≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสงตอนที่ 12 ✲ บทรักในห้วงอวกาศ "เนบิวลา ไฟกะพริบๆ ตรงนั้นมันคืออะไรเหรอ"
สายตาแป๋วหันมาถามพลางชี้ชวนให้ดู หนุ่มตาคมหันไปยิ้มด้วยบางๆ ก่อนแล้วจึงค่อยมองตาม
"ตรงไหน"
"นั่นไงๆ"
เนบิวลาเพ่งตามองตามที่อีกคนชี้ให้ดู พอเพ่งดูดีๆ จึงเห็นว่ามีแสงกะพริบสีฟ้าๆ ที่เกิดจากรังสีเอ็กซ์เป็นจุดเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็นอยู่เบื้องหน้า
"อ๋อ เขาเรียกดาวพัลซาร์ไง"
"ดาวพัลซาร์เหรอ" เนตั้นพยายามนึกตามแต่ก็จนปัญญา แม้จะเข้าใจภาษาแม็กโซแต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดี
"แล้วดาวพัลซาร์เป็นดาวแบบไหนล่ะ เราเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ไหม"
เนบิวลาส่ายหัวและหัวเราะอย่างเอ็นดู "ไม่ได้หรอก เราดูได้แค่ไกลๆ แค่เห็นแสงกะพริบของมันก็อันตรายแล้ว เพราะว่ารังสีที่มันปล่อยออกมาเข้มมาก ถ้าเราอยู่ใกล้มันสักหนึ่งหรือสองปีแสงก็อาจจะตายได้เลย"
"โห...มันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ เสียดายจัง อยากเข้าไปดูใกล้ๆ"
เนบิวลาเอื้อมมือไปลูบหัวเนตั้นอย่างเอ็นดู เป็นเวลากว่าเสี้ยวฤดูแล้วที่ใบหน้าใสสะอาดและรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัยทำให้หนุ่มตาคมเฝ้าหลงใหล
"เดี๋ยวเราจะพานายไปเที่ยวดาวเคราะห์ดวงหนึ่งดีไหม จากตรงนี้ไปอีกแค่หนึ่งปีแสงเอง ดาวเคราะห์ดวงนี้นะเราเรียกมันว่าดาวซิมโนลา เป็นดาวเคราะห์เกิดใหม่ มีสิ่งมีชีวิตด้วย แต่ส่วนมากเป็นสัตว์เลื้อยคลานตัวใหญ่ๆ ยังไม่มีมนุษย์ทรงปัญญาหรอก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายเรา แต่ก็ต้องระวังพวกไวท์ทอลให้ดี เพราะพวกมันชอบเที่ยวไปทั่ว แล้วก็อันธพาลด้วย"
เนตั้นยิ้มและหัวเราะเบาๆ เพราะเข้าใจพิษสงของพวกไวท์ทอลได้ดีตอนอยู่บนยานกับเนบิวลาคราวนั้น เกือบได้ตายยกยานอวกาศกันแล้ว
"เนตั้น นายดูตรงนั้นสิ"
"อะไรเหรอ"
"หลุมดำไง นายเห็นแสงที่หมุนวนเข้าหาศูนย์กลางดำๆ นั่นไหม"
เนบิวลาปรับองศายานอวกาศส่วนตัวให้เงยขึ้นเล็กน้อย ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจึงปรากฎตรงหน้าเนตั้นชัดเจนขึ้น เจ้าตัวถึงกับเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง หลุมดำขนาดย่อมๆ ดูดกลืนดวงดาวและแม้กระทั่งแสงวนเข้าสู่จุดศูนย์กลางที่เป็นสีดำสนิท รังสีเอ็กซ์ปริมาณมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากจุดศูนย์กลางไปไกลหลายปีแสง
"โห...สวยมาก"
"ใช่ แต่อันตรายมากเลยนะเนตั้น ถ้าเราเข้าไปใกล้มัน มันก็จะดูดเราเข้าไปในนั้นเหมือนกัน"
"ดูดเข้าไปตรงสีดำๆ ตรงกลางนั่นเหรอ แล้วเราจะเป็นยังไงล่ะ" เนตั้นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ตัวเราก็จะฉีกขาดไง จากนั้นนะ...สสารในร่างกายก็จะค่อยๆ หลุดออกจากกันเป็นอะตอม แล้วก็แตกเป็นอนุภาคเล็กลงเรื่อยๆ จนไม่เหลืออะไรเลย"
แม้เนตั้นไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย "น่ากลัว แล้วอย่างงี้มันจะไม่ดูดเราเข้าไปเหรอ"
"ไม่หรอก" เนบิวลาหยุดมองอย่างเอ็นดู "เราอยู่ตั้งไกล แต่ถ้าอยู่ใกล้ๆ มันสักหนึ่งปีแสง เราโดนมันดูดเข้าไปแน่"
"แล้วมันอยู่ไกลแค่ไหนล่ะ"
เนบิวลาหันกลับมาเช็คแผนที่ดวงดาวที่อยู่ในดาราจักรแอนโดรมีดาจากหน้าจอ พอได้ข้อมูลแล้วจึงตอบ
"ประมาณยี่สิบปีแสง เป็นหลุมดำขนาดเล็ก อีกประมาณสองร้อยปีข้างหน้ามันจะเข้ามาใกล้ดาวที่เราอยู่ แล้วพวกเราก็จะโดนมันดูดเข้าไป แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พวกดาวเทคโนโลยีสูงสามารถทำหลายหลุมดำได้ อย่างดาวทีมูลาพันเวที่เรากำลังจะไปก็ทำลายหลุมดำได้เหมือนกัน"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ แม้ว่าเนตั้นแทบไม่มีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์มาเลย แต่ก็พอเข้าใจคร่าวๆ ได้บ้าง นับว่าภาษาแม็กโซที่ฝังเข้าไปในสมองของเนตั้นช่วยให้เจ้าตัวฉลาดมากขึ้นพอสมควร
"หิวหรือยัง" เนบิวลาถามขึ้นเมื่อเหลือบเห็นเวลาที่หน้าจอบอกว่าเป็นช่วงงานที่เจ็ดแล้ว ได้เวลากินอาหารพอดี
"ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่ดาวแม็กโซนาเดีย ร่างกายของฉันก็สับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะหิวตอนไหน จะกินตอนไหน จะนอนตอนไหน"
เนบิวลาฟังแล้วก็อดจะเห็นใจไม่ได้ คนที่มาจากโลกที่หมุนรอบตัวเองได้มักไม่ชินกับการใช้ชีวิตที่ดาวแม็กโซนาเดียที่ฟากหนึ่งมีแต่กลางวัน ส่วนอีกฟากหนึ่งก็มีแต่กลางคืน ร่างกายปรับตัวไม่ได้จนถึงขั้นเสียชีวิตก็มีมาแล้ว แต่โชคยังดีที่เนตั้นยังไม่มีอาการอย่างนั้นให้เห็น
"นายกินหน่อยละกันนะ ถึงเวลากินอาหารแล้ว อยู่ที่ดาวของเรา นายต้องเข้มงวดเรื่องนี้หน่อยเพราะเรามีแต่กลางวัน คนที่ไม่เข้มงวดเจ็บป่วยแล้วก็ตายไปหลายคนแล้ว"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ เนบิวลาปลดเข็มขัดออกจากตัวแล้วก็ลอยตัวไปทางด้านหลังยานเพื่อนำอาหารที่เก็บไว้มากิน เป็นอาหารจำพวกโปรตีนแท่งผสมคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไขมัน กากใยและสารสกัดจากพืช บรรจุในซองทึบแสงอย่างดี เนตั้นคุ้นเคยดีอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในการกินอาหารแบบนี้ จะว่าไปก็สะดวกดีเหมือนกันเพราะใช้เวลากินน้อย แถมยังได้สารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ กินเพียงสามสี่แท่งก็เพียงพอแล้ว
สองหนุ่มกินอาหารแท่งด้วยกันอยู่ไม่ถึงสามนาทีก็เสร็จภาระกิจประทังชีวิต ปิดท้ายด้วยการดูดน้ำดื่มจากซองใสๆ จากนั้นก็นั่งคุยกันบ้าง นอนเล่นบ้าง จนกระทั่งยานอวกาศส่วนตัวเคลื่อนเข้าใกล้ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
ดูเผินๆ จากระยะไกลแล้วมันดูเหมือนโลกมาก เป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินและมีชั้นบรรยากาศ เมื่อเคลื่อนเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นก็เริ่มเห็นสีเขียวของพืชบนผืนดิน แน่นอนว่ามีน้ำจากน้ำทะเลด้วย จะว่าไปมันก็ทำให้เนตั้นคิดถึงโลกที่ตัวเองจากมาไม่น้อยเลยทีเดียว
เนบิวลาบินวนรอบดวงดาวสองสามรอบเพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่จะลงจอด แล้วก็ได้จุดเหมาะๆ บนพื้นที่แห่งหนึ่งที่ไม่แลดูเขียวมาก น่าจะมีความหนาแน่นของพืชน้อย พอเดินได้และไม่อันตรายจนเกินไป
"ถึงแล้วดาวซิมโนลา" เนบิวลาหันไปบอกคนข้างๆ เมื่อยานอวกาศส่วนตัวลงจอดที่พื้นสนิทแล้ว
ทั้งสองหนุ่มมองผ่านหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกเพชรกันรังสีออกไปข้างนอก กวาดสายตามองดูโดยรอบ บริเวณที่จอดยานอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่พอๆ กับทะเลสาบ มีพืชรูปร่างแปลกๆ ใบหนาหลากสีสันขึ้นอยู่ห่างๆ กันมองเห็นออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบมีภูเขาสูงตระหง่านสลับซับซ้อน ภูเขาบางลูกน่าจะสูงมากกว่าหนึ่งหมื่นเมตรจากระดับน้ำทะเลด้วยซ้ำ บางลูกเป็นภูเขาไฟที่มีลาวาพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา
"เนบิวลา! ไดโนเสาร์! ไดโนเสาร์!"เนตั้นชี้มือและร้องบอกอย่างตื่นเต้น พอมองตามเนบิวลาก็เห็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่สี่ห้าตัวกำลังกินพืชอยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินเสียงร้องของมันแว่วดังมาด้วย
"ฉันอยากถ่ายรูปกับไดโนเสาร์น่ะเนบิวลา" จู่ๆ หนุ่มน้อยหน้าใสก็เกิดความคิดแผลงๆ ขึ้นมา
"เฮ้ย! ไม่ได้หรอกเนตั้น มันอันตราย" เนบิวลารีบร้องห้ามแทบไม่ทัน แต่ก็พลอยขำกับความคิดแผลงๆ นั้นไปด้วย
เนตั้นนิ่วหน้าอย่างเสียดาย "เหรอ...ว้า เสียดายจัง แล้วถ้าฉันอยากไปดูใกล้ๆ ล่ะ เราเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ไหม"
"ได้สิ แต่ห้ามลงจากยานนะ เราไม่รู้ว่าที่นี่มีสัตว์อันตรายอะไรบ้าง สัตว์บางชนิดซ่อนตัวเก่ง เรามองไม่เห็นมันง่ายๆ หรอก เดี๋ยวจะโดนมันทำร้ายเอา"
"ฉันไม่ลงหรอกน่า" เนตั้นรีบสาบานค่าที่อยากเข้าไปดูใกล้ๆ
เนบิวลาสั่งยานให้ลอยขึ้นในแนวดิ่งเหนือแนวต้นพืชเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปหาสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ความสูงของพวกมันจากพื้นดินน่าจะถึงสิบเมตร เนตั้นตื่นเต้นจนถึงกับนั่งไม่ติดพื้น ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนโน้มตัวไปข้างหน้าจนใบหน้าชิดบานหน้าต่างเพชร
"นายรู้ไหมเนบิวลา ตอนเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์เคยพาพวกเราไปดูหนัง แล้วมันมีเรื่องหนึ่งชื่อจูราสสิกเวิร์ลด์ มีสัตว์แบบพวกนี้เลย ตอนเด็กๆ นะ ฉันอยากเห็นตัวจริงของพวกมันมาก ไม่คิดว่าจะได้เห็นจริงๆ นะเนี่ย ฉันอยากถ่ายรูปพวกมันน่ะเนบิวลา เราถ่ายรูปพวกมันได้ไหม"
"ได้สิ เดี๋ยวฉันถ่ายให้"
เนบิวลาหยิบวัตถุคล้ายกับโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ตรงแผงควบคุมยานอวกาศขึ้นมาถือไว้ ก่อนลุกออกจากที่นั่งไปยืนทางด้านหลังเพื่อเพิ่มระยะห่างให้สามารถ่ายรูปทั้งตัวของเนตั้นได้ เนตั้นหันมายิ้มแล้วก็ชูสองนิ้วขึ้น เนบิวลาใช้พลังจิตสั่งให้ยานอวกาศบินไปรอบๆ กลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเพื่อให้เนตั้นได้ถ่ายรูปหลายๆ มุม ระยะใกล้บ้าง ระยะไกลบ้าง โชคดีที่ยานอวกาศนั้นบินด้วยความเงียบจึงไม่ส่งเสียงรบกวนให้พวกมันตื่นตกใจและหนีไปเสียก่อน
ถ่ายรูปเสร็จแล้วเนบิวลาก็ฉายรูปขึ้นที่หน้าจอของยานอวกาศให้เนตั้นดู เจ้าตัวยิ้มไม่หุบเลย ดูรูปไปคุยไปอย่างมีความสุข คนที่ถ่ายให้ก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย
"ลงไปดูใต้ทะเลสาบไหม เผื่อมีสัตว์แปลกๆ ให้นายถ่ายรูปอีก"
"ยานของเราลงน้ำได้ด้วยเหรอ" เนตั้นทำหน้าฉงน
"ได้สิ ไปไหมล่ะ"
"ไปๆๆ" เนตั้นรีบพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
เนบิวลาให้เนตั้นกลับมานั่งที่แล้วก็บังคับยานให้บินไปยังทะเลสาบ น้ำที่นี่ใสมากและไม่มีมลพิษเลยแม้แต่น้อย แค่มองจากด้านบนก็พอมองเห็นสัตว์เคลื่อนไหวไปมาอยู่ใต้น้ำได้แล้ว จากนั้นยานอวกาศก็ทิ้งตัวในแนวดิ่งและพุ่งลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว กระนั้น กลับไม่มีเสียงดังตูม แถมน้ำก็ยังไม่กระเซ็นหรือแตกกระจายออกแม้แต่หยดเดียว
พอได้เห็นโลกใต้น้ำเต็มๆ ตาแล้วเนตั้นก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ วิ่งไปรอบๆ ยานดูสัตว์และพืชรูปร่างแปลกๆ แล้วก็ให้เนบิวลาถ่ายรูปให้เช่นเดิม
"เนบิวลา จระเข้ตัวใหญ่มากเลย มันกำลังลอยมาหาเราแล้ว" เนตั้นร้องบอกอย่างตื่นเต้นสุดขีด
เจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่เนตั้นเรียกว่าจระเข้เคลื่อนที่เข้ามาหายานอวกาศด้วยความสนใจ ตัวของมันใหญ่พอๆ กับรถเมล์สามคันต่อกันเลยทีเดียว แม้จะดูเหมือนจระเข้ แต่พอพินิจดูดีๆ แล้วก็พบว่ามันมีความแตกต่างกันมากพอสมควร
"มันจะกินเราหรือเปล่าเนบิวลา หนีเหอะ" เนตั้นทำหน้าเหยเกด้วยความกลัวเมื่อเห็นเจ้าสัตว์โบราณขนาดใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้
"ไม่ต้องกลัว มันกินเราไม่ได้หรอก ยานของเราฉลาดจะตาย ว่าแต่นายจะถ่ายรูปกับจระเข้ตัวนี้หรือเปล่าล่ะ"
เนตั้นพยักหน้า แต่พอเนบิวลาจะถ่ายรูปให้เจ้าตัวก็คอยระแวงหลัง คอยหันไปมองด้านหลังบ่อยๆ
"ไม่ต้องกลัวหรอก ทำตัวสบายๆ เอ้า ยิ้มหน่อยสิ"
เนตั้นหันหน้ากลับมาตามเดิม กำลังจะยิ้มก็หันไปดูข้างหลังอีกที คราวนี้จึงได้เห็นว่าพอจระเข้เข้ามาใกล้ ยานอวกาศก็จะค่อยๆ เคลื่อนหนีโดยอัตโนมัติ จึงรู้สึกสบายใจว่าไม่โดนมันกินแน่นอน เนตั้นหันหน้ากลับมาตามเดิมแล้วก็ตั้งท่าถ่ายรูปอย่างสบายๆ
"นายไม่อยากถ่ายรูปมั่งเหรอเนบิวลา มา...เดี๋ยวฉันถ่ายให้เอง"
"นึกว่าจะไม่ถามแล้วซะอีก" เนบิวลายิ้มเขินๆ แล้วก็ส่งอุปกรณ์ที่ถือให้เนตั้น ไม่ลืมที่จะสอนด้วยว่าถ่ายรูปยังไง
"ใช้ง่ายนะ ง่ายกว่าสมาร์ทโฟนบนดาวโลกอีกแน่ะ"
"มันแน่อยู่แล้ว" เนบิวลายักคิ้วให้หนึ่งครั้ง ก่อนจะไปยืนหันหลังให้บานหน้าต่างเพชรเตรียมตัวถ่ายรูป
เนบิวลาพาเนตั้นขึ้นจากน้ำ จากนั้นก็พาบินเที่ยวชมตามจุดต่างๆ บนดาวซิมโนลา ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามียานอวกาศจากดาวดวงอื่นบินวนเวียนอยู่ด้วย ส่วนมากก็มาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน การท่องเที่ยวไปยังดวงดาวเกิดใหม่ถือเป็นเรื่องสนุกของดาวเทคโนโลยีสูง ในดาราจักรแอนโดรมีดาหรือเนบิวลานั้นมีดวงดาวแบบนี้นับไม่ถ้วน
"แล้วเราจะนอนยังไงล่ะเนบิวลา ตัวเราจะไม่ลอยไปลอยมาเหรอ"
เนตั้นถามพลางพยายามกดตัวเองให้นอนลงบนเตียงนอน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จ สภาวะไร้น้ำหนักทำให้ตัวของเนตั้นลอยออกจากตัวจนได้
"ใช้สายรัดไง" เนบิวลาชี้ให้ดูสายรัดข้างๆ เตียงนอนไปด้วย "นายจะนอนแล้วเหรอ"
"อืม ก็ถึงเวลานอนแล้วไม่ใช่เหรอ นายมีอะไรหรือเปล่า" เนตั้นมองอย่างแปลกใจ
"เปล่าหรอก" เนบิวลาปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่ท่าทีก็ดูแปลก
หนุ่มตาคมจับจ้องดูรูปร่างหนุ่มหน้าใสที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อตาเป็นมัน จนกระทั่งอีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าสายตาที่มองมาทำให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
"มองอะไร"เนบิวลาไม่ตอบทันที คิดสะระตะในใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจรวบตัวคนข้างหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
"เนตั้น"
เนบิวลาเรียกชื่อเบาๆ พลางจับจ้องดูใบหน้าของอีกฝ่าย เนตั้นไม่ดิ้นรนขัดขืนก็จริง แต่ก็มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรหรือเปล่า"
"วันนี้สนุกไหม"
"สนุกสิ สนุกมากๆ เลย"
"เราดีใจนะที่นายมีความสุข" เนบิวลากอดกระชับแน่นขึ้น "เนตั้น"
"อะไร"
"เอ่อ...นาย...เหงาหรือเปล่า" เนบิวลาเองก็ประหม่าพอกัน
"ก็เหงามาตั้งนานแล้วนี่ ถามทำไม"
"ก็อยากรู้ แล้ว...เอ่อ...ตอนนี้หายเหงาหรือยังล่ะ"
เนตั้นรู้สึกว่าเนบิวลาดูแปลกๆ มากขึ้นทุกทีๆ กระนั้น ก็ไม่คิดที่จะหนีแต่อย่างใด
"อืม...ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกน่ะ"
"ทำไมบอกไม่ถูกล่ะ"
"ก็ไม่รู้สิ ก็มันบอกไม่ถูกไง"
"แสดงว่ายังเหงาอยู่เหรอ" เนบิวลาเอื้อมมือไปปัดไรผมให้หนุ่มหน้าใส ตาแป๋ว แถมปากยังแดงเรื่อน่าจูบเสียอีก
"อืม...ก็คงงั้นมั้ง"
"มีเราอยู่ข้างๆ แล้วนายก็ยังเหงาเหรอ แล้วเราต้องทำยังไงล่ะนายถึงจะหายเหงา"
"ไม่รู้สิ อย่างงี้ก็ดีแล้วมั้ง"
"ดีได้ยังไงล่ะ เมื่อกี้นายก็บอกเราอยู่ว่านายยังเหงา เราไม่อยากให้นายเหงารู้เปล่า ถ้านายอยากให้เราทำอะไรแล้วทำให้นายหายเหงาก็บอกได้นะ เรายินดีทำให้นายทุกอย่างเลย"
"เป็นไรหรือเปล่าเนี่ย ทำตัวแปลกๆ" เนตั้นเริ่มรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาบ้าง
"ก็...นั่นสิ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน" เนบิวลาหัวเราะเขินๆ "ว่าแต่นาย...ไม่คิดจะให้รางวัลเรามั่งเหรอ"
"รางวัลอะไร" ถามอย่างงงๆ
"ก็...เราอุตส่าห์พานายไปเที่ยว แล้วเราก็ถ่ายรูปให้นายตั้งเยอะด้วย"
"อ้อ...ที่แท้พาไปเที่ยวเพราะอยากได้รางวัลนี่เอง แต่ฉันไม่มีอะไรให้นายหรอก มาที่นี่ก็มีแต่ตัว ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรสักอย่าง จะเอารางวัลที่ไหนมาให้นายล่ะ"
"มีสิ มีเยอะด้วย"
น้ำเสียงนั้นช่างฟังดูวาบหวามใจเหลือเกิน พอเนบิวลาเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้อีก หัวใจของเนตั้นก็เต้นรัวจนแทบจะหยุดหายใจ
"นายหมายความว่าไง เราก็บอกแล้วไงว่าเราไม่มีอะไรติดตัวมาเลย มาแต่ตัวอย่างเดียว"
"ก็นั่นแหละ รางวัลที่เราอยากได้"เนตั้นทำหน้าเหวอเพราะรู้ว่าเนบิวลาหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกที่เคยต่อต้านผู้ชายชอบผู้ชายก็หายไปแทบหมดสิ้น
"ไม่เอา" เนตั้นพยายามดิ้นหนี
"อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวกระแทก"
ยังไม่ทันขาดคำ ร่างของสองหนุ่มที่กอดกันอยู่ก็ลอยเข้าหาผนังของยานอวกาศ เนบิวลากลัวเนตั้นโดนกระแทกจึงกอดเนตั้นไว้แล้วหมุนตัว สลับให้ตัวเองเป็นคนกระแทกกับผนังของยานเสียเอง
"โอ๊ย" แม้จะเจ็บไม่น้อยแต่เนบิวลาก็พยายามส่งเสียงร้องให้เบาที่สุด
"เจ็บหรือเปล่า" ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
เนบิวลาพยายามคลายสีหน้าเหยเกแล้วก็ยิ้ม "ไม่เท่าไหร่หรอก ทีนี้อย่าดิ้นอีกล่ะ"
"อืม" ตอบเสียงลอดไรฟัน พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะพูดอะไรออกไปก็เขินล่วงหน้าเสียก่อน "งั้นก็...อย่าเอารางวัลเลยนะ มันทำไม่ได้หรอก เดี๋ยวกระแทกผนัง เจ็บตัวอีก"
"เรามีวิธีก็แล้วกันน่า ไม่อันตรายหรอก"
เนตั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อคำขู่ไม่ได้ผล "ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดใครมาเห็นเข้าล่ะ"
"ใครจะมาเห็นล่ะ ไม่มีใครมาเห็นหรอก อวกาศออกจะกว้างใหญ่ เอ...พูดแบบนี้แสดงว่ารู้แล้วเหรอว่าเราจะขอรางวัลอะไรจากนาย"
"พูดมาซะขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ" เนตั้นทำปากขมุบขมิบ เนบิวลาจึงขำใหญ่
"รู้ตัวไหมว่าเป็นคนน่ารัก" พอเอ่ยชมแล้วเนบิวลาก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ตาหวานฉ่ำ "แล้วโอเคหรือเปล่าล่ะ"
"ไม่เอาหรอก"
"ไม่เอาได้ยังไง ก็เนตั้นน้อยของนายมัน..."สายตาหวานฉ่ำจนเยิ้มจ้องลึกเข้ามาในดวงตาอีกคู่อย่างไม่ลดละ เนตั้นยิ้มเก้อเขินที่อีกคนจับได้เสียแล้วว่าตอนนี้เนตั้นกำลังรู้สึกอะไรอยู่
"ก็มันอันตรายไม่ใช่เหรอ" เนตั้นแบ่งรับแบ่งสู้
"เรามีวิธีน่า"
"ทำไงล่ะ"
"แสดงว่านายโอเคแล้วใช่ไหม" เนบิวลาถามย้ำอีกครั้ง แม้ว่าพอจะเดาออกว่าเจ้าตัวไม่ขัดข้องก็ตามที
"ต้องให้บอกด้วยเหรอ คิดเอาเองสิ" หนุ่มหน้าใสหลบสายตาคมเข้มเล็กน้อย แอบนึกค่อนขอดในใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะกลืนกินเนตั้นเข้าไปทั้งตัวหรือยังไงถึงได้ไม่ยอมละสายตาไปไหนเลย
เนบิวลายิ้มอย่างพอใจ "เชื่อใจเรานะ เราไม่ทำให้คนที่เรารักเจ็บตัวหรอก"
พอขาดคำ ริมฝีปากที่ส่งเสียงพูดเมื่อสักครู่นี้ก็เคลื่อนเข้ามาประกบ รสจูบเริ่มต้นด้วยความหวานและอ้อยอิ่ง จนกระทั่งความต้องการทวีคูณขึ้นก็กลายเป็นเร่าร้อนและหนักหน่วง ไม่นานนักทั้งสองหนุ่มก็อยู่ในสภาพเปล่าเปลือย สิ่งที่เนตั้นไม่อยากเชื่อตัวเองก็คืออกแกร่งของชายสามศอกนั้นพาให้อารมณ์ของเนตั้นกระเจิดกระเจิงจนยากที่จะกู่กลับ มันช่างให้อารมณ์ที่วาบหวาม รุนแรงและเร่าร้อนดีเสียจริง ไม่ว่าจะสัมผัสตรงไหนของร่างกายอีกฝ่ายก็ดูจะสร้างความพึงพอใจไปได้เสียทุกจุด
เนบิวลาเอื้อมมือไปดึงสายรัดตรงขอบเตียงแล้วลากปลายสายไปเข้าล็อกอีกฟากฝั่ง เมื่อเรียบร้อยดีแล้วก็สอดตัวเข้าไปอยู่ในสายรัดเพื่อกันไม่ให้ร่างหลุดลอยไปกระแทกกับผนังยาน
นอกจากริมฝีปากแดงเรื่อที่น่าจูบและหลงใหลแล้ว เนบิวลาก็ยังชอบเม็ดตุ่มสีชมพูใสบนหน้าอกของเนตั้นอีกด้วย จึงไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าหาและจัดการลิ้มเลียอย่างหิวกระหาย เนตั้นกอดกระหวัดศีรษะนั้นไว้พร้อมกับบิดตัวไปมาอย่างเสียงกระสันรัญจวญใจ ถึงตอนนี้ก็พร้อมที่จะปล่อยให้หนุ่มตาคมลองลิ้มชิมรสหวานจากทุกตารางนิ้วของร่างกาย
มือของเนตั้นลงต่ำ จนกระทั่งพบสิ่งที่ต้องการแล้วจึงคว้าไว้ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่าเนตั้นพร้อมแล้วที่จะทำให้อีกคนมีความสุข เนบิวลาไม่รอช้า ไถลตัวขึ้นสูงและจับราวเหล็กของเตียงไว้ ปล่อยให้เนตั้นจัดการกับส่วนนั้นของตัวเอง
ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อนจึงขัดๆ เขินๆ บ้าง แถมฟันยังไปโดนอีก เนบิวลาจึงต้องคอยสอน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นมากเท่าที่ต้องการ
"มา เดี๋ยวฉันทำให้นายดูเป็นตัวอย่าง"เนบิวลาดึงตัวเนตั้นให้เลื่อนสูงขึ้นและนอนหงายจับราวเหล็กของเตียงไว้ ส่วนตัวเองก็เลื่อนไหลลงต่ำเพื่อจัดการกับส่วนนั้นของเนตั้นให้ดูเป็นตัวอย่าง แม้ว่าเนบิวลาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้ว่าต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายพอใจ พอเจอมืออาชีพเข้าไปเนตั้นก็บิดตัวไปมาเร่าๆ สูดปากพร้อมกับใบหน้าเหยเก และด้วยความที่เป็นครั้งแรกเช่นกัน เนตั้นจึงถึงฝั่งฝันในเวลาอันรวดเร็วและส่งน้ำรักรสหวานเข้าไปในลำคอของอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อตั้งตัวไม่ทัน เนบิวลาจึงเผลอกลืนกินเข้าไป ร่างของเนตั้นกระตุกและเกร็ง เจ้าตัวนอนหอบอยู่สักพักจึงขอกลับมาทำหน้าที่ที่ค้างไว้เมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง
คราวนี้เนตั้นทำได้ดีกว่าเดิมมาก เนบิวลาจึงสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างไร้กังวลได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ระวังไม่ให้เพลินจนเผลอเสร็จภาระกิจก่อนเวลาอันควรไปเสียก่อน เพราะกิจกรรมสุดท้ายต่างหากคือสิ่งที่เนบิวลาเฝ้ารอคอย
เนบิวลาเตรียมอุปกรณ์ล้างทำความสะอาดมาด้วย มีลักษณะเป็นหลอดใสๆ ที่มีความยืดหยุ่น เมื่อสอดเข้าไปแล้วมันจะปล่อยสารละลายบางอย่างออกมาเพื่อทำความสะอาด เมื่อบีบที่กะเปราะที่โป่งนูนอีกครั้งมันก็จะดูดสารละลายและสิ่งไม่พึงประสงค์เข้ามาเก็บไว้ จากนั้นก็ดึงออกและทิ้งไป เท่านี้ก็พร้อมสำหรับปฏิบัติภาระกิจสำคัญแล้ว
ที่ดาวแม็กโซนาเดียไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงไม่ใช้เครื่องป้องกันใดๆ หากไม่ต้องการตั้งครรภ์ก็เพียงแต่ใช้เจลหล่อลื่นชนิดหนึ่งร่วมด้วย เจลชนิดนี้จะฆ่าเชื้อโรคและตัวอสุจิให้ตายได้ รวมทั้งยังป้องกันไม่ให้อสุจิเคลื่อนที่เข้าไปในรังไข่ นอกจากนี้ เจลชนิดนี้ก็ยังสามารถใช้ได้กับความสัมพันธ์ของชายกับชายหรือแบบอื่นได้อีกด้วย
ส่วนนั้นของเนบิวลาสอดลึกล้ำเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจลนั้นช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี กระนั้น เนบิวลาก็ค่อยๆ เริ่มปฏิบัติการอย่างช้าๆ และไม่รุนแรงเพื่อให้อีกฝ่ายปรับตัวจนกระทั่งคุ้นเคยดี
เมื่อเห็นเนตั้นเริ่มครวญครางและมีอารมณ์ร่วมดีแล้ว เนบิวลาจึงค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงขึ้น เนตั้นกำราวเหล็กบนหัวเตียงแน่น ความเจ็บเมื่อครู่หายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่เพียงความเสียวกระสัน เนตั้นจึงปล่อยตัว ปล่อยใจและอารมณ์ไปกับความต้องการอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล จนกระทั่งอีกฝ่ายปลดปล่อยและล้มตัวลงกอดกระชับเนตั้นไว้อย่างเหนื่อยอ่อน
เนตั้นหอบเหนื่อยอย่างสุขสม แหงนหน้ามองออกไปข้างนอกแล้วจึงเห็นดวงดาวนับแสนล้านดวงส่องประกายระยิบระยับ ถ้าหากพวกมันเป็นดวงตาของมนุษย์ ก็เท่ากับว่ามีสายตานับล้านๆ ดวงได้เห็นบทรักในห้วงอวกาศเมื่อสักครู่นี้ไปหมดแล้ว
เนตั้นเหงาหรือเปล่า...ถ้ามีเนบิวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทำกิจกรรมที่แสนพิเศษด้วยกันแบบนี้ อีกไม่นานเนตั้นก็อาจจะไม่รู้จักความเหงา
แล้วเนตั้นจะรักเนบิวลาได้หรือเปล่า...ก็ในเมื่อเนตั้นยอมให้อีกคนล่วงล้ำเข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว คำตอบยังจะเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ...
TBCฝากนิยายอีกเรื่องด้วยนะครับ ▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Loverบทนำ "เป็ง" เคยเจอสาวมีเขี้ยวเมื่อสิบปีที่แล้ว ประทับใจและฝังใจมาก จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องมีแฟนเป็นสาวมีเขี้ยวเท่านั้น แต่กลับไม่เคยได้เจออีกเลย จนกระทั่งได้มาเจอกับ "คานิน" หนุ่มมีเขี้ยว เป็งกลับหลงรักหนุ่มมีเขี้ยวเข้าให้จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ขึ้นมา
แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเป็งได้เจอ "กัญชพร" สาวมีเขี้ยวตัวจริงที่ทำให้เป็งหวั่นไหว ที่สำคัญ คานินก็รับรู้ความหวั่นไหวของเป็งเสียด้วย มันเจ็บปวดสักแค่ไหนที่คนที่คบกันมาเพิ่งมาสงสัยว่าตัวเองอาจไม่ได้ชอบผู้ชายหรือเปล่า!?
มาลุ้นกันครับว่า "หนุ่มมีเขี้ยว" หรือ "สาวมีเขี้ยว" กันแน่ที่จะได้ใจของหนุ่มเป็งไป
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51323.0