สวัสดีอีกครั้งครับเกรียนคนอ่าน..
ผมแต่งบท Epilogue แบะ Special ของไอดิลเพิ่มเติมไว้
เดี๋ยวค่อยๆทะยอยลงบทที่ settled ไม่แก้ไขแล้วให้เรื่อยๆ ระหว่างดำเนินการเรื่องปกหนังสือนะครับ
กระทู้เรื่อง Idylle ไม่ไหวจะเกรียน ผมไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ด้วยใช้อีก User นึงแต่งในตอนนั้น และไม่ได้ล็อกอินนานเกินไปจึงขออนุญาตลงในกระทู้นี้ ฝากไว้กับ INDY in love ด้วย:: Epilogue ::
:: Part I ::
“มอหก ขอย้ำ มอหก! ไปอ่านหนังสือกันเดี๋ยวนี้ ไปเลยเชียว!!”อาจารย์กุสุมาแผดเสียงดังสนั่นในรัศมีสองร้อยเมตร แก๊งเป่ารถของไอ้เต้กับไอ้ฝันจึงแยกย้ายสลายตัว
“มอหก นี่คือต้องอ่านหนังสืออย่างเดียวเลยใช่ไหมวะ”
ไอ้ฝันทำหน้าปลงใส่ผม “กูจะแดกมันเข้าไปแล้วเนี่ย”
เพื่อนสาวเหล่ไปทางหนังสือเตรียมสอบกองมหึมาที่วางอยู่บนโต๊ะเรา
ผมหัวเราะ แล้วชกไหล่มันเบาๆ
“อย่าพูดหยาบน่า เดี๋ยวอาจารย์กุสุมาได้ยิน จะโดนหนักกว่านี้”
ร่างสูงข้างๆที่ได้ยินบทสนทนา วางปากกาที่เขียนคำอธิบายตัวเล็กๆไว้เต็มหนังสือลง แล้วหันมายิ้มให้เราสองคน “จะแดกน่ะ อย่าลืมทำให้สุกก่อนนะเว้ย ไม่งั้นล่ะท้องอืดแน่ เพราะท่าทางจะย่อยยาก..”
ฮ่าๆ! ไอ้ฝันกับไอ้หมอกหัวเราะลงลูกคอ
ผมกลอกตาไปมาระหว่างคนทั้งคู่ พวกมึงรับมุขกันเนอะ..
ครับ.. เราทั้งสามคน ตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤต
ผมหมายถึง.. ช่วงกำลังจะเปลี่ยนผ่านของชีวิตอีกช่วงหนึ่งน่ะครับ
มอหกมีคาบว่างค่อนข้างเยอะ แต่นั่นคือ ช่วงเวลาที่จะได้ทบทวนตำรับตำราเรียน
รวมไปถึงศึกษาข้อมูลการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาด้วย
ครั้นปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อหล่อและพ่อน่ารักเพื่อหาประสบการณ์
ฝั่งพ่อน่ารักก็บอกว่า.. ของพ่อน่ารักนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะมีปัญหาเรื่องการใช้สารเสพติดและพักการเรียนไปตอนมอห้า เทอมปลายพอดี จึงต้องกลับมาแก้วิชาที่มีปัญหาตอนมอห้า และเรียนมอหกไปด้วยซึ่งโคตรไม่รู้เรื่อง.. แต่ท่านก็พยายามและตั้งใจแล้วว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่
พ่อน่ารักรู้ว่าตัวเองอยากจะเรียนอะไรจึงเตรียมอ่านหนังสือและขึ้นไปสอบตรงเข้าสาขาวิชานั้นทันทีที่ทางมหาวิทยาลัยที่ท่านต้องการเปิดสอบ ไม่ได้รอคะแนน Admission เลย และสิ่งที่ท่านเรียนนั้นคือ.. ‘ปรัชญาและศาสนา’ ก่อนจะควบด้วยภาษาเยอรมันเป็นวิชาโททีหลัง และเรียนต่อยอดมาเป็นนักเขียนนักแปลผู้มีระบบความคิดแปลกประหลาดจนถึงทุกวันนี้..
ส่วนพ่อหล่อนั้นก็บอกว่าของท่านไม่มีอะไรมา รู้อยู่แล้วเช่นกันว่าอยากเรียนอะไร พอทางมหาวิทยาลัยเปิดสอบโควตาภาคเหนือจึงตั้งใจอ่านหนังสือและสอบได้เลยเหมือนกัน พ่อท่านเรียน ‘วิศวกรรม คอมพิวเตอร์’
ผมจำได้ว่าต้องกลอกตาไปมาระหว่างคนทั้งคู่อีกครั้ง..
และอีกครั้ง.. ดูเหมือนสิ่งที่เหมือนกันระหว่างสองพ่อ คือ.. พวกท่าน รู้อยู่แล้วนี่นาว่าอยากเรียนอะไร จึงมุ่งตรงไปที่สิ่งนั้นเลย ..แต่ผมล่ะ?
ผมกลับมาโฟกัสสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่ความคิดไหลกลับไปยังช่วงเวลาและบทสนทนามากมายระหว่างเราสามคนพ่อลูก ขณะนี้ ไอ้ฝันกลับไปเปิดหนังสือ.. ‘เข้าใจ -รัฐศาสตร์-’
ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าสงสัย
ไอ้ฝันไม่มีปัญหากับการค้นหาตัวเองเช่นเดียวกัน มันรู้มานานแล้วว่าตัวเองอยากเรียนรัฐศาสตร์
มีเหตุการณ์การเมืองอะไร ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ มันเป็นต้องติดตาม
แถลงนโยบายที มันก็วิเคราะห์อยู่เป็นวันๆ ผมนับถือไอ้ฝันจริงๆ..
ที่มันกำลังตัดสินใจตอนนี้คือ.. จะเป็นรัฐศาสตร์สาขาอะไรกันแน่ที่มันต้องการเรียน ระหว่าง 'ปกครอง' กับ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ’
ส่วนไอ้หมอกผู้ซึ่งกำลังมองใบหน้าขมวดมุ่นของผมยิ้มๆ ก็มีหนังสือเคมีและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นสมบัติวางอยู่ข้างตัว
“ตกลง.. ตัดสินใจได้ยัง” ผมถามค่อยๆ
ไอ้หมอกยักไหล่ “ค่อนข้างหนักไปทางเคมี มึงล่ะ?”
ร่างสูงตรงหน้าเรียนวิชาเคมีได้ดีที่สุดและชอบมากเสียด้วย ทว่า ก็ชอบเช่นกันที่จะศึกษาเรื่องกฎหมาย
ปกติ ไอ้หมอกไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาวๆ แต่มันบอกว่านับตั้งแต่ถ่างตาอ่าน ‘INDY in love’ ของพ่อน่ารักไปคราวนั้น มันเจือกอ่านได้ไปเลย มันจึงหยิบเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาอ่านอีกครั้ง หลังจากที่เคยดูผ่านๆ แล้วคิดว่าไม่น่าจะอ่านตัวบทกฎหมายหรือเรียนนิติศาสตร์ได้
“กู..” ผมถอนใจ “กูไม่ค่อยรู้เลยว่าจะเรียนอะไร..”
ดูเหมือนคนสี่คนที่ผมคุ้นเคย ทั้งพ่อหล่อ พ่อน่ารัก ไอ้ฝันและไอ้หมอก ไม่ค่อยจะมีปัญหาเลย มีก็แต่ผมที่เหมือนไม่รู้จักตัวเอง ตอบไม่ได้เลยว่าอยากเรียนอะไร ไม่มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ..
“อย่าทำหน้าเครียดน่า มึงเก่งกว่ากูอีกนะ” ไอ้หมอกเย้า
ผมขมวดคิ้วใส่แม่ง “ยกเว้นอยู่วิชา..”
ไอ้หมอกหัวเราะและเอ่ยต่อให้ “ฮ่ะๆ คณิตฯ”
คือ.. ปัญหามันไม่ใช่เรื่องเก่งหรือไม่เก่งไง คนเก่งไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะเว้ย
คนที่รู้จักตัวเองดี รู้ว่าต้องหนักวิชาไหน ผ่อนวิชาไหน ทุ่มเทกับอะไร นั่นต่างหากคือคนที่จะประสบความสำเร็จ
ที่ทำได้ดีตามมาตรฐานในทุกๆวิชา ก็แค่เพราะกูตั้งใจฟังอาจารย์ในห้องและขยันอ่านหนังสือทบทวนเท่านั้น
แต่นี่..ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะไปสอบได้หรือวะ? เพราะกูยังไม่รู้เลยว่ากูต้องไปขยันวิชาอะไรเนี่ย!?
“ดิ้ล ..” ไอ้หมอกเอามือใหญ่มาวางทาบไว้บนไหล่
“กูเข้าใจ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำความเข้าใจตัวเองนะ มันต้องมีอะไรที่มึงชอบหรือ
สนใจเป็นพิเศษบ้าง เชื่อสิ มีแน่ๆ..”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สามคน-หกขาเดินกลับบ้านในยามเย็นเช่นเคย.. ทว่า ไม่ได้สนทนากันมากเหมือนเคย ราวกับต่างคนต่างอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง อาจกำลังคิด ถึงอนาคตอันใกล้
ที่สุด.. ผมก็ละความคิดต่างๆไป หันมาสนใจธรรมชาติรอบตัว สูดกลิ่นความสดชื่นเข้าไปเต็มปอดเป็นอาหารจมูก และมองทุ่งนาเขียวขจีสองข้างทางเป็นอาหารตา..
ผมอมยิ้ม..
ไม่ว่าเมื่อไร จะสับสนหรือเหนื่อยล้าแค่ไหน ทิวทัศน์นี้ดูเหมือนจะแบ่งน้ำหนักให้เบาลงไปได้เสมอ
‘คือ..ทิวทัศน์อันงดงาม’
ผมนึกถึงวลีของพ่อน่ารัก แล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
ทว่า ในยุคที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเสียด้วย
มันก็ย่อมเป็นธรรมดาที่บางอย่างจะคงอยู่และบ้างอย่างก็ต้องจากไป..
อากาศ ดิน น้ำ.. ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง
ตัวผมเอง.. ก็คงห้ามความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้
ที่ทำได้ก็น่าจะเป็นการชะลอ เพื่อให้สิ่งแวดล้อมเตรียมรับมือ
เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมไว้ให้สมดุลที่สุด และเสียหายน้อยที่สุด ในยุคสมัยที่ความต้องการทรัพยากรนั้นเกินขีดจำกัดอย่างบ้าคลั่ง..
ผมถอนหายใจ.. สิ่งแวดล้อมนี่ล่ะที่ผมต้องรักษาไว้
เดี๋ยว.. เดี๋ยวก่อน.. สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมหรือ!?
“พ่อครับ พ่อ!!” ผมตะโกนโหวกเหวกเมื่อกลับมาถึงบ้าน
พ่อหล่อยังไม่กลับ มีแต่พ่อน่ารักที่ออกมาเลิกคิ้ว “มีอะไรไอดิล ตะโกนทำไม?”
พ่อน่ารักก็พ่อน่ารักวะ ผมอ้าปากถามออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“วิศวฯ สิ่งแวดล้อมเรียนอะไรครับ!?”
… พ่อน่ารักดูจะสตั๊นไปสามวิฯ
แต่แล้วก็รวบรวมสมาธิได้ ตอบผมออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำเช่นเดียวกัน
“โอเค.. วิศวฯ สิ่งแวดล้อมเป็นแขนงที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดการทางวิศวกรรมเพื่อบริหารจัดการการใช้และดูแลทรัพยากร ทั้งดิน น้ำ อากาศ เช่น ระบบประปา การบำบัดน้ำเสีย การจัดการกับขยะ การกำจัดมลพิษต่างๆ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน!”
คราวนี้เป็นผมบ้างที่สตั๊นไปสามวิฯ…
ผมคิดว่าเป็นลักษณะของพ่อน่ารักไปแล้วล่ะ ที่จะต้องตอบทุกๆคำถามของลูกให้ได้
และไม่ว่าผมจะถามอะไร ดูเหมือนพ่อน่ารักจะตอบได้ไปหมด
หากตอบไม่ได้ พ่อน่ารักก็จะบอกผมด้วยวลีที่ว่า ‘พ่อขอกูเกิ้ลแป๊ป..’
แล้วตอบผมอย่างกว้างๆ ชี้ทางให้ผมค้นหาคำตอบเชิงลึกเอาเอง
พ่อน่ารักเคยบอกว่า.. การเรียนปรัชญา ไม่ได้ทำให้จบมาเป็นนักปรัชญา แต่การเรียนปรัชญาทำให้มีความรักในความรู้ สร้างเสริมนิสัยพ่อให้รักที่จะศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ แม้แต่จิตใจของตนเอง..
สำหรับนักเขียน พ่อน่ารักบอก.. ทุกอย่างมีสาระทั้งนั้น
เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าเมื่อไร เราจะต้องเขียนถึงมัน เมื่อไร ตัวละครของเราจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับมัน
สาระทุกอย่างคือวัตถุดิบของนักเขียนและหากเรามีมันอยู่แล้ว ก็เลือกหยิบมาใช้ได้ไม่ยาก
นั่นสินะ จริงของพ่อน่ารัก
..ทุกสิ่งที่เราพบเจอคือครูของเรา..ผมยิ้มกว้างมองบุคคลอันเป็นที่รัก ร่างเพรียวเดินตรงมาหาผม
“ลูกสนใจสาขานี้เหรอ?”
“ครับ” ผมพยักหน้า “เพิ่งจะเดี๋ยวนี้เอง..”
วิศวฯ สิ่งแวดล้อมเป็นอะไรที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อน หากขึ้นชื่อว่า ‘วิศวกรรมศาสตร์’ ผมก็จะนึกถึงวิศวฯ คอมพิวเตอร์เป็นอันดับแรก เพราะพ่อหล่อ ต่อมาก็นึกถึงวิศวกรรมโยธาเพราะลุงกรีน ลุงโกและลุงแอร์ ซึ่งสองสาขานี้มันไม่เคยอยู่ในความสนใจของผมเลย ทว่า วิศวฯ สิ่งแวดล้อมนั้นต่างออกไป..
พ่อน่ารักพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ตั้งคำถามและไม่คัดค้าน ตาผมเสมองเกียร์ของพ่อหล่อที่ห้อยอยู่บนลำคอที่เห็นมานานตลอดสิบเจ็ดปีเต็ม.. ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะอยากเรียนคณะเดียวกับพ่อหล่อ..
“การตอบคำถามของพ่อไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลยนะ ลูกต้องไปค้นต่อด้วยตัวเอง” พ่อน่ารักย้ำ
“เมื่อลูกพอเข้าใจภาพรวมของวิชาแล้ว และพิจารณา ตัวเองว่าอยากจะเรียนแน่ๆ ลูกก็ค่อยดูว่าเปิดการเรียนการสอนที่ไหนบ้าง ลูกทำลิสต์เลย จะได้รู้ว่ามีกี่ที่ แล้วเปิดสอบตรงไหมหรือต้องรอสอบกลาง”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“หืม? วิศวฯ สิ่งแวดล้อมเหรอ?” พ่อหล่อเลิกคิ้วงงๆ เมื่อเราคุยกันตอนกินข้าวเย็น และการเลิกคิ้วนั้นทำให้ผมชักสูญเสียความมั่นใจ
“ไม่ดีเหรอครับ หรือว่าผมไม่ควร.. ที่จริงไอ้ฝันก็เคยบอกว่าหน้าอย่างผมเนี่ย-”
“ไม่ใช่ๆ” พ่อหล่อยกมือสองข้างขึ้น รีบเบรก
“อะไรที่ลูกทำมันด้วยความเต็มใจน่ะดีทั้งนั้น ว่าแต่..ทำไมล่ะ”
ผมเล่าความคิดที่เกิดขึ้นตอนเดินกลับบ้านให้ฟัง พ่อหล่อกับพ่อน่ารักจึงมองหน้ากันยิ้มๆ
“ถ้าตั้งใจดีขนาดนี้แล้ว ก็..พยายามเข้าล่ะ”
ผมพยักหน้า ดีใจที่พ่อทั้งสองคนเห็นด้วย..
เอาล่ะ.. ผมเดินไปยังโต๊ะคอมฯ เพื่อทำการ ‘google’
ผมไม่มีแล็ปท็อปเป็นของตัวเอง แต่บ้านเรามีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ใช้งานร่วมกัน
แล็ปท็อปของพ่อน่ารักเป็นเครื่องมือทำมาหากิน และไม่อนุญาตให้ใครแตะต้อง แม้แต่พ่อหล่อ
แล็ปท็อปของพ่อหล่อก็เป็นเครื่องมือทำมาหากินและไม่อนุญาตให้ใครแตะต้อง แม้แต่พ่อน่ารัก
ซึ่งจริงๆแล้ว.. สองคนนั้นก็คงไม่ได้สนใจจะแตะต้องสิ่งของหรอกครับ น่าจะถนัดแตะต้องกันเองมากกว่า แฮ่ๆ..
ผมค้นหาทั้ง ‘วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม’ และ ‘Environmental Engineering’ ข้อมูลขึ้นมาในไม่กี่อึดใจ..
เดี๋ยวนี้วิทยาการอินเตอร์เน็ตทำให้เรารู้แทบทุกอย่างที่อยากจะรู้ภายในไม่กี่นาที แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณผู้ที่ให้ข้อมูลนั้นเพื่อให้สาระที่เราต้องการมาอยู่บนหน้าจอนี้ได้
ความรู้จาก ‘คน’ จริงๆนั้นสำคัญที่สุดเสมอ แต่ก็คงมีประโยชน์น้อยกว่านี้มาก ถ้าไม่อาจถ่ายทอดได้ในวงกว้างเท่าปัจจุบัน..
“ผมขึ้นข้างบนก่อนนะครับ”ในที่สุดผมก็ปิดสมุดบันทึกและลุกขึ้นจากโต๊ะคอมฯ
พ่อทั้งสองที่นั่งด้วยกันบนโซฟาครางรับ
ไม่ทันคล้อยหลัง ผมก็ได้ยินพ่อหล่อหันไปกระซิบกับพ่อน่ารัก
“กูนึกไม่ถึงว่ะ ลูก.. โดยรวมแล้วเหมือนมึงมากกว่ากูน่ะ.. เลยคิดว่าอาจจะไปสายภาษาศาสตร์หรือมนุษยศาสตร์ ไม่คิดว่าจะมาสายวิศวกรรม”
“คนเรามันดูที่บุคลิกไม่ได้หรอกน่า”
พ่อน่ารักที่ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดกับการตัดสินใจของผมเอ่ยบอก
“ความนึกคิด จิตวิญญาณต่างหากที่นำไปสู่การตัดสินใจ ไม่ใช่บุคลิก แล้วถ้าคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและดีงามแบบลูกเรียนสายวิศวกรรม กูว่าก็ดีกับโลกเราแล้วล่ะ..”
แล้วสองคนนั้นก็หัวเราะกัน จนพ่อหล่อเอ่ยขำๆ
“สงสัยต้องแนะนำให้รู้จักไอ้โจก็คราวนี้..”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ห๊ะ? มึงตัดสินใจได้แล้ว จริงดิ!” ไอ้ฝันออกแนวตื่นเต้นเกินหน้าเกินตา เมื่อผมตัดสินใจบอกมันในตอนเย็นของอีกวัน “กูยินดีด้วย!!”
“เฮ้ยๆ” ผมรีบเบรกมัน หัวเราะขำๆ “เอาให้กูสอบเข้าได้ก่อนค่อยยินดีเหอะ”
“น่า..” ไอ้ฝันยักไหล่ “นี่ล่ะคือการเริ่มต้นที่ดี ว่าแต่.. มึงจะเรียนอะไรวะ?”
“วิศวฯ สิ่งแวดล้อม” ผมบอกอย่างมั่นใจ เหมือนกับที่บอกกับพ่อน่ารักและพ่อหล่อไปแล้วเมื่อวาน
และก็เช่นเดียวกันที่ไอ้ฝันจะสตั๊นไปสามวิฯ... แต่แล้วใบหน้าอึ้งๆ นั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่ชอบใจตัวเองอย่างยิ่ง
“ให้ตายสิ ไอ้ดิ้ล กูเป็นเพื่อนที่โคตรเหี้ย!”
อ้าว เฮ้ย มึงด่าตัวเองทำไมเนี่ย!?
“ทำไมกูไม่เคยนึกถึงวะ มึงก็ต้องเรียนอะไรอย่างนี้แหละ แม่ง ดิ้ลผู้รักสิ่งแวดล้อมตลอดมา ฮ่าๆ”
ห๊ะ? ผมเลิกคิ้ว นึกพิจารณาตัวเอง แล้วก็ต้องหัวเราะไปพร้อมๆกับมัน
“ว่าแต่ ที่รักมึงยังซ้อมบอลอีกเหรอวะ มอหกแล้วเนี่ย มันจะไปพรีเมียร์ลีกเรอะ”
ผมยักไหล่ “ก็ดีแล้วนี่ มันไม่ได้ซ้อมหนักอะไร ไม่มีแข่งแล้ว แค่ติดออกกำลังกาย กูกับมึงเสียอีก พุงยื่นทั้งคู่แล้วเนี่ย ดีนะว่าได้ขี่จักรยานอยู่บ้าง”
ไอ้ฝันพยักหน้าเห็นด้วย “งั้น.. มึงกลับกับมันนะ กูอยากกลับก่อน ช่วงนี้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กูอยากกลับไปดูข่าว”
“เออ กลับดีๆนะ กูรอไอ้หมอกก่อน” ผมว่าพลางยื่นกระเป๋าให้มัน ส่วนตัวเองก็นั่ง
รอคนคุ้นเคยที่ซุ้มหน้าเสาธงต่อไป..
“อะ..” ผมยื่นขวดน้ำให้ เมื่อคนที่รอวิ่งเหยาะๆ มาหา
ไอ้หมอกยิ้มให้ ยื่นมือมารับไปกรอกปากดื่ม “ฝันกลับแล้วเหรอ?”
ผมพยักหน้าตอบคำถาม
“ที่จริง มึงกลับพร้อมฝันก็ได้นะ ไม่ต้องรอกูทุกวันก็ได้”
มันคว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินเคียงกันไปกับผม
“เออ.. งั้นต่อไปกูไม่รอแล้วกัน” ผมสะบัดหน้าน้อยๆ แม่ง คนอุตส่าห์คอย..
“หืม?” ไอ้หมอกเลิกคิ้ว มืออีกข้างคว้าเอวเข้าหาตัว “งอนเหรอวะ?”
“เปล่าเว้ย” ผมแกะมือมันออก ไอ้นี่..ชอบทำประเจิดประเจ้อ
ไอ้หมอกหัวเราะในลำคอ ยอมปล่อยมือออกจากเอวผม
“ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ชอบ”
กูรู้ว่ามึงชอบ กูก็เลยรอไงเล่า..“ขอบใจนะ” มันมองผมอย่างมีความหมาย
ผมเสมองไปทางอื่นอย่างขัดเขินกับสายตาแบบนี้ แต่ก็พยักหน้าตอบรับเสียงทุ้ม
ลึกนั้น หายงอนรวดเร็วอย่างน่าตกใจ..
ผมกับมันเดินช้าๆ ตามทางกลับบ้านที่แทบจะหลับตาเดินได้ เพียงแต่ไม่เคยคิดจะลองทำ
ไอ้หมอกเอารถมาบ้าง ไม่เอามาบ้างแล้วแต่อารมณ์มัน ซึ่งช่วงหลังๆ ส่วนใหญ่จะไม่เอามา..
“หมอก” ผมเรียกมันเบาๆ เมื่อเดินใกล้ถึงบ้าน
“ครับ?” เสียงเข้มตอบรับ หันมามองผม
ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบรับที่สุภาพเกินเพื่อนนั้น เพราะมันเองก็ตอบผมสั้นๆ แค่ ‘ครับ?’ บ่อยๆ เวลาที่ผมเรียก ซึ่งเมื่อพ่อน่ารักได้ยิน ผมแอบเห็นท่านยิ้มพอใจ..
พ่อน่ารักไม่ใช่คนที่ใช้ภาษาพูดสุภาพนักและก็เช่นกันที่จะนิยมชมชอบคนที่พูดจาสุภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. เมื่อไอ้หมอกเองก็มีอุปนิสัยสุภาพเหมือนคำพูดคำจาของมันนั่นแหละ
“ว่าไงดิ้ล?” มันเพ่งมอง เมื่อผมเงียบไป ผมจึงเอ่ยชัดๆ “วิศวฯ สิ่งแวดล้อม”
“...” ไอ้หมอกขมวดคิ้ว เหมือนกำลังรับสารและประมวลผล ผมจึงย้ำอีกครั้ง
“วิศวฯ สิ่งแวดล้อม..”คราวนี้ คิ้วที่ขมวดนั้นคลายออก ไอ้หมอกพยักหน้า “กูเลิกซ้อมบอล”
“ห๊ะ?” ผมขมวดบ้าง มันเกี่ยวกันไหมนี่!?
คนตรงหน้าจึงเอ่ยต่อ.. “มึงมาติวคณิตฯกับกูด่วนเลย!”
ผมอ้าปากค้าง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง
หมอก มึงโคตรมหัศจรรย์เลยว่ะ!. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“อย่างอื่นไม่น่าห่วงเลย..” ไอ้หมอกพึมพำ
“วิทยฯ ทุกตัว อังกฤษ ไทย สังคม ฉลุยหมด”
มือแกร่งกางหนังสือออก ผมกางบ้าง แล้วมันจึงเริ่มทบทวนวิชาคณิตศาสตร์กับผมตั้งแต่พื้นฐานจนถึงเชิงลึก
ไอ้ผมก็พยายามทำความเข้าใจอย่างเต็มที่ โชคยังดีที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะยืนยันว่าไม่ชอบคณิตศาสตร์และเกลียดตัวเลข แต่พ่อๆก็ยังพยายามกระตุ้นให้ผมขยัน เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไร พ่อน่ารักขู่ว่า.. ถ้าเกิดอยากเรียนคณะที่ใช้วิชาคณิตศาสตร์ขึ้นมาละก็ ผมบรรลัยแน่!
ก็เหมือนเคย.. ผมเชื่อและทำตาม ซึ่งนับว่าความพยายามของพ่อหล่อกับพ่อน่ารักนั้นดีกับผมโคตรๆ เพราะไม่งั้น.. ติวกับไอ้หมอก ผมคงเหวอแดกกว่านี้มากนัก..
และตั้งแต่วันนั้น.. ไอ้หมอกก็ยืนยันว่าจะอยู่ติวคณิตฯกับผมหลังเลิก
เรียนทุกวัน ส่วนมันก็ขอให้ผมช่วยติวภาษาอังกฤษให้เป็นการตอบแทน..
“มา ไอดิล.. ความถนัดทางวิศวกรรม!” พ่อหล่อเรียกอย่างกระตือรือร้นหลังจากเรากินข้าวเสร็จ
พ่อน่ารักยืนยันว่าตัวเองจะเก็บทุกอย่างล้างเอง เพื่อให้สองพ่อลูกวิศวกรและว่าที่วิศวกรติวกันตามสบาย
“ครับพ่อ” ผมตอบรับกระตือรือร้นพอกัน
แล้วก็เป็นเช่นนั้น.. เป็นเช่นนั้นทุกๆวัน.. ทุกๆเดือน.. จนใกล้เวลาสอบ..
#Part II หน้าถัดไปครับ