………..43…………
“ไอ้เมฆ” เพื่อนรักของผมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน ก่อนจะตะโกนลั่น
“อะไรของมึงเนี่ย ตะโกนอะไรนักหนา”
“นี่มึงยังนั่งเฉยอยูอีกเหรอ”
“แล้วมึงจะให้กู ลุกขึ้นเต้น แน่นอกหรือไงวะ ไอ้นี่พูดอะไรไม่คิด” ผมตอบติดตลกแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ตลกด้วย
“มึงเป็นอะไรไปวะ ไอ้เล็ก” ผมเริ่มเครียดเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเอาแต่จ้องหน้าผม
“เมฆ กูขอถามอะไรมึงสักอย่างได้ไหม”
“อะไร”
“มึงยังรักพี่ชายกูอยู่หรือเปล่า” ไอ้เล็กถามเสียงเครียด ส่วนผมก็ทำได้แค่เงียบ
“ตอบกูมาสิ ว่ามึงยังรักพี่ชายกูอยู่ไหม”
“มึงถามกูทำไม”
“เพราะกูกำลัง ตัดสินใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องสำคัญของพี่กูให้มึงรู้หรือเปล่า” มันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะมองผมด้วยแววตาคาดคั้น
“มึงจะถามกูทำไม ในเมื่อมึงก็รู้” ผมตอบเสียงเบา แม้ว่าปากจะพร่ำบอกว่าเกลียดพี่ใหญ่มากแค่ไหน แต่สุดท้าย ผมก็ไม่เคยหนี
หัวใจตัวเองพ้นเลยสักครั้ง จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังรักเขาอยู่เหมือนเดิม
“เมฆ มึงจะทิฐิ ไปจนถึงเมื่อไหร่ บางครั้ง ทิฐิ มากจนเกินไปมันก็ไม่ได้ทำให้มึงมีความสุขหรอกนะ”
“มึงต้องการจะบอกอะไรกู”
“พี่ใหญ่ กำลังจะแต่งงาน”
“มึงว่าอะไรนะ” ผมถามย้ำ ไม่แน่ว่าเมื่อครู่ผมอาจจะฟังผิด
“กูบอกว่าพี่ใหญ่ กำลังจะแต่งงาน”
“กะ ก็ดีแล้วนิ เขาจะแต่งงานมันเป็นข่าวดีไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้เมฆ!!! กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ เมื่อไหร่มึงจะยอมรับหัวใจตัวเองสักที กูรู้ว่าพี่กูมันเลว และทำร้ายมึงสารพัด แต่กูทนไม่ได้ ทนไม่ได้ที่เห็นคนที่กูรักสองคนต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้ มึงคิดว่ากูมีความสุขเหรอที่ต้องทนเห็นพี่ชายตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เห็นเพื่อนรักของกูเอาแต่ร้องไห้ กูก็ทุกข์ไม่ต่างจากมึงหรอกนะ” ไอ้เล็กตะคอก มันคงถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะต่อให้มันโกรธมากแค่ไหนคนเดียวที่มันจะไม่ขึ้นเสียงใส่ก็คือผม..
“เล็ก คือ กู”
“มึงรู้อะไรไหม พี่ชายกู เขากำลังจะไป อเมริกา แล้วกูก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา หรือบางทีพี่ใหญ่อาจจะไม่กลับมาอีกเลย
ตลอดชีวิต สมใจมึงแล้วสิ หึ”
ผมได้แต่ยืนอึ้งเมื่อไอ้เล็กพูดจบ ไม่กลับมาอีก หมายความว่ายังไง
“ทะ ทำไม” ผมถามเสียงแผ่ว มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่พี่ใหญ่ต้องทำแบบนั้น
“เพราะว่า พี่กูทำตามที่มึงบอกไง เขายอมแต่งงานกับ ยัยคุณแพรอะไรนั่นเพื่อ กลบข่าวพวกนั้น ยอมไปอยู่เมืองนอกเพราะไม่
อยากให้มึงต้องทนเห็นหน้าเขาอีก ”
“เล็ก” ผมเรียกชื่อเพื่อนเสียงแผ่ว ก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้
พี่ใหญ่ไปแล้ว ไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่ผมควรจะดีใจ แต่ทำไม ผมถึงไม่ดีใจสักนิด
“กูรักมึงนะเมฆ เพราะกูรักมึง กูถึงไม่อยากเห็นมึงเจ็บ เพราะทิฐิ เหมือนที่กูเจ็บ ทิฐิ ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขนะเมฆ วางมันลงแล้วเดินตามหัวใจตัวเองซะ”
“แต่กูกลัว กลัวว่าตัวเองจะต้องกลับไปอยู่ในบ่วงเก่าๆ อีก”
“กูรู้ว่ามึงกลัว ใจจริงกูก็กลัวไม่ต่างจากมึงหรอกนะ กูรู้ว่าพี่ชายกูมันไม่น่าให้อภัย มันสำควรได้รับการลงโทษ แต่กูขอร้องได้ไหม
อภัยให้พี่ใหญ่เถอะนะ มึงมีความสุขเหรอกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทำไมถึงไม่ทำตามหัวใจตัวเองสักที “
“เล็ก”
“กูรู้ ว่าคำขอของกูมันออกจะ เข้าข้างพี่ใหญ่ไปหน่อย แต่กูก็เป็นห่วงมึงมากนะ อย่าฝืนใจตัวเองอีกเลย”
ผมมองเพื่อรักที่ยืนอยู่ก่อนจะโผเข้ากอดมันแน่น ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาตัวผมเองไม่มีความสุขเลยสักนิด ที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพราะความกลัวทำให้ผม ต้องป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด แต่ดูเหมือนว่ายิ่งสร้างกำแพงสูงมากเท่าไหร่ คนที่เจ็บกลับกลายเป็นผมเอง ผมเป็นคนโง่ ผมรู้ตัวดี โง่ที่รักคนๆหนึ่งจนไม่เหลือพื้นที่ไว้ให้ใคร แม้จะต้องร้องไห้สักกี่ครั้ง เสียใจสักกี่หน ผมก็ยังรักเขาอยู่เหมือนเดิม
“เมฆ อย่ามัวร้องไห้ เครื่องพี่ใหญ่จะออก ตอนบ่ายโมง เราต้องรีบแล้วนะ” ไอ้เล็กบอกก่อนจะลากผมไปขึ้นรถของมันทันที
ตลอดทางผมเอาแต่จ้องถนนสลับกับมองนาฬิกาที่วันนี้เหมือนจะพร้อมใจกันเดินเร็วจนผมเป็นกังวล
ขอให้ไปทันด้วยเถอะ ผมได้แต่ภาวนาในใจ แม้ว่าความหวังมันจะเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ตาม
พี่รักเมฆนะ….
คำบอกรักของเขายังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม แววตาจริงจังแต่กลับจริงใจนั้น ทำให้ผมใจสั่นได้ทุกครั้งที่นึกถึง หากว่าวันนี้ พระเจ้ายังเข้าข้างผม ผมก็คงได้บอกประโยคที่เก็บมันเอาไว้มานาน ประโยคที่เขาเคยรับฟังแต่ไม่เคยรับรู้
เมฆก็รักพี่นะครับ…
รถของไอ้เล็กพาผมฝ่าจราจรที่ติดขัดมาอย่างยากเย็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำให้รถบนถนนมีมากกว่าปกติ กว่าจะขับมาถึงสนามบินได้ ก็เล่นเสียเวลาไปนานพอสมควร
“ไม่มีเวลาแล้ว เร็วๆสิวะ” ไอ้เล็กเร่งก่อนจะลากผมให้วิ่งตามเข้าไปในสนามบิน ก่อนจะหยุดลงที่เคาร์เตอร์ของสายการบิน
“คุณครับ เที่ยวบินที่จะไปนิวยอกร์ บ่ายโมงเครื่องออกหรือยังครับ”
“เพิ่งออกไปได้ ราว 10 นาทีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานสาวถาม ก่อนที่ผมจะส่ายหน้า เบาๆ
“เมฆ ไม่เป็นไรนะ”
“เล็ก กูมาไม่ทัน กูมาไม่ทันใช่ไหม” ผมโผเข้ากอดเพื่อนรักแน่นก่อนจะปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร ผมมาไม่ทัน พี่ใหญ่ไปแล้ว ไปแล้วจริงๆ
“เมฆ อย่างร้องสิวะ”
“เล็ก นี่คือบทลงโทษของกูใช่ไหม มันคือบทลงโทษของความทิฐิ ของกูใช่ไหม”
ผมร้องไห้พลางกอดเพื่อนรักเอาไว้แน่น
เจ็บ..
เจ็บกับความดื้อรั้นและทิฐิ ของตัวเอง
กว่าที่ผมจะรู้ ทุกอย่างมันก็สายจนเกินไปแล้ว
มันสายเกินไป……
“เมฆ มึงโอเคไหม” ไอ้เล็กถามหลังจากที่ผมนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ที่สนามบินจนกลับมาถึงบ้าน
“ถ้ากูบอกว่ากูโอเค มึงเชื่อไหมล่ะ” ผมบอกก่อนจะยิ้มเยาะให้ตัวเอง
“กูเชื่อก็บ้าแล้ว มึงร้องไห้กับกูก็ได้นะ แต่อย่างเงียบแบบนี้ กูไม่สบายใจเลยที่มึงเอาแต่เหม่อ มันดูเหมือนไม่ใช่ไอ้เมฆคนเดิมที่
กูรู้จักเลยสักนิด”
“กูที่มึงรู้จักเป็นยังไงเหรอ”
“มึงเหรอ ก็นาย เมฆา รูปหล่อ หน้าม่อ พ่อทุกสถาบันไง มึงไม่เห็นจะเคยหงอยแบบนี้เลย ยิ้มหน่อยสิ ทุกอย่างมันมีทางออก
เสมอ กูจะช่วยมึงเอง” ไอ้เล็กบอกก่อนจะตบอกตัวเองเบาๆ
“มึงไม่มีวันร้องไห้ คนเดียวจำไว้นะ มึงจะมีกูเป็นเพื่อนเสมอ ลืมไปแล้วไง เราสองคนจะไม่มีวันทิ้งกัน ถ้ามึงทุกข์ กูคงมีความสุขไม่ได้หรอกนะ”
“ขอบใจนะ” ผมยิ้มให้เพื่อนรักคนเดียวของผมก่อนที่มันจะยิ้มตอบ
“อย่ามาทำซึ้งกับกู ขนลุก แต่เดี๋ยวกูต้องหาวิธี ทวงพี่ใหญ่ให้มึงก่อน ” มันบอกด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมเกือบหลุดขำ นานแค่
ไหนแล้วนะ ที่ผมไม่ได้คุยกับมันจริงๆจังๆแบบนี้
“แต่พี่มึง กำลังจะแต่งงานนะ”
“มึงเป็น นางเอกละครไทย หรือไงเล่า ของแบบนี้มันต้องแย่งมาสิวะ พวกมึงสองคนรักกัน แต่ยัยนั่นต่างหากที่มาแทรก ไม่ต้องห่วงนะเมฆ น้องพระเอกอย่างกูจะช่วยมึงเอง”
“แล้วมึงจะทำไง” ผมเลิกคิ้วถาม
“นี่มึงตกลงจะแย่งพี่กู แล้วว่างั้น” มันไม่ยอมตอบคำถามแต่เลือกที่จะถามผมแทน
“พอดีกูเป็นคนโง่ว่ะ โง่ที่ต่อให้นานแค่ไหน กูก็ยังตัดใจจากพี่มึงไม่ได้ ความรักของกูก็เป็นความรักโง่ๆ แต่คนโง่อย่างกูก็อยากจะยึดความรักนั้นมาเป็นของตัวเองสักครั้ง”
“พูดธรรมดาก็ได้มั้ง พูดให้ตีความทำไมวะ สรุปคือ มึงจะแย่งผะ…. พี่กูกลับมา ใช่ไหม”
“เออ ไอ้นี่ให้กูใช้คำยากๆหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า มึงจะได้เห็นถึงอัจฉริยภาพทางภาษาของกู”
“แต่งานนี้ สองคนท่าจะไม่รอด กูว่าเราต้องมีแนวร่วม!!!” ไอ้เล็กบอกอย่างหมายมาด ถ้ามันขึ้นไปยืนบนโต๊ะได้มันคงทำไปแล้ว
เดี๋ยวนะ นี่มันนิยายดราม่าไม่ใช่เหรอ ทำไมบรรยากาศมันถึงได้ดู ตลกแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยไอ้เล็กมันก็ทำให้ผมหาย
เครียดไปได้บ้าง
“แล้วใครล่ะ จะมาร่วมมือกับเรา”
“เขาคือ….”
“แม่เองค่ะ!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ป้าทิพย์จะเดินเข้ามาในบ้าน
“ป้าทิพย์”
“ป้าอะไรกัน เรียกแม่สิคะ คุณลูก จริงไหมเจ้าเล็ก” ป้าทิพย์เอ็ดเบาๆ พลางนั่งลงข้างๆผม
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องคิดปิดคนแก่เลยนะ แม่น่ะรู้เรื่องทุกอย่างตั้งนานแล้ว แต่ไม่อยากจะเข้ามายุ่งมากเพราะมันเป็นเรื่องของเราสองคน เดี๋ยวจะโดนถอนหงอกซะเปล่าๆ แต่ดูเหมือนแม่คงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วสินะ”
“แล้วคุณป้าไม่ รังเกียจผมเหรอครับ” ผมไม่คิดว่าจะมีพ่อแม่คนไหนทำใจยอมรับได้ถ้าลูกชายตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายทั้งสองคน
“รังเกียจทำไมคะ ป้าเห็นเรามาตั้งแต่เด็ก เมฆเป็นเด็กดี ช่างเอาอกเอาใจ ป้ายังเคยแซวเลยว่าอยากได้เมฆเป็นสะใภ้ และที่
สำคัญ รวยมากด้วย ”
“แม่!!” ไอ้เล็กอุทาน ก่อนที่ป้าทิพย์จะหัวเราะร่วน
“ฉันล้อเล่นย่ะ เรื่องเงินทอง ฉันปลงได้ตั้งนานแล้ว ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่แค่อยากเห็นลูกยิ้มเท่านั้น แม่เองก็รู้สึกผิด
เหมือนกันที่มีส่วนทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งขึ้น เมฆไม่ต้องกลัวนะลูก เดี๋ยวแม่จะไปลากคอลูกชายแม่กลับมาเองค่ะ ” ป้าทิพย์
บอกก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด
“แล้วเรื่องพ่อ ล่ะครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกลูก แม่ไปคุยกับคุณทินกรแล้ว พ่อของเมฆไม่ขัดข้องอะไร แต่คงต้องรอให้กลับมาจากญี่ปุ่นก่อน ถึง
ตอนนั้นแม่คงต้องมาขอลูกชายเขาไปเป็น สะใภ้ จริงไหมคะ” ป้าทิพย์บอกก่อนจะยิ้มล้อเลียน
“ยิ้มได้แล้วสินะมึง”
“อืม”
…………44………
ผมกำตั๋วเครื่องบินในมือแน่นก่อนจะถอนหายใจ เพื่อไล่ความกังวลที่มันเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า ที่ให้อภัยพี่ใหญ่ง่ายๆทั้งๆที่เขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่จะบอกว่าให้อภัยก็คงไม่ถูกนัก เพราะความจริงผมไม่เคย โกรธ เขาด้วยซ้ำ แต่ผมแค่ กลัว กลัวว่าตัวเองต้องกลับไปเจ็บปวดอย่างที่เคยเป็นต้องกลับไปเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา เป็นเงาของใครอีกคนที่เขารัก ผมคงโง่อย่างที่ใครหลายคนบอกจริงๆ แต่ความรักโง่ๆของผม มันก็ออกมาจากหัวใจ ในวันนี้ ผมอยากจะลองเสี่ยงที่จะทำตามหัวใจดูสักครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าอนาคตมันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ผมก็ยินดีที่จะลอง เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
“มึงพร้อมไหม” ไอ้เล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้นก่อนที่จะตบบ่าผมเบาๆ
“พร้อมไม่พร้อม ก็ต้องพร้อม แล้วล่ะ” ผมตอบก่อนจะยิ้มให้มัน
“อาเมฆ จะไปเล่นอะไรเหรอครับ ทำไมต้องพร้อม ให้พีพี เล่นด้วยได้ไหม” เสียงเล็กๆของพีพี ถามขึ้นก่อนจะเจ้าตัวยุ่งจะจ้องผม
ตาแป๋ว
“อาเมฆ กำลังจะเตรียมตัว พาพีพี ไปเที่ยว อเมริกาไงครับ อยากไปไหมเอ่ย” ผมหันไปบอกเจ้าตัวแสบพลางขยี้ผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“เง้อ อย่าขยี้ผม พีพี สิเดี๋ยวไม่หล่อ แต่ว่า พีพี อยากไปอเมริกานะครับ เอาไว้ถ้าถึงแล้ว อาเมฆต้องพาพีพี ไปเที่ยวด้วยนะ สัญญาเลย สัญญา” เจ้าตัวแสบที่วุ่นกับการจัดทรงผมใหม่บอกก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญากับผม
“อ้าว แล้วพีพี ไม่ไปกับคุณพ่อ แล้วก็คุณป๋าเหรอครับ”
“ไปไม่ได้หรอกครับ คุณป๋าบอกว่า ไปเที่ยวคราวนี้คุณป๋าจะไป ฮันนีมูน ให้พีพี ไปอยู่กับคุณย่าไม่ก็อาเมฆ ถ้าพีพีไปกวน คุณป๋า
จะไม่มีเวลาทำน้องให้พีพี” เด็กน้อยตอบ
“ไอ้วัต!! สอนอะไรลูกห่ะ ทำไมพีพี พูดแบบนี้” ไอ้เล็กที่นั่งฟังอยู่ แหวใส่แฟนมันทันที แต่ผมเห็นหรอกว่ามันเขินน่ะ
“สอนอะไร พีพีเป็นเด็กลาด มึงไม่คิดว่าลูกจะพูดเองหรือไง”
“แต่พีพี เพิ่งหกขวบ คงไม่คิดอะไรแบบนี้หรอก ไปเมกาคราวนี้ มึงอยู่ห่างๆกูเลย กูจะไปเที่ยวกับลูก ” ไอ้เล็กบอกก่อนจะตามไปดูพีพี ที่เดินซนไปทั่ว ทิ้งให้ไอ้วัตนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ผมยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวไอ้เล็ก แม้ว่าพวกมันจะเถียงกันทุกวัน ตีกันแทบทุกชั่วโมง แต่ผมกลับรับรู้ได้ว่าพวกมันรักกันมากแค่ไหน
แล้วความรักของผมล่ะ มันจะจบลงอย่างมีความสุข เหมือนไอ้เล็กหรือเปล่า??
“แน่ใจแล้วนะ ว่าตัดสินใจแบบนี้” เสียงของคนที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถาม ก่อนที่พี่ชายคนเดียวของผมจะนั่งลงข้างๆ
“ครับ ผมแน่ใจ พี่ใหญ่อาจจะไม่ใช่คนดี แต่เขาคือคนที่ผมเลือกแล้วว่าจะรัก และก็คงไม่มีทางเลิกรัก”
“พี่เชื่อในการ ตัดสินใจของเมฆ แม้ว่าที่ผ่านมาพี่จะขัดขวางเมฆกับมันมาตลอด แต่ว่าพี่กลับไม่เคยเห็นเมฆมีความสุขจริงๆเลยสัก
ครั้ง ถ้าหากว่าครั้งนี้เมฆเลือกแล้วพี่จะไม่เข้าไปห้ามอีก แต่พี่จะอยู่ข้างๆเมฆตลอดไป ”
“ขอบคุณนะครับ พี่ชาย” ผมยิ้มก่อนจะกอดพี่ชายคนเดียวของตัวเองแน่น
“ไปเถอะ ลูกได้เวลาแล้ว” ป้าทิพย์เรียกก่อนที่ผมจะกอดลาพี่ชายแล้วเดินตามป้าทิพย์เข้าเกทไป
“แม่ขอบใจเมฆ มากนะ ที่ยอมมากับแม่” ป้าทิพย์บอกกับผมหลังจากที่นกเหล็กพาเราทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้าประเทศไทย
“ครับ” ผมเลิกคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ
“แม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเมฆต้องเจ็บปวดเพราะตาใหญ่มามาก แม่ขอบใจมากนะ ที่เมฆยอมยกโทษให้ลูกชายของแม่” ป้าทิพย์บอกพลางจับมือผมแน่น
“ขอบใจมากที่เข้าใจตาใหญ่ ขอบใจที่รักลูกชายของแม่ แม่ขอบใจจริงๆนะลูก”
“ตั้งแต่คุณพ่อเขาเสีย ตาใหญ่ต้องกลายเป็นผู้นำของ สิริพิทักษ์ ตั้งแต่ยังเด็ก ต้องทิ้งความฝันที่อยากเป็นหมอเพื่อจะเรียนบริหาร ต้องทำตัวเข้มแข็งเพื่อเป็นผู้นำของตระกูล ต้องฝ่าฟันกับพวกแร้งกาที่หวังจะทำลาย สิริพิทักษ์ ให้ย่อยยับ สำหรับใหญ่แล้ว ชื่อเสียงของ สิริพิทักษ์ คือสิ่งที่ต้องรักษา เพราะมันคือ คำสั่งสุดท้ายของพ่อเขา แม่รู้มันว่ามันฟังดูเห็นแก่ตัว เมื่อตาใหญ่เลือกชื่อเสียง มากกว่าความรัก แต่แม่เชื่อว่าตาใหญ่ก็คงไม่มีความสุขหรอกนักหรอกที่เลือกแบบนี้ ”
“ครับ” ผมยิ้มพลางจับมือของป้าทิพย์ไว้แน่น
ผมไม่รู้หรอกว่านิยามความรักของคนอื่นเป็นแบบไหนแต่ถ้าจะให้ผมนิยามความรักของตัวเองผมว่า ความรักของผมคงเป็น “ความรักของคนโง่” ผมก็เป็นเพียงแค่คนโง่คนหนึ่งที่ยอมทุกอย่างเพื่อคนที่ผมรัก แม้ว่าจะต้องเจ็บปวด แต่นั่นคือทางที่ผมได้เลือกแล้ว
….ชลธร….
ผมลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไม ทุกเช้าที่ลืมตามันถึงได้อยากขนาดนี้นะครับ
“คุณใหญ่ ตื่นแล้วเหรอคะ แพรกำลังจะมาปลุกพอดีเลย ไปอาบน้ำแล้วไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ วันนี้ เรามีนัดถ่ายรูปนะคะ” คุณแพรเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกผมด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” ผมตอบรับแกนๆ ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมมองภาพสะท้อนในกระจกพลางยกยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง ผมกำลังสมเพช ตัวเองที่ขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับคนรอบข้างยามที่ต้องตอบคำถาม เกี่ยวกับข่าวพวกนั้น แต่ ผมยังคงต้อง รักษา ชื่อเสียง ของ สิริพิทักษ์ ผมทิ้งมันไปไม่ได้ เพราะมันคือหน้าที่ คำสั่งสุดท้ายของพ่อที่ผมยังคงจำมันได้ดี ผมไม่มีวันยอมให้ สิริพิทักษ์ ต้องด่างพร้อยเพราะผม แม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วย การทำร้าย หัวใจของตัวเอง หรือ การที่เมฆเกลียดผมไปตลอดชีวิต
ก๊อกๆๆ
“คุณใหญ่คะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงคุณแพรดังขึ้นหน้าห้อง ก่อนที่ผมจะตอบออกไป
“เปล่าครับ คุณแพรตั้งโต๊ะเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไป” ผมอาบน้ำอย่างรีบร้อนเพราะไม่อยากให้คุณแพรรอนานจนต้องเข้ามา
ตาม ซึ่งผมจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเธอต้องการ คุม มากกว่าเป็นห่วง
“ทานเถอะค่ะ วันนี้แพรทำไข่เจียว ของโปรดของคุณด้วยนะคะ” คุณแพรยิ้มก่อนจะตักข้าวให้ผม แล้วกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
“ไม่น่าลำบากเลยนะครับ”
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ แพรเต็มใจ อย่าลืมสิเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันนะคะ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ” เธอยิ้มก่อนจะกุลีกุจอ ตักไข่เจียวให้ผม
กับข้าว ที่ทำให้ผม นึกถึง ใครบางคน
“คุณใหญ่แพรดูเป็นยังไง บ้างคะ” คุณแพรถามด้วยเสียงร่าเริง พลางหมุนตัวไปรอบๆให้ผมดู ผมไม่ปฏิเสธว่าเธอดูสวย และ น่ารักมากในชุดสีขาว ฟูฟ่องที่เหมือนเจ้าหญิงในนิทานของดิสนีย์ แต่ แม้ว่าเธอจะ น่ารัก แต่เธอ ไม่ใช่คนที่ผม รัก
“คิดอะไรอยู่คะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ
“เปล่าครับ ไปเถอะ ช่างภาพเขารอนานแล้วนะครับ” ผมพยายามเลี่ยงที่จะตอบ ก่อนจะเดินนำเธอออกมาจากห้องแต่งตัว
“ไม่ค่ะ คุณใหญ่ตอบแพรมาก่อนสิคะ ว่าคิดอะไรอยู่ คุณคิดถึงมัน ใช่ไหม ” เธอตะคอกพลางรั้งผมให้กลับเข้ามาในห้อง
“ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้นครับ ไปเถอะ เราสายมากแล้ว”
“แพรไม่ไป อุส่าห์มาถึงตั้ง อเมริกา คุณยังคิดถึงมันอีกหรือไง มันมีอะไรดันักหนาคุณถึงลืมมันไม่ได้ อย่าลืมสิว่าคุณกำลังจะแต่งงานกลับแพรนะ!!”
“ผมว่า เราคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วนะครับ ผมขอตัวเอาไว้คุณพร้อมเมื่อไหร่ค่อยไปเรียกผมแล้วกัน” ผมบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ก่อนจะหันหลังเดินออกจากสตูดิโอเพื่ออกมาสูดอากาศ ข้างนอก แต่มือเรียวของอีกคนก็ยังไม่ยอมให้ผมไปไหน
“ทำไมจะไม่รู้เรื่อง คุณนั่นแหล่ะที่พูดไม่รู้เรื่อง แพรบอกแล้วไงคะ ว่าห้ามคุณติดต่อหรือพูดคุยกับมันอีก หรือแม้แต่คิดถึงก็ห้าม!!!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ ผมก็ยอมคุณแล้วไง คุณจะเอาอะไรกับผมอีก!!! แล้วก็เลิกเรียกเมฆว่ามัน ซะที เมฆคือคนที่ผมรัก ไม่ว่าจะวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ เขาก็คือคนที่ผมรัก ”
“ทำไมคะ ทำไมคุณถึงรักมัน แพร ด้อยกว่ามันตรงไหน ทั้งชื่อเสียง เงินทอง ชาติตระกูล แพรด้อยกว่ามันตรงไหนกัน!!!” เธอ
ตะคอกก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้แล้วปล่อยโฮอย่างหนัก ผมได้ทึ้งผมที่ถูกเซตอย่างดีเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะมองร่างบางที่สะอื้นอยู่ อย่างเหนื่อยใจ
“คุณไม่ได้มีอะไรด้อยกว่าเมฆเลยสักนิด แต่ เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอกนนะครับ ” ผมพยายามอธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น หวังแค่ขอให้เธอเข้าใจ เข้าใจสักนิดว่า ชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ไม่มีทางที่จะมีความสุข
ผมปล่อยให้คุณแพรใช้ความคิดอยู่ในห้องแต่งตัวคนเดียวก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกอย่างที่ตั้งใจ
ผมไม่รู้หรอกว่านิยามความรักของคนอื่นเป็นแบบไหนแต่ถ้าจะให้ผมนิยามความรักของตัวเองผมว่า ความรักของผมคงเป็น “ความรักของคนโง่” ผมก็เป็นเพียงแค่คนโง่คนหนึ่งที่พยายามหาทางออกให้ความรักที่ไม่ลงตัวด้วยวิธีโง่ แต่คนโง่ ก็ใช่ว่าจะรักใครไม่เป็น
ความรักฉันแม้ใครมองมันเป็นความรักที่โง่ๆ
ไม่มีจุดหมาย ไม่เห็นปลายทาง ยังรักให้ได้อะไร
แต่อย่างน้อยรักโง่ๆ ก็กลั่นออกมาจากหัวใจ
ก็เพราะรักเธอมากมาย เพียงเธอสุขใจ ถึงแม้ความตายฉันก็ยอม
.....TBC..........
ไปหาเพลง รักของคนโง่ กราวิตี้ ฟัง นะคะ มันจะฟินมาก ฮ่าๆๆ
ปล เรารู้นะว่าทุกคน กำลัง ว่าเราอยู่
แต่พล็อตมันมาแบบนี้ จริงๆ นี่นา
ปล 2 ถ้าเปรียบความรัก จอง เล็กและวัต เป็นความรักของคนบ้า
ความรักของใหญ่กับเมฆ ก็คงเป็น ความรักของ คนโง่ นั่นแหล่ะค่ะ
ขอให้มีความสุข เอ่อ อันนี้ไม่แน่ใจ ว่าจะไหม กับการอ่านะคะ