Watercolor
#ที่พักพิงสีน้ำ
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา
CH.4
- Orange-
“ไหน..เรามาคุยกันตามประสาแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่คบกันมาตั้งแต่สามขวบหน่อยซิ”
รามิลตบๆ ลงบนเตียงของทิมให้ทุกคนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามมุมห้องให้มารวมตัวกัน วันนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่มีนัดทานข้าวที่บ้านของครอบครัววรโชติเมธี คุณย่ากาญจนาเตรียมอาหารต้อนรับยังกะภัตราคารห้าดาว ตามประสาคนสูงวัยหลังจากทิมย้ายไปอยู่บ้านพอร์ชคุณย่าก็ทำท่าเหมือนไอ้ทิมมันย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่จากบ้านพอร์ชมาบ้านทิมใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นแถมตั้งแต่ไอ้คินเปิดร้านก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านอีก คุณย่าถึงกับตัดพ้อว่าพอแก่แล้วบรรดาดาลูกหลานพากันหายหน้าหายตา นี่ก็บอกให้พวกเขาสี่คนนอนค้างด้วยกันที่นี่
เล่นใหญ่ซะขนาดนั้นแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เลย
หอบหิ้วชุดนอนมานอนบ้านไอ้ทิมกันให้ครบทั้งแก๊ง
“ครั้งนี้มีปัญหาหัวใจใครไหม”
“ตั้งแต่เรื่องไอ้ทาสพอร์ชผ่านไปด้วยดีก็ไม่มีหัวข้อนี้เลยว่ะ”
“แก๊งเราเป็นคลับฟรายเดย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ภาคิน มึงนึกดีๆ ตั้งแต่ไอ้มิลสับสนเรื่องไม้แม่งเรียกประชุมวันละร้อยรอบ ไม่มีเรื่องอื่นเลยอีหัวหน้าแก๊งแม่งมีปัญหาอยู่เรื่องเดียว”
“ทำไม กูสับสนกูโง่เรื่องความรักกูผิดเหรอ”
“ดีนะไอ้เบนฉลาดเรื่องความรัก พอรู้ตัวว่ารักคีตาแม่งไม่สนห่าเหวอะไรเลยจะเอาให้ได้อย่างเดียวฉากคุกเข่าสารภาพกับเจ้าสัวกรรณเฮียบอยยังเปิดให้กูดูอยู่จนถึงทุกวันนี้”
“ยังอยูอีกเหรอวะเมื่อไหร่มันจะหายไปจากโลกใบนี้ แต่ที่พีคสุดคือไอ้ทิมเรียกประชุม กูนี่สติแทบหลุดแล้วเรื่องใหญ่ด้วยนะโธ่..ทับทิมของพี่เบน”
“ส้นตีนจริงๆ เบนจามิน”
“เหลือแค่มึงแล้วภาคิน รอมึงเปิดอยู่ทุกวินาที”
ทิมกระเถิบตัวมานอนลงข้างรามิลตามด้วยภาคินที่ดึงเสื้อเบนให้มานอนด้วย ถ้าใครมาเห็นก็คงต้องหัวเราะออกมาเพราะทุกคนใส่ชุดนอนแบบเดียวกันแต่คนละสีแถมยังนอนเรียงกันเหมือนโรงเรียนประจำ พอมาถึงเรื่องของคินเจ้าตัวกลับไม่พูดอะไรเอาแต่นอนยิ้มจนทิมต้องยกตัวขึ้นมามองหน้า
“ครูสอนวาดรูปคนนั้น..”
“ทำไม”
“มึงมีซัมติงกับเขากูมองไม่ผิด”
“มึงเห็นอะไรล่ะ”
“มึงกอดเขาด้วย”
“พวกมึงก็รู้ว่าเพราะอะไรทำไมกูถึงต้องทำแบบนั้น”
“มึงอยู่ใกล้กับเขามากๆ เกือบจะจูบกันอยู่แล้ว”
“แล้วต้องนั่งห่างกันขนาดไหน”
“มึงทำเขาหน้าแดง”
“อันนี้ความผิดกูตรงไหนกัน”
“มึงฉลาดจริงๆ ว่ะคินเป็นไอ้เบนยอมรับว่าชอบเขาตั้งแต่กูถามคำถามแรกแล้ว”
“สัดทิม กูแค่ซื่อตรงกับความรู้สึกชอบก็บอกว่าชอบไม่ยึกยักโยเยยุกยิกแบบไอ้คินหรอก”
“กูยังไม่ได้ชอบ”
“เฮ้ยๆ มีคำว่ายังว่ะ”
“กูรู้ว่าพวกมึงเป็นคนแบบไหนเรื่องความรัก”
“ไหนบอกมาซิคุณชายทับทิม นพจินดา”
“รามิลเป็นคนรักเดียวใจเดียว เวลารักใครก็รักอยู่คนเดียวไม่ชายตามองใครทั้งนั้น แล้วมึงเบนจามินเมื่อก่อนชอบหลายคนแต่รักคนเดียว”
“ส่วนมึงทับทิม ไม่เคยรักใครเลยจนมาเจอไอ้พอร์ช”
“และนายภาคิน รักคนยากมากแต่หยอดคนโคตรเก่ง”
“ทำไมกูดูเลวไปเลยวะ”
“แต่มึงหยอดเฉพาะคนที่มึงสนใจนะคินถ้ามึงไม่สนใจเขา คนอื่นเข้ามาคุยด้วยมึงยังไม่อยากจะคุยเลย”
“เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องคุณสีน้ำขอเวอร์ชั่นจริงจัง รามิลมึงเปิดเรื่องซิ”
รามิลที่นอนฟังทั้งสามคนเถียงกันอยู่นานได้แต่หัวเราะเพราะภาคินเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ฉลาดเป็นกรดมันสมองของกลุ่ม เรื่องที่จะให้ยอมรับตรงๆ รามิลเดาได้เลยว่าไม่มีหรอกเค้นถามไปเถอะ ตอนนี้คินกำลังโดนทิมกอดแขนด้านขวาข้างซ้ายก็มีเบนติดหนึบอยู่สงสารมันจริงๆ โดนต้อนจนตัวลีบ
“คิน มึงสนิทกับเขามากขึ้นใช่ไหม”
“ก็สนิทมั้งร้านอยู่ข้างกันเจอหน้ากันทุกวัน บางครั้งเขาก็ซื้ออาหารเช้าให้กูสารพัดสิ่ง อย่างน้อยกูก็ไม่อดตาย”
“จีบเหรอวะ?”
“ไม่น่าใช่ อาจะเป็นคนเฟรนลี่คนหนึ่ง”
“ถ้ามนุษย์สัมพันธ์ดีเขาทำแบบนี้กับทุกคนมึงเคยเห็นเขาซื้อให้คนอื่นไหม”
“ไม่รู้ว่ะไม่เคยเห็น”
“ลองถาม กูรู้ว่ามึงฉลาดที่จะถามอ้อมๆเพื่อให้ได้คำตอบ”
“แล้วถ้ารู้คำตอบแล้วมันยังไงต่อ”
“อันนี้ก็อยู่ที่ตัวมึงแล้วคิน ถ้ามึงรู้ว่าเขาทำแบบนี้ให้มึงแค่คนเดียวมึงจะรู้สึกยังไง”ภาคินเงียบลงก่อนจะนอนคิดเรื่องที่รามิลพูด เอาจริงๆ เขาก็เคยสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่พอเห็นหน้าคุณสีน้ำในทุกๆ วันมันก็ลืมไปหมด มันกลายเป็นความเคยชินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าทุกวันในตอนเช้าเขาจะเปิดประตูหน้าร้านแล้วก็เจอถุงผ้าใส่อาหารแขวนไว้บางวันก็เจอเจ้าตัวยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู แล้วถ้าการเอาใจใส่ที่คุณน้ำทำอยู่ทุกวันนี้มีแค่เขาคนเดียวที่ได้รับมันก็คงเรียกได้ว่า
พิเศษ..“แค่นี้มึงก็นอนยิ้มแล้วอะภาคิน”
“และทำไมกูจะยิ้มไม่ได้”
“ตลกว่ะ วันแรกที่เจอกันเขายังเอาสีน้ำมาสาดใส่มึงอยู่เลย แล้วไอ้คินผู้ซึ่งเกลียดการระบายสีน้ำเข้าไส้ถ้าได้แฟนเป็นครูที่สอนวาดรูปสีน้ำ กูเห็นภาพคุณครูคนนั้นเอาสีน้ำสาดใส่มึงทุกวันแล้วนะคิน”
“มึงคิดไปไกลมากเบน”
“เกลียดอะไรได้อย่างนั้นแม่งมีจริง”
“กูเกลียดสีน้ำที่เป็นสี”
“แต่ชอบคนที่ชื่อสีน้ำ”
“กูยังไม่ได้ชอบ” / “กูยังไม่ได้ชอบ” /“กูยังไม่ได้ชอบ”“เวลาพวกมึงประสานเสียงนี่น่ากลัวฉิบหาย”
“มึงหูแดงคิน”
“อย่ามากล่าวหากู”
“เลิกลักแล้ว”
“เลิกลักเหี้ยไร”
รามิลได้แต่นอนมองภาคินถูกรุมซ้ายขวา เบนกับทิมก็เอาแต่แกล้งไม่คินไม่เลิกเอาเถอะนานๆ ทีคินถึงจะมีจุดอ่อนให้แกล้งได้ รามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสามคนที่กำลังหยิบหมอนมาฟาดใส่กันเหมือนตอนเด็กๆ ถึงตอนนี้จะโตกันสามสิบกว่ารามิลก็ยังชอบช่วงเวลาที่เราได้นอนคุยกันแบบนี้อยู่ดี
“เมื่อกี้เสียงดังกันอยู่เลย ตอนนี้หลับกันหมดแล้วมั้ง”
“คุณย่าคะ แก๊งลูกเพื่อนแม่อายุเท่าไหร่กันแล้วยังมาเดินตรวจเหมือนตอนประถมอยู่อีก”
พลอยเดินตามคุณย่ากาญจนาที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องทิมหลานรัก ลองเอาหูแนบกับประตูก็ไม่ได้ยินเสียงคุยกันเหมือนเมื่อกี้เลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นตอนนี้ทำให้คุณย่ากาญจนาและพลอยยิ้มออกมา แก๊งลูกเพื่อนแม่ มิล เบน คินและทับทิมตัวโตจนแทบจะเลยเตียงของทิมอยู่แล้ว แต่ทั้งสี่คนก็ยังนอนเรียงกันเหมือนตอนเด็กๆ รามิลนอนหงายโดยมีทิมนอนกอดอยู่ ภาคินกับเบนแขนขาพาดกันไปมาไม่รู้ว่าหลับไปทั้งๆ ที่ยังตีกันอยู่หรือเปล่า คุณย่ากาญจนาเดินเข้าไปห่มผ้าให้ทั้งสี่คนที่หลับสนิทก่อนจะยิ้มออกมา
“ในสายตาของย่า เจ้าสี่คนนี้ก็ยังเป็นเด็กผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมคนละสีวิ่งเล่นไปมาเหมือนเดิมนั่นแหละ”Watercolor
ข้าวต้มกระดูกหมู
วันนี้เป็นเมนูใหม่ที่สีน้ำไม่เคยซื้อมาให้ภาคินมาก่อน ร้านข้ามต้มชอบเปิดตามใจฉัน หายไปเป็นอาทิตย์เลยก็มีพอเปิดทีคนก็ต่อแถวรอยาวเป็นกิโล ดีนะที่เขาอดทนมากพอไม่งั้นเลิกรอตั้งแต่เห็นแถวแล้ว สีน้ำหยุดอยู่หน้าร้านภาคินเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดทำงานยืนถือถุงอาหารเต็มสองมือ แต่ท่าทางเหมือนตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปในร้านดี
“ขอโทษนะครับ มาหาคุณภาคินหรือเปล่าครับ”
“อ้อ..ครับคือ”
“ร้านน่าจะยังไม่เปิดถ้าคุณจะรอ เข้ามารอที่ร้านผมก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับผมมีประชุมผมฝากของให้คินหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ครับ”
สีน้ำรับบรรดาถุงขนมมาถือไว้เอง พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ หน้าคล้ายคุณคินอยู่นะแต่ดูมีอายุแถมการแต่งตัวก็ยังเนี๊ยบกว่าคุณคินมากๆ ทั้งเสื้อทั้งกางเรียบแทบไม่มีรอยยับสักรอย สีน้ำเหลือบไปเห็นตราธนาคารตรงเนคไทด์ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าทำงานอยู่ที่ไหน
“เดี๋ยวครับให้บอกคุณคินว่าจากใคร”
ไม่รู้ว่าเขาเองถามอะไรผิดหรือเปล่าเพราะเห็นอีกฝ่ายชะงักไปพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องบอกก็ได้ว่าจากใคร ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อก็เห็นอีกฝ่ายรีบร้อนขึ้นรถน่าจะมีประชุมด่วนจริงๆ สีน้ำหันกลับมาตั้งใจจะแขวนถุงอาหารไว้ตรงประตูจังหวะเดียวกับที่ประตูหน้าร้านของภาคินเปิดออกพอดี สีน้ำเลยชูถุงอาหารขึ้นมาแล้วยิ้มให้
“ทำไมวันนี้มันถึงเยอะขนาดนี้ครับ”
“จริงๆ ของผมมีแค่ถุงเดียวส่วนที่เหลือ..”
คินเปิดดูบรรดาถุงอาหารสองถุงแต่เห็นแค่กล่องอาหารก็พอรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของ อาหารทั้งหมดมันเป็นของโปรดเขาทั้งนั้นและมันก็มีแค่คนเดียวที่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร
“เขายังไม่ทันได้บอกชื่อแต่หน้าคล้ายๆ คุณคิน”
พี่เค..สีน้ำไม่รู้ว่าอาหารสองถุงนั้นมันมีอะไรผิกปกติหรือเปล่าเพราะเห็นว่าแววตาของคุณคินดูเศร้าแปลกๆ แต่มันก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้นก่อนที่คุณคินจะกลับมาเป็นปกติตามเดิม
“ครับ ว่าแต่ไหนอาหารเช้าผม”
“คุณคินจะกินของผมเหรอ มีของแพงหรูหราให้เลือกตั้งหลายอย่าง”
ภาคินหยิบถุงข้าวต้มมาถือไว้ก่อนจะบอกว่าถุงนี้แน่ๆ สีน้ำเลยหยักหน้าพร้อมกับนั่งลงข้างๆ คินเลยจัดการเทข้าวต้มใส่ชาม ข้าวต้มกระดูกหมูหอมฉุยดูน่ากินดีจังหวะที่คินกำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ลองถาม กูรู้ว่ามึงฉลาดที่จะถามอ้อมๆเพื่อให้ได้คำตอบ”“ข้าวต้มนี่ขายตรงไหนผมไม่เคยเห็น”
“ตรงซอยเก้านู่น แต่อาทิตย์หนึ่งเปิดสักสองวันได้มั้ง วันนี้เขาก็เพิ่งเปิดคนต่อแถวโคตรยาว”
“แสดงว่ามันต้องอร่อยมาก”
“แน่นอน..คุณคินลองชิมแล้วบอกผมว่าอร่อยไหม”
“แล้วคนอื่นเขาว่ายังไงกันบ้างครับ”
“ถามใครล่ะ ก็ผมซื้อให้คุณคินเนี่ย”
“อ้าว..ก็คนอื่นๆ ที่คุณน้ำซื้อให้เขาบอกว่ายังไงบ้าง”
“ผมไม่รู้เพราะผมซื้อให้คุณคินคนเดียว”“…………………………………………….”
“เดี๋ยว..นี่แกล้งอยู่ใช่ไหม”
“แกล้งอะไร”
“คุณคินยิ้มเจ้าเล่ห์มากๆ ”
“เหรอ ผมยิ้มแบบไหน”
คินแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่สีน้ำจะยกมือขึ้นมาดันไหล่กว้างไว้ แต่คินก็ยังไม่ยอมเลิกยิ้มแถมยังยักคิ้วหลิ่วตาจนครูสีน้ำต้องบอกให้หันกลับไปกินข้าวต้มได้แล้วเดี๋ยวจะเย็นซะหมด
“จริงๆ เลยนายภาคิน”
“สู้ไม่ได้ก็เรียกชื่อจริงตลอดเลยนะคุณครู”
“ถ้ากวนมากๆ จะเรียกเด็กชายภาคิน”
“แล้วเมื่อไหร่จะเรียกคินเฉยๆ พอร์ชยังเรียกทิมว่าทิมเฉยๆ เลยทิมแก่กว่าตั้งหลายปี”
“ก็เขาเป็นแฟนกัน”
“ต้องเป็นแฟนกันเท่านั้นสินะถึงจะเรียกชื่อเฉยๆ ได้”
“ก็แฟนกันเขาจะเรียก..ไรวะเนี่ยคุณคิน!”
“โอเคๆ คุณครูอย่าเพิ่งตีผม ผมจะกินข้าวเช้าแล้วครับกินแบบสงบเสงี่ยมเรียบร้อย”
“วันนี้เป็นเช้าที่คุณคินยิ้มเยอะมากๆ เมื่อก่อนนะหน้านิ่งจนผมเดาอารมณ์คุณไม่ถูกเลย”
คินตักข้าวต้มเข้าปากก่อนจะเหลือบมองคนพูดไปด้วย คุณสีน้ำเป็นคนที่ตื่นเช้าและยังร่าเริงทุกวันถ้าเป็นเขานะตื่นก่อนเจ็ดโมงเขาคงไม่มีอารมณ์มายิ้มแป้นแล้นแบบนี้ได้ คินเงยหน้ามองไปรอบๆ ร้านตัวเอง ภายในร้านเขาก็ยังเป็นสีเดิมๆ เหมือนที่เห็นอยู่ทุกวัน สีดำ สีขาว สีดำ สุดท้ายสายตาก็เขาก็หยุดอยู่ที่คุณน้ำที่ยังคงยิ้มอยู่
“แลกกันไง คุณน้ำซื้ออาหารเช้าให้ผมคนเดียวผมก็ยิ้มให้คุณน้ำคนเดียว”ครูสอนวาดรูปมือหนักมาก มั่นใจว่าไม่ได้พูดอะไรผิดแต่คุณน้ำบ่นพึมพำว่า วันนี้โดนแกล้งเยอะไปแล้วเลยขอตีสักทีเลยโดนฟาดมาตรงไหล่หนึ่งป๊าบแล้วก็เดินกลับร้านเพราะเห็นมีคลาสสอนต่อ คินเลยกลับมาสนใจข้าวต้มกระดูกหมูในชาม อยู่ดีๆ ก็นึกถึงคำพูดของรามิลที่เคยคุยกัน
“อันนี้ก็อยู่ที่ตัวมึงแล้วคิน ถ้ามึงรู้ว่าเขาทำแบบนี้ให้มึงแค่คนเดียวมึงจะรู้สึกยังไง”ดีใจไหมเขาก็ไม่รู้แต่ตอนนี้หยุดยิ้มไม่ได้เลยว่ะ
ไอ้คำว่าซื้อให้คุณคินคนเดียวนี่มันมีผลต่อใจเขาขนาดนี้เลยเหรอวะ
ช่วงบ่ายลูกค้าค่อยซาลงหน่อยหลังจากที่ช่วงสายๆ แน่นเต็มร้านจนคินหัวแทบหมุน พอมีเวลาเลยมาจัดตารางสตูดิโอ เพราะช่วงนี้มีคนมาเช่าเยอะจนตารางมันชนกันไปหมด เสียงคุยกันนอกร้านที่ดังเข้ามาทำให้คินลุกขึ้นไปเปิดประตูก่อนจะเห็นว่าคุณสีน้ำยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยเจอมาแล้ว
คุณกอล์ฟมีหลานชื่อน้องปุ๊กกี้
พอเห็นท่าทางอึดอัดของคุณสีน้ำคินเลยเลือกที่จะยืนกอดอกพิงประตูรอดูเหตุการณ์อยู่อย่างนั้น ไอ้คุณอากอล์ฟนี่ท่าทางจะตื้อไม่เลิกขนาดตอนนั้นเขาแสดงออกให้รู้ว่าเขากับคุณน้ำเป็นอะไรกันยังจะไม่เลิกจีบอีก ท่าทางคุณน้ำเหมือนอยากหาตัวช่วยเต็มทนมองซ้ายมองขวาจนดูน่าสงสารและแน่นอนจะมีใครล่ะนอกจากภาคินคนนี้
“สีน้ำ”เสียงเรียกที่ดังขึ้นมาทำให้ครูสอนวาดรูปหันมามองก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาคินท่าทางดีใจเหมือนเจอสมบัติร้อยล้านอยู่ตรงหน้าทำให้คินต้องกลั้นยิ้ม มีการถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกต่างหาก
“คุณน้ำจะกอดผมหรือจะให้ผมกอดคุณ”
“ยังไงนะ”
“ผมถามก่อนเพราะกลัวว่าคุณจะไม่โอเค เขายังตื้อไม่เลิกใช่ไหม”
“ครับ เขาดูไม่เชื่อว่าผมมีแฟนแล้วและเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณคินเป็นแฟนผม”
“นับหนึ่งถึงสามเขากำลังจะเดินมา เอาไง”
“แล้วผมต้องทำอะไร”
“หนึ่ง”
“เมื่อกี้บอกให้กอดเหรอ”
“สอง”
“โอเค..อยากทำอะไรก็ทำเลย! ไม่อยากคุยกับคุณกอล์ฟแล้วไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเหมือนกัน”
ทันทีที่คุณน้ำบอกมาแบบนั้นภาคินก็คว้าเอวเข้ามากอดไว้แน่นสีน้ำเลยต้องยกมือขึ้นมากอดเอวคินไว้เช่นกัน คนที่กำลังเดินเข้ามาหาหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของคุณอากอล์ฟดูลังเลคล้ายกับยังไม่เชื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“ผมเห็นคุณคุยอยู่กับน้ำนานแล้วมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“ผมมารอรับปุ๊กกี้ครับ”
“อีกนานเหรอครับ”
“ปุ๊กกี้เพิ่งเข้าไปเรียนกับครูณัฐเองครับน่าจะอีกนาน ผมเลยมาคุยกับคุณครูสีน้ำรอ”
“แล้วนี่คุยกันเสร็จหรือยัง”
“ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอกครับ เรื่องทั่วๆไป”
“อ้อ ถ้าไม่สำคัญขอพาน้ำไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวครับคือคุณ…”
“ผมชื่อภาคิน มีอะไรอยากถามหรือเปล่าครับแต่ที่จริงผมมีคำถามอยากถามคุณกอล์ฟเหมือนกันนะ แต่คิดว่าจะปล่อยไปก่อนคราวหน้าถ้าผมยังเจอคุณพยายามจะจีบสีน้ำอีก เราคงต้องคุยกันหน่อย"
“……………………………………”
“จีบแฟนคนอื่นหน้าตาเฉยนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะคุณอาของน้องปุ๊กกี้”คุณกอล์ฟถึงกลับชักสีหน้าก่อนจะบอกว่าขอตัวก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมารับปุ๊กกี้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อมากน้อยแค่ไหนแต่ครั้งนี้น่าจะหัวเสียไม่เบา คินก้มลงมองแขนของคุณสีน้ำที่ยังคงกอดเอวเขาอยู่ พอเห็นเจ้าตัวยังกอดเขาอยู่อย่างนั้นคินเลยเลือกที่จะยื่นอยู่ท่าเดิม
“วิธีนี้มันจะดีเหรอถ้าเราหลอกเขาอย่างนี้ก็ต้องหลอกไปตลอดน่ะสิ”
“สนุกดี เคยสงสัยว่าเวลาไอ้ทิมกวนประสาทคนอื่นนี่มันสนุกตรงไหนวันนี้ผมเข้าใจแล้ว”
“แล้วถ้าวันไหนคุณคินมีแฟนขึ้นมาจริงๆ ผมจะต้องบอกคุณกอล์ฟว่ายังไง”
“ถ้าผมมีแฟนขึ้นมาจริงๆ..”
“ก็ใช่ไง ถ้าเกิดแฟนคุณคินมาตบผมขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะทีนี้”
คินก้มลงมองคนที่ยังอยู่ในอ้อมกอด หน้าตายุ่งเหยิงเหมือนเป็นเรื่องเครียดระดับชาติพอเห็นแบบนี้ก็อยากจะแกล้งขึ้นมาอีกรอบ คินกระชับกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะเอนตัวมากระซิบข้างๆ หูและแน่นอนว่าเขาโดนฟาดไม่ยั้งจากครูสอนวาดรูป
“แล้วคุณสีน้ำจะตบตัวเองทำไมล่ะครับ”วันนี้โดนครูตีทั้งวันเลยเว้ยเด็กชายภาคิน
Watercolor
หลังจากโดนตีไปเกือบสิบทีคุณน้ำก็หายเข้าไปในร้านก่อนจะเดินเข้ามาหาคินอีกรอบพร้อมกับกระดาษวาดรูปในมือ คินเห็นมันเป็นแบบร่างคร่าวๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรพอได้คุยก็เลยรู้ว่ามันคือแบบร่างของใบโบรชัวร์
“บ้านรุ่งอรุณจะจัดงานครับ เป็นงานเล็กๆ แค่จัดแสดงรูปวาดที่เด็กๆ วาดเพราะงบประมาณไม่ได้เยอะเท่าไหร่ผู้อำนวยการก็เลยอยากให้ผมช่วยเรื่องใบประกาศ”
“ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้จริงๆ ผมวาดรูปเป็นอย่างเดียวเลยมาถามความเห็นคุณคินน่าจะดีกว่า”
คินรับกระดาษในมือจากคุณน้ำมาดูใกล้ๆ เท่าที่เห็นงานไม่ได้ยากส่วนมากเป็นรูปวาดของเด็กๆ คินพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้เอง ดีที่คุณน้ำมีไฟล์รูปภาพพร้อมอยู่แล้วเลยไม่ต้องกลับไปที่บ้านรุ่งอรุณอีกรอบ ภาคินเลยนั่งทำใบโบรชัวร์ไปด้วยพร้อมกับเหลือบมองคนที่นั่งขีดๆ เขียนๆ วาดรูปอยู่ข้างๆ เรื่องราวที่คุยกันตอนแรกมันเป็นแค่เรื่องงานอย่างเดียวแต่หลังๆ ก็เริ่มคุยเรื่องอื่นบ้าง
“รู้ไหมตอนนี้ผมอยากกินอะไร”
“หิวแล้วเหรอครับ”
“อยากกินเฉาก๊วยใส่น้ำเป๊ปซี่”ทันทีที่ได้ยินมือที่จับเมาส์ปากกาหยุดชะงักก่อนที่ภาคินจะหันมามองคนที่นั่งวาดถ้วยขนมอยู่ข้างๆ อยู่ดีๆ ข้อความในโปสการ์ดที่คินเคยได้รับก็แวบขึ้นมาในหัว มันเป็นลายมือที่เขียนไว้ว่า
เคยกินเฉาก๊วยใส่น้ำอัดลมป่ะคุณ โคตรอร่อยเลยโดยเฉพาะน้ำเป๊ปซี่
ถ้าวันไหนเรามีโอกาสได้เจอกันอยากให้คุณลองนะ “เงียบทำไมอะคิดว่าผมกินอะไรแปลกๆ อยู่แน่ๆ”
“ไม่หรอก ผมเคยรู้จักคนที่เคยกินแบบคุณ”
“เฮ้ย จริงป่ะผมบอกณัฐแล้วว่ามีคนกินเฉาก๊วยใส่น้ำเป๊ปซี่เหมือนผมไอ้ณัฐชอบด่าว่ากินอะไรไม่เหมือนคนอื่น ถ้าคุณคินเจอเขาบอกเขาด้วยนะว่ามีผมที่กินอยู่”
“ผมก็หวังว่าสักวันผมจะเจอเขานะ”
คินพูดเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาทำงานตามเดิม พอตั้งใจทำงานทุกอย่างก็เงียบลงคุณน้ำเองก็วาดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกก็วาดปกติมีชะโงกน้ามาดูงานที่เขาทำบ้าง บางครั้งก็เอนตัวลงไปนอนแล้วก็เด้งตัวขึ้นมาวาดรูปใหม่ท่าทางแบบนั้นมันทำให้คินต้องอมยิ้มก่อนจะบอก
“เอาสีน้ำมาระบายก็ได้นะถ้าคุณเบื่อ”
“เดี๋ยวร้านคุณเลอะ”
“ผมไม่ว่าหรอก เห็นคุณน้ำเอาปากกาสีดำวาดรูปแล้วผมเองก็ไม่ชิน”
“หมายความว่าไง”
“เจอคุณน้ำทีไรเลอะสีตลอด มีทุกสีอยู่บนตัวแต่ไม่เคยเห็นมีสีดำ”
“ผมไปเอาสีน้ำมาได้จริงๆ นะ”
“ได้ครับ”
ท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นเจ้าตัวยิ้มแฉ่งแล้วก็วิ่งไปเอาอุปกรณ์มา ตอนแรกคินนึกว่าจะมาทั้งหลอดสี พู่กัน จานสีแต่คุณน้ำก็เอามาแค่กระดาษวาดรูปกับกล่องพาสติกสีขาว น่าจะเป็นสีน้ำแบบพกพามีพู่กันสีน้ำมาเสร็จสรรพ เออเดี๋ยวนี้มีแบบนี้ด้วยเว้ยทีตอนนั้นยังหลอกล่อให้เขาผสมสีเองอยู่เลย
“ตรงนี้คุณน้ำจะเอาเป็นรูปภาพของเด็กหรือรูปบ้านรุ่งอรุณดี”
“บ้านรุ่งอรุณก็ได้ครับ อีกด้านหนึ่งมีรูปวาดของเด็กๆ เยอะแล้ว”
“เด็กๆ วาดแต่ผลไม้เนอะ”
“มันก็วาดง่ายสุด วาดกลมๆ แล้วก็มีจุกมีก้านอย่างส้มที่ผมกินอยู่ตอนนี้ก็วาดแบบนี้เลย”
“อร่อยไหมล่ะส้ม”
“อร่อยครับ ไม่มีเมล็ดด้วย”
“กินอีกก็ได้เดี๋ยวแม่ผมก็เอามาให้ใหม่”
สีน้ำเอาส้อมจิ้มชิ้นส้มแล้วถือค้างไว้ลังเลอยู่นานว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายก็ยื่นให้คนที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆ ภาคินเหลือบมองก่อนจะกินส้มที่อีกคนป้อนให้ อยู่ดีๆ บรรยากาศก็เงียบขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันตามปกติ พอเห็นภาคินเอาแต่ยิ้มมืออีกข้างก็ขยับเมาส์ปากกาไปมา สีน้ำเลยหันมาวาดรูปในกระดาษตามเดิม
“คุณวาดรูปอะไร”
“วาดส้ม”
“ไหนส้ม”
“นี่ไง ผมนั่งระบายสีอยู่นี่”
“อยากได้ส้ม”
“ยังวาดไม่เสร็จเลย”
“ส้มแบบเมื่อกี้”สีน้ำเริ่มรู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไรเลยจัดการจิ้มส้มแล้วยื่นให้แต่คุณคินก็ไม่ยอมรับจนต้องยื่นให้ถึงปาก ท่าทางสบายจนเกินเหตุสีน้ำเลยจิ้มสีส้มไปตรงแขนคินหนึ่งที จุดสีส้มเด่นชัดตรงแขนทำให้คินก้มลงมองก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำมาจุดลงบนแขนขาวของครูน้ำคืนบ้าง
“เลอะหมดแล้ว”
“เคยเห็นแต่เลอะสีอื่น เลอะสีดำซะบ้าง”
“อย่างนี้ผมต้องป้ายคุณคินทุกสีแล้ว มินิมอลดำเทาขาวขนาดนี้”
“วันนี้คุณน้ำดูไม่เหมือนคุณครูเท่าไหร่”
“วันนี้ผมทำไม”
“ดูยุ่งวุ่นวายเหมือนเด็กประถม อยู่นิ่งๆ ไม่เกินสิบนาทีเลย”
“ขอโทษละกันครับจากนี้จะนั่งระบายสีเงียบๆ หรือว่าผมควรกลับร้านก่อนคุณคินจะได้ทำงานได้ถนัดๆ”
“น่ารักดี”“…………………”
“ยุ่งวุ่นวายแบบเมื่อกี้มันน่ารักดีนั่งระบายสีอยู่ข้างๆ ผมนี่แหละไม่ต้องไปไหนหรอก”คุณสีน้ำหยิบพู่กันจุ่มสีส้มก่อนจะระบายสีเงียบๆ พอเห็นเขามองอยู่อย่างนั้นก็เอาปากกาพู่กันมาป้ายสีส้มที่แขนเขาอีกรอบ คินเลยเอาปากกาเมจิกสีดำวาดอีโมจิหน้ายิ้มลงบนแขนคุณน้ำบ้าง กลายเป็นว่าตอนนี้แขนของเขาและคุณน้ำเลอะไปด้วยสีน้ำสีส้มและปากกาเมจิคสีดำ ไม่คิดเหมือนกันว่าคนที่ไม่ชอบการระบายสีน้ำอย่างเขาจะยอมให้สีน้ำมาเลอะบนตัวอีกเป็นครั้งที่สอง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนระหว่างสีส้มกับสีดำเขาคงเลือกสีดำโดยไม่ลังเล
แต่ตอนนี้คิดว่าสีส้มมันก็สวยเหมือนกัน อีกอย่าง..
วันนี้ส้มก็หวานดีด้วย
TO BE CON
ps: คิน : ยังไม่ได้ชอบ!
มีคนบอกว่าชื่อ #นิยายเราคล้องจองกัน
จริงๆ แล้วชื่อตัวละครก็คล้องนะคะ
พฤกษา - รามิล
เบนจามิน -คีตา
พชร - นพจินดา
ธารธารา - ภาคิน
ว๊าว!! ตั้งเองตื่นเต้นเอง 555555
#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb