Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
CH. 16
Ruby
“แซนวิชสำหรับวันนี้ค่ะ”
ทิมที่กำลังนั่งแก้แบบแหวนอยู่ที่โต๊ะทำงานเหลือบตาขึ้นมามองสิ่งที่พี่ต่ายเรียกว่าแซนวิช...ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าไอ้ก้อนขาวๆ ที่มีชีสและแฮมบวกด้วยผักที่ยัดใส่มาจนเต็มนี่เรียกว่าแซนวิช หน้าตาก็บูดเบี้ยวจนดูไม่ได้แต่พี่ต่ายก็ยังยืนยันว่าไอ้ก้อนขนมปังนี่รับรองว่าอร่อยแน่นอน
“ทานได้ไหมคะ”
“…………………………………..”
“ถ้าทิมไม่ทานพี่ต่ายเอาไปทิ้งนะ เดี๋ยวสั่งอย่างอื่นมาแทน”
“ไม่เป็นไรครับ”
หวงไม่ใช่เล่น ทันทีที่ต่ายแกล้งจะทำเป็นหยิบแซนวิชหน้าตาประหลาดๆ เอาไปทิ้ง ทิมก็รีบเอื้อมมือมาหยิบไปถือไว้ เกือบอาทิตย์แล้วมั้งที่อยู่ดีๆ ก็มีอาหารเช้ามาส่งที่ pure Jewelry ครั้งแรกที่ได้มาคือ งง กันทั้งบริษัทเพราะหน้าตาไม่แน่ใจเลยว่ามันกินได้หรือเปล่า แถมคนที่ส่งอาหารเช้ามาให้ก็คือเจ้าของรถปอร์เช่สีขาวที่จอดอยู่หน้าบริษัททุกเช้า แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยจะเอาไปให้ทิมเองสักครั้ง ต่ายก็เคยลองถามแล้วและคำตอบที่ได้มาเธอก็พอเข้าใจได้อยู่
“ไม่อยากให้ทับทิมอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้าครับ เผื่อเขาไม่อยากเห็นหน้าผม”
โถ..พ่อคุณน่าสงสารยิ่งกว่านางเอกละครจำเลยรัก
ต่ายก็อยากจะบอกให้คุณพอร์ชรู้ว่าจริงๆ แล้วเจ้านายของเธอดูอารมณ์ดีขึ้นตั้งแต่มีเจ้าแซนวิชนี่มาวางไว้บนโต๊ะ ถึงหน้าตาจะไม่ได้น่าทานเท่าไหร่แต่ต่ายเองก็เห็นว่าน้องทิมก็ทานหมดทุกครั้งไม่เคยบอกว่ารสชาติเป็นแบบไหนจริงๆ ก็ดีใจแหละแต่แค่ฟอร์มเยอะไปหน่อย พอเห็นว่าเจ้านายไม่ได้เอ่ยอะไรต่อต่ายเลยวางแฟ้มที่เขียนไว้ว่า เจริญกิจธาราไว้บนโต๊ะทำงาน
“งานของเจริญกิจธาราเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ในฐานะคนออกแบบเครื่องประดับเกือบทั้งหมด น้องทิมจะเช็คงานเป็นครั้งสุดท้ายไหมคะ”
งานของเจริญกิจธารา..
แหวนแต่งงานของพอร์ช
ตั้งแต่เกิดเรื่อง..ทิมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงานของเจริญกิจธาราอีก ทั้งหมดพี่พลอยเป็นคนรับช่วงต่อ ดีที่เครื่องประดับทั้งหมดไม่มีการแก้แบบอะไรแล้วตอนที่ทิมส่งงานต่อให้พี่พลอยก็เหลือแค่ของหลานชายอย่าง พชร เจริญกิจธารา คนเดียวเท่านั้นเพราะทิมไม่อยากรับรู้ว่าพอร์ชเลือกแบบแหวนแต่งงานแบบไหน และพี่พลอยเองก็ไม่เคยมาให้เขาช่วยดูแบบเลยด้วยซ้ำ
“ให้พี่พลอยเซ็นปิดงานเลยก็ได้ครับ ยังไงพี่พลอยก็มีอำนาจเซ็นอยู่แล้ว”
“ไม่อยากดูแบบแหวนที่คุณพอร์ชเลือกเหรอคะ”
“พอลลีนคงออกแบบสวยมากๆ คุณพชรถึงได้เลือกแบบแหวนได้เร็ว”
“ค่ะ แบบแหวนสวยมากๆ คนที่ได้ใส่จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
“ใครๆ ก็อยากใส่แหวนแต่งงานทั้งนั้นล่ะครับ”
“แล้วน้องทิมไม่อยากใส่บ้างเหรอคะ”
“ใครจะมาแต่งงานกับทิม”
“เอาเป็นว่า ถ้าน้องทิมไม่อยากเห็นแบบแหวนคุณพอร์ชตอนนี้ ยังมีโอกาสได้เห็นในงานวันเกิดของคุณเฟื่องฟ้า เจริญกิจธาราที่จะจัดขึ้นอีกสามอาทิตย์”
“ทิมไม่แน่ใจเลยว่าจะ….”
“ปฏิเสธไม่ได้นะคะเพราะคุณกาญจนากำชับว่า นพจินดาหลานรักจะต้องไปงานนี้ในฐานะคนออกแบบเครื่องประดับทั้งหมด จะต้องไปเป็นหน้าเป็นตาให้กับ pure Jewelry ”
ทิมได้แต่ถอนหายใจเมื่อได้ยินในสิ่งที่พี่ต่ายบอก คุณย่ากำชับมาขนาดนี้แล้วเขาจะไปขัดใจอะไรได้เลยต้องพยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าพี่ต่ายดีใจอะไรนักหนายิ้มกว้างพร้อมกับร้องเยสซะดังลั่นก่อนจะขอตัวออกไปทำงานต่อ ทันทีที่เดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายคนเล็ก ต่ายก็รีบเดินเลี้ยวไปตรงหน้าต่างริมทางเดินแล้วชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่าง เจ้าของแซนวิชที่ยังอยู่ในชุดนอนก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนที่ต่ายจะส่งสัญลักษณ์ว่าโอเค
ภารกิจแซนวิชสื่อรักวันนี้ก็สำเร็จเรียบร้อยไปอีกวันจริงๆ การทำอาหารนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็จำผักชีฝรั่งได้แล้วนะ
คุณเบนจามินโหดฉิบหายสอนทำอาหารเหมือนสอนยิงปืน เอามีดตบเขียงเสียงดังปักๆๆ เวลาที่เขาจำชนิดผักไม่ได้ ดีที่มีคีตาคอยบอกให้คุณเบนใจเย็นช่างเป็นนักแต่งเพลงแสนประเสริฐ ตอนนี้ก็ถือว่าฝีมือการทำอาหารพัฒนามากกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนนี่ตอกไข่ใส่กระทะเป็นก็ถือว่าหรูหราแล้วแต่ก็คุ้มค่าอยู่นะ ถึงแม้ว่าเขายังไม่มีโอกาสได้กลับมาทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับคุณทิมเหมือนเมื่อก่อนก็ตามเถอะ แค่ได้ลองทำอาหารให้คุณทิมก็ดีแค่ไหนแล้ว คิดอะไรเพลินๆ คุณเบนก็เดินมาหาพร้อมกับบอกว่าวันนี้คงไม่ได้เรียนทำอาหาร
“พอร์ช”
“ครับ”
คุณเบนไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยื่นนามบัตรมาตรงหน้าพอเขารับมาถือไว้ก็ตบไหล่เขาเบาๆ ไม่รู้ว่าปลอบใจหรือสมน้ำหน้าเขากันแน่ พอร์ชหยิบนามบัตรขึ้นมาดูใกล้ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่านามบัตรสีขาวมันเป็นนามบัตรของร้าน
SECRET GARDEN ร้านดอกไม้ที่เขาได้ยินชื่อบ่อยๆ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าร้านอยู่ตรงไหนแต่ตอนนี้พอร์ชกำลังยืนอยู่หน้าประตู รู้ว่าตอนนี้เขามาถึงด่านของหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่คุณ รามิล เตชนะหิรัญแล้ว เอาจริงๆ ในบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่สำหรับเขาคุณรามิลเป็นคนที่น่ากลัวน้อยที่สุด ยิ่งเวลาที่เขาได้เห็นตอนที่คุณมิลอยู่กับคุณต้นไม้จะกลายเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบแหย่แฟน ยิ้มเก่ง ขี้เล่น แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันเป็นด่านที่ยากที่สุดยังไงไม่รู้
ทันทีที่เปิดประตูเจ้าของร้านดอกไม้ก็เงยหน้าขึ้นมาจากเคาน์เตอร์แล้วยิ้มให้ คุณต้นไม้ก็ยังยิ้มสวยเหมือนที่เขาเคยเจอ บรรยากาศในร้าน SECRET GARDEN ดูอบอุ่นมากๆ แล้วก็เย็นสบายเหมือนชื่อเจ้าของร้าน ต้นไม้
“คุณพอร์ชมาหามิลใช่ไหมครับ”
“คุณไม้เรียกผมว่าพอร์ชเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“งั้นพอร์ชก็ต้องเรียกผมว่าพี่ไม้เฉยๆ เหมือนกัน”
ทำไมแฟนแก๊งลูกเพื่อนแม่ประเสริฐขนาดนี้วะแต่ละคนเหมือนนางฟ้ามาโปรด พี่ไม้ยิ้มให้อีกทีก่อนจะบอกให้เขาเดินไปทางด้านหลังร้านได้เลยมิลอยู่ในโรงเรือนกระบองเพชรนึกว่าตัวเองฟังผิดแต่พอเดินมาถึงและได้เห็นกับตาว่ามันคือโรงเรือนกระบองเพชรจริงๆ ไม่เคยรู้เลยว่าคุณต้นไม้จะมีต้นกระบองเพชรเยอะขนาดนี้ แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับภาพที่พอร์ชได้เห็น
คุณรามิล..นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สุดแสนจะไฮโซกำลังนั่งอยู่กับพื้นโรงเรือน รอบๆ ตัวมีกระถางกระบองเพชรวางอยู่รอบตัวเดาว่าคุณมิลน่าจะเปลี่ยนกระถางกระบองเพชรอยู่ โอ้โหอะเมซิ่งจิงกะเบลมากเลยว่ะเขาเคยเจอแต่คุณมิลในชุดทำงานไม่ก็ชุดลำลองเท่ๆ แต่ตอนนี้คือชุดที่โคตรจะอยู่บ้านแถมยังเลอะเทอะไปด้วยดินอีก
“มาแล้วเหรอ”
“ครับ”
“นั่งได้ไหมหรือจะเปลี่ยนชุดก่อน ชุดเต้น่าจะใส่ได้”
“ไม่เป็นไร ผมเลอะเท่าไหร่ก็ได้อยู่แล้ว”
รามิลยิ้มนิดๆ เมื่อได้ยินคำตอบก่อนที่พอร์ชจะนั่งลงกับพื้น พอมองไปรอบๆ แบบนี้ถึงได้รู้ว่าต้นกระบองเพชรของที่นี่มีหลากหลายพันธ์มีทั้งที่เขาเคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อน จริงๆ พอมาอยู่กับคุณมิลสองคนแบบนี้เขาก็เกร็งเหมือนกันทั้งๆ ที่คุณมิลก็ไม่ได้ทำหน้าดุใส่เขาเหมือนคุณคิน ไม่ได้สั่งให้เขาทำอะไรแปลกๆ แบบคุณเบนด้วยแต่ไม่รู้ว่าทำไมพอร์ชถึงรู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าเยอะ
“เราไม่เคยได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยนะ”
“ครับ”
“จะพูดแค่คำว่าครับเหรอ”
“ครับคือ…”
“ล้อเล่น เห็นนั่งตัวตรงขนาดนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่น่ากลัวมากหรือไง”
“ที่ได้เจอมาก็…”
“คินกับเบนใครน่ากลัวกว่ากัน”
ต้องตอบแบบไหนวะเนี่ยพอร์ชเลยอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าพอๆ กันแค่คนละแบบ นึกว่าคำตอบไม่ถูกใจเพราะเห็นคุณมิลเงียบไปก่อนจะหัวเราะลั่นแล้วบอกว่าสองคนนั้นมันคิดบททดสอบล้ำลึกดีเหมือนกัน พอร์ชรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อคุณมิลยื่นผ้าให้เขาเช็ดกระถางต้นกระบองเพชรที่เลอะดินไปด้วย
“ครั้งแรกที่เจอทิมรู้สึกยังไง ขอคำตอบตรงๆ”
“น่าสนใจครับ”
“ชอบไหม”
“ชอบ..หมายถึงถูกใจในระดับหนึ่ง”
“คิดว่ามันจะกลายเป็นความรักไหม”
“ไม่เคยคิดว่าจะรักครับ”ตรงดี..รามิลรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยตอนนี้ตอบทุกอย่างตรงตามความรู้สึก พอร์ชเองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้กำลังโดนเขาทดสอบอยู่แต่แค่ไม่รู้ว่าในรูปแบบไหนแต่จากแววตาของพอร์ชตอนนี้ดูก็รู้ว่าคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ทำไมถึงยอมเล่นเกมกับทิม”
“ทับทิมเป็นคนในแบบที่ผมไม่เคยเจอยอมรับว่า หน้าตาน่ารักและนิสัยน่าสนใจ ตอนนั้นไม่มีอะไรนอกจากคำว่าอยากชนะ จริงๆ ก็.. ”
“หลง?”
“ตอนนั้นยอมรับว่าใช่”
“แล้วเล่นเกมกันอยู่ดีๆ ความรู้สึกเปลี่ยนเหรอไง”
“คุณมิลเคยได้ยินไหมครับหน้าตาคือสิ่งที่เราประทับใจแต่จริงๆ แล้วทัศนคติแล้วนิสัยจะทำให้เราตกหลุมรัก”
“จะบอกว่าตกหลุมรักทิมเพราะนิสัย? แสบขนาดนั้นอ่ะนะ”
“เวลาที่ทับทิมอยู่กับผม เวลาที่เราอยู่ด้วยกันลึกๆ แล้วผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมากๆ นพจินดาแห่งวงการจิวเวลรี่ที่ผมได้ยินมา คือคนที่ทุกคนบอกว่าทั้งหยิ่งทั้งร้าย”
“………………………………………………….”
“แต่ผมยิ้มทุกครั้งที่ทับทิมดุเวลาไม่ยอมกินข้าว ด่าผมทุกครั้งเวลาที่ผมทำงานหนักเกินไป บอกว่าสมน้ำหน้าเวลาที่ผมป่วยแต่ก็ยังดูแลไม่เคยห่างไปไหน”
“………………………………………………….”
“ผมตกหลุมรักทับทิมโดยที่ผมเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
“ตั้งแต่ผมเป็นเพื่อนกับทิมมาตั้งแต่เกิดยังไม่เคยเห็นมันทำแบบนี้ให้ใคร”
“คุณมิลจะบอกว่าผมเป็นคนแรก”
“คนแรกด้วยที่ทำมันร้องไห้ด้วยเรื่องความรัก”
พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรพอร์ชรู้สึกว่าอยากต่อยตัวเองทุกครั้ง เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้เขาเองก็รู้ถึงได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อขอโอกาสอีกครั้ง คิดย้อนไปตั้งแต่เขาเจอคุณคิน คุณเบนจนมาถึงตอนนี้ตอนที่เขานั่งคุยกับหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะ
เขาโตขึ้นเขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากแก๊งลูกเพื่อนแม่
เหมือนพี่ชายสอนน้องชายให้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้ให้ปรับเปลี่ยนบางอย่างที่มันไม่ดีในชีวิต
“ผม เบน และคินเป็นห่วงทิมมากคุณรู้ใช่ไหม”
“ครับผมรู้”
“คุณพอร์ชเองก็เก่งมากนะที่ผ่านด่านสองคนนั้นจนมาถึงผมได้ แสดงว่าไม่ธรรมดาเลย”
“ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ ออกจะเป็นผู้ชายห่วยๆ ด้วยซ้ำ ผมแค่รักทับทิมแค่นั้นจริงๆ”
“มาถึงตรงนี้ผมไม่ให้คุณพอร์ชทำงานอะไรหนักๆ ไม่หลอกให้ขับรถไปนู่นมานี่ ไม่ดัดนิสัยคุณด้วย ไม่ได้เอาใครมาแกล้งจีบไอ้ทิมและไม่ต้องห่วงว่าผมจะให้คุณพอร์ชไปสร้างบ้านสร้างคอนโดให้ผมฟรีๆ”
“……………………………………………………….”
ต้นกระบองเพชรที่คุณมิลถืออยู่ถูกวางลงตรงหน้าพอร์ช แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอร์ชถึงไม่กล้าจะหยิบขึ้นมาเช็ดเหมือนต้นอื่นๆ ใจเขาตอนนี้มันอยู่ที่คำพูดของคุณมิลอย่างเดียว ยิ่งตอนนี้คุณมิลเอาแต่ยิ้มให้มันยิ่งทำให้พอร์ชรู้สึกเหมือนนักเรียนที่เจอข้อสอบที่ยากมากที่สุดในชีวิต
“ผมแค่อยากรู้ว่าผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณพอร์ชจะรักทิมไปตลอดชีวิต”“……………………………………………….”
ทุกอย่างเงียบลงเหมือนจงใจให้เขาได้ยินประโยคนั้นชัดๆ พอร์ชไม่ได้เอ่ยถามซ้ำเพราะได้ยินมันชัดจนมันวนอยู่ในหัวซ้ำๆ เห็นคุณมิลหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่เขาเบาๆ
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับผมให้เวลาคุณพอร์ชสองอาทิตย์”
“……………………………………………….”
“ถ้ายังคิดไม่ออกหรือยังไม่แน่ใจในคำตอบมาฝึกงานที่ SECRET GARDEN ก็ได้นะครับ เวลาที่ใครมาที่นี่ก็บอกว่ารู้สึกว่าสบายใจกันทั้งนั้น”
เสียงเรียกของของคุณไม้จากหน้าประตูโรงเรือนคุณรามิลเลยลุกขึ้นไปหาทิ้งเขาไว้กับต้นกระบองเพชรมากมายหลายต้น พอร์ชได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเอาจริงๆ คำถามของคุณมิลมันไม่ได้ยากอะไรด้วยซ้ำ ตอนนี้สำหรับทับทิมเขายินดีที่จะให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาคิดว่ามันไม่ใช่คำตอบในแบบที่คุณมิลต้องการเลยสักนิด และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าคำตอบที่คุณรามิลอยากได้ยินคือคำตอบแบบไหน
รักไปตลอดชีวิต..
คำถามสมกับเป็นหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่
คุณรามิล เตชนะหิรัญ
Jewelry Design
“แก๊งลูกเพื่อนแม่เขาเลิกทดสอบมึงแล้วเหรอวะพอร์ช ไหนบอกมาถึงด่านคุณรามิลแล้วไง”
“ใช่ไง กูถึงด่านหัวหน้าแก๊งแล้ว”
“เขาให้มึงทำอะไรวะ ไม่เห็นโหดเหมือนด่านคุณคินกับคุณเบนเลย”
พอร์ชกดปิดงานที่ทำค้างไว้ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถ ตรงเวลาเลิกงานเป๊ะทุกวันเดี๋ยวนี้ พชร เจริญกิจธาราไม่บ้างานเหมือนเมื่อก่อนและไม่มีการทำโอทีถ้าไม่จำเป็นด้วย เป็นการเปลี่ยนตัวเองที่มีนยังตกใจ แถมทุกเช้ายังตื่นมาทำอาหารไปส่งให้คุณทิมก่อนจะมาทำงาน เรื่องนี้ ป้าพรแม่บ้านที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยร้องไห้น้ำตาท่วมกรุงเทพ เพราะเคยให้พอร์ชลองทำอาหารเองง่ายๆ สองสามอย่างมันยังไม่เคยคิดจะทำ
มีอีกเรื่องที่แปลกประหลาดตอนนี้คือพอร์ชจะหายไปทุกตอนเย็น ถามกี่ครั้งก็บอกว่าไปร้านดอกไม้ ตอนแรกนึกว่ามันคงซื้อไปง้อคุณทิมแต่พอมันไปทุกวันก็เริ่มสงสัย อย่างวันนี้มันไปติดกันเป็นอาทิตย์แล้ว
“มีน”
“ทำไม”
“อะไรที่ทำให้มึงคิดว่าจะรักคนนี้ไปตลอดชีวิตวะ”
“คำถามอะไรของมึงวะเนี่ย”
“กูแค่อยากรู้”
“ตอบไม่ได้ว่ะความรักใครความรักมันถ้ามึงรักเขาขนาดนั้นมึงก็ต้องรู้เองดิ”
“คุณมิลอยากได้คำตอบแบบไหนวะ”
มีนถามซ้ำอีกครั้งเพราะเห็นพอร์ชพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่พอร์ชก็ตัดบทพร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรก่อนจะโบกมือลาขอตัวไปร้านดอกไม้ มีนได้แต่ยืนมองเพื่อนตัวเองที่รู้จักสมัยรับน้องตอนนั้นพอร์ชยังใส่เหล็กดัดฟันพูดไม่รู้เรื่องอยู่เลย จะว่าไปในฐานะคนที่อยู่ด้วยมาตั้งแต่ละอ่อนยอมรับเลยว่าพอร์ช พชร โตขึ้นเยอะ
โตจนพร้อมที่จะดูแลใครสักคน
SRCRET GARDEN“พอร์ชเอาเสื้อพี่หรือเต้ไปเปลี่ยนไหมเดี๋ยวก็เลอะหรอก”
“ผมต้องเก็บเงินแล้ว ใครมาที่นี่ก็เอาเสื้อผ้าผมไปเปลี่ยน”
“เดี๋ยวนี้ขี้บ่นนะเรา”
“SECRET GARDEN มีแต่คนรวยๆ มาฝึกงานเมื่อก่อนก็เจ้าของอสังหา แล้วดูตอนนี้สถาปนิกหนุ่มโสดชื่อดัง นักศึกษาต๊อกต๋อยอย่างผม งง ไปหมด”
“ไปส่งดอกไม้เลยเต้ เดี๋ยวลูกค้าก็โทรตาม”
ถึงจะบ่นยาวเกือบแปดบรรทัดแต่ไม้ก็รู้ว่าเต้แค่ล้อเล่นเพราะเห็นเตรียมเสื้อกับผ้ากันเปื้อนไว้ให้พอร์ชเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ดูซี้กันดี เมื่อคืนก็พากันไปซิ่งเวสป้าวันดีคืนดีพอร์ชก็ขอไปส่งดอกไม้ด้วยมีคีตาอีกคนคงเพราะอายุอยู่ในวัยเดียวกันเลยรวมตัวเป็นแก๊งส่งดอกไม้แย่งกันขี่เวสป้าทุกวัน (มีเต้เป็นหัวหน้าแก๊ง) เห็นเบนบ่นประจำเรื่องนี้เพราะคีตาชอบหนีมาที่นี่ตอนแต่งเพลงไม่ได้ แต่ต้นไม้ยอมรับว่าพอได้เห็นพอร์ชในมุมแบบนี้เหมือนได้เห็นรามิลในสมัยวัยรุ่น
“คิดอะไรอยู่”
“แค่คิดว่าพอร์ชก็บ้าดีเหมือนกัน”
“บ้ายังไง”
“คนที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะรดน้ำต้นไม้ที่บ้านแต่ยอมมาอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าทุกวัน แปลกดี”
“ไม้คิดว่าพอร์ชจะรู้คำถามที่มิลถามไปยัง”
ต้นไม้มองไปยังพอร์ชที่ตอนนี้กำลังยกกระถางไปเรียงไว้หน้าร้าน เขารู้ว่ารามิลถามพอร์ชไปว่ายังไงเขารู้ทุกอย่างนั้นแหละแล้วก็รู้คำตอบที่รามิลอยากฟังด้วย แต่สำหรับพอร์ช พชร ที่คิดว่าความรักเป็นแค่เกมเป็นแค่เรื่องเล่นๆ มาโดยตลอดจะเข้าใจเรื่องนี้หรือเปล่าเขาเองก็ไม่รู้
“ถ้าพอร์ชรักทิมพอร์ก็จะรู้ได้เอง”
รามิลพยักหน้าก่อนจะก้มลงมาจุ๊บหน้าผากเร็วๆ จนไม้ต้องดันตัวออกเพราะจัดดอกไม้ค้างอยู่ รามิลเลยไปหยิบขนมเบื้องที่ตัวเองซื้อมาพร้อมกับนั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์ กินเองหนึ่งคำป้อนไม้สามคำมีการร้องเพลงตลกๆ สองสามเพลงพร้อมกับเต้นไปด้วยทำให้ต้นไม้ถึงกับต้องเอากิ่งไม้มาตีให้หยุดทำเพราะหัวเราะจนทำงานไม่ได้ท่าทางแบบนี้รับรองเลยว่าคงไม่มีใครได้เห็น
เสียงเพลงตลกๆ กับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้พอร์ชวางกระถางต้นไม้ไว้บนชั้นก่อนจะมองเข้าไปในร้าน
ตลอดทั้งอาทิตน์ที่เขาอยู่ที่นี่เขามีโอกาสได้เห็นทั้งสองคนเวลาอยู่ด้วยกัน คุณมิลเลิกงานตรงเวลาก็จะตรงดิ่งมาที่ร้านซื้อขนมที่พี่ไม้ชอบมาให้ เปลี่ยนชุดเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
พี่ไม้จัดดอกไม้ คุณมิลนั่งทำงานตรงเคาน์เตอร์ พี่ไม้ดูแลกระบองเพชร คุณมิลจะคอยอยู่ใกล้ๆ คอยหยิบอุปกรณ์ต่างๆ ให้ พอร์ชเคยคิดว่าระดับคุณรามิล เตชนะหิรัญเวลาดูแลแฟนคงจะต้องหรูหราฟู่ฟ่าสมฐานะเจ้าพ่ออสังหา แต่สิ่งที่เห็นมันตรงกันข้ามทุกอย่าง
มันเรียบง่ายแต่มีความสุข พอร์ชเดินกลับเข้ามาในโรงเรือนกระบองเพชรแล้วนั่งลงกับพื้น พอร์ชไม่เคยสนใจต้นไม้ดอกไม้มาก่อนเลยจริงๆ แต่พอมาอยู่ด้วยมันก็โอเคแต่สำหรับต้นกระบองเพชรมันน่าจะดูแลยากสำหรับเขาไปหน่อย เขาอยู่ที่ SECRET GARDEN มาเกือบสองอาทิตย์แล้วเหลือแค่พรุ่งนี้วันเดียวก็ต้องตอบคำถามของคุณรามิล แต่เขายังไม่รู้คำตอบที่จะตอบคุณมิลเลย ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมด ตอนคุณคินกับคุณเบนพอร์ชยังรู้ว่าเป้าหมายคืออะไรแล้วเขาต้องปรับปรุงตัวตรงไหน แต่ของคุณมิลเขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง
ตอนนี้โคตรท้อแท้เลย
เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ทำให้พอร์ชต้องเปิดเมลขึ้นมาดู มันคืออีเมลจากคุณต่าย Pure Jewelry แหวนที่เสร็จสมบูรณ์ที่ส่งมาในเมลทำให้พอร์ชมองอยู่อย่างนั้น
แหวนทับทิม..พอได้เห็นแหวนเป็นรูปเป็นร่างตามแบบที่คนออกแบบได้วาดไว้ทำให้พอร์ชยิ้มออกมา มันเหมือนได้เติมกำลังใจทั้งๆ ที่มันไม่เหลือจนแทบจะติดลบ เลยตัดสินใจจะลุกไปทำงานต่อตามเดิม จังหวะที่ยันตัวขึ้นจากพื้นมือไปโดนเศษกระถางที่อยู่วางอยู่ ฝ่ามือถูกบาดเป็นทางยาวถึงไม่ได้ลึกมากแต่ก็ทำให้เลือดไหลได้เหมือนกัน พอร์ชเลยตั้งใจจะไปขอพลาสเตอร์จากพี่ไม้ที่อยู่หน้าร้าน
“พี่ไม้ครับ มีพลาสเตอร์กับแอลกอฮอล์หรือเปล่าครั..”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ไม่ใช่พี่ไม้กับคุณรามิลแต่เป็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ทับทิม นพจินดา ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นจนต้นไม้เองคือคนที่หันมาเห็นว่ามือของพอร์ชมีเลือดไหลเลยเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาให้ก่อนจะติดสินใจยื่นให้ทิม
“ทำแผลให้เด็กหน่อยไหมทิม”
ทิมรู้สึกเหมือนเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้วตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และฝั่งตรงข้ามคือสถาปนิกพชรที่เอาแต่นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า มือใหญ่ที่วางอยู่บนตักเขาตอนนี้มีรอยบาดเป็นทางยาว พอเห็นแผลทิมก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ทำไมถึงเจ็บตัวตลอดเลยนะครั้งก่อนก็หัววันนี้ก็มือ”
“……………………………….”
“ระวังหน่อยเดี๋ยวก็ทำงานไม่ได้”
“……………………………….”
“แก้แบบไม่ทันก็ไม่ได้นอนอีก”
“……………………………….”
“ทับทิม”
“ได้ยินที่พูดไหมพอร์ช”
“คิดถึงจัง”มือที่กำลังทำแผลหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นว่าพอร์ชยิ้มให้ไม่ได้สนใจแผลที่มือเท่าไหร่ ท่าทางที่เหมือนเด็กตัวเล็กๆ คิดยังไงพูดอย่างนั้นทำให้ทิมรู้สึกใจเต้น ทิมรู้ตัวเองดีว่าเขาตกหลุมรักพอร์ชตรงไหน ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตรงหน้ามีมุมที่เหมือนเด็กและผู้ใหญ่ในคนๆ เดียวกัน การที่แสดงออกตรงๆ แบบนี้คือมุมเด็กๆ ที่ทิมคุ้นเคยมันดีเพราะเขาเจอพอร์ชมาทุกรูปแบบแล้วตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
“แล้วมาทำอะไรที่นี่”
“หาคำตอบให้คุณมิล”
“เจอไหมล่ะคำตอบ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่คำตอบที่คุณมิลอยากฟังไหมแต่ที่รู้ว่าตอนนี้..ผมเจอทับทิมโอ๊ยย!เจ็บ ทิม”
มันน่าหมั่นไส้จนทิมต้องแกล้งปิดพลาสเตอร์ลงบนแผลแรงๆ จนคนที่เจ็บมือจนร้องเสียงหลงแต่ก็ไม่ยอมทิ้งโอกาสพอร์ชเลยพลิกมือเป็นฝ่ายจับมือทิมไว้แล้วยกขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง ท่าทางอ้อนๆ ของอีกฝ่ายทำให้ทิมไม่อยากดึงมือออกยอมรับว่าเขาไม่อยากให้พอร์ชต้องมาเจ็บตัวไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขายอมรับเลยว่าเขาเป็นห่วง
“ทิมมางานคุณย่าผมไหม”
“ในฐานะคนออกแบบเครื่องประดับทั้งหมดผมก็คงต้องไป อ้อไม่สิ ยกเว้นของคุณพอร์ช”
“ได้เห็นเครื่องประดับที่ผมเลือกหรือเปล่าครับ”
“ผมส่งงานนี้ให้พี่พลอยไปแล้วพี่พลอยก็เลยเป็นคนตรวจงานทั้งหมด”
“ทับทิม”
“มิลน่าจะกลับมาแล้วคงต้องขอตัวก่อน”
ทิมลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับไม่ยอมปล่อยมือสักทีจนทิมต้องบอกซ้ำอีกรอบพอร์ชเลยเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะเอียงหน้ามาจูบแรงๆ ตรงฝ่ามือทิมตาโตขึ้นมายังไม่ทันจะได้ลงโทษคนที่ฉวยโอกาสพอร์ชก็คว้าเอาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดไว้ซบหน้าลงกับหน้าท้องแบบอ้อนๆ
“พอร์ช”
“กินข้าวบ้างหรือเปล่าทำไมผอมลงขนาดนี้”
“ก็กินอยู่ทุกวันปล่อยก่อนได้ไหม”
“แล้วอาหารเช้าของผม”
“แซนวิชหน้าตาประหลาดๆ นั่นอะนะ”
“รสชาติถึงจะแย่แต่ใส่ใจเต็มร้อย”
“นี่ผมอายุสามสิบแล้วนะต้องมาฟังมุขแบบนี้อีกเหรอ”
“ทิ้งแซนวิชไปก็ได้ผมจะทำจนกว่าทิมจะบอกว่าอร่อย”
“แล้วคิดยังไงจะทำอาหาร”
“ก็คุณเบนบอกว่ามื้อเช้ากับคนที่ตัวเองรักมันดีมากๆ นะก็เลยลองทำบ้าง”ทิมกำลังจะเถียงกลับแต่สิ่งที่ได้ยินทำให้หยุดการเคลื่อนไหวแล้วก้มลงมองคนที่เพิ่งพูดประโยคนั้นออกมา พอร์ชยังคงยิ้มก่อนจะกระชับกอดไว้ให้แน่นกว่าเดิม ระยะห่างมันเริ่มลดลงจนตอนนี้แทบไม่เหลือช่องว่าง พอร์ชจับมือทิมแล้วลูบเบาๆ ตรงหลังมือให้ผ่อนคลายลง
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมจะพยายามทำให้ได้ถ้าทิมไม่ชอบแซนวิช”
“ไม่ชอบหัวหอม”
“หืม?”
“ไม่ชอบหัวหอมอย่าใส่เยอะ”
“ไม่ได้ทิ้งใช่ไหม”
“ทิ้งของกินบาปกรรม”
“ทับทิม ถ้าจูบตอนนี้จะโดนต่อยหรือเปล่า”
“ไอ้เด็กเวร”
ทิมฟาดลงบนไหล่แรงๆ ก่อนจะดันตัวออกเมื่อได้ยินเสียงรามิลจากข้างหน้าร้าน พอร์ชเลยต้องยอมปล่อยไม่อยากให้คุณมิลคิดว่าเขาเอาเปรียบทับทิมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคลียร์อะไรให้ชัดเจน พอเห็นทิมเดินไปพอร์ชเลยลุกตามไปบ้างแต่พอเดินมาถึงตรงหน้าร้านทั้งสองคนก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเพราะไม่รู้ว่าจะเข้าไปขัดจังหวะดีไหม
“คุณแม่ใบบัวฝากของมาให้เยอะขนาดนี้เลยเหรอมิล”
“ลงรีสอร์ทที่ใต้กับพี่สรทีไรก็แบบนี้ทุกที มิลบอกแม่ไปด้วยว่าไม้ชอบกินอะไรก็เลยซื้อมาให้เยอะ”
“จำได้หมดเลยเหรอเนี่ย”
“จำได้สิครับแฟนทั้งคน”
คงกลัวว่าไม้จะไม่เชื่อเลยรามิลเลยร่ายยาวว่ามีอะไรบ้างทันทีที่บอกเสร็จต้นไม้ก็ปรบมือให้เพราะไม่คิดว่าจะรามิลจะจำได้หมด คงเพราะขนของมาเยอะรามิลก็เลยเหนื่อยต้นไม้เลยยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้ ก่อนที่มิลจะก้มลงมาหาพร้อมกับซบลงตรงอกทำจมูกฟุดฟิด
“ไม้เปลี่ยนน้ำยาปรับผ้านุ่ม”
“รู้ได้ไง”
“ก็ผมกอดของผมทุกวัน นี่ก็เปลี่ยน”
“อะไร”
“แชมพู”
“รู้หมดเลยคุณพ่อบ้าน”
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับไม้มิลจำได้หมดเราอยู่ด้วยกันทุกวันนะ แล้ววันนี้เป็นไงเจอลูกค้าวีนไหม หรือดอกไม้ขาดเกินอะไรไปบ้าง”
“ลูกค้าก็มีบ้างบางครั้งดอกไม้มันไม่ค่อยตรงกับแบบที่เขาอยากได้ แล้วก็มีแค่ดอกกุหลาบที่น่าจะสั่งเพิ่มหน่อยยังไงก็ยังเป็นดอกไม้ที่ทุกคนชอบอยู่ดี”
“ไว้มิลช่วยดูให้ ว่าจะลองดูไร่ของคุณบูมที่เราเคยดูด้วยกันเมื่อคราวก่อน”
“โอเค ไม้ก็ว่าของคุณบูมน่าสนใจราคาไม่แพงมากด้วย แล้วงานมิลล่ะที่ประชุมไปเมื่อวานคุณภพธรว่าไงปีนี้เขาให้มิลทำ CSR อยู่หรือเปล่า”
บทสนทนาของทั้งคู่ยังคงคุยกันไปเรื่อยๆ หลากหลายเรื่องราวทั้งเรื่องงานและเรื่องอื่นๆ พอร์ชยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกว่าเขาเจอคำตอบที่คุณรามิลถามเขาแล้ว พอร์ชรู้ว่าทำไมคุณมิลถึงอยากให้เขามาที่นี่ที่จริงมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นคุณมิลกับพี่ไม้ในแบบนี้ ที่จริงมันเกิดขึ้นทุกวัน อาหารที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย มีแต่ของที่เป็นของโปรดของทั้งคู่ เรื่องราวที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว อยู่ดีๆ พอร์ชก็นึกถึงคำนี้ขึ้นมา
คู่ชีวิต“เป็นแบบนี้ตลอดคู่นี้ รักกันแบบนี้ทุกวันไม่เคยเปลี่ยนเลย”
พอร์ชหันมามองทับทิมที่พูดประโยคเมื่อกี้แล้วยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“ผมแค่อยากรู้ว่าผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณพอร์ชจะรักทิมไปตลอดชีวิต”ผมมีคำตอบให้คุณแล้ว คุณรามิล
..................
........................................................