[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก
Part 14# Wa เริ่มต้นใหม่
“ผม...ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” พูดจบผมก็รีบเดินออกมาจากงาน โดยที่ผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรและดีใจที่ได้แก้แค้น กลับกันผมดันปวดร้าวในใจจนน้ำตามันไหลออกมาต่างหาก
ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้?
ใครก็ได้ช่วยบอกผมที?
ทำไม ทำไม! ทำไม!!
ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไปในขณะที่วิ่งออกมา ตอนแรกผมกะว่าจะโบกแท็กซี่ที่หน้าออฟฟิศ แล้วจะไปที่ไหนสักที่ที่มันเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน แต่พอเดินออกมาก็ปรากฏว่าพี่ธามได้มาจอดรถรออยู่แล้ว
“พะ...พี่ธาม ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ”
“พี่ก็มารอรับวากลับบ้านน่ะสิ”
“อย่าบอกนะครับว่าพี่รอผมอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกงาน?” พี่ธามไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มน้อยๆ ให้ผมเท่านั้น แต่นั่นแหละคือคำตอบว่าพี่ธามรอผมอยู่ตรงนี้ตลอดจริงๆ
“ทำไมพี่ต้องดีขนาดนี้ ทำไมต้องทำอะไรเพื่อผมขนาดนี้ด้วยครับพี่ธาม” ในขณะที่ถาม น้ำตาของผมที่หยุดไหลไปแล้วก็ได้รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะไหลรินลงมาเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ธาม
“นั่นก็เป็นเพราะว่าพี่รักวาไงครับ” พี่ธามส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้ แต่แทนที่จะดีใจผมกลับรู้สึกปวดใจจนน้ำตามันยิ่งไหลลงมา
ทำไมคนดีๆ แบบนี้ผมถึงไม่รัก ทั้งๆ ที่ผมก็พยายามแล้ว แต่กับคนเลวๆ ผมกลับยิ่งจำ ทั้งๆ ที่ผมพยายามลืมแต่ก็ลืมไม่ลงสักที
“ร้องไห้ทำไมกันครับวา ถ้าดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากพี่ขนาดนั้น ต่อจากนี้พี่จะพูดให้ฟังทุกวันเลยก็ได้” พี่ธามพูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้ามากอดผมเอาไว้ แต่นั่นมันกลับทำให้ผมสะอื้นไห้จนตัวโยน คนอย่างผมมันไม่ดีพอที่จะให้คนอย่างพี่ธามมารักหรอก
คนที่นิสัยไม่ดีและแปดเปื้อนไปแล้วอย่างผม...
“อย่าพูดว่ารักผมอีกเลย ตัดใจจากผมเถอะนะครับพี่ธาม” พูดจบผมก็ดันแผงอกกว้างออกมา ผมไม่อาจมองหน้าของพี่ธามได้จึงเอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น โดยที่น้ำตาของผมมันก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
“ทำไมวาถึงพูดกับพี่แบบนั้นล่ะครับ” น้ำเสียงที่ได้ยินฟังดูเศร้า เจ็บปวด และผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นพี่ธามก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับผมเลยแม้แต่น้อย
“ผมขอโทษครับพี่ธาม” ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนนอกจากคำนี้ แต่ผมก็รู้ดีว่าคนอย่างผมไม่สมควรที่พี่ธามจะยกโทษให้ ผมมันคงจะเป็นคนที่ใจร้ายและเลวมากในสายตาของพี่ธาม
“วารักโซ่สินะ” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว
“ไม่ใช่นะครับ! ผมน่ะหรอจะไปรักคนแบบนั้น!”
“ถ้าอย่างนั้นเหตุผมที่วาบอกให้พี่ตัดใจคืออะไรล่ะครับ”
“น่ะ...นั่นมัน...เพราะคนอย่างผมมันไม่คู่ควรกับพี่”
“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมวาถึงได้พูดแบบนี้ วาเอาอะไรมาตัดสินว่าวาไม่คู่ควรกับพี่ แล้วถ้าหากวาจะบอกว่าพี่ดีเกินไป จะให้พี่ลองเปลี่ยนเป็นคนเลวบ้างดีมั้ย เผื่อว่าวาจะรักพี่ได้บ้าง” จากสีหน้าและน้ำเสียงของพี่ธามตอนนี้ ผมไม่รู้เลยว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นหรือตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“อย่านะครับพี่ธาม ผมไม่มีค่าพอที่จะให้พี่ทำแบบนั้น”
“ทำไมวาจะไม่มีค่า สำหรับพี่วามีค่า...”
“ผมมีอะไรกับคนอื่นไปแล้ว!” ผมพูดขัดขึ้นก่อนที่พี่ธามจะได้พูดจนจบ “เพราะงั้น…ผมไม่มีหน้าไปคบกับพี่ได้หรอกครับ”
การที่ผมตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้ ก็เพราะพี่ธามจะได้เข้าใจสักทีว่าผมไม่ได้แสนดีและบริสุทธิ์อย่างที่คิด ผมมันก็แค่คนนิสัยไม่ดี และสกปรกเกินกว่าที่พี่ธามจะลดตัวลงมาคบด้วย
เนิ่นนานเกือบครึ่งนาที พี่ธามที่เอาแต่ยืนนิ่งถึงเค้นเสียงพูดออกมาได้
“ถ้าให้พี่เดา...กับโซ่...ใช่มั้ยวา” ผมเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นแหละมันคือคำตอบที่ชัดเจน แน่นอนว่าพี่ธามเข้าใจ แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่าพี่ธามจะพูดออกมาแบบนี้
“ถ้าพี่บอกว่าไม่ถือล่ะครับ”
“พะ...พี่ธาม!”
“คุณค่าของวามันไม่ได้ลดลงเพราะวาเป็นของใครหรอกนะครับ แต่ก็เอาเถอะ พี่ยอมแพ้แล้วล่ะ”
“ยอมแพ้?”
“ก็พี่สู้คนที่อยู่ในใจวาไม่ได้นี่นา” พี่ธามยิ้มอย่างขื่นๆ แต่สีหน้าและแววตาก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยแบบนี้ พี่ธามคงจะคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าคงจะสู้คนที่อยู่ในใจของผมไม่ได้
แต่เดี๋ยวก่อน ผมมีใครในใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ผมว่าพี่ธามน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วนะครับ ผมไม่มีใครอยู่ในใจสักหน่อย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ พี่ธามก็ทำสีหน้าระอาผมออกมา
“ทำไมจะไม่มีล่ะวา ก็โซ่ไงที่อยู่ในนั้น”
“จะ...จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ!” ผมไม่คิดว่าพี่ธามจะพูดชื่อนี้ออกมา เลยทำให้ผมถึงกับเหวอแล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ยังไงก็ไม่มีทาง! คนเลวๆ อย่างพี่โซ่น่ะ...”
“เมื่อก่อนวาไม่ได้เรียกโซ่แบบนี้”
“เอ๊ะ?”
“วาจะเรียกโซ่ว่า ‘ไอ้พี่โซ่’”
!!!
จริงด้วย! นี่ผมเปลี่ยนมาเรียกพี่โซ่โดยไม่เติม ‘ไอ้’ ตั้งแต่เมื่อไหร่!
“เมื่อ 7 ปีก่อนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นวาอาจจะเกลียดโซ่จริงๆ แต่ในส่วนลึกวาก็ยังรักโซ่อยู่ แล้วพอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นมันก็ปะทุออกมา”
“มะ...ไม่ใช่นะครับ”
“อย่าหลอกตัวเองเลยวา ก่อนหน้านี้พี่ก็หลอกตัวเองมาตลอดว่าคงจะทำให้วาลืมโซ่ได้ แต่ตอนนี้พี่ยอมรับความจริงแล้วล่ะ วาก็ยอมรับความจริงซะนะ จะได้มีความสุขกับคนที่ตัวเองรักสักที”
“คะ...คนที่รักอะไรกัน คนแบบนั้นน่ะผมเกลียดเข้าไส้เลยต่างหาก ไม่อย่างนั้นผมจะกล้าหักหน้าพี่มันกลางงานเลี้ยงหรอครับ ผมทำกับพี่มันอย่างที่เคยทำกับผม ในที่สุดผมก็แก้แค้นสำเร็จแล้ว ตอนนี้ผมสะใจสุดๆ เลยครับพี่ธาม ฮ่าๆๆๆ ผม...สะใจจริงๆ นะ...สะใจ...จริงๆ...” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ถึงปากจะบอกว่าสะใจ แต่หัวใจของผมมันกลับรู้สึกตรงกันข้าม ตอนนี้มันกำลังปวดร้าวจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว
“วา...” พี่ธามลูบที่ศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา ฝ่ามืออันอ่อนโยนที่ปลอบใจ รวมถึงสายตาที่แสดงออกว่าเข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันก็ทำให้ผมยอมรับและเลิกปากแข็งสักที
“ผมมันโง่มากเลยใช่มั้ยครับพี่ธาม ทั้งๆ ที่พี่โซ่ทำกับผมขนาดนั้น แต่ว่าผมก็ยัง...ก็ยัง...รักพี่โซ่อยู่ดี” จริงอย่างที่พี่ธามพูดนั่นแหละ ที่ผ่านมาผมหลอกตัวเองมาตลอด ก็ผมไม่อยากโง่เป็นครั้งที่สองนี่นา แต่ก็นะ...ผมดันโง่แบบนั้นอีกจนได้
ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าพี่โซ่เลวขนาดไหน แต่ทำไมหัวใจของผมถึงเลิกรักพี่โซ่ไม่ได้ก็ไม่รู้...
“ความรักมันไม่มีโง่หรือฉลาดหรอกนะวา มันมีแค่หัวใจ ทำตามเสียงของหัวใจแล้ววาจะมีความสุข เชื่อพี่นะครับ” พี่ธามยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ แต่ภายในแววตาผมก็สังเกตเห็นได้ว่ามีความเศร้าแอบแฝงอยู่
“แล้วพี่...”
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่จะดีใจมากถ้าหากวามีความสุข”
“แต่ว่าผมคงจะมีความสุขไม่ได้หรอกครับ โดนผมทำซะขนาดนั้น พี่โซ่คงจะไม่ยอมยกโทษให้ผมหรอก” พูดถึงตรงนี้ผมก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“อย่ามัวแต่คิดเองเออเองเลย ถ้าอยากรู้ก็ไปถามเลยสิ”
“เอ๊ะ?” ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็หันไปทางด้านหลัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพบกับพี่โซ่ที่กำลังมองมา ตอนนี้สีหน้าของพี่โซ่นิ่งมากจนผมมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร แล้วผมก็ไม่กล้าจะสู้หน้าพี่โซ่ด้วย
“ไปสิครับ ไปถามให้รู้กันไปเลย” พี่ธามรุนหลังผมให้เดินเข้าไปหาพี่โซ่ ตอนแรกผมก็รู้สึกลังเลเพราะกลัวคำตอบที่จะได้ยิน แต่ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมต้องยอมรับผลจากการกระทำของตัวเอง ถ้าหากพี่โซ่จะไม่ยอมให้อภัย ผมก็จะไม่ตัดพ้อต่อว่าพี่โซ่เลย
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมก็เดินเข้าไปหาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพี่โซ่ ผมตั้งใจจะพูดคำว่าขอโทษ แต่พี่โซ่ก็ดันพูดออกมาก่อนว่า...
“เท่านี้เราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว มาเริ่มต้นกันใหม่นะครับวา”
คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ นี่มันหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าพี่โซ่รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร รวมถึงเรื่องที่ผมตั้งใจจะเอาคืนเรื่องเมื่อ 7 ปีที่แล้วด้วย?
แล้วก็เหมือนว่าจะอ่านใจของผมได้ หรือเพราะคำถามพวกนั้นมันแสดงออกทางสีหน้าหมดแล้วก็ไม่รู้ พี่โซ่จึงได้เฉลยคำตอบที่ผมสงสัยให้ฟังทั้งที่ผมยังไม่ได้ถาม
“พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่าวาคือโย แล้วก็พอจะเดาออกด้วยว่าวาจะเอาคืนพี่ด้วยวิธีนี้”
“ถ้างั้นแล้วทำไม...”
“พี่อยากจะชดใช้ความผิดเมื่อ 7 ปีก่อน” แล้วพี่โซ่ก็เล่าเรื่องราวเมื่อ 7 ปีก่อนให้ผมฟัง แต่ทุกเรื่องมันกลับตาลปัตรไม่ได้เหมือนอย่างที่ผมคิด พอได้รู้ว่าผมเข้าใจพี่โซ่ผิดมาโดยตลอด มันก็ทำให้ผมถึงกับช็อกจนพูดอะไรไม่ออกไปเลย
“พี่ปกป้องวาไม่ได้ เพราะอย่างนี้พี่ถึงยอมให้วาเอาคืน”
“ไม่...เรื่องนี้พี่ไม่ได้เป็นคนผิดเลยนะครับ! คนที่ผิดคือเพื่อนในห้องของพี่มากกว่า พี่ไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดเอาไว้เลย” แค่คิดว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมาพี่โซ่ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกยังไง ผมก็สงสาร เห็นใจ รู้สึกผิด แล้วก็โกรธตัวเองที่วันนั้นไม่เปิดโอกาสให้พี่โซ่ได้แก้ตัวเลยสักนิดเดียว
“ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมพี่ถึงบอกว่าผมชอบหนีปัญหา ขอโทษนะครับที่ผมทำตัวเหมือนเด็กๆ แล้วก็ขอโทษที่ผมไม่เชื่อใจพี่”
ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดตัวเองเอามากๆ แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นพี่โซ่กลับไม่ได้รู้สึกเกลียดผมเลย ในแววตาที่มองมานั้นมีแต่ความรักมอบให้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเสียใจที่ตลอดเวลาไม่เคยเชื่อสายตาคู่นี้สักครั้ง
“พี่ก็ขอโทษเหมือนกันที่ตอนนั้นปกป้องวาไม่ได้ แต่จากนี้ไปพี่สัญญาเลยว่าจะรักและดูแลวาเป็นอย่างดี ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวนะครับ” คำพูดของพี่โซ่ทำให้น้ำตาของผมมันไหลทะลักลงมา ก่อนที่ผมจะรีบพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพี่โซ่ทันที
เวลา 7 ปีที่เสียไป ผมจะใช้เวลาในอนาคตทดแทนให้หมดเลย...
“ไม่เอาไม่ร้องนะเด็กดี พี่ชอบเห็นวายิ้มมากกว่า ยิ้มหวานๆ ให้พี่ดูหน่อยนะครับ” พี่โซ่ใช้มือทั้งสองประคองข้างแก้มของผมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาของผมออกไปอย่างแผ่วเบา
“ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มให้หวานที่สุดเท่าที่จะหวานได้
“น่ารักมากๆ เลยครับ” พี่โซ่ใช้มือบีบที่แก้มของผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ผมคงจะไม่ได้น่าดูสักเท่าไหร่ เพราะใบหน้ามันก็มีแต่คราบน้ำตา แถมเปลือกตาก็คงจะบวมและแดงก่ำด้วยอีกต่างหาก
“ไม่ต้องมาทำปากหวานแกล้งชมผมเลยครับ”
“พี่เปล่าสักหน่อย แต่ถึงจะแกล้งจริงๆ แล้วจะเป็นไรไป ชมแฟนตัวเองว่าน่ารักมันผิดด้วยรึไงครับ” คำพูดของพี่โซ่ทำเอาผมรู้สึกเขินจนหน้าร้อน ก่อนที่ผมจะอมยิ้มออกมาจนแก้มแทบจะแตกอยู่แล้ว
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไปว่าอะไร ก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของผมซะก่อน
“ท่าทางจะลงเอยกันได้ด้วยดีแล้วสินะ” เสียงนั้นมันคุ้นหูมากจนผมต้องหันหลังกลับไปมอง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เสียงพี่ธาม แต่มันฟังดูคล้ายเสียงของพี่เชน ซึ่งก็ใช่จริงๆ ด้วย
“เอ๊ะ! นี่พี่เชนมาได้ยังไง แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”
“ก็ขับรถมา มาถึงพร้อมๆ กับธามนั่นแหละ” คำตอบนี่ฟังดูกวนประสาทยังไงชอบกล แต่ก็เอาเถอะ พี่เชนก็ทำท่าไม่ค่อยจะชอบผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“เชนมันเป็นห่วงพี่น่ะเลยตามมาอยู่เป็นเพื่อน” พี่ธามขยายความให้ผมฟัง ผมว่านะ คนบนโลกนี้ที่พี่เชนดีด้วยต้องเป็นพี่ธามคนเดียวแน่ๆ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นการหวังดีประสงค์ร้ายรึเปล่า
“เรากลับกันเลยมั้ย ปล่อยให้เด็ก 2 คนนั้นอยู่ด้วยกันดีกว่า” พี่เชนพูดกับพี่ธาม พี่ธามจึงพยักหน้าลง
“นั่นสินะ งั้นพี่กลับก่อนนะครับวา พี่ดีใจนะที่เห็นวามีความสุข” พี่ธามยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ แต่ก็เหมือนเดิม พี่ธามยังคงเก็บซ่อนความเจ็บปวดที่อยู่ในส่วนลึกไม่ได้ ผมที่เห็นแบบนั้นเลยรู้สึกจุกจนต้องกลับมาถามตัวเองใหม่ ผมสมควรแล้วหรอที่จะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้?
“พี่...” ผมตั้งใจจะเดินไปหาพี่ธามที่หันหลังกลับไปแล้ว แต่พี่โซ่ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่โซ่จะหึงเลยไม่อยากให้ผมไป แต่พอได้ยินสิ่งที่พี่โซ่กระซิบบอก...
“หน้าที่ปลอบพี่ธาม ปล่อยให้พี่เชนเป็นคนทำดีกว่า”
“หา?”
“นี่วาดูไม่ออกหรอ พี่เชนก็ออกจะชัดเจนขนาดนั้น” พี่โซ่ผมยิ้มนิดๆ ผมเลยลองคิดทบทวนเรื่องระหว่างพี่เชนกับพี่ธามที่ผ่านมา
“น่ะ...นี่อย่าบอกนะครับว่า...” ผมเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะอย่างขำๆ จากนั้นก็พยักหน้าลง
“เป็นอย่างที่วาคิดนั่นแหละครับ”
“ละ...แล้วพี่โซ่ไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” แต่แทนที่จะรีบเฉลย พี่โซ่กลับทำหน้ามีเลศนัยแถมยังเล่นตัวไม่ยอมบอกผมซะงั้น
“นั่นสินะ พี่รู้ได้ยังไงกันน้า”
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับพี่โซ่!”
“โอเคๆ พี่ยอมบอกแล้วก็ได้ แต่...วามีเวลาฟังทั้งคืนมั้ยล่ะครับ” ประโยคสุดท้ายพี่โซ่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า เล่นเอาอารมณ์อยากรู้ของผมถึงกับหยุดกึก ส่วนร่างกายก็แข็งทื่อผิดกับหัวใจที่อ่อนยวบยาบ ในขณะที่ใบหน้าก็แดงวาบและร้อนมากราวกับถูกไฟเผา
“ว่ายังไงครับ ยังอยากรู้อยู่รึเปล่า” พี่โซ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ใจจริงผมก็อยากจะพยักหน้า แต่ว่ามันคงดูไม่งามเลยจัดการฟาดที่ไหล่หนาเพื่อแก้เขิน
“ผมไม่พูดกับพี่แล้ว!”
“โธ่...ดีกันนะครับ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงขนมอร่อยๆ ไถ่โทษเลยด้วย ที่ห้องพี่มีตุนไว้เพียบ แวะไปลองกินก่อนกลับบ้านสักหน่อยมั้ยครับ” เฮอะ! คิดว่าผมรู้ไม่ทันรึไงว่าถูกเอาของโปรดมาล่อให้ขึ้นห้อง
แต่ถึงจะรู้...
“ผมจะลองไปดูก็ได้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะอร่อยอย่างที่โม้เอาไว้รึเปล่า” ผมยิ้มที่มุมปากท้าทาย พี่โซ่จึงทำหน้าประมาณว่า ‘เดี๋ยวรู้กัน’ จากนั้นก็รีบจูงมือผมพาเดินไปขึ้นรถทันที
2BC
สวัสดีค่ะทุกคน เรากลับมาแล้วค่าหลังจากที่ห่างหายจากการอัพไปนานเลย ก่อนนี้ดวงตาแย่ลงจนจับคอมและอ่านตัวหนังสือแทบไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอกันนานขนาดนี้ แล้วก็ขอบคุณจริงๆค่ะที่ยังรอกัน
ตอนนี้ก็จะมีหลากหลายอารมณ์เนอะ แอบเศร้าๆตอนแรกแต่ก็แฮปปี้ตอนท้าย หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ ตอนนี้พี่โซ่กับน้องวาก็ได้คบกันแล้ว (ยาวนานเหลือเกินกว่าจะได้คบกัน T
) ส่วนพี่เชนกับพี่ธาม...อืม...อันนี้ต้องไปคิดกันต่อแล้วล่ะค่ะว่าจะลงเอยกันยังไง พี่ธามจะเดินผิดไทป์จริงๆมั้ยน้า? อิอิ
ส่วนตอนหน้าเค้าจะพยายามรีบมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ อาจจะช้าไปบ้างแต่ก็อย่าพึ่งทิ้งเค้าไปไหนน้า กอดขาทุกคนเอาไว้แน่นมาก แล้วเจอกันค่ะ บ๊ายบายยยย
(19 พ.ย. 61)