Special :: if I couldn’t นัดกันที่ไหนไม่นัด มานัดที่งานสัมมนา เขาคิดอะไรอยู่ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าผมคิดผิดที่มาตามนัด
“เจม เจม” ผมหันหาเสียงเรียก พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็หยุดรออยู่ที่หน้าประตูกระจกที่เลื่อนเปิดรอผมอยู่ก่อนแล้ว ช่างมัน ปล่อยมันเปิดเก้อซะมั่ง
“อะไรวะต้อม”
“มึงจะไปไหน?”
“เข้าไปงานสัมมนา”
“พี่ปูสั่งทำงานนี้หรอ?”
“เปล่า นัดแหล่งข่าว” ชิชะมาซีลอน โกหกเนียนรึเปล่าวะกู ผมยืนตาใสมองไอ้ต้อมที่ขมวดคิ้วสบมองตา แป๊บเดียวมันก็แหงนหน้ามองตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำ แน่ล่ะสิ ตะวันตกดินมึงก็ต้องวิ่งจกตับเด็กกินแล้วสินะ
“งั้น กูกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ เข้าออฟฟิศรึเปล่าวะ?”
“อาจจะไม่ ดูก่อน”
“ค้างกับเฮียกูหรอ?”
“มึงเป็นพ่อกูหรอ? หน้ามึงไม่ผ่านนะทอมมี่ พ่อกูลูกครึ่งญี่ปุ่น ไม่ได้ใช่ครึ่งโดเรมอน” มันพะงาบปากยกอวัยวะสำคัญให้ผมแล้วก็เดินขากางไปจากหน้าอาคาร
วันนี้ผมมาตามงานตัวเลขการท่องเที่ยวและแนวโน้มในอนาคตที่ศูนย์ประชุมสำคัญของประเทศซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครับ มีงานแถลงข่าวก่อนเปิดงาน จากนั้นก็เป็นมหกรรมลดแหกตา อูยยยย ไม่เอา ไม่พูดดีกว่า
ไอ้ต้อมมาทำข่าว แล้วก็ทำสกู๊ปเก็บไว้ด้วย มันก็เลยเดินในงานด้วย แออัดชิบหายเลย ผมคงไม่บ่นหรอกถ้าแม่งไม่ลากผมไปด้วย ห่านี่!
ตกเย็น แทนที่จะได้มุ่งกลับบ้านเลย ก็ต้องมาแช่ก้นอยู่ที่อาคารใกล้ๆ ศูนย์ประชุม เพราะนายคฤณคนเก่งคนดีของโลกเขานิมิตอยากจะมาฟังสัมมนาหาความรู้เรื่องการลงทุนใส่กะบาลเพิ่ม
ดร.ที่บรรยายสัมมนาพิเศษสำหรับนักลงทุนที่เรียกตัวเองว่าวีไอ (VI) เป็นดร.คนโปรดของนายคฤณครับ อารมณ์รุ่นพี่พ่อ ยกให้เป็นพ่ออีกคนเลยก็ว่าได้
“เจม เจม” เรียกอีกแระ ชื่อนี้ฮิตหรอวะ? กูจดลิขสิทธิ์แม่งเลยดีมั้ย? ผมหันไปเหวี่ยงตามอง แต่ก็เจอรอยยิ้มให้อารมณ์เรื่อยๆ สไตรค์มากระแทกตาโครมใหญ่
ครับ เขาคือนายคฤณ ธีระเสถียร แฟนผมเอง
“เจม ทางนี้”
“เจมเห็นแล้วครับพี่หนึ่ง” ผมรีบบอกเพื่อระงับอาการยืนเท้าเอวที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วผงกหัวเรียกผมยิกๆ
เดินผ่านเครื่องแสกนเส้นขนไปแล้วก็ต้องไปหยุดยืนตรงตรงหน้าเขา นี่นายคฤณคิดว่าตัวเองเป็นเสาธงที่ผมต้องยืนตรงทำความเคารพวันละ 2 รอบรึไง?
“ช้าจัง ทำไรอยู่ครับ”
“ก็เดินมาเรื่อยๆ รอแค่นี้ไม่ได้หรอครับ” เป็นไง ผมพัฒนาแล้วนะ เดี๋ยวนี้แซะเป็นนะขอบอก นายคฤณหัวเราะหึในลำคอตามสไตล์แล้วก็เหวี่ยงแขนกอดคอผม แล้วก็ดันให้เดินไปจ่อมยืนที่ป้ายบอกกิจกรรมที่จัดในอาคารนี้
ผมไม่รู้นี่ว่าสัมมนาที่เขาอยากฟังมันจัดที่ไหน อะไร ยังไง แล้วตัวอยากก็ขึ้นบันไดเลื่อนนำไปก่อนอีก พอโงหน้าโง่ๆ ขึ้นจากป้าย ก็เจอเขาเลื่อนห่างออกไกลออกไปทุกที
“เร็วสิหมาเจม” เขาเรียกอีกแล้วกางรอยยิ้มรอ ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มทีไรก็แพ้ทุกที เห็นเขายิ้มทีไรก็ตามใจเขาแบบถวายทั้งตัวทั้งหัวทุกที ผมก้าวข้ามขั้นบันไดเลื่อนทีละ 2 ขั้น แป๊บเดียวก็ยืนอยู่เคียงกับเขา แล้วก็โดนกอดคอเพื่อพาเดินยังที่หมาย ที่อยู่ชั้น 3
นี่แหล่ะครับที่บอกว่าคิดผิดที่มาตามนัด
งานสัมมนาคนเยอะมาก!
แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมหน้าหดเหลือนิ้วครึ่ง
ประเด็นคือ ในบรรดาคนที่มารวมกันจนเรียกว่าเยอะนั้น มีกลุ่มเพื่อนเขายกก๊วนเลย!
“เฮ้ย! ที่หนึ่ง” เขาไม่ได้เรียกผม แต่ผมก็หันไปด้วย ตาที่กลมป๊อกดำใสกิ๊งของผมพองขึ้นอัตโนมัติเมื่อเห็นคนเรียก
ไอ้พี่โป๊ะ! นายพีช พี่นำ!
ห่าเอ้ย! เลี่ยงแม่งเป็นเดือน สุดท้ายเขาก็ลากผมมาสังเวยเดอะแกงค์เขาจนได้
“เออ มาแล้ว จะเรียกให้ป๋าผมมารับไหว้พวกคุณหรอ?” ปากดีเหมือนกันนี่หว่า ผมเงยหน้านิดๆ มองหน้านายคฤณ อยากรู้ว่าจะวางสีหน้าแบบไหนถ้าถูกผมมองขู่
ผมบอกเขาหลายรอบแล้วว่าแกงค์ใครแกงค์มัน เพื่อนผมเคยถามถึงเขา ผมก็บอกเท่าที่โอกาสอำนาย แต่ไม่เคยบังคับขืนใจเขาให้ไปเปิดตัว หรือแจกนามบัตรกับกลุ่มเพื่อนผมเลย แต่ไอ้ต้อมนั่นกรณียกเว้น มันตั้งตัวเป็นหัวหน้าแฟนคลับนายคฤณไปนานแล้ว มันไม่เกี่ยว
“หลอกเจมมาหรอ” ผมถามเบาๆ ดึงแขนเขาเอาไว้ด้วย รั้งไว้เพื่อไม่ให้เขาเดินไปสมทบกับเพื่อนเขาเร็วนัก
“ไม่ได้หลอก พี่ก็บอกตรงๆ นะว่าอยากมาฟังสัมมนาที่นี่ แล้วเจมทำงานใกล้ๆ พอดี ก็กลับด้วยกันไง”
“พาลนะครับ” ด่ากูอีก ตุกติกแล้วโยนความผิดให้กูอีก เออ จำไว้!
ผมยู่ปากแล้วเดินตามหลังเขาไปไม่ใกล้นัก ยินเสียงทักทายกันแล้วก็แท็กมือกันตามสไตล์ เท่ห์กันชิบหายล่ะ แล้วปล่อยกูยืนเป็นหลุมอากาศท่ามกลางคนสูงเฉลี่ย 180 เซนต์เพื่ออะไร? ผมไม่ได้เตี้ยนะ แต่ไอ้รุ่นพี่พวกนี้มันสูงไปเท่านั้นแหล่ะ
“เจม หวัดดีครับ” พี่นำครับ เขาทักทายผมอย่างสุภาพสุดๆ เขายิ้มให้จนผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็นั่นแหล่ะ เขาเป็นหมอโรคจิต ย่อมรู้อยู่แล้วว่ากิริยาแบบไหนที่ทำให้คู่สนทนาไม่รู้สึกถูกคุกคาม
“เจม” เรียกเสียงพุ่งๆ แล้วก็ยิ้มให้ นายพีชครับ ผมยิ้มให้แต่ไม่ยกมือไหว้ เลิกไหว้แม่งแล้ว หลังๆ มานี่นายคฤณเล่าเรื่องนายพีชให้ฟังบ่อย นิสัยแม่งไม่ได้โตไปกว่าผมนักหรอก
“แห้ง” นี่แหล่ะครับ ตัวปัญหา พี่โป๊ะ เฮียโป๊ะ หรือไอ้โป๊ะ แล้วแต่ใครจะเรียก ผมเรียกชายคนนี้ในใจว่า “ไอ้พี่โป๊ะ” เพราะเขาชอบเขม่นผม ชอบจิกกัดผม โดยเฉพาะเรื่อง “ทำไมมึงหาได้เท่านี้วะที่หนึ่ง”
เกลียดแม่ง! เพื่อนมึงแหล่ะมาจีบกูก่อน นี่กูลดตัวคบด้วยหรอก ฮึ่ย!
“เงียบไปโป๊ะ!”
“เจมกินของว่างก่อนมั้ย?”
“ของมันว่างเปล่าแล้วมึงจะให้เด็กมึงแดกอะไร” สอดดดดดดด ผมเหล่มองแต่ไม่เถียงอะไร นายคฤณเล่าบ่อยๆ ว่าไอ้พี่โป๊ะเป็นคนจริงใจ รักเพื่อน พูดตรง หน้าแข็งยิ้มยาก แต่ตายแทนเพื่อนได้ ครับ ส่วนดีเลิศเลอมาก ส่วนเสียของนิสัยไอ้พี่คนนี้หรอครับ? นายคฤณบอกว่า “มันหวงพี่มาก ไม่รู้แม่งเป็นอะไร”
แล้วคนที่รับกรรมของการหวงเพื่อน ก็คือผม
นายคฤณดึงผมออกห่างจากเพื่อนแล้วพามาหย่อนไว้ในห้องสัมมนา ในห้องนี้บรรยากาศเป็นสีเขียวตามสีเก้าอี้เบาะนวมนุ่ม แต่อารมณ์ผมไม่ได้ขจีตามนักหรอก เบื่ออ่ะ ทำไมผมต้องมาอยู่ใกล้ๆ คนที่แสดงออกชัดเจนมากว่าไม่ชอบหน้าผม
“ชาหรือกาแฟดี” เขาถามแล้วเตรียมจะผละออกไปข้างนอกอีกรอบ ผมส่ายหน้าปฏิเสธทุกอย่างให้รู้ว่าผมนอยด์มากแล้ว นายคฤณก็เลยนั่งลงข้างๆ ผมก่อน ส่วนเก้าอี้อีก 3 เบาะที่เขาลงชื่อจองเอาไว้ยังคงว่างเปล่า เพื่อนเขายังไม่เคลื่อนก้นกันเข้ามา
“ไม่ชอบไอ้โป๊ะใช่มั้ย อย่าใส่ใจเลย ปล่อยปากมันเถอะ”
“เจมได้ยินแล้ว พี่หนึ่งจะให้ปล่อยไปได้ไง”
“ถ้ามากับเพื่อนอยู่แล้วจะหนีบเจมมาด้วยทำไมครับ ก็ไม่เหงานี่”
“พี่ไม่ได้พาเจมมาด้วยเพื่อไม่ให้พี่เหงา แต่ให้เราอยู่ด้วยกันเยอะๆ ต่างหาก”
“กลับบ้านไปเจมก็นอน น้ำก็ไม่อาบ ร่างกายมันก็ปั่นป่วน”
“นั่งฟังอะไรเพลินๆ เปิดโลกทัศน์บ้าง หรือถ้าง่วงก็หลับไป แล้วเดี๋ยวไปกินอะไรอร่อยๆ จะได้นอนเป็นสุข”
“กว่าจะได้นอนเป็นสุข เจมก็ต้องทนฟังเพื่อนพี่หนึ่งเหน็บเจมอีก ไม่ชอบ”
“ทำเพื่อพี่หน่อยนะ”
“ไม่ได้เจอโป๊ะมันนานแล้ว นี่ผู้นำขุดมาได้ก็บุญแล้ว ให้มันขยับปากเถอะ เดี๋ยวลิ้นไก่มันเน่า” พูดแล้วก็ยิ้มรอ ผมหัวเราะนิดหน่อยให้เขาพอใจ นายคฤณจับหัวผมเขย่าแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ปล่อยให้ผมนั่งจิ้มไอโฟนคนเดียวเงียบๆ
เสียงจอแจเริ่มดังเข้าหูมากขึ้น คนเดินผ่านหัวผมไปมาจนเริ่มรู้สึกรำคาญก็เลยฟุบลงกับพนักที่ดึงขึ้นมาเป็นแผงโต๊ะได้ กำลังเคลิ้มๆ กับเสียงผู้คนก็ถูกเคาะหัว ผมเลยโงหัวขึ้นมองเพราะคิดว่าเป็นนายคฤณ
แต่ไม่ใช่ เขาไม่ได้กลับมาหาผมเป็นคนแรก
ไอ้พี่โป๊ะต่างหาก
“มองไรแห้ง หิวจนหลับรึไง ความอดทนต่ำจังว่ะ” วุ๊! นอนฟุบก็ผิด คนที่ไม่ถูกใจทำอะไรก็ผิดสินะ ผมเมินหน้าหนีอย่างไม่แคร์ แต่แม่งก็ยังหน้าด้านมาหย่อนตูดลงใกล้ๆ ผมอีก
“ถามน่ะ ไม่ได้ยินหรอ?”
“ได้ยิน แต่ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะถามว่าอะไรกันแน่”
“นี่โง่หรือโง่วะแห้ง”
“.............”
“ยิ้มให้หน่อยจะจนลงหรอวะ?”
“ถ้าจนลงแล้วพี่โป๊ะจะรับผิดชอบมั้ยครับ”
“ไม่อ่ะ เพื่อนกูรับเลี้ยงมึงตลอดชีวิตแล้วนี่แห้ง” ไอ้ห่านี่แม่งเถื่อนว่ะ ผมครับกับมันทุกคำ เรียกพี่ทุกครั้ง แล้วดูแม่งดิ หน้าที่การงานก็ดี เป็นถึงเจ้าของบริษัทให้เช่าอุปกรณ์แสงสีสำหรับจัดอีเว้นท์ บริษัทพ่อมันก็เป็นนักจัดอีเว้นท์เซอร์ไพรส์โลก แล้วดูแม่งพูดจา
ผมทำหน้าตูมใส่แล้วก็ฟุบลงตามเดิม แต่แม่งกลับงัดหน้าผมขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ ไอ้เหี้ย! กูไม่ชอบให้ใครมาจับเนื้อแตะตัวนะ! ผมสะบัดหน้าหนีแล้วจะลุกหนีซ้ำอีก แต่มันเสือกกดไหล่ขับแขนผมไว้แล้วยื่นหน้ามาหา
“กูพยายามผูกมิตรกับมึงแล้วนะครับ ไอ้น้องเจม”
“แต่กูว่ายังไงยังไง เพื่อนรักกูก็ต้องได้เมียที่ดีกว่ามึงล้านเท่า”
“แต่ก็นะ มันก็รักมึงชิบหาย ทั้งที่ไม่เห็นมีไรดีเลย กูก็เลยต้องช่วยสักหน่อย”
“.............”
“มึงมองหาแฟนใหม่ได้แล้ว กูจะทำให้มันเลิกกับมึงเอง” “.............”
“มองหน้าทำไม ไม่พอใจก็พูด มึงก็คนพูดตรงเหมือนกันไม่ใช่หรอ?” ไอ้พี่โป๊ะท้าผม ยักคิ้วให้หงึกๆ อีกต่างหาก แม่งเอ้ย! กูว่ากูสงบแล้วนะ เสือกมากวนตีนกูทำไมเนี่ย
“ห๊ะ ห๊ะ! ไอ้แห้ง ไอ้ก๋องแก๋ง ไอ้น้องเจมขี้แย ไอ้ใบ้”
ผลั่ก!!
ผมชกแม่งคว่ำแบบไม่ยั้งแรงเลย แล้วยังใจกล้ายืนรอให้มันโงหัวขึ้นมามองหน้าอีกต่างหาก
“ไอ้เจม!”
“เรียกหาแม่มึงหรอ!” ผมตวาดลั่นแล้วก็หน้าหันเพราะโดนมันต่อยคืนบ้าง ห่าเอ้ย! เจ็บอ่ะ! น้ำตาแม่งเล็ดเลย พอเงยหน้าและตั้งหลักได้ก็งงเพราะตกเป็นเป้าสายตาจนได้ ผมเลิ่กลั่กหาทางออกให้กับตัวเองแล้วก็มีสวรรค์มาโปรด คนตัวสูงๆ แหวกกลุ่มคนที่ยืนมุงมองผมกับไอ้พี่โป๊ะเข้ามาหาผม เขาคว้าตัวผมไว้แล้วลากออกจากห้องประชุมที่จัดงานสัมมนาทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับเจม?” อัศวินตัวสูงถามผม น่าประหลาดดีแท้ที่คนที่มาช่วยผมคนแรก ไม่ใช่นายคฤณ
“พี่นำ”
“นี่ไอ้โป๊ะมันต่อยเจมหรอ? มีเรื่องอะไรกันครับ บอกพี่นำสิ”
“..........”
“เจมครับ บอกมาเถอะครับ จะได้แก้ปัญหากันได้”
“เจมไม่ชอบพี่โป๊ะ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เขาก็ไม่ชอบเจมเหมือนกัน มองกันไปมองกันมาก็เลยเขม่นแล้วต่อยกัน”
“แต่เจมต่อยเขาก่อน เพื่อนพี่ไม่ได้เริ่มรังแกเจมหรอครับ แต่ถ้าจะให้ไปขอโทษตอนนี้ เจมไม่ทำ!” ผมพูดรวดเดียวแล้วก็เดินลงบันไดเลื่อน ตั้งใจจะกลับบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็เพิ่งมาสำเหนียกว่าไปไหนไม่ได้ เพราะกระเป๋าและกระเป๋าตังค์ของผมยังอยู่ในห้องสัมมนานั้น
ห่วยแตกชิบหายล่ะชีวิต!
ผมยืนขยี้หัวตัวเองอย่างขัดใจอยู่ที่หน้าอาคาร ยามก็เมียงมองผมเหมือนเห็นคนบ้า แต่จะทำได้ไงได้ล่ะ กูต้องการที่ระบายอารมณ์ กูอยากกลับบ้านไปเตะลมบนเตียง แต่ไม่มีเงินกลับบ้านโว้ย!
“ไม่เจ็บหรอครับ?” เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นด้านหลัง พี่นำเดินตามผมออกมา เขายังยิ้มให้ผมเหมือนเดิมทั้งที่ผมเพิ่งต่อยเพื่อนเขาจนหน้าคว่ำ
แล้วอีกคนที่ควรมาถามไถ่ผมว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ อยู่ไหน
“จะไปไหนครับ กลับบ้านหรอ? พี่ไปส่งเอามั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ เจมกลับเองได้” ผมโกหกออกไป พลางอธิษฐานขอให้โกหกไม่เนียน ขอให้เขาตื๊อไปส่งผมต่อ จะได้ปากเบาตอบตกลง เพราะผมก็ไม่รู้แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้ผมจะกลับบ้านยังไงถ้าไม่พึ่งคนที่ยังไม่โผล่หน้ามาหาผมเสียที
“ให้พี่ไปส่งเถอะครับ”
“แล้ว...พี่หนึ่ง”
“ที่หนึ่งคุยกับโป๊ะอยู่น่ะ” เลือกเพื่อนสินะ เออสิ! ผมมันแค่แฟนนี่ นั่นเป็นตั้งเพื่อนสิบกว่าปี ผมจะไปเทียบชั้นไอ้ห่าโป๊ะแตกนั่นได้ไง!
“งั้น เจมรบกวนพี่นำทีนะครับ”
“ไม่รบกวนหรอก ดีเหมือนกัน ไปเยี่ยมแม่เจมด้วย ไม่ได้เจอท่านนานแล้ว” เออ จริงด้วย เขาเป็นลูกชายของอาหมอที่แม่ผมฝากฝังให้ช่วยกอบกู้จิตวิญญาณที่หายไปของผมกลับมา แม่ผมก็ต้องรู้จักนายรชตคนนี้ด้วยสิ
แต่ว่า....สุดท้ายแล้ว ขึ้นชื่อว่าเพื่อนนายคฤณก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนนายคฤณนั่นแหล่ะ
ภารกิจของนายรชตก็คือ ดึงตัวผมไว้ก่อน รอให้นายคฤณกล่อมเพื่อน ตบตูดส่งเข้านอนแล้วค่อยมาหาผมทีหลัง
ตอนนี้ ผมเลยต้องนั่งหน้าหงิกอยู่ในเรโทรคาเฟ่ที่เขาพาผมมาฝากท้อง แล้วอาหารแม่งก็ไม่ได้หลากหลายให้เลือกเลย เบื่อแล้วนะ
“ไม่ทานล่ะครับเจม”
“ไหนล่ะครับบ้านเจม ไหนว่าจะไปส่งไง ทำไมให้มานั่งแกร่วในนี้ สุดท้ายพี่นำก็เข้าข้างเพื่อนเหมือนพี่หนึ่งนั่นแหล่ะ”
“เอ้า! ก็เพื่อนพี่นี่ครับ ทั้งที่หนึ่งทั้งโปรเลย” อย่างงครับ โปร หรือมือโปร คือชื่อเล่นไอ้เหี้ยพี่โป๊ะมัน ชิชะ! ชื่อโป๊ะน่ะดีแล้ว คนห่าอะไร อารมณ์ยังกะระเบิด สะกิดทีก็ตู้ม เออ จะว่าไปผมก็เพิ่งทิ้งระเบิดไว้ที่ซอกแก้มไอ้เหี้ยพี่โป๊ะเหมือนกันนี่หว่า แต่ผมทำไปเพราะถูกยั่วโมโหนะ ผมไม่ผิด!
กินยังไม่ถึง 5 คำ ดี นายคฤณก็เดินมาสมทบ ผมมองน้าเขานิดเดียวก็ก้มหน้ากินต่อ พี่นำก็เป็นเพื่อนที่ดีมากกกก แม่งจับหัวผม 2 ทีแล้วก็ตีจาก จิตใจแม่งทำด้วยไรว้า!
"เย็นรึยังครับ?" เสียงแมงหวี่ที่ไหนช่างน่ารำคาญเสียจริง!
"2 ทุ่มกว่า ค่ำแล้วครับ" ผมตอบยียวนทั้งที่รู้ว่าเย็นของเขาหมายถึงอะไร
"กินให้อิ่มก่อนเนอะ" ไม่เนอะด้วยอ่ะ ห่า! ผมไม่พูดอะไร ตั้งหน้าตั้งตากินมื้อเย็นที่เอนไปทางค่ำตุ้ยๆ แต่ก็ยังมีแก่ใจหยิบเกลือให้เขาตอนที่เขามองหา
สเต็กปลาของโปรดของเขาถูกสำเร็จโทษเกลี้ยงจาน แต่ของผมเหลือมันฝรั่งอยู่นิดนึง ตอนนี้ผมกำลังเมามันกับเฟรนช์ฟรายชิ้นอวบร้อนๆ ที่สั่งมาเพิ่ม
"โอเครึยัง ต้องกินทุกเมนูก่อนค่อยหายงอนหรอครับ?"
"เจมไม่ได้งอน เจมโกรธ"
"โกรธใครครับ"
"เพื่อนพี่หนึ่ง"
"นั่นสิ แล้วนี่ใช่เพื่อนพี่หนึ่งซะที่ไหน นี่พี่หนึ่งชัดๆ" กวนตีนเถอะ! ผมปาเฟรนช์ฟรายใส่หน้าอกเขา รายนี้ยิ้มเรี่ยราดเแล้วหยิบของกินปาเข้าปากตัวเองพลางเคี้ยวหยับๆ กวนตีนกูใช่มั้ย? ไม่ปาแม่งแล้ว!
"เจมครับ" แล้วก็แบบนี้ทุกที กูงอนทีคุณมึงก็เจมครับที รู้ว่าไม่ชอบมาเจอเพื่อนแม่งก็ยังไม่เลิกพยายาม
"......."
"หมาเจม"
"ครับ" กูนี่ชอบเป็นหมาเนอะ ผมเหลือกตามองเขาแล้วก็หันมองทางอื่นแทน นายคฤณเตะผมใต้โต๊ะ สาบานว่าเขากำลังง้อ? แล้วเขาก็เรียกบริกร จ่ายเงินสด แฟนกูรวยจัง 4000 กว่าบาททำมาค้อน ชิ!
แล้วผมก็โดนลากกลับรถที่จอดไว้ที่อาคารที่ผมก่อเหตุ ซึ่งผมจะไม่ฉุนเลยถ้า....
"อ้าว มาแล้วหรอ คืนนี้ค้างด้วยคนดิที่หนึ่ง" ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ มึงจะไม่จบกับกูใช่มั้ย!?!
สามคนผัวเมียมันเป็นงี้นี่เอง
ไอ้ห่าพี่โป๊ะแม่งโคตรกวนส้นตีน จากศูนย์ประชุมกลับคอนโดนายคฤณมันไม่ไกลเลย แต่ไอ้รุ่นพี่ตัวนี้สามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางในระยะจากโลกถึงดาวพลูโต กูทุกข์มาก ปล่อยกูลงตรงแยกอโศกนี่แหล่ะ
“เอ้า เอ้า แล้วนี่เมียมึงคอเป็นผังผืดข้างเดียวหรือเส้นยึดวะนั่น หรืออยากออฟเด็กขายพวงมาลัย กูออกเงินให้เอาป่ะ?”
“โป๊ะ! ไหนมึงว่าล้อเล่นกับเจมไง ล้อเล่นห่าไรพูดจาหมาไม่แดก ให้เกียรติแฟนกูด้วย”
“ไม่เห็นจำเป็น เด็กมึงเยอะเกียรติเหลือเกินนะ เรียกร้องจัง”
“เจมไม่ได้เรียกร้องมึงก็เห็น น้องมันก็นั่งเงียบๆ มีแต่มึงแหล่ะที่พูดมาก” ผมเบะปากใส่ความมืด ตาผมแข็งเหมือนหมาบ้าก็ไม่เพี้ยน นี่ถ้ามันสะกิดตัวผมแม้แต่นิดเดียว ผมจะถอยเบาะไปทับให้แม่งกระดิกจู๋ไม่ได้เลย!
“แตะไม่ได้เลยนะ ตัวห่อทองไว้รึไง?”
“เออ! กูเอาเจมไปชุบทองมา มีปัญหาอะไรมั้ยโป๊ะ”
“ถ้ากูมีปัญหาล่ะที่หนึ่ง”
“มึงก็มาถกปัญหากับกู ไม่ใช่ปล่อยหมามาเหยียบตีนแฟนกูแบบนี้”
“หุบปากจนกว่าจะกูจะส่งเจมเสร็จ แล้วเดี๋ยวมึงกับกู เจอกัน”
“แล้วถ้ากูไม่หุบปากล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นวะที่หนึ่ง มึงจะเลือกแฟนมึง จะเลิกคบกูรึไง?”
“ถ้ากูทำแบบนั้น มึงจะเป็นเสียใจจนเป็นหมันมั้ยล่ะ?” โอยยย ดูท่าจะไปกันใหญ่แฮะ ผมเหลือบมองหน้านายคฤณแล้วรู้ทันทีว่าอารมณ์โกรธจัดๆ ย้ายจากผมไปสู่เขาแล้วเรียบร้อย เขาขบฟันจนสันกรามขึ้นแนวนูน แต่นูนหนาแค่ไหนมองไม่ถนัดครับ
ไฟเขียวแล้ว นายคฤณออกรถอย่างไม่เร่งรีบเพราะติดคันหน้าอยู่ ส่วนนายมือโปรน่ะหรอ? มันเปรี้ยวกว่านั้นครับ พอนายคฤณออกรถ มันก็เปิดประตูผลั๊วะทันที!
“ไอ้โป๊ะ ขึ้นรถ!”
“ไม่ เชิญมึงเสวยสุขกับเด็กมือตามสบาย มึงไม่เลือกกูนี่ไอ้ห่า”
“เพิ่งรู้ว่าเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาแม่งไร้ค่าลงได้เพราะผู้ชายแห้งๆ คนเดียว ไอ้ซีด! กูเกลียดมึง!” ท้ายประโยคนี่มันสาดข้ามพนักเบาะมากระแทกหน้าผม ผมถอนหายใจครั้งใหญ่แล้วหันมองนายคฤณ สายตาเขาเป็นห่วงเพื่อนมาก ผมก็เลยตัดสินใจให้
“พี่หนึ่งไปกับเพื่อนเถอะครับ เดี๋ยวเจมกลับบีทีเอส” พูดจบก็คว้ากระเป๋า เปิดประตูลงจากรถแลว้วเดินดุ่มข้ามถนนไปอย่างไม่กลัวตายทันที
เหลียวหลังมองอีกที เบนซ์สปอร์ตที่เคยยัดกันนั่ง 3 คนก็เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนอย่างเชื่องช้า
บางที คนที่เอาแต่ใจมากไป คนที่นายคฤณเอาอกเอาใจมากไปอาจเป็นผม
จริงๆ แล้ว การที่เพื่อนเขางอนชิบหายวายป่วงแบบนี้ อาจผิดที่ผมจริงๆ ก็ได้
ผมนอนถอนหายใจบนเตียงตัวเองพร้อมยกแขนพาดวางบนหน้าผาก ถ้าแม่เห็นผมนอนท่านี้ต้องยกมือตีรัวๆ แน่ เพราะมันเป็นกิริยาที่ทำให้ลางร้ายเกิด
แต่ผมนอนคนเดียว เพราะงั้น จะนอนท่ายากแค่ไหนก็ทำเถอะ
ผมไม่รู้จะปรึกษาปัญหานี้กับใคร ก่อนหน้านี้ แม้จะมีทะเลาะกันบ้างแต่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก อาทิเช่น ผมยังไม่หิวแต่เขาบังคับให้กิน ยังไม่ง่วงแต่บังคับให้นอน ยังอยากปั่นงานต่อแต่เขากลับฉุดกระชากลากผมไปเที่ยวทะเล ไปดำน้ำดูปะการังทั้งที่ตาผมจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่
เราไม่เคยทะเลาะกันด้วยเหตุผลว่าคนใกล้ตัวไม่ชอบหน้า
แล้วผมจะสะสางปัญหานี้ยังไง?
ตอนที่ไอ้แอมมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ นายคฤณบอกกับหัวใจตัวเองว่ายังไงมั่งนะ?
และแล้ว โทรศัพท์ผมก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง มันเรืองแสงอย่างน่าอัศจรรย์ อืม ขอโทษครับ มันก็ไม่ได้อัศจรรย์อะไรมากหรอก พอดีปิดไฟกล่อมตาตัวเองหมดห้องแล้วไง แล้วไอ้แสงหน้าจอมันพุ่งมาก็เลยตกใจนิดหน่อย
ผมหยิบไอโฟนมาดูว่ามันเรียกร้องอะไร ไม่อยากคิดว่านายคฤณติดต่อมา เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่านังทามาก๊อตจิแค่ปวดขี้
“หือ?” ผมขมวดคิ้วอยู่กับตัวเองพลางกดดูรูปที่มีคนส่งมาให้ทัน
แล้วก็งานเข้าสิ
รูปที่ผมได้รับคือรูปนายคฤณมีผู้หญิงนั่งตัก น่าจะในผับ ไม่ได้นั่งแค่คนเดียวด้วย
อืมมมมม
แม้จะรู้ทันว่าคนที่ส่งมาไม่ใช่เขา แล้วที่เขาต้องไปที่นั่นก็เพราะเพื่อนอย่างนายมือโปร แต่ผมก็อดรู้สึกหึงหวงคนของผมขึ้นมาไม่ได้
เอาไงดีล่ะ?
ผมจะทำยังไงดี?
ตามไปเอาเรื่องดีมั้ย?
ยังไม่ทันได้รวบรวมเหตุผลเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาดีนัก ผมก็กดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาต้องช่วยผมได้
“พี่นำครับ นอนรึยัง เจมมีเรื่องอยากรบกวน” TBC ฮี่ๆ จริงๆ แล้วเราไม่ถนัดเรื่องการแต่งตอนพิเศษเลยค่ะ
แต่เห็นหลายคนบอกว่าคงคิดถึงพี่หนึ่งกับเจม ก็เลยลองเขียนอีกหน้าหนึ่งของความรักคนคู่นี้มาฝาก
รบกวนติดตามต่อในพาร์ทจบนะคะ