ตอนที่ ๒
“น้องหญิง พี่คิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าเหลือเกิน” องค์ฆเคศวร พญาครุฑราช เจ้าผู้ครองนครวิมานฉิมพลีทรงโรยกลีบกุหลาบบนเนินดินที่ล้อมรอบไปด้วยต้นกุหลาบสีแดงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก
“เจ้าคงจะโกรธพี่ที่พี่ดูแลลูกของเราไม่ดี ปล่อยให้พวกคนชั่วขโมยลูกของเราไป” สายพระเนตรแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตมาดร้าย
“แต่พี่ขอสัญญากับเจ้า ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรหรือแม้แต่ชีวิตของพี่ พี่ก็จะตามเอาลูกของเราคืนมาให้ได้แล้วพี่จะเลี้ยงลูกของเราให้ดี เจ้ามิต้องเป็นกังวล หลับให้สบายนะ คนดี ยอดดวงใจของพี่”
สายพระเนตรเศร้าหมองเมื่อหวนดำริถึงพระชายาที่ล่วงลับไปกว่าปีเศษ พระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ตอนที่ประสูติพระโอรสในวันที่พระองค์ขึ้นครองราชย์พอดิบพอดี ทำให้พระองค์ทรงติดพระราชพิธีมิอาจเสด็จทันไปดูพระทัยพระชายาได้ รวมทั้งคนร้ายใช้ช่วงเวลานั้นลอบขโมยไข่พระโอรสไป
นครบาดาลแห่งมหาสมุทรตะวันออกกำลังมีงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของเจ้าผู้ครองนครของศศิศมหานาคราช
ลานพิธีเลี้ยงฉลองมีร่างบางประทับเป็นประธานพิธีบนแท่นเปลือกหอยประดับเพชรนิลจินดา แขกทวยเทพ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางประทัยตามลำดับฐานันดร คณะแขกทยอยกันเข้ามาอวยพรโดยเฉพาะเชื้อสายนาคราชต่างทยอยกันมาร่วมงานมิขาดสาย
พิธีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมพระเกียรติ ในงานมีการเล่นดนตรี มีการฟ้อนรำจากสาวงามยาวนานถึงสามวันสามคืน เหล่าราษฎรทะเลฝั่งตะวันออกต่างมาแซ่ซ้องแสดงความจงรักภักดีทั้งต่อร่างบาง ส่วนเหล่าขุนนางทำความเคารพอย่างนอบน้อม
วันนี้มีแขกสูงศักดิ์มากมายทยอยมาร่วมอวยพรรวมทั้งวิพัชรมหากุมาร ศิษย์ร่วมสำนักของฤาษีมหาธารด้วย เขานำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย แม้กาลเวลาผ่านมายาวนาน แต่รูปโฉมของศิษย์พี่ของศศิศมหานาคราชยังคงเป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในสามภพมิเปลี่ยนแปลง
“พี่พัชร เชิญนั่งก่อน ท่านอุตส่าห์มายังวังของข้าด้วยตนเอง”
ร่างบางไม่ได้เจอเขามาหนึ่งพันกว่าปีแล้ว
“ศศิศ ข้ายินดีกับเจ้าด้วย ข้ายังจำตอนเจ้าเพิ่งเข้าสำนักใหม่ๆ เจ้าดื้อเสียจนอาจารย์และข้าต้องนั่งกุมขมับเลยทีเดียว ดูตอนนี้สิเจ้าเป็นถึงผู้ปกครองเขตทะเลฝั่งตะวันออกที่กว้างใหญ่ไพศาลเสียแล้ว พวกเจ้าไปนำของขวัญของข้าเข้ามาสิ“
"พะย่ะค่ะ"
ข้าราชบริภารของเผ่านรสิงห์ยกกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางมาวางตรงหน้าร่างบาง วิพัชรมหากุมารทรงเปิดฝาออกกล่องออก ภายในกล่องเป็นต้นราชพฤกษ์งอกขึ้นมามีใบและผลิดอกออกทันตาเห็น
“ช่างหน้าอัศจรรย์ใจจริง ข้าขอขอบคุณพี่มาก”
“มิเป็นไรหรอก แค่ข้าเห็นเจ้าชอบมัน ข้าก็ดีใจแล้ว”
ข้าราชบริภารก้าวเดินมาถวายบังคมแล้วทูลว่า
“ทูลพระบาทเจ้า ราชทูตจากนครยักษ์ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”
“ให้เข้ามา”
“พะย่ะค่ะ”
คณะทูตจากนครยักษ์จำนวน 8 ตน เดินเข้ามาเฝ้าพร้อมด้วยข้าวของมากมาย พวกเขาก้มลงถวายบังคมศศิศมหานาคราชแล้วเอ่ยว่า
“ทูลพระบาทเจ้า ใต้ฝ่าพระบาทของกระหม่อม กษัตริย์นพเนตรแห่งนครเภตราของกระหม่อมให้นำกระจกมรกตและเพชรนิลจิดดาพวกนี้มาถวายพระองค์พะย่ะค่ะ และยังให้กระหม่อมนำพระราชสาสน์ขอเป็นพันธมิตรมาถวายด้วยพะย่ะค่ะ”
ร่างบางทรงรับมาทอดพระเนตรแล้วตรัสตอบว่า “ ข้ามีความรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับของขวัญอันมีค่าจากพวกท่านและข้าขอมอบเพชรนาคราชเพื่อเป็นของขอบคุณน้ำใจท้าวนพเนตรและฝากพวกท่านไปบอกว่า พวกเราชาวทะเลตะวันออกยินดีเป็นพันธมิตรกับนครเภตรา”
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ
เมื่อคณะราชทูตออกไป วิพัชรมหากุมารหันมาหาร่างบางและตรัสว่า
“ศศิศ เจ้าลืมไปแล้วรึ พวกยักษ์ชอบระรานแล้วก็ทำร้ายเทพและมนุษย์ เจ้าไปยุ่งกับพวกมันจะทำให้พวกสวรรค์มิพอใจได้นะ”
ยังมิทันที่วิพัชรกุมารจะตรัส องค์ศศิศชิงตรัสเสียก่อนว่า
“พี่พัชร ท่านอย่าได้ห้ามข้าเลย ข้าวางแผนเอาไว้ในใจแล้ว อีกสองวันข้าส่งคนไปขอเจรจาเป็นพันธมิตรกับพวกเทพสวรรค์ ในอนาคตถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ข้าก็จะอ้างเหตุผลว่า ข้าต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ขอเข้าร่วมสงครามเพราะเรามีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสองฝ่าย และข้าได้ยินมาว่าฝ่ายสวรรค์จะให้พวกครุฑนำทัพ ข้าสะอิดสะเอียนเกินกว่าจะเข้าร่วมทัพกับพวกมัน”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ค่อยคลายกังวลลงหน่อย แต่เจ้าต้องระลึกไว้เสมอว่า เจ้ากำลังเล่นกับไฟ เจ้าก็ต้องระวังไฟมันจะลวกเอาได้ เจ้าจงระวังตัวให้ดี”
“ข้าจะจำไว้ใส่ใจ แต่พี่พัชรมิต้องเป็นกังวลไปหรอก ข้าสามารถรับมือได้”
หลังจากที่วิพัชรมหากุมารเสด็จกลับไปได้ไม่นาน ชมพูนุชและเกตุไพลินได้นำของขวัญมามอบให้ พวกนางเป็นพระสหายวัยเด็กที่คอยยุแยงให้พระองค์จมเมืองมนุษย์แล้วไปฟ้องจนพระองค์ต้องโทษ พวกนางนั้นเป็นนาคิณีสีเขียวเกิดในตระกูลเอราปถและเป็นธิดาเจ้าบาดาลผู้ปกครองแถบแม่น้ำเอยาวดี
“เจ้าลงไปโลกมนุษย์คงต้องลำบากมาก พวกข้าล่ะทั้งสงสารทั้งเป็นห่วง วันนี้พวกข้าจึงตั้งใจมาเยี่ยมและมาอวยพร”
“ ใช่แล้ว ตอนนั้นข้าไปแอบดูเจ้าที่โลกมนุษย์ด้วยความเป็นห่วง ข้าเห็นเจ้าที่เป็นถึงพระราชธิดาผู้สูงส่งตกอับยับทั้งเสื้อทั้งหน้าเลยเชียว”
“ถ้าจะมาสมน้ำหน้าข้าเรื่องในอดีตก็มิต้องมา วันนี้ข้าจัดงานมงคล ข้ามิอยากมีเรื่องกับพวกเจ้าให้กลายเป็นงานอวมงคล”
ศศิศมหานาคราชตรัสตอบพวกนางอย่างไม่สบอารมณ์
“ไยเจ้าคิดเช่นนั้นเล่า พวกข้าเห็นใจเจ้าต่างหากล่ะข้าจำได้มีชาติหนึ่ง พวกข้าลงไปเห็นเจ้าหนีตามผู้ชายไป ข้าล่ะสะเทือนใจนัก อุ๊ยๆ ข้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า หากทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าต้องขอโทษด้วยนะ”
เกตุไพลินตีพระพักตร์เศร้าเล่าความเท็จจนร่างบางนึกหมั่นไส้
ส่วนศศิศมหานาคราชได้แต่หลับพระเนตรข่มความโกรธแล้วแสร้งแสดงสีพระพักตร์ไม่ทุกข์ไม่ร้อนทันทีที่พวกนางเอ่ยทั้งที่ในพระทัยนึกชังพวกนางจนมิอยากจะทอดพระเนตร แต่วันนี้มีแขกบ้านแขกเมืองอยู่เต็มงาน พระองค์จึงต้องเก็บความรู้สึกขุ่นมัวไว้ในพระทัยและแสร้งทำพระพักตร์สดใสแทน
“ตอนอยู่ในโลกมนุษย์ พระบาทเจ้าลงไปใช้กรรม ชะตากรรมย่อมไม่น่าพิสมัยอยู่แล้วและพวกเจ้าเองก็มีส่วนทำให้พระองค์ต้องมีชะตาเช่นนั้น ถึงข้าจะรู้ว่าพวกเจ้าคงจะไม่สำนึก แต่อย่างน้อยก็ควรให้ความเกรงใจกันบ้าง นี่อะไรกันยังมีน้ำหน้ามาพูดจาเย้ยหยันพระองค์อีก”
อัญรัตน์พูดขัดขึ้น นางเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของศศิศมหานาคราชและเป็นพระพี่เลี้ยงส่วนพระองค์ นางนั้นเป็นนาคิณีสีรุ้งในตระกูลฉัพพยาปุตตะ นางมองชมพูนุชและเกตุไพลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ของพระองค์ด้วยแววตาแข็งกร้าวแค้นเคือง นางคลานเข่าเข้ามานั่งอยู่ข้างแท่นประทับแล้วก้มกราบแทบพระบาทถวายความเคารพอย่างนอบน้อม
“ถวายพระพรเพคะ พระบาทเจ้า”
พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์
“ลุกขึ้นเถิด”
“เพคะ”
“วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว ท่านเสนาบดี!”
“พะย่ะค่ะ”
ปัณธรณ์ พระสหายในวัยเยาว์ซึ่งบัดนี้ได้เป็นเสนาบดีก้าวมาเบื้องหน้าอาสน์ที่ประทับ
“ข้ารบกวนท่านพาพระนางทั้งสองไปพักผ่อนตามอัธยาศัยด้วย!”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิสหายรัก พวกข้ามาดีนะ อย่าเพิ่งทำเหมือนจะไล่พวกข้าเช่นนี้สิ”
“ใช่ๆ พวกข้าอุตส่าห์มาแสดงความยินดี พวกข้ามีของขวัญมามอบให้เจ้าด้วย นี่เป็นของวิเศษในแถบป่าลุ่มแม่น้ำเอยาวดีถิ่นของข้าว่ากันว่าหากผู้ใดเสวยไปจะมีพละกำลังมหาศาล ช่วงนี้เจ้าเสียพละกำลังไปมาก พวกข้าเลยตั้งใจนำมาฝากเจ้า”
นาคราชสูงศักดิ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์มิให้เผลอตรัสผรุสวาทพวกนางแต่ต้องตีพระพักตร์ยินดี เมื่อร่างบางมิอยากทอดพระเนตรหน้าพวกนาง พระองค์จึงหันไปทอดพระเนตรของขวัญที่พวกนางนำมาถวายแทน
ในพระทัยพระองค์นึกฉงน อยากจะทราบนักว่า พวกนางจะมาไม้ไหนอีก เมื่อพระองค์ทรงเปิดหีบออกเมื่อแรกเห็นของวิเศษ พระองค์ก็ต้องเบิกพระเนตรกว้าง จู่ๆก็รู้สึกราวกับมีแรงดึงดูดให้อยากได้มันมาครอบครองจากเดิมทีที่พระองค์ตั้งพระทัยจะปฎิเสธหักหน้าพวกนางเสีย
ของภายในกล่องมันมองดูแล้วคล้ายกับไข่นกกระจอกเทศ สีชมพูระเรื่อนวลตา แต่ไม่รู้ว่าทำไมกันร่างบางถึงรู้สึกผูกพันหวงแหน พระองค์จึงตั้งพระทัยจะนำไปไว้ที่ห้องบรรทม
“ขอบใจพวกเจ้ามาก”
แม้พระองค์จะไม่ไว้ใจพวกนาง แต่เพราะของขวัญถูกพระทัยพระองค์มาก พระองค์จึงต้อนรับขับสู้พวกนางเป็นอย่างดี
ในเมื่อพวกนางต้องการให้พระองค์เสวย พระองค์ก็จะไม่เสวย !
แต่อัญรัตน์กลับเอ่ยขัดขึ้นว่า “พระบาทเจ้า อย่าไปหลงเชื่อนะเพคะ พวกจิตใจอิจฉาริษยามีรึจะถวายของขวัญด้วยใจบริสุทธิ์ นี่คงเป็นกลอุบายลวงอีกแน่ๆ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าโกหก มิได้จริงใจ”
พระองค์ทอดพระเนตรสถานการณ์ด้วยความเป็นกังวลมิอยากให้เกิดเรื่องทะเลาะกันกลางห้องโถงโดยเฉพาะตอนนี้ที่กำลังมีสายตาหลายคู่กำลังสอดรู้สอดเห็นอยากรู้ว่า เกิดเหตุอันใดขึ้นในงานเลี้ยง
“อีอัญรัตน์!” ชมพูนุชตวาดเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด
ขณะเดียวกันอัญรัตน์ก็หาได้ลดราวาศอกและตะคอกกลับไปพร้อมชี้หน้าด่า “ข้าพูดผิดอันใดเล่า เจ้าพวกงูพิษจอมทรยศ”
เกตุไพลินชักสีหน้าไม่พอใจตวาดเสียงดังด้วยอีกตน “หยุดพูดจาดูหมิ่นพวกข้าเดี๋ยวนี้ พวกข้าเป็นแขกและเกิดในตระกูลสูงส่งกว่าเจ้า จงสำนึกรู้ไว้”
“ใช่ หัดเจียมตนไว้เสีย เป็นแค่งูบริวาร แต่แว้งกัดมิเลือกที่ ” ชมพูนุชรับคำเป็นลูกคู่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
อัญรัตน์เม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจและกำลังจะโต้ตอบ แต่ศศิศมหานาคราชส่งสายพระเนตรปรามห้ามทัพ
“อัญรัตน์ ข้าวานเจ้านำของขวัญเหล่านี้ไปเก็บในห้องพระคลังของข้าเสียหน่อยนะ ”
“เพคะ”
แม้ท่าทางนางจะยังโกรธมาก แต่ก็ตัดใจคุมนางกำนัลนำของขวัญทั้งหลายไปเก็บตามคำสั่ง
“ขออภัยแทนอัญรัตน์ด้วยที่นางเสียมรรยาทกับพวกเจ้า”
“มิเป็นไร ข้ามิถือสาหาความแค่พวกนางกำนัลเล็กๆคนหนึ่งหรอก”
“นั่นสิ พวกข้าน่ะมันพวกใจกว้างอยู่แล้ว”
พวกนางรีบตอบรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะคิดสักนิด แถมยังทำสีหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อก่อนหน้านี้เเสียด้วยซ้ำ ช่างเปลี่ยนบุคคลิกได้เร็วเสียจนน่ากลัว
สายพระเนตรของเจ้าชีวิตแห่งทะเลฝั่งตะวันออกทอดพระเนตรพระสหายวัยเยาว์ด้วยพระเนตรอาฆาต หากแต่เมื่อพวกนางหันมา พระองค์ก็ทรงกลับมาแย้มพระโอษฐ์และมีสีพระพักตร์สดใสแทน
.
.
.
.
‘ ยิ้มเข้าไปเถอะ มีความสุขเสียให้พอ แล้วสักวันหนึ่งข้าจะทำให้พวกเจ้าหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด พวกงูพิษจอมทรยศ’
โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนนี้กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้มีทั้งภพอดีต ปัจจุบัน สลับกันไปมา กลัวจะงงเหมือนกัน ถ้าไม่เข้าใจหรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนท้วงติงติชมได้เลยนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ