขณะพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เสียงสวดมนต์ดังก้องไปทั่วบ้าน ทุกคนนั่งลงกับพื้นยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนน้อม เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีสายสิญจน์คล้องอยู่บนศีรษะนั่งตรงหน้าพระสงฆ์ เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาผู้ใหญ่ต่างพากันเดินเข้าไปรดน้ำสังข์กันเป็นแถว

                “อยู่ด้วยกันนานๆนะ” ต่อศักดิ์พูดขณะรดน้ำสังข์

                “นี่พี่ต่อ” น้องชายหันหน้าไปบอกภรรยา เธอยิ้มพร้อมกับโค้งตัวให้เล็กน้อย

 

                เมื่อพระอาทิตย์ตกดินงานเลี้ยงขันโตกได้เริ่มขึ้นอย่างสนุกสนาน ต่อศักดิ์สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ขณะนั้นอากาศยังคงไม่หนาวเย็นมากนักเพราะลมหนาวยังมาไม่ถึง ต่อศักดิ์ยกมือขึ้นลูบปลายคางด้วยความเคยชิน บนเวทีมีวงดนตรีร้องเพลงคำเมืองให้เข้ากับบรรยากาศสลับกับเชิญคนสนิทของคู่บ่าวสาวขึ้นไปกล่าวคำอวยพรและร้องเพลง

                “ตอนนี้นายทำงานอะไร” จักรกฤษถามหลังจากดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งแก้ว
                “ทำงานบริษัทค่ายเพลงนะ แต่เราทำงานด้านบริหารบริษัท ไม่ใช่พวกนักร้องหรือนักแต่งเพลงหรอก” ต่อศักดิ์หันหน้าไปตอบ

                “อืม” จักรกฤษพยักหน้า

                “นายละทำงานอะไรอยู่” ต่อศักดิ์เป็นฝ่ายถามบ้าง

                “หลังจากกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นก็เข้าทำงานเป็นอาจารย์เพื่อชดใช้ทุนห้าปี แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าทำงานบริษัทท่องเที่ยวสำหรับชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวประเทศไทยนะ” จักรกฤษอธิบาย

                “น่าสนุกดี มิน่านายถึงได้ผิวคล้ำลง”

                “ออกแดดบ่อยนะ”

            "อย่างนี้เอง" ต่อศักดิ์ตอบพลางยกมือขึ้นลูบปลายคาง
                "รอยแผลเป็นตรงนั้น..." ต่อศักดิ์ถามพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หัวเข่าของจักรกฤษ
                "แผลตอนเรียนวิชาพละไง" จักรกฤษยิ้มเห็นเขี้ยวหมาทั้งสองข้าง
                "ตอนสอบวิชาฟุตบอลใช่ไหม" ต่อศักดิ์ถาม
                "เปล่า นายลืมเหรอเนี่ย วิชาตะกร้าต่างหาก" จักรกฤษนิ่วหน้า พูดเสียงเรียบก่อนจะอธิบายออกมาว่า
                "ตอนนั้นจำได้ว่าอาจารย์ให้แบ่งกันไปเตะตะกร้า วันนั้นฝนตกแล้วสนามตะกร้าลื่น ตอนนั้นเรากระโดดเตะลูกตะกร้าแล้วพลาดท่าไง พอตกลงกับพื้นบังเอิญว่ามีก้อนหินฝังเข้าไปในเนื้อ"
                "อ๋อ ตอนนั้นอยู่ชั้นอะไรนะ"
                "ทำไมนายลืมเรื่องนี้แล้วละ" จักรกฤษพูดเสียงสูง
                "แล้วเรื่องนี้มันสำคัญยังไงละ" ต่อศักดิ์ถามด้วยความตกใจ
                ในเวลาเดียวกันเสียงพิธีกรเรียกชื่อของต่อศักดิ์ออกไมโครโฟน ต่อศักดิ์หันหน้าไปมองบนเวทีด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะถูกเรียกชื่อ พิธีกรบนเวทีเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดพื้นเมืองสีขาว แขกที่มาร่วมงานปรกมือเมื่อพิธีกรเสริมว่าเขาเป็นพี่ชายของเจ้าบ่าว

                “นายออกไปกล่าวอวยพรสิ” จักรกฤษพูด ต่อศักดิ์ลุกยืนเดินไปบนเวที มีเหงื่อออกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ออกมายืนต่อหน้าคนเยอะแยะ

                “สวัสดีครับ” เขาพูดอย่างเขินอาย

                “ผมต่อศักดิ์เป็นพี่ชายของเจ้าบ่าว” เขาแนะนำตัวเอง เพราะยังไม่สามารถเรียบเรียงคำอวยพรในหัวสมองได้ แขกบางคนหัวเราะกับอาการเขินอายของเขา

                “เวลาที่ผมเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ผมคิดว่าชีวิตของคนเราเหมือนกับสมการของกราฟเส้นหนึ่ง บางคนแทนค่าในสมการแล้วได้กราฟเส้นตรง แต่บางคนแทนค่าแล้วได้กราฟเส้นโค้ง” เขาอธิบายพลางยกมือขึ้นลูบปลายคาง

                “สมการของแต่ละคนมาจากความคิดที่แตกต่างกัน บางคนแทนค่าของตัว x ให้เป็นจำนวนเม็ดทรายทุกเม็ดบนชายหาด แล้วแทนค่าของ y ให้เป็นสภาพอากาศของฤดูฝน แต่ถ้าถามว่าสมการของผม ผมแทนตัว x ด้วยคำสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคน แล้วแทนค่าของ y ด้วยจำนวนครั้งของคำว่ารักที่ต้องแอบซ่อนเอาไว้

            ผมคิดว่าความรักมาจากสมการของคนสองคนที่มีตัวแปรต่างกัน แต่เมื่อแทนค่าลงไปแล้วจะได้กราฟสองเส้นที่มีจุดตัดกัน บางคู่มีจุดเดียว บางคู่มีหลายจุด และผมเรียกตำแหน่งของจุดตัดนั้นว่าความรัก

                จากความคิดนี้ผมได้เรียนรู้ว่ามนุษย์แต่ละคนมีความต้องการที่ต่างกัน แต่พระเจ้าได้สร้างความแตกต่างของคนสองคนให้เข้ากันได้ที่จุด ๆ หนึ่ง ซึ่งคือจุดตัดดังกล่าว โดยไม่สนใจว่า คนสองคนนั้นเป็นศาสนาเดียวกันหรือไหม คนสองคนนั้นเป็นเพศเดียวกันหรือไหม

                และผมคิดว่าน้องชายสุดที่รักของผมได้พบเจอคนที่พระเจ้าสร้างมาแล้ว ผมขอให้เขาทั้งสองรักกันไปตลอดกาล” ต่อศักดิ์พูดน้ำเสียงเรียบแต่เข้าถึงอารมณ์ของผู้ฟัง ทุกคนในงานนิ่งเงียบคล้ายกับกำลังนึกภาพตามคำพูดของเขา หลังจากที่เขาพูดจบไปสิบวินาทีเสียงปรบมือจึงดังขึ้น ก่อนที่เขาจะทันก้าวเท้าลงจากเวที น้องชายของเขาตะโกนออกมาว่า ร้องเพลง

                “คือว่าผมมีเพลงอยู่ไม่กี่เพลงที่เอาไว้ใช้หากิน” เขาเดินกลับขึ้นมาบนเวที

                “เอาเป็นว่าผมเลือกเพลงนี้ก็แล้วกันครับ” เมื่อพูดจบเขาเดินไปหาวงดนตรีด้านหลัง กระซิบบอกอะไรบ้างอย่าง ไม่นานเสียงดนตรีดังขึ้น

 

                เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์

คู่ใครคู่เขา รักยังคอยเฝ้าชม คอยภิรมย์เรื่อยมา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกั้นไว้ รักยังได้บูชา

ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรหมแดน รักไม่มีศาสนา
แม้นใครบุญญาได้ครองกันนา พรหมลิขิตพาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธโทษรักไม่ได้
ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้ รักจึงได้แรมรา

ความรักศักดิ์ศรีรักไม่มีพรหมแดน รักไม่มีศาสนา
แม้นใครบุญญาได้ครองกันมาพรหมลิขิตพาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธโทษรักไม่ได้
ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้ รักจึงได้แรมรา

 

                เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ต่อศักดิ์เดินลงจากเวที แขกที่มาร่วมงานหลายคนหันหน้ามาส่งยิ้มให้กับเขาด้วยความปลาบปลื้ม แต่เมื่อเขาเดินกลับมาที่ขันโตก จักรกฤษไม่ได้นั่งอยู่ที่ตรงนั้น

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แล้วเมื่อไหร่สองคนนี้จะเจอจุดตัดของสมการของสองคนนี้ล่ะ

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
อ้า...... อาไรเนี่ยยยยยย นายต้นจักรกฤษหายไปหนายยยยยยย  o9

แซมมาต่อเร็วๆด้วยยยยย  :m5:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
คงต้องอยุ่ที่ใจสองคนจะยอมปรับเข้าหากัน
 :m3: :m3: :m3:

ว่าแต่ว่า ไอ้ตะกร้านี่มันคือตะกร้อ ปะ ภาษาภาคไรหวา
คิกคิก
 :m14:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
คราวนี้มาเป็นผู้อ่านบ้าง
รอแซมมาโพสต่อไป
 :a9:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

งืม ๆ จักรกฤษหายไปไหนเนี่ย

เมื่อไหร่ทั้งสองจะเจอจุดตัดของสมการล่ะ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
ฮึ่ม สมการของความรัก  :m21: มิน่าเค้าโง่เลขนี่เอง เลยแก้ไม่ได้ซะที

แซมค๊าบบ มาต่อด่วนๆเลย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ  :a1:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

............ถ้าความรักเป็นเหมือนสมการ  2 ตัวแปรที่ผันแปรไปเรื่อยๆ

............ก็คงต้องหาตัวแปรอีกตัว....ที่ทำหั้ยได้ตัวแปรที่คงที่...........

............แต่ต้องค้นหาไปถึงเมื่อไหร่.........ถึงจะเจอตัวแปรตัวนั้น.......

...........แต่ถ้าเจอก็อย่าปล่อยหั้ยหลุดลอยไปเลย.....เพราะบางทีอาจเป็นตัวแปรเดียวที่เข้ากับสมการนี้ได้ก็ได้........... :m13: :m13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด