:: Chapter 17th - การกลับมาของอดีต ::
หลังจากที่พาอาทิตย์ทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย ตะวันก็เปลี่ยนแผนพาอาทิตย์มาขลุกอยู่ที่บ้านพลัฎฐ์ เพราะน้องพีอ้อนขอตะวันอยากให้อาทิตย์มาอยู่เล่นกับตัวเอง โดยมีพลัฎฐ์ช่วยพูด เพราะคนเป็นพ่อเองก็อยากได้พี่ชายอาทิตย์มาอยู่เล่นด้วยเหมือนกัน
ฟอด ~
“พี่พลัฎฐ์!”
ตะวันกำลังวุ่นๆ อยู่กับการทำวุ้นผลไม้สดให้เด็กๆ ทานอยู่ในครัว พลัฎฐ์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับกอดคนที่กำลังง่วนจากด้านหลัง และอาศัยทีเผลอกดจมูกลงบนแก้มใสของตะวันเต็มแรง จนคนถูกหอมถึงกับตกใจ
“หอม” พลัฎฐ์กระซิบข้างหูน้อง ให้ถูกอีกฝ่ายหันมาค้อนจนตาแทบกลับ
“ทำวุ้น จะเอาอะไรมาหอมครับ” ตะวันแกล้งถาม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพลัฎฐ์หมายถึงอะไรที่ว่าหอม
“พี่หมายถึงแก้มหนูต่างหาก แก้มหนูหอม หอมจนอยากฝังจมูกตัวเองลงบนแก้มหนูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” พลัฎฐ์ว่าให้ตะวันได้หัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ พี่นี่ขี้เวอร์ตลอด” ตะวันวางพิมพ์วุ้นลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะฟาดมือตัวเองลงไปบนแขนพลัฎฐ์ที่กอดตัวเองอยู่ไม่แรงนัก “ปล่อยครับ ตะวันจะแกะวุ้นออกจากพิมพ์ พี่กอดตะวันแบบนี้ตะวันทำไม่ถนัด”
พลัฎฐ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังไล้จมูกไปตามต้นคอขาวของตะวันอีกต่างหาก
“คืนนี้หนูค้างกับพี่นะ”
ตะวันตาเบิกโต ก่อนจะหันไปมองคนที่ทำเนียนกอดตัวเองไม่ยอมปล่อยทั้งตัว “อะไรนะครับ?”
“พี่กำลังขอ ขอให้หนูค้างกับพี่คืนนี้ ได้ไหมครับ”
ตะวันเลิ่กลั่ก สายตากลมส่ายไปทางนั้นทีทางนี้ทีเหมือนคนมีพิรุธ เหตุก็เพราะตะวันดันไปหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเลคืนนั้น ก็เลยเกิดทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ
“คะ คือ.. คือตะวันต้องพาอาทิตย์เข้านอนครับ ต้องนอนกับน้องจนกว่าน้องจะหลับ ไม่งั้นเดี๋ยวน้องงอแง”
ตะวันพูดโพล่งออกมาราวกับหาทางออกให้ตัวเองได้ แต่ดูเหมือนว่าอะไรจะไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะจู่ๆ เจ้าน้องชายตัวแสบก็วิ่งฮ้อมาเกาะประตูครัว แล้วส่งเสียงถามพี่ชายอย่างออดอ้อน
“พี่ตะวันนนนน คืนนี้อาทิตย์นอนกับน้องพีได้ไหมครับ พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปโรงเรียน”
แค่นั้นไม่พอ เพราะเจ้าหนูน้อยเจ้าของบ้านก็ตามมาด้วยติดๆ “ใช่ๆ พรุ่งนี้ปะป๊าบอกว่าหยุด ไม่ต้องไปโยงเยียน ให้ชวนคุณอาทิตย์กะพี่ตะวันนอนด้วยกัน นะนะนะคับพี่ตะวัน”
ตะวันหันไปมองพลัฎฐ์ตาเขียวปั๊ดทันที ไม่บอกก็รู้ได้เลยว่าใครเป็นคนต้นคิด ก่อหวอดให้เด็กๆ เข้ามาขออนุญาตถึงหน้าห้องครัวแบบนี้
“น่านะ นะครับหนู ค้างด้วยกันนะ น้องพีเองก็ยังซึมๆ แกคงอยากให้อาทิตย์อยู่เป็นเพื่อน”
พลัฎฐ์เอาลูกมาอ้าง ทำเอาตะวันที่หันกลับไปมองเจ้าหนูน้อยที่ตอนนี้มองมาที่เขาตาแป๋วอย่างคาดหวังแล้วใจอ่อนยวบ ยอมรับตรงนี้เลยว่าตะวันใจอ่อนลงไปแล้วกว่าครึ่ง
“น้องพีหยักให้พี่ตะวันอ่านนิทานให้ฟัง คุณอาทิตย์บอกว่าพี่ตะวันอ่านนิทานเก่ง”
พูดไม่พูดเปล่า เจ้าหนูน้อยพีรยสถ์ยังอุตส่าห์ยกนิ้วโป้งขึ้นมายกทั้งสองนิ้วเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง และพอตะวันหันไปมองหน้าของเด็กชายอีกคนที่เป็นน้องชายแท้ๆ ก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงตก เพราะดูเหมือนว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ให้กับสองเด็กน้อย และหนึ่งผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ
“ก็ได้ครับ ค้างก็ค้าง” และพอเห็นเด็กๆ เตรียมจะดีใจ ตะวันก็รีบชี้นิ้วบอกเงื่อนไขของตัวเองก่อนทันที “แต่ห้ามเอาแต่เล่นกันจนนอนดึกนะ โอเคไหมครับ?”
เด็กน้อยทั้งสองรีบพยักหน้าหงึกหงักรับปาก “ตกยงคับ/โอเคคับ”
และพอได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วเจ้าหนูทั้งสองก็หันไปหัวเราะคิกคักให้กัน แล้ววิ่งออกไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกต่อ
“เล่นด้วยกันดีๆ นะครับ เดี๋ยวพี่ตะวันเอาวุ้นออกไปให้”
ตะวันได้ยินเสียง ‘เย่!’ ดังแว่วๆ มาให้เขายิ้มได้ แต่แล้วคนตัวเล็กก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อหันมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนรักยืนยิ้มกริ่มพิงตู้เย็นอยู่ข้างๆ
“อ่านนิทานให้เด็กๆ ฟังจบแล้ว มากล่อมพี่นอนบ้างนะครับ ... คืนนี้พี่จะรออย่างใจจดใจจ่อเลย”
เจ้าของเสียงทุ้มพร่ายื่นหน้ามากระซิบข้างหู ทำเอาตะวันเขินจนหน้าแดงลามไปยันคอ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าชะงักน้อยๆ ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงยิ้มออกมาก่อนที่จะบอกพลัฎฐ์
“คืนนี้ตะวันจะนอนกับเด็กๆ ครับ พี่พลัฎฐ์นอนได้เลย ไม่ต้องรอ” ตะวันแอบยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าเหวอๆ ของพลัฎฐ์ คิดว่าคนตัวโตกว่าคงไม่คาดคิดว่าตะวันจะตอบกลับมาแบบนี้
แต่พลัฎฐ์ก็เหมือนจะเหวอไปแค่พักเดียว ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะกระตุกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ้มที่ตะวันเห็นแล้วยอมรับเลยว่าใจไม่ดีเลยสักนิด
“ก็ได้ครับ หนูอยากนอนเด็กๆ หนูก็นอน เดี๋ยวพี่ไปนอนด้วย นอนเบียดๆ กันอุ่นดีเนาะ แล้วก็อีกอย่าง...”
ตะวันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาระแวงๆ ปนสงสัย นึกกลัวในใจว่าพลัฎฐ์จะคิดอะไรพิสดารๆ อยู่หรือป่าว ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนจากที่ตะวันคาดเดาเลยสักนิด
“อีกอย่าง... มีเด็กๆ อยู่ด้วยแบบนี้ก็ตื่นเต้นดี คืนนี้หนูได้กลั้น... โอ๊ย!”
คนตัวโตกว่ายังพูดไม่ทันจบประโยคก็เจอตะวันหยิกเข้าให้เต็มแรง “ตัวเล็กครับ อย่าหยิกๆ เจ็บๆ พี่เจ็บ ฮ่าๆๆ”
“ขนาดเจ็บยังจะหัวเราะ พี่นี่ทะลึ่งจริงๆ นะ” ตะวันว่าเสียงเขียว แต่พลัฎฐ์ก็ยังหัวเราะไม่หยุด แล้วพอตะวันปล่อยมือที่หยิกออกพลักฐ์ก็เผ่นแผล็วไปตั้งหลักที่ประตูครัว ให้ห่างจากมือตะวันมากที่สุด ก่อนที่จะพูดอย่างอารมณ์ดีให้ตะวันหน้าแดงกว่าเดิม
“ไม่รู้แหละ ถ้าหนูไม่นอนแยกห้องกับเด็กๆ นะ พี่จะไปนอนด้วย แล้วพี่ก็จะ...” พลัฎฐ์แกล้งพูดทิ้งท้ายให้ตะวันคิดเอง ซึ่งเขาก็นึกขำหน้าตาเลิ่กลั่กของเด็กน้อยที่เขินจนแดงไปก่ำลามไปยันคอ พลัฎฐ์เลยตัดสินใจแหย่ไปอีกประโยคแล้ววิ่งหนีออกมา ก่อนที่พิมพ์ใส่วุ้นจะลอยมาปะทะหัวของตัวเอง
“ถ้าหนูไม่อายเด็กๆ ก็แล้วแต่เลยนะ เพราะคืนนี้พี่จัดหนักแน่นอน ฮ่าๆๆๆ”
“พี่พลัฎฐ์!”
ซึ่งตะวันก็ทำไรมากไม่ได้นอกจากยืนฮึดฮัดหน้าแดง และพอพลัฎฐ์หนีไปจนลับสายตา คนตัวเล็กก็หลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเขินอาย
.
.
.
“มาครับ เข้านอนได้แล้ว ช่วยกันเลือกแล้วหยิบมานะ เดี๋ยวพี่ตะวันจะอ่านให้ฟัง”
ตะวันเรียกเด็กๆ ที่กำลังยืนอยู่ตรงชั้นวางหนังสือเพื่อเลือกนิทานที่อยากจะฟังในคืนนี้ โดยที่น้องพีที่กำลังกอดตุ๊กตาน้องหมีเน่าขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นอาทิตย์หยิบเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ขึ้นมา
“คุณอาทิตย์ จะเอาเยื่องนี้หยอ?” เด็กน้อยถามตาแป๋ว ให้เพื่อนสนิทเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ทำไมล่ะ น้องพีไม่ชอบเรื่องนี้เหรอ?”
เด็กชายที่ตัวเล็กกว่ามองหน้าเพื่อนสนิทพลางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ
“น้องพีไม่ได้ไม่ชอบน้า แต่น้องพีแค่อยากให้คุณอาทิตย์ยองฟังเยื่องพินอคคิโอดู” ปากเล็กเจื้อยแจ้วบอก ก่อนจะพยักเพยิดไปที่นิทานเรื่องโปรดที่วางอยู่เล่มบนสุด “เยื่องนี้สนุกน้า ปะป๊าชอบเย่า น้องพีเยยบอกให้คุณอาทิตย์ยู้เฉยๆ”
ตะวันกับพลัฎฐ์ลอบหัวเราะไม่ให้เด็กชายทั้งสองได้ยิน ผู้ใหญ่ทั้งสองแอบมองหน้ากันแล้วรู้สึกขำคำพูดของน้องพีมาก พวกเขารู้ดีว่าเด็กชายตัวน้อยอยากให้อ่านเรื่องพินอคคิโอจะแย่ แต่ไม่อยากหักหาญน้ำใจของอาทิตย์ เลยพยายามหว่านล้อมให้เพื่อนตัวน้อยเห็นด้วย โดยชักจูงให้เห็นความสนุก หนำซ้ำยังเอาชื่อพลัฎฐ์มาอ้างอีก
ทั้งแสบ ทั้งฉลาดเป็นกรดเลยเลยแหละ เจ้าตัวน้อยเนี่ย
“ก็ได้ๆ ฟังเรื่องพินอคคิโอก็ได้ เดี๋ยวหยิบไปให้พี่ตะวันอ่านนะ”
“เย่! คุณอาทิตย์เชื่อน้องพีน้า สนุกๆ”
เด็กชายอาทิตย์ตามใจน้องพี ส่วนคนที่ถูกตามใจก็ยิ้มร่า กอดตุ๊กตาเจ้าเน่าแน่น พลางถือนิทานเล่มน้อยไปพร้อมกับอาทิตย์เพื่อไปหาตะวันที่นั่งรออยู่บนเตียง โดยมีพลัฎฐ์มองตามเด็กทั้งคู่ไปอย่างอ่อนโยน
ในขณะที่ตะวันเองก็ลอบมองน้องชายด้วยความแปลกใจ เพราะรู้ดีว่าอาทิตย์ไม่ใช่เด็กที่จะชอบนิทานประเภทนี้ เนื่องจากมันไม่ตื่นเต้นเร้าใจเจ้าเด็กแสบสักเท่าไหร่ เหตุผลที่อาทิตย์ชอบให้อ่านเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์นั่นก็เพราะ มันแอบมีการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ พอกระตุ้นให้เด็กน้อยได้มีจินตนาการสลับความตื่นเต้น ดังนั้น พอตะวันได้เห็นว่าอาทิตย์ยอมที่จะฟังนิทานเรื่องพินิคคิโอตามที่น้องพีขอนั้น ก็ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายพอสมควร
“น้องพีครับ มาใส่ถุงเท้าก่อนครับ คืนนี้นอนจะได้ไม่หนาวเท้า” พลัฎฐ์กวักมือเรียกลูกชาย พร้อมกับถือถุงเท้าสีฟ้าอ่อนไว้ในมือ ก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะวิ่งมาหา
เด็กชายแบมือไปตรงหน้าพลัฎฐ์ ก่อนจะเอ่ยบอกคนเป็นพ่อด้วยท่าทางน่ารัก “น้องพีใส่เองได้คับปะป๊า คุณครูสอนน้องพีมาแย้ว”
พลัฎฐ์ยิ้มขำ ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นให้น้องพีได้นั่งตาม จากนั้นก็ยื่นถุงเท้าให้ลูกชายตามความต้องการ พลางนั่งมองมือน้อยๆ ของเจ้าตัวจิ๋ว สวมถุงเท้าลงบนเท้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจจะมีติดขัดบ้าง แต่ก็ถือว่าน้องพีทำได้ดีพอสมควรสำหรับเด็กวัยสามขวบกว่าเกือบสี่ขวบ
“เส็ดแย้วคับ” เด็กชายพีรยสถ์บอกพลางชันเข่าวางเท้าบนพื้นให้พ่อดู ซึ่งเรียกรอยยิ้มดูดีให้ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาได้ในแทบจะทันที โดยที่ตะวันเองก็แอบมองสองคนพ่อลูกอยู่เหมือนกัน
และพอตะวันเห็นพ่อของน้องพีที่น่าจะดูยังภูมิอกภูมิใจกับการใส่ถุงเท้าของลูกชายอยู่ไม่ได้ให้ความสนใจตนกับน้อง คนตัวเล็กก็หันมาถามน้องชายที่กำลังนั่งบนตักพิงอกเขาอย่างสบายอารมณ์ในเรื่องที่ตัวเองสงสัย
“อาทิตย์ครับ อาทิตย์อยากฟังพินอคคิโอเหรอครับ?” ตะวันถาม พลางพลิกเล่มนิทานที่น้องพีถือมาให้ในมือผ่านๆ อาทิตย์ที่มองตามหน้ากระดาษที่พลิกไปพลิกมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามาหาพี่ชายพลางส่งยิ้มตาหยีให้อย่างน่าเอ็นดู
“อาทิตย์รู้ว่าน้องพีอยากฟัง อาทิตย์ฟังเรื่องอะไรก็ได้ เพราะถ้าพี่ตะวันเล่าแปปเดียวอาทิตย์ก็หลับแล้ว”
ตะวันยิ้มให้คำตอบของน้องชายและรู้สึกภูมิใจมากที่ได้ยินแบบนี้ อาทิตย์เลือกที่จะเห็นแก่น้องพีมากกว่า เลือกที่จะตามใจน้องพีมากกว่า เพราะรู้ว่าวันนี้น้องพีมีเรื่องให้เศร้าใจ ซึ่งถึงแม้น้องชายของเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ตะวันก็รู้ดีว่า เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดเขารักและเป็นห่วงเพื่อนสนิทมากแค่ไหน และการแสดงออกถึงความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ นี่อาจจะทำให้น้องพีรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่พลัฎฐ์แล้วล่ะ ที่ภูมิใจในตัวเด็กน้อยที่เฝ้าเลี้ยงเฝ้าฟูมฟักมากับมือ เพราะตอนนี้ตะวันเองก็รู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกัน
พอคิดอะไรเพลินๆ น้องพีก็ปีนขึ้นมาจุ้มปุกบนเตียงข้างๆ ตะวัน ก่อนจะใช้ศีรษะเล็กๆ มาถูไถต้นแขนของพี่ชายข้างบ้านด้วยท่าทางออดอ้อน
“พี่ตะวันค้าบ น้องพีหยักฟังนิทานแย้ว” ตะวันหัวเราะน้อยๆ เพราะรู้สึกจั๊กจี้ ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กๆ ของเจ้าหนูน้อยก่อนจะเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน
“งั้นเรามานอนกันเนาะ จะนอนยังไงดี น้องพีให้พี่ตะวันนอนตรงไหนครับ” ตะวันถาม ก่อนจะอุ้มอาทิตย์ที่อยู่บนตักให้นั่งลงบนเตียงแทน
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าน้องพีกับอาทิตย์นั่งอยู่กลางเตียง แล้วตะวันนั่งอยู่ฝั่งขวา ในขณะที่หันรีหันขวางคิดว่าจะนอนตรงกลางแล้วให้เด็กๆ ขนาบข้าง เพื่อเวลาที่เล่านิทานเสียงจะได้ได้ยินกันทั่วถึงนั้นก็มีเหตุให้ต้องถอนหายใจ เพราะพลัฎฐ์ที่ก่อนหน้านั้นยืนพิงกำแพงอยู่แถวประตูห้อง ถลามานั่งอยู่ตรงฝั่งซ้ายของเตียงข้างน้องพี แล้วเอ่ยเสียงทุ้มปนเจ้าเล่ห์ที่ฟังยังไงตะวันก็รู้ทันว่าต้องมีแผนการแอบแฝงแน่ๆ
“ให้ปะป๊านอนด้วยได้ไหมลูก ปะป๊าอยากฟังพี่ตะวันเล่านิทานด้วยคน”
เด็กชายพีรยสถ์ทำตาโต ก่อนจะยิ้มร่าด้วยความชอบใจ “ได้สิคับปะป๊า ปะป๊านอนข้างน้องพีตรงนี้เยย”
มือเล็กๆ ของเจ้าหนูน้อยตบปุๆ ลงบนที่นอนข้างตัวอย่างกระตือรือร้น เพราะน้องพีชอบมากๆ เวลาที่ปะป๊ามานอนข้างๆ แขนของปะป๊าใหญ่ กอดน้องพีทีอุ่นไปทั้งตัว ดังนั้น เวลาที่เด็กชายได้นอนหลับไปทั้งที่มีคนเป็นพ่อนอนข้างกาย จึงเป็นอะไรที่เขาชอบมากที่สุด น้องพีจึงไม่คิดจะปฏิเสธหากพลัฎฐ์มาขอนอนด้วยแบบนี้
มีแต่ตะวันเท่านั้นที่รู้ทัน มองคนตัวโตกว่าตาขวาง แต่แทนที่พลัฎฐ์จะสลด กลับมาทำหน้าทำตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่เขาเสียอีก ให้ตะวันต้องถอนใจปนๆ กับลอบอมยิ้มไม่ให้อีกฝ่ายเห็นอย่างอ่อนใจ
“แล้วคุณอาทิตย์ต้องนอนตรงไหนอ่ะน้องพี”
และคำถามของเพื่อนสนิทก็ทำเอาเด็กชายตัวน้อยผู้ทำหน้าที่จัดเรียงลำดับการนอนขมวดคิ้วน้อยๆ พร้อมๆ กับเอียงคอมองไปรอบๆ เตียง แล้วพูดเจื้อยแจ้วชี้ไปที่พื้นเตียงด้านขวาสุด ก่อนจะมองหน้าตะวันด้วยดวงตาใสแจ๋วที่มองแล้วน่าเอ็นดูไม่น้อย
“พี่ตะวันนอนตรงนั้นเยย แย้วก็คุณอาทิตย์นอนข้างพี่ตะวัน ให้พี่ตะวันกอดๆ” เจ้าเด็กรู้ดีพูดพลางจัดแจง ก่อนจะหันมาใช้นิ้วจิ้มอกตัวเองแล้วพูดต่อ
“ส่วนน้องพีนอนตงนี้ แย้วก็ปะป๊านอนข้างๆ น้องพี กอดๆ น้องพีเหมือนกัน”
จากการจัดแจงของน้องพีเรียกรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะเบาๆ ของตะวันได้ไม่ยาก ส่วนพลัฎฐ์นั้นหน้ามุ่ย เพราะตัวเองโดนกันจากตะวันให้ห่างกันคนละฟากเตียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามคำสั่งการของเด็กน้อยที่ตอนนี้กุมอำนาจสูงสุดในห้องนอนในฐานะเจ้าของห้อง
“โอเคครับ งั้นเรานอนกันเนาะ เดี๋ยวพี่ตะวันจะได้อ่านนิทานให้ฟัง”
ว่าแล้วทั้งสี่ก็จัดแจงล้มตัวนอน ในขณะที่อาทิตย์ขยับตัวชิดอกตะวันที่ตอนนี้กึ่งนอนกึ่งนั่งพิงหัวเตียงตะแคงเข้าหาเด็กๆ เพราะจะเล่านิทาน ส่วนน้องพีที่ร้องให้ปะป๊ากอดนั้น ก็ขยับชิดตัวอาทิตย์อีกที มือเล็กๆ ของเด็กชายพาดลงไปบนเอวของเพื่อนสนิทแน่นพลางมองสองพี่น้องข้างบ้านตาแป๋วให้ตะวันต้องก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มนั่นอย่างมันเขี้ยว
“คิกๆ พี่ตะวันนน” น้องพีหัวเราะคิกให้อาทิตย์หัวเราะตาม เด็กสองคนนอนชิดกันจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างให้ลมลอดผ่าน โดยมีแขนเรียวของตะวันโอบพาดเด็กทั้งสองไว้ด้วยความอ่อนโยน
ในขณะที่พลัฎฐ์มองคนทั้งสามกอดกันด้วยสายตาตัดพ้อ
“อ่าว น้องพี แล้วปะป๊าล่ะลูก ไหนบอกจะให้ปะป๊ากอดไง” พลัฎฐ์เล่นใหญ่ตัดพ้อ ให้น้องพีได้หัวเราะคิกคักกับอาทิตย์มากกว่าเดิม ก่อนที่เสียงของเจ้าลูกชายตัวแสบจะเอ่ยบอกอย่างทะเล้น
“ปะป๊าก็มากอดสิคับ กอดๆ ทับพี่ตะวันก็ได้”
คนที่รอฉวยโอกาสมานานได้ยินก็ลอบยิ้ม ก่อนจะถลาไปวาดแขนกำยำวางทับแขนเรียวเล็กของตะวันอย่างรวดเร็ว ทำเอาตะวันถึงกับอ้าปากค้างในความขี้ลวนลามของพลัฎฐ์ที่แบบได้นิดได้หน่อยเอาหมด ไม่ปล่อยให้โอกาสเล็กๆ น้อยๆ หลุดลอยเลย
แถมคนขี้แต๊ะอั๋งยังไม่ได้แค่วาดแขนทับ แต่กำลังไล้มือใหญ่ไปมาเบาๆ ที่ท่อนแขนตะวันอย่างเพลิดเพลินอีกตะหาก
ตะวันเลยได้แต่ถลึงตาคาดโทษคนที่นอนมองหน้าเขาอยู่อีกฝั่งของเตียง โดยที่พลัฎฐ์ไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด
“อ่านนิทานสิครับพี่ตะวัน เด็กๆ รอฟังอยู่นะ” พลัฎฐ์แกล้งเย้าให้ตะวันได้ฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเด็กๆ จ้องอยู่ตาแป๋ว ที่ทำได้ก็มีแค่เพียง เริ่มอ่านนิทานเด็กๆ ฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ...
.
.
.
- อ่านต่อด้านล่าง -