หายไป 1 เดือนเต็มๆ เนื่องด้วยไปถอย PS3 มาเเล้วก็บ้าเล่น FF13 อย่างอดหลับอดนอน กว่าจะจบเฮ้อ เล่นเอาเหนื่อย
ปล. ใครที่ลุ้นตอนซันนี่อดใจรออีกนิดนะคะ คริๆ
บทที่ D พบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง
ปิ๊ปๆ
เสียงข้อความเข้า ดังขึ้นเป็นประจำทุกๆ เวลาเดิมของทุกๆวัน ปักษธรกดมือถือตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย เขามองดูชื่อที่แสดงบนหน้าจอ ก่อนจะกดลบโดยที่ไม่ได้เปิดอ่านข้อความแต่อย่างใด และนี่ก็กินเวลาติดต่อกันนาน สามสี่วันได้ เขาเคยส่งข้อความต่อว่า คนขี้ตื้อ ให้หยุดทำแบบนี้เสียที แต่ก็นั่นล่ะ เหมือนสีซอให้ควายฟังเสียมากกว่า
ปิ๊ปๆ
มาอีกแล้ว ตรงต่อเวลาเสียจริงๆ ปักษธรคิดในใจ พร้อมกับกดลบข้อความไป เขาตั้งใจรออีกสักสองวัน หากยังไม่เลิกตอแย สงสัยคงต้องส่งเรื่องถึงตำรวจ ต้องเล่นซะให้เข็ด
“คุณปักษธร เดี๋ยวเข้ามาพบหัวหน้าด้วยนะคะ” เลขาสาวสวยประจำตัวหัวหน้าโทรเรียกตัวเขา ปักษธรเบ้ปาก คิดในใจว่าคงมีเรื่องยุ่งยากเข้าซะแล้ว…..ให้เจอกับหัวหน้าสองต่อสองทีไร มีเรื่องทุกที
“อ้าวมาแล้วหรอ น้องธร”ชายหนุ่มวัยกลางคน ท่าทางภูมิฐานโปรยยิ้มต้อนรับพนักงานในสังกัดอย่างยินดี
ปักษธรเดินเลี่ยง หลบมือของหัวหน้าที่เหมือนจะตรงเข้ามารวบตัวเขาไว้ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะ
“โถ่ น้องธร จะรีบไปไหนล่ะครับ” เขาเดินมานั่งประจำที่ เอาแขนยันโต๊ะ โน้มตัวเข้าหาอีกคน ทำเอาลูกน้องถอยเก้าอีกไปอีก1เมตร
“หัวหน้ามีงานอะไรหรือเปล่าครับ” ปักษธรตัดบท เมื่อเห็นหัวหน้ากำลังพยายามจะเลื่อนโต๊ะเข้ามาอีก
“ไม่ต้องรีบหรอกน่า”
“ผมมีงานค้างไว้ครับ”
“โอเคๆ ยอมแล้วๆ อย่าทำหน้าบึ้งใส่พี่แบบนี้สิน้องธร…..โอเคๆ เข้าเรื่องแล้วๆ”
ตัวงานก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่งานจัดงานเลี้ยงภายในบริษัทธรรมดา และต้องการให้เขาไปเสนอโครงงานให้ลูกค้าบ่ายวันนี้
“นี่ยังดีนะที่ลูกค้าที่ติดต่อมาเป็นผู้หญิง ไม่งั้นพี่ไม่ส่งน้องธรไปหรอก”
ปักษธรไม่ได้สนใจหัวหน้า เขารีบเดินออกห้องไปโดยเร็วโดยไม่ลืมหอบข้าวของแฟ้มงานที่ต้องสะสางให้เรียบร้อย เขานั่งเปิดอ่านรายละเอียดอย่างเงียบๆ งานนี้ก็ง่ายๆอย่างที่หัวหน้าบอก เขาจัดแจงรูปแบบงานให้สอดคล้องกับที่ลูกค้าต้องการพร้อมคำนวณราคาคร่าวๆไว้ แน่นอนเขาคิดไว้ให้ลูกค้าเลือกหลายๆแบบด้วยกัน กันเหนียวไว้ก่อน
ปิ๊ปๆ
ข้อความเข้าอีกครั้ง แน่นอนปักษธรกดลบโดยไม่อ่านอีกครั้ง และนั่นก็เป็นความผิดพลาดเป็นอย่างยิ่ง
การจราจรในยามเที่ยงไม่ได้แน่นขนัดเหมือนกับยามเช้านัก แต่ด้วยแดดอันร้อนแรงก็ทำให้หงุดหงิดได้เช่นกัน ปักษธรนั่งก้มมองนาฬิกาเรือนเก่า ก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนักศึกษาหนุ่มหน้าตี๋ ที่มองมาทางเขาเช่นกัน เด็กหนุ่มรีบหลบสายตาใบหน้าที่ขาวนวลนั้นออกสีชมพูเรื่อๆ ปักษธรถอนหายใจ ก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
ภายในร้านอาหารชื่อดังใจกลางเมือง ปักษธรถูกพาไปยังที่นั่งโดยพนักงาน เขามาถึงก่อนเวลาไปสัก20 นาที นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาเปิดเมนูเลือกเครื่องดื่มมาดับกระหาย
“สวัสดีครับ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น ปักษธรเงยหน้าขึ้นจากเอกสารบนโต๊ะ……ไหนว่าลูกค้าเป็นผู้หญิงไง
“เจอกันอีกแล้วนะครับคุณ ปักษธร”
“นาย….”
คนข้างหน้ายิ้มกริ่ม พร้อมสั่งเครื่องดื่มโดยที่ไม่ฟังคำคัดค้านของอีกคน
“นี่นาย ผมรอลูกค้าอยู่นะ” ปักษธรหน้ามุ่ย หันไปมองรอบตัวเผื่อนลูกค้าของเขาจะเข้ามาแล้ว
“ใจเย็นๆครับ ลูกค้าคุณเขาไม่ว่าหรอก ให้ผมนั่งด้วยน่ะ” เขายิ้ม จ้องมองมาที่ปักษธรตลอดทำเอาคนถูกจ้องต้องหลบสายตา แล้วออกปากไล่อีกครั้ง
“นายนี่มันบ้า…..ผมมีลูกค้าจริงๆ นายกำลังทำผมเสียงาน”
“ลูกค้าคุณไม่ปฏิเสธงานคุณแน่นอน สบายใจได้” เขาโบกมือไปมา จิบน้ำผลไม้รวมอย่างสบายใจ ถ้าไม่คิดแบบอคติก็ถือได้ว่าเขาดูดี ไม่สิ ดูดีมากเสียต่างหาก
ปักษธรก้อมมองนาฬิกาอีกครั้ง เลยเวลานัดหมายมาพอสมควรแต่ยังไม่เห็นวี่แวว เขาคว้ามือถือขึ้นมากดหมายเลขตามเอกสารแล้วโทรออก
เสียงโทรศัพท์ของสุริยันดังขึ้น มันเป็นเพลงฮิตตามสมัยนิยม ไม่คิดเลยว่าคนแบบนี้จะใจวัยรุ่น
“สวัสดีครับ” สุริยันกรอกเสียงนุ่มทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาลงไป
ทว่า
“อ้าว ทำไมเงียบไปล่ะครับ คุณ” สุริยันพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้ม เขายิ่งชอบใจที่เห็นคนตรงหน้าทำท่าตกใจ คงไม่คิดว่าเขาเองจะเป็นลูกค้าเสียได้ จะโทษเขาก็ไม่ได้นะ ในเมื่อตัวสุริยันเองก็ได้ส่งข้อความไปบอกก่อนแล้ว เพียงแค่ตัวปักษธรเองคงไม่ได้อ่านเสียมากกว่า
และดูจากท่าทางตกใจ มันคงเป็นไปตามที่ชายหนุ่มคาด
“นาย………”
“ครับ ผมนายสุริยัน ไงครับ ขี้ลืมจังคุณ”
“ผมร็ว่านายชื่ออะไร ……….. เอาเถอะ เรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่า” ปักษธรรีบตัดบท กางเอกสารออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอธิบายอย่างรวดเร็ว
รีบๆเลือก จะได้กลับซักที
“สนใจแบบไหนดี….ครับ” ถึงจะไม่อยากพูดดีด้วยแต่อีกผ่ายเป็นลูกค้า ไม่ว่ายังไง เขาเองแยกเรื่องส่วนตัวกับงานได้
“อืม…….” สรุยันขมวดคิ้ว
“มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมไหม……ครับ”
“ผมหิว…..ผมยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า ทานอะไรกันก่อนแล้วกันนะครับ” เขาเลือกอาหารมาสามสี่อย่าง โดยที่ไม่สนใจคนตรงข้ามที่ชักสีหน้าไม่พอใจ
“เอาแบบที่ 1 ดีไหมครับ” ปักษธรไม่ยอมแพ้ยิงข้อเสนอให้เขาขณะที่กำลังรออาหาร
“ผมมีคำถาม”
หลังจากนั้นเป็นเวลาร่วมชั่วโมง การสนทนาอย่างเป็นการเป็นงานจึงเริ่มขึ้น ปักษธรเองไม่นึกมาก่อนว่าคนตรงหน้าสามารถมองอะไรได้ลึกซึ้งขนาดนี้ เขาสามารถชี้จุดปกพร่องของแต่ละแผนงานได้อย่างละเอียด มองถึงความคุ้มทุนได้ถูกจุด เล่นทำเอาปักษธรเหงื่อตกไปไม่น้อย
“ตกลง ผม เลือกแบบนี้แล้วกัน”
สุริยันเซ็นชื่อลงในเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เขายิ้มให้อีกครั้ง ปักษธรเอื้อมมือหมายจะเก็บเอกสารใส่แฟ้ม แต่ต้องชงักเมื่ออีกผ่ายดึงเอกสารกลับไป
“ผมมีคำถามอีก 1 ข้อ”
ปักษธร เดินทางอีกครั้ง เป้าหมายอยู่ที่โรงพยาบาล ที่เพื่อนสาวตัวดี พึ่งโทรมาบอกว่าเป็นลมเข้าโรงพยาบาล ถึงจะบอกว่าเป็นลม ไม่สบายก็เหอะ แต่น้ำเสียงเจ้าตัวดีเหมือนจะไม่เข้ากับอาการที่บอกสักนิด
“แก มาเร็วๆนะ มีเรื่องเม้าท์ เยอะมาก อ้อ อย่าลืมของเยี่ยมไข้ด้วย เอา KFC นะ หิวมากข้าวโรงบาลไม่อร่อยเลย”
ดูสิคนป่วยบ้าอะไรสั่งKFC สงสัยจะไปเจอหมอหล่อๆเข้าอีก น้ำเสียงเลยชื่นมื่น เฮ้อ คบกับมันมาตั้งหลายปี มันออกจะแข็งแรง ออกแดดไล่ตามผู้ชายทั้งวัน ไม่เห็นมันจะเป็นอะไร
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มทักท้วง เมื่อเห็นปักษธรคว้าเอกสารเก็บเข้าแฟ้มอย่างเรียบร้อย
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณสุริยัน” ปักษธรรีบเก็บข้าวของก่อนจัดแจงจ่ายเงินให้เรียบร้อย แน่นอน สุริยันทักท้วงว่าจะเป็นคนจ่ายเอง แต่ปักษธรไม่ยอม
“บริษัทไหนเขาให้ลูกค้าจ่ายกัน”
“เดี๋ยวสิคุณ”
สายไปเสียแล้วคนตัวเล็กกว่าอาศัยช่วงที่คนตัวใหญ่เผลอชิ่งออกนอกร้านไป
สุริยันรีบตามไป มองเห็นแผ่นหลังไกลลิบๆ เขาสาวเท้าตามอย่างเร่งรีบ แต่สุดท้ายก็คลาดกันจนได้
เขายิ้มเมื่อคิดถึงสีหน้าตกใจเมื่อเจอหน้ากัน คิดถึงใบหน้าที่น่ารักแม้กระทั่งตอนโกรธ แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงเดี๋ยวก็เจอกันอีก
เขาหัวเราะให้กับตัวเอง พร้อมกับพิมพ์ข้อความส่งไปยัง ดวงจันทร์ของเขา
คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
“ให้โอกาสผมได้ไหมครับ”