ทิศดาวเหนือ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศดาวเหนือ  (อ่าน 33 ครั้ง)

ออฟไลน์ mupeach

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทิศดาวเหนือ
« เมื่อ08-05-2024 23:21:43 »

“น้อง มาลงทะเบียนใช่ไหมครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนคว้ามือของชายหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมมาหมาด ๆ ให้ตามไปยังจุดลงทะเบียน เขาใช้เวลากว่าห้านาทีไปกับการหารายชื่อของตัวเอง
“เอ่อ...พี่ครับทำไมไม่มีชื่อผมในใบนี้อะครับ” มือหนาหยิบใบลงทะเบียนยกขึ้นพัดโบกไปมาเพื่อเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ จากรุ่นพี่ที่ลากแขนเขามา พี่ผู้ชายหน้าหวานคนนั้นได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดพร้อมกับมองใบรายชื่อกับหน้าจอโทรศัพท์สลับกันไปมา ‘อะไรกันเนี่ยวันแรกก็จะซวยเลยเหรอวะ’
“ไม่มีชื่อน้องจริงด้วย ว่าแต่น้องอยู่คณะนิเทศถูกไหม?”
“อะ เอ่อ ผมมาลงทะเบียนคณะแพทย์ครับ”
“อ่าวเฮ้ย พี่ขอโทษพอดีพี่คิดว่าเรามาลงทะเบียนคณะพี่ซะอีก ถ้าน้องจะมาลงทะเบียนคณะแพทย์ละก็น้องมาผิดตึกแล้วล่ะ แถมอยู่กันคนละฝั่งเลย”
‘ฉิบหายละ มารับน้องวันแรกก็ซวยจริง ๆ รู้อย่างนี้ถามพี่รปภ. หน้ารั้วก็จบแล้ว’ ชายหนุ่มได้แต่ขบคิดอยู่ภายในใจ เขาเพิ่งย้ายกลับมาที่ไทยได้ไม่กี่อาทิตย์หลังจากที่พ่อกับแม่เสีย นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้เข้ามาดูสถานที่ในรั้วมหาวิทยาลัยก่อน
“น้อง น้องครับ ยังอยู่กับพี่ไหมเนี่ย”
“ยะ...อยู่ครับแต่พี่ช่วยขยับออกไปหน่อยได้ไหมครับ”
“โอ๊ะ โทษทีนะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่คณะแพทย์เลยก็แล้วกัน พี่จะเอาของไปให้เพื่อนที่นั่นอยู่พอดี”
“ได้ครับ” ชายหนุ่มวัย 18 แปดที่มีส่วนสูงถึง 190 เซนติเมตรก้มมองป้ายชื่อของรุ่นพี่คนนั้นด้วยความคุ้นตา เขาคือคิดอยู่สักพักราวกับว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อน
กลุ่มผมสีน้ำตาลดำธรรมชาติพลิ้วไสว เด็กหนุ่มสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อจัดการกับความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านของตัวเอง ทั้งสองเดินตรงไปยังป้ายรอรถรอประจำทางของมหาวิทยาลัยก่อนที่จะขึ้นไปนั่งรถบนประจำทางเพื่อไปยังคณะแพทยศาสตร์ อันที่จริงตึกคณะแพทยศาสตร์ไม่ไกลจากตึกคณะนิเทศศาสตร์สักเท่าไหร่เพราะมันอยู่ทางด้านหลังของตึกเท่านั้นเอง
“อ๋า จริงด้วย ลืมไปเลย แล้วนี่เราชื่ออะไรนะ? เผื่อเจอกันคราวหน้าจะได้เรียกชื่อถูก ดาวเหนือส่งยิ้มให้ ก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและอยากที่จะมองใบหน้าอันคุ้นเคยใกล้ ๆ อีกครั้ง ‘ไม่รู้ว่าสายตาสั้นหรือว่าขี้อ่อยกันแน่’ ชายหนุ่มได้แต่โต้แย้งการกระทำของดาวเหนืออยู่ภายในใจ
“เข็มทิศครับ คณะแพทย์ปีหนึ่ง” เด็กหนุ่มแนะนำตัวก่อนเอี้ยวตัวหลบสายตาของดาวเหนือไปมองทางอื่นแทน
“พี่ชื่อ...”
“ดาวเหนือ” เข็มทิศชิงพูดตัดหน้าไปก่อนเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดมากนัก
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ น้องเข็มทิศ” มือเรียวของดาวเหนือยื่นออกไปโดยหวังที่จะทำความรู้จักกับเข็มทิศให้มากขึ้น และแน่นอนว่าชายหนุ่มรุ่นน้องก็ไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้ว รถประจทางของมหาวิทยาลัยก็ได้มาหยุดที่ป้ายรอรถหน้าคณะแพทยศาสตร์ เข็มทิศรีบสาวเท้าตรงไปยังจุดลงทะเบียนทันที ส่วนดาวเหนือเองก็เดินแยกไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งรออยู่ฝั่งตรงข้ามจุดลงทะเบียนก่อนเดินตรงไปหาเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จุดรวมพลของพวกปีหนึ่ง

รุ่นพี่เรียกรวมเด็กปีหนึ่งเพื่อที่จะแจ้งรายละเอียดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นและช่วยแนะแนวการเรียนบ้างเล็กน้อย คือแม่งเล็กน้อยจริงๆ แทบไม่ได้อะไรเลยส่วนมากจะพูดเรื่องกิจกรรมซะมากกว่า
“นายเจษฎาอยู่ไหมคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงที่รับหน้าที่เป็นคนดำเนินกิจกรรมในวันนี้ได้ขานเรียกชื่อของรุ่นน้องเพื่อให้ออกไปทำกิจกรรมทางด้านหน้าแถวของรุ่นน้องปีหนึ่ง
“ครับ” เข็มทิศยกมือขึ้นเพื่อบอกตำแหน่งของตัวเองก่อนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่รุ่นพี่คนนั้นจะบอกให้ลุกขึ้นไปแนะนำตัวทางด้านหน้า
“ลุกขึ้นมาแนะนำตัวให้พวกเราได้รู้จักกันหน่อยค่ะ ออกมาทางด้านหน้าได้เลย” เข็มทิศเองถึงแม้จะงงเล็กน้อยแต่ก็ทำตามโดยที่ไม่ได้ขัดขืน
“สวัสดีครับ เจษฎา พิสิฐจิรกุลกิจ ชื่อเล่นเข็มทิศครับ พึ่งย้ายกลับมาจากนิวซีแลนด์เมื่อสองอาทิตย์ก่อนครับ” ทุกคนในคณะต่างโห่ร้องแซวเข็มทิศก่อนที่รุ่นพี่คนเดิมจะเริ่มถามคำถามต่อไป
“อู้ว ดีกรีไม่ธรรมดานะคะเนี่ย ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถามได้ไหมนะคะว่า...สามอย่างที่ทำให้นึกถึงน้องเข็มทิศมีอะไรบ้าง” เข็มทิศไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการโดนถามคำถามอะไรแบบนี้มาก่อน เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่สมองจะค่อย ๆ ประมวลคำตอบออกมา
“เอ่อ...ก็เข็มทิศครับ อ๋า ถ้าคิดไม่ออกก็คงเป็น...ดาวเหนือมั้งครับ” ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจเขาตอบออกไปแบบนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำตอบส่วนหนึ่งของเขามาจากชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ ‘ดาวเหนือ’
“แป๊บหนึ่งนะคะ คือพี่เข้าใจทุกอย่างที่น้องพูดเลยแต่ดาวเหนือมันเกี่ยวอะไรกับเข็มทิศเหรอคะ” ทุกคนที่ต่างงุนงงกับคำตอบของเข็มทิศเล็กน้อยก่อนที่รุ่นพี่จะให้โอกาสเข็มทิศได้อธิบายคำตอบเพิ่มเติม
“คงเพราะดาวเหนือเป็นดาวที่สว่างที่สุดมั้งครับ เวลาคนหลงทางเขาก็มักจะให้มองหาดาวเหนือและตามดาวเหนือไป ผมว่าดาวเหนือก็คงเหมือนผมที่มักจะนำทางไปยังทิศเหนือเสมอ” เสียงปรบมือสำหรับคำตอบในครั้งนี้ดังไปทั่วลานกิจกรรม
“ว้าว เป็นคำตอบที่พี่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันนะคะเนี่ย เอาละเชิญกลับไปนั่งที่ได้เลยค่ะ”
‘หึ คงเป็นดาวเหนือสมชื่อจริง ๆ สินะ’ เข็มทิศยืนจ้องดาวเหนืออยู่สักพักก่อนเดินกลับเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
“เอาละเรามาเริ่มกิจกรรมต่อไปกันดีกว่า กิจกรรมต่อไปเนี่ยเป็นกิจกรรมที่คณะเราเนี่ยติดท็อปสามทุกปี นั้นก็คือ คือ กิจกรรมประกวดดาวเดือนนั้นเองค่ะ~” เสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่ร้องจากกลุ่มคนภายในลานกิจกรรมแห่งนี้ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่พวกรุ่นพี่จะให้เวลารุ่นน้องปีหนึ่งได้ทำความรู้จักกัน
“พวกพี่จะให้เวลาน้อง ๆ ช่วยกันดู ช่วยกันเลือกเพื่อนที่พอจะมีแววนะคะ ขอเป็นคนที่บุคลิกดี มีความสามารถ หน้าตาไม่ต้องหล่อมากก็ได้นะคะ เดี๋ยวมันจะหัวกระไดคณะไม่แห้งเอา” รุ่นน้องปีหนึ่งต่างพากันฮือฮากับเรื่องการคัดเลือกตัวแทนดาวเดือนของคณะส่วนบางคนแทบจะหลับอยู่แล้วในตอนนี้
“นี่นาย ชื่อเข็มทิศใช่ไหม? เราพราวฟ้านะ” หญิงสาวหน้าหมวยคนหนึ่งเอื้อมมือไปสะกิดที่แขนของเข็มทิศพร้อมแนะนำตัว
“เราเข็มทิศนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เหมือนกัน เราว่าแกดูเหมาะกับการเป็นเดือนคณะดีนะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับความคิดของพราวฟ้า
“เออ กูก็ว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะเว้ย” เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของเข็มทิศได้เสนอความคิดเห็น
“ไอ้สายมึงไม่ลงเองเลยวะ ขี้เก๊กแบบมึงเนี่ยตัวเต็งเลย” เพื่อนผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของเข็มทิศได้ชะโงกหน้ามาพูดกับเพื่อนคนนั้นแบบข้ามหัวเขาไปมาราวกับว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อน
“เออ กูเห็นด้วยนะ” เข็มทิศเห็นด้วยกับเพื่อนอื่นคนก่อนหันหน้าไปหาเพื่อนอีกคนที่อยู่ทางซ้ายมือของเขา จริงอยู่ที่การเป็นเดือนคณะอาจจะมีโอกาสในการทำงานด้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วยทว่าเข็มทิศเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเขาอยากที่จะทำมันจริง ๆ หรือเปล่า?
“โห่ ถ้าให้กูลงก็เอากูไปขายขี้หน้าเขาพอดี คืองี้นะตอนม. สี่ ไอ้เชี่ยคิมหันต์มันเคยยัดเยียดให้กูลงประกวดเดือนที่โรงเรียนเหมือนกัน แล้วเป็นยังไง? แพ้ไอ้เจฟมันซะราบคาบเลยมึง” สายฟ้าอธิบายด้วยท่าทางที่แอบมีความรู้สึกโมโหเล็กน้อยแต่ก็แอบติดความตลกมาด้วย
“ทำไมถึงแพ้วะ?” เข็มทิศได้คิดว่าคนหน้าตาดีดูค่อนข้างภูมิฐานอย่างสายฟ้าเองก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าคนอื่นเลย คำที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ได้นี่จะต้องเพอร์เฟกต์ขนาดไหนกัน?
“ก็ไอ้สายมันดันไปมีเรื่องกับรุ่นพี่ก่อนวันแข่งอะดิ มันเลยโดนเทคะแนนโหวต แล้วแม่งดันเล่นถูกตัวซะด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” คิมหันต์หัวเราตัวโยนก่อนที่จะโดนสายฟ้าฟาดเข้าที่หัว
“เพราะมึงตัวเดียวเลย ถ้ากูไม่ไปช่วยมึงป่านนี้กูคงได้เป็นเดือนปีนั้นไปแล้ว แต่กูว่ามึงลงนั่นแหละดีแล้วทิศ เอ่อ...มึงพอจะมีชื่อเล่นอะไรที่มันดูดีกว่านี้ไหมวะ เวลากูเรียกว่าทิศเฉย ๆ แล้วมันรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ”
“มึงเรียกเจษก็ได้ เพราะที่นิวเองก็ไม่ค่อยมีใครเรียกชื่อถูกสักเท่าไหร่ ชินละ”

หลังจากที่ส่งตัวแทนไปคัดเลือกดาวเดือนเสร็จพี่เขาก็ให้โจทย์กับน้อง ๆ ที่ลงสมัครประกวดไปคนละหนึ่งข้อ คือพวกน้อง ๆ จะต้องคิดการแสดงความสามารถพิเศษคนละหนึ่งอย่างให้พวกรุ่นพี่ดูในวันคัดเลือกตัวแทนก่อนส่งรายชื่อเข้าประกวด โดยมีเวลาให้เตรียมตัวเพียงสามวันเท่านั้น!
“เฮ้ย! เสร็จแล้วไปไหนต่อวะมึง?”
“ยังไม่รู้เลย แต่ว่าจะกลับคอนโดไปคิดโชว์สักหน่อย”
“มึงลองแก้ผ้าโชว์ไหมเผื่อได้คะแนน” ผลัวะ คิมหันต์ฟาดมือลงไปที่หัวของสายฟ้าอย่างเต็มแรง
“คะแนนที่หน้ามึงสิไอ้สาย ไอ้ห่านี้พูดไรเกรงใจมันบ้าง” คิมหันต์ได้ปรามเพื่อนของเขาไว้ก่อนที่เขาจะเริ่มลามปามไปมากกว่านี้
“ขอโทษครับ~” สายฟ้ายกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินนำหน้าทั้งสองไปยังลานจอดรถ
“เออถ้ามึงไม่รีบไปไหนก็ไปแดกหมูทะกับพวกกูก่อนปะ หลังมอนี่เอง” คิมหันต์ยื่นข้อแสดงให้กับเพื่อนทั้งสองคนก่อนที่พวกเขาจะหยุดเดินตรงหน้ารถเก๋งคันหนึ่งพอดี
“ไปดิ กำลังหิวพอดี” เข็มทิศเป็นคนแรกที่ตอบรับข้อเสนอนี้
วันนี้ถือว่าเป็นโชคดีของทั้งสามคนเพราะว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเป็นของคิมหันต์นั่นเอง ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ขับมันมาเห็นทีทั้งสามคนจะต้องเดินจนขาลากไปที่ร้านอย่างแน่นอน คิมหันต์ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ไปถึงยังที่หมายทว่าวันนี้คนในร้านกลับเยอะมาก ทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงครึ่งแถมอากาศก็ร้อนมาก ๆ อีกด้วย
“เฮ้ย! เมืองเหนือ” คิมหันต์ตะโกนเรียกใครบางคนก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปทักทาย
“ไงมึง” เมืองเหนือยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อตอบรับคำทักทาย
“มึงมีโต๊ะยังวะ? กูขอไปนั่งด้วยดิ” คิมหันต์เขย่าแขนทั้งสองข้างของเมืองเหนือจนเมืองเหนือเองก็ตัวโยกไปตามแรงของเขา
“เออ ๆ มึงเลิกเขย่ากูสักทีกูเวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย!” เมืองเหนือดันคิมหันต์ออกก่อนจะยืนเรียกสติตัวเองให้กลับมาจากการโดนเขย่าเมื่อครู่
“อ๊ะ โทษทีนะมึง” คิมหันต์รีบปล่อยมือทันที แต่ก็ไม่วายที่จะยื่นมือไปจัดแจงเสื้อผ้าให้คนตรงหน้าก่อนส่งสายตาให้เมืองเหนือพาไปยังที่โต๊ะเขาได้จองเอาไว้
“เออ กูลืมบอกพวกมึงไปว่ามีพวกรุ่นพี่คณะนิเทศฯ มาด้วยนะ”
“ได้ดิ ขอบใจมากมึง” กลุ่มรุ่นพี่ที่เมืองเหนือพูดถึงก็คือดาวเหนือ เข็มทิศทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนถึงบางอ้อว่าคนที่ดาวเหนือเข้าไปคุยด้วยหลังจากที่แยกย้ายกับเขานั่นก็คือเมืองเหนือนี่เอง
“นี่ดาวเหนือ น่านน้ำ มีคุณแล้วก็สายหมอก”
“สวัสดีครับ” รุ่นน้องทั้งสามคนกำลังจะยกมือไหว้ทักทายแต่ก็โดนสายหมอกยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ส่วนนี้เข็มทิศ สายฟ้า แล้วก็คิมหันต์ เพื่อนที่คณะ ส่วนพวกมึงก็ไหว้น้องมันซะ” รุ่นน้องคณะแพทยศาสตร์ทั้งสามคนต่างหันหน้าไปมองเมืองเหนือเป็นตาเดียว
“ไอ้สัตว์ เดี๋ยวก็อายุสั้นกันพอดี รีบสั่งสักทีเถอะกูหิวมากนะถ้ามึงยังไม่สั่งอีกกูจะแดกหัวพวกมึงแล้วนะ” สายหมอกพูดขู่พลางเอาตะเกียบชี้หน้าของเมืองเหนือก่อนที่จะไล่ชี้หน้าทุกคนให้นั่งลง
“ใจเย็นครับพี่ ดื่มน้ำเย็น ๆ รอไปก่อนนะครับพวกผมพึ่งจะสั่งไปเมื่อกี้เองครับ” สายฟ้ายื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดให้กับสายหมอกก่อนที่เขาจะหันไปสั่งหมูเพิ่ม
อดใจรอได้ไม่นานเนื้อหมูและเมนูอาหารอื่น ๆ ที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ สายหมอกไม่รอช้ารีบโกยเนื้อในถาดลงในหม้อชาบูก่อนใช้ตะเกียบอีกคู่คนหมูในหม้อส่วนอีกมือหนึ่งก็หยิบผักที่สั่งมาโยนลงหม้อจนเกลี้ยงถาด
ทางด้านของดาวเหนือเองก็เลือกเฉพาะเนื้อหมูสามชั้นวางย่างลงบนเตาอย่างเป็นระเบียบพร้อมทำท่าขู่เอาไว้ถ้าหากใครมาแย่งหมูของเขาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตละก็...จะต้องจ่ายค่าหมูกระทะมื้อนี้ให้กับเขาแทน
“ว่าแต่ทำไมสองคนนี้ถึงดูสนิทกันจัง” คิมหันต์เปิดหัวข้อบทสนทนาที่ทำเอาทุกคนบนโต๊ะถึงกับหันมาสนใจหัวข้อการสนทนาครั้งนี้
“ใคร? พวกกูเหรอ?” เมืองเหนือชี้ตะเกียบเข้าหาตัวเองแต่ตายังคงจ้องหมูที่พึ่งวางลงไปบนเตาย่าง
“ครับ มึงนี่แหละดูปีนเกลียวสุดเลย”
“อ๋อ คือว่าบ้านพี่กับไอ้เหนืออยู่ใกล้กันน่ะ ก็เลยเป็นเพื่อนเล่นกันมากตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ความจริงแล้วมันอายุเท่าพวกพี่นะ แต่มันดันซิ่วไปเรียนแพทย์นี่ดิ” สายหมอกเล่าความเป็นมาของพวกเขาให้ทุกคนได้ฟังก่อนที่จะบ่นเรื่องที่เพื่อนสนิทของเขาที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ได้ซิ่วจากนิเทศไปเรียนหมอทั้งที่เหลือฝึกงานอีกแค่ปีเดียวเมืองเหนือก็จะเรียนจบพร้อมกับเพื่อน ๆ แล้ว
“ก็ดูเข้ากันดีนะครับ”
“หมายถึงอะไรวะ?” เมืองเหนือขมวดคิ้วก่อนที่จะคีบหมูเข้าปากด้วยความสงสัย
“ก็มึงกับพี่สายหมอกนี่ไง ชื่อก็ดูเข้ากันดีนะ” คิมหันต์ยักไหล่ให้ก่อนที่จะโกยหมูในถาดลงหม้อชาบูอีกรอบ
Share This Topic To FaceBook

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด