ตอนที่ 3"ตกลงไปใช่ไหมแมท มัทจะได้ให้เพื่อนยืนยันตั๋วเลย" พี่มัทถามขณะทาแยมลงบนขนมปัง
"ไปสิ สำนักพิมพ์มีโปรเจคใหม่ให้ทำ แล้วแมทต้องเขียนเกี่ยวกับที่นั่น แต่แมทมีตั๋วแล้วนะพี่มัท ทางสปอนเซอร์เค้าให้มาพร้อมเงินค่าที่พักสำหรับ 1 อาทิตย์"
"อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นแมท ดูเหมือนฮ่องกงคงจะอยากให้แมทไปที่นั่นนะ" แม่ยกยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยแซว
"งั้นตั๋วของมัทก็ไม่ต้องใช้แล้วสิ" พี่มัทเงยหน้าจากขนมปังแล้วถามขึ้น
"ให้แฝดได้ไหม เดี๋ยวแมทซื้อให้เพิ่มอีกใบนึง นะๆๆๆๆ แฝด ไปด้วยกันหน่อย จ้างเลยนี่เอ้า ตั๋วเข้าดิสนี่ย์แลนด์คนละใบ"
"ไม่อ่ะพี่แมท ฟินต้องพักผ่อน" เหนื่อยมากเลยเนอะ เรียนหนังสือเนี่ย
"เฟย์ว่าข้อเสนอไม่คุ้ม"
"ไม่คุ้มตรงไหนวะเฮ้ย! ตั๋วฟรี ที่พักฟรีเนี่ย"
"ก็ถ้าคุ้มก็ต้องมีพอกเกตมันนี่ด้วยสิค๊า"
"อย่างนี้มันไม่เรียกคุ้มแล้วเว้ย ไปขอน้านิดิ" หน้าเลือดจริงๆพี่น้องบ้านนี้
"งั้นก็ไม่ไป เพราะถ้าเราสองคนอยู่บ้าน พ่อกับแม่ก็ไม่ต้องเสียเงิน" มันกะเอายิ่งกว่าคุ้มนะผมว่า
"เออๆ คนละสามพัน พอมะ" นี่ก็ให้เยอะเกินไปแล้วนะ
"สามพันเที่ยวสามวันก็หมดแล้วเฮีย" ฟินว่า พวกมันใช้ทำอะไรวะเนี่ย นี่ถ้าให้มันไปด้วยทั้งอาทิตย์ผมไม่ต้องให้มันหมื่นสี่เหรอครับ
"งั้นห้าพัน" มากกว่านี้ไม่ไหวละนะ
"อืม ขอคิดดูก่อน" เฟย์เอานิ้วเคาะขมับทำท่าคิด
"งั้นก็ไม่ต้องละ พี่ไปคนเดียวก็ได้" ขืนผมยื่นข้อเสนอมากกว่านี้ หมดตัวแน่นอน
"เดี๋ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งถอดใจสิ ไปๆ แต่ว่าไปแค่สามวันนะ ฟินมีเรียนพิเศษ"
"สามวันเองเหรอ จะไปดูไปจดจำอะไรทันเนี่ย สักห้าวันไม่ได้เหรอฟิน" ไปแค่นั้นผมไปงมเองก็ได้นะ
"น่าพี่แมท ดีกว่าพวกเราไม่ไปนะ คนเดียวหัวหายนะพี่ ฮ่าๆๆๆ"
"เออๆ ก็ได้วะ ดีกว่าเที่ยวคนเดียวทั้งทริปหล่ะ"
"ทำไมไม่ชวนโอ๊ตไปด้วยกันละ เพื่อนกันไปเที่ยวกันน่าจะสนุกกว่าพาน้องไปนะ" ช่วงนี้รู้สึกว่าแม่ผมจะยัดเยียดให้มีไอ้โอ๊ตอยู่ในการดำเนินชีวิตผมจังนะ
"ป๊ามันกลับมาพอดี เลยไปไม่ได้ครับ"
"อืม แล้วนี่แมทกะจะไปวันไหนละ" แม่หันมาถามผม พร้อมยื่นแก้วนมให้ผม
"ก็ประมาณปลายเดือนธันวาเลยละ อากาศน่าจะกำลังดี" ผมว่ามันคงไม่สนุกถ้าต้องไปเที่ยวในวันที่อากาศร้อน
"งั้นแฝด เราสองคนหน่ะ คงต้องตามไปทีหลังนะ รอสอบกลางภาคเสร็จก่อน แมทก็จองตั๋วให้ใกล้วันสอบเสร็จละกัน" พี่มัทบอกสองแฝดพยักหน้าตาม
"งั้นเดี๋ยวจะเอาตารางสอบมาให้เช็คนะ"
"ก็แล้วแต่สะดวกละกัน แต่ห้ามเบี้ยวนะเว้ย" ที่บางที่มันเที่ยวคนเดียวไม่ได้จริงๆนะครับ ผมว่าถ้ามีเพื่อนไปมันคงจะดีกว่า
"โอเคค้าบเฮีย ข้อเสนอดีขนาดนี้มีเหรอน้องๆจะเบี้ยว" เฟย์ตอบพร้อมขยิบตาให้แฝดพี่ แล้วหันไปจัดการข้าวเช้าต่อ
"แหม ทำเป็นไม่อยากจะไปนะตอนแรก ที่ไหนได้" หัวหมอจริงๆไอ้สองแฝดนี่
"ก็ต้องต่อรองดูก่อนสิพี่แมท เผื่อจะมีการอัพเกรดข้อเสนอ" ฟินบอกก่อนจะยิ้มตาหยี
.......................................................................
หลังมื้อเช้า ขณะที่แม่กำลังแต่งตัวเตรียมออกไปร้าน
"วันนี้แมทเข้าไปช่วยที่ร้านนะแม่" ผมเดินเข้ามาบอกแม่ในห้องนอน
"ไม่ต้องหรอกแมท ว่างก็พักเถอะ" แม่บอกขณะกำลังใส่ต่างหู
"แมทว่าง มันน่าเบื่อ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะด้วย แมทกลัวแม่เหนื่อย" ผมว่าเสียงอ้อนๆพร้อมเอาหน้าเข้าไปซบที่หลังแม่
"ตามใจๆ เดือนหน้าจะไปเที่ยวแล้วจองที่พักเรียบร้อยรึยังเรา"
"ยังอ่ะแม่ ค่อยให้พี่มัทจองให้" ผมทำไม่เป็นหรอกอะไรพวกนี้ อีกอย่างผมแทบไม่ได้ศึกษาอะไรเกี่ยวกับที่จะไปเลยสักนิด รอพี่มัทอธิบายทีเดียวก่อนไปละกัน
"งั้นรีบไปกันเถอะ วันนี้แม่สายแล้ว"
.......................................................................
ออกจากบ้านมาถึงร้าน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที วันนี้กิจวัตรผมต่างไปจากทุกวันเพราะพี่มัทไม่อยู่ไปซื้อของเข้าร้านตั้งแต่เช้า ผมเลยอาสาเข้ามาช่วยแม่ อีกอย่างช่วงนี้ว่างมาก งานใหม่ก็เริ่มเขียนไม่ได้อยู่ดีเพราะต้องรอเดินทางไปดูลาดเลาก่อนถึงจะเริ่มเขียนได้ ผมมาช่วยแม่ทำตัวให้เกิดประโยชน์ที่ร้านจะดีกว่า
"แมทเข้าไปร้านพี่มัทก่อนนะ แม่เตรียมของเสร็จแล้วจะตามเข้าไปช่วยดู" ผมพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปที่ร้านพี่มัท
"อ้าว! ทำไมกลับไวละพี่มัท" ปกติไปซื้อของต้องกลับเที่ยงนี่ บางวันก็ลากยาวไปจนบ่าย แต่ทำไมวันนี้กลับมาตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน
"ของไม่มีเลยแมท แม่ค้าบอกพายุเข้า กุ้งปูก็ของขาด แล้วไอ้ที่มีขายกันอยู่ในตลาดก็ราคาแพงขึ้นอีก" พี่มัทพูดอย่างเซ็งๆ
"เอาหน่าอย่าไปเครียด วันนี้ไม่มีพรุ่งนี้ก็มี"
"อืมๆ ดีนะยังมีเจ้าประจำที่มาส่งให้ ไม่งั้นไม่มีของสดขายร้านเงียบแน่เลย" ลูกค้าต่างชาติมักจะเลือกอาหารทะเลที่สดๆจากในตู้ปลามาทำเป็นอาหารมากกว่าที่แช่แข็ง นี่เป็นสาเหตุให้พี่มัทนั่งหนักใจอยู่ตอนนี้
"แมทเห็นปูกับกุ้งอยู่ในตู้ตั้งเยอะนะ" ผมว่ากุ้งว่ายอยู่มากกว่ายี่สิบตัวนะ
"เย็นนี้ก็หมดแล้ว ไม่ถึงคืนนี้หรอก"
"ขายดีอ่ะ" ผมเพิ่งรู้ว่ามันขายดีขนาดนี้ เลิกเขียนนิยายมาขายกุ้งเผาดีกว่าไหม
"ก็มันหน้าท่องเที่ยว ลูกค้าทัวร์ก็เยอะ ปีนึงมีไม่กี่เดือนต้องรีบกอบโกยสิยะ นี่บ้านแกอยู่ไหนเนี่ย" ผมขมวดคิ้วทำหน้างง
"ก็ผมไม่เคยทำจะรู้ได้ไง งานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยสักนิด"
"เออใช่ๆ พูดถึงงาน มาๆจองที่พักกันดีกว่า ยิ่งใกล้วันจะยิ่งไม่มี เค้าให้งบมาเท่าไหร่เนี่ย" พี่มัทกวักมือให้ผมไปนั่งข้างๆพร้อมเปิดโน้ตบุ๊ค
"คืนละสามพันอ่ะพี่มัท แมทขอใกล้รถไฟฟ้านะ เอาสะดวกๆ" ที่สำคัญคือเผื่อหลงครับ ถ้าต้องเข้าซอยเข้าตรอกเยอะๆมีหวัง หลงแน่ๆ
"เพื่อนมัทเคยจองผ่านเว็บเอเจนซี่นี้ เค้าเป็นลักษณะปล่อยบ้านหรือคอนโดให้เช่า ดูดีเลยละ ถูกกว่าโรงแรมด้วย ลองดูไหม" พี่มัทคลิกเข้าเว็บที่ว่าพร้อมใส่เมืองที่เลือก
"แล้วจะไว้ใจได้เหรอพี่มัท ถ้าจองแล้วเค้าเชิดเงินละจะว่าไง" สมัยนี้ไว้ใจคนยากจะตาย
"เค้าจะมีการการันตีแล้วก็รีวิวจากคนที่เคยเข้าพัก แมทก็เลือกที่มีรีวิวเยอะๆหน่อย มีเปอร์เซนต์การตอบกลับเยอะๆก็ดีแล้ว อีกอย่างทางเอเจนซี่จะไม่จ่ายเงินให้กับทางเจ้าของที่พักนะ ถ้ายังไม่ได้รับการยืนยันการเข้าพักจากเรา ก็คือถ้าเราไม่ถึงห้องไม่มีที่นอนเจ้าของเค้าก็ไม่ได้เงินอยู่ดี" มันก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดีนะผมว่า
"โรงแรมไม่ดีกว่าเหรอพี่มัท"
"มันแพงไป ยิ่งถ้าแมทอยากได้ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวกนะ ราคายิ่งสูง ที่ดินที่นั่นเค้าเป็นทอง เอาอย่างที่มัทว่าดีกว่านะ" เอาก็เอาวะ
"ขอแมทดูรูปห้องหน่อยสิ" พี่มัทเลื่อนโน๊ตบุ๊คมาตรงหน้าผม
"อ่ะ ห้องนี้น่ารักดี เจ้าของน่าเชื่อถือ เค้าพักอยู่ตึกเดียวกัน แต่คนละห้อง ที่สำคัญเค้าไม่มีค่ามัดจำห้องก่อนเข้าพักด้วยนะ ติดสถานีรถไฟใต้ดินเลย ใกล้ห้างด้วย สะดวกดีนะ สนไหม" น่าอยู่อย่างที่พี่มัทว่าจริงๆด้วย
"ก็น่าสนอยู่ เอาอย่างพี่มัทว่าก็ได้ ถ้าพี่มัทว่ามันปลอดภัย แมทก็เชื่ออย่างนั้น" จากราคาต่อคืนที่เห็น ผมยังเหลือเงินอีกนิดหน่อยเป็นค่ามื้ออาหาร ก็ดีนะ ถือว่าคุ้มค่า
"งั้นเดี๋ยวมัทจองให้ ไปช่วยแม่เถอะ เรียบร้อยแล้วมัทจะส่งรายละเอียดการจองเข้าเมลล์ให้" พี่มัทบอกพร้อมเอานิ้วจิ้มเข้าที่แก้มตัวเองเป็นเชิงบอก
"ได้ๆ ขอบคุณนะครับพี่มัท" หอมแก้มขอบคุณไปสักฟอด พร้อมเป่าลมข้างหู ก่อนจะรีบวิ่งไปหาแม่ที่ร้านกาแฟ เพราะพี่สาวผมเค้าชอบให้หอมแก้มหรือคลอเคลีย แต่ก็บ้าจี้เข้าเส้น ป่านนี้คงนั่งขนลุกพร้อมก่นด่าผมไปพร้อมกันแล้วละมั้งครับ
.......................................................................
1 เดือนผ่านไป พรุ่งนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปหาข้อมูลเพื่อเขียนนิยายเรื่องใหม่ของผมแล้ว ยิ่งใกล้วันก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากไป เคยมีใครที่เป็นเหมือนกันไหมครับ ความกลัวนี่มันมีอานุภาพมากจริงๆ การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของผม ด้วยความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดบวกกับความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่ต่ำต้อย ยิ่งภาษาจีนยิ่งแล้วใหญ่ คงต้องมาลุ้นกันแล้วละครับว่าผมจะรอดไหมกับการเดินทางครั้งนี้
"แมทๆ เก็บกระเป๋าเตรียมของครบยัง อย่าลืมเสื้อกันหนาวนะ นี่แผนที่มัทเขียนรายละเอียดพร้อมทำเครื่องหมายสถานที่สำคัญๆ แล้วก็รายละเอียดการเดินทางกับแผนการเดินทางให้แล้วนะ" พี่มัทเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าสีเขียวเห็นชัดแค่ตากับฟัน ในมือถือสมุดเล่มเล็กและแผนที่ นี่ถ้าดึกหน่อยแล้วปิดไฟอยู่มีหวังคงช็อคกันละครับงานนี้
"ละเอียดแน่นะพี่มัท" ผมละกังวลจริงๆ
"ละเอียดแน่นอน แผนสำหรับสองอาทิตย์ แมทจะเปลี่ยนแปลงก็ได้นะ ส่วนต้องขึ้นลงรถเมล์สายไหน สถานีรถไฟฟ้าอะไร มัทจดให้หมดแล้ว ไม่ต้องห่วงจ้ะน้องรัก" ผมยื่นมือไปรับพร้อมรอยยิ้ม
"พี่มัทน่ารักที่สุดเลยอ่ะ มาจูบที" ผมว่าพลางยื่นมือจะเข้าไปกอด
"ไม่ใช่ตอนนี้ย่ะ ติดไว้ก่อน แค่กอดพอ ตอนนี้มาส์กหน้าอยู่ เดี๋ยวครีมมาส์กหลุด อิอิ ไปละ เดี๋ยวหน้ามัทไม่ตึง" พี่มัทคว้าตัวผมเข้าไปกอดเบาๆ แล้วก็หันหลังออกจากห้องไป บางทีผมก็คิดว่าผู้หญิงนี่เรื่องเยอะนะ ช่างสรรหามาประคบประโคม ทั้งๆที่บางอย่างที่ทำก็มีผลเท่ากับศูนย์ แต่พี่มัทกลับบอกว่าผลลัพธ์ทางใจเท่ากับร้อย นี่สิทำให้สวยยิ่งกว่า เฮ้อ เข้าใจยากนะผู้หญิง รีบเข้านอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า
.......................................................................
"พี่แมทๆๆ ตื่นๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก" ใครเสียงดังวะเนี่ย
"ตื่นได้แล้ว นี่จะแปดโมงแล้วนะ" ผมลืมตาขึ้นมาข้างนึง ส่งเสียงง่วงๆออกไป
"แมทไม่ไปส่งแม่นะวันนี้ ขอนอนก่อน เดี๋ยวบ่ายๆจะเข้าไปช่วยละกันนะครับ" วันนี้ไม่ไหวจริงๆครับ เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ เกือบตีสอง
"ท่าจะไม่รอดนะป้าศิ ฟินว่าลากไปทั้งชุดนี้แหละค่ะ"
"แมทตื่นลูก จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วนะ ต้องไปฮ่องกงไม่ใช่เหรอวันนี้"
"ห๊ะ! ฮ่องกง ขึ้นเครื่อง กี่โมงแล้วอ่ะแม่" ผมตกใจลืมตาทันทีเมื่อได้ยินคำว่าฮ่องกง ใช่ๆ วันนี้ผมต้องไปฮ่องกง
"7 โมงครึ่งแล้วลูก" ตายๆๆ ตกเครื่องแหงๆ ห้องน้ำอยู่ไหนเนี่ย
"ใจเย็นๆพี่แมท เอ้านี่ผ้าเช็ดตัว เฟย์ว่าเราลงไปรอข้างล่างกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเฟย์ขนกระเป๋าลงไปให้เลยนะพี่แมท มีแค่นี้ใช่ไหม"
"ขอบใจมากน้องรัก มีแค่ใบเล็กแหละ ใบใหญ่อยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว
.......................................................................
20 นาทีต่อมา
"มาๆ กินข้าวก่อนลูก เดี๋ยวให้พี่มัทไปส่ง"
"ครับแม่ ขอบคุณครับ"
"ดีเนอะพี่แมท ตื่นสายเอาวันนี้ ปกติเห็นลุกมารดน้ำต้นไม้ตั้งแต่หกโมงเช้า" ฟินว่าเหน็บขณะรินน้ำใส่แก้วให้ผม
"เออ เมื่อคืนนอนไม่หลับ" ไม่รู้เหมือนกันว่าตื่นเต้นที่จะไปหรือไม่อยากไปกันแน่ ถึงได้นอนลืมเวลาขนาดนี้
"ไม่ลืมของนะแมท ถึงสนามบินที่ฮ่องกงแล้วก็อย่าลืมโทรบอกแม่ละ นี่เปิดสัญญาณไปใช้ที่นู่นใช่ไหม"
"มัทเตรียมซิมการ์ดของที่โน่นให้น้องแล้วค่ะแม่ กลัวว่าเปิดโรมมิ่งแล้วค่าโทรค่าเนตจะบาน" พี่สาวผมนี่ช่างเตรียมพร้อมจริงๆ
"ไม่ต้องกลัวหรอกพี่มัท ฟินว่ายังไงก็ไม่แพงหรอก เพราะจะพลิกท่าไหนโทรศัพท์พี่แมทก็เล่นเนตไม่ได้อยู่ดี ฮ่าๆๆๆ ฮีโร่จอดำซะขนาดนั้น" เดี๋ยวเถอะๆ ไอสองแฝด บังอาจมาดูถูกพี่ฮีโร่ของผม
"แมทรู้สึกเหมือนจะลืมอะไรสักอย่างนะ แต่ก็นึกไม่ออกอ่ะแม่" เคยเป็นมั้ยครับ ก่อนออกจากบ้านมักจะมีความรู้สึกนี้ทุกครั้ง เหมือนจะลืมอะไรสักอย่าง
"ถ้าในกระเป๋ามีเงินกับพาสปอร์ตก็ถือว่าไม่ลืมแล้วละพี่แมท" นั่นมันพอสำหรับผมซะที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ
"รีบไปได้แล้วไป นี่ก็แปดโมงแล้ว จะไม่ทันเอา" แม่รีบดันหลังผมไปขึ้นรถ
"มัทเช็คอินให้น้องแล้วแม่ ทันแน่นอน" รอบคอบจริงๆสาวๆบ้านนี้ นี่เป็นคุณสมบัตินึงของแม่ที่ไม่มีอยู่ในตัวผมเลย
"เดินทางปลอดภัยนะพี่แมท อาทิตย์หน้าเจอกัน มารับด้วยนะที่สนามบิน" ใช่ครับ สองแฝดจะตามผมไปทีหลังพร้อมพี่สาวผม เพราะยัยสองคนนี้ยังเด็กไปที่จะปล่อยให้เดินทางลำพัง สุดท้ายพี่สาวผมก็ต้องไปด้วยอยู่ดี
"ไปนะแม่ อย่านอนดึกนะครับ รักแม่นะ" บอกลาแม่ก่อนขึ้นรถ
"จ้ะลูก เดินทางปลอดภัยนะครับ พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วอย่าลืมของฝากแม่หล่ะ" แม่ยิ้มกว้างพร้อมกอดผมแน่น
ขนกระเป๋าไว้หลังรถเรียบร้อย เตรียมพร้อมเดินทาง ระหว่างทางผมก็นึกเรื่อยๆ ว่าน่าจะลืมอะไรสักอย่าง
"เป็นอะไรไปแมท ดูกังวลจัง" พี่มัทหันมามองผมแล้วหันไปมองถนนต่อ
"แมทนึกไม่ออกว่าลืมอะไรอ่ะพี่มัท" ไม่ชอบอาการนี้เลยจริงๆ
"นึกดูดีดีสิ เงิน พาสปอร์ต สมุดบันทึกเอกสารยืนยันที่พัก" พี่มัทพยายามไล่หาว่าผมจะลืมอะไรได้บ้าง
"เอามาแล้วๆ"
"เสื้อกันหนาว ถุงเท้า กางเกงใน"
"ไม่ใช่อ่ะ ครบแล้ว แม่ช่วยจัดให้" ก็นึกไปได้เนอะพี่ผม ถึงลืมก็ไปหาซื้อเอาที่นู่นก็ได้เหอะ
"แผนที่ แผนการเดินทางทางละ" เอ๊ะ! หรือจะใช่ คุ้นๆว่าไม่มีในกระเป๋าเป้นะ
"แมทดูในเป้แป๊บ" ค้นๆในเป้แล้วหาไม่เจอ ใช่เลย ผมลืมของสำคัญที่สุดที่จะทำให้ไปไหนไม่ได้แม้กระทั่งที่พัก เพราะผมคงไปไม่ถูกแน่นอน
"เจอรึเปล่าแมท"
"ลืมจริงๆด้วยพี่มัท สงสัยเอาออกมาดูเมื่อคืนไม่ได้เก็บ เมื่อเช้ารีบๆเลยลืมไปเลย ทำไงดีพี่มัท" ดันลืมของสำคัญซะได้
"งั้นแมทเอาไอแพดมินิอีกอันของมัทไปด้วยละกัน มัทยังไม่ได้ใช้ จะได้ไว้เช็คเส้นทาง เดี๋ยวมัทจะโหลดแอพแผนที่ในฮ่องกงให้ น่าจะพอช่วยได้ แล้วมัทจะส่งทุกอย่างที่เขียนในสมุดให้ในไลน์ตอนถึงบ้านว่าไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน ขึ้นรถอะไรไปได้บ้าง ดีไหม" พี่มัทว่าพร้อมส่งไอแพดให้ผมรับไว้
"ไม่ดีมั้งพี่มัท แมทใช้ไม่เป็น" มันยากสำหรับผมจริงๆนะ จะมีมั้ยคนรุ่นผมที่กลัวการใช้เทคโนโลยีแบบนี้
"มัทจะโหลดแอพที่จำเป็นเอาไว้ให้ ในสนามบินกับที่พักเค้ามี wifi ไว้ให้ ไปถึงสนามบินที่โน่นแมทก็รีบไปเปิดใช้ซิมการ์ดซะ เดี๋ยวพอเราถึงสนามบินโหลดกระเป๋าเรียบร้อยมัทจะสมัครไลน์กับล็อกอินเมลล์ไว้ให้เลย ที่ชาร์จอยู่ที่เก็บด้านหน้าแมทอ่ะ หยิบไปด้วย" ทำไมผมรู้สึกฟังแล้วมันดูยากๆจัง ผมคงไม่แปลกแยกไปใช่ไหม
"แมทงงอ่ะพี่มัท ฟังดูยุ่งยากจัง"
"เอาน่า ถึงแล้วมัทจะอธิบายคร่าวๆให้ฟัง"
.......................................................................
ถึงสนามบินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เตรียมตัวขึ้นเครื่อง ผมก็หยิบไอแพดเจ้าปัญหาออกมา พี่มัทก็ทำการใส่ซิมการ์ดฮ่องกงที่ไปหามาจากไหนไม่รู้ แล้วก็จัดการโหลดแอพนู่นนั่นนี่พร้อมสอนวิธีการอ่านเมลล์เข้าแอพใช้ไลน์และอีกสารพัดที่ผมจะต้องจดจำมันทั้งหมดภายในครึ่งชั่วโมงนี้
"มัทเปิดโรมมิ่งโทรศัพท์ให้แมทละนะ ส่วนไอแพดนี่ไปถึงสนามบินจะเจอเคานเตอร์สีแบบซองซิมการ์ดนี่ก็เติมชั่วโมงอินเตอร์เนตเลยนะจะได้ใช้งานได้" พี่มัทอธิบายพร้อมตบบ่าผม
"แมทไม่อยากไปแล้วอ่ะพี่มัท แค่เริ่มต้นก็ไม่ดีแล้ว" ความกังวลลอยเต็มหัวผมไปหมดแล้วตอนนี้
"เอาน่า แมททำได้ ไม่ยากเลย ครั้งแรกมันก็น่ากลัวแบบนี้แหละ อิอิ แล้วมัทจะไลน์ไปหา โทรมาก็ได้ถ้าสงสัยอะไร ถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะ แม่จะได้ไม่เป็นห่วง"
"ครับๆ"
"อย่าหน้าหงอยสิ มีความสุขหน่อย ไปๆๆ ยิ่งนานยิ่งดูท่าจะตกเครื่อง เดินทางปลอดภัยนะน้องรัก เจอกันอาทิตย์หน้า จุ๊บสองจุ๊บ" อารมณ์ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกอยากจะแสดงความรักอะไรทั้งนั้นแหละ มีแต่ความกังวล พี่มัทโบกมือลา ผมเดินคอตกเข้าเกท เห็นสภาพตัวเองในกระจกนี่ไม่เหมือนคนไปเที่ยวเลยจริงๆ รีบไปต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองก่อนดีกว่านี่ก็ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว
.......................................................................
เสียงเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้นทันทีที่ผมเดินมาถึงทางออกขึ้นเครื่อง นี่กะจะไม่ให้ทำใจก่อนเลยใช่มั้ย ไม่เคยกลัวการขึ้นเครื่องบินขนาดนี้มาก่อนเลย ต่อแถวรอขึ้นเครื่องไปก็ตื่นเต้นกังวลไปตลอด จนขึ้นเครื่องพนักงานแจ้งรัดเข็มขัด ล้อเครื่องบินเริ่มหมุนเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ผมคงเลือกย้อนกลับไม่ทันแล้วสินะ เอาวะ มีความสุขกับทริปนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ละกัน ท่องไว้แมท เพื่องาน เพื่องาน เพื่องาน!!!
เครื่องขึ้นได้สักพักพนักงานก็แจกอาหาร มื้อนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด หลังจากนั้นก็แจกใบอะไรสักอย่างให้กรอก เวรละ จะกรอกถูกไหมเนี่ย คนที่นั่งข้างๆก็ไม่ใช่คนไทยซะด้วยสิ โอ้ย!!! อยากปีนหน้าต่างกระโดดลงไปเลยจริงๆ ซึ่งมันทำไม่ได้ไงครับ ผมเลยต้องนั่งชะเง้อมองไปมองมาว่าเค้าต้องกรอกอะไรลงไปบ้าง เอาเถอะ ไม่มีใครช่วยได้ ก็กรอกไปแบบงงๆ ภาษาอังกฤษสำหรับผมมันมีไม่ถึงขั้นปริญญาโทจริงๆนะ สมองผมมันคงหยุดรับรู้ภาษาต่างชาติไปตั้งแต่ประถมแล้วละครับ เพราะแค่กรอกข้อมูลส่วนตัวง่ายๆแค่นี้ยังยากสำหรับผมเลย ก็เขียนเอาตามที่พอจะรู้นั่นละครับ หลังจากกรอกเสร็จแล้ว ทางเลือกที่ดีคือหลับรอเลยครับ นั่งถ่างตาไปก็เครียดยิ่งกว่าเดิม ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไปเผชิญเอาข้างหน้าเลยละกัน
.......................................................................
❤ ตอนนี้ก็รู้แล้วเนอะว่าไปคนเดียวแน่ๆ อิอิ
ส่วนพระเอก เอ๊ะ! หรือจะเป็นนายเอก จะโผล่เมื่อไหร่นั้น...อีกไม่นานเกินรอค่ะ
แล้วค่อยมาลุ้นกันต่อนะคะว่าแมทจะหอบใจอาตี๋กลับมาด้วยได้ไหม เจอกันพรุ่งนี้ค๊า ^^*