@@@Writer's Talk@@@
มาแล้ว มาแล้ว...
มาช้ายังดีกว่าไม่มา ขอโทษที่ทำให้คนอ่านต้องรอคอย
กันจนคอยืดคอยาว....ชะแง้แลหาอินทัช กะ วรัญญูกันมาเสียนาน...
เมื่อยไหมคะ?
พีจังนวดๆให้น้า ...อ่ะ....ไม่ใช่ละ
เอาล่ะไปอ่านต่อกันเลยดีกว่า.............................................................
" หึ หึ .. นายรู้จักบ้าน
”พี่สาว” นายไหมล่ะ? มันอยู่นี่ล่ะ รีบมาแล้วกัน "ชายหนุ่มบอกก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์
สัญญาณถี่ๆจากสายที่ถูกตัดไป ทำให้วรัญญูแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกทาง พลางเท้าก็กดเร่งคนเร่งไปยังสถานที่ที่เขาเองก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไปอยู่เสมอ
...บ้านของพี่สาว... ...................................................
ไม่นานนัก รถมินิคูเปอร์ของวรัญญูก็พาเจ้าของรถมาถึงประตูบ้านหลังใหญ่ที่มองจากภายนอกดูเรียบหากแต่โก้หรูอยู่ไม่น้อย บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรห่างจากบ้านของพ่อบุญธรรมของเขาไปราวสี่สิบห้านาที ไม่ได้ไกลเลยแต่กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะได้โพล่หน้ามาที่นี่บ่อยนัก
อากาศยามเช้ายังคงเย็น วรัญญูสูดอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจกดออดที่หน้าประตูบ้าน วรัญญูชะเง้อชะแง้เข้าไปด้านใน ไม่มีเด็กรับใช้ในบ้านเดินออกมาซักคน พลางยกแขนขึ้นมองดูนาฬิกาข้อมือ ยังไม่ทันจะแปดโมงดีเลยเกิดโพล่พรวดพราดเข้าไปตอนนี้ไม่รู้ เจ้าของบ้านที่เป็น “พี่สาว” ของเขาจะว่าอย่างไรบ้าง พลันเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่อีกฟากของรั้ว สิ่งนั้นพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็ว....และไม่ใช่คน
" โฮ่งๆๆๆ "เสียงของลูกหมาตัวโตดังขึ้นพร้อมเอาสองขาตะกายประตูรั้ว เสียงหอบหายใจกับหางเป็นพวงที่กระดิกไหวนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันยินดีแค่ไหนที่ได้เห็นวรัญญู
“เคน! มาอยู่นี่จริงๆด้วย เคนๆ มานี่มาเด็กดีมาๆ...เดี๋ยวพ่อพากลับไปอยู่ด้วยกันนะ” ชายหนุ่มผมยาวประบ่ายื่นมือลอดรั้วเข้าไปสัมผัสกับหัวโตๆของเจ้าลูกหมาที่เขาฝังใจว่ามันถูก
“ลักพาตัว” มา
“ใครจะพาใครกลับบ้าน? หึ?...” เสียทุ้มดังขึ้นทำให้วรัญญูต้องเงยหน้าขึ้นมอง อินทัชยืนเท้าแขนกับประตูรั้วยิ้มเพล่
“คุณ!! เอาหมาของผมคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” วรัญญูโวยแทบจะในทันที อินทัชไม่ตอบร่างสูงส่ายหน้าเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มบนใบหน้ามีเหงื่อเกาะพราวดูท่าเพิ่งจะออกกำลังกาย ..หรืออะไรก็ตามมาหมาดๆ...ทำให้วรัญญูนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร่างสูงตาเปิดประตูเล็กให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา
“เข้ามาก่อนซิ่....” ว่าพลางก็ถอยให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา แต่ดูท่าวรัญญูจะไม่ได้สนใจฟังเขาซักเท่าไร ร่างเล็กโผเข้ามากอดเจ้าลูกหมานั่นทันที
"เคน !" วรัญญูเรียกชื่อของลูกหมาตัวโต ก่อนจะก้มลงไปกอดลูกหมาของเขาเต็มรัก
"ไปกันเถอะ เคน ฉันจะพาแกกลับนะ " ว่าพลางก็กระตุกปลอกคอของเคนเป็นสัญญาณหนึ่งว่าจะให้เดินตามกลับไปด้วยกันทันที
" ใครมาน่ะ อินทัช " แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเสียงของรุ่งนภา “พี่สาว” บุญธรรมของวรัญญู หรือ แม่ของอินทัชก็ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน ทำเอาวรัญญูถึงกับหยุดกึก หญิงสูงวัยสวมเสื้อผ้าสบายๆอยู่กับบ้าน ผิดกับทุกทีที่แต่งตัวออกจะดู...ทะมัดทะแมงเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งเดินสั่งงานอยู่ในบริษัท
" วรัญญูมาครับแม่ " อินทัชตอบพลางมองคนที่กอดเจ้าเคน
"อ่ะ... "วรัญญูรีบปล่อยเจ้าเคนแล้วลุกขึ้นยืนทันที "ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้าครับ
พี่บุญธรรม " ว่าพลางยกมือไหว้ท่าทางเก้ๆกังๆ เขาไม่ค่อยได้พบกับรุ่งนภานัก นึกทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าของหญิงสูงวัยที่ดูมีอำนาจคนนี้
"
เรียกแบบนั้นอีกแล้ว " หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าไปมา " กินข้าวมาหรือยังล่ะ...มาทานข้าวสิ “ ว่าพลางก็เดินกลับเข้าไปด้านในตัวบ้าน เจ้าเคนตัวดีก็วิ่งตามแม่ของอินทัชเข้าไปทันที
“
เคน...เอ้ย เคน.....” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรกับคำชวนของรุ่งนภาวรัญญูก็ต้องวิ่งตามเจ้าเคนเข้าไปด้านในทันทีซึ่งอินทัชก็เดินตามเข้าไปพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
..................................
รุ่งนภาเดินนำทั้งคนทั้งหมาไปที่โต๊ะอาหาร ไม่ห่างออกไปมากที่ตรงอีกมุมของห้องอาหารที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายหากแต่มีสไตล์ เด็กรับใช้เดินเอาชามข้าวมาเทอาหารสุนัขอย่างดีใส่เอาไว้ให้ซึ่งเจ้าเคนก็เหมือนกับจะรู้หน้าที่ ลืมนายเก่าวิ่งเข้าหาชามข้าวอย่างว่องไว
"พี่บุญธรรม...เอ่อ.... " วรัญญูหันไปมองเจ้าเคนสลับกับชามข้าว อาหารสุนัขอย่างดีที่ถูกเตรียมไว้นั้น ราวกับจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าเคนจะมาที่นี่นั้นเดาได้ไม่ยากเลยประกอบกับที่อยู่อาศัยของคนที่ไปซื้อมาโดยพลการแล้วด้วย
"พี่จะเลี้ยง...เจ้าเคนเหรอครับ? "
" มีปัญหาเหรอจ๊ะ ที่นี่ก็กว้างขวางดี มันก็มีความสุขดี เธอจะเอามันคืนเหรอ? "รุ่งนภาถามน้องชายบุญธรรมที่อายุรุ่นราวคราวลูกออกมาตรงๆ
“นั่งซิ่...กินข้าวด้วยกัน” รุ่งนภาว่าพลางนั่งลงที่หัวโต๊ะ ผายมือให้วรัญญูนั่ง ส่วนอินทัชนั้นก็นั่งลงประจำที่ของตัวเองเรียบร้อย
"คือ...เอ่อ...ผม..." คำถามตรงๆนั่นทำให้ชายหนุ่มร่างบางถึงกับสรรหาคำตอบมาตอบทันทีทันควันออกมาไม่ได้ทันการณ์เหมือนอย่างทุกที ใบหน้าสวยของคนที่ตี่นเช้ากว่าปรกติยิ่งหน้าซีดเข้าไปใหญ่ วรัญญูค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างเสียไม่ได้
"ผมแค่คิดว่า ถ้าผมได้ถามคุณพ่อก่อน แล้วถ้าท่านอนุญาติ ผมกำลังคิดว่าจะเอามันไปที่บ้านโน้น ด้วยน่ะครับ " มือเรียวลูบเบาๆลงบนหัวของเจ้าหนูที่เพิ่งจะจัดการอาหารในชามไปหมาดๆ แล้ววิ่งมานั่งอยู่ข้างๆแต่ก็ดูเหมือนจะนั่งใกล้ค่อนไปทางพี่บุญธรรมของเขามากกว่า
" มันขี้อ้อนมาก คงไม่ค่อยมีใครดูแล " เธอตอบกลับมา ก่อนจะพยักหน้าเป็นสํญญาณให้เด็กรับใช้เดินไปหยิบโถข้าวสวยมาตักข้าวให้วรัญญู
"
ถ้าคิดถึงก็มาหามันบ่อยๆสิ "
คำพูดนั้นทำให้วรัญญูถึงกับหมดคำพูดไปเลย รุ่งนภา พี่สาวบุญธรรมของเขาดูจะเป็นผู้หญิงเด็ดเดี่ยว ได้ยินทั้งจากพ่อบุญธรรมและเคยเห็นมาสองสามครั้งว่าเธอเคยดูแลกิจการทั้งหมดก่อนที่จะยกต่อให้ลูกชาย แต่กระนั้นก็ยังเข้ามาสั่งงานเองบ้างในบางครั้ง ลองผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวขนาดนั้นพูดแบบนี้ล่ะก็ มันคงไม่ง่ายแน่ที่เขาจะได้พาเจ้าเคนกลับไปด้วยกัน
"เอ่อ.....ครับ " เส้นผมยาวๆของวรัญญูทิ้งตัวลงตามเมื่อเขาก้มหัวให้กับรุ่งนภา พลางยกมือขึ้นไหว้
"ถ้าพี่บุญธรรมว่าอย่างนั้น ผมก็ขอฝากเจ้าเคนด้วยก็แล้วกันนะครับ" ทั้งๆที่พูดไปแบบนั้นแต่มือเรียวที่วางอยู่บนตักกลับกำแน่น
"มาเยี่ยมมันบ่อยๆก็แล้วกัน ดูมันจะดีใจที่ได้เจอเธอ " รุ่งนภาย้ำก่อนจะทานอาหารของตนเองเงียบๆ เช่นเดียวกับลูกชาย ส่วนเจ้าเคนเมื่อกินข้าวเสร็จแล้วก็มาคลอเคลียกับเจ้านายคนเก่า
" งี๊ดด "
หัวโตๆของมันถูกับขาของวรัญญูไปมา พลางกระดิกหางให้ มือเรียวลูบลงเบาๆที่ขนนิ่มของเจ้าเคน ใบหน้าสวยหันไปยิ้มเศร้าๆให้กับลูกหมาที่ดูแลมานาน เขาในตอนนี้ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลย.... ไม่คิดเลยว่าอินทัชจะเล่นไม้นี้ พาเจ้าเคนมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีทางได้เจ้าเคนกลับคืนไปแน่ๆลองถ้า รุ่งนภายืนกรานคำไหนแล้วทุกอย่างก็จะต้องเป็นไปตามนั้น
...เอาเถอะ...ยังไงก็มาหาได้นี่นะ .... วรัญญูร่วมโต๊ะอาหารกับสองแม่ลูกไปอย่างเงียบๆ ตลอดเวลารู้สึกได้บ้างถถึงสายตาของอินทัชที่มองมา แต่เขารู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อกรใดๆกับอีกฝ่าย มันไม่ใช่การเริ่มเช้าวันใหม่ที่ดีเลยที่รู้ว่าจะต้องยกหมาของตัวเองให้กับคนอื่นเลี้ยงแบบนี้
"ผม...อิ่มแล้วครับ พี่สาว " ชายหนุ่มร่างบางว่าพลางรวบช้อนวาง หลังจากที่ข้าวเช้าถูกจัดการไปได้ไม่ถึงครึ่ง
" ไม่อร่อยรึ? " รุ่งนภาถาม ส่วนลูกชายของเธอยิ้มเล็กๆ อินทัชปล่อยให้แม่ของตนเองจัดการไป
"ไม่ครับ อร่อยมาก ..เพียงแต่ผมทานอะไรมาแล้ว ก่อนจะออกมานี่" วรัญญูตอบเลี่ยงไปแบบนั้น เขาโกหกผู้ที่มีอายุมากกว่าไปคำโตทั้งๆที่สาเหตุจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น
" งั้นรึ? เออนี่ อินทัช วรัญญูนี่เด็กกว่าเรากี่ปีนะ? " รุ่งนภาดูเหมือนจะไม่ได้สนใจที่จะฟังคำตอบจากปากของเจ้าตัว หญิงสูงวัยวางช้อนลงกับจานกระเบื้องสวยก่อนจะหันไปถามลูกชายคนเดียวของเธอแทน
" ตามประวัติพนักงาน .. ประมาณ 9 ปีได้ล่ะครับ " อินทัชตอบเสียงเรียบๆแล้ววางแก้วน้ำลงกับโต๊ะ ได้ยินคำตอบนั้นรุ่งนภาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอหันไปบอกให้เด็กรับใช้เก็บจานชามแล้วไปยกชากาแฟมาเสริฟแทน
...เล่นอะไรกัน... บทสนทนานั้นทำให้ดวงตาสีเข้มของวรัญญูมองใบหน้าของสองแม่ลูกสลับกันด้วยความไม่เข้าใจนักท่าทางของเด็กหนุ่มดูสับสนอยู่ไม่น้อย
" แม่ไม่เข้าใจเลยว่า แม่น่ะ จะหาน้องให้เราอีกคนไม่ได้หรือไง อินทัช " รุ่งนภาว่าพลางหันไปหาลูกชาย ดวงตาคมมีพลังที่เหมือนกับดวงตาของลูกชายแทบจะทุกอย่างนั้นเหลือบมองมาทางวรัญญูที่ยังนั่งเป็นเป้านิ่งอยู่เล็กน้อย " แต่ตอนนั้น คุณตาของลูกถึงไม่ยอมท่าเดียวน่ะ "
อินทัชเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เขาเพิ่งเคยได้ยนเรื่อง
“การรับลูก หลานบุญธรรม” จากปากของมารดาอย่างเป็นจริงเป็นจังก็วันนี้
"อย่างนั้นเหรอครับ ผมนึกว่า คุณแม่ไม่เห็นด้วยเสียอีก "
"แม่น่ะ บอกท่านแล้วว่า ถ้าจะรับ วรัญญูมาน่ะ ก็ให้เขาเป็นน้องชายลูกน่ะสิ " รุ่งนภาพว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยกถ้วยการแฟที่เด็กรับใช้นำมาเสริฟขึ้นดื่ม เธอชอบกาแฟดำใส่น้ำตาลหนึ่งช้อนเป็นที่สุด คำพูดของพี่สาวบุญธรรมทำให้เจ้าของชื่อถึงกับอ้าปากค้าง
"ครับ??" เจ้าของชื่อเลิกคิ้วสูง
" อ้าว วรัญญู...นี่เธอไม่รู้เรื่องมาก่อนเหรอ? .. เพราะแม่เห็นว่าอีกหน่อยมันจะทำให้เธอวางตัวกับอินทัชลำบาก เห็นว่า ตอนนี้ก็เป็นเลขาของเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง? " รุ่งนภาถามอย่างแปลกใจ
"มันก็ใช่นะครับ " วรัญญูรับคำเบาๆ
...แต่มันคงไม่ลำบากแบบนี้ ถ้าผมไม่ไปยั่วเขาก่อน.... เสียงของชายหนุ่มร่างบางตะโกนอยู่ในใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย
"ถ้าเขาเป็นน้องชายผมคง...
ลำบาก...กว่านี้ล่ะครับ " ผู้เป็นลูกชายบอก ริมฝีปากได้รูปนั้นหยัดยิ้มเล็กน้อย ดวงตาคมมองข้ามโต้ะมายังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างมีความหมาย
..จะเป็นน้า หรือ น้อง ก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น.."ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ทำให้เธอลำบาก" วรัญญูว่าพลางตวัดสายตามองหน้า ”หลานชาย”
"วรัญญู แม่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่ ยังไง อินทัชก็อายุมากกว่าเธอนะ " รุ่งนภาหันมา "ดุ" วรัญญูเสียงเข้ม ถ้อยคำที่ใช้นั้นบ่งบอกได้เลยว่าเธอก็นับเอาวรัญญูเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งเหมือนกัน แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงดื้อรั้นอยู่ตลอด หญิงสูงวัยถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยใจที่จะบอกจะพูดแล้ว รุ่งรภาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอาหารไป โดยมีเจ้าเคยที่ลุกขึ้นแทบจะในทันทีที่เธอลุกขึ้น เจ้าตูบหัวโตเดินแกว่งหางตามรุ่งนภาไปทันที
"อ่ะ...พี่สาวครับ " ถึงจะพยายามเรียกเอาไว้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วดวงตาคู่สวยตวัดสายตามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทบจะในทันที
"สมใจเธอหรือยังล่ะ อินทัช" น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และ สับสนในจุดยืนของตัวเอง เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของวรัญญู
"เลิกพูดจาพิลึกแบบนั้นเถอะ บอกกี่รอบแล้ว ว่ามัน...น่าขำ " อินทัชเองก็ลุกจากโต๊ะอาหารเช่นกัน เขาพยักหน้าเชิงให้วรัญญูเดินตามเขาไปยังห้องรับแขก...ส่วนแม่ของเขานั้นดูเหมือนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานแล้ว แม้ในวันอาทิตย์รุ่งนภาก็ยังจะใช้เวลาช่วงหนึ่งในการตรวจสอบตัวเลขต่างๆในรายงานที่ได้รับมาจากที่บริษัท
"........................ " วรัญญูหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องรับแขกนั่นเอง เขาไม่อยากจะเดินตามอินทัชเข้าไป เหนื่อยใจเกินพอแล้วสำหรับเช้านี้ หากก้าวเข้าไปด้านในไม่รู้จะต้องพาลพบกับคำพูดอะไรอีกบ้าง...
“เข้ามาซิ่....” แต่กระนั้นอินทัชก็ยังคงยืนกรานให้เขาเดินตามเข้าไป ชายหนุ่มร่างเล็ก สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินตามเข้าไปด้านใน
" ถ้าไม่ให้เรียกว่า
เธอ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ...
พี่ชาย หรือทางนี้ก็ไม่เอาเหมือนกันล่ะ..." ชายหนุ่มผมยาวว่าหยุดอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย
อินทัชนั่งไขว่ห้างท่าทางสบายๆอยู่บนโซฟา สองแขนเท้ากับพนักของโซฟา ดวงตาคำมองหน้าของวรัญญูอย่างพิจารณาติดจะมองอย่างยียวนเสียด้วยซ้ำไป
"ผมจะกลับล่ะ ฝากลาพี่บุญธรรมด้วยก็แล้วกัน" เห็นสายตาแบบนั้นแล้วยิ่งอารมณ์เสีย วรัญญูฮึดฮัดทำท่าจะเดินออกจากห้องรับแขกไป
" แม่ฉัน คิดจะรับเลี้ยงนายเป็นลูกแต่นายเรียกเขาว่าพี่สาวทางนี้ก็รับไม่ไหวเหมือนกัน...คิดซะบ้าง " เสียงของอินทัชที่ดังขึ้นทำให้วรัญญูหยุดนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบจากกำแพงทั้งสองด้าน และที่ว่างที่เขาพอจะยืนได้ก็แคบลงเรื่อยๆ วรัญญูหันไปมองหน้าของคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โซฟา ตัวใหญ่
"ผมมีแม่ของผม...ชาตินี้มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น..." เสียงที่พูดนั้นสั่นเล็กๆ สองมือบางกำแน่นที่ข้างตัวเกร็งเสียจนสั่นไหว
" งั้นก็ให้ความเคารพท่านแบบญาติผู้ใหญ่สิ แม่ของนายเด็กกว่าแม่ของฉันเสียอีก .. “ สองมือแกร่งของอินทัชยกมาประสานเข้าหากันที่หน้าตัก วรัญญูดูสับสด อัดอั้น...มันไม่ใช่ใครเลยที่พาอีกฝ่ายมาอยู่ในสถานะนี้นอกจากคุณตาของเขาเอง...และตัวของเขาเองก็อยากจะยัดเยียดสถานะใหม่ให้อีกฝ่ายอีกเช่นกัน ...
“ได้โปรดอย่าพูดถึงแม่ของผมอีก...ท่านก็ตายไปนานมากแล้ว อายุของท่านไม่มีวันที่จะมากไปกว่านั้นอีกแล้ว” ร่างบางเค้นเสียงสั่นเครือออกมาพูด ดวงตากลมโตมองหน้าของอินทัชด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ได้...ฉํนก็แค่อยากจะให้รู้เอาไว้...ว่านายจะพูดจายังไงกับฉัน มันก็จบที่ฉัน แต่กับแม่ .. ท่านถือมากนะ” ชายหนุ่มจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ " ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ...
ฉันอยากให้นายเป็นตัวเองจริงๆมากกว่า "
" เป็นผมจริงๆ? ฮ่ะๆ " วรัญญูหัวเราะออกมาเบาๆ “เป็นยังไงล่ะ ช่วยบอกผมทีเถอะครับ ท่านประธาน...ไปยกเลิกเอกสารทุกอย่างเลยจะเป็นไร?” ดวงตาคู่สวยมองหน้าของอีกฝ่าย ดวงตากลมโตนั้นเหมือนเทียนที่ไหววูบไปกับแสงลมพัดผ่าน หากแต่ความจริงแล้วมันคือน้ำตาที่คลอหน่วย
"ถ้าทำแบบนั้นได้ ทีนี้ พวกเราทุกคนคงจะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ให้มันปวดหัว สับสน กะอีกแค่คำสรรพนามใช้เรียกกันแบบนี้หรอก...เพราะยังไงซะเรามันก็เป็นแค่
คนแปลกหน้าก็เท่านั้นเอง..." วรัญญูเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด
" แค่
ฉันกับนาย ก็พอแล้วนี่ .. ฉันบอกแล้วนี่ ว่าคิดกับนายยังไง " ดวงตาคมของอินทัชจ้องใบหน้าสวยนั้นนิ่ง วรัญญูเบะปากทันที
".........แต่ด้วยท่าทางของคุณแบบนั้น "วรัญญูหยุดเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจลึก"ต่อให้เราเป็นคนแปลกหน้ากัน ผมก็ไม่อยากได้อะไรแบบนั้นจากคุณหรอก "
"ฉันจะคอยดู" ชายหนุ่มว่าพลางผายมือไปที่ประตูทางออก" ไว้เจอกันที่บริษัท "
"แล้วเจอกันที่บริษัท...อินทัช" ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่า เอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย นอกจากวรัญญูจะไม่ได้หมาที่เขารักกลับไปแล้ว เขายังถูกทำให้สูญเสียจุดยืน หลักยึด หรืออะไรก็ตามที่ตัวเองพยายามจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกราะกำบังตัวเองมาโดยตลอดให้ทลายลงไปอย่างไม่มีชิ้นดีอีกด้วย...มันคงไม่มีเช้าวันอาทิตย์วันใดที่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
.........................................................
ทันทีที่เสียงรถมินิออกจาบ้านไป รุ่งนภาก็เดินกลับมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ มีเจ้าเคนเดินตามหลังต้อยๆ ก่อนจะตามมาด้วยเด็กรับใช้ที่เดินเอาน้ำชามาส่งให้กับคุณชายของบ้าน
"ถูกใจเหรอลูก? "
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ " ชายหนุ่มรับเอาถ้วยชาขึ้นมาจิบ แม่ของเขารู้ดีและรับได้ในสิ่งที่เขาเป็น อันที่จริงเธอไม่ค่อยจะสนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะชอบเด็กผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ขอเพียงแค่ว่าเป็นคนดีและอินทัชพอใจเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอ
"หัวรั้นไปหน่อยนะ " คุณแม่นั่งลงที่โซฟา ส่วนเจ้าเคนก็หมอบลงตรงพื้นพรมข้างล่างพวงหางฟูๆนั่นยังสะบัดไปมา เหมือนจะรอฟังว่าทั้งสองจะคุยเรื่องอะไรกัน
"ไม่หรอกครับ เขาแค่
ไม่เชื่องเท่านั้นเอง " อินทัชวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ
"แล้วคิดจะทำให้เชื่องเหรอ? " ผู้เป็นแม่อย่างรุ่งนภาถามต่อ พลางลูบขนนุ่มๆของเจ้าเคน อินทัชส่ายหน้าเบาๆ
" ผมคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ งานที่เมลเบิร์น ผมไม่ไว้ใจให้ใครแตะทั้งนั้น " น้ำเสียงนั้นยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด รุ่งนภาหรี่ตาลงพิจารณาท่าทีของลูกชาย
" ก็เลยคิดจะสอนงานเลขาให้เป็นผู้บริหารงั้นสิ? " คำพูดตรงๆของผู้เป็นแม่ทำให้ลูกชายยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มของคนที่ “ปลง” แล้ว
"คุณตาจะยกทุกอย่างให้เขานี่ครับ "
...............................................................to be con