หลังจากการมีคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน กล้ายอมรับเลยว่าเหมือนได้พี่ชายเพิ่มอีกคน จนชะเอมบ่นน้อยใจใหญ่ว่าผมมีพี่ชายคนใหม่แล้ว
“พูดยังไม่ทันขาดคำนั่นไงมาแล้ว” ชะเอมบ่น ทีแรกล่ะก็กรี๊ดใหญ่รอพี่เชษฐ์มา แต่ทำไมพอหลังๆมาถึงได้ดูไม่พอใจนักก็ไม่รู้
“อ่ะพี่ซื้อมาฝาก”
“ผมกินจนน้ำหนักขึ้นแล้วนะครับ” ถึงจะบ่นอย่างนั้นแต่กล้าก็ยังรับขนมนมเนยนั่นมาเพราะรู้ดีถ้าไม่เอาพี่เชษฐ์ก็จะพูดหว่านล้อมจนได้
“ดีสิกล้าผอมไป เออเดี๋ยวพี่ไปทำธุระต่อก่อนนะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับ” กล้ายกมือไหว้ พี่เชษฐ์ยกมือยีหัวเขาก่อนที่จะเดินออกไป หลังๆมานี่ไม่ได้มายืมหนังสือแล้วล่ะครับ มาแค่เอาขนมมาให้แล้วก็กลับ ทุกวันศุกร์พี่เชษฐ์ก็จะมาแบบเร่งรีบแบบนี้ประจำ กล้าหอบเอาถุงขนมหวานเข้าไปห้องพัก
“แหมๆวันนี้ได้อะไรบ้างล่ะ” ชะเอมเดินเข้ามาแซว
“อือ เค้กนะน่าอร่อยมากๆเลยล่ะ” กล้ายกเค้กครีมสด ขนาดหนึ่งปอนด์ออกมาจากถุง
“หือ เค้กร้านนี้แพงมากนิ” กล้ารีบเงยหน้าขึ้นมองชะเอม เขาก็เห็นมันเป็นเค้กธรรมดาๆที่สวยมากปอนด์หนึ่ง แต่ชะเอมไม่คิดอย่างนั้นเธอจำเค้กนี่ได้ เพราะป้าเธอสั่งมาที่บ้านทุกอาทิตย์มันเป็นของที่ขายเพียงไม่กี่ชิ้นต่อวัน
“มันคนละร้านกันหรอกมั้งเอม” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่กล้าก็ไม่มั่นใจเอาซะเลย ก็เขาไม่เคยที่จะได้กินของราคาแพงเลยนี่น่า รู้เพียงแต่ว่าเค้กที่พี่เชษฐ์ซื้อมาฝากมันอร่อยมาก และถ้ามันแพงอย่างที่เอมพูดเขาคงรับขนมจากพี่เชษฐ์ไม่ได้อีกแล้ว
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
“เรียบร้อยแล้วครับนาย” เชษฐ์รีบแจ้งงานที่นายส่งให้เขาไปทำ แรกๆเขาก็งงๆหน่อยแต่ตอนนี้เขาดดันรู้สึกสนุกที่ไปเจอน้องกล้า เขาไม่รู้ว่านายต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ให้เขาไปตีสนิทน้องกล้า
“เป็นยังไงบ้าง” โอ๊ะหายากที่นายของเขาจะยอมหยุดมือทำงานแถมยังสนใจเรื่องคนอื่นอีก สายตาคมของเจ้านายทำให้ผมต้องรีบรายงาน
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ น้องกล้าก็ยังน่ารักเหมือนทุกๆวัน ตอนนี้ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นเพราะขนมที่นายสั่งให้ผมไปส่งได้ผลดี ส่วนเรื่องบ้านบอกตามตรงนะครับนาย ผมยังไม่ได้เข้าบ้านน้องแต่ว่ามันก็ดูทรุดโทรมแถมดูเหมือนน้องจะอยู่คนเดียวเสียด้วย” พอได้พูดถึงน้องผมก็พูดน้ำไหลไฟดับ บอกตรงๆเลยครับว่าอยากได้น้องมาเป็นน้องชายจริงๆเด็กอะไรจะใสซื่อและมีจิตใจดีแบบนั้น คนแบบพวกผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่บริสุทธิ์แบบนี้หรอกนะ
ปึก
เอ....ทำไมเหมือนนายไม่พอใจหว่า ผมทำอะไรผิดหว่า เผลอก้าวถอยหลังก็สายตาเจ้านายตอนนี้เหมือนพร้อมจะฆ่าคนเลยนี่น่า
“ต่อไปไม่ต้องไปแล้ว”
“ได้ไงอ่ะนาย ผมอุตส่าห์สนิทกับน้องแล้วนะครับนาย” เหมือนคนไม่กลัวตายเพราะเชษฐ์ทำงานกับนายมาตั้งนานถึงแม้จะไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของนายก็เถอะ
“ไอ้เชษฐ์ฉันสั่ง”
“อ่าวแล้วใครจะส่งขนมให้น้องล่ะ น้องชอบขนมที่นายสั่งให้มากเลยนะครับ” แอบเห็นมุมปากนายยกขึ้นแวบหนึ่งถ้าไม่ใช่คนสนิทอย่างผมไม่มีทางที่จะทันเห็นหรอกนะ
“ไม่ต้องยุ่ง”
“นะครับนาย ให้ผมไปเจอน้องนะ ผมชอบน้องจริงๆ” ลองอ้อนวอนเผือที่นายจะเห็นใจ
ปัง!!!
“หุบปากแล้วเลิกเรียกว่าน้องซักที” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้านายตบโต๊ะเสียงดัง อาการแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน เจ้านายผมเปลี่ยนไป ได้แต่ยอมยกมือยอมแพ้คืออยากจะแซวแต่ก็กลัวตาย ได้แต่ลี้ออกจากห้อง
กวินรู้สึกแปลกๆเมื่อลูกน้องคนสนิทเริ่มที่จะสนิทกับคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ให้ตายเถอะมันจะสนิทเกินไปแล้วนะ ทีแรกเขาเพียงส่งให้เชษฐ์เอาของไปให้แต่เมื่อเขาได้รับคืนก็เลยเปลี่ยนให้เชษฐ์ไปดูแล ไม่รู้สิ ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เมื่องานไม่เข้าหัว กวินก็ยอมที่จะเกงานวันนี้
“อ่าวนายจะไปไหนครับ”
“ห้องสมุด” สั่งสั้นๆไอ้เชษฐก็ระริกระรี้รีบขับรถพาผมไปที่ห้องสมุดทันที
“จะให้ผมเข้าไปด้วยไหมครับนาย”
“ไม่ต้อง เอาบัตรแกมา” มันทำปากขมุบขมิบแต่ก็ส่งบัตรสมาชิกให้ คนในชุดสูทหรูเดินเข้าห้องสมุดใบหน้าคมนิ่งเฉยชา แต่ก็เรียกสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องสมุด ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มัวแต่ก้มอ่านหนังสือ กวินเหลือบมองคนตัวขาวที่แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปมาตลอด รอยยิ้มบางแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดแต่เมื่อมีคนไปที่เคาน์เตอร์รอยยิ้มนั่นจะหายไปเหลือเพียงใบหน้าเรียบเฉย กวินแอบมองอยู่หลังชั้นหนังสือ มองเพลินจนมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสั่นเตือน ข้อความจากเชษฐ์บอกว่าเขาได้เวลาที่ต้องไปงานต่อแล้ว กวินหยิบหนังสือส่งๆสามสี่เล่มก่อนที่จะเดินไปหาร่างบางที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่จนเขาวางหนังสือแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว กวินเลยเคาะนิ้วลงบนเคาน์เตอร์สองสามทีก็ได้ผล ร่างขาวสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง มือเรียวขยับแว่นขึ้นอย่างตกใจ เปิดโอกาสให้กวินสำรวจใบหน้าขาวชัดๆ ดวงตากลมใต้แว่นหนาที่บังไปซะครึ่งหน้า ไหนจะเรียวปากบางชมพูระเรือที่อ้าปากค้างน้อยๆ จนแก้มขาวเริ่มแดงระเรื่อกวินก็รู้ว่าตัวเอง “เผลอ” จ้องนานไป
“ยืมครับ”
“อ้อ ครับ เอ๋ พี่เชษฐ์ไม่มาเหรอครับ” คิ้วหนากระตุกน้อยๆเมื่อทันทีแสกนบัตรคนตัวขาวถามหาเจ้าของบัตร
“อยู่ข้างนอก” และก็เงียบพร้อมกับเสียงติ๊ดๆ ก่อนที่กล้าจะส่งหนังสือคืนให้
“คืนวันศุกร์หน้านะครับ” กวินมองหน้าคนที่พยายามก้มหน้าก้มตาแวบหนึ่งแล้วค่อยหอบเอาหนังสือที่คนตัวโตคงรู้ดีว่าไม่มีทางอ่านแน่ๆ
กวินเดินออกมาด้านนอกซึ่งเจ้าเชษฐ์รออยู่แล้ว พอเห็นนายออกมาก็รีบเปิดประตูรถให้ กวินขึ้นรถวางหนังสือที่หยิบมั่วๆวางอยู่ข้างกาย มือขยับรูดไทลงปลดกระดุมเม็ดบนนั่งมองหนังสือสี่เล่มไม่พูดอะไร
เชษฐ์เหลือบมองกระจกเห็นนายนั่งมองหนังสือนิ่งๆและที่แปลกใจที่สุดคือรอยยิ้มบางๆนั่น นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้านายของเขาอารมณ์ดี
“เจ้านายจะไปไหนต่อไหมครับ”
“กลับบ้าน” เชษฐ์พยักหน้าแล้วหมุนพวงมาลัยตรงกลับบ้านเจ้านาย จนรถจอดหน้าบ้านหลังใหญ่แต่มีเพียงความเงียบเหงาในบ้าน กวินเดินถือหนังสือเข้าบ้านตอนนี้แม่บ้านก็แยกย้ายไปพักผ่อน ไอ้เชษฐ์บ้านก็อยู่ในรั้วเดียวกันเพราะเขาและมันโตมาด้วยกัน กวินวางหนังสือไวที่หัวเตียงก่อนที่จะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมพักผ่อน จริงๆแล้ววันนี้เขาต้องไปงานต่อแต่หากได้ยินลูกน้องตัวดีที่ทำเกินหน้าที่ เรียกน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้อยู่ได้ มันน่ารำคาญจริงๆ
กวินเอนตัวนอนเหลือบมองหนังสือนิ่งแล้วยกลงมาไว้บนเตียงก่อนที่จะหลับไป นี่คงเป็นคืนที่เขาหลับได้สนิท
“กล้า พี่ชายคนใหม่นายไปไหน” กล้าได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้
“หายไปจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว” เขานับวันหลังจากวันล่าสุดที่เอาเค้กมาให้และมีเพื่อนพี่เชษฐ์มายืมหนังสือพี่เชษฐ์ก็หายไป ขนมหวานของเขาก็หายไปด้วย
“เหงาล่ะสิ” ผมพยักหน้า ยอมรับว่าพี่เชษฐ์เป็นคนที่สี่ที่เข้ามาในชีวิตและเขาเองก็เปิดรับ พี่เชษฐ์เป็นพี่ชายที่เขาไม่เคยมี
“ก็นิดหน่อย เอมวันนี้กลับบ้านเร็วนิน่า” วันนี้เอมต้องไปบ้านคุณป้าเพื่อคุยเรื่องสั่งซื้อหนังสือใหม่
“ใช่แล้วจ๊ะ ชวนไปก็ไม่ไปด้วย”
“ไม่ล่ะเรายังอ่านหนังสือเล่มใหม่ไม่จบเลย อ้อนี่นะหนังสือที่เราลิสไว้ให้” ส่งกระดาษที่เขาจดรายชื้อหนังสือที่จะซื้อเข้ามาใหม่
“งั้นเราไปก่อนนะ ถ้าไม่มีคนก็ปิดก่อนเวลาได้เลยนะ” ผมยิ้มให้เอม รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ทำ โบกมือลาชะเอมกลับมานั่งเฝ้าเคาน์เตอร์เพราะอยู่คนเดียวเลยต้องมีสติในการทำงานนิดหน่อย ใกล้ได้เวลาปิดห้องสมุดแล้วกล้าทยอยเก็บของเพราะวันนี้เขาจะเอาหนังสือกลับไปซ่อม
ครืด
เสียงประตูเลื่อนเรียกความสนใจของกล้าดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใส่สูทที่ดูเท่และน่าอิจฉามากในความคิดของกล้า เพื่อนของพี่เชษฐ์
ตุบ
“คืน”
“อ้อครับ” กล้ารีบวางหนังสือแล้วไปทำเรื่องคืนให้คนตัวโต ส่วนคนที่เอาหนังสือมาคืนหมุนตัวไปตรงชั้นหนังสือเพื่อเลือกหนังสือ กล้าไม่รู้ตัวว่าเผลอมองคนที่เดินเลือกหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็เผลอมองคนจำหน้าคนๆนี้ได้อย่างขึ้นใจ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอสบตากับสายตาคมที่หันมามองพอดี ไม่สิคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ฟู่ว เผลอถอนหายใจยาว ยกมือทาบอกส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าท่าทางน่ารักๆนั่นถูกมองอยู่โดยสายตาคมที่แอบมองอยู่
“อันนี้คืนวันศุกร์เหมือนเดิมนะครับ” กล้าอยากจะถามหาพี่ชายคนใหม่ตัวเองแต่แค่จะเงยหน้ามองเขายังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆเลย เลยได้แต่นั่งมือไม้สั่นจนเพื่อนพี่เชษฐ์เดินออกไป
เฮ้อ.....
ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆแบบนี้นะ คราวหน้าหวังว่าพี่เชษฐ์จะมานะ
หลังจากวันนั้นพี่เชษฐ์ก็หายไปจนผ่านมาจะสองเดือนกว่าแล้วจะมีเปลี่ยนไปก็เพียงคนๆนั้นที่มายืมหนังสือทุกวันศุกร์เป็นเวลา 30 นาที และเป็นเวลาที่ผมเกิดอาการแปลกๆมือไม้สั่นตลอดเวลาที่คนๆนั้นอยู่ในห้องสมุด จนชะเอมสังเกตเห็นพยายามผลักดันให้ผมกล้าคุยมากกว่าการแจ้งเวลาคืนหนังสือ
“ถามเรื่องพี่เชษฐ์ก็ได้น่า” นั่นสิ
“อือ จะลองดูนะ” ผมรอจนกระทั่งถึงวันศุกร์และเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมเมื่อชะเอมหนีกลับไปทำธุระที่บ้านและคนๆนั้นก็มาในเวลาที่ใกล้จะปิดแล้ว พอวางหนังสือคืนเสร็จก็เดินไปเลือกหนังสือ ทำไมหนังสือเหมือนไม่ได้อ่านเลย ซักพักคนๆนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือ ที่เอ่อ ไม่เข้ากับคนที่ถือมาซะเลย หลังจากแจ้งกำหนดคืน เพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินเตรียมจะออกไปแล้ว จะไปแล้วนะกล้า ผมสูดหายใจลึกๆเพื่อเรียกความกล้า
“ดะ......เดี๋ยวครับ” กล้ารีบเรียกคนที่กำลังจะเดินออกประตูไป คนตัวโตหยุดยืนนิ่งรอคนที่เรียกหยุดพูด
“เอ่อ...อยากจะถามว่าพี่เชษฐ์หายไปไหนครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับคนที่แอบมองตลอดสองเดือนนอกจากคำพูดที่พูดประจำ
“ทำไมเหรอ”
“พี่เชษฐ์ไม่มานานแล้วนะครับ” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ เมื่อคนที่จะกลับเดินเข้ามาใกล้
“ทำไม”
“เอ่อ...”เหมือนคำพูดจะหายไป กล้ายกมือดันแว่นเพราะรู้สึกประหม่าเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์เดินเข้ามาใกล้ จนเขาพูดอะไรไม่ออก ฮือออออย่าเข้ามาใกล้นักสิ
“ว่าไง”
“ก็ไม่เจอนาน ผม...คิดถึง” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง ทำไมรู้สึกกดดันแบบนี้ล่ะ ยิ่งประหม่าผมยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไรมือไม้รู้สึกเก้งก้างจนได้แต่บีบไว้แน่น
“อืม งั้นปิดห้องสมุด” ถ้อยคำสั้นๆ แต่เรียกความงงให้กับผมเต็มที่ พูดจบเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินออกไป เอ...หมายความว่ายังไงอ่ะ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันเลยเวลาแล้วผมเลยรีบหอบเอาของใส่กระเปาเป้ใบใหญ่รีบปิดไฟเช็คทั้งหมดเรียบร้อยก็รีบปิดล็อกประตูด้านหน้า
“เหวอ..” ผมตกใจแทบตายเมื่อหันกลับมาเพื่อนพี่เชษฐ์ก็มาอยู่ข้างหลัง ทำไมมาเงียบๆแบบนี้ มือขาวรีบยกมือทาบอกอย่างที่ชอบทำเวลาตกใจ
“หึๆ มาสิ” ผมผงะเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขยับเข้ามาจับต้นแขน เดี๋ยวสิ
“ปล่อยนะครับ” ผมพยายามที่จะแกะมือใหญ่ที่กำรอบแขนแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดึงผมไปที่รถคันสีดำแถมยังติดฟิล์มดำสนิท พอถึงรถเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เปิดประตูดันหลังให้ผมเข้าไปในรถ
“ดะ...เดี๋ยวสิจะพาผมไปไหน” เขาพยายามยื้อประตูรถไว้ ฮือออ ผมแค่ถามหาพี่เชษฐ์เองนะ
“ขึ้นรถ” เสียงทุ้มพร้อมกับการขยับเข้ามาใกล้ จ..จะชิดเกินไปแล้วยิ่งผมช้าเพื่อนพี่เชษฐ์ยิ่งขยับเข้ามาใกล้จนผมกระโดดขึ้นทันทีพร้อมกับยกเป้มากอดแน่นพร้อมกับขยับชิดประตูรถอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขึ้นรถมา
“สวัสดีน้องกล้า” เสียงคุ้นหูมาจากที่นั่งคนขับ
“พี่เชษฐ์!!!” ผมเรียกพี่ชายพร้อมกับยิ้มกว้างจนลืมคนที่นั่งข้างๆ
“ครับพี่เอง” พี่เชษฐ์ตอบกลับขณะที่จะออกรถ
“พี่หายไปไหนมาครับตั้งสองเดือน” และผมก็ลืมคนที่นั่งข้างๆไปเรียบร้อยขยับเข้าไปใกล้เบาะหน้า
“แหะๆ พี่ทำงานนะครับ ทำไมคิดถึงพี่เหรอ” น้ำเสียงติดจะร่าเริงของพี่เชษฐ์
“อือ คิดถึงพี่”
กร๊อบ
เสียงคนข้างๆหักข้อนิ้วทำให้ทั้งผมกับพี่เชษฐ์เงียบไป เอ่อ ลืมไปเลย เมื่อนึกได้ผมก็ขยับกลับมานั่งที่เดิมทำตัวลีบๆเข้าไว้ พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา
“นายครับจะให้ไปส่งกล้าก่อนไหมครับ”
“อืม” และคราวนี้ทั้งรถก็เงียบผมไม่กล้าที่จะชวนพี่เชษฐ์คุยอีกลเย คนที่ผมเข้าใจว่าเพื่อนกลับเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์แถมยังเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนมานั่งข้างๆ ทำไมใจผมถึงเต้นแรงแบบนี้นะ ทั้งรถเงียบจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้าน
เอ่อ
“ขอบคุณครับพี่เชษฐ์ เอ่ ขอบคุณนะครับ” ยกมือไหว้พี่เชษฐ์แล้วก็คนข้างๆ ที่ผงกหัวยิ้มรับบางๆ แต่พอผมลงจากรถมายืนหน้าประตูรั้วที่ดูไม่น่าจะเป็นรั้ว เพื่อน ไม่สิ เจ้านายของพี่เชษฐ์ก็ลงมายืนข้างๆ
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ” กล้าขยับถอยเข้าไปชิดประตูรั้ว
“พี่ชื่อกวิน แล้วไม่คิดจะชวนเข้าไปกินน้ำหน่อยเหรอ” กวินมองคนตัวเล็กที่กอดกระเป๋าเอียงคอมองหน้าท่าทางน่ารักเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เขามองไม่รู้เบือ
“พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมน้องกล้า” ฝ่ายเชษฐ์เมื่อเห็นทั้งเจ้านายยืนนิ่งส่วนน้องชายเขาก็ยืนงง เห็นทีคนดีอย่างไอ้เชษฐ์ต้องช่วยเหลือนิดหน่อย น้องกล้าหันหน้ามามอง คิ้วเรียวขมวดนิดหน่อยก่อนที่จะไขประตูรั้วผุพังเข้าไปด้านในแม้ว่าภายนอกจะดูทรุดโทรมแต่สวนในตัวบ้านนั้นก็ไม่ได้ดูรกกลับกันมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์
“อ่า บ้านรกหน่อยนะครับ” กล้าพูดเสียงเบาก่อนที่จะไขกุญแจบ้าน เพราะบ้านเขาไม่ได้จัดมาสองวันแล้วแถมปกติก็ไม่มีแขกขนาดชะเอมยังนับครั้งที่ได้เข้าบ้านเขาเลย มือขาวค่อยๆเปิดประตูไม้บานเก่าแล้วเชิญแขกฉุกเฉินเข้าบ้าน
“ห้องน้ำเดินตรงไปทางนั้นอยู่ขวามือนะครับ” กับพี่เชษฐ์เขาสามารถพูดได้ตามปกติแต่กลับใครอีกคน เขากลับหมุนตัวเดินหนีไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำมาให้
กวินมองรอบๆ มันไม่ได้ดูรกอะไรเพียงแต่มันมีหนังสือในจำนวนที่......เรียกว่ามาก บ้านหลังนี้เหมือนเป็นห้องสมุดเล็กๆด้วยซ้ำ ทั่วทั้งห้องเล็กๆด้านล่างนี่มีเพียงโซฟานุ่มกับโต๊ะเล็กๆที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหนังสือ คงเป็นคนที่ชอบอ่านจริงๆสินะ กวินนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับร่างเล็กที่ถือแก้วน้ำมาให้พร้อมกับนั่งลงตรงพื้นด้านล่างตรงข้ามกับโซฟา
“เอ่อ...น้ำครับ” พอกับเขาล่ะไม่กล้าสบตา ทีกับไอ้เชษฐ์เดี๋ยวก็พี่แถมยังคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“จำฉันได้ไหมนอกจากเจอกันที่ห้องสมุด” พอถามไป เด็กนี่ก็เงยหน้ามองผมแล้วเอียงคอคิด เหมือนจะดูตกอยู่ในความคิดของตัวเองเมื่อทาทางคิดว่าเคยเห็นเขาตอนไหน
“อ่าเคยเจอกันด้วยเหรอครับ” ไอ้ท่าทางที่ไม่กล้ามองหน้าพร้อมกับพูดเสียงเบามือดันแว่นหนาๆที่น่าจะจับโยนทิ้ง ท่าทางแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงหงุดหงิด แต่ทำไมพอเป็นเด็กคนนี้เขากลับมองว่ามันก็น่ารักดี
“งั้นนายก็ไม่รู้จักฉัน” ก็คงไม่แปลกเพราะท่าทางคงจะจมอยู่กับหนังสือ ขนาดทีวีในห้องยังไม่มีเลย ถึงจะแปลกใจที่มีแค่คนตัวบางอยู่คนเดียว
“เอ๋....คำถามนี้ คุณในตรอก??”
“อืม ใช่” นี่ไม่คิดที่จะจำเขาได้เลยเหรอ
“แผล.......แผลตอนนั้นไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ” ใบหน้าใต้แว่นใหญ่ยอมที่จะเงยหน้ามามองผมสายตาที่ทอดผ่านฉายแวเป็นห่วงทำให้หัวใจของเขารู้สึกอุ่นขึ้นมาแปลกๆ
“อืมดีขึ้นแล้วล่ะ” เพียงนั่งมองหน้าคนที่หันซ้ายหันขวาเหมือนอึดอัดที่นั่งเงียบๆด้วยกัน เชษฐ์มันคงไม่ออกมาจากห้องน้ำง่ายๆหรอกนะ
“ชอบอ่านหนังสือมากเลยนะ” ผมชวนคุย
“ใช่ครับ ทั้งชีวิตผมมีแค่หนังสือนี่ล่ะครับ” คำพูดแปลกๆชวนสะกิดใจแต่ผมก็เลือกที่จะชี้ถามเรื่องหนังสือและก็เป็นผลเมื่อกล้าเริ่มคุยอย่างสนุกสนาน ถามว่าผมจำเรื่องหนังสือที่กล้าเล่าได้ไหมบอกเลยว่าไม่ เพียงแต่มองสีหน้าสนุกเหมือนเด็กกำลังอวดของเล่นทำให้ผมเลือกที่จะเงียบฟัง ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เรื่องจนเชษฐ์เดินออกมาจากห้องน้ำ (นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว) ผมก็รู้เลยว่าได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว
“งั้นพี่กลับล่ะ” ผมบอกกับกล้าที่ทำตาปริบๆมือดันแว่นเรียวปากสวยยิ้มบางๆแล้วลุกขึ้นไปส่งพวกผมที่หน้าบ้านพอร่างบางล็อกประตูรั้วแล้วเดินกลับเข้าบ้านผมถึงสั่งให้เชษฐ์ออกรถ
“นายคิดยังไงกันแน่ครับ” เชษฐ์ถามนายตัวเองเมื่อขับออกมาได้ซักพัก
“เปล่านิ”
“ถ้าเปล่าพรุ่งนี้ผมไปหาน้องนะครับ” เชษฐ์ยิ้มอย่างดีใจไม่ได้คุยกับน้องชายเลยนับตั้งแต่นายห้าม
“ว่างสินะ งั้นแกไปดูงานที่เปิดใหม่ที่ชลนะ” เชษฐ์ได้แต่อ้าปากค้างอารมณ์ช็อคค้างขับรถกลับมาส่งนายถึงบ้านได้ยังไงก็ไม่ทราบได้
นาย!!!!!!!!!!!
อย่างนี้เค้าเรียกหวงก้างนะเว้ยนาย อยากจะตะคอกว่าแบบนั้นเหมือนกัน แต่นั่นเจ้านายไง
แล้วก็ตอบเขาว่าเปล่า คอยดูเถอะ จะได้ตามติดชีวิตน้องกล้าผู้น่ารักของไอ้เชษฐ์แน่ๆ
*********************************************************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ
เอ...น้องกล้ากับคุณกวินเป็นยังไงบ้างคะ
อ่านแล้วเป็นไงบ้าง
บอกเราด้วยนะ พลีสสส
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ คุณ Billie คุณ darinsaya
โค้งให้งามๆ