ปล.ด้วยรักและคิดถึง # การเอาคืนของโจ้
พ่ออยู่ไหนครับ ป่านนี้พ่อยังไม่มารับกัสเลย พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย
สนามบาสเก็ตบอลที่ใช้เป็นสนามฟุตซอล เงียบสงัดเพราะผู้คนทยอยกลับบ้านไปหมด
เหลือกัสอยู่คนเดียว
พ่อทำไมมารับกัสช้า
โทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมดไปนานแล้ว เบอร์โทรศัพท์ของพ่อกัสก็จำไม่ได้ พ่อทำไมยังไม่มารับกัส ป่านนี้แล้วทำไมพ่อถึงยังไม่มา อาก็ไม่มา กัสรอพ่อตั้งแต่เลิกเรียน ป่านนี้พ่อก็ยังไม่ยอมมา
กัสนั่งเหม่อที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างสนาม
นั่งรอมานาน จนยุงเริ่มกัดที่ขา
เจ็บ...
ใช้ฝ่าตบยุง แต่ก็ตบไม่โดน พลาดไปโดนขาตัวเองหลายครั้ง เกาไปที่แขนที่เป็นรอยแดงเพราะยุงกัด
เมื่อไหร่พ่อจะมา
ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ มีเศษเหรียญอยู่ไม่กี่บาท มองไปที่สนามที่มีเพียงความเวิ้งว้างแล้วสุดท้ายกัสก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
พ่อไม่ยอมมารับ
เสียใจ
ทำไมถึงได้เสียใจขนาดนี้
ทำไมพ่อยังไม่มา ทำไมพ่อมาช้า ทำไมพ่อ...ไม่มารับกัสกลับบ้านซะที
ทำไมพ่อ.....
ถามตัวเองแบบนั้น ถามย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
ไม่ทันจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ อยู่ดี ๆ ก็ลงไปกองกับพื้น โดยมีใครบางคนคร่อมทับเหนือร่างและกระหน่ำกำปั้นใส่ที่ใบหน้าของกัสอย่างรุนแรง
เจ็บ...
และรู้สึกถึงรสเค็มปร่าในปาก
อีกสองหมัดที่กระแทกซ้ำลงมาที่ใบหน้า และกัสก็นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ในหัวเหมือนมีเสียงก้องบางอย่าง
มันฟังเหมือนเสียงวิ๊ง ๆ แต่กัสไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร
นอนตาลอยอยู่อย่างนั้น และยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปาก
ใครบางคนที่ยังกระชากคอเสื้อของกัสและกระแทกกัสลงกับพื้นอีกครั้ง ตอนนี้ยอมปล่อยกัสแล้ว และคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้ากัส พร้อมอาการหอบหายใจหนัก
“นั่นที่มึงเคยทำกูไว้”
กัสเคยทำไว้
เคยทำ.........อะไร
ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ และคนที่ยืนอยู่ก็นั่งลงและกระชากคอเสื้อกัสอย่างแรงอีกครั้ง
“สะใจมั้ย ที่มึงเคยทำ”
ไม่สะใจเลย กัสไม่สะใจ
ผลักมือของคนที่กระชากคอเสื้อออก และเหมือนเห็นรอยยิ้มหยันบนใบหน้าของคนนั้น
โชคดีที่ฝ่ายนั้นยอมปล่อยแต่โดยดี และกัสก็มองหากระเป๋าที่กระเด็นออกห่างตัวไปไกล เอื้อมมือคว้ากระเป๋าและสะบัดหัวด้วยความมึนงง
เจ็บที่มุมปาก เจ็บที่ใบหน้า
เจ็บ แต่ไม่ได้ร้องไห้เสียใจ
ค่อย ๆ พยุงร่างกายและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
และก็เซล้มกลับลงมานั่งที่เดิม
ไม่ได้เสียใจหรือโกรธที่ถูกต่อย แต่ที่เสียใจที่พ่อยังไม่ยอมมา
พ่อไม่ยอมมารับกัส
พ่อทิ้งกัสไว้จนเย็นป่านนี้ พ่อ.........ทำไม....
เสียใจ
จนหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้
น้ำตาหยดลงที่ข้างแก้มและเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ก็ทำให้คนที่นั่งมองด้วยความสะใจถึงกับชะงัก
รอยยิ้มหยันแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ
“ฮือ ฮึก ฮือออออ”
แรงขึ้นเรื่อย ๆ
จากที่เพียงแค่น้ำตาไหล เวลานี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะอื้นไห้จนตัวโยน เหมือนเด็ก ๆ ที่ถูกรังแก
ไม่ว่าใครเห็นแบบนี้ก็ต้องสงสาร
แม้กระทั่งโจ้
คนที่กัสเคยพาพวกมารุมกระทืบเมื่อหลายเดือนก่อน
และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่โจ้จะได้เอาคืนซะที
“เป็นเหี้ยอะไรวะ โดนแค่นี้บ่อน้ำตาแตกเลยหรือไง เฮ้ยยยยกูถามว่ามึงเป็นอะไรของมึง ไอ้เจ๋ง ร้องไห้ทำเหี้ยอะไรวะ อ่อนชิบหายเลย ไม่เห็นเหมือนไอ้เจ๋งคนก่อนเลยนี่หว่า ลูกหมาชัด ๆ คนอย่างมึง”
ไม่ได้โกรธที่ถูกด่า
แทบจะไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
สิ่งที่คิดอยู่ในหัวมีแค่เรื่องที่พ่อไม่ยอมมารับอย่างเดียวเท่านั้น
“กลับ...อยาก...บ้าน...จะกลับ...บ้าน”
พูดไม่รู้เรื่อง และกัสที่นั่งร้องไห้และใช้หลังมือปาดน้ำตาเป็นพัก ๆ ก็พยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้นและเดินเซแทบไม่ตรงทาง
กลับบ้านเหี้ยอะไร
กลับ.......
เห็นสภาพของคนที่เดินเหมือนเด็กหัดเดินแล้วก็กลายเป็นโจ้เองที่กำลังทำตัวไม่ถูก
กูต้องช่วยหรือไง
คนที่แม่งพาพวกมารุมกระทืบกูเมื่อหลายเดือนก่อน
กูจะใจดียอมช่วยมันหรือไง
ต่อยไปหลายหมัดแต่แทนที่จะหายคับแค้นใจกลับรู้สึกบางอย่าง
ทำไมวะ
เรื่องที่ว่าไอ้เจ๋งมันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
จริงหรือเปล่ากูไม่รู้หรอก รู้แค่เพียง.......แม่งเดินเหมือนปูเลย เฉไปเฉมาขนาดนั้น
มัน..........
”เฮ้ยยยยยยย เดี๋ยวก่อน มึง.............จะ...ไป...”
ถามแล้วแต่ไม่จบประโยค
กระชากแขนของคนที่เดินหนีให้หันกลับมามอง และเมื่อเห็นแววตาเซื่อง ๆ ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา โจ้ก็ถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง
น่าสงสาร
แบบนี้โคตรน่าสงสาร
หยดเลือดที่มุมปาก เริ่มไหลซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เช็ดเลือดมึงซะ”
ไม่ทำตาม
สิ่งที่กัสทำคือมองเมิน และพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม
ไม่ยอมพูดด้วย ไม่อยากพูดกับคนนี้
ไม่อยากพูดไม่อยากมองหน้า อยากกลับบ้าน
อยากกลับบ้านแล้ว กัสจะกลับบ้าน
“เหี้ยฤทธิ์เยอะนักนะมึง หน้าไม่เหลือเค้าเดิมขนาดนี้แล้วมึงยังฤทธิ์มากอีกหรือไงวะ”
ไม่รู้
ไม่สนใจ
จะกลับบ้าน
ดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมและกัสก็พาตัวเองก้าวขาเซไปเซมา และพยายามยืนตั้งหลักให้ได้
ต้องเดินให้ตรงทาง
เดินให้ตรง
ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งลำบาก เดินตรงทางและดีขึ้นมาพักใหญ่ แต่ในเวลานี้เหมือนความสามารถในการควบคุมศูนย์ถ่วงในร่างกายจะลดลง
ไม่ได้อยากประคอง
ไม่ได้อยากช่วย เป็นคนต่อยมันคว่ำแท้ ๆ แต่นี่มันบ้ามากที่มาประคองคนที่เพิ่งต่อย
แต่ทำยังไงได้
“บ้าน.....มึงอยู่ไหนกูจะพาไป”
พาไปจริงๆ สิ่งที่โจ้คิดได้ในเวลานี้คือจะพาไปจริง ๆ จะพาไปส่งบ้าน
พาเด็กหลงทางไปส่งบ้าน
และแค่ได้ยินคำว่าจะพากลับบ้าน กัสก็ยอมให้คนที่เพิ่งทำร้ายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พาเดิน
เดินมาด้วยกัน
กัสคิดถึงแต่ทางกลับบ้าน
แต่โจ้ที่เหลือบสายตามองหน้าของอีกฝ่ายเป็นพัก ๆ กำลังรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างภายในใจ
กูแม่งบ้าไปแล้ว
รอจังหวะจัดการไอ้เจ๋งอยู่นาน และพอมีโอกาสได้ทำจริงๆ ไม่เห็นรู้สึกดีเลยสักนิด แถมยังต้องมาประคองพามันเดินกลับบ้านซะอีก
แบบนี้มีที่ไหน แม่งบ้าไปแล้ว
แบบนี้มันบ้าชัด ๆ
“หิว”
หิว…..
เหี้ยเอ้ยยยย มึงเสือกบอกกูว่าหิวด้วยเนี่ยนะ แล้วกูจะทำยังไง
มึงเล่นร้องไห้ไปทำหน้าน่าสงสารไป แถมซ้ำยังมาบอกกูว่าหิว
แล้วกูต้อง.........ทำยังไง
“มีร้านข้าวแถวนี้ มึงจะ...แวะกินหรือไง”
ไม่เคยคุยกัน ไม่เคยพูดกัน ไม่เคยคิดว่าจะมาพูดคุยกันในสภาพนี้ และกัสก็ทำหน้าเศร้า หิวแต่กินไม่ได้ เพราะเงินของกัสหมดแล้ว
ไม่มีเงินแล้ว
ไม่มีเงินสำหรับกินข้าวแล้ว
แต่หิว
กัสหิวข้าว
พ่อทำไมไม่มารับกัส พ่อทิ้งกัสไป
พ่อ.....ทิ้งกัส
น้ำตาเริ่มคลอ และกัสรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้
ร้องไห้ด้วยความเสียใจ และก็กลายเป็นโจ้ที่ยืนอ้าปากค้างและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้
“หิวก็กิน แค่นี้เอง กูพาไปกินก็ได้ มึงจะร้องไห้ทำห่าอะไรวะ แค่หิวข้าว โธ่โว้ยยยยย”
โจ้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า
พาคนที่ไม่เคยคิดว่าจะพามาด้วยเดินลัดเลาะไปตามทางเดินและไปหยุดยืนที่ร้านข้าว
หยุดยืน และก็ดึงแขนให้คนที่พามาด้วยเดินตามเข้ามา
“จะกินอะไร”
ไม่รู้ กัสจะกินข้าว
“ข้าว”
กูรู้แล้วว่าข้าว แต่ที่จะกินกับข้าวคือมึงจะกินอะไร
“กับข้าวอะไรมึงก็สั่งสิ”
กับข้าว........
“กินข้าว”
กินข้าว กูรู้แล้วว่าข้าว แต่กับข้าวมึงไม่สั่งแล้วจะกินเข้าไปได้ยังไงวะ
“ข้าวสวยสอง แกงจืดเต้าหู้แล้วก็ผัดผักบุ้งไฟแดงครับ”
สั่งกับข้าวเรียบร้อย และก็มานั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่
กูทำอะไรลงไปวะ
กู.......ทำ
เลือดออกอยู่เลยนี่หว่า ดวงตาก็เริ่มบวมช้ำขึ้นเรื่อย ๆ
ข้างแก้มขาว ๆ มีรอยฟกช้ำที่กำลังขึ้นเป็นรอยห้อเลือด
ฝีมือกูเอง
“เช็ดซะ”
หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้คนที่นั่งตาลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามและกัสก็มองกระดาษทิชชู่ที่ถูกส่งให้
นั่งมอง
และกระพริบตาไม่ตอบโต้ไม่พูดคุย ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งมองเฉย ๆ แบบนั้น กลายเป็นโจ้ที่ทนไม่ได้ ต้องใช้ทิชชู่ซับแรง ๆ ไปที่มุมปากที่มีหยดเลือดแห้งกรัง
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”
ร้องลั่น ร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บ
และคนทั้งร้านก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน
“ร้องทำเหี้ยอะไร อายชาวบ้านเค้า”
ยกมือปิดปากคนที่ร้องและกัสก็มองหน้าของคนที่ทำเหมือนโกรธกันมานาน ด้วยความไม่เข้าใจ
ทำไม....
ทำไมต้องเชื่อ ทำไมต้องเชื่อคนนี้ด้วย ทำไมต้องเชื่อ
ลุกขึ้นยืน และก็เป็นโจ้ที่ดึงแขนของกัสให้นั่งลง
“มึงจะไปไหนวะ สั่งข้าวแล้วไม่กินเดี๋ยวก็โดนเจ้าของร้านเอาปังตอไล่ฟัน นั่งลง”
นั่งลง
และกัสก็ยอมนั่งลง
หิว
หิวข้าว
มีอาหารสองอย่างและข้าวสวยมาวางอยู่ตรงหน้า
เจ็บที่ปาก แต่ก็หิวเกินกว่าจะคิดอะไร
หยิบช้อนมาถือเอาไว้ และอาการเห็นภาพซ้อนก็ตามมา
ปวดหัว
ถือช้อนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น และค่อย ๆ กระพริบตาเพื่อปรับสายตา
ตักต้มจืดใส่จาน แต่กลายเป็นตักทิ้งออกนอกจาน
และกัสก็นั่งมองต้มจืดที่หกเรี่ยราดอยู่บนโต๊ะ
เสียใจอีกแล้ว
เสียใจอีกแล้ว
เสียใจอีกแล้ว
กัสเสียใจอีกแล้ว ต้มจืดไม่ยอมมาอยู่ในจานข้าว แล้วจะกินข้าวได้ยังไง
สิ่งที่โจ้เห็นคือดวงตาเลื่อนลอยที่เหมือนกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว และเป็นโจ้ที่เมื่อมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อาการมึงหนักมากจริงๆ นี่หว่า”
เป็นเสียงบ่นพึมพำของโจ้ที่ และเริ่มรู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำเลวร้ายชั่ววูบที่ทำลงไป
“มึงจะกินใช่มั้ย เดี๋ยวกูช่วยแล้วกัน ต้มจืดใช่มั้ย”
ตักข้าวและกับข้าวใส่ช้อน และป้อนข้าวให้คนที่นั่งเหม่อแต่ยอมอ้าปากรับ
กินข้าว
เพราะหิวข้าว
กัสอยากกินข้าวไว ๆ
เพราะหิวข้าว
เพราะว่าหิวมาก และอยากให้พากลับบ้านเร็ว ๆ กัสถึงยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายป้อนข้าว
โจ้ไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด ว่าลืมสนใจผู้คนภายในร้านที่หันมามองด้วยความประหลาดใจ ที่ผู้ชายสองคนมานั่งป้อนข้าวกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้
บางคนแอบกระซิบ บางคนแอบหัวเราะ
แต่โจ้ลืมมอง ลืมสนใจไปสนิท
สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียบเฉย ที่มีบาดแผลอยู่บนใบหน้า หยดเลือดยังแห้งกรังอยู่ที่มุมปาก
แต่การนั่งเหม่อและเคี้ยวข้าวตามที่โจ้ป้อนมันทำให้คนป้อนรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
กูคงบ้าไปแล้ว
ต่อยมันซะคว่ำ แต่ต้องมารับผิดชอบด้วยการป้อนข้าวมันแบบนี้
กูคงเป็นบ้าแน่ๆ
กูคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
TBC.