- โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12  (อ่าน 47876 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ pranliew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากให้คุณคนแรกเปิดตัวแล้วอ่ะ รุกน้องๆๆ น้องอ่อยมาขนาดนี้แร้วว อยากเห็นความหวานของคู่นี้แร้วอ่า

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สรุปก็ไม่รู้อยู่ดีว่ากฤตทำทำไม เพราะอีน้องชานมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เฮ้ออออ ค้างคาใจยิ่งนัก เมื่อเผือกได้ไม่สุดทาง

ออฟไลน์ night-nnc

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องพิชญ์ใจแข็งเกินคาด

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูพิชญ์ ทั้งกฤต ทั้งภูมิ ไม่รู้จะหวังกับใครดี
ตอนนี้อย่างน้อยก็มีคุณคนแรก ที่โผล่มาในตอนพีคตลอดนะ
และก็ยังจีบแบบเนียนๆ ดูแลแบบเนียนๆ จะชอบจะใช่ไหม
ก็ลุ้นต่อไปค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะได้รู้จักกันจริงจังสักที

เขียนนิยายได้น่าอ่านมากเลยค่ะ และชอบความแก้ปมนี้

ออฟไลน์ vipsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณคนแรกเค้ามีชื่อใช่มั้ยคะ 555555555

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
          กฤตคือตัวละครที่โกรธไม่ลงอ่ะ   

อยากให้กฤตมีคนรักด้วยเรื่องของเค้าคนแบบเค้าถ้า

รักใครจนเปลี่ยนตัวเองเค้าจะน่ารักมาก

       คุณคนแรก คือ คนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ จริงๆ

คอยเป็นกำลังใจให้พิชณ

สู้ๆคะคุณคนเเรกกับเหรียญสองบาทของเค้า..อิอิ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'



ตอนที่ 10 : พี่ชายที่แสนดี



   ครบสามเดือน พี่ชายสุดที่รักโทรปลุกแต่เช้าตรู่

   (( จะกลับบ้านรึยัง ))

   “ยัง”

   แล้วพี่พจน์ก็วางสาย

   แม้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าพี่พจน์คงไม่ได้ร่วมวงพนันกับพ่อแม่ด้วย แต่ก็อดงงไม่ได้ว่าทำไมพี่ชายจู่ๆ ถึงเกิดรักน้องขึ้นมาซะเฉยๆ เพราะพวกเรานิสัยต่างกันมาก แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่แทบไม่เคยเล่นด้วยกันเลย ขณะที่ผมบ้าบอไปกับภูมิ พี่พจน์จะคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือ ศึกษากิจการของท่านบ้านพร้อมรับช่วงต่อ

   เขาคือลูกชายดีเด่น จริงจังไปกับทุกเรื่อง

   ส่วนผมเป็นลูกชายผู้เอ้อระเหยลอยชาย ไม่อะไรกับทุกเรื่อง

   แต่ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก มีมุมอ้อนๆ น่ารัก พ่อกับแม่เลยมักเข้าข้างและเอ็นดูผมมากกว่า ผมเองก็เคยถามว่าทำไมต้องเข้มงวดกับพี่พจน์ ผิดนิดผิดหน่อยเป็นตำหนิเสียงดัง ขณะที่ผมซึ่งทำผิดแทบทั้งชีวิตไม่เห็นจะดุด่ารุนแรง ออกจะสปอยกันด้วยซ้ำ คำตอบคือ...

   ‘พจน์น่ะเป็นความหวังของบ้าน คือผู้สืบทอดกิจการ ส่วนพิชญ์น่ะ...พ่อกับแม่ไม่อยากบังคับ อยากทำอะไรก็ทำ’

   ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม

   สรุปแล้วผมไม่ค่อยสนิทกับพี่ชายเท่าไหร่ และพี่พจน์เองก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับผมนักเพราะเห็นว่าน้องชายช่างทำตัวไร้สาระไปวันๆ จนคนสมบูรณ์แบบอย่างเขารับไม่ค่อยจะได้ ฉะนั้น...ผมถึงแปลกใจมากเมื่อเขาโทรหาผมแล้วถามคำเดิมๆ ทุกวัน!

   เพราะนับจากวันนั้น พี่พจน์ก็โทรถามว่าจะกลับบ้านรึยังติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์แล้ว!!

   รวมถึงวันนี้ด้วย

   (( จะกลับบ้านรึยัง ))

   “มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านรึเปล่า” ผมทนไม่ไหวแล้ว พี่ชายทำตัวผิดปกติเกินไป ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ! หรือว่าพ่อป่วยหนัก แม่หกล้มเข้าโรงพยาบาล ไอ้ภูมิติดพนันก่อเรื่อง หรือกฤตวิ่งโร่ขอให้ช่วยกล่อมอะไรผมอีก

   (( เปล่า ))

   แล้วดูคำตอบพี่พจน์สิ

   เปล่าเนี่ยนะ

   ถ้าเปล่า แล้วอะไรถึงดลใจพี่ชายที่ไม่เคยจะสนใจไยดีน้องเวลาผมทำตัวบ้าๆ บอๆ ตามกลับบ้านกันล่ะ

   (( สรุปจะกลับบ้านรึยัง ))

   “ยัง”

   แล้วพี่พจน์ก็วางสาย

   ผมชักหลอนแล้วนะ หรือนี่จะเป็นมาตรการใหม่หวังกดดันทางอ้อมให้ประสาทเสียใช่มั้ย คือวิธีไล่ต้อนน้องให้กลับบ้านของท่านประธานผู้เก่งฉกาจสินะ ช่างล้ำลึกเหลือเกิน!

   




   เอาละ ช่างเรื่องพี่พจน์ไปก่อน

   วันนี้ผมนั่งคำนวณรายรับรายจ่ายของร้านของเดือนที่ผ่านมา ช่วงครึ่งเดือนแรกบอกเลยว่าขาดทุนยับ แต่ช่วงครึ่งเดือนหลังที่ปรับกลยุทธ์นั้นกำไร พอเฉลี่ยแล้วเลยเท่าทุน ไม่สิ ถ้านับรวมพวกค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าคอนโดด้วย ยอดติดลบหนักด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเงินเก็บ ผมคงอดอยาก กินชานมไข่มุกต่างข้าวทุกวันจึงจะรอดชีวิต

   ปัญหาคือผมให้เงินก้อนกับไอ้ภูมิไปเทียบเท่าค่าเช่าคอนโดสำหรับสิบเดือน

   ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงแย่แล้ว

   หรือจะย้ายที่พักดี จะได้ประหยัด

   ผมเริ่มคิดหนัก ไม่ทันสังเกตว่าคุณคนแรกยืนรอหน้าร้านอยู่นาน

   “ขมวดคิ้วทำไม”

   “ก็...มีเรื่องกลุ้มนิดหน่อยน่ะ” ผมยิ้มแห้ง พักหลังมานี้คุณคนแรกเริ่มช่างถามช่างสังเกตมากขึ้น ซึ่งผมก็ไม่ได้นึกรำคาญ อาจเพราะเราเริ่มสนิทใจ และรู้ว่าเขาถามเพราะห่วงจริงๆ ไม่ใช่สอดรู้ “พอจะมีที่พักแนะนำมั้ย เป็นห้องเช่าไม่ใช่คอนโดก็ได้ ค่าเช่าไม่เกินสี่พันต่อเดือน คนไม่พลุกพล่าน ปั่นจักรยานไปกลับได้....”

   ผมชอบคุณคนแรกตรงเขาเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี

   ถ้าเป็นคนทั่วไป อาจตั้งคำถามว่าทำไมผมต้องย้าย มีปัญหาเรื่องเงินเหรอ ดีหน่อยก็คงถามว่าอยากให้ช่วยอะไรมั้ย ยืมเงินก่อนมั้ย

   ซึ่งผมไม่อยากให้ช่วยเรื่องนั้นอ่ะครับคุณ

   เลือกหนีออกจากบ้าน ทำตามความฝัน มอบรักให้ชานมไข่มุก ผมก็อยากจะอยู่รอดด้วยตัวเอง แล้วนี่ก็เป็นผลจากการตัดสินใจเอาเงินให้ไอ้ภูมิของผมด้วย เลยไม่อยากเดือดร้อนคนอื่น

   “เย็นนี้จะพาไปดูแล้วกัน” คุณคนแรกให้คำตอบด้วยคำมั่น

   “ขอบใจ” ผมเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ตั้งใจชงชานมไข่มุกให้มากกว่าทุกวัน หวังว่าพอกินแล้วเขาจะรับรู้ถึงความขอบคุณนี้นะ

   เย็นวันนั้นคุณคนแรกเลยถือโอกาสมารับผมไปเลี้ยงข้าวเย็น ไปดูห้องเช่า แล้ววกกลับมาส่งที่คอนโด

   ปกติเวลาเขามาส่ง ผมจะไม่เดินหนีขึ้นคอนโดทันที แต่จะยืนคุยกันสักพักหนึ่ง ยืนจ้องตาให้ความเงียบเข้าแทรกอีกสักพักใหญ่ รอจนเขาเริ่มไล่อ้อมๆ ถึงค่อยแยกย้าย

   แต่วันนี้คงไม่ได้ทำแบบนั้น

   เพราะจู่ๆ ก็มีรถหรูสีดำจอดเทียบข้างๆ รถมอเตอร์ไซค์ของคุณคนแรก ตอนแรกพวกเราไม่ใส่ใจ คุยเล่นเกี่ยวกับร้านก๊วนเตี๋ยวคั่วไก่ที่เพิ่งไปกินมา แต่พอฝั่งคนข้างรถเปิดกระจก คุณคนแรกก็สะกิดให้ผมหันไปมอง

   “พิชญ์ ขึ้นรถ”

   ผมช็อกมาก

   เรียกว่าอ้าปากค้างเลยดีกว่า พี่พจน์มาแปลกแหวกแนวเกินไปแล้ว!

   “งั้น...ฉันไปหาพี่ก่อนนะ”

   “ให้รอมั้ย”

   “เฮ้ย ไม่ต้อง นายกลับก่อนเถอะ” ผมรีบโบกมือปัดกับความมีน้ำใจของคุณคนแรก “ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

   คุณคนแรกมองผมอย่างลังเลนิดหน่อย แต่พอเห็นผมไม่ยอมขึ้นรถพี่ชายสักทีก็พยักหน้ารับคำนิ่งๆ สวมหมวกกันน็อกแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์จากไป

   เขาอุตส่าห์มาส่ง ผมเลยไม่อยากกระโดดขึ้นรถพี่ชายแล้วทิ้งไว้ลำพังน่ะครับ

   ส่วนหนึ่งก็กดดันให้เขากลับบ้านด้วยนั่นแหละ เกรงใจจะแย่แล้ว

   “มีอะไรรึเหรอพี่พจน์” ผมเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดเรียบร้อย แต่พี่ชายไม่ยอมออกรถสักที เอาแต่มองตามทิศทางของคุณคนแรกที่ป่านนี้ไปไกลลิบแล้ว เขาขับเร็วจะตาย แม้เวลาผมซ้อนจะช้ายิ่งกว่าเต่าคลานก็เถอะ

   “แฟนใหม่เหรอ”

   “แค่คุยกันครับ” ผมตอบอย่างสุภาพไม่กล้ายียวน เพราะรู้ดีว่าทั้งพ่อและแม่ รวมถึงพี่ชายต่อต้านเรื่องผมคบกับเพศเดียวกันมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ที่แม่ช่วยพูดให้กฤตก็เพราะทุกคนเข้าใจผิดว่าผมหนีออกจากบ้านเพราะเขา เลยยอมลงให้ชั่วคราวต่างหาก

   แต่ผ่านมานานขนาดนี้ หลายคนก็เริ่มรู้สักทีว่าผมไม่ได้หนีออกจากบ้านเพียงแค่อกหักจากผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง

   หนึ่งในนั้นก็คือพี่พจน์

   พี่ชายอาจจะสงสัยอยู่แล้ว แต่พอเห็นผมอยู่กับคุณคนแรก คุยเล่นกันอย่างเป็นธรรมชาติด้วยบรรยากาศมากกว่าเพื่อน ก็ยิ่งยืนยันความคิดนั้น เพราะผมเป็นประเภทถ้าคิดจะทำอะไรก็ลุยสุดตัว ถ้ารักใครก็ปักใครไม่เปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเมื่อผมเปิดใจให้คุณคนแรก ก็เท่ากับว่าเรื่องของผมกับกฤตไม่มีวันกลับเป็นอย่างเดิมแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์

   ผมตัดแฟนเก่าทิ้งแบบเด็ดขาดสุดๆ

   “พี่พจน์?” เห็นพี่ชายเงียบไป ผมก็ทำอะไรไม่ถูก คุ้นชินกับมาดดุของเขามากกว่าสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนอย่างนี้ คาดว่าในหัวพี่พจน์ตอนนี้คงมีความคิดหลายอย่างตีกัน เพราะผมเคยเห็นมาก่อนหลายครั้ง สีหน้าที่จะเผยออกมาเฉพาะเวลาไม่มั่นใจ ทั้งที่เขาเป็นพวกเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก

   ครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนผมสี่ขวบ วัยกำลังซนวิ่งเล่นไม่อยู่นิ่ง พี่ชายนึกรำคาญ เลยไล่ให้ผมไปไกลๆ

   ผลคือผมวิ่งตกบันไดขาหัก ร้องเรียกพี่ชายเสียงดังลั่น

   นึกถึงสีหน้าตอนนั้นแล้ว...พี่พจน์คงอยากจะด่า ว่าผมโง่รึเปล่าที่วิ่งตกบันไดเอง และคงจะน้อยใจ ที่พ่อกับแม่ตำหนิเขาที่ไม่ดูน้อง และโกรธตัวเองที่พูดจาโหดร้ายจนผมวิ่งหนี

   ล่าสุดก็ตอนเขามาตามผมกลับบ้านหลังเปิดร้านชานมได้สองวัน พี่พจน์คงจะคิดโทษตัวเองที่ต่อต้านกฤตจนผมทะเลาะกับคนรัก ชักนำมาจนกลายเป็นกฤตนอกกาย ถึงอย่างนั้นก็แอบสมน้ำหน้าน้องชายหน้าโง่ที่โดนผู้ชายหักหลัง ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจพ่อแม่ที่ยังยอมฟังคำกฤตมากล่อมผมทั้งที่ก่อนหน้านี้คัดค้านแทบตาย

   เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะซับซ้อน ซึ่งผมดันอ่านออกได้ชัดเจนซะงั้น

   แต่ครั้งนี้ผมเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าพี่พจน์ทำสีหน้าอย่างนี้ทำไม

   ท่ามกลางความเงียบ รถจอดนิ่งไม่ไปไหน ผมเลยมั่นใจว่าที่บ้านยังสุขสบายดีไม่มีใครเป็นอะไร

   รู้แบบนี้ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ผมมองวิวข้างทาง มองหมา มองแมวที่เดินผ่านเพื่อให้เวลาพี่พจน์ได้ประมวลความคิดให้เข้าที่เข้าทาง

   “พี่ขอโทษ”

   ก่อนจะหันคอแทบหัก เมื่อได้ยินคำนั้นจากคนที่ไม่เคยทำผิดจนพูดขอโทษมาก่อน

   ผมต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายพูดคำนี้ คุ้นชินกับการขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่าจากความบ้าบอของตัวเอง

   ขนาดตอนผมตกบันไดพี่พจน์ยังไม่ขอโทษเลย แต่เขาช่วยดูแลจนผมหายดีด้วยความรู้สึกผิด ตอนหนีมาเปิดร้านชานม พี่พจน์ก็แค่โยนโทรศัพท์ให้แล้วไป ก็ไม่แปลกใช่มั้ยหากผมจะจ้องเขาตาแทบถลน

   โชคดีที่พี่พจน์ไม่เห็น เพราะเขาก้มหน้ากุมขมับ คล้ายว่าการกล่าวคำนั้นช่างยากลำบากเหลือเกิน

   “พี่โอเคมั้ย” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามแบบนั้น คำถามที่ออกจะเหยียดหยามบุรุษผู้แสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้ไปสักหน่อย พี่ชายคนนี้ของผมไม่เคยเผยท่าทีอ่อนแอทำอะไรไม่ถูกมาก่อน และเขาก็ตอบสนองดีเยี่ยมชนิดที่เงยหน้าสบสายตากับผมในทันที

   “แกจะกลับบ้านได้รึยัง”

   ด้วยมาดดุเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผมงงมาก

   “เดี๋ยวนะพี่พจน์” ผมยกมือเบรกอารมณ์ “พี่ขอโทษผมเรื่องอะไร แล้วมันเกี่ยวกับผมต้องกลับบ้านตรงไหน ”

   พลันพี่พจน์เผยสีหน้า...โลกถล่ม...

   ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะนะ เขามองผมแบบไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็ยกมือปิดปาก เพื่อปกปิดความตกตะลึง ก่อนจะกุมขมับ ขยี้หัว แล้วหันมาจ้องผมเหมือนเดิมด้วยอารมณ์ดุขรึม

   “อย่าประชดกันพิชญ์ พี่ก็ขอโทษแล้วไง กลับบ้านได้แล้ว พ่อกับแม่เป็นห่วง”

   ทำไมทุกคนถึงชอบคิดว่าผมประชดนะ แค่ถามดีๆ เหอะ!

   “ไม่ผมงงก็พี่งงแล้วล่ะ” ผมกุมขมับบ้าง “ถ้าผมเดาไม่ผิด พี่น่าจะรู้แล้วว่าผมไม่ได้หนีออกจากบ้านเพราะกฤต”

   พี่ชายไม่ตอบ ถือว่าใช่

   พี่พจน์ไม่ใช่คนโง่อยู่แล้ว ถึงจะชอบคิดว่าผมโง่เง่าก็เถอะ

   “พี่เลยคิดว่าผมหนีออกจากบ้านเพราะ...พี่?” ผมเดาเหตุผลที่เข้าเค้าที่สุด “พี่โทรมาหาผมทุกเช้า ถามว่ากลับบ้านรึยังเพราะคิดว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบใช่มั้ย และที่พี่มาขอโทษผม เพราะคิดว่าผมโกรธพี่จนไม่ยอมกลับ เลยมาพูดให้จบเรื่องจบราว พ่อกับแม่จะได้สบายใจ”

   เงียบอีกแล้ว แสดงว่าเดาได้ถูกต้องตรงเผง

   “พี่พจน์...” วินาทีนั้น ผมมองหน้าพี่ชายเหมือนเห็นคนแปลกหน้า จริงอยู่ว่าพี่พจน์ชอบตีหน้าดุ เหมือนรำคาญกันตลอดเวลา แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ผมรักมากๆ เข้าขั้นเคารพนับถือด้วยซ้ำ

   มีพี่ชายเก่งสุดยอด ใครบ้างจะไม่ปลื้ม!

   “ดูปากผมนะ” ผมชี้ที่ปากตัวเอง “ผม-ไม่-เคย-โกรธ-พี่!”

   พี่พจน์มองด้วยสายตาแบบอย่ามาโกหกไอ้น้องเวร

   “ผมไม่เคยโกรธพี่จริงๆ อาจจะมีเคืองบ้าง น้อยใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้โกรธจนหนีออกจากบ้าน” ผมยืนยันเสียงหลง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันที่ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับพี่ชายคนนี้ “ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองถามตัวเอง ขนาดพี่ที่ชอบทำหน้าดุ เหมือนโกรธผมตลอดเวลา ปากก็บอกว่ารำคาญ ในใจก็คิดไอ้น้องโง่ แต่พี่ไม่เคยโกรธผมจัดๆ สักครั้งไม่ใช่เหรอ”

   พี่พจน์นิ่งไปหลายอึดใจ จนผมแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าจะเดาผิด ความจริงแล้วพี่ชายผูกใจเจ็บอยากฆ่าน้องหมกส้วมมานาน และวันนี้ก็เป็นวันดี เพราะผมดันไปกระตุ้นต่อมโหดเขาเข้า

   วินาทีนั้นผมเหงื่อแตกพลั่ก

   จนกระทั่งพี่พจน์ถอนหายใจเฮือกเหมือนคิดได้นั่นแหละ ถึงจะพอหายใจเข้าเต็มปอด

   “สรุปว่าแกไม่ได้หนีออกจากบ้านเพราะฉัน?” พี่พจน์กลับเป็นคนเดิมแล้ว คนที่ชอบทำหน้าดุมองเหยียดน้องชายเหมือนว่าไอ้เวรนี่เกิดมาเป็นน้องผู้ชายที่แสนจะสมบูรณ์แบบอย่างเขาได้ยังไง

   “ก็ไม่ใช่น่ะสิ” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ ในใจลอบยิ้ม คิดว่าไม่ได้คุยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ “ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้น”

   “ก็เพราะ...” พลันพี่พจน์มองผมด้วยสายตาซับซ้อน สีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนปรากฏอีกครั้ง “...แกขอลาออก”

   แบบนี้นี่เอง

   ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่พจน์ถึงเข้าใจผิด

   เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้ครับ จำได้มั้ยว่าไอ้ภูมิบอกว่าผมเคยทำงานกับพี่พจน์ เงินดีแถมยังอยู่สบายอีกต่างหาก แล้วทำไมถึงหนีมาเปิดร้านชานม เรื่องของเรื่องก็คือ...หลังผมเรียนจบ พ่อกับแม่ก็ฝากฝังน้องชายเข้าบริษัทที่พี่ชายคุมอยู่ ตอนแรกว่าจะแต่งตั้งตำแหน่งลอยๆ ให้ผมเป็นผู้ช่วยพี่ด้วยซ้ำ แต่ผมคัดค้าน ขอเริ่มต้นจากพนักงานทั่วไปเพราะไม่เคยทำความเข้าใจกับกิจการครอบครัวมาก่อน

   ถึงจะทะเลาะกันบ่อย มีปากเสียงเป็นประจำ แต่ผมเคารพพี่พจน์มาก เวลาเขาทำงานน่ะเจ๋งสุดๆ ผมเลยพยายามอย่างยิ่งในการทำผลงานให้พี่พจน์ภูมิใจ แบบว่า...ขอมีค่าในสายตาพี่ชายบ้างน่ะครับ อีกอย่าง ผมเองก็บ้าบอมาหลายปี เรียนจบทั้งทีก็ควรทำตัวเป็นผู้เป็นคนบ้าง แหม เห็นแบบนี้ก็คิดได้นะเออ

   แต่หลังฝึกงานได้สามเดือน  กับแผนกการเงินที่ได้ชื่อว่าเครียดและงานละเอียดยิบที่สุดในบริษัท พี่พจน์ก็...ไล่ผมไปนั่งๆ นอนๆ อยู่แผนกบุคคล และสั่งให้ทุกคนห้ามใช้งานผมหนัก หรือง่ายๆ ก็คือ เขาไม่พอใจกับความขยันขันแข็งของผม คิดว่าน้องชายคนนี้โง่เง่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จนไม่กล้าให้รับผิดชอบงานใหญ่

   ตอนนั้นผมยอมรับว่าโกรธ เลยเลียบๆ เคียงๆ ถามแผนกการเงินว่าทำบัญชีผิดหรือทำให้บริษัทเสียหายเหรอ พี่พจน์ถึงต้องลงโทษกันขนาดนี้ ผลคือ...ไม่เลย ผมทำงานยอดเยี่ยมมาก แถมยังช่วยจัดข้อมูลหลายส่วนให้เป็นระเบียบ เป็นหมวดหมู่ หาง่ายกว่าเดิมด้วย

   พอรู้ผมก็ตั้งใจจะไปปะฉะดะกับพี่พจน์สักยก ผมเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็ว ไม่ผูกใจเจ็บ กะถามเหตุผลให้รู้ก็ยังดี

   แต่พี่พจน์ไม่ยอมบอก

   ผมเลยขอลาออก

   ช่วงนั้นไอ้ภูมิหัวเสียน่าดู พยายามกล่อมผมให้กลับลุยใหม่ พอผมไม่ฟังก็แสร้งยิ้มว่าไม่เป็นไร แต่ดันคาบข่าวไปบอกกฤตซะงั้น

   ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าผมกับกฤตกำลังทะเลาะกันอยู่ ไอ้ภูมิไม่วายก่อเรื่องเพิ่มให้ยิ่งผิดใจ หลังจากนั้นไม่นาน...กฤตก็นอกกายไปนอนกับชายอื่น

   ค่ำวันนั้น ผมหนีออกจากบ้าน

   ไทม์ไลน์ค่อนข้างไล่เลี่ยกัน ก็ไม่แปลกที่พี่พจน์จะเข้าใจผิด พอตัดกฤตออกก็เข้าใจว่าเป็นเพราะตัวเอง ยอมลดทิฐิมาขอโทษผม

   “พี่พจน์จะบอกมั้ยล่ะว่าไล่ผมไปแผนกบุคคลทำไม”

   “...”

   ยังคงเป็นความเงียบอีกครั้ง แต่ผมรู้คำตอบแล้ว และเพราะรู้ ถึงขอลาออก ไม่มีประโยชน์เลยที่ผมจะนั่งๆ นอนๆ กินเงินเดือนในบริษัท

   แม้พี่พจน์จะไม่รู้ว่าผมรู้ก็เถอะ

   “ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยแล้วกันว่าผมสบายดี” หมดเรื่อง ผมก็ถอดเข็มขัดนิรภัย แล้วเปิดประตูลงจากรถ “และคงไม่กลับไปเร็วๆ นี้ พี่น่าจะมาดูบ้างนะว่าตอนนี้ร้านของผมมีลูกค้าเยอะกว่าวันแรกตั้งหลายเท่า”

   “ฉันเห็น...”

   ผมเลิกคิ้ว งงนิดหน่อยว่าเขาเห็นตอนไหน เพราะนับตั้งแต่เอาโทรศัพท์มาให้ พี่พจน์ก็ไม่เคยมาที่ร้านอีกเลย

   “งั้นพี่ก็น่าจะเห็น...ว่าผมมีความสุขกับร้านชานมแค่ไหน”

   “...”

   “แวะมาอุดหนุนกันบ้างนะครับคุณพี่ชายที่แสนดี”

   “ไปไกลๆ เลยไป!”

   ผมหัวเราะ ทุกครั้งที่ผมเรียกเขาว่าพี่ชายแสนดี พี่พจน์ที่แทบไม่เคยจะเล่นกับน้องก็จะออกอาการหัวเสียทุกรอบ เข้าใจว่าผมประชด และก็จี้ใจดำอย่างจัง

   แต่ถึงเราจะไม่ค่อยแสดงออกถึงสายสัมพันธ์พี่น้องเขาก็นับเป็นพี่ชายแสนดีของผมนะ

   ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะเชื่อมั้ยนี่สิ


   ---------------

   และแล้วก็จบเคสพี่พจน์ค่ะ

   บางคนอาจจะยังงงๆ ว่าจบสามเคสแล้วสรุปพิชญ์หนีออกจากบ้านเพราะอะไรกันแน่ อย่างที่พิชญ์บอกเลยค่ะว่าไม่ใช่เพราะทั้งสามคน แต่เพราะอะไรนั้น...เริ่มมีแง้มๆ มาเยอะพอสมควร

   เพิ่งจะสิบตอนเท่านั้นเอง เกือบๆ จะครึ่งเรื่องเองค่ะ

          ตอนหน้าก็จะกลับมาหวานๆ กับคุณคนแรก ตอนนี้มาน้อยแต่มานะเหมือนเดิม ตอนหน้ารับรองลูกตาจ่อยคนนี้จะมาทำคะแนนค่ะ! เย้!


    #ผมกับชานมไข่มุก
   

เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อ้าว แล้วย้ายน้องไปนั่งๆนอนๆทำไม
หรือพ่อแม่สั่ง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนรอบตัวนี่มีแต่คนแปลกๆเนอะ ทั้งเพื่อน ทั้งแฟนเก่า พี่ชายอีก อิคุณคนแรกก็ใช่ว่าจะปกติใช่มะ คนอะไรจีบกันด้วยเหรียญสองบาท  :jul3:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
จะมีเรื่องราวของคนปกติใช่ไหม ???

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ขอเดาอะไรทั้งสิ้นรออ่านอย่างเดียว​เลย​

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่กลัวน้องทำงานหนักไป เลยย้ายไปนั่งเฉยๆ หรืออย่างไร  :hao4:


ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เพราะอะไรพี่พจน์ถึงห้ามไม่ให้น้องทำงานอ่ะ ถ้าน้องทำงานดี
 :hao4:

หรือมีเรื่องเงินๆทองๆในแผนกบัญชี

ออฟไลน์ pranliew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่พจน์เป็นแนวซึนหรออออ ไม่พูดไปตรงๆอ่ะว่าเป็นห่วงอยากให้กลับบ้าน ที่ไม่อยากให้ทำงานหนักเพราะรักน้องใช่มั้ยยยยยย โถ่พี่ //รออ่านต่ออยู่น๊าา

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
          เป็นพี่ชายสายแข็งซินะแต่ก็รักน้องแหมๆๆ
พี่ชายแบบนี้จะมีคนรักแบบไหนคะ
ส่วนคุณคนแรกก็ช่างดีแสนดี ..รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ night-nnc

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
หลงรักงานเขียนของคุณจัง
ชอบงานเขียนแนวอธิบายง่ายๆจนเหมือนกำลังนั่งอ่านการ์ตูนแบบนี้มากเลยค่ะ

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'


ตอนที่ 11 : ย้ายที่พัก



   โชคดีที่ครบกำหนดสามเดือนที่ผมเซ็นสัญญาเช่าขั้นต่ำกับทางคอนโดพอดี หลังวางมัดจำที่พักใหม่เรียบร้อย ผมก็รีบขนของย้ายออกโดยมีคุณคนแรกช่วย

   “ของมีแค่นี้เหรอ”

   “ก็แค่นี้นั่นแหละ” ผมยักไหล่ บนหลังสะพายกระเป๋าเป๋เบาหนึ่งใบ ตอนหนีออกจากบ้าน ผมหยิบมาแต่ของจำเป็น อย่างพวกเสื้อผ้า ชุดชั้นใน โทรศัพท์ (ที่เอาไปขายแล้ว) ที่ชาร์จแบต และโน๊ตบุ๊คเท่านั้น

   แต่ตอนนี้มีงอกมาเพิ่มก็พวกผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ผงซักฟอก และของใช้จิปาถะอีกหลายอย่าง ถึงจะติดดิน แต่ผมก็ถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนู ให้ซักผ้าเองน่ะทำไม่เป็น เลยต้องพึ่งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญตลอด

   คุณคนแรกรับกระเป๋าอีกใบที่หนักกว่าไปสะพาย ก่อนจะขับนำเพราะผมยังจำทางไม่ได้ นึกภาพนะครับ ผู้ชายสองคน สะพายกระเป๋าเป้ใบกลมบนหลัง คนแรกขับมอเตอร์ไซค์นำระดับเต่าคลานด้วยหน้านิ่งๆ คนหลังถีบจักรยานมองซ้ายมองขวาไม่หยุด ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่ม รถไม่ค่อยติด คนไม่ค่อยพลุกพล่าน พวกเราเลยกินลมชมวิวกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่นาน...ก็ถึงจุดหมาย

   แมนชั่นนี้มีขนาดเล็ก และมีสองชั้น ด้วยเข้ามาในซอยลึก ห่างไกลร้านอาหารและป้ายรถเมล์ ทำให้คนน้อย ไม่พลุกพล่าน ด้านหลังเป็นคลอง อากาศเย็นสบาย ได้กลิ่นอายธรรมชาติ

   ผมถูกชะตาที่นี่เพราะได้ห้องแอร์ขนาด 24 ตารางเมตรในราคาสามพันบาทต่อเดือน เฟอร์นิเจอร์พร้อม ไม่ต้องหาฟูกใหม่ แม้จะติดกลิ่นอับนิดหน่อยตามประสาที่พักสร้างมาแล้วหลายปี

   คุณคนแรกเลยเนียนเข้าห้องผมครั้งแรกก็วันนี้แหละ

   “อยูได้มั้ย”

   “ได้สิ” ผมตอบกลับทันที แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับการเปิดประตูปุ๊บก็เจอเตียงปั๊บ เล็กแคบอย่างที่ไม่เคยเจอ แต่ผมปรับตัวไวอยู่แล้ว คิดในแง่ดีว่าจะได้ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ

   จากห้องแปดพันมาสู่สามพัน ความแตกต่างย่อมเห็นชัดเจน แม้ผมจะแอบเหวอตอนคุณคนแรกถาม แต่ก็ไม่ประหลาดใจ...เขาน่าจะเดาได้อยู่แล้วว่าครอบครัวผมค่อนข้างมีฐานะ วัดจากรถเบนซ์ที่พี่พจน์ขับมาจอดเทียบเมื่อหลายวันก่อน

    เพราะไม่มีโซฟาหรือเก้าอี้สักตัว คุณคนแรกเลยนั่งตรงปลายเตียงขณะที่ผมเปิดกระเป๋าเป้เก็บของให้เป็นที่เป็นทาง เห็นแบบนี้แต่ผมค่อนข้างเจ้าระเบียบนะครับ ให้โยนทิ้งขว้างส่งๆ เนี่ยไม่เอาหรอก แม้ระหว่างจัดไปจะแอบเอ๊ะหลายครั้งว่าควรจะไล่ใครบางคนดีมั้ย แต่จะไปดีได้ยังไงเพราะเขาทั้งหาที่พักใหม่แล้วยังช่วยย้ายของด้วย แต่ไอ้การนั่งจ้องผมตาไม่กะพริบมันชวนวูบวาบชอบกล ทั้งที่เปิดแอร์แล้ว แต่ผมดันเหงื่อตก รู้สึกเหมือนตกหลุมพรางบางอย่าง

   ผ่านมาเดือนกว่า ความสัมพันธ์ของเราสองค่อยเป็นค่อยไป เข้าขั้นเนิบช้า

   แต่ความเนิบนาบนี้ก็ทำให้ผมค่อยๆ เปิดใจมากขึ้น อย่างน้อย การยอมให้เขาช่วยขนของทั้งที่ก็ทำเองได้ ให้เขาขึ้นห้อง นั่งเล่นบนเตียง ถือว่ายอมรับในระดับหนึ่งแล้ว

   “นี่...”

   “หืม”

   “ชอบสีอะไร”

   ผมเหลือบมองคุณคนแรกนิดหน่อย ก่อนจะหันไปจัดของเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “สีน้ำเงินกับเหลือง” แต่ก็ตอบนะ

   “หมากับแมวชอบอะไรมากกว่ากัน”

   “เมื่อก่อนแมว แต่ตอนนี้หมา”

   “เปลี่ยนได้ด้วย?”

   “แล้วไม่ได้เหรอ”

   คุณคนแรกเงียบไปพักหนึ่ง ผมรอว่าเขาจะถามต่อรึเปล่า จะได้อธิบายว่าแม้แมวจะดูอิสระทำตามใจ นิสัยคล้ายผม แต่หลังผ่านอะไรมาหลายอย่าง ก็คิดว่าความซื่อสัตย์ของหมานั้นอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่า

   ปรากฏเขาไม่ถาม

   อันที่จริงคุณคนแรกก็ไม่ใช่คนถามลงลึกเจาะรายละเอียดอยู่แล้ว

   “ชอบทำอะไร”

   “ตอนนี้ชอบทำร้านชานม”

   “ชอบกินอะไร” คุณคนแรกรีบเสริมทันที “อาหารนะ ไม่ใช่เครื่องดื่ม”

   ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่เขา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงพื้นหันหน้าประจัน ซึ่งคุณคนแรกก็ถดตัวลงจากเตียงมานั่งขัดสมาธิจ้องตาในระยะห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร

   เพราะห้องมันแคบน่ะครับ อย่าคิดลึก

   “ถ้าอร่อยก็กินได้ทุกอย่าง ยกเว้นแมลงทอด”

   “ไว้พรุ่งนี้จะพาไปลอง”

   “กวน”

   คุณคนแรกยิ้ม

   เป็นรอยยิ้มบางที่ชวนให้คนเห็นใจบางมากๆ

   “ชอบผู้ชายแบบไหน”

   ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

   ถึงจะรู้ว่าเขาเกริ่นนำอ้อมโลกอย่างนี้เพราะอยากถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาลงเอยที่หัวข้อนี้

   “ไม่มีสเปคตายตัว” ผมตอบงึมงำ รู้สึกเขินๆ ขึ้นมาจนต้องลูบหน้าลูบตาตัวเอง

   “แล้ว...”

   ผมใจเต้นแรง เกรงโดนถามต่อว่าแล้วอย่างเขาเนี่ยใช้ได้มั้ย

   ถ้าจะตรงขนาดนั้นผมคงเอาหน้ามุดดิน

   “แล้วจะกลับบ้านรึเปล่า”

   พลันทุกอย่างตกในความเงียบ

   ผมมองหน้าเขา คุณคนแรกไม่หลบตา สื่อว่าไอ้คำถามทั้งหมดน่ะอ้อมโลกเพื่อมาจบที่ตรงนี้ต่างหาก

   มิน่าล่ะ วันนั้น...ตอนพี่พจน์มารับ คุณคนแรกถึงยึกยักไม่ยอมไป แถมบอกว่าจะรออีก เขาคงกลัวผมกลับบ้านแล้วไม่กลับมา และที่วันนี้เสนอตัวมานั่งจ๋องในห้องผม ก็เพราะอยากยืนยันให้แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้ว...เราจะได้คุยกันอย่างนี้อีกหรือเปล่า

   ผมยอมรับ ตอนแรกที่ได้ยินค่อนข้างอึดอัดไม่อยากตอบ แต่พอเข้าใจถึงความกังวลของคุณคนแรก ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนประเภทก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชาวบ้าน ไม่เคยทำให้ผมลำบากใจ ก็ยอมงึมงำตอบออกมา

   “ไม่ใช่เร็วๆ นี้”

   ถามเรื่องผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าถามเรื่องครอบครัว เรื่องที่มีปัจจัยอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว ผมจะอึกอักน่ะครับ

   ความเงียบเข้าแทรกอีกครั้ง แต่เป็นความเงียบที่ไม่น่าอึดอัด กลับทำให้ผมกับเขายิ้มออกเมื่อเรารู้ว่าต่างฝ่ายต่างต้องการสื่อถึงอะไร

   “แล้วอยากให้กลับมั้ยล่ะ” พอคลายความกังวล ผมก็ปากดีทันที

   “ไม่”

   คำตอบทันควันนั้นทำให้ผมต้องลูบหน้าลูบตาตัวเองแก้เขินอีกครั้ง

   “เดี๋ยวอดกินชานมไข่มุก”

   ...ไม่ต้องต่อประโยคก็ได้มั้ยล่ะ!

   ผมจ้องเขาแกมเคืองอย่างสับสน มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก เพราะผมแอบโกรธเขาที่กวนเรื่องชานมไข่มุก แต่ก็แอบดีใจที่เขารอกินชานมไข่มุก

   โคตรงงตัวเอง

   “ไม่มีร้านฉัน ก็ยังมีร้านใหญ่ตรงหน้าปากซอยไม่ใช่เหรอ” กวนมากวนกลับไม่โกง

   “ร้านนั้นน่ะเหรอ...ไม่เอาหรอก” คุณคนแรกส่ายหัวทันที ไม่รู้มีอคติอะไรกับร้านชานมชื่อดังรึเปล่า “กลับละ”

   เฮ้ย เดี๋ยว ได้คำตอบที่ต้องการก็ชิ่งกลับดื้อๆ งี้เลย!

   ผมมองเขาที่ผุดลุกกะทันหันด้วยความอึ้ง และยิ่งงงตัวเองว่าแล้วจะรั้งไปทำไม นี่มันจะห้าทุ่มอยู่แล้ว คุณคนแรกก็ควรจะกลับบ้านมั้ยล่ะ

   “ฉันไปส่ง”

   ผมเดินตามหลังคุณคนแรกลงมาชั้นหนึ่ง แมนชั่นนี้มีสองชั้น ก็ไม่แปลกที่จะมีแต่บันไดไม่มีลิฟต์ อากาศตอนกลางคืนกับตึกที่ติดคลองด้านหลังนั้นชวนหนาวสะท้านเยือกๆ ผมเดินกอดอก ส่งเขาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าตึก

   “ที่นี่น่ะ...ใกล้บ้านมากเลย” คุณคนแรกเอ่ยลอยๆ ขณะสวมหมวกกันน็อก

   ผมยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “ผ่านทุกวันเลยด้วย”

   เริ่มจะจับใจความได้หน่อยๆ

   “พรุ่งนี้ตีห้าครึ่ง ยืนรอตรงนี้แล้วกัน จะมารับ”

   เฮ้ย เดี๋ยว นี่ประโยคคำถามหรือบอกเล่า ผมมึนไปหมดแล้ว!

   “ตีห้ายี่สิบ”

   ...แทนที่จะปฏิเสธ ดันไปต่อรองเวลากับเขาเนอะคนเรา

   “ได้ ตีห้ายี่สิบ” คุณคนแรกขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ มองผมด้วยสายตาวาววับคล้ายกำลังยิ้ม ซึ่งผมมั่นใจว่าเขายิ้มอยู่แน่ๆ แม้จะมีหมวกกันน็อกบังก็เถอะ “ไปแล้วนะ”

   “เออ”

   แต่เขายังไม่ไป

   ผมขมวดคิ้ว ยืนกอดอกจ้องหน้าคุณคนแรกที่ยังยึกยักคล้ายกำลังสนุกสนาน

   อืม...เขาคงดีใจน่าดูพอรู้ว่าผมยังไม่กลับบ้านแล้วยังยอมให้มารับอีก เป็นความคืบหน้าที่น่าชื่นชม

   “ทำไมยังไม่ไป”

   “ฉันควรจะถามคำนั้นมากกว่ามั้ย!” ผมถลึงตาใส่เขา เรียกเสียงหัวเราะพรืด

   บรรลุจุดประสงค์ดังใจหมาย คุณคนแรกก็ขับมอเตอร์ไซค์จรลีจากไป ผมยืนมองไล่หลัง บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม

   หากถามว่าสเปคผมเป็นแบบไหน...

    ถ้าให้เจาะลึกหน่อย ก็คือคนที่เวลาอยู่ด้วยแล้วผมยิ้มได้ละนะ


   --------------------------

   คุณคนแรกก็จะเนียนๆ กันไป

   หยอดนิดๆ จีบหน่อยๆ ทำคะแนนไม่รุกมากแต่ก็มาทุกวันสม่ำเสมอและเพิ่มดีกรีทีละนิดนะคะ คุณคนแรกน่ารักใช่มั้ยล้า~~

   ส่วนพิชญ์...ต่อรองให้ผู้ชายมารับถึงที่ก็ได้เหรอลูก ปั๊ดจับตีก้น!!

   
 #ผมกับชานมไข่มุก


เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนนี้น่ารักดี จีบกันงุงิๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด