- ลำดับที่ 3 -
เรื่องสั้นชุด Intania ภาค ME
(ME : Mechanical Engineering วิศวกรรมเครื่องกล)
เรื่อง เสือนับแต้ม
เขียนโดย Boorina
CH.08
'ผม' กับ 'เรา'
ผมดึงกล่องลวดเชื่อมที่ถูกใช้ไปกว่าครึ่งจากมือเพื่อนคนหนึ่ง พาตัวย่างเท้าขึ้นบันไดพับที่กางทำมุมกับพื้นระดับเพื่อส่งกล่องลวดเชื่อมไปให้ ปลายมือที่สวมถุงมือเปื้อนคราบสกปรกซึ่งมีลายปักรูปแมวยื่นมารับแล้วชะงักค้าง ก่อนใบหน้าเมินเฉยจะก้มต่ำ สายตาคมกริบมองกดมายังผม
“หายไปไหนมา” ทำไมต้องทำให้โมโหทั้งที่เป็นห่วงขนาดนี้ด้วยวะ รู้สึกเหมือนน้องมันกำลังแกล้งปั่นหัวผมเป็นการเอาคืน “แล้วร้อนขนาดนี้ยังขึ้นไปทำงานบนนั้นอีก หน้ามืดตกลงมาเจ็บตัวทำไงฮะ”
“โง่แล้วยังยุ่งไม่เข้าเรื่อง” มันตอกกลับผมมาก่อนจะมองไปยังไอ้เด็กหน้าละอ่อนร่างสูงยักษ์จนผมที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบยังต้องยอมใจ “ยืนบื้ออยู่ได้ เอาลวด 2.6 มาให้กู แล้วเอาลวดกล่องนี้จากไอ้พี่เสือไปเก็บเลยไป ใครให้หยิบมา มั่วชิบ!”
“จะด่าก็ด่ากูนี่ กูเป็นคนหยิบมาเอง” เป็นเสียงของไอ้หนุ่มมาดเซอร์ที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้เล็กๆ หน้าตาเหมือนคนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา
“วันนี้มันเป็นเบ๊กู ไม่เสล่อสิ” แต้มตอกกลับ
“ว้อยยย... พอกันทั้งคู่เลย” เป็นเสียงของไอ้โยธาที่อยู่อีกฟากของคานเหล็ก “มึงกลับไปทำโมเดลเลยไป ไม่ต้องมาเฝ้าเหลนรหัสกู กูไม่ใช้งานมันจนหมดแรงช่วยมึงตัดโมหรอก... ส่วนมึงนะไอ้แต้ม เหลือเชื่อมอีกนิดนึงมึงทำคนเดียวได้ไหมวะ พอดีกูจะไปส่องเด็กวิดยาคัดหลีด”
“จะไปตายห่าไหนก็ไปเถอะ กูทำคนเดียวได้”
สุดท้ายไม่ใช่เพียงไอ้นั่นคนเดียวที่หายไปส่องสาว กระทั่งเพื่อนร่วมรุ่นผมยังพากันพักกลางวันไปส่องสาวจนเกือบหมด เหลือเดินโฉบแบกของไปมาไม่กี่คน อีกอย่างงานส่วนใหญ่ก็เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหลือแค่เก็บงานอีกนิดหน่อย กับพื้นที่ด้านหลังตึกภาคเท่านั้น
“แต้ม หยุดพักไปกินข้าวก่อนไหม”
ไร้เสียงตอบรับ ผมถูกเมิน แต้มไม่ยอมคุย เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ผมซะอีกที่มองด้วยความหงุดหงิดแต่ก็นึกขำ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกแมวจอมหยิ่งงอนใส่ วิถีการงอนก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่จิกกัดก็ทำเมิน แต่สายตาคอยเหลือบมองเป็นระยะเหมือนรำคาญ ระหว่างนั้นผมกดโทรสั่งพิซซ่ามา เผื่อจะเอามาล่อแมวให้ยอมลงมาจากข้างบนสักที
“แต้มมากินก่อน” ผมร้องเรียกหลังพนักงานมาส่งพิซซ่าเรียบร้อยแล้ว แต่แมวดื้อยังทำเฉย “เป็นแมวรึไงเกาะคานแน่นไม่ยอมลง อย่าต้องให้ขึ้นไปลากตัวลงมาเดี๋ยวจะโดนดี เคลียร์ก็ยังไม่เคลียร์ยังทำเป็นอดข้าวอดปลาประท้วง ทำไมต้องให้ดุต้องให้ขึ้นเสียง ลงมาคุยกันดีๆ เลยนะ ให้ไว! แต้ม!”
เหมือนพูดกับลมกับฟ้า พล่ามอะไรไปแมวน้อยข้างบนก็เอาแต่จ้องเงียบ ไม่ย้อนไม่แย้งไม่เปล่งเสียงร้องออกมาสักแอะ ผมวางพิซซ่าในมือลงบนกองไม้ที่ถูกรื้อถอนแล้วพาร่างปีนขึ้นไปบนคานเหล็ก ส่วนไอ้แมวอวดดีก็ขยับถอยไปไม่ยอมให้ประชิดตัว นี่คิดจะเล่นเกมแมวจับหนูกจริงๆ ใช่ไหม มึงถนัดแต่พี่ไม่ถนัดนะโว้ย พลาดตกลงไปนี่อายทั้งคณะเลยนะ
“หนีทำไม ป๊อดเหรอ เฮ้ย!”
ผมร้องเสียงหลงปนขำ เมื่อไอ้แมวบ้าถอดถุงมือหนังแล้วปาใส่หน้าผม เป็นความรู้สึกคล้ายถูกแมวขู่ฟ่อไม่ให้เข้าใกล้ แต่หน้าตามันออกจะหล่อน่ารักเกินกว่าจะเป็นอันธพาล ใครกลัวก็โง่แล้ว ให้แมวมันร้ายและเอาแต่ใจมากแค่ไหนเจ้าของอย่างผมก็ยอมตกเป็นทาสมันล่ะวะ
“แต้มโกรธพี่เสือมากไหม” บอกพลางขยับกายเข้าหา “เรามาคุยกันดีๆ นะ”
“……”
“เมื่อวานหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแต้ม มีปัญหาก็คุยกันสิ อย่าหนีหน้า อย่าหลบกัน พี่วิ่งวุ่นตามหาแต้มไปทั่วเลยนะรู้ไหม”
ปฏิกิริยาตอบรับที่ได้กลับมาคือเสียงลมหายใจที่ปล่อยพรวดออกมา หน้าแมวหน่ายเหนื่อยแฝงดื้อรั้น
“...พี่มันนิสัยไม่ดีเองที่ไปพบกับอาโปแล้วไม่บอกแต้ม ทำให้แต้มคิดมาก ทำให้แต้มรู้สึกแย่ อาโปก็แค่คนที่พี่เคยรู้สึกด้วย แต่ไม่ใช่แต้มที่พี่รู้สึกจะเป็นจะตายตอนถูกเมินใส่ ไม่ใช่แต้มที่พี่ตามจีบอย่างใจเย็น ไม่ใช่แต้มที่ทำให้พี่คิดถึงมาตลอดทั้งที่เราห่างกันไปนานเกือบสามปี แต้มอย่าใจร้ายกับพี่เสือแบบนี้สิ”
วินาทีนั้น สิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าแต้มคือเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น ดูท่าจะยังรู้สึกแย่จนกู่ไม่กลับง่ายๆ ก่อนที่ถุงมืออีกข้างที่เหลือจะถูกเขวี้ยงใส่หน้าผมอีกทีแล้วร่วงลงพื้นด้านล่าง
“ทิ้งขว้างของที่พี่ทำให้ด้วยใจแบบนี้... พี่เสียใจนะ” แต้มกัดฟันกรอด เพ่งตามองผม “น้องแต้มของพี่เสือ... อย่างงอนเลยนะ”
“โว้ะ!”
เสียงร้องของแมวทำผมผงะก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา แมวยอมพูดด้วยแล้วทำเอาผมตื่นเต้น แม้จะเป็นภาษาแมวที่ฟังไม่เข้าใจก็เถอะ
“หายโกรธเถอะนะ... ที่พี่บอกไปว่าวันเสาร์มีงานก็งานที่มหา’ลัยนี่แหละ ไม่ใช่นัดพบอาโป แต่อาโปดันโทรมาตอนเช้า พี่เลยแว้บไปหาเฉยๆ พี่โทรหาแต้มแล้วแต่ไม่รับสายนี่ ตั้งใจว่าตอนเย็นจะไปค้างแล้วเล่าให้ฟังก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน... แต่พี่เคลียร์กับอาโปแล้ว บอกไปชัดเจนแล้วว่าถึงพี่จะยังไม่มีแฟน แต่พี่กำลังตามจีบแต้มอยู่”
ถึงคราวไอ้แมวขี้วีนหรี่ตามอง คล้ายตั้งคำถามว่า ‘จริงอ่ะเปล่า?’ ดูความซึนของมัน ทำเป็นไม่สนใจแต่ก็คอยกระดิกหูฟังอย่างตั้งใจตลอด
“พี่ระบุชื่อไปด้วยว่าตามจีบแต้มอยู่ แสดงความเป็นเจ้าของแทนแต้มเลยว่าแต้มเป็นเจ้าของหัวใจพี่”
“พล่ามอะไรนักหนา ไม่เหนื่อยรึไง”
เป็นคำพูดที่พังทลายความมโนของผมจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี แต่คิดอีกทีแต้มเป็นแค่ไอ้คนปากแข็งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสะท้านกับคำพูดตอกกลับที่ทำให้หัวใจสะเทือนหรอก
“ก็แต้มโกรธ แต้มหึง แต้มหวง... พี่แคร์ความรู้สึกแต้มถึงได้หน้าด้านบอก”
“หลงตัวเองไปไหม”
พี่หลงแค่น้องเถอะ! แล้วก็อย่ามาตอแหล พี่ไม่เชื่อหรอก
“เชี่ย!”
อ้าว! โดนด่าเฉยเลยกู
แต่กว่าจะรู้ตัวว่าแต้มไม่ได้ด่าผม น้องมันได้กระโดดลงพื้นด้วยท่วงท่าสวยงามอย่างรวดเร็ว เป้าหมายที่วิ่งกระโจนตรงไปคือกล่องพิซซ่าที่ถูกหมาสองตัวรุมล้อม แต่เหมือนจะไม่ทันการ พวกมันช่วยกระตะกุยตะกายจนฝากล่องเปิดออก ก่อนจะแบ่งกันงับแล้ววิ่งหางจุกตูดหนีไอ้แมวหน้าบูดที่ส่งเสียงกราดด่าฟึดฟัด
ผมตกอยู่ในสถานการณ์ยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออกกับภาพแมววิ่งไล่หมา ไม่งั้นอาจถูกแมวขาใหญ่ฟาดหน้าเอาได้ ได้แต่ปีนลงจากคานแล้วเดินเข้าไปจับข้อศอกแมวไว้
โครกกก...
ท้องแมวส่งเสียงร้องโครกครากน่าสงสาร ท่าทางคงหิวน่าดู แถมยังมาโดนหมาแย่งอาหารอีก จะให้แมวยิ้มหน้าชื่นตาบานก็คงไม่ใช่ จึงยอมให้อภัยกับใบหน้าค้อนๆ ของแมวที่ส่งมา
“พี่เสือยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน จะไปสนใจหมาทำไม แมวตัวเดียวพี่เลี้ยงได้ จะกินอะไร อยากได้อะไร แค่อ้อนพี่คำเดียวพี่เปย์ให้ได้หมด...” ไม่ต้องทำตาละห้อยเสียดายของที่ถูกหมามันแย่งไปหรอก มันเคือง รู้สึกเทียบหมาไม่ติดยังไงไม่รู้
“เลิกเอาของมาล่อสักที!” แมวด่ากราด ว่าแต่พิซซ่าที่ตั้งท่าหวงก่อนหน้านี้คืออะไร “เลิกฝอยด้วย น่าเบื่อ!”
“ถ้าไม่ฝอยแล้วแต้มจะเข้าใจพี่เหรอ จะให้พี่ปล่อยแต้มหายไปจากชีวิตพี่เหมือนเมื่อก่อนเหรอ ไม่เข้าใจบ้างรึไงว่าคนมันรู้สึกยังไงถึงได้ยอมหน้าด้านหน้าทนอยู่แบบนี้ ไอ้สิ่งที่พี่ทำให้เนี่ยมันทำความเข้าใจยากนักรึไงวะ ไอ้แมวเอาแต่ใจเอ๊ย! หยิ่งจองหองอยู่ได้! เดี๋ยวจับปล้ำแม่งเลย!!”
ถ้ามองไม่ผิดเหมือนแต้มจะเผลอผงะไปก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วเดินผ่านหน้าผมไปเก็บถุงมือบนพื้น...
แต้มหันกลับมามองผมอีกครั้งในสภาพสวมถุงมือเรียบร้อย ใบหน้าคล้ายสื่อความหมายมากมายที่อยากเอ่ยออกมา โดยเฉพาะนัยน์ตาใสๆ ที่สบจ้องมายังผมนิ่ง มันสะท้อนความรู้สึกบางอย่างให้ผมหลงตัวเอง
แต้มเดินมาหยุดตรงหน้าผม
“…ไอ้เสือแก่หงอม อืดอาดยืดยาด ครวญครางพิรี้พิไร น่ารำคาญ”
ด่าพี่เสือทำไมอ่ะ?
“ไอ้เสือบ้า... เห็นแก่ตัว...”
“พี่เห็นแก่ตัวอะไร พี่แค่อยากได้แต้ม อยากคบด้วย ผิดด้วยเหรอวะ หวงไม่ได้รึไง เมื่อคืนไปนอนค้างห้องใครมาก็ไม่รู้... จะบ้าตาย แมวหาย เออ! ยอมรับ พี่มันคนเห็นแก่ตัว ก็หวงนี่โว้ย จะให้ทำหงิมนอนรอที่ห้องเฉยๆ รึไงฮะ” ผมตะเบ็งเสียงออกไป อารมณ์เริ่มไม่นิ่ง ทั้งที่อยากง้อแต่ก็อดนอยด์ไม่ได้ แมวมันชอบยั่วโมโหให้ยั้งไม่ไหวตลอด
ไม่รวมอารมณ์เจ็บปวดที่ตกเป็นตะกอนทับถม เพราะนึกกลัวไปว่าแต้มกำลังปล่อยมือผมไปอีกครั้ง พาให้ใจโหวงลอยเคว้ง ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะดีพอให้แต้มเลือกที่จะจับมือผมอีกครั้ง
“รู้ตัวบ้าง... ว่าแต้มทำพี่เสียใจ”
ผมเอ่ยในขณะเลื่อนมือจากข้อศอกลงไปจับมือหุ้มถุงมือของแต้มไว้ บีบกระชับแน่นด้วยความหวังในตัวแมว อยากให้แมวมันเลิกเมิน อยากให้แมวสนใจ อยากให้แมวมาคลอเคลีย ให้เรามีกันและกันอีกครั้ง
แต่แต้มยังคงเป็นแต้ม ปั้นหน้าหยิ่งเมินใส่ผมเหมือนเคย ไม่แยแสต่อความเจ็บปวดของผมเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้พี่เสือหงอย”
“เออ...” เสือหงอยบ้างไม่ได้เหรอ เกิดเป็นเสือก็เจ็บเป็นนะ
“ไอ้พี่เสือตื่นตูม”
“เออ…” กูไม่ใช่กระต่าย!
“โดนเพื่อนสนิทเบี้ยวค่าหวยว่ะ”
“เออ…” สมน้ำหน้า
แล้วผมต้องรู้ด้วยไหม มันใช่เวลาคุยเรื่องหวยเหรอ เหอะ! ดูเอาเถอะ แค่ค่าความสำคัญระหว่างคนกับเงินยังเทียบกันไม่ได้เลย แต้มก็ยังเป็นแต้ม เห็นหวยสำคัญกว่าผม
“มันรับซื้อจากคนอื่นมา แต่เอามาส่งแค่ตัวเลข เงินไม่ยอมเอามาให้ แล้วเมื่อวานที่หายไปเพราะเพื่อนบอกว่าจะคืนให้เลยรีบไป แต่แม่งเอ๊ย ชั่วโคตร มันให้มาไม่ถึงครึ่งแถมบอกที่เหลือให้เจ๊ากันไป เซ็ง โดนโกงไม่เท่าไหร่ แต่ต้องมาเสียเพื่อนเพราะหวย โคตรงงเลยว่ะ...”
แป๊บนะ พี่กำลังพิจารณาว่าตัวเองควรอยู่ในอารมณ์ไหนดี
“แล้วปิดเครื่องทำไม”
“เลิกขายแล้วไง ขี้เกียจรับสาย ขี้เกียจตอบไลน์ เลยปิดเครื่องหนีซะเลย”
“หา?” อึ้ง แต้มเลิกขายหวย พระเจ้า เป็นไปได้ไงวะ “เลิกตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“เอ้า!” แต้มชักสีหน้า “อย่างว่าแหละ คนมันไม่ใส่ใจ คืนนั้นก็บอกไปแล้วไง พอคิดว่าจะเลิกขายเลยหาเรื่องให้พี่ใช้คะแนนแลกจูบให้หมด กลัวจะแลกพร่ำเพรื่อไร้สาระ”
ยิ่งเคลียร์ยิ่งงงเป็นปลากระโห้ชนฝาเขื่อน จับเรื่องลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก
“บอกคืนไหน? ที่จูบกัน?”
“ก็คืนนั้นที่...จะ-จูบ-กัน-ไง-วะ”
แล้วจะทำเป็นติดอ่างทำไม อย่างกับกระดากอายขึ้นมา ไม่ค่อยเข้ากับเบ้าหน้ามันเลยเเฮะ แต่ก็ดูน่ารักดี เป็นไอ้แมวจอมซึนที่โคตรจะน่ารัก
“ดูทำหน้าเข้าไอ้พี่เสือ จำไม่ได้ล่ะสิ ถึงได้บอกไงว่าพี่มันเห็นแก่ตัว ไม่ใส่ใจ แค่นี้ก็จำไม่ได้ แล้วยังมีหน้ามาทำเป็นคร่ำครวญให้เห็น ไอ้พี่เสือตอแหลเอ๊ย! คิดแต่เรื่องของตัวเอง ใส่ใจแต่ความอยากตัวเอง...”
เอิ่ม อารมณ์เหมือนกำลังถูกแมวขี้โวยพาลใส่ เล่นเอามึนอีกระลอก
“สมแล้วที่เรียนเครื่องกล ผิดจากที่พูดไว้ซะที่ไหน ไอ้เสือเห็นแก่ตัว ไอ้คนไร้ความรู้สึก มีหัวใจไปก็เท่านั้น เป็นแค่เครื่องจักรให้เลือดไหลผ่าน ให้มีลมหายใจมาข่มเหงหัวใจคนอื่น แล้วยังมีหน้าไปกอดพี่อาโป ไอ้พี่เสือบัดซบ!”
ชีวิตติดสตั้น แมวป่าอันธพาลกำลังเหวี่ยงใส่ไม่หยุด แต่น่าแปลกที่ทำให้ผมต้องกลั้นยิ้มไว้ สัมผัสได้ถึงความเอ็นดูแมวที่จุกอกจนล้นเอ่อ อยากกระชากร่างโตๆ มากอดคลอเคลีย ให้คลายความโหยหาสมกับความคิดถึง ตอกย้ำว่าใจพี่เสือมีไว้ให้แต้มเพียงคนเดียว และขอโทษที่ปล่อยให้แต้มรอพี่ปล้ำจูบมานานจนต้องรุกซะเอง
อ้ากกก พี่เสือฟิน ไอ้น้องแมวมันอ่อนยวบให้นานแล้ว แต่ดันโง่เสียเวลาทำตัวเป็นคนดี รู้งี้จับฟัดลากปล้ำนานแล้วโว้ย ลองคิดย้อนไป น้องมันก็อ่อยเนียนเหลือเกิน แต่ผมมันดันคิดมากไปเอง
“…ทั้งที่แก่หงำเหงือก ทั้งที่ชอบทำตัวเหมือนเสือหมดเขี้ยวเล็บ แต่ยังทำให้เหนื่อยใจได้ตลอด ไอ้คนไว้ใจไม่ได้”
“แต้มหึงพี่?”
“หึงทำไม พี่อาโปก็แค่แกล้งยั่วผม เขารู้เรื่องของเราตั้งนานแล้วโว้ย พี่อาโปก็แค่แหย่เล่นเพราะเห็นผมชักช้า แต่ไอ้คนที่ชักช้ามันพี่ ไอ้เสือแก่เอ๊ย!” ถึงว่าตอนที่เคลียร์กับอาโป เขาเอาแต่ยิ้มขำแล้วบอกให้ผมรีบขอแต้มเป็นแฟนซะ ดูเอาเถอะ ทำผมดราม่าเป็นวรรคเป็นเวร
“โอ๋ๆๆ”
“โอ๋ทำป๊ามึงเหรอไอ้พี่เสือ”
“ถ้ายังพูดหยาบอีกพี่จุ๊บปากนะ”
“จุ๊บฝ่าตีนแทนไหม”
แมวยังหงุดหงิดไม่เลิกเหมือนเจ้าประทับองค์ ห้ามปากให้หยุดตัดพ้อผมไม่ได้ ยิ่งได้ฟังคำพูดที่ปล่อยออกมา ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกระหว่่างของเราสองคนว่ามันไม่เคยเลือนหายไปไหน มันยังคงผูกพันอยู่ในใจเสมอ แม้จะมีช่วงเวลาว่างเปล่าที่ไม่ได้พบเจอกัน แต่ความมีใจต่อกันยังคงผนึกแน่น ไม่เจือจาง ไม่คลายหาย
ยังเป็นเสือที่ชอบเล่นกับแมวจอมหยิ่งเหมือนในวันวาน
ฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าหัวใจผมเหมือนเครื่องจักรคงต้องขอปฏิเสธ ใครก็ตามที่มาอยู่ใกล้แมวตัวนี้ไม่มีทางจะไม่เผลอใจ จะชอบแนวไหนไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมอยากดูแลแมวไม่ให้เหนื่อยกับการตะบี้ตะบันหาเงิน อยากเลี้ยงแมวให้มีความสุขบนปุยนุ่ม ทั้งยังอยากจับแมวขย้ำกินซ้ำย้ำไปย้ำมา
ยอมเป็นทาสแมวแต่ไม่ขอเสียเปรียบแมว
คิดแล้วก็ชุ่มชื่นในหัวใจ รั้งกายคนตรงหน้าเข้ามากอดแนบอก แมวน้อยสะดิ้งดิ้นหนี ผมกอดรัดสุดแรง สายตาคนที่มองมาไกลๆ คงคิดว่าเราแค่หยอกเล่นแกล้งกันตามประสาผู้ชาย
ผมกระซิบเสียงแผ่ว
“พี่อยู่คนเดียวมานานแล้ว... แต้มเป็นแฟนกับพี่เสือนะ”
เป็นความเงียบท่ามกลางความคาดหวังที่จะได้รับการเซย์เยสจากแต้ม ผมคลายอ้อมแขน ให้แต้มได้มีอิสระในการใช้ความคิด ไม่อยากกดดัน แต่แสดงความคาดหวังผ่านใบหน้า...
ทว่าแต้มเงียบแล้วเดินไปหยิบเหล็กดัดสองชิ้นรูป M และ E ซึ่งเป็นตัวย่อชื่อภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ก่อนจะเหยียบขั้นบันไดขึ้นไปเชื่อมยึดติดกับโครงด้านบนแทนป้ายไม้เก่าที่ผุพังและหล่นใส่หัวนักศึกษาไปเมื่อปีก่อน
ประกายไฟสีเหลืองส้มแผ่กระจายคล้ายพลุไฟ แสงสีขาวสว่างวาบทำเอาปวดตาจนต้องเบือนหน้าหนี กระทั่งเสียงในการอาร์กเงียบลงผมจึงหันกลับไปมองคนใจแข็งที่ยังไร้คำตอบ
“แต้ม...” ผมครางเรียกด้วยใจที่แกว่งไกว ไม่ใช่อะไรหรอก แค่รู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้คงได้มีปัญหากับเพื่อนร่วมภาคแน่ๆ “คือ... น้องเบลอเหรอวะ”
“หืม...” แต้มส่งเสียงก่อนเอี้ยวตัวมองย้อนไปด้านหลังตามสายตาของผมที่สื่อความหมายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น “มีอะไร?”
ยังมายอกย้อนหน้าตายได้อีก ไม่เห็นใจพี่เสือคนนี้บ้างเลย ไอ้แมวใจเหี้ยมทมิฬ
“พี่เสือไม่พอใจคำตอบผมเหรอ... ไหนบอกไม่ชอบอยู่คนเดียวแล้วไง”
“ฮะ?”
แต้มส่ายหน้าพลางถอดเสื้อช็อปออกแล้วเดินไปเก็บเครื่องไม้เครื่องมือในการทำมาหากิน ผมมองย้อนไปยังป้ายชื่อใหม่ของศาลาประจำภาคอีกครั้ง พยายามเค้นสมองในการประมวลผล กระทั่งความรู้สึกตื้นตันค่อยๆ กำซาบลึกในหัวใจ แมวน้อยช่างยอกย้อน ตีรวนความคิดผมจนกระเจิง กว่าจะรู้ตัวว่าแมวมันอ่อยมันอ้อน ก็เผลอมโนจนใจเสีย
ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป
แต้มเป็นแมวป่าวายร้ายที่ชอบขโมยหัวใจคนอื่น
ผมย่างเท้าเข้าประชิดอยู่เบื้องหน้าร่างที่กำลังนั่งง่วนกับการเก็บของ ได้ยินน้องมันส่งเสียงราบเรียบแต่แฝงอารมณ์ตัดพ้อชวนหงอยกลับมา
“ถ้าไม่พอใจก็ไปเอาเครื่องเจียรไฟฟ้ามาเจียรออกแล้วกัน”
ผมไม่อาจกลั้นยิ้มและหยุดหัวใจที่พองโตให้แฟบลง ค่อยๆ โน้มกายลงกระซิบคำสำคัญกับคนที่นั่งอยู่ด้วยเสียงแผ่ว ชั่ววินาทีนั้นใบหูเล็กขาวปราดแดง เห็นแมวกางกงเล็บตะกุยข่วนเสื้อช็อประบายความเขินอายอย่างเนียนๆ จนเส้นไหมที่ปักเป็นชื่อภาควิชา Welding Engineering หลุดขาดออกมา...
ผมเดินจูงมือแต้มไปยังรถ ทิ้งปัญหาที่เกิดขึ้นไว้เบื้องหลัง ไม่มีอะไรต้องสนใจอีกแล้ว เพียงคำสั้นๆ ที่แต้มเลือกใช้ตอบรับความรู้สึกผม ก็บอกได้แล้วว่าแต้มให้ความสำคัญกับเรื่องหัวใจมากแค่ไหน เกิดเป็นความรู้สึกอุ่นเอิบในหัวใจ เกินกว่าคำลึกซึ้งใดๆ จะบรรยาย
จากป้าย ‘ME’ วิศวกรรมเครื่องกล แต้มดันกลับหัวเป็น ‘WE’ วิศวกรรมการเชื่อม
จากที่เคยอยู่อย่างโดดเดียวลำพังเพียง ‘ผม’ แต้มได้เข้ามาพลิกแล้วเติมเต็มเป็นคำว่า ‘เรา’
เมื่อหัวใจหวนกลับมาเชื่อมยึดติดแน่นกันแล้ว ก็ได้เวลาเสือลากแมวไปขย้ำในถ้ำเดียวกันอีกครั้ง...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบ ( แต่ไม่บริบูรณ์ )
มีต่ออีกหน่อยตอนหน้าค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณที่รักพี่เสือและน้องแต้มน้า ^^ Boorina