ภาค 16 When I realized…
ฉันทัชเข้านอน แต่ร่างกายยังไม่ยอมหลับ ภาพของปาณัสม์กับหญิงสาวคนนั้นยังติดตาอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ ฉันทัชเบื่อตัวเองที่มีสภาวะจิตใจไม่มั่นคงแบบนี้ ทั้งที่ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เคยคิดว่าตนเองจัดการกับจิตใจได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแค่ภาพที่ไม่สามารถบรรยายสถานะของชายหญิงคู่หนึ่ง ยังทำให้ใจเขาเขว คิดฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
ใจเขามันอ่อนแอเหลือเกิน
เวลาที่เรารักใครสักคน มักอยากจะเป็นเจ้าของอีกฝ่ายด้วยกันทั้งนั้น ความหึงหวงนั้นมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการภายในจิตใจของแต่ละบุคคล ฉันทัชเองก็เช่นกัน แน่นอนเขาย่อมรู้สึกหึงหวงปาณัสม์อยู่แล้ว แต่เขาอาศัยคำว่า
‘เชื่อใจ’ และ
‘ไว้ใจ’ เป็นวิธีการจัดการและรักษาสภาพจิตใจของตนเองให้มั่นคง ต่างจากปาณัสม์ที่เลือกทางแก้ปัญหาโดยการเก็บเขาไว้ใกล้ตัว โดยมีตัวของฉันทัชเองที่บ้าจี้ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
คำถามที่เขาเคยถามตัวเองว่า ยังรักปาณัสม์อยู่ไหม วันนี้เขาตอบได้แล้ว
ความเจ็บที่หัวใจเป็นเครื่องยืนยันว่าเขายังรักปาณัสม์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เขายังรักทั้งที่ แม้ว่าปาณัสม์จะไม่เคยมาง้องอนหรือโผล่หน้ามาให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม อีกฝ่ายคงพยายามตัดใจจากเขา เหมือนที่เขาพยายามทำด้วยเช่นกัน ฉันทัชคิดว่าเขาคิดไม่ผิดเรื่องของอีกฝ่ายหรอก
และนี่กระมังคงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงมองข้ามชัดเจนไปอย่างง่ายดาย และทำไมถึงยังลังเล แบ่งรับแบ่งสู้ในความสัมพันธ์กับคุณชายหลี่มานานขนาดนี้
ยอมรับว่า ลึกๆ แล้ว ตอนที่เลิกกันใหม่ๆ ฉันทัชเคยคิดไว้เหมือนกันว่าถ้าหากปาณัสม์มาง้อ เขาจะยอมกลับไปหรือไม่ ถ้าในตอนนั้น เขาคงจะตอบอย่างมั่นใจเลยว่า ‘ไม่’ เขาจะไม่กลับไปอยู่ในห้องขังนั้นอีก
แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ?
ฉันทัชเฝ้าคิดและตอบคำถามใจตัวเองอย่างระวัง ในที่สุดคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก็ยังเป็นคำตอบเหมือนเดิม
หากกลับไปคบกันจริงๆ ใครเล่าจะรับประกันความสัมพันธ์จากนี้ได้ล่ะว่าอีก ห้าปี สิบปี ข้างหน้า มันจะไม่เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก พูดตรงๆ เลยว่า ฉันทัชกลัว
ชีวิตตอนนี้ที่เป็นอยู่ มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
ฉันทัชคิดไม่ตก เรื่องชัดเจนก็ยังไม่จบ ถึงแม้เขาจะพูดกับชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ชัดเจนทำตัวเหมือนเดิม สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเคยมีเหตุการณ์ที่เขาเคยพูดกับชัดเจนแล้วก็คือ อีกฝ่ายไม่รบเร้าหรือพูดถึงที่จะมาคอยรับส่งเขาอีก
หรือเขาพูดไม่ชัดเจน?
นอกจากเรื่องนี้ ยังมีคุณชายหลี่อีกหนึ่งคน ยอมรับว่าพึงพอใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย ถ้าเขายอมรับตกลงคบกับคุณชาย หลี่ไป ชีวิตก็คงจะมีความสุข
แต่เขาจะมีความสุขจริงหรือ?
คำพูดของคุณชายหลี่ในวันที่เซ็นสัญญาร่วมกันที่ฮ่องกงนั้นทำให้เขาหวาดระแวง เขาเพิ่งได้รับอิสระจากความสัมพันธ์แค่ปีเดียวเอง เขายังไม่อยากถูกจับเข้ากรงอีก ยิ่งเป็นคุณชายคนเล็กที่เอาแต่ใจด้วยล่ะก็น่ากลัวว่าจะรับมือไม่ไหว
อินทัชเองก็เคยเตือนเขาแล้วว่านิสัยที่ชอบปล่อยเรื่องราวให้มันเลยเถิดจนไม่คิดจะจัดการนั้น ระวังผลสุดท้ายมันจะกลับมาทำร้ายเขา ตอนนี้เขากำลังเริ่มได้รับผลกรรมนั้นทีละนิดๆ อยู่ใช่หรือไม่
หัวใจตัวเองก็ตัดออกมาไม่ได้ ยังเอาหัวใจคนอื่นยังมาผูกติดกับตัวเองอีก
ในที่สุดฉันทัชก็หลับไปทั้งที่สมองยังตีกันวุ่นวายไปหมด ความทรงจำสุดท้ายผุดขึ้นมาว่า ในเมื่อรักได้ มันก็ต้องเลิกรักได้เหมือนกัน
...
“อากาศร้อนจัง” คนพูดขยับเสื้อหวังให้คลายความร้อนยามที่เดินออกมานอกอาคารสนามบิน
“อากาศประเทศไทยก็แบบนี้ล่ะครับ มาก็หลายครั้งแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือ” ฉันทัชมองหน้าคนบ่นก่อนจะลงไปจุดบริการรถแท็กซี่ของสนามบิน
“ผมเคยได้ยินว่าบ้านคุณมีหน้าหนาวไม่ใช่หรือ”
“เคยมีครับ” ฉันทัชยิ้ม “ตอนนี้เหลือแค่ร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุด”
“ไม่น่าทนได้” แขกผู้มาเยือนทำท่าไม่ไหวตามคำพูด
“ผมแถมหน้าฝนให้อีกฤดูก็แล้วกัน ตกนิดเดียว น้ำก็ท่วมแล้วท่วมอีก” ฉันทัชหัวเราะให้กับตลกร้ายในประเทศตัวเอง
“ย้ายไปอยู่กับผมที่ฮ่องกงนะ” คุณชายหลี่สบโอกาสเอ่ยปากชวน
“ไม่เอาหรอกครับ” ฉันทัชบอกพลางเข้าไปนั่งในรถอย่างเรียบร้อย
คุณชายหลี่รอกระทั่งรถออกตัว จึงถามต่อ “ทำไมล่ะ ไปอยู่กับผมไม่ดีตรงไหน ผมเลี้ยงคุณได้สบายมากเลยนะ คุณอยากได้อะไร ผมจะหามาให้”
ฉันทัชยิ้มให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พยายามเหมือนเอาขนมมาหลอกล่อ “งานของผมอยู่ที่นี่ ผมไปไม่ได้หรอก”
“คุณเป็นห่วงงานหรือ”
“ครับ ผมเพิ่งทำงานกับคุณก้องได้ปีเดียวเอง ขืนลาออกตอนนี้ คุณก้องต้องโกรธแน่ๆ เลย” ฉันทัชพูดพยายามไม่ให้เป็นเรื่องจริงจังเกินไปนัก
“บอกว่าไปทำงานกับพ่อผม รับรองคุณก้องไม่โกรธหรอก เชื่อผมสิ” คุณชายหลี่พูดอย่างมั่นใจ
“แล้วใครจะทำงานแทนผมกันล่ะครับ”
“ก็ให้คุณก้องรับคนใหม่มาทำแทนไม่ได้เหรอ แล้วคุณก็โอนงานไปให้” ชายหนุ่มพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“คุณพูดง่ายจัง”
“ไม่เห็นมีอะไรยากนี่นา ในเมื่อคุณจะลาออก คุณก้องก็ต้องหาคนมาแทน ระหว่างนั้นคุณก็สอนงานเขาไป เสร็จแล้วก็ย้ายไปอยู่กับผม เห็นไหม ง่ายจะตาย”
“แล้วเมียผมที่นี่ล่ะ?” ฉันทัชท้วง
“จุ๊ๆ” คุณชายหลี่ยกนิ้วขึ้นมาเหวี่ยงไปมา “คุณไม่มีเมียเพราะคุณมีไม่ได้ ไม่เอาน่าเลิกแกล้งผมเถอะ ผมจะขาดใจอยู่แล้ว” คุณชายหลี่พูดพลางดึงมือฉันทัชมาจับไว้
แต่ฉันทัชกลับดึงมือออกมาอย่างนุ่มนวลแล้วส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ที่ไทย คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ครับ คนที่นี่เขาไม่ชินกับวัฒนธรรมแบบฝรั่ง”
“แย่จัง แล้วที่ไหนถึงจะทำได้” หลี่หยางเซิงทำหน้าเสียดาย
“ที่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้นครับ”
“คุณใจร้าย”
“เดี๋ยวเราเอากระเป๋าคุณไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วผมจะพาคุณไปทานอาหารไทย ดีไหมครับ” ฉันทัชบอกโปรแกรมคร่าวๆ ให้อีกฝ่ายฟัง
“ตามใจคุณเลย ผมยังไงก็ได้”
“คุณง่วงหรือเปล่า นอนก่อนไหม ถึงโรงแรมแล้วเดี๋ยวผมค่อยปลุก” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ”
ฉันทัชทำตามโปรแกรมที่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ ตอนนี้เขากำลังพาหนุ่มนักท่องเที่ยวจากฮ่องกงมาเดินห้างใจกลางเมือง ทีแรกเจ้าบ้านตั้งใจจะพาอีกฝ่ายไปวัด อันเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนั้นต้องไป แต่คนที่ขอเปลี่ยนสถานที่คือนักท่องเที่ยวเสียเอง เพราะความร้อนที่เจ้าตัวไม่อยากจะทน
“ร้านนี้..อาหารไทยอร่อย” ฉันทัชบอกตอนที่พาอีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะใดโต๊ะหนึ่งในร้าน
“อืม..ตกแต่งสวยดี” หลี่หยางเซิงมองไปรอบๆ ร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์ไทยผสมผลานกับทางตะวันตกเพื่อไม่ให้ล้าสมัยจนเกินไปนัก
“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ฉันทัชถามระหว่างพลิกหน้าเมนูดู
“มาประเทศไทยต้องกินอะไร ผัดไท?”
ฉันทัชยิ้ม “มีหลายอย่างเลย แต่คุณลองผัดไทก่อน ตอนเย็นผมจะพาคุณไปเยาวราช”
“คืออะไร”
“เดี๋ยวถึงเวลานั้นก็รู้เอง มีของอร่อยๆ กินอีกเพียบเลย”
“ทริปนี้ที่ผมจะได้กินของอร่อยเพราะคุณอยากให้ผมกินหรือเพราะคุณอยากกินเองกันแน่”
“พูดอะไรอย่างนั้นคุณชายหลี่ ผมอยากให้คุณลองกินจริงๆ นะ” ฉันทัชหัวเราะ คราวนี้เขาเป็นฝ่ายถูกจับได้เสียเอง
ตกเย็นวันนั้นฉันทัชก็พาหลี่หยางเซิงออกตระเวนราตรีหาของกินท่ามกลามความคึกคักของเยาวราช เขาสนุกเหมือนได้เที่ยวอย่างเต็มที่ ผู้ชายสองคนเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นเป็นว่าเล่น ร้านไหนที่ดังหน่อยมีคนต่อแถวยาวเหยียด เขาก็เป็นต้องปรี่ไปเข้าคิวรอ เพราะไม่อยากพลาดร้านเด็ด
ฉันทัชตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกไปไหนมาไหน ยิ่งมีผู้คนพลุกพล่าน หรือมีความวุ่นวาย ที่นั่นเขายิ่งชอบเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าเขาชอบความวุ่นวายแต่อย่างใด แต่เขาชอบความมีชีวิต ความเป็นอยู่ การมีตัวตนที่สะท้อนออกมาให้เห็น มันทำให้เขาได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจากคนมากมาย หลายคนแสดงสีหน้าออกมาไม่ซ้ำกัน ทั้งโกรธ ยิ้ม หัวเราะ หรือดีใจ หลากหลายความรู้สึกให้เขาได้เก็บภาพพวกนั้นไว้ด้วยสองตาของตัวเอง
“ผมชักสงสัยแล้วว่าใครพาใครเที่ยว แล้วใครเป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงกันแน่” หลี่หยางเซิงเอ่ยแซวระหว่างที่กำลังนั่งทานขนมหวานอยู่
“คุณไม่ชอบหรือ” ฉันทัชถามแล้วยิ้มตาหยี เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ชอบครับ อยู่กับคุณ ไม่ว่าที่ไหนผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
“ปากหวานอีกแล้ว” ฉันทัชชม
“บอกคุณบ่อยๆ เผื่อว่าคุณจะใจอ่อนกับผมไง” คุณชายหลี่ว่า
“คุณนี่...จริงๆ เลย” ฉันทัชว่าอย่างเอ็นดูในความตั้งใจของอีกฝ่าย
“แล้วเราจะไปไหนต่อ” คนอายุน้อยกว่าถามขึ้นบ้าง แต่ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่แล้วครับ วันนี้คุณควรจะกลับไปพัก ตะลอนมาทั้งวันแล้ว”
“ผมยังไม่ง่วงเลย อีกอย่างผมอยากอยู่กับคุณนานๆ”
“อย่าดื้อสิครับ พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณแต่เช้า เราไปเที่ยววัดกันไหม”
“ไม่ไปครับ คราวก่อนคุณก็พาผมไปเที่ยววัด” นักท่องเที่ยวเอาแต่ใจปฏิเสธข้อเสนอของฉันทัช
“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะครับ”
“ถ้าผมบอกแล้ว คุณจะพาไปจริงๆ เหรอ”
“จริงสิ ถ้าไม่ไปลำบากเกินไปนัก ผมจะพาคุณไปแน่ๆ”
“ที่ที่ผมจะไป ไม่ลำบากคุณหรอก” คุณชายหลี่พูดด้วยสายตาสงบ
“ที่ไหนครับ?” ฉันทัชไม่ทันสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาถามกลับไปทันที
“ห้องผม”
“ครับ?” ฉันทัชคิดว่าเขาฟังผิด
“พรุ่งนี้..ช่วยอยู่กับผมที่ห้องทั้งวันได้ไหมครับ”
“ผม..เอ่อ..”
“มันยากไปหรือครับ” สีหน้าของคุณชายคนเล็กดูผิดหวังไม่น้อย
“มันไม่ยากไปหรอก แต่คุณมาเที่ยวทั้งที ไม่อยากไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ”
“คิดจะมีแฟนเป็นคนไทย ผมว่าอีกหน่อยผมคงได้เที่ยวจนครบทุกที่นั่นแหละ” คุณชายหลี่บอก
“ตกลงว่าได้ไหม” หลี่หยางเซิงถามซ้ำ
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะอยู่ห้องเฉยๆ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ก็ได้ครับ ผมจะไปหา”
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว” จู่ๆ หลี่หยางเซิงก็เปลี่ยนใจกะทันหัน
“ครับ?”
“ผมเพิ่งนึกอะไรดีๆ ออก เราเปลี่ยนไปบ้านคุณแทนได้ไหม”
“บ้านผม?” ฉันทัชชี้มือเข้าหาตัวเอง “ผมไม่มีบ้านเป็นของตัวเองหรอก ที่อยู่ทุกวันนี้เป็นของอินอินน่ะ”
“ผมไปได้หรือเปล่า อินอินจะอนุญาตไหม ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คุณลำบากใจเลย” หลี่หยางเซิงกำลังอ้อนขอตามนิสัยของเจ้าตัว
ฉันทัชหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบอีกฝ่ายไปว่า “ก็ได้ เห็นแก่ที่คุณทำตัวเป็นเด็กดีก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับ” คุณชายหลี่ยิ้มกว้างที่คำขอของตนสำเร็จ
“พรุ่งนี้ผมไปรับคุณที่โรงแรมแล้วจะพาไปที่บ้านนะครับ”
“ผมจะตั้งตารอเลย”
“รีบกินครับ เสร็จแล้วผมจะไปส่งคุณที่โรงแรม”
...
รุ่งเช้า ฉันทัชกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ที่โซฟาด้านล่างของตัวบ้าน เมื่อคืนเขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ชายหนุ่มลืมสังเกตไปเสียสนิทว่า น้องสาวของเขายังไม่กลับบ้าน ผ่านมาสองคืนแล้วแต่อินทัชก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา นอกจากข้อความที่ส่งมาแทน
‘ค้างบ้านเพื่อนต่ออีกคืนนะ ฮันนี่’ทำตัวเหลวไหลเกินไปหรือเปล่า ฉันทัชกดโทรศัพท์ไปหาน้องสาวจนมือแทบหงิกแต่ก็ได้รับคำตอบจากระบบฝากข้อความซ้ำๆ ดังเดิมว่าไม่สามารถติดต่อเบอร์ดังกล่าวได้ในขณะนี้
เห็นเขานั่งเฉยๆ แบบนี้ แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม หากใกล้เที่ยงแล้วยังติดต่อน้องสาวไม่ได้ เห็นที เขาคงจะต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นโทรหาเพื่อนของหญิงสาว โทรแจ้งตำรวจหรือโทรหาคุณก้องภพ
ใช่ คุณก้องภพ... เจ้านายของเขาเอง ฉันทัชคิดว่าคุณก้องภพอาจจะพอรู้อะไรบ้างก็ได้ เขาเชื่ออย่างนั้น
ยังไม่ทันที่จะต้องใช้แผนการที่วางไว้ เสียงรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ฉันทัชคุ้นตาเป็นอย่างดี
“โอ๊ะ แต่งตัวเสียหล่อเชียว มีนัดเดทหรือจ๊ะ ฮันนี่” อินทัชทักทายพี่ชายด้วยเสียงสดใสเพื่อกลบเกลื่อนความผิด
“ไม่ต้องมาโอ๊ะ มาเอ๊ะ ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้” ฉันทัชตำหนิน้องสาว
“อะไรกัน ไทน์ก็ส่งข้อความบอกเทมส์แล้วนี่ หงุดหงิดทำไม” อินทัชนั่งลงข้างๆ ฉันทัช ซบศีรษะลงบนไหล่พี่ชายเพื่อเอาใจ
ฉันทัชเบี่ยงตัวหลบเขยิบหนีด้วยความไม่พอใจ “เทมส์ติดต่อไทน์ไม่ได้เลย รู้ไหมว่าเป็นห่วง”
“ขอโทษ” หญิงสาวหน้าสลด “พอดีโทรศัพท์แบตหมด”
“เทมส์รู้ว่าไทน์โตแล้ว มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าหายไปแบบนี้สิ เราเหลือกันแค่นี้แล้วนะ” ฉันทัชพูดเสียงเรียบแต่คนฟังก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าพี่ชายเป็นห่วงตนเองมากแค่ไหน
“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธไทน์เลย ขอโทษ” หญิงสาวคว้ามือพี่ชายมากุมแน่น อินทัชคิดว่ากลับมาถึงบ้านคงจะถูกพี่ชายบ่นเสียยกใหญ่พอเจอเรื่องราวที่กลับตาลปัตรแบบนี้ หญิงสาวใจเสีย ทำตัวไม่ถูก สู้ให้ฉันทัชบ่นเธอเหมือนอย่างเดิมคงจะไม่รู้สึกผิดเท่านี้
“ถ้ารู้สึกผิดก็บอกเทมส์มาว่าไทน์ไปนอนบ้านใครมา” ฉันทัชเลี่ยงที่จะไม่ถามว่าน้องสาวไปนอนกับใครมา
“เอ่อ...ไทน์” คราวนี้เจ้าตัวไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือพี่ชายได้อีกแล้ว
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ฉันทัชเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ ด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม
“ผู้ชาย...” อินทัชบอกเสียงเบารีบอาศัยจังหวะที่ฉันทัชเงียบพูดต่อทันที “แต่ไม่มีอะไรเกินเลยนะ ไทน์นอนกับน้องกาย”
“อ้อ....” แค่ประโยคเดียว ฉันทัชยิ้มออกมานิดหน่อย เขาคิดว่าตนเองเข้าใจเรื่องทั้งหมด “กับคุณก้องภพเนี่ย”
“โอเคแน่ใช่ไหม” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้กิตติศัพท์ชื่อเสียงของเจ้านายตนเองได้เป็นอย่างดี
“ไทน์ยังไม่ได้คบกับเขา เทมส์ก็รู้ใช่ไหมว่าคุณก้องเป็นคนเจ้าชู้” ฉันทัชพยักหน้า
“คุณก้องไม่ได้บังคับหรือฝืนใจไทน์ใช่หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเขาทำตัวไม่ดีกับไทน์ต้องบอกเทมส์นะ เทมส์อยู่ข้างไทน์เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” ฉันทัชบอกอย่างจริงจัง
“ก็ลองเลือกไม่อยู่ข้างไทน์สิ” อินทัชแกล้งขู่แฝดพี่
“ดูแลตัวเองดีๆ นะไทน์” ฉันทัชดึงน้องสาวเข้ามากอด พลางลูบหลังเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าอนาคตของแฝดน้องคนนี้คงจะเจ็บๆ คันๆ กับผู้ชายที่ชื่อก้องภพต่อไปอีกนาน
“อืม เทมส์ก็ด้วยนะ” อินทัชกอดตอบ เธอกระชับแขนกอดพี่ชายแน่นเช่นกัน
“เทมส์รักไทน์มากนะ น้องรักของพี่” ฉันทัชจูบแก้มอินทัชเพื่อเป็นการตอกย้ำความรู้สึกของเจ้าตัว
“ฟังแล้วปลื้มจัง อยากเป็นมากกว่าน้องจังเลยอะ” อินทัชยิ้ม ทำหน้าทะเล้น
“มากไปแล้ว ไปอ้อนคุณก้องนู่น”
“ไม่เอาหรอก” อินทัชบอกปัด เธอพินิจมองการแต่งตัวพี่ชายอีกครั้ง “ว่าแต่วันนี้แต่งตัวเสียหล่อ จะออกไปไหน”
“ไปรับผู้ชาย”
“หืม?ใครอะ คนใหม่เหรอ ยังไงอะ ทำไมไทน์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” น้ำเสียงของอินทัชเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัย ฉันทัชกำลังจะมีรักครั้งใหม่หรือนี่
“คิดเลอะเทอะ” ชายหนุ่มดีดหน้าผากน้องสาวไปทีหนึ่ง “คุณชายหลี่..หลี่หยางเซิง”
“คุณชายหลี่มาเมืองไทยเหรอ มาทำไมล่ะ มาเที่ยวเหรอ แล้วทำไมเทมส์ต้องไปรับเขาด้วย” อินทัชหรี่ตาลงคล้ายกำลังจะจับผิด
“เขาอยากมาเที่ยวบ้านเรา”
“บ้านเรา?”
“อืม ที่นี่ ได้ไหม?” ฉันทัชขยายความ
“ไอ้ได้น่ะ มันได้อยู่แล้ว ยังไงนี่ก็บ้านเทมส์ จะมาก็มาเถอะ แต่มาเมืองไทยทั้งที ทำไมไม่ไปเที่ยวที่คนเขาชอบไปกัน มาบ้านเราทำไม” อินทัชพูดพลางใช้ความคิด
ฉันทัชยิ้ม แต่เลือกไม่พูดอะไร
“หรือว่า” หญิงสาวตาเบิกกว้างขึ้น “คุณชายหลี่จีบเทมส์เหรอ!?”
“งั้นมั้ง” ฉันทัชเลือกตอบกำกวม
“จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อ นี่ไทน์คิดว่าเขาถอดใจไปแล้วนะเนี่ย”
“เด็กเอาแต่ใจน่ะ อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้” ฉันทัชพูดอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าไม่ชอบ มีหรือที่คนอย่างเทมส์จะสนใจ อย่าบอกนะว่าก็ชอบคุณชายหลี่เหมือนกัน”
“ไม่เชิง ก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ”
“มันก็ใช่ อยากกินเด็กเป็นอมตะรึไง” อินทัชถามติดตลก
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”
“นึกยังไงขึ้นมา ไหนบอกว่ายังไม่อยากมีใครไม่ใช่หรือไง” อินทัชยังจำได้ว่าพี่ชายเขามีคนเข้ามาคุยไม่น้อยหรอก แต่เจ้าตัวปัดทิ้งไปเสียหมด ยกเว้นบางคนที่ชายหนุ่มยังเกรงใจ อย่างชัดเจนเป็นต้น
“แค่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่เราควรจะเดินหน้าต่อไปจริงๆ เสียที”
“ด้วยการมีแฟนใหม่เนี่ยน่ะเหรอ” อินทัชมองพี่ชาย “ไทน์ว่าไม่ดีมั้ง”
“ทำไมล่ะ”
“ถ้าตัดความรู้สึกเก่าออกไปยังไม่ได้ ก็ไม่ควรดึงใครเข้ามาเพิ่ม มันจะเป็นปัญหาภายหลัง”
“ไม่เคยได้ยินหรือไงว่า วิธีที่จะลืมคนเก่าให้เร็วที่สุดก็คือการมีคนใหม่” ฉันทัชย้อน
อินทัชถอนหายใจ “มันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนหรอกนะ ไม่งั้นคงไม่มีคนมาตั้งกระทู้ถามหรอกว่า‘ทำยังไงดีคะ แฟนยังไม่ลืมแฟนเก่า’หรือ ‘แฟนยังกลับไปคุยกับแฟนเก่า เขาบอกตัดใจไม่ได้ เราควรจะทำยังไงดี’เยอะเลยนะเทมส์ กระทู้แบบนี้อะ”
“เจ้าแม่โซเชียลจริงๆ” ฉันทัชแซว
“ไม่ใช่สักหน่อย วงการบันเทิงก็มีแต่ขี้นินทา หาข่าว จับผิดชาวบ้านทั้งนั้น คนก็เอามาเล่าให้ไทน์ฟัง”
“นี่..ไทน์รู้จักเทมส์ดี เชื่อไทน์นะ อย่าทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเลย” หญิงสาวพูดจากใจ
“แล้วถ้าเทมส์ตั้งใจจะเริ่มต้นใหม่จริงๆ ล่ะ”
“ถามตัวเองให้ดีก่อนแล้วกันว่าต้องการแบบนั้นจริงๆ ไหม” อินทัชมองหน้าพี่ชาย “เรื่องคุณชายหลี่ วันนี้ก็พาเขาไปเที่ยวเถอะ”
“ก็ได้ เดี๋ยวจะบอกคุณชายหลี่ว่าเมียที่บ้านดุ ไม่ให้ผู้ชายเข้าบ้าน ดีไหม”
อินทัชหัวเราะ “แล้วแต่เทมส์เลย ถ้างั้นก็บอกเพิ่มไปด้วยล่ะว่าเทมส์กลัวเมียมาก เขาจะได้เชื่อ”
หญิงสาวขอตัวไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปรูปหนึ่งเมื่ออยู่ในห้องนอนตามลำพัง รูปภาพนี้เธอได้มาจากก้องภพตอนที่ชายหนุ่มและพี่ชายของเธอไปฮ่องกงครั้งล่าสุด
ภาพที่ฉันทัชกำลังจัดเน็กไทให้คุณชายหลี่ ตอนนั้นอินทัชยังหัวเราะพลางตอบก้องภพไปด้วยคำพูดที่ว่า
‘เทมส์ก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำให้คนอื่นคิด ทั้งที่เจ้าตัวไม่คิดอะไร’แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว
‘อย่านะเทมส์ อย่าเพิ่มปัญหาให้มันยุ่งยากมากไปกว่าเดิม’คำขอร้องในใจจากอินทัช ไม่รู้ว่ามันจะส่งไปถึงพี่ชายของเธอหรือเปล่า
ฉันทัชไปรับหลี่หยางเซิงด้วยรถยนต์ของอินทัชที่หญิงสาวยัดเยียดมาให้ ภารกิจพาคุณชายหลี่เที่ยววันนี้จะได้สะดวกสบายมากขึ้น ฉันทัชไม่ได้ปฏิเสธเพราะอินทัชไม่มีงาน เจ้าตัวขอเลือกนอนอยู่บ้านทั้งวัน
หลี่หยางเซิงตอนที่รู้ว่าฉันทัชไม่สะดวกที่จะพาอีกฝ่ายไปที่บ้านนั้น เจ้าตัวก็หน้าม่อยลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียใจนานเพราะฉันทัชพาชายหนุ่มออกมาข้างนอกให้ลืมความผิดหวังอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงาน ไปส่งไม่ได้ คุณชายหลี่ไปสนามบินเองได้นะครับ”
“ครับ ผมบอกทางโรงแรมให้เรียกรถไว้แล้ว”
“เก่งมากครับ” ฉันทัชเอ่ยชม
“คุณพูดเหมือนผมเป็นเด็กเลย” หลี่หยางเซิงเซ็งเล็กน้อย เขาโตแล้ว ทำไมอีกฝ่ายชอบย้ำเขาเป็นเด็กนัก
“เด็กกว่าผม ก็คือเด็กนั่นแหละ”
“สักวันหนึ่งผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมโตแล้ว”
“จะรอนะครับ” ฉันทัชหัวเราะ
ฉันทัชพาหลี่หยางเซิงไปเที่ยวทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ พาชายหนุ่มไปนั่งทานอาหารทะเล รับไอความเค็มเข้าปอดเบาๆ ก่อนจะพาอีกฝ่ายกลับไปส่งโรงแรมในช่วงเย็น
“ผมส่งแค่หน้าโรงแรมนะ” ฉันทัชพูดขึ้นเมื่อรถจอดสนิท
“ไม่ขึ้นไปด้วยกันหรือ” หลี่หยางเซิงถาม แต่นัยน์ตานั้นกำลังอ้อนฉันทัชเหมือนลูกหมาอ้อนขอกินขนม
ฉันทัชส่ายหน้า
“ไม่ให้ผมไปบ้านคุณ พอขอให้ขึ้นไปส่งที่ห้องก็ไม่ได้อีก”
“งอนหรือครับ ไม่เอาน่า ไว้คราวหน้าถ้าคุณมา ผมจะพาไปค้างที่ต่างจังหวัดดีไหม”
“ให้ความหวังผมอีกหรือเปล่า” ถึงแม้คุณชายหลี่จะทำเสียงเหมือนประชด แต่ทว่าดวงตากลับสุกใสเป็นประกาย
“คราวนี้ พูดจริงๆ สัญญา” ปกติแล้วฉันทัชจะไม่ชอบให้คำสัญญาเพราะกลัวจะทำไม่ได้ แต่พอเห็นชายหนุ่มเศร้าสร้อย เขาก็นึกอยากปลอบใจ
“สัญญาด้วยอะไรครับ”
“สัญญาด้วยคำพูดของผมนี่แหละ”
“ไม่เอา ขอหลักประกันหน่อยสิครับ”
“เป็นอะไรดีล่ะ” ฉันทัชย้อนถาม
“จูบหวานๆ ได้ไหม” ไม่ผิดอย่างที่ฉันทัชคิด เรื่องความเจ้าเล่ห์แบบนี้หลี่หยางเซิงก็ไม่เบา
“ที่ประเทศผม...ทำตามใจคุณแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“ให้ขึ้นไปส่งผมที่ห้องก็ไม่เอา” ชายหนุ่มวกกลับมาเรื่องเดิม
ฉันทัชหัวเราะ “ยื่นหน้ามาสิครับ”
หลี่หยางเซิงทำตามโดยไร้การอิดออด ฉันทัชยืดตัวไปเพื่อหอมแก้มอีกฝ่าย “เอาไปแค่นี้ก่อน”
“คุณทำแบบนี้ ผมพูดต่อไม่ถูกเลย”
“ถ้างั้นก็เข้าโรงแรมได้แล้ว พรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยนะครับ” ฉันทัชอวยพร
“ขอบคุณครับ แล้วผมจะรอทริปแรกของเรานะ” หลี่หยางเซิงดึงมือฉันทัชขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากลงไปกลางฝ่ามือของอีกฝ่าย
“ครับ”
========================================
พบคนนิสัยไม่ดีหนึ่งอัตรา
เนื่องจาก LOTTO สื่อรัก จะได้เป็นรูปเล่มแล้ว เขมเลยมาลงเพิ่มอีกหนึ่งตอนค่ะ (เกี่ยวไหม)
เจอกันวันอังคารค่ะ
HASHTAG #ภาคต่อของความรัก