ตอนที่ 5 : STALKER เล่น โรลเลอร์โคสเตอร์ “ส้ม เดซี่ เจ้า เดี๋ยววันนี้ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ”
“ไปไหนวะ มึงก็พูดให้มันครบๆ จะอมพะนำไว้ทำไม ตั้งแต่ผันตัวมาชอบผู้ชายนี่ฝึกอมจริงนะมึง”
“เหี้.....อุ๊บ..” ผมรีบตะครุบปากตัวเองไว้ก่อนจะด่าไอ้ส้มออกไป
“เป็นอะไรของมึง”
“กูขอประกาศไว้ตรงนี้ กูได้ตัดสินใจแยกทางกับพี่เหี้ยอย่างถาวรแล้ว ถ้าวันไหนกูเผลออาลัยอาวรณ์พี่มันเช่นวันนี้
ฝากพวกมึงช่วยตบกะโหลกกูที”
“โต๊ะตั้งแต่มึงได้คุยกับพี่เหนือ มึงเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“เออน่าเรื่องของกู” ผมตัดสินใจเด็ดขาด เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ
“แล้วตกลงโต๊ะจะชวนไปไหน” เจ้ามันคงขี้เกียจรอเลยถามเสียเอง
“น้องข้าวเจ้าจะรายงานผู้บังคับบัญชาเหรอคะ” ไม่ต้องเดาครับ เดซี่เท่านั้นที่คู่ควร
“มึงนี่ก็ชอบแซวเจ้ามัน กูจะชวนไปดูพี่เหนือเล่นดนตรีงาน Love is in the air งานหาทุนออกค่ายของคณะวิศวะ พี่สกาย
ก็เล่นวงเดียวกับพี่เหนือ เจ้าไม่ต้องรายงานก็ได้ ยังไงก็เจอ.. อุ๊บ..” กูไม่ได้เจตนานะเจ้า เดซี่มันทำกูหลงทางเป็นคนไม่ดี
“ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้คะ แม่งไม่ใช่แค่ถูกรางวัลเลขท้ายสามตัวนะ กูเดารางวัลที่หนึ่ง6ตัวได้ถูกเป๊ะ ชีวิตไอ้โต๊ะมันจะมี
อะไรอีกไหมนอกจากพี่เหนือ”
“มึงนี่ กูจะชวนไปทำบุญต่างหาก พี่เขาหาเงินไปออกค่ายสร้างอาคารเรียนให้เด็กต่างจังหวัด”
“เหรอออ!!” สามทหารเสือจริงๆ รู้ไม่ทันผมสักเรื่องจะได้ไหม
“ไปก็ได้ ทั้งเพื่อนเขย ทั้งเหยื่อSTALKER อยู่ครบ แถมผู้ชายวิศวะฯอีกเป็นกระตัก เดซี่ไปค่ะ”
“เออกูไปด้วย เห็นแก่มึงนะ ผู้ชงผู้ชายอะไรกูไม่อยากดูหรอก”
“เหรอออ!!” เป็นความสุขเล็กๆ ของผมที่ได้คอรัสคำนี้กับเขาบ้างหลังจากโดนมาโดยตลอด ผลัดๆ กันนะส้ม
+++++++++++++++++++++++
“กูควรซื้อกี่ดอกดีวะ” ผมมองซุ้มขายดอกกุหลาบหน้างาน
“มึงรักพี่เรดมากแค่ไหนมึงก็ซื้อแค่นั้นแหละ” เมื่อไหร่ที่เป็นเรื่องลับๆ พวกผมจะใช้ชื่อนี้แทนทันที
“งั้นพวกมึงรอกูแป๊บ กูไปเหมาดอกไม้ปากคลองตลาดก่อน แค่นี้มันไม่พอกับความรักของกู”
“เหี้ยโต๊ะ!!”
“กูล้อเล่น กูก็อยากตอบแทนสังคมบ้าง มึงก็ต้องช่วยกันซื้อ ดอกละ 20 บาท วงไหนหล่อมึงก็ประเคนเข้าไป ได้ทั้งจีบหนุ่ม
ได้ทั้งบุญในงานเดียวกัน”
“มึงก็ซื้อด้วยสิเจ้าให้พี่สกายมัน” ผมหันไปชวนคนที่ยืนเงียบๆ ราวกับไม่อยากมีส่วนร่วม
“ไม่”
“มึงแดกน้ำมันรถพี่มันมาสามวันแล้วมึงต้องซื้อค่ะ” เห็นไหมครับ เดซี่มันพูดจริงทำจริง มันบอกจะชงมันก็จัดให้
“งั้นเจ้าซื้อ เดซี่เป็นคนเอาไปให้”
“ไม่ค่ะ เดซี่จะไม่ยอมเป็นทางผ่านให้ใคร ถ้าไม่ได้กินด้วย NOค่ะ”
“ไม่ต้องมองกู กูเป็นผู้หญิงกูต้องเป็นกุลสตรี ม้าบอกไม่ให้ให้ดอกไม้ผู้ชายก่อน”
“งั้นอย่าให้เจ้าเห็นนะว่าส้มเอาดอกไม้ไปให้หนุ่มคนไหน”
“กูยังพูดไม่จบ ไม่ให้ให้ดอกไม้ผู้ชายก่อน เว้นแต่คนนั้นกูอยากได้ จบไหมคะ”
“ไม่ต้องมองโต๊ะ โต๊ะไม่อยากให้เพื่อนรักแตกคอกันเพราะผู้ชายคนเดียว” ผมรีบชิงพูดขึ้นก่อน ไม่อย่างนั้นอย่างผมหรือ
จะกล้าขัดใจไอ้เจ้า
“มั่นหน้ามากนะมึง พี่ๆ เขาผลัดกันถีบมึงไปให้อีกคนสิไม่ว่า เอางี้คนละสิบดอกถือว่าทำบุญร่วมกัน เดี๋ยวกูไปจัดการให้
แล้วจะให้ใครค่อยว่ากันอีกที”
“ตกลง” พวกผมควักตังค์ให้ส้มไปคนละ 200 ครู่เดียวดอกกุหลาบหอบใหญ่ก็มาถึง
“คนละสิบดอก” ส้มแบ่งดอกไม้ให้แต่ละคนถือ ผมนี่รับมาแล้วไม่รู้จะถือยังไง มันไม่เข้ากับหน้าเนิร์ดๆ ของผมสักนิด
ดูเหมือนหนุ่มเด๋อจะไปสารภาพรักกับสาวยังไงยังงั้น
“ไปค่ะ ก่อนที่นั่งดีๆ จะหายหมด กูต้องได้นั่งชิดติดขอบเวทีเท่านั้น” เดซี่จ้ำอ้าวนำพวกผมเข้าไปข้างใน
กล้องพร้อม เมมฯเคลียร์มาหมดจด เลนส์วายเลนส์ซูมพกมาเต็มกระเป๋า ผมเตรียมพร้อมยิ่งกว่าถ่ายงานส่งอาจารย์อีก
“มึงเห็นพี่เหนือบ้างยังวะ ดอกไม้กูจะหมดแล้วเนี่ย” เดซี่ชูกุหลาบที่เหลือแค่สองดอกให้ดู ผู้ชายคนไหนกล้ามใหญ่
มันให้เขาหมด ยังไม่ถึงครึ่งทางก็เหลือแค่นี้
“ยังเลย กูก็มองๆ หาอยู่ วงพี่เหนือคงขึ้นหลังๆ มั้ง ของดีเขาต้องเก็บไว้ท้ายๆ ใช่ไหมวะเจ้า”
“ไม่รู้ จะรู้ได้ยังไง”
“ได้จากผู้บังคับบัญชามึงไงคะ ไหนเอาไลน์มาอ่านสิ ไม่ส่งข่าวมาบอกเหรอ”
“ยุ่ง” สำหรับไอ้เจ้าแล้ว คำว่ายุ่งของมันแปลว่าจริงครับ พวกผมแค่แหย่มันเล่นแต่ไม่กล้าเซ้าซี้มาก ฤทธิ์เดชมันใช่ย่อย
ให้มันเย็นๆ ไว้แบบนี้แหละดีแล้ว
“มึง พี่เหนือมาแล้ว”
พี่เหนือ พี่ต่อ พี่สกาย เดินขึ้นมาบนเวที เรียกเสียงกรี๊ดดังแบบหูดับตับไหม้ จนคนบนเวทีต้องใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก
พร้อมรอยยิ้ม คาริสม่าพี่แกล้นมาก ไอ้โต๊ะเกือบตายคากล้อง กดชัตเตอร์รัวๆ กลัวจะพลาดช็อตเด็ด
“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานครับ หวังว่าจะสนุกไปด้วยกัน” พี่เหนือหันไปพยักหน้าให้พี่ต่อกับพี่สกายนิดนึง แล้วเสียงดนตรี
จากกีต้าร์โปร่งก็ดังขึ้น
หากลมพัด ไม่ปลิวปลิดใบไม้ไหว เธอนั้นเพียงเดินผ่านไป
อาจเป็นเสี้ยวนาทีที่ฉันและเธอคลาดกัน
หากดอกไม้ ผลิบานอย่างไร้สีสัน
ไม่งดงามพอให้ฉัน หยุดและพบเธอในตอนนั้น วันนี้จะเป็นอย่างไรพี่เหนือร้องเพลงพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ผมมองผู้ชายตรงหน้าผ่านกล้องในมือ รู้สึกได้ว่าพี่เหนือกำลังมองหา
ใครบางคนอยู่ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าสายตาพี่เหนือหยุดชะงักที่ผม รอยยิ้มมุมปากกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง ยิ้มไปถึงดวงตา
ก่อนว่ารักมีเพียงความฝัน กลับได้พบเมื่อเธอเข้ามา
จับมือเธอ ซบลงตรงข้างกัน ขออยู่อย่างนั้นเหมือนเวลาไม่หมุนไป “พี่เหนือมองมึงหรือเปล่าวะโต๊ะ กูว่าพี่มันจ้องมาทางนี้นะ” ส้มกระซิบข้างหูผม ผมส่ายหน้าให้มันช้าๆ
“ไม่ใช่กูหรอก”
“เฮ้ย!! พี่มันโบกมือด้วย” พี่เหนือยกมือขึ้นโบกไปมา คล้ายเจอคนที่มองหาแล้ว
จะไม่ทิ้งเธอไปจากฉัน จากวันนี้จนนานแค่ไหน
จะขอ แค่มีเธอข้างกาย โชคดีแค่ไหนเมื่อหมดใจที่ฉันมี ได้พบเธอ“โต๊ะ เอาดอกไม้ไปให้พี่เหนือสิเร็ว” เจ้าที่นั่งอยู่ด้านหลังผมสะกิดบอก
“อืม..อืม..ผมรีบหยิบดอกกุหลาบที่วางไว้บนกระเป๋ากล้อง ผมยังไม่ได้ให้ใครแม้แต่ดอกเดียว
ผมลุกขึ้นยืนก้าวผ่านหน้าส้มเพื่อออกสู่ทางเดิน แต่มีใครบางคนจากด้านหลังเดินผ่านผมไป
เมื่อลมหนาว ปกคลุมเส้นทางทุกสาย
ถ้ารถขบวนสุดท้าย หยุดและรับเธอไปห่าง ก็ไม่อาจได้พบกัน
ถ้าบนฟ้า มืดมนไม่มีแสงจันทร์ เพียงก้าวเดียวที่ผ่านฉัน
เธอไม่แหงนขึ้นมองบนนั้น คงไม่มีวันได้เจอ“ส้มฝากมึงเอาไปให้พี่เหนือแทนกูหน่อยสิ” ผมถอยกลับมายังเก้าอี้ของตัวเอง ยื่นดอกไม้ในมือให้ส้ม
“ทำไมมึงไม่เอาไปให้พี่เหนือเองวะ”
“ก็ที่ของกูมันอยู่ตรงนี้” ผมขยับกล้องในมือให้ส้มดู ก่อนยกขึ้นแนบตาลงไป
“ตรงนั้นมันไม่ใช่”
ภาพพี่พราวกำลังยื่นดอกกุหลาบให้พี่เหนือ ฝ่ายนั้นโน้มตัวมารับ รอยยิ้มที่เขาส่งให้กัน มันดูดีชะมัด
เฝ้ารอเพื่อได้พบเธอทั้งชีวิตนี้ ทุกนาทีฉันมีแค่เธอ
เมื่อฉันได้รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีไว้เพื่อใคร เหนื่อยเพียงใดพร้อมจะเจอ
ขอแค่มีเธอและฉัน จากตรงนี้จบเพลงแล้ว ผมลดกล้องลงเปิดดูภาพที่ถ่าย พี่เหนือกำลังร้องเพลงกับพี่พราวที่ยืนยิ้มเขินอายอยู่หน้าเวที
เป็นรูปที่สวยเหี้ยๆ เหี้ยจนผมน้ำตาไหล
“งานไม่เห็นสนุกกูเบื่อแล้ว กลับกันเถอะ” ส้มเข้ามาแตะบ่าผมเบาๆ
“เฮ้ย กูไม่เป็นไร งานออกจะสนุก มึงไม่ต้องทำแบบนั้น กูโอเค”
“ห่าโต๊ะ มึงพูดไปน้ำตาไหลไป โอเคเหี้ยอะไร กลับ”
ผมรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา มันไหลออกมาของมันเอง ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น
“อย่าซีเรียสมึง เมื่อกี้กูแค่หวังสูงไปหน่อย ตกลงมาจุกไปนิดน้ำตาแม่งเลยไหล ตอนนี้โอเคแล้ว สบายมาก”
ผมพยายามทำเป็นร่าเริงไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุก พี่สกายกำลังร้องเพลง เปลี่ยนพี่เหนือมาเป็นคนดีดกีต้าร์กับพี่ต่อแทน
“เดี๋ยวโต๊ะจะถ่ายว่าที่แฟนเจ้าให้หล่อลากเลย” ผมเอนตัวไปกระซิบกับไอ้เจ้าที่นั่งอยู่ข้างหลัง ปกติมันจะรีบปฏิเสธ
แต่วันนี้เจ้าแค่พูดกับผมว่า....
“เอาสิโต๊ะ โฟกัสคนอื่นบ้างก็ดี”
แม่งเจ็บเหี้ยๆ
+++++++++++++++++++++++++++
ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ ตัดสินใจกลับกันหลังจากวงพี่เหนือเล่นเสร็จ ผมไม่ได้เข้าไปแสดงตัวให้รู้ว่าผมมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถ่ายรูปพี่เหนือแต่กลับไม่อยากเปิดดู ภาพบางภาพทั้งที่เคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้กลับทำให้เจ็บปวดเกินไป
เอาไว้ก่อน เดี๋ยวก็ดีขึ้น ผมบอกตัวเองแบบนั้น
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หลังจากผมอาบน้ำออกมาพอดี สงสัยไอ้เจ้าจะมาอยู่เป็นเพื่อน นาทีนี้ผมอยากอยู่คนเดียวมากกว่า
บางอย่างมันก็ยากจะบอกเล่า
ผมเปิดประตูออกไป
“เหี้ย” ผมชักประตูกลับแทบไม่ทัน ปิดดังปัง ลืมไปแล้วว่าจะลดละเลิกคำนี้
“โต๊ะ”
ผมยืนทำอะไรไม่ถูกไปหลายวินาที พี่เหนือมาที่นี่ได้ไงวะ
“โต๊ะ”
เมื่อเสียงเรียกชื่อผมดังอีกครั้ง ผมถึงมีสติ รีบเปิดประตูแล้วเดินออกไป พยายามแง้มประตูให้เล็กที่สุดก่อนรีบปิดตามหลัง
ให้เข้าไปไม่ได้เพราะสภาพห้องผมกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว
“พี่เหนือมายังไงครับ”
“พี่มาส่งเพื่อนแถวนี้เลยแวะเอานี่มาให้โต๊ะ” พี่เหนือส่งทรัมไดรฟ์คืนให้ผมพร้อมกับกล่องขนมเค้ก
“ลันฝากมาให้ ให้บอกโต๊ะว่าเป็นของขอบคุณ ลันชอบรูปมาก ขยายใส่กรอบเต็มบ้าน”
“พี่เหนือไม่ต้องเอามาให้ถึงนี่ก็ได้ครับ ฝากพี่สกายมาให้ก็ได้ พี่เขาแวะมาทุกวันอยู่แล้วช่วงนี้”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ทำไมรีบกลับ เห็นสกายบอกว่าเมื่อเย็นกลุ่มโต๊ะก็ไปดูไม่ใช่เหรอ พี่กะว่าเลิกงานจะเอาให้แต่หาไม่เจอ”
“ผมปวดหัวนิดหน่อยครับเลยกลับเร็ว” อยากบอกว่าปวดใจแต่คงพูดไม่ได้ เบสิกที่สุดก็ต้องปวดหัวนี่แหละ
“แล้วเมื่อกี้เราเป็นอะไร ปิดประตูใส่หน้าพี่ทำไม”
“ก็ผมตกใจนี่ครับไม่คิดว่าพี่เหนือจะมา”
“ตกใจแปลกดี พี่เกือบเดินตามเข้าไป ดีประตูไม่กระแทกหน้า”
“แหะๆ” ผมทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ ออกไป มันไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีครับ
“ว่าแต่ไม่ชวนพี่เข้าห้องเหรอ” พี่เหนือชี้ไปที่ประตูห้อง เมื่อผมเอาแต่ยืนคุยไม่ยอมขยับ
“วันนี้ห้องผมรกมากครับ มีงานต้องส่งอาจารย์ อย่าเพิ่งเข้าไปเลยนะพี่ ผมอาย”
“ไม่เห็นเป็นไร แต่เอาเถอะตามใจเรา”
“มีอีกเรื่องที่พี่ติดใจ” ผมมองหน้าพี่เหนืองงๆ ติดใจเรื่องอะไรอีก
“ตกลงจะเปลี่ยนชื่อพี่เป็นเหี้ยให้ได้เลยใช่ไหม คุยเมื่อไหร่เรียกพี่คำนี้ทุกที”
“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ” พี่เหนือกล่าวหาผมเกินไปแล้ว ปล่อยไปทักทายแค่สองสามตัวเอง จริงๆ นะ
“ให้มันจริงเถอะ คราวหน้าเรียกพี่เหี้ยอีกทีโดนดีแน่” พี่เหนือยกมือขึ้นโยกหัวผม มืออุ่นๆ ที่วางทับลงมาให้ความรู้สึกดีชะมัด
ความรู้สึกหน่วงๆ ในใจ ค่อยๆ หายไป
“เออจริงสิ งั้นโต๊ะช่วยอะไรพี่อย่าง ถือว่าเป็นการไถ่โทษครั้งนี้ดีไหม”
“ให้ทำอะไรครับ”
“ตามมา”
พี่เหนือเดินออกจากหน้าห้อง ผมรีบเอาของเข้าไปวาง หยิบกุญแจห้องปิดล็อคและเดินตามพี่เหนือไป
“ไปไหนพี่”
“ไปที่รถ” มาเป็นคำๆ จะบอกผมเลยก็ไม่ได้ว่าจะให้ทำอะไร
พี่เหนือเดินจนถึงรถที่จอดอยู่หน้าหอ กดรีโมทก่อนเปิดประตูข้างคนขับ ก้มลงไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา
“เอาไป”
ผมรับของจากมือพี่เหนือมางงๆ มันเต็มสองแขนไปหมดจนต้องกอดไว้
“นี่..นี่มันอะไรครับ”
“กุหลาบไม่รู้จักเหรอ” ดูคุณชายยักคิ้วให้ผมครับ อยากจะเอากุหลาบฟาดนัก เห็นว่าทำแล้วหล่อล่ะสิ
“พี่เหนือ ใครไม่รู้จักกุหลาบล่ะครับ ผมหมายถึง..หมายถึง..” จะให้ถามว่ายังไงดีครับ ถามว่าทำไมถึงเอากุหลาบมาให้ผมเหรอ
ก็ฟังดูใจกล้าเกินไป ผมไม่อยากหน้าแหกซ้ำสองในวันเดียวกัน
“น้องสต๊าฟขนมาใส่รถให้ พี่ขี้เกียจเอากลับบ้าน โต๊ะเอาไปที”
“นี่มันดอกไม้ที่พี่เหนือได้ตอนร้องเพลงนะครับ” ผมกะๆ น่าจะมีเกินร้อยดอก
“ดอกไม้ทำบุญ พี่บอกว่าไม่เอาสต๊าฟก็ไม่ยอม ขนมาใส่รถให้ พี่ขี้เกียจเอาไปจัดการ โต๊ะนั่นแหละต้องทำให้พี่
โทษฐานด่าพี่มาหลายหนแล้ว”
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ด่าพี่เหนือสักหน่อย มันเป็นคำติดปาก ผมกำลังพยายามเลิกอยู่ครับ”
“จริงเหรอ แล้วพี่จะคอยดู หลุดปากเรียกพี่อีกทีโดนแน่” สายตาวิบวับคาดโทษผมเป็นครั้งที่สอง คร้าบพี่ ไอ้โต๊ะกลัวแล้วครับ
“อะไร งอนก็เป็นเหรอเรา ทำปากเชิดอย่างกับตูดเป็ด” หุบสิครับ ก็มันฟังน่ารักที่ไหน หน้าก็ไม่หล่ออยู่แล้วปากยังเป็นตูดเป็ด
อีก ดีๆ ทั้งนั้น
“โอเคไม่ล้อแล้ว ชอบกุหลาบไหม”
“หะ!!” คือเปลี่ยนเรื่องไวไปไหมครับพี่
“ทำไมชอบให้พี่ทวนซ้ำ ถามว่าชอบกุหลาบไหม”
“ชอบครับ”
“ดีแล้ว”
ดีแล้ว...หมายความว่าไง อย่าพูดสั้นๆ สิวะพี่ ขอยาวอีกนิด พลีสสสส
“เพราะพี่ไม่ชอบ”
เพล้ง!! สมใจอยากไหมล่ะไอ้โต๊ะเอ๊ย พี่มันพูดสั้นๆ ก็ดีอยู่แล้ว เรียกร้องดีนัก
“ขอบใจสำหรับดอกกุหลาบนะ”
“ครับ?!!”
“ผู้หญิงคนที่ผมยาวๆ หุ่นนักกีฬาหน่อยเอามาให้พี่บอกว่าโต๊ะฝากมา” ส้มนะส้มเล่นผมเข้าให้แล้ว
“ผมอยากทำบุญแต่ไม่รู้จักคนอื่น เลย...เลยให้พี่” น้ำขุ่นน้ำใสไม่รู้ครับ คิดได้ดีที่สุดเท่านี้
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่แค่อยากขอบคุณ”
“อ๋อครับ”
โอ๊ยไอ้พี่เหนือ แม่งอย่างกับจับผมเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวตีลังกา
“พี่ไปล่ะ โต๊ะขึ้นไปทำงานต่อเถอะ”
“ครับ”
“เดี๋ยวครับพี่เหนือ” ผมรีบเรียกก่อนที่พี่เหนือจะปิดประตูรถ
“ว่าไง”
“วันนี้พี่ร้องเพลงเพราะมากเลยครับ เลือกเพลงได้ดีจริงๆ เข้ากับเสียงพี่ ความหมายก็ดี”
“ไปชมสกายโน้นมันเป็นคนเลือก พี่แค่เป็นคนร้อง”
ตีลังกาครั้งสุดท้าย เอาวะอย่างน้อยก็แปลว่าไม่ได้ร้องให้พี่พราวเหมือนกัน หยวนๆ ไอ้โต๊ะยอมรับได้ แถมตอนนี้ก็ยิ้มออกแล้ว
ยิ้มแบบหน้าบานๆ ด้วย
“โต๊ะ”
“ครับพี่เหนือ”
“กู๊ดไนท์” ประตูปิดไปแล้ว พี่เหนือกำลังเคลื่อนรถออกผมถึงเพิ่งได้สติ
“กู๊ดไนท์ครับ” ผมตะโกนสุดเสียงตามหลังไป ไม่รู้ว่าพี่เหนือจะได้ยินไหม หวังว่าคงได้ยิน
ทันทีที่กลับขึ้นไปบนห้อง ผมรีบหาแก้วมาใส่ดอกกุหลาบ เยอะจนต้องใส่หลายๆ ใบ ห้องผมคงยิ่งกว่าห้องของสาวๆ
มีดอกกุหลาบอยู่เต็มไปหมด ผมหยิบมือถือออกมา เปิดเล่นเสียงที่บันทึกเอาไว้
จะไม่ทิ้งเธอไปจากฉัน จากวันนี้จนนานแค่ไหน
จะขอ แค่มีเธอข้างกาย โชคดีแค่ไหนเมื่อหมดใจที่ฉันมี ได้พบเธอ “ก๊อกๆ”
“โต๊ะทำไมไม่ล็อคประ....เหี้ย....”
ไหมล่ะครับ ดอกกุหลาบเบ่งบานเต็มห้องคงเหมาะกับผมมาก ถึงกับทำให้ข้าวเจ้าหลุดคำสุดไพเราะออกมาได้
“เหี้ยสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ” ผมยักคิ้วให้ข้าวเจ้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ดีใจเหี้ยๆ”>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
** ใครรอpartพี่เหนือ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ (ตอนที่ 6)
** หนึ่งสัปดาห์ของการจีบข้าวเจ้าของพี่สกาย เดี๋ยวเราแยกเป็นตอนต่างหากให้นะคะ (ตอนที่ 7)
** ตอนนี้งดขำ^^
Darin ♥ FANPAGE