WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา
CH.1
- Brown-
“คือเรากำลังเล่นอยู่กับนักเรียนกลุ่มสุดท้าย และคราวนี้กำลังโดนรุมป้ายสีก็เลยจะหนีไปตั้งตัวข้างนอกร้าน”
“.............................................”
“พอเปิดประตูออกไปเจอใครไม่รู้ยืนถือแก้วกาแฟอยู่”
“แล้ว?”
“ตอนนั้นคือเราเบรคไม่ทันและจานสีในมือก็....”
“สาดใส่เขาทั้งหมด”
“มันเป็นอุบัติเหตุณัฐ เราไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีไปสาดใส่ใคร”
“กูบอกมึงเป็นรอบที่ล้านแล้วน้ำว่าห้ามวิ่งในร้าน”
“ก็ตอนนั้นสอนเสร็จแล้วนี่”
“แล้วรู้หรือยังสรุปเขาเป็นใคร”
“เจ้าของร้านข้างๆ มั้งเราเดาเอา ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่หน้าตาดูรวยคงเป็นเจ้าของ”
“เสื้อเขาแพงแน่กูว่าตัวละสามหมื่น”
“ร้องไห้แล้ว เฮ้ย..แต่เราก็เลอะเหมือนกันนะ”
“มึงเลอะสีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วน้ำ เผลอๆ เขาเลอะเยอะกว่ามึงอีกยกมือขึ้นมาสาบานเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่วิ่งในร้านอีก”
“อย่าติงต๊องนี่สามสิบกว่าแล้ว”
“ช่วยทำตัวให้เหมือนสามสิบกว่าหน่อยเถอะ กูปวดหัว”
สีน้ำได้แต่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยเมื่อญาติสนิทกำลังกอดอกถือไม้เรียว (พู่กัน) ทำท่าจะฟาดเขาอยู่ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ทันทีที่ตั้งสติได้ก็ค้นพบว่าทั้งเนื้อทั้งตัวรวมทั้งเสื้อผ้าเลอะไปด้วยสีน้ำ ปกติเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเนื้อตัวจะเลอะเทอะเขาชินกับมันแล้ว แต่..คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใครก็ไม่รู้แถมยังเลอะสีน้ำแทบทั้งตัว ทั้งๆ ที่ควรจะพูดอะไรออกมาสักหน่อยแต่ทั้งสองคนต่างคนต่างยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่สีน้ำจะเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาคนแรก
“คือ...”
“ผมขอไปล้างตัวก่อนแล้วกัน”
ท่าทางจะโมโหไม่เบาหน้านิ่งขนาดนั้น
ดีที่ไม่ต่อยเขากระเด็น
สีน้ำเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปในร้านข้างๆ อ้อ...เปิดแล้วสินะเห็นปิดประตูอยู่เป็นเดือน ตอนนี้เดาไม่ออกเลยว่าเจ้าของร้านรู้สึกยังไงถ้าเป็นความประทับใจแรกน่าจะติดลบล้านไปแล้ว สีน้ำก้มลงมองพื้นกระเบื้องที่ตอนนี้เลอะไปด้วยสีและกาแฟ แปลกดีไม่ค่อยได้เห็นสีแบบนี้เท่าไหร่ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมศิลปะบนพื้นกระเบื้อง เสียงตะโกนของญาติสนิทที่ดังจากในร้านทำให้สีน้ำต้องเดินกลับเข้าไป
“มึงควรไปขอโทษเขาน้ำ”
“หน้าตาดูอยากบีบคอเราอยู่”
“ก็มึงเอาสีไปสาดใส่เขาแบบนั้น”
“เราบอกเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ามันคืออุบัติเหตุ เราไม่ได้ผิด!”
“แล้วใครผิด”
Watercolor
“ไม่ใช่ความผิดกูแน่นอนมึงดูกูเลอะไปทั้งตัวแบบนี้”
คินกำลังเอาผ้าเช็ดตัวเบาๆ หลังจากที่ไปอาบน้ำอาบท่าล้างสีที่เลอะตัวออกให้หมด นี่ก็ใช้เวลาเยอะอยู่ตอนแรกว่าแค่ล้างน้ำเฉยๆ แต่คิดว่าอาบน้ำเลยน่าจะดีสุด ทั้งขัดทั้งถูกว่าจะออก คินยกแขนขึ้นมาดูซ้ายขวาสำรวจดูว่ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ทิมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเค้าน์เตอร์คว้าคอเสื้อให้คินมายืนอยู่หน้าแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้
“มึงเดินกลับเข้ามาแบบสีท่วมตัว กูโคตรตกใจ”
“เออ ให้ไปผูกมิตรไม่ได้ให้ไปสร้างศัตรู”
“กูยืนถือแก้วกาแฟหล่อๆ อยู่หน้าร้านนี่กูสร้างศัตรูตรงไหน”
“แล้วอยู่ดีๆ มึงเดินหนีมาเลยแบบนี้แล้วเขาทำยังไง”
“ไม่รู้ เห็นยืนอยู่หน้าร้านแต่จะให้คุยทั้งๆ ที่เลอะสีแบบนั้นก็ไม่ได้ป่ะวะ”
“ตลกฉิบหายทักทายกันสนุกสนานสมกับที่ร้านทาสีสายรุ้ง”
“สัดเอ๊ย ตอนนี้บอกตามตรงกูโคตรเกลียดสีน้ำเลยว่ะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีก!”กึก!
“......................................................”
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตูร้าน ผู้ชายผิวขาวผมสีน้ำตาลแดงเสื้อที่ใส่อยู่ยังคงเลอะสี ใบหน้ายังมีรอยหนวดแมวจางๆ ไว้ให้เห็น ทิมหยุดมือที่กำลังเช็ดผมให้คินค้างอยู่อย่างนั้นรวมทั้งเบนและรามิลที่ยกแก้วกาแฟค้างอยู่ท่าเดิม ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบจนคินจับมือทิมให้หลุดออกก่อนจะมองคนที่ยืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง และแน่นอนเดาได้เลยว่าเจ้าตัวจะต้องได้เย็นประโยคที่เขาพูดแน่ๆ
“เดี๋ยวผมมาใหม่แล้วกันคุณน่าจะมีแขก”
คนที่เสื้อยังเลอะสีหันหลังกลับมามองหน้าคินอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากร้านไป แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนยังคงค้างอยู่ท่าเดิมแม้ว่าเจ้าของร้านข้างๆ จะเดินออกไปจากร้านคินนานแล้ว เบนคือคนแรกที่รู้สึกตัวเลยเดินออกไปดูตั้งใจจะเอ่ยเรียกแต่ก็ดูไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือคนที่เอาสีสาดใส่มึง?”
“เออ ”
“คุณหน้าแมวน่าจะโมโหโกรธามึงอยู่นะคิน”
“ที่กูบอกว่าเกลียด กูไม่ได้หมายถึงเขานะเว้ยกูหมายถึงสีน้ำที่มันเลอะอยู่บนตัวกูเมื่อกี้”
“กูสับสนมากตอนนี้”
“คุณหน้าแมวน่าจะชื่อสีน้ำ กูได้ยินเด็กนักเรียนตะโกนเรียกชื่ออยู่”
“บาปกรรมมากมึงบอกว่าเกลียดสีน้ำต่อหน้าครูสอนศิลปะ”
“และที่สำคัญโผล่มาตอนที่มึงตะโกนว่าเกลียดสีน้ำ”
“โบ๊ะบ๊ะเป็นจังหวะซิทคอม”
แก๊งลูกเพื่อนแม่ผลัดกันพูดคนละประโยคจนคินถึงกับถอนหายใจ ตอนแรกนี่มั่นใจว่าเหตุการณ์เลอะเทอะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วมันไม่ใช่ความผิดเขาแน่นอน แต่คินก็ตั้งใจจะไปเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านข้างๆ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ คุณสีน้ำจะโผล่มาแบบนี้และเข้ามาเจอประโยคเด็ดพอดี ความคิดที่จะผูกมิตรกับร้านข้างๆ ตามที่ไอ้มิลบอกน่าจะล่มไม่เป็นท่า
ไม่เป็นท่าจริงๆ ด้วยว่ะ
ตั้งแต่วันนั้นคินยังไม่มีโอกาสได้คุยกับครูสอนวาดรูปร้านข้างๆ สักที ที่จริงคินจะปล่อยให้มันผ่านเลยไปก็ได้แต่สำหรับเขาวันนั้นจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุยังไงเราก็โตๆ กันแล้วคงไม่มานั่งทะเลาะเหมือนเด็กประถม แต่พอเจอสถานการณ์จริงๆ ก็พูดอะไรไม่ออก จะทักจะทายอะไรก็ดูเกร็งไปหมด มองหน้ากันไม่ถึงสิบนาทีก็ต่างคนต่างเดินเข้าร้านขนาดตอนเช้าเปิดประตูออกมาจากร้านพร้อมกันยังไม่มีการพูดจากันสักคำ
เป็นความสัมพันธ์ในแบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
วันนี้ก็เป็นเช่นกัน คินมีงานนอกสถานที่เลยปิดร้านเร็วหน่อยจริงๆ เป็นงานด่วนกะทันหันเลยไม่ได้บอกใครไว้ ตอนออกจากร้านเห็นคุณสีน้ำกำลังยืนส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าร้าน หน้าตาก็มอมแมมเลอะสีเหมือนเดิมตอนแรกเห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มดีแต่พอหันมาเห็นหน้าเขาก็หุบยิ้มทันทีเหมือนกดปิดสวิตซ์ คินเลยต้องแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วเดินไปที่รถแทน
เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะคุณครู
งานเลิกดึกกว่าที่คิดคินไม่ได้ออกกองนานมากแล้วเหมือกัน ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่นี่ก็คงเป็นงานแรกที่รับ ตอนแรกว่าจะกลับไปนอนบ้านแต่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาใช้สตูดิโอก็เลยกลับมานอนที่ร้านน่าจะดีกว่า จังหวะที่กำลังจะหยิบกุญแจขึ้นมาไขก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีถุงผ้าสีขาวห้อยอยู่ตรงลูกบิดประตู นอกจากนั้นยังมีแผ่นกระดาษที่มีรูปวาดเป็นผู้ชายตัวสูงตาเป็นขีดๆ ข้างๆ เป็นรูปผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าสะพายกระเป๋าใส่กีตาร์ไว้ข้างหลัง
เบนกับคีตา?คินหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดดูเพิ่งรู้ว่าเบนโทรมาหาหลายสายแล้วแต่เขาไม่ว่างรับ เวลาออกกองทีไรเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงโทรศัพท์สักเท่าไหร่ คินเลยกดโทรกลับแค่เพียงไม่นานก็มีคนรับ
“พี่คินตอนนี้พี่เบนกำลังจับน้องอันนาอาบน้ำ ในห้องน้ำเหมือนสงครามเลยเปียกทั้งคนทั้งแมว พี่คินจะคุยกับพี่เบนไหมเดี๋ยวคีย์ไปบอกพี่เบนให้”
“ไม่เป็นไร พี่แค่จะโทรมาถามเรื่องถุงที่อยู่หน้าร้าน”
“อ้อ ไส้อั่วจากเชียงรายพ่อเอามาให้เยอะเลยพี่เบนเลยเอาไปให้พี่คินด้วย แต่ไปถึงแล้วร้านปิดพี่เบนโทรหาพี่คินไม่มีคนรับ เลยฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้”
“พี่ร้านข้างๆ ?”
“ใช่ครับ ที่เป็นครูสอนวาดรูป”
คินเงยหน้ามองไปยังร้านสีรุ้งที่ตอนนี้ปิดไฟดับสนิทไปแล้วก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรูปวาดผู้ชายสองคนขึ้นมาดูอีกครั้ง เออ..สมกับเป็นครูสอนวาดรูปไม่มีข้อความบอกไว้ด้วยนะแต่วาดรูปลงสีเสร็จสรรพวาดไอ้เบนซะเหมือนตาตี่เป็นขีดๆ แถมยังระบายสีซะสวยงามเหมือนวาดส่งประกวด
“วันนี้คีย์ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงสีน้ำเงินแล้วก็สะพายกีตาร์มาด้วยใช่ไหม”
“เฮ้ย! พี่คินรู้ได้ไงอะเจอคีย์เหรอ”
คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงผ้าเข้าไปในร้านว่าแล้วครูสีน้ำนี่ลงรายละเอียดไว้หมดทุกอย่างขนาดสีเสื้อผ้ายังเหมือนเป๊ะๆ คินได้ยินเสียงไอ้เบนโวยวายดังลั่นคอนโดก่อนที่คินจะวางสายไปเพราะเบนกำลังต่อสู้กับน้องอันนา บ้านนี้ก็บันเทิงดีสมกับเป็นครอบครัวดนตรีตีกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คินหยิบรูปวาดจากเจ้าของร้านข้างๆ ใส่ลงกล่องที่อยู่ข้างๆ กล่องโปสการ์ด
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นสองสามเดือนก่อนผมคงจะเขียนใส่โปสการ์ดเล่าเรื่องครูสอนวาดรูปหน้าแมวให้คุณรู้แล้ว ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้เจอกันนะ”
Watercolor
“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ยังกะคนโรคจิตน้ำ”
“นายไร้สีนั่นกลับมาแล้วน่าจะเห็นถุงผ้าที่เราเอาไปแขวนไว้”
“เลิกเปรียบเทียบทุกอย่างรอบตัวเป็นสีได้ไหม เดี๋ยวเขาคิดว่ามึงบ้าหรอกแล้วทำไมเจ้าของร้านไฮโซมึงถึงบอกว่าเขาไร้สีวะ”
“ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไรดีแต่ตอนนี้ให้เป็นนายไร้สีไปก่อน”
“และจากที่เห็นสำหรับมึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นสีอะไร”
สีน้ำปิดม่านที่แอบดูอยู่แล้วเดินกลับมานั่งบนเตียง คำถามจากญาติสนิททำให้สีน้ำหันไปมองร้านข้างๆ สีน้ำรู้ตัวดีว่าเขาชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ อุปกรณ์ที่อยู่กับตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คือสมุดวาดรูปและดินสอสีไม้ พอโตขึ้นก็เริ่มรู้ว่าตัวเองหลงรักการวาดรูปสีน้ำ พ่อกับแม่ยังบอกเลยว่าตั้งชื่อเล่นเหมือนเห็นอนาคตเขาล่วงหน้า เพราะอยู่กับกับวาดรูประบายสีมาตั้งแต่จำความได้มันเลยทำให้ชอบเปรียบเทียบทุกอย่างเป็นสีแทนตัวอักษร
วันนี้มีความสุขเลยเป็นสีเหลือง
วันที่เศร้าเป็นสีน้ำเงิน
วันที่สนุกมากๆ จะเป็นสีส้ม
หรือแม้แต่คนที่ได้เจอสีน้ำชอบคิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นสีอะไรในสายตาของตัวเองอย่างพ่อกับแม่เป็นสีเดียวกันคือสีขาวเพราะรู้สึกถึงความเรียบง่ายและสงบ ส่วนณัฐเหมือนสีม่วงเพราะมันดูลึกลับเป็นผู้ชายน่าค้นหา
ส่วนผู้ชายร้านข้างๆ..
สีน้ำนึกย้อนกลับไปวันแรกที่ได้เจอกับเจ้าของร้านสุดแสนจะมินิมอล เรายังไม่เคยได้คุยกันสักครั้งที่จริงสีน้ำก็เคืองอยู่นิดๆ ที่ได้ยินเจ้าตัวตะโกนลั่นร้านว่าเกลียดสีน้ำและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันอีก โห…ตอนนั้นนี่เลือดขึ้นหน้าเลยนะคนที่รักการวาดรูปด้วยสีน้ำมาทั้งชีวิตอย่างเขานี่อยากเดินเข้าไปเตะก้านคอมาก
อยากจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วถามว่าสีน้ำไม่ดีตรงไหน! แต่ทั้งหมดนั่นทำได้แค่เพียงคิดในใจ ความเป็นจริงก็คือที่ทำได้คือกำหมัดแน่นแล้วเดินกลับมาที่ร้านตัวเอง หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่เคยได้คุยกันอีกทั้งๆ ที่มีโอกาสอยู่ทุกวัน สีน้ำทิ้งตัวนอนบนเตียงก่อนจะตอบคำถามที่ณัฐถามค้างไว้
“บอกไม่ถูกแต่ไม่ใช่โทนสีสว่างแน่ๆ คงต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้”
วันนี้ร้านสีลูกกวาดปิด และตอนนี้มีเด็กผู้หญิงมัดแกละมือหนึ่งกอดตุ๊กตากระต่าย
ส่วนมืออีกข้างกำลังกอดถุงกระดาษยืนอยู่หน้าประตู
“วันนี้น่าจะปิดทั้งวันนะครับ ร้านไม่เปิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“พอดีลูกสาวเรียนวาดรูปที่นี่ค่ะ พอดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเลยซื้อขนมมาฝากครูที่สอนเขา ฉันฝากของไว้ที่คุณได้หรือเปล่าคะ”
คงจะมีธุระต้องรีบไปเพราะท่าทางดูรีบร้อน คินเลยตอบตกลงเด็กหญิงมัดแกละก็ยื่นถุงขนมให้เขาก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วขึ้นรถจากไปทิ้งคินไว้กับถุงขนมที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี คินเลยเดินกลับเข้าร้านแล้วหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาเขียน เออ..ลืมถามชื่อแต่คิดว่าเขาน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว คินเลยลุกขึ้นจะเอาถุงขนมไปแขวนไว้ที่หน้าประตูร้านแต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมาที่เดิมก่อนจะนึกอะไรได้
"ครูน้ำเห็นถุงขนมที่นาน่าฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้หรือเปล่าคะ"
“ได้แล้วครับ ขนมเต็มเลยครูน้ำขอบใจนาน่ามากนะวันนี้ก็พาพี่จีนี่มาด้วยใช่ไหม”
สีน้ำหนีบโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่พร้อมกับหยิบกระดาษโน๊ตที่มีรูปวาดเป็นลายเส้นเด็กผู้หญิงมัดแกละกอดตุ๊กตากระต่ายขึ้นมาดูใกล้ๆ ถึงมันจะเป็นลายเส้นดินสอเท่านั้นแต่รายละเอียดชัดเจนดี พี่กระต่ายที่ชื่อจีนี่เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของลูกศิษย์เขาที่อุ้มไปไหนมาไหนด้วยตลอด นายไร้สีนี่วาดแม้กระทั่งรอยเปื้ัอนตรงข้างแก้มของตุ๊กตาตำแหน่งไม่ผิดเพี้ยนเลย
น่าจะชอบวาดลายเส้น
มิน่าล่ะถึงไม่ชอบสีน้ำ
Watercolor
“คนติสท์ๆ เขาคุยกันแบบนี้เหรอวะ”
“เขียนมันไม่ง่ายกว่าวาดเหรอ”
“คือมึงวาดรูปกันไปมาแต่ไม่คุยกันสักคำนี่คืออะไร”
“เขาคงไม่อยากคุยกับมึงคิน บอกเกลียดสีน้ำดังลั่นขนาดนั้นเป็นกูๆ จะกลับไปเอาสีน้ำมาสาดใส่มันอีกรอบ”
“แล้วไม่คิดจะคุยกันต่อหน้าบ้างเหรอวะร้านอยู่ติดกันขนาดนี้”
แก๊งลูกเพื่อนแม่ถกเถียงกันอยู่ในไลน์ หลังจากที่เขาเล่าความคืบหน้าความสัมพันธ์กับร้านข้างๆ ได้รับรู้ พอมานึกถึงแล้วก็ตลกเราคุยกันผ่านภาพวาดอย่างเดียว หลังจากน้องมัดแกละวันนั้น วันถัดๆ มาคินก็ได้รับรูปวาดอีก ตอนที่ฝนตกหนักคินได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าร้านพอเปิดออกไปก็เจอกระถางต้นกระบองเพชรที่ต้นไม้เอามาให้วางอยู่หน้าประตู จำได้ว่าเขาเอามันไปรับแดดในตอนเช้า คงลืมเอาเข้ามาด้วย แต่ที่คินสนใจคือรูปวาดที่แปะไว้บนกระถางเป็นรูปต้นกระบองเพชรกำลังกางร่มแน่นอนมีการลงสีด้วยสีน้ำเสร็จสรรพ
และวันต่อมาฝนก็ตกหนักอีกแต่คราวนี้คินไม้ได้ลืมเอาเจ้าต้นกระบองเพชรเหมือนวันก่อน แต่สายตาเหลือบไปเห็นกระป๋องที่ใส่พู่กันวางไว้อยู่ตรงโต๊ะหน้าร้าน คินเห็นว่าไฟในร้านก็เปิดอยู่เจ้าของน่าจะลืมมากกว่าเลยรีบวิ่งไปเก็บไว้ก่อนจะหยิบกระดาษมาวาดรูปพู่กันกางร่มแปะไว้บนกระป๋องแล้ววางไว้ตรงหน้าประตู
และมันก็เป็นแบบนี้มาทั้งอาทิตย์
คินไขกุญแจเข้าร้านหลังจากที่เมื่อคืนกลับไปนอนที่บ้านมา และตอนนี้หน้าประตูกำลังมีซองกระดาษสีน้ำตาลวางอยู่แต่แปลกที่ครั้งนี้ไม่ได้มีรูปวาดเหมือนทุกครั้ง คินหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เดาว่าไปรษณีย์น่าจะส่งผิดมากกว่าคินเลยอ่านที่อยู่ที่แปะไว้หน้าซอง
ธารธารา ศิริกวินที่อยู่คือของร้านข้างๆ ส่งผิดแน่นอน คินถือซองกระดาษสีน้ำตาลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ร้านข้างๆ จังหวะที่กำลังจะเคาะประตู แต่อยู่ดีๆ ประตูเปิดออกพร้อมกับคนที่คุยกันผ่านทางรูปวาดทั้งอาทิตย์ก็ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางคงจะตกใจอยู่เหมือนกันเพราะคินเห็นอีกฝ่ายยืนค้างอยู่อย่างนั้น วันนี้ครูสีน้ำไม่ได้เลอะสีเหมือนทุกวันหน้าตาไม่ได้เป็นแมวเหมือนวันแรกที่เจอด้วยน่าจะเป็นเพราะเช้าอยู่ยังไม่ได้เริ่มสอน แต่ท่าทางยืนนิ่งยังกะเจอผีทำให้คินต้องพยายามกลั้นหัวเราะ
“ผมเอานี่มาให้ไปรษณีย์น่าจะส่งผิดที่อยู่มันเป็นร้านของคุณ คุณชื่อธารธาราหรือเปล่า”
“อ้อ..ใช่ครับ”
พอคินยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้อีกฝ่ายต่างคนก็ต่างเงียบแต่ก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเหมือนต่างคนกำลังตัดสินใจว่าจะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้เหมือนทุกครั้งหรือควรจะทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายคินก็เป็นคนเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน
“ผมว่าเราควรคุยกันต่อหน้าสักทีคุณ..”
“สีน้ำครับ ผมชื่อสีน้ำ”
“ผมภาคิน เรียกคินเฉยๆ ก็ได้ผมถามได้ไหมคุณอายุเท่าไหร่ผมจะได้เรียกถูก”
“ผมน่าจะแก่กว่าคุณคิน”
“31”
“ผม 33 แก่กว่าคุณจริงๆ ด้วย”
“ที่จริงผมคิดว่าคุณน้ำอายุยี่สิบกว่า”
“ผมดูเด็กขนาดนั้นเลย”
“วันแรกที่ผมเจอคุณมีหนวดแมวแล้วก็กำลังวิ่งเล่นอยู่”
สีน้ำนึกย้อนไปวันนั้นเขาเล่นเกมแพ้เด็กๆ เลยโดนเด็กวาดหน้าซะจนหน้ากลายเป็นแมวอย่างที่เห็น พอคิดแบบนี้ก็อายขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน อายุตั้งเท่านี้แล้วยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ คุณภาคินยังคงเหมือนวันแรกที่เขาเจอแต่งตัวเหมือนเดิมเป๊ะๆ เสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนส์ที่จริงก็เห็นแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน
เหมือนเหมาเสื้อสีขาว ดำ เทา มาทั้งโรงงาน
“โอเค เราจะไม่พูดเรื่องวันนั้นกันแล้วมันเป็นอุบัติเหตุผมขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีน้ำสาดใส่คุณ”
“ครับ มันผ่านไปแล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไร”
“แต่เรื่องที่บอกว่าเกลียดสีน้ำนี่ผมไม่ลืมนะ”
“วันนั้นผมคงโมโหจริงๆ ผมไม่ถูกชะตากับการระบายสีน้ำเท่าไหร่”
“ถนัดงานลายเส้นเหรอครับ”
“ครับ แค่ไม่ถนัดการผสมสีมันยุ่งยากเลยไม่ค่อยชอบสีน้ำ”
“เจ็บจี๊ดเลย”
“ผมไม่ได้หมายถึงว่าผมไม่ชอบคุณนะ”
“ผมรู้ แล้วไม่คิดอยากจะระบายสีน้ำบ้างเหรอครับ”
“ไม่ชอบก็เลยไม่ได้สนใจ”
“เจ็บจี๊ดอีกแล้วเนี่ยแล้วมีสีที่ชอบไหมครับ”
“ไม่มีครับ”
“คุณคินดูน่าจะชอบสีขาวสีดำ ผมเดาจากร้านคุณ”
“มันดูเรียบๆ ใช่ไหมครับมันคงดูจืดๆ”
“อย่าเข้าใจผมผิดนะผมแค่เดาจากที่ผมเห็น”
“ผมอาจจะเข้าใจยากสักหน่อยขอโทษด้วย”
“ขนาดได้คุยกับคุณผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าคุณคินเหมือนสีอะไร”
“ผม? เหมือนสี? เมื่อกี้คุณน้ำว่าอะไรนะครับไม่ค่อยได้ยิน”
เสียงเรียกจากในร้านทำให้สีน้ำตะโกนบอกณัฐว่ากำลังจะเข้าไป คินเองก็คงต้องกลับไปเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนกันเพราะเลยเวลาที่เปิดร้านมานานมากแล้ว จังหวะที่คินกำลังหันหลังกลับแขนเสื้อก็ถูกดึงไว้
“ถ้าวันไหนอยากระบายสีน้ำมาลงคอร์สได้นะ ผมสอนให้ฟรี”
“ผมจะเรียนไปทำไม”
“ก็อยากให้คุณคินชอบสีน้ำขึ้นมาบ้าง”
ต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นเมื่อประโยคมันฟังดูแปลกๆ ครูสอนวาดรูปเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปเลยยกมือขึ้นมาพร้อมกับอธิบายกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“ไม่ได้หมายถึงผมนะ หมายถึงสีน้ำที่เป็นสี แต่จริงๆ ก็อย่าไม่ชอบผมด้วยถึงผมจะเคยเอาสีน้ำสาดใส่คุณก็ตาม อธิบายยังไงดีเวลาได้ยินคุณคินบอกไม่ชอบสีน้ำทีไรผมเจ็บจี๊ดตลอดเลย”
นี่เป็นคนแบบไหนวะเนี่ย
ตลกว่ะ
“ไว้ถ้าวันไหนผมสนใจสีน้ำขึ้นมาผมจะให้คุณสอนผมแล้วกัน”
คินกำลังจะเดินต่อแต่แขนเสื้อก็ยังถูกจับไว้เหมือนเดิมจนคินเริ่มจะสงสัยแล้วว่า ครูสอนวาดรูปนี่อายุมากกว่าเขาจริงเหรอวะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย คินตั้งใจจะหันไปถามว่ามีอะไรอีกหรือเปล่าเพราะเขาเองก็อยากจะเปิดร้านเหมือนกันนี่ก็สายมากแล้ว แต่อยู่ดีๆ คนผมสีน้ำตาลแดงก็ชูถุงในมือขึ้นมาแล้วยื่นให้เขา
“ทานข้าวเช้าหรือยังครับ ปาท่องโก๋เจ้าดังร้านหน้าปากซอย”
“……………….....................”
“สองตัวห้าบาท”
“……………….....................”
WATERCOLOR
“ได้คุยกับร้านข้างๆ แล้วเหรอวะน้ำ”
“เออ เขาชื่อภาคิน”
“แล้วเป็นไงคราวนี้เขาเป็นสีอะไร”
“ไม่รู้ว่ะยังรู้สึกว่าเข้าถึงยากนึกไม่ออกเลยว่าเหมือนสีอะไร”
“คนแรกเลยนะที่ยังไร้สี แล้วนั่นซองอะไรวะ”
“รูปที่เราบอกให้พัดส่งมา เรากลับมาเป็นเดือนๆ ละเพิ่งจะส่งมาให้”
สีน้ำเทรูปออกมาจากซองสีน้ำตาลก่อนจะหยิบขึ้นมาดูทีละใบ บรรยากาศและรอยยิ้มในรูปทำให้คนที่ดูอยู่ยิ้มออกมาถึงจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่ในกรุงเทพแต่ธรรมชาติตอนที่อยู่ที่นั้นก็เรียกได้ว่ามีความสุขมากจริงๆ ณัฐที่เช็ดจานสีอยู่เลยเดินมาดูเพราะเห็นญาติตัวเองเงียบๆ ไป
“คิดถึงเด็กๆ เนอะอยากกลับไปอีก”
สีน้ำยิ้มออกมา
แล้วหยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ
“อืม คิดถึงมากเลย”กว่าจะได้เปิดร้าน
ก็สายมากแล้ว
ชีวิตภาคินหลังจากที่เปิดร้านเสร็จแล้วก็คือการชงกาแฟดำที่คินคั่วเมล็ดเองกับมือ ไอ้ทิมเคยบอกว่ายุ่งยากกว่าจะได้กินแต่ละแก้ว แต่สำหรับคินคิดว่าการที่ทำแต่ละขั้นตอนจนไปถึงลิ้มรสกาแฟมันทำให้เขารู้สึกดี หลังจากจัดการกับกาแฟเสร็จแล้วคินจะกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะมันเป็นอย่างนี้ซ้ำๆ ทุกวัน บนโต๊ะไม่มีอะไรมากมายมีแค่แมคบุ๊คไว้ทำงาน แก้วน้ำ แจกันสีใส และแก้วกาแฟสีขาวล้วน
แต่ที่แปลกใหม่สำหรับวันนี้
คือปาท่องโก๋สีน้ำตาลสองตัว
คินมองอยู่นานว่าจะทำยังไงกับมันดี ปกติคินไม่ได้กินอะไรพวกนี้อยู่แล้วอย่างมากก็แต่แซนวิชแฮมชีสอะไรแบบนี้มากกว่า แต่พอนึกถึงหน้าคนที่ยื่นให้มาก็ทิ้งไม่ลง รอยยิ้มที่ยิ้มให้คล้ายจะบอกว่าสิ่งนี้มันอร่อยมากจริงๆ อยากให้ลอง คินเลยหยิบปาท่องโก๋สองตัวมาวางไว้ข้างกัน พอมองแบบนี้ก็แปลกดีบนโต๊ะเขาไม่เคยมีสีอื่นมาก่อนเลยนอกจากดำกับขาววันนี้มันเป็นวันแรกที่มันมีสีน้ำตาล คินเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะกดอัพลงอินสตาแกรมและแน่นอนว่าคนที่แปลกใจกว่าใครเพื่อนคือบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่
timjinda: มึงป่วยเหรอลูกกระจ๊อกทำไมมึงมีปาท่องโก๋บนโต๊ะ!
@ppachara ลูกพี่ไม่สบายหนักมาดูใจด้วยพอร์ช
ramin: ในที่สุดไอจีมึงก็มีสีอื่นนอกจากสีขาวและสีดำ ps.กูมองรูปนี้นานมากจนไม้คิดว่ากูบ้าแล้วจ้องเป็นสิบนาที
ิbenktd: กูไม่เห็นมึงกินปาท่องโก๋อีกเลยหลังจากอายุสิบสองขวบ! ตกใจมาก! นอกจากแก้วกาแฟขาวดำก็ยังมีปาท่องโก๋สีน้ำตาล
@Keyta มาดูพี่คินกินปาท่องโก๋!
คินเหนื่อยใจกับความเวอร์วังของแก๊งลูกเพื่อนแม่
เอาเถอะตัวเขาเองยังแปลกใจเลยส่วนแคปชั่นน่ะเหรอ
“Brown สองตัวห้าบาท”จะว่าไปสีน้ำตาลก็สวยดี (นิดนึง)
TO BE CON
ปาท่องโก๋อร่อยนะ นี่มันนิยายรายเดือนหรือเปล่านี่!
#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo