ไม่ได้ลงงานใหม่มานานมาก ๆ แล้วนะคะ ยังมีใครจำเราได้บ้างไหมเนี่ย
วันนี้เอาเรื่องสั้นแนวฆาตกรโรคจิตมาฝากอีกเช่นเคย ยาวหน่อยนะคะ ขอลงทีเดียวจบเลยละกัน
ติชม ทักทายกันได้ค่ะ
คำเตือน : เรื่องนี้แนวโรคจิต เลือดสาดนิด ๆ NC-17 Shotacon (อายุ 17) มีอุปกรณ์ ช่วยตัวเอง .............................................
ฆาตกรที่รัก : My beloved murderer
‘Hybristophilia เป็นอาการทางจิตของคนที่หลงรักฆาตกรหรือคลั่งไคล้อาชญากรโรคจิต
เป็นความคลั่งไคล้หลงใหลแบบอยากจะแต่งงานด้วย’
คุณเชื่อว่ามีคนที่ฟ้าลิขิตมาให้เป็นคู่ของคุณไหม
ผมไม่เคยเชื่อนะ จนกระทั่งผมได้พบกับ ‘เขา’
ต้องเป็น ‘เขา’ เท่านั้น
ผมจะทำทุกอย่างให้ได้เขามา!
มันเป็นวันที่อากาศเย็น ลมหนาวพัดมาวูบใหญ่ ตอนที่ผมเดินสวนกับใครคนหนึ่ง เขาคนนั้นใส่เสื้อหนาวมีฮู้ดสีเทาเข้ม สวมตัวฮู้ดปิดบังส่วนศีรษะและใบหน้า หากกลิ่นอายของเขาที่สัมผัสได้กลับทำให้ใจของผมเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด ผมรีบเงยหน้าขึ้นมอง เขายังคงเดินต่อไปโดยไม่ได้สนใจผมแม้แต่น้อย ด้วยความที่เขาตัวสูงแต่ผมตัวเตี้ย เลยทำให้ผมเห็นใบหน้านั้นได้ชัดถนัดตา แม้ว่ามันจะเป็นการเดินสวนกันเพียงไม่กี่วินาที
ในตอนนั้น โลกทั้งใบราวกับจะหยุดหมุน ทุกอย่างในหัวบอกผมว่า ‘เขาเป็นคนพิเศษ’ ดังนั้นผมจึงจำได้ไม่มีลืม ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา สีหน้าท่าทาง การแต่งกาย หรือแม้แต่อิริยาบถอันหนักแน่นเยือกเย็น
เขามีผมสีเข้ม และมีดวงตาอันลี้ลับ สีดำสนิทของมันดูลึกเข้าไปภายในไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแค่จินตนาการว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมองอยู่ ใจผมก็สั่นไหวแล้ว แม้ในวินาทีนั้นเขาไม่ได้มองผมเลย ร่างสูงใหญ่นั้นดูแข็งแรงแบบมีกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและพร้อมจะออกแรงได้มาก ๆ โดยง่ายนั้นน่าประทับใจไม่น้อย เมื่อเทียบกับผมที่ออกจะบอบบางแล้ว เขาดูแกร่งกว่าผมมาก
กว่าจะรู้ตัว ผมก็เผลอเดินตามเขาไปแล้ว คนคนนั้นตัวสูงมากเมื่อเทียบกับผมที่เป็นเพียงเด็กมัธยมปลายตัวค่อนข้างเตี้ย สูงเพียงแค่ 165 เท่านั้นเอง เด็กผู้หญิงบางคนสูงกว่าผมเสียอีก ร่างกายก็ค่อนข้างผอม กล้ามเนื้อนั้นเป็นสิ่งที่สร้างไม่สำเร็จไม่ว่าจะพยายามมากขนาดไหน
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมนิยมชมชอบผู้ชายที่มีเรือนร่างแข็งแรงเสมอมา
แต่ไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือร่างกายแข็งแรงของเขา ต่างก็ไม่ใช่สิ่งชักนำให้ตามเขาไปขนาดนั้น สิ่งอื่นต่างหากที่มันเชิญชวนผม
เขามีบางอย่าง เป็นบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ผมรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่ธรรมดา หัวใจของผมบอกได้ดี เพราะมันตื่นเต้นมากขึ้นทุกครั้งที่เข้าใกล้เขา แม้จะเป็นการเข้าใกล้มากขึ้นอีกแค่ก้าวเดียวก็ตาม
ผมยังคงเดินตามไปอย่างระมัดระวังและเว้นระยะ เพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นว่าแอบตามมา ผมอยากรู้ก่อนว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน และที่สำคัญ กำลังทำอะไร
ร่างสูงแข็งแรงเดินเข้าไปในย่านชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน หากสายตาคู่นั้นกลับไม่ได้มองไปทางใดเลย นอกจากมองตรงไปเบื้องหน้า มันบอกได้ว่าเขามีเป้าหมายที่แน่นอนอยู่แล้ว และไม่คิดจะเสียเวลาไปกับสิ่งอื่น ไม่ว่าจะแวะทำธุระหรือซื้อของ ถุงเป้ใบใหญ่สีดำสะพายอยู่บนไหล่กว้าง เขาคงมีของทุกอย่างที่จำเป็นมากพอแล้ว
สีหน้านั้นดูเคร่งขรึม ผมอยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ก้าวยาว ๆ ที่เดินอย่างไม่รีบร้อนอะไรกลับเร็วมากพอที่จะทำให้ผมต้องตามอย่างยากลำบากพอสมควร โชคดีที่ผมเคยเป็นนักวิ่งมาก่อน เลยสามารถตามไปได้โดยไร้เสียงและรวดเร็วมีประสิทธิภาพ ผมชอบวิ่งเพราะมันเป็นกีฬาชนิดเดียวที่สามารถร่วมได้โดยไม่ต้องไปสนใจใคร นอกจากสถิติของตัวเอง และแน่นอน ถึงตัวจะเล็กและเตี้ย แต่ผมนั้นมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองมาก
เขายังคงเดินต่อไป จนมาถึงตรอกลึกแห่งหนึ่ง สภาพพื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างรกร้าง ผมจำได้ว่าตึกในตรอกนั้นมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ เป็นคดีที่ยืดเยื้อกินระยะเวลานานจนถูกทิ้งร้างมาหลายปี
ทางเข้านั้นปิดตาย โดยมีป้ายห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปแขวนไว้ชัดเจน แต่เขาคนนั้นก็ยังคงเดินเข้าไปโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่เขียนเอาไว้เลย
ผมมองซ้ายมองขวาอย่างลังเล ทางเริ่มอันตรายและร้างผู้คนมากขึ้นทุกที หากต้องขอความช่วยเหลือ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีคนได้ยิน แต่ในใจลึก ๆ ยังคงกระซิบว่าคนคนนี้พิเศษ และจะต้องตามต่อไป เพื่อไม่ให้คลาดสายตา
ผมลังเลแค่ชั่ววูบก็ตัดสินใจก้าวตามต่ออย่างเงียบเชียบ โชคดีที่ตัวเล็กจึงสามารถหลบตามเสาและมุมตึกได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
เขาเดินตรงไปยังตึกเก่าซึ่งอยู่สุดทางในตรอกนั้น มันเป็นตึกรอวันทุบทิ้ง สถานที่นั้นไม่ใช่ที่ที่คนปกติจะเข้าไป และผมควรจะต้องออกมาแล้ว พวกอาคารร้างมักจะมีแต่พวกมิจฉาชีพ พวกค้ายา และพวกที่ทำเรื่องไม่ดีเข้ามาครอบครอง มันอันตรายมากหากจะยังเข้าไปข้างในอีก
ผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนอันตราย อาจจะเป็นคนเลวร้ายที่สุดก็เป็นได้ แต่นั่นแหละ ความอันตรายเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด แม้จะรู้ดีแต่ก็ไม่สามารถล้มเลิกความคิดได้
สัญญาณเตือนในหัวเริ่มเตือนตัวเองให้กลับบ้าน แต่อีกใจผมก็ยังอยากรู้ และความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายชนะ ผมรู้สึกว่าถ้ากลับบ้านไปตอนนี้ จะไม่ได้พบเขาอีก และถ้าเกิดเขาเป็นคนในโชคชะตา ก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต
ผมลอบตามเขาขึ้นไปชั้นสอง บันไดปูนแตกร้าว ชำรุดทรุดโทรม ราวที่จับหลุดห้อยร่องแร่ง บานหน้าต่างกระจกแตกเกือบหมด ทางเดินระเกะระกะไปด้วยซากข้าวของและขยะ ผมเดินอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง ถ้าเขารู้ตัว คงทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น และคงน่าเสียดายอย่างมากที่ต้องทำเช่นนั้น ทุกย่างก้าวจึงต้องระวังกว่าเดิม
ตรงสุดทางเดินเป็นห้องปิดทึบ แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ด้านในก็แทบจะไม่มีแสงสว่างเข้ามาเลย อาจจะเพราะหน้าต่างที่ถูกปิดตาย และผนังห้องที่แทบไม่มีช่องว่างพอจะให้แสงเล็ดลอด แต่ในนั้นกลับมีแสงไฟ น่าจะเป็นแสงจากหลอดไฟแบบใส่ถ่าน เพราะตึกแห่งนี้ถูกตัดไฟไปนานแล้ว ประตูเก่าแง้มไว้ครึ่งบาน และไม่สามารถปิดได้สนิท แสงไฟที่เล็ดลอดเชิญชวนนัก มันคล้ายกำลังกวักมือเรียกให้เข้าไปแอบมอง ความลี้ลับมีเสน่ห์ในตัวมันเองเสมอ
ผมรอคอยอยู่ในความเงียบ ไกลออกไปอีกช่วงหนึ่งของระเบียง ใจหนึ่งอยากเข้าไปแอบมองใจจะขาด แต่อีกใจก็ยังเตือนตัวเองไว้ว่ามันอันตราย ทว่าในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ จากภายใน เสียงนั้นดังขึ้นนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าไป เป็นเสียงประหลาด ๆ ที่ไม่ใช่เสียงของเขา
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเล็ก ๆ ของผู้หญิง นั่นทำให้รู้ว่ามี ‘คนอื่น’ อยู่ในห้องนั้นด้วย แต่คงไม่ได้อยู่แบบปกติสุข เพราะมันเหมือนกำลังโดนปิดปากด้วยอะไรสักอย่างไว้จนออกเสียงได้ไม่ชัด
เสียงนั้นดังมากขึ้นอีก ฟังดูน่าอึดอัดและหวาดกลัว ผมได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน เสียงมันคล้ายกับโซ่ คล้ายกับว่าเธอคนนั้นถูกโซ่พันธนาการไว้ และกำลังพยายามออกแรงกระชากมันให้เป็นอิสระ
ทุกอย่างในห้องผมได้ยินชัด แต่คนเบื้องนอกจะไม่ได้ยิน ด้วยเพราะตึกนี้อยู่ห่างจากด้านนอกมาก ต่อให้คนตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็คงไม่มีใครได้ยินอยู่ดี
ที่นี่จึงเหมาะจะเป็นสถานที่ทำการฆาตกรรม…ผมเริ่มกลัวความคิดของตัวเองที่จู่ ๆ ก็แทรกเข้ามา บรรยากาศในตอนนี้ไม่ต่างจากในหนังฆาตกรรมของฆาตกรโรคจิตเลย เสียงหวาดหวั่นไม่เป็นภาษานั้นยังคงอยู่ การดิ้นรนที่รุนแรงขึ้นบอกได้ชัดจากเสียงกระทบกันของโซ่ล่าม แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเขาคนนั้นเลยแม้เพียงน้อยนิด
เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้นไปอีก แสงไฟนั้นเชิญชวนให้อยากลองเข้าไปใกล้มากขึ้นทุกที แต่ผมยังรีรออยู่ แม้จะอยากรู้มากว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทันใดนั้นผมก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องอันดังก่อนจะแผ่วลงเป็นดังขลุกขลักในลำคออย่างอึดอัด เสียงโซ่กระทบกันตึงตัง สอดแทรกมาด้วยเสียงฟันดังฉับโดยแรงอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงมีดที่กระทบกับของแข็ง ๆ จากการใช้แรงสับ เกิดอะไรขึ้นผมอยากรู้เป็นที่สุด
ทว่าไม่นาน ทุกอย่างกลับไปสู่ความเงียบอีกครั้ง
ลมหายใจของผมถี่กระชั้น หัวใจเต้นแรงเร็วจนแทบจะหลุดออกมาภายนอก มือเย็นเฉียบสั่นน้อย ๆ
ทุกอย่างยังคงอยู่ในความเงียบ ในที่สุดผมก็ตัดสินใจค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วแอบมองลอดช่องประตูเข้าไป
สิ่งที่เห็นทำให้แทบลืมหายใจ ร่างของหญิงสาวเจ้าของเสียงแปลกประหลาดคนนั้นถูกตรึงไว้กับโต๊ะตัวใหญ่ ทั้งแขนและขาถูกล่ามด้วยโซ่จนขยับไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ขยับแล้ว ปากซึ่งส่งเสียงอึดอัดอยู่เมื่อครู่ ก็ยังคงมีเทปกาวปิดอยู่ หากดวงตาของเธอกลับเบิกกว้าง…และเบิกค้างอยู่เช่นนั้น น้ำเลือดน้ำตาและของเหลวอื่น ๆ ปะปนกันเลอะเทอะไปหมดทั้งใบหน้าและส่วนอื่นของร่างกายเธอที่ในตอนนี้เปลือยเปล่าจนขาวโพลง
จากที่เห็น เธอน่าจะเป็นคนสวยมากทีเดียว รูปร่างดูดีมากราวนางแบบ ผมสีดำสนิทยาวระไหล่แผ่กระจาย ทว่าลำคอขาวสวยนั้นกลับถูกตัดขาด เลือดบางส่วนยังไหลทะลักและเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ แขนและขาของเธอก็เช่นกัน มันถูกหั่นขาดจากลำตัวเป็นชิ้น ๆ ด้วยพละกำลังมหาศาล เพราะผมได้ยินเสียงหั่นของมันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย
ผมเห็นคนคนนั้นยืนอยู่เหนือร่างของเหยื่อ ซึ่งตอนนี้หมดลมหายใจไปแล้ว เขาหอบหายใจหนัก ๆ และค้อมตัวไปเบื้องหน้า กางเกงถูกถลกลงเล็กน้อย มือของเขากอบกุมแก่นกายแกร่ง…ขนาดของมันช่างเหลือเชื่อ ผมมองมันอย่างไม่อาจละสายตาไปที่อื่นได้ เขายังคงรูดเร้นขึ้นลงด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง
คงเป็นการฆ่าและกลิ่นเลือด ทุกอย่างทำให้ร่างกายของเขาปั่นป่วน ชีวิตที่ตายลงใหม่ ๆ ยังคงอุ่น เลือดสด ๆ สีแดงฉานยังคงหลั่งไหล กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งนั้นปลุกเร้า ผมเห็นเขาเกร็งตัวแน่นและปลดปล่อยให้คราบขาวฉีดพุ่งรดร่างอันไร้ชีวิตของเธอ สาดรดซ้ำแล้วซ้ำอีก ช่างเป็นของเหลวที่มีปริมาณไม่น้อย
สีหน้าของเขาตอนนั้นยิ่งน่าหลงใหล ผมถึงกับร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แทบจะถึงจุดตามเขาแม้จะยังไม่ได้ถูกแตะต้อง ดวงตาคมของเขามองมายังศีรษะของเธอบนโต๊ะกว้าง เป็นศีรษะซึ่งถูกตัดสะบั้นหั่นจนขาดจากลำคอระหง ไล่มองมายังส่วนลำตัวที่เป็นท่อนยาวขาวสวย เนินอกเปลือยเปล่ายังคงเต่งตึง หน้าท้องราบเรียบมีร่องรอยการเฉาะลงไปด้วยใบมีดจนยุบเห็นถึงภายใน ผิวขาวราวหิมะจึงแดงฉานไปด้วยเลือดและคราบสีขาวขุ่น ปนกันจนยากจะแยกแยะ แขนขาถูกสับจนหลุดจากร่างห้อยร่องแร่งคาโซ่ซึ่งยังคงพันธนาการบางส่วนไว้ ล็อกค้างอยู่อย่างนั้น
ภาพนั้นทำให้ผมลืมเลือนทุกอย่าง ผมอยากเข้าไปหาเขา อยากจะกลืนกินความกำยำ อยากจะดูดดื่มน้ำที่หลั่งรด มันไม่ใช่แค่นั้น ผมยังอยากจะฉีกกระชากเสื้อผ้าตัวเองทิ้ง ผลักศพของเธอออกไปจากโต๊ะ แล้วนอนอ้าขาให้เขาบนกองเลือดเปียกชุ่ม ให้เขาสอดใส่เจ้าแท่งกำยำที่แสนจะตื่นตัวนั่นเข้ามาภายในตัวผม กระแทกให้สุดแรง ดันให้ลึกถึงในสุด กดกระแทกซ้ำ ๆ ทำจนกว่าจะสาแก่ใจ
ลมหายใจของผมขาดห้วง นี่ผมเป็นอะไรไปแล้ว
ร่างกายเย็นวาบกับความคิดชั่ววูบของตัวเอง ทำไมผมไม่หวาดกลัว ทำไมผมอยากเข้าไปมีส่วนร่วม อยากสัมผัสทุก ๆ อย่างที่ผ่านมือเขา อยากสัมผัสกระทั่งซากศพไร้ชีวิต ที่ถูกเขาสับหั่นเป็นท่อน ๆ ทุกอย่างที่เห็นทำให้ผมเกิดอารมณ์อย่างไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้ ผมค่อย ๆ ชันร่างที่สั่นระริกขึ้นมา มันสั่นด้วยความยินดี ด้วยความต้องการ ต้องการมากจนเกินไปแล้ว ผมจะต้องหยุดมัน จะให้เขาเห็นผมตอนนี้ไม่ได้
ผมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง มือที่ลูบหน้ามีเหงื่อออกจนชุ่ม พยายามรวบรวมพละกำลังที่มี แล้วลุกขึ้นอย่างไร้เสียง จากนั้นจึงวิ่งหนีออกมาจากที่นั่นด้วยความเร็วสุดชีวิต
ผมไม่ได้กลัวเขา ผมไม่ได้หวาดกลัวศพของผู้หญิงคนนั้น
แต่ผมกลัว…กลัวใจตัวเอง ที่ยับยั้งความปรารถนาเอาไว้ไม่ได้
ไว้คราวหน้า ไว้คราวหน้าเถอะนะ ผมบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอกย้ำความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดของตัวเองอีกครั้ง คราวหน้าผมจะต้อง…
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมเดินขึ้นไปยังห้องที่อยู่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว อารมณ์ตอนนี้ไม่ปกติ และผมรู้ดีว่าจะทำตัวแปลกไปมากกว่านี้ให้แม่เห็นไม่ได้
ผมถอดเสื้อผ้าออกด้วยมือไม้ที่ยังคงสั่น เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นผงเต็มไปหมด แม่คงจะถามตอนทำความสะอาดว่าไปทำอะไรมา แต่ช่างเถอะ ผมคงโกหกได้สารพัดในตอนนั้น
แต่สิ่งเร่งด่วนขณะนี้ คือผมกำลังต้องการสิ่งที่ช่วยดับอารมณ์พลุ่งพล่านนี้ต่างหาก
ผมเปิดน้ำเย็น…น้ำที่เย็นจัดจากฝักบัว ปล่อยให้มันไหลรดร่างกายที่กำลังตื่นตัวนั้นตรง ๆ หวังให้มันช่วยดับความร้อนภายในได้ แก่นกายยังคงตั้งชัน มันตื่นตัวและร้อนผ่าว มันร้อน…ร้อนลึกถึงภายใน ผมรูดมันขึ้นลงเร็วแรง หวังจะให้อารมณ์พุ่งสูงนั้นดับสลายหายไป แต่มันไม่พอ ไม่พอเลยสักนิด
ผมทรุดตัวลงช้า ๆ ปล่อยแผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผิวกระเบื้องที่เย็นเฉียบ จนนั่งลงกับพื้นห้องน้ำทั้งที่สายน้ำยังคงไหลกระทบร่างกายอย่างต่อเนื่อง ความเย็นที่สัมผัสได้กลับไม่มีผลอะไรกับภายในที่ร้อนรุ่ม ผมนั่งชันขาขึ้นอ้ากว้าง ถ้าคน คนนั้นอยู่ตรงนี้ ถ้าเขาเข้ามาหา
ผมหลับตาลง ภาพร่างกายสูงใหญ่กำยำนั้นยังปรากฏชัด ดวงตาสีดำสนิทนั้นจับจ้องมายังร่างกายนี้ ผมอยากให้เขาได้เห็นทุกสัดส่วน อยากให้เห็นลึกถึงภายใน
ร่างกายที่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองตอบรับกับจินตนาการนั้น เรียวขาอ้ากว้างเชิญชวนโดยไม่รู้ตัว ผมอยากให้เขาเข้ามา เข้ามามากกว่านี้ ผมใช้ปลายนิ้วที่ไร้การหล่อลื่น มีเพียงความเปียกชื้นจากสายน้ำที่ไหลรด ค่อย ๆ แทรกมันเข้าไปภายในทีละน้อย มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมช่วยตัวเองแบบนี้ นับตั้งแต่ผมอยู่กับพ่อเลี้ยง เขาก็สอนให้ผมช่วยตัวเองแบบนี้มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่จินตนาการเพียงผิวเผิน
ภาพครั้งนี้มันชัดเจนมาก ชัดมากถึงกลิ่นเลือด กลิ่นเนื้อ กลิ่นกายของเขาคนนั้น รวมไปถึงกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่แสนจะน่าตื่นเต้น ทุกอย่างปลุกเร้าผมเหมือนปลุกเร้าเขา ผมแน่ใจ ถ้าเขาเข้ามาข้างในตัวผม ทุกอย่างจะต้องยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน
ปลายนิ้วที่แทรกลึกหมุนวนภายใน ผมขยับมันเข้าออกทีละน้อย และเพิ่มนิ้วจนเป็นสอง และสามในที่สุด มืออีกข้างที่รูดเร้นแก่นกายยิ่งกระตุ้นได้อีกทาง ผมขยับสะโพกนั้นตามจังหวะความวาบหวาม ทุกอย่างไหลลื่นโดยไม่จำเป็นต้องกระตุ้น ใด ๆ อีก วันนี้ร่างกายของผมพร้อมจากการถูกกระตุ้นมามากพอแล้ว
ภายในที่บีบรัดเกร็งแน่น สามนิ้วอาจจะไม่มากพอเมื่อเทียบกับของของเขา มันคงจะเติมเต็มผมได้ดีกว่านี้แน่ ๆ ถ้าเพียงแต่ผมได้ทำกับเขาสักครั้ง
ร่างกายกระตุกเฮือกพร้อมปลดปล่อย ผมมองคราบน้ำขาวขุ่นในมือ แล้วใช้ปลายลิ้นไล้เลียมันเข้าปาก ในใจยังคงนึกถึงน้ำของเขาคนนั้น มันจะอร่อยสักแค่ไหนนะ ออกมาเยอะอย่างนั้น ผมคิดว่าเขาคงมีโอกาสฆ่าได้ไม่บ่อยนัก มันจึงสะสมจนมากถึงขนาดนี้
ถ้ามีผมอยู่ด้วย จะช่วยเขาปลดปล่อยทุกวันเลย จะได้ไม่ต้องอึดอัด ไม่ต้องลำบากแบบนี้
เหลือเพียงอย่างเดียวที่ยังไม่ได้รับรู้ เสียงของเขา อยากได้ยินเสียงเขาเหลือเกิน ครั้งหน้าเขาจะฆ่าคนอีกไหมนะ
ถ้าเรามีชะตาต้องกัน ถ้าเขาเป็นคนในโชคชะตาของผม จะอย่างไรเราก็ต้องได้พบกันอีก
ผมอยากให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในตอนนั้น
อยากให้เขารู้ว่ารสสัมผัสแห่งการฆ่า เขาไม่ได้เสพมันอย่างเดียวดาย
อยากให้รู้ว่ายังคงมีผมอยู่
แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะเปิดเผยตัว ถ้าพรหมลิขิตมีจริง ถ้ามันลิขิตให้ชะตาเราต้องกัน ขอให้เราเจอกันอีก
ฆาตกรสุดที่รัก…ที่ยังไม่รู้จักชื่อ!