=19=
ท้องฟ้าวันนี้สดใส ยังคงสดใสเหมือนเมื่อสามเดือนก่อน และยังคงงดงามเหมือนเมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ทุกๆวันของผมในไร่พายุตะวัน ที่ไม่มีคุณซีคอยป่วนเปี้ยน มันรู้สึกเหงาจนบอกไม่ถูก และรู้สึกทรมานจนยากจะอธิบาย ผมผ่านมันมาได้ และมันเป็นเรื่องที่ผมสมควรจะเก็บไว้เป็นบทเรียน ไม่มีใครทำร้ายใจเราได้ นอกจากตัวเราเอง สามเดือนก่อน ที่ผมสะบักสะบอมกลับมาบ้าน ทันทีที่พ่อรู้เรื่องการลักพาตัว ก็เหมือนผมโดนลักพาตัวอีกรอบ เราเดินอาดๆ ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับคำอนุญาติจากหมอ “บอกไอ้ซีมันหน่อยดีไหมครับ ผมบอกให้มันออกไปหาอะไรกิน” คำพูดของหมอวุฒิไม่ได้ทำให้ขาทั้งสองข้างของพ่อ และมือทั้งสองข้างที่กุมมือผมกับมือแม่ลดกำลังลงเลย
ทันทีที่เราขึ้นรถกะบะคันใหญ่โดยที่พ่อเป็นคนขับ ประโยคแรกและประโยคเดียว ตลอดการเดินทาง “จะอยู่ให้มันทำร้ายอยู่ทำไม” และทั้งผมและแม่ก็ไม่มีคำพูดอะไรอีก คุณซีโทรมาไม่ได้หยุด เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ตลอดเวลา พ่อแค่ปรายตามองผ่านกระจกมองหลังและก็ไม่ได้บอกให้ผมรับหรือไม่รับ หลังจากที่พูดประโยคนั้นไป ผมกลับรู้สึกผิดขึ้นมาซะเอง ทั้งๆ ที่ผมก็รู้อยู่แล้ว ว่าคุณซีน่ะรักผมแค่ไหน ผมเชื่อแบบนั้น และก็ยังเชื่ออยู่ตลอด แต่ที่ผมพูดไปกับคุณแพรนั่นก็เรื่องจริงทั้งหมด ผมไม่คิดว่าคุณซีจะรักใครได้อีกนอกจากคุณบี ซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกนั้นเหมือนกัน มันเป็นความย้อนแย้งในใจผมจนเรียบเรียงเป็นคำพูดลำบาก
ผมคิดถึงคุณซีและยังคิดถึงมาก ถึงแม้ว่าจะผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว แต่ก็ยังทรมานอยู่
“ตัวเปี๊ยก ฉันไปหาได้ไหม”
“ตัวเปี๊ยก กินข้าวหรือยัง นอนพักด้วยหล่ะ”
“ตัวเปี๊ยก ที่โน้นฝนตกไหม ดูแลตัวเองด้วยนะ ที่นี่ตกหนักมากเลย”
“ตัวเปี๊ยก น้องปอมเรียกหาพี่ยุทุกวันเลยนะ ฉันเองก็ด้วย”
“ตัวเปี๊ยก ฉันคิดถึงนาย”
ข้อความที่ผมได้รับทุกๆ วันมันทำให้ผมใจอ่อนลงทุกที อยากจะขับรถเข้าไปหาเขาซะเดี๋ยวนี้ ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น เมื่อเห็นว่าข่าวทางทีวีช่วงข่าวสังคมสั้นๆ ได้บอกถึงข่าวลือเกี่ยวกับความสั่นคลอนของความมั่นคงในบริษัท ยิ่งทำให้ผมอยากตอบกลับข้อความเหล่านั้น อยากยืนใกล้เขาและบอกว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น
เนื้อข่าวไม่ได้มีอะไรนอกจาก บริษัทในเครื่อเกียรติกุลทั้งหมด กำลังประสบปัญหาขลาดแคลนเงินทุน และจ้องที่จะคว้ากำไรอย่างหนักหน่วงกับบริษัทที่มีชื่อเสียงทางฝั่งตะวันตก แต่กลับยังเลือกที่จะปฎิเสธและดูถูกบริษัทที่เล็กกว่า ว่าไม่มีอำนาจมากพอที่จะเหมาะสมเป็นผู้ร่วมทุนกับทางเกรียติกุล พอผมเห็นข่าวก็พอเดาทางได้ว่าไอ้ข่าวพวกนี้มันออกมาจากไหน
“บริษัทที่เราทำงานหรอ” ผมพยักหน้าตอบแม่แค่เพียงเท่านั้น หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบอีกหน “ตัวเปี๊ยก ฉันเหนื่อย” ผมกับแม่มองมันพร้อมกัน ผมยังมองหน้าจอนั้นนิ่งและไม่คิดทีจะสไลด์มันอ่าน
“นี่ ทำแบบนี้แล้วมันมีความสุขหรือไง อย่าไปฟังพ่อให้มากนัก หาความสุขให้ตัวเองซะยังจะดีกว่า”
“แล้วถ้ามันไม่ใช่ความสุขหละแม่”
“ยุ รู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มีคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
“.....”
“อะไรมีความสุขก็ทำเถอะ” แม่เดินออกจากห้องรับแขกไป พร้อมกับความรู้สึกของผม เพราะตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลย หน้าตาของคนที่คิดถึงมาตลอดอาทิตย์ปรากฎหล่าอยู่ในหน้าจอทีวี ด้วยที่โดนนักข่าวรุมซะจนแทบจะไม่มีทางเดิน
ผมกดปิดทีวี และยังคงจ้องโทรศัพท์เขม่ง ถ้าผมโทรไปเขาจะหายเหนื่อยไหม
ผ่านความทรมานจากการคิดถึงมาอีกอาทิตย์ ผมไม่ได้รับข้อความจากคุณซีอีก และก็ไม่มีการโทรเข้ามาด้วย ใจหนึ่งผมก็คิดว่าคุณซีต้องกำลังวุ่นวายกับเรื่องของอัลเบิร์ตแน่ ส่วนอีกใจก็คิดว่าคุณซีอาจเบื่อที่ง้อกันแล้ว แต่ยังไงซะผมก็ยังเข้าข้างตัวเองว่ามันยังเป็นข้อแรกอยู่
เรื่องของคดีความเมื่อสามปีก่อน และคดีของผมถูกคลี่คลายแล้ว ผมได้รับโทรศัพท์จากตำรวจเจ้าของคดี ผู้ชายแปลกหน้าที่คุณซีบอกผมตอนอยู่โรงพยาบาล ชื่อขจร เป็นลูกชายของลุงจวง และเป็นคนสนิทของคุณเพชรสินี เขาน่าจะรักคุณแพรมานาน คุณแพรกลับคำให้การว่า เธอไม่เคยบอกให้ขจรทำอะไรทั้งสิ้น เธอไม่ได้เป็นคนสั่งให้ไปฆ่าใคร ซึ่งมันก็ตรงกับคำให้การของคุณขจร “เธอแค่บอกว่าไม่อยากเห็นคนๆ นั้นอีกแล้ว และผมก็ทำมันเองทุกอย่าง” นั้นคือคำตอบของการกระทำทั้งหมด คุณแพรไม่ได้รับความรักดีๆ แบบนี้มันน่าเสียดาย เรื่องอุบัติเหตุที่หน้าบริษัท เรื่องที่ผมโดนไล่จากคอนโด นั้นก็เป็นฝีมือคุณขจรเหมือนกัน แต่เป็นคำสั่งของคุณเพชรสินี แค่ทำยังไงก็ได้ ให้ผมออกไปจากชีวิตลูกชายเขา ซึ่ง คุณขจรก็บอกอีกว่า “ทุกอย่างผมคิดเองว่าการทำแบบนั้นน่าจะทำให้คุณพายุออกไปจากชีวิตคุณศิริวัฒน์ นายหญิงไม่เคยสั่งให้ผมไปทำร้ายใคร ผมคิดเอง” ตามรูปคดีจำเลยก็เลยกลายเป็นขจรไปซะ ส่วนคุณแพรยังหนีไม่พ้นเรื่องลักพาตัว กักขัง ซึ่งคุณขจรก็รับอีกว่าเขาเป็นคนต้นคิด คุณแพรไม่ใช่ตัวหลักในเรื่องนี้ แต่ยังไงซะคนไม่รักก็คือไม่รัก คุณแพรยังเรียกหาคุณซีอยู่ตลอดเวลา
ผมมีโอกาสไปเยี่ยมคุณขจร หลังจากผ่านเหตุการ์ณบ้าๆ นั้นมาได้เดือนหนึ่ง กระจกกั้นเจาะรูเพียงเล็กน้อยที่ทำให้เราได้คุยกัน
“ผมเพิ่งเห็นหน้าคุณชัดๆ เป็นครั้งแรก” ผมได้รอยยิ้มเล็กๆ กลับมาเป็นคำตอบ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” และผมได้คำตอบเหมือนเดิม แถมการส่ายหน้าเล็กๆ มาด้วย
“ผมมีผลไม้จากสวนมาด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะให้คุณทานได้ไหม ผู้คุมเอาไปแล้วนะครับ” คำตอบกลับมาคือการพยักหน้าอีกรอบ
“ทำไมถึงรับผิดอยู่คนเดียวหละครับ”
“คุณยุไม่น่ามาที่แบบนี้เลยครับ”
“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ผมมาหาคนที่เคยช่วยชีวิตผมนะ”
“คุณซีรู้คุณต้องโดนเอ็ดแน่ครับ” ผมไม่รู้ว่าส่งสายตาแบบไหนไปให้หรือว่าทำหน้ากระอักกระอ่วนจนอีกคนสังเกตเห็น “ทะเลาะกันหรือครับ” ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น เพียงแค่ส่งยิ้มที่อธิบายไม่ถูกออกไป แต่มันก็คุ้ม เพราะผมได้เสียงหัวเราะจากอีกคนกลับมา
“คิดเรื่องคุณบีหรอครับ คุณซีไม่ได้รักคุณบีแล้วหละครับ วางใจได้”
“คุณรู้ใจคุณซีหรอครับ”
“ถ้าคุณได้เห็นตอนที่เขาคุกเข่าร้องไห้ อ้อนวอนบอกให้ผมเล่าถึงเรื่องอุบัติเหตุของคุณ ตอนที่คุณยังไม่ได้สติ คุณต้องไม่ถามผมแบบนี้แน่” ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกคนที่ตอนนี้กำลังมองผมเหมือนผมทำอะไรผิด
“เขาเป็นเพื่อนกันมานาน ก่อนที่จะเป็นคนรัก ขาดใครไปสักคนมันก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดาครับ ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนรักกัน แค่เพื่อนกัน ถ้าคุณบีจากไปแบบนี้ เชื่อเถอะครับว่าคุณซีก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งก่อนหน้านั้นคุณซีเข้าใจว่าคุณบีตายเพราะตัวเองยืนจูบกับ ... กับแพร ทำให้ขาดสติในการขับรถถึงเกิดอุบัตเหตุด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เศร้าหนักไปกันใหญ่ สามปีก่อน สองปีก่อน ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขายังรักกันอยู่ไหม แต่ตอนนี้ ผมกล้ายืนยันว่าไม่แล้ว” ประโยคยาวถูกพูดออกมาจนหมด นี่คงจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่คุยกันมา ก่อนที่ผู้คุมจะบอกว่าหมดเวลา
ผมเหลือบเห็นในสมุดลงชื่อเยี่ยมผู้ต้องหา ศิริวัฒน์ เกียรติกุล เซ็นต์ต่อจากชื่อของผม
“ขอโทษนะครับ คนนี้เขาไปไหนแล้ว”
“น่าจะกลับไปแล้ว เขามาเยี่ยมคนเดียวกับคุณ”
“อ่อ ครับ” ไม่รู้ว่าผมหวังอะไร ทั้งๆ ที่เป็นผมเองที่ไม่ได้อนุญาตให้เขามาหา ทั้งๆ ที่ข้อความพวกนั้นจะถามอยู่ตลอดว่ามาหาได้ไหม แต่ตอนนี้ผมกลับคิดว่า ถ้าเราบังเอิญเจอกันความทรมานจากการคิดถึงของผมมันคงได้เยียวยา แต่ก็ไม่ ผมยังคงนั่งรออยู่ตรงนั้น รอให้เขาไปไกลกว่านี้ รอให้เราไม่บังเอิญเจอกันทั้งๆ ที่ผมอยากเห็นหน้าเขาใจแทบขาด
ผมขับรถกะบะคันใหญ่ของพ่อกลับไร่ และลายมือหวัดๆ นั้นก็ยังติดตาไม่ต่างจากเจ้าของของมัน
“ตัวเปี๊ยก คิดถึงจัง นี่นายนั่งอยู่ในนั้นนานเท่าไร ไม่อยากเจอกันขนาดนั้นเลยหรอ ไม่เป็นไรหรอกนะ แค่ฉันได้เห็นหลังเล็กๆ นั้น มันก็ดีมากแล้ว”
ข้อความที่ถูกส่งมาหลังจากที่ผมออกจากเรือนจำมาไม่ถึงร้อยเมตร คุณซียังคงอยู่แถวนี้ซินะ ทำให้ผมหาคำตอบได้ว่า ไม่ว่าจะบังเอิญเจอกัน หรือตั้งใจเจอกัน ผมก็ยังทรมานกับการคิดถึงอยู่ดี นี่ผมไม่ได้เห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ เห็นแค่ลายมือหวัดๆ นั้นก็อยากจะกลับรถกลับไปซะแล้ว
ผมมาถึงไร่โดยสวัสดิภาพกับการมีเรื่องกวนใจอย่างขมุกขมัว พ่อเป็นห่วงซะจนออกนอกหน้า เดี๋ยวนี้ไม่เกร็กทำเป็นไม่รักผมอีกแล้วหละ ผมเข้าในนั่งในห้องตะวัน เล่าเรื่องที่คับแค้นใจอยู่ในนั้น เขาเป็นพี่ชายที่ผมพูดได้ทุกเรื่อง
“ตะวัน ถ้ายุไม่ได้เป็นแบบที่พ่อหรือตะวันตั้งใจอยากให้เป็น ตะวันจะเกลียดยุไหม”
“แล้วแกยังจะเป็นน้องฉัน เป็นลูกของพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่า”
“แล้ว ... แล้ว ถ้าเกิด ถ้า.. ยุ ไม่ได้ ชอบผู้หญิงหล่ะ” สายตาของพี่ชายเบิกโพลงเล็กน้อย แต่ก็ส่งยิ้มกลับมา
“แกก็ยังเป็นน้องฉัน เป็นลูกพ่อกับแม่อยู่ดี” แรงกอดเต็มอกของพี่ชาย ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ ตะวันยีผมของผมแล้วลูบมันอยู่แบบนั้นจนผมหายสะอื้น
ภาพของตะวันที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงตอนที่ผมสารภาพว่าเป็นเกย์ เพราะแอบชอบรุ่นพี่ที่เป็นนักบาสในโรงเรียน ยังอยู่ในหัวผมเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ตะวันยุรักเขา รักเขามาก เขาจะรักยุไหม เขาจะใช้ยุเพื่อเป็นตัวแทนของใครหรือเปล่า ยุทรมานมากเลย ที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ” พูดความในใจทั้งๆ ที่รู้ว่าตะวันไม่มีทางตอบกลับมา แล้วน้ำตาที่ตกอยู่ข้างในมันก็ไหล “ผมคิดถึงคุณครับคุณซี” และเสียงโฮของผมที่ปล่อยออกมามันก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่มีทางที่จะหยุดรัก และหยุดคิดถึงเขาได้
เข้าเดือนที่สองของการกลับมาอยู่บ้าน พื้นที่ว่างท้ายไร่เป็นงานอดิเรกของผมที่คิดอยากจะลองทำดู ผมปลูกดอกไม้จนเต็มพื้นที่ และมันน่าจะกลายเป็นรายได้อีกทางของไร่พายุตะวัน ข่าวของคุณซีที่ลงในหน้าอินเตอร์เน็ตเวบไซต์หน้าธุรกิจ บอกว่าคุณซีเดินทางเข้าออกไทยเป็นว่าเล่น แถมเดินทางทั่วประเทศแทบยุโรปและอเมริกาด้วย ถ้าเดาไม่ผิด ก็คงไม่พ้นการไปสร้างไมตรีและไปแก้ข่าวแย่ๆ ผมติดต่อกับพี่ปริมบ้างบางครั้งและได้มีโอกาสคุยกันเล็กน้อยถึงเรื่องงาน คุณเพชรสินีช่วยอะไรไม่ได้นัก เพราะเพื่อนรักเพื่อนสนิทอย่างอัลเบิร์ต รู้สึกว่าเพชรชี่ของเขายอมง่ายเกินไปแล้ว สำหรับความแค้นใจกับการถูกนอกใจ ยิ่งกลายเป็นคุณเพชรสินีเข้าไปเจรจาความโมโหและข่าวลือเลยกระพรือมากขึ้น ข้อความของคุณซี ก็ห่างๆ ไปด้วย อาจเป็นเพราะงานที่ยุ่งมาก ถึงจะรู้เหตุผลแต่เวลาข้อความที่ขึ้นด้วย ตัวเปี๊ยก มันหายไปบ้างก็รู้สึกน้อยใจแปลกๆ
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมได้แต่รู้ข่าวของคุณซีจากหน้าจอทีวี และอินเตอร์เน็ต มันก็ออกจะทรมานอยู่สักหน่อย “ตัวเปี๊ยก ถ้าเคลียร์ทางนี้เรียบร้อยแล้ว อยากไปหาจัง ได้ไหม” ผมเปิดอ่านและมองหน้าจออยู่แบบนั้น “ไม่เป็นไร แค่นายอ่านก็ดีใจแล้ว” และนั่นก็เป็นข้อความที่ส่งมาอีกรอบ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ไม่ได้ตอบข้อความอะไรของเขาเลย ทั้งๆ ที่ผมโหยหาเขาแทบแย่
“ไอ้ยุ เดี๋ยวดอกไม้ให้พ่อเอาไปพร้อมกับผลไม้เลยไหม”
“เดี๋ยววันนี้ยุเข้าไปส่งเองก็ได้”
“เอางั้นหรอ ก็ดี วันนี้พวกเกษตรจังหวัดเขาจะมาด้วย พ่อจะได้ไม่ต้องรีบ”
“อื่ม ยุจะไปดูปุ๋ยมาใส่เยอบีร่าด้วย แล้วในไร่ในสวนจะเอาอะไรก็พ่อก็จดมาแล้วกัน”
“จะขับไปคนเดียวหรอ ทำได้หรอ” เสียงแม่ที่วางแก้วน้ำหวานลงตรงหน้า พลางหย่อนตัวลงข้างๆ พ่อ
“ฝนมามืดแล้วไอ้ยุ ไม่ต้องกลับดีกว่ามั่ง ไปค้างที่โรงแรมในเมืองที่แกจะไปส่งดอกไม้นั่นแหละ”
“ไม่เป็นไรพ่อ เดี๋ยวดูก่อนถ้าพอกลับมาได้ ยุจะกลับมานอนบ้าน”
“งั้นก็ไม่ต้องไป ขับรถมันอันตราย” ผมเข้าใจความหมายของพ่อดี กลายเป็นคนวิตกกังวลไปแล้ว หลังจากที่เมื่อก่อนขับรถขับราได้สบาย กลายเป็นว่าต้องมาคอยห่วง ถ้ามืดไม่ต้องขับ ฝนตกไม่ตัองขับ “นี่ถ้าไม่ติดว่าพวกเกษตรจังหวัดจะมาดูสวน ก็ไปเองแล้ว”
“ตัวเปี๊ยก ฉันคิดถึงนาย” หน้าจอสว่างวาบอีกครั้ง เราสามคนในห้องนั่งเล่นพากันมองไปที่จุดเดียวกัน ผมกดปิดหน้าจอให้มันมืดลงเหมือนเดิม พ่อมองหน้าพลางจดยุกยิกลงในกระดาษตามเดิม “พรุ่งนี้เช้าที่โรงแรมจะมีงาน ดอกไม้สำหรับพรุ่งนี้ผมจะให้พวกคนงานตัดแล้วออกเลย จะได้ดอกไม้สดๆ อีกอย่างเห็นว่าพวกจัดดอกไม้เก่งๆ ระดับแนวหน้ามากันด้วยผมอยากไปดู แอบบอกกับพี่แป้งไว้แล้วด้วย” สาธยายเหตุผลออกไปซะมากมาย เห็นพ่ออมยิ้ม แล้วกลับทำหน้าบึ้งอีกรอบ
“มาเองหรอ” ผมสวัสดีพี่สาวคนสวย ที่อยู่แผนกจัดเลี้ยง พลางเรียกให้พนักงานมาช่วยกันยกดอกไม้ลงจากรถ พร้อมกับเสียงพูดอยู่ตลอดเวลา “เบาๆ หน่อยเดี๋ยวจะช้ำ”
“ยุ ตัดเสร็จก็มาส่งเลยครับ แล้วนี่พวกทีมงานมากันหรือยังครับ”
“อื่ม ก็ทยอยกันมาแล้วหละ อยากดูเขาจัดดอกไม้สิเรา” ผมยิ้มและพยักหน้าให้กับพี่แป้ง
ภายในห้องจัดดอกไม้ของโรงแรมระดับห้าดาว ดูวุ่นวายไปหมด นอกจากดอกไม้สดที่สั่งจากไร่ของผมก็ยังมีของประดับตกแต่งอื่นๆ ที่กำลังทยอยขนกันเข้ามา เสียงโวยวายประโยคเดียวกับพี่แป้งเมื่อกี้เป๊ะ ทุกคนดูชำนาญไปกันหมด เอาจริงๆ มันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผมอยู่มากโข คนที่โง่เรื่องดอกไม้ ทั้งๆ ที่เป็นคนปลูกเองแท้ๆ ก็เพิ่งเริ่มเองนี่ แต่ผมจะทำให้สุดฝีมือผมเลย
“ดอกไม้มาส่งพอดีเลยค่ะ วันนี้น้องมาเอง แล้วก็ขอเข้ามาดูจัดดอกไม้ด้วยค่ะ” ผมได้ยินเสียงพี่แป้งรายงานถึงการมาของผม ซึ่งถ้าให้เดาน่าจะเป็นเจ้าของงานวันนี้
สิ่งที่ประสบกับสายตาแรกของผม คิ้วเข้มๆ ปากอิ่ม ผิวที่คล้ำลงไปนิดหน่อย ร่างสูง เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทพอดีตัว กับการเกงสีซีด ผมที่ไม่ได้เซท มีแว่นกันแดดเสียบไปที่สาบเสื้อกระดุมเม็ดที่สามเป็นเพียงปราการเดียวที่ไม่ให้มันตกลงไป สายตาที่ส่งมาให้ มันแสดงความคิดถึงโดยที่ไม่ต้องพูด ไม่มีรอยยิ้มที่ใบหน้าเราทั้งคู่ ไม่มีแม้แต่คำทักทาย โลกของผมมันหยุดหมุนและผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป ถึงแม้ในห้องนี้จะวุ่นวายแค่ไหน แต่ผมก็เห็นเพียงแค่เขา
“พายุนี่คุณซี เจ้าของที่นี่ พายุ ยุ ได้ยินพี่ไหม” แรงเขย่าจากรุ่นพี่ตัวเล็กทำให้เสสายตาจากคนตรงหน้า หันไปหาคนที่เรียกก่อนหน้านี้
“พี่แป้ง ยุกลับก่อนนะครับ”
“อ้าวไหนว่าอยากเจอพวกอาจารย์ที่จัดดอกไม้ไง”
“ผมไม่ว่างแล้วหละครับขอโทษด้วย” ผมรีบเดินผละออกมาจากห้องจัดเลี้ยงทันที ผ่านหน้าคุณซีมาโดยไม่หันกลับไปมอง
ให้ตาย!!! ฝนตก
ฝนที่ตกลงเหมือนกับจะไม่ตกอีกแล้ว ฟ้ามืดมิดจนแทบจะมองไม่เห็น
“ตัวเปี๊ยก เดี๋ยวก่อน” พอได้ยินเสียงคุณซีทั้งๆ ที่คิดถึงแต่ร่างกายกลับปฎิเสธ ผมสาวเท้าก้าวสู่สายฝนและตั้งใจจะเปิดประตูรถ แรงของน้ำฝนที่ปะทะใบหน้าทำเอาเจ็บไปหมด
“ตัวเปี๊ยก หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฝนตกเห็นไหม”
ผมพยายามเปิดประตูรถและออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ฝนตกแรงขนาดนี้คงกลับไร่ไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่ยอมมองหน้าเขานานๆ แน่ แต่ดูเหมือนฝนฟ้าจะเข้าข้างคุณซีมากกว่าผม ผมหากุญแจรถไม่เจอ และยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่ามันจะไม่อยู่ในกระเป๋า เพราะตอนนี้ผมเทมันออกมาข้างรถแต่ไม่มีไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ห้อยกุญแจรถอยู่เลย
“กลับเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้นะ” คุณซีตะโกนแข่งกับเสียงฝนทันทีที่ถึงตัวผม
“ผม คือ”
“คืออะไรอีก ทำไมถึงดื้อแบบนี้” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คุณซีเสยผมที่เปียกชุ่มลวกๆ แล้วมือใหญ่ๆ นั้นก็กลับมาลูบแก้มผมที่เต็มไปด้วยน้ำ ใจของผม ใจของผม มันเต้นแรงยิ่งกว่าฝนที่ตกลงมาซะอีก
“กลับเข้าไปก่อน ถ้านายไม่อยากเจอฉัน ฉันไปก็ได้ แต่กลับเข้าไปเถอะ ฉันไม่ให้นายขับรถออกไปในสภาพอากาศแบบนนี้แน่”
เราสองคนอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมในสภาพที่เปียกโชก คุณซีเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมถอดเสื้อลายสก๊อตสีแดงของตัวเองใส่ลงในตระกร้าที่มีถุงพลาสติกรองอยู่ เสื้อยืดสีขาวตอนนี้ไม่ได้ช่วยให้อุ่นเลยสักนิด กางเกงยีนส์ชุ่มน้ำไปหมดจนหนักอึ้ง แทบจะยกไม่ไหว คุณซีเดินออกมาในสภาพที่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันอยู่รอบเอว และหน้าผมก็ร้อนจนไม่ต้องพึ่งเครื่องทำความร้อนจากที่ไหนเลยสักนิด ถึงแม้จะเห็นกันมาแล้ว แต่นี่ก็สามเดือนแล้ว ผมต้องทำความคุ้นชินกับมันใหม่ซินะ
“ตัวเปี๊ยกไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะป่วย” คุณซียื่นผ้าเช็ดตัวผืนหนา รวมทั้งชุดคลุมอาบน้ำส่งมาให้
“แล้วคุณหละครับ”
“ไปอาบก่อนเถอะ นายอาบเสร็จแล้วฉันค่อยอาบ หรือ อยากจะอาบพร้อมกัน” ผมคว้าผ้าเช็ดตัวจากมือเขาแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที
คุณซียังนั่งอยู่ในชุดเดิม จิบกาแฟสบายอารมณ์เหมือนไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ผิดกับผมที่ตอนนี้หัวใจเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอก ผมอยากกอด อยากจูบ อยากคุย และอยากถามว่าระหว่างที่เราไม่เจอกัน อะไรทำให้คุณซีผอมขนาดนี้ อะไรทำให้ผิวคล้ำไปขนาดนี้ อะไรทำให้แววตานั้นมันเหนื่อยล้าเหลือเกิน
“ฉันอุ่นนมไว้ให้ ดื่มก่อน จะได้อุ่นขึ้น” ผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดผมถูกโยนมาแปะอยู่บนหัวผม ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีคุณซีก็ออกจากห้องน้ำ เขาไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้
“ผม ผมเตรียมยาไว้ ทานซะหน่อย” ผมหันไปหยิบยาหลังจากที่เห็นคุณซีนั่งลงที่ปลายเตียง
“แล้วนายหละ กินหรือยัง” ผมพยักหน้าพลางส่งยาแก้ไข้สองเม็ดพร้อมกับน้ำไปให้ คุณซีรับแก้วน้ำหลังจากกินยาสองเม็ดนั้นลง ยื่นแก้วน้ำกลับมาให้ผม แต่.... ทันทีที่ผมจะคว้าแก้วน้ำจากมือเขา มืออีกข้างก็คว้าแขนของผมและช้อนตัวขึ้นไปนั่งตักคนขี้แกล้งแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว สองมือโอบกอดรัดเอวอยู่ไม่ห่าง
“ทำไมผอมขนาดนี้ สามเดือนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้กินข้าวเลยหรือไง”
“......”
“ฉันใช้แรงแค่หนึ่งในสามนายก็ปลิวมาแล้ว”
เราสบตากัน จ้องมองกันถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขนตาของคุณซียังคงเป็นแพรสวยเหมือนที่เคยเป็น จมูกโด่งยังคงเป็นสันคมชวนหลงใหล ริมฝีปากหนายังคงอวบอิ่มหน้าสัมผัส และรอยสัมผัสที่เคยคุ้นชินก็กลับมา ปากหนาของคนขี้แกล้งประทับลงที่ปากของผม ผมกำลังจะละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ มันไม่เร้าร้อน ไม่รุนแรง แต่อ่อนนุ่มละมุนจนผมเผลอเผยอปากให้คนเอาแต่ใจได้ส่งลิ้นเข้าไปชิมความหวาน แก้วน้ำถูกดึงออกจากมือและวางลงบนโต๊ะหัวเตียงโดยที่เรายังไม่ผละจูบออกจากกัน ท้ายทอยถูกควบคุมด้วยมือใหญ่ให้ปรับองศาที่เข้ากับการจูบ ไหล่กำยำของคุณซีถูกผมบีบกดเพราะอากาศที่ไม่เพียงพอ คุณซีงับลงที่ปากล่างของผมเบาๆ แค่พอทำให้ใจสั่นก็ผละออก
“คิดถึงจังเลย คนใจร้าย” พูดไปก็มือเจ้าเล่ห์นั่นก็เขี่ยปากของผมไปด้วย ผมไม่มีคำตอบให้เขาได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาคนขี้แกล้ง ที่แกล้งให้ผมแทบจะสำลักความเขินตายหลังจากที่ไม่เจอกันร่วมสามเดือน
“หอมจัง” จมูกโด่งนั้นซุกไซร้ลงกับซอกคอ พร่ำกระซิบคำว่าหอมไม่หยุดหย่อน ความต้องการโหยหาแล่นลิ่วจนไม่อาจปิดบังได้
“ขอกอดได้ไหม ฉันใจจะขาดอยู่แล้ว”
พูดไม่พูดเปล่า เด็กจอมซน ซุกไซร้ จมูกวนไปตามลำคอ อายุป่านนี้จะไม่เข้าใจคำว่ากอดได้ยังไง หน้าตาร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ หรือเพราะคำพูดที่ไม่ต้องการคำตอบนั้นกันแน่
เราสองคนเปลื่อยเปล่า แค่ชุดคลุมอาบน้ำกับผ้าขนหนูผืนเดียว คงไม่ได้ทำให้อะไรต่ออะไร มันสงบหรือเก็บเนื้อเก็บตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ คุณซี ดึงมือของผมที่ดันอกของเขาเอาไว้ ทำให้เราแนบชิดกันมากขึ้นไปอีก เชือกชุดคลุมอาบน้ำหลุดออกไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จมูกซนยังคงทำหน้าที่ของมันได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ความขุ่นเคืองใจที่เรามีให้กันตอนนี้ถูกบดบังด้วยแรงอารมณ์ที่มันเหมือนกับกลายเป็นแค่จุดเล็กๆ ที่ทำให้เคืองตาแต่ไม่ได้ทำให้มองทางข้างหน้าไม่เห็น
มือซุกซนบีบเค้นก้อนนุ่มเหมือนหนอนลูกใหญ่ คนถูกบีบแบบผม รู้สึกเหมือนเขากำลังจะขย้ำให้มันแหลกคามือ
“คุณ คุณซี” น้ำเสียงของผมแม้แต่จะเปล่งออกมาได้ยังลำบาก ทั้งมือทั้งจมูกทำหน้าที่ของมันได้ถนัดถนี
“หื้ม” ไม่เงยหน้ามอง ไม่หยุด และไม่ได้ปล่อยให้ผมได้หายใจ มือหนาที่เคยตะคองกอด บีบเค้นก้อนนุ่มนั้นกลับมาสนใจ ความเป็นตัวผมแบบไม่ทันตั้งตัว และมันก็คงไม่ต้องบอก
ว่าต้องการคุณซีมากแค่ไหน
“ดีจัง ฉันชอบนะ ที่นายรับความรู้สึกฉันได้ดีขนาดนี้”
สายตาเจ้าเล่ห์ส่อให้เห็น ถึงผมจะแก่กว่าเขา แต่ดูเหมือนตอนนี้ผมเป็นเด็กไร้เดียงสาในมือเขาเท่านั้น ยิ่งอีกคนขยับมือจนผมแทบจะทนไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจกุมมือหนาๆ นั้นไว้
“อะไรกัน...ไม่ถูกใจเหรอ” ผมได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อายเกินกว่าจะบอกว่า มันมีความสุขซะจนจะทะลุออกมาจากตัวของผม
“อ๊ะ....”
“อยู่กับฉัน ฉันไม่ยอมนะ” ผมถูกผลักลงที่เตียงนุ่ม ชุดคลุมอาบน้ำถูกเหวี่ยงแบบไม่ต้องเสียเวลาหาว่าอยู่ตรงไหน
“หน้าแดงเชียว” ผมก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าผมอายและเขินเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้ประสา ก็อายุปาเข้าไปเท่านี้แล้ว รวมถึงตอนที่คุณซีเข้ามาด้วย ให้ตายผมกำลังจะตาย ตัวกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ตัวเปี๊ยกฉันคิดถึงนาย” แรงเร้าถูกส่งมาได้เพียงครึ่ง
“เจ็บ” น้ำตาที่ไหลเพราะความเจ็บปวดทรมาน ถูกแปลงเป็นเสียงออกมา
“แป๊บเดียวนะคนดี แป็บเดียว” คุณซีเกลี่ยปรอยผมที่ชื้นเหงื่อเปอะหน้าผากของผม
“ฉันอยากกอดนายแรงๆ มันดีกว่าที่จินตนาการไว้ซะอีก” แรงเร้าถูกส่งเข้ามาเป็นครั้งที่สอง
“ผม เจ็บครับ ผมเจ็บ”
“เจ็บก็จิกแรงๆ” มือของผมที่ตอนนี้กำที่นอนจนยับย่นกลับถูกเปลี่ยนทิศทางมาที่ไหล่และผมก็จิกเข้าเต็มแรง
“ตัวเปี๊ยกฉันรักนาย” คำบอกรัก เหมือนคำล่อหลอก ผมสติหลุดไปเพราะคำว่ารักที่เคยได้ยินจากปากเขาเป็นครั้งแรก แบบที่ไม่ได้คิดไปเอง และนั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาอย่างเต็มรัก หัวใจของผม ความคิดถึงของผม ถูกเยี่ยวยาด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข รวมถึงความแคลงใจที่ผมล้างไปได้แค่เพียงจูบเดียว
“อื่ม พายุ” เสียงคุณซียิ่งทำให้ผมรู้สึกหวาบหวิวช่องท้องไปหมด แรงรักนั้นยิ่งแรงมากขึ้นเกินกว่าที่ผมจะคาดการ์ณไว้
“ให้ตายเถอะพายุ ให้ตาย” คุณซีป้อนจูบ แต่คราวนี้มันรุนแรงและเร้าร้อน แรงส่งรุนแรงพอๆ กับรอยจูบ ผมได้กลิ่นคาวเลือดและรสฝาดเฝื่อนในปากของตัวเอง
คุณซีโน้มตัวลงมา สอดแขนเข้าใต้ท้ายทอยของผม กอดรัดแน่นซะจนเหมือนเรากำลังจะลอมหลวม ความเจ็บปวดที่ทรมานกลายเป็นความสุขสมจนเผลอครางเสียงน่าอายออกมาแข่งกับเสียงฝนด้านนอก
“ฉันรักนาย พายุ รักมาก” เสียงน่าเกลียด ที่ผมพยายามกลั้นไว้กลับ ถูกครางร้องออกมาไม่หยุด
“ตรงนั้น แรงๆ ได้ไหมครับ” คุณซียิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะทำตามใจ ขาแขนผมไร้เรี่ยวแรงร่างกายบิดเร้าทรมานแต่สุขสม สีขาวโพลนที่อยู่ตรงหน้า ความเป็นตัวเองแข็งขื่นและรับความเสียวซ่าน คุณซีใช้มือกอบกุมมันเหมือนที่เคยทำ ส่งแรงตามใจหลังจากที่เอ่ยขอไปไม่หยุด จนผมกลั้นไว้ไม่ได้ และไม่นานผมก็ได้รับแรงรักของคุณซีที่ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้
“พายุ ฉันรักนาย” พร่ำพูดคำว่ารักไม่หยุดปาก
“ผมรู้แล้วครับ ผมได้ยินแล้ว” คุณซียิ้มและทิ้งตัวทั้งตัวบนตัวของผม
เด็กจอมซนไล่เลียใบหู หายใจเอาไอร้อนรินรดจนขนลุกชันไปหมด นิ้วซนกลับมาทำงานจนผมหว้าวุ่นอีกรอบ ความรักของคุณซีก็กลับมาให้ผมรู้สึกได้อีกครั้งเพราะเรายังไม่ได้แยกจากกัน
“ฉันรักนายพายุ”
เสียงฝนที่แข่งกับเสียงครางกระเซ่าในคืนนี้คงจะไม่มีทางหยุดง่ายๆ
TBC
********************************************************
ปรับ NC เพราะมันน่าจะขัดกับกฎเล้านิดนึง ก็เลย เขียนใหม่
แต่ถ้าใครอยากอ่านออริจิ ก็ ทางนี้
http://pradoza.blogspot.com/ แล้วจะรีบกลับมานะจ๊ะคนดี