ทวงครั้งที่ 1
วี้ดดดดดดด
มือควานสะเปะสะปะลงที่ข้างเตียงก่อนจะคว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา นิ้วโป้งกดให้หน้าจอสว่างวาบและเมื่อเห็นตัวเลขบนนั้นเขาก็เผลอสบถออกมา
“แม่งเอ๊ย!”
ปัง! ปัง!
เขาไม่ได้หยิบปืนขึ้นมายิงแต่อย่างใด ไอ้ข้างห้องนี่ต่างหาก นอกจากไม่แคร์แล้วยังขยี้มุกซ้ำด้วยการตอกโป๊กป๊ากเสริมสร้างให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในเหมืองเข้าไปทุกที และเมื่อเส้นความอดทนขาดผึงเขาก็ตลบผ้าห่มขึ้นพร้อมกับเดินดุ่ม ๆ เข้าห้องน้ำไป
หลังใช้เวลาชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยมอ่องพร้อมสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ตบเท้าออกจากห้อง เพียงแค่แง้มบานประตูออกปริมาณเดซิเบลก็พุ่งปรี๊ดอย่างหยุดไม่อยู่ คนงานแบกแผ่นไม้ท่อนยาวเฉียดปลายจมูกไปเล็กน้อยจนต้องก้าวถอยหลัง
หนุ่มใหญ่ยกมือเสยผมแรง ๆ ระบายความคับแค้นในอกก่อนจะพุ่งตรงไปกดลิฟต์ แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางต้องไม่ใช่ลานจอดรถ เขาจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่ได้เฉ่งใครบางคน คิดได้ดังนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้นจนกระทั่งเห็นป้ายสแตนเลสกัดกรดแผ่นบาง ๆ ที่หน้าห้อง
‘นิติบุคคล’
เขาดันประตูผัวะเข้าไปทันที เล่นเอาหญิงสาวที่หน้าคอมสะดุ้งเฮือก และไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงเข้าประเด็นทันที
“ผมเคยแจ้งเรื่องก่อสร้างไปแล้วนี่ครับ ทำไมยังเสียงดังอยู่!” ด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเฮี้ยบคมกริบทำเอาพนักงานสาวนั่งไม่ติด หล่อนหันซ้ายหันขวา วันนี้ดันมาเช้าคนเดียวเสียด้วย คนอื่นตอกบัตรแล้วหนีไปซื้อขนมกันหมดแล้ว
เห็นทางนั้นยังเงียบเขาจึงทวนซ้ำ “ผมบอกว่า....”
“ขอโทษนะคะ คุณ...เอ่อ...”
“แสง เรืองภพ ชั้น 12 ห้อง 1206”
“อ๋อ...ชั้นสิบสอง” หล่อนพึมพำกับตัวเองก่อนจะมองหาทางรอด “พะ..พอดีว่าเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องคราวก่อนไม่อยู่ ถ้ายังไงรบกวน...”
“หยุดใช้มุกนี้ ป้าคนก่อนใช้ไปแล้ว อ้อ..เด็กผู้ชายก็ด้วย”
“อะ..เอ่อ..” หน้า ‘คุณแสง’ ไม่ได้สว่างไสวเหมือนชื่อ แถมยังมืดมนเหี้ยมเกรียมขึ้นทุกที แค่ยืนเฉย ๆ เธอก็ฉี่แทบราดแล้ว “แต่แหม เวลาก่อสร้างมันก็เริ่มเก้าโมงถูกกฎคอนโดทุกประการเลยนะคะ ฮะ ๆ”
“แต่ทำพร้อมกันห้าห้อง! ห้าห้องนะคุณ! ประสานเสียงกันทุกเช้า คิดว่าผมจ่ายห้องชุดชั้นบนสุดแพง ๆ มาเพื่อนั่งฟังเสียงค้อนทุบงั้นเหรอ”
“จะ...ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันไปรินน้ำ...”
“ผมไม่ดื่มอะไรทั้งนั้น” อีกนิดจะเดินเข้าไปล้มโต๊ะปัดข้าวของใส่เจ้าของอยู่แล้ว “ผมต้องการคำตอบว่าพวกคุณจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง!”
สาวน้อยสั่นเป็นหนูแฮมสเตอร์ที่มุมกรง มองหมาล่าเนื้อกำลังขู่คำราม สมองน้อย ๆ เค้นหาวิธีเอาตัวรอด จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็ยอมวกกลับเข้าความจริงจนได้
“พะ...พี่ก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าชั้น 12 มันเป็นของใคร”
“รู้”
“แล้วพี่จะให้หนูทำยังไงได้ล่ะคะ” ในที่สุดอีหนูก็สวนกลับมาได้หมัดหนึ่ง “พี่เห็นใจหนูเถอะนะคะ หนูมันพนักงานระดับล่างกินเงินเดือนต้อยต่ำโง่เขลาเบาปัญญาจะให้ไปงัดอะไรกับเขาได้ยังไง”
มันชิ่งด่าตัวเองขนาดนี้ไม่เหลือคำด่าไว้ให้แสงใช้ต่อเลยทีเดียว
เขารู้.... คอนโดห้องชุดราคาหลายหลักที่นี่เป็นของใคร เจ๊จวงส.ส.ผู้ทรงอิทธิพลในเขตที่ยืนอยู่นี่ไงเล่า แล้วจะไม่นรกแตกเลยถ้าชั้นสิบสองอันเป็นชั้นสูงสุดที่ราคาแพงระยำแถมยังถูกเจ้าของยึดครองไว้เอง ใช่แล้ว! นอกจากแสงก็ไม่มีหมาไหนอาศัยอยู่อีกแล้ว
ด้วยองศาห้องที่ผิดฮวงจุ้ยเจ๊จวงจึงปล่อยขายในราคาเท่าห้องชั้นล่าง และบังเอิ๊ญบังเอิญบุญมาหล่นใส่หัวไอ้แสงพอดีเลยได้ห้องแพงในราคาถูก ตอนแรกก็สวรรค์อยู่หรอกเพราะเจ๊แกปล่อยห้องว่างมาหลายปี แต่อยู่ ๆ ไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดบันดาลใจให้เจ๊คิดจะโมห้องเปล่าแล้วปล่อยเช่า
และแล้วชีวิตของไอ้แสงก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
“ถึงจะเป็นห้องเจ๊จวง แต่ช่างก็เข้าหน้างานตามกฎคอนโดทุกอย่างเลยนะคะพี่”
ปากสั่นพั่บ ๆ เพราะไม่รู้จะเถียงนังหนูนี่ยังไงดี เออ! ยอมรับว่าตามกฎนิติมันให้เริ่มก่อสร้างตอนเก้าโมง แต่เขาไม่ได้ทำงานประจำนี่หว่า แถมเมื่อคืนก็กลับเสียดึกจะนอนอืดถึงบ่ายหน่อยก็โดนรบกวนเสียได้!
“สรุปว่าผมต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมไปใช่ไหม?”
“อย่าพูดขนาดนั้นสิคะพี่” หล่อนเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ตามแพลนแล้วอีกแค่สี่เดือนก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ นี่ก็เริ่มงานไปได้ครึ่งเดือนแล้วนะคะ พี่หลับแป๊บ ๆ ตื่นมาก็เสร็จแล้วค่า”
เสร็จกับผีน่ะสิ!
“ฟังนะ” ใบหน้าคนพูดเขม็งเกร็ง ปล่อยรังสีแห่งการสังหารออกมาเต็มเปี่ยม “ผมจะไม่....”
ตื๊อ ดือ ดื่อ ตือ ดือ ดื่อ ดือ~
“เอ่อ...รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้นะคะพี่ แฮะ ๆ”
พอควักมือถือขึ้นมาแสงก็ได้แต่สบถในใจว่านังหนูนี่มันดวงแข็งเสียจริง โอเค...วันนี้ชะตามันยังไม่ขาดแน่นอน เขารีบกดรับแล้วกรอกเสียงตามไป
“ครับ เฮียใหญ่”
............................................................
..........................................
...................
......
แก๊ง!
“ยอมแล้วครับ! ยอมแล้ว!” เสียงนั้นตะโกนลั่นราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลง “ไอ้หาญ ไอ้หาญลูกผมมันมีโฉนดเหลืออยู่อีกใบ”
“อีกใบจริงเหรอ?” ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวหรี่ลง “เท่าที่รู้มามีสินสมรสด้วยนี่...”
“ไม่มี! ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
“โฉนดแถวบ้านนอกนี่จะพอใช้สามล้าน แกไม่คิดว่ามันน้อยไปหน่อยรึไง”
“พี่! พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมมีแค่นี้จริง ๆ”
“ตอนยืมเฮียไปแกพูดว่าไงจำได้ไหม?” เคร้ง! ท่อแป๊บถูกฟาดเข้ากับขาเก้าอี้ ชายวัยกลางคนที่ถูกปิดตาไว้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง “แกรู้ใช่ไหมว่าจุดจบของคนโกหกมันเป็นยังไง”
“ครับ! ตะ...แต่ผมไม่มี....”
ปัง!
ไม่รอให้เหยื่อเอื้อนเอ่ยขอความเห็นใจ แสงกระแทกประตูดังลั่น ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนประจำการอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก หนึ่งในนั้นรีบลนลานถาม
“พะ...พี่แสง มันยอมบอกหรือยัง”
“ได้มาใบเดียว” เขาตอบพลางขยับปกเสื้อ “ฉันเช็กดูแล้วห้างกำลังมีแผนลงตรงแถว ๆ นั้น ถือไว้ไม่กี่ปีราคาก็พุ่งแล้ว แต่หวังเงินในอนาคตมันก็ไม่แน่นอน”
อีกคนที่ใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะรีบสมทบ “ระ...เราเอาไงดีครับพี่แสง”
“มีอีกใบของลูกมัน ฉันดูสภาพแล้วรีดอีกนิดก็น่าจะคายมาแล้ว” คิ้วที่ขมวดเป็นปมเริ่มคลายออก “รอถามเฮียแล้วกันว่าจะเอาถึงระดับไหน”
“ครับพี่!”
ทางเดินคับแคบ เหม็นอับทอดยาวไปด้านหน้า แสงสาวเท้าเดินผ่านระหว่างซอกตึกโดยมีลูกน้องทั้งสองไล่หลังมา ภาพโกดังขนาดเล็กซอมซ่อด้านหลังค่อย ๆ เลือนหายไป หากเดินตามซอกตึกนี้ไปเพียงยี่สิบเมตรก็จะพบกับอาคารพาณิชย์จำนวนสามห้องเรียงตัวอยู่
หลังคาทรงเพิงหมาแหงนและตัวอาคารสีเหลือง มองอย่างไรก็รสนิยมเห่ยชะมัด ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ แสงก้าวขึ้นบันไดขั้นเล็กสี่ขั้นก่อนจะผลักบานประตูกระจกเข้าไป
“อ้าว! พี่แสง”
หญิงสาวที่โต๊ะเอ่ยทักเสียงใส ใบหน้ายาวดูยาวขึ้นไปอีกเมื่อหล่อนมวยผมขึ้นไว้ด้านบน ดวงตาเรียวเล็กมองลอดแว่นสายตากรอบเชย ๆ หล่อนมีชื่อว่า ‘สายสมร’
“จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอคะพี่”
“อื้อ” แสงพยักหน้าก่อนจะหันรีหันขวาง “แล้วนี่เฮียอยู่ไหน”
“รอในห้องค่ะ” สมรดันกรอบแว่นขึ้น “รอบนี้ชื่อยาวเป็นสิบเลยนะ”
“หา!?” คนฟังถึงกับตาโต “นี่เก็บกันไม่ได้เลยเหรอ”
“โธ่! ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีนี่นา ใครมันจะยอมจ่ายง่าย ๆ เหมือนตอนขอยืม หมอนก็ทวงจนปากเปียกปากแฉะแล้ว ถ้าเคสไม่เลวร้ายจริง ๆ ไม่ส่งให้ถึงมือพี่แสงหรอก”
แน่ละ... ค่าคอมฯ พี่แสงแพงจะตายชัก ส่งไปเยอะเฮียด่าแน่นอน
ที่นี่คือ ‘เฮียใหญ่เงินกู้’ การเงินมีปัญหาใส่ผ้าขี้ริ้วมาหาเฮีย เงินปลิวง่ายพอ ๆ กับชีวิตในยามคิดเบี้ยวหนี้ ซึ่งพนักงานหลักประกอบไปด้วย...
“ทำงานกันมาตั้งนานแล้วใจคอจะไม่ลดค่าคอมฯ ให้เฮียหน่อยเหรอพี่”
‘สายสมร’ มนุษย์ป้าทึนทึกวัยเพียงสามสิบเก้า ประวัติการมีผัวเท่ากับศูนย์ มือหนึ่งในการจิกหนี้ทางโทรศัพท์ ทวงแม่งเช้าเย็น ทวงเหมือนพ่อทำงานองค์การโทรคมนาคม ฆ่าลูกหนี้ด้วยเสียงแปดหลอดเหมือนมีแม่ค้าสิบคนตะโกนแข่งกัน หล่อเปรียบดังศาลชั้นต้นของเฮียใหญ่ หนี้เล็กหนี้น้อยเบี้ยบ้ายรายทางหมอนตามเก็บให้เรียบ แต่ถ้าสังหารทางโทรศัพท์ไม่สำเร็จล่ะก็…
“พะ...พี่แสงแล้วเราจะเอาไงกับไอ้ที่อยู่ในโกดังดีครับ”
“นะ...นั่นสิครับ ละ..แล้วมันจะตายไหมครับพี่ ผมเห็นมันเลือดออกด้วย”
‘ไอ้มั่น-ไอ้หมาย’ ฝาแฝดสายกล้ามเนื้อที่มีสมองเท่าเมล็ดถั่วและใจเท่าปลาซิว ตัวเตี้ยกว่าเขาไปหนึ่งฝ่ามือแต่บานออกด้านข้างด้วยโปรตีน นอกจากพละกำลังและใบหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเท่าไรนัก บทจะปอดแหกก็แหกขึ้นมาดื้อ ๆ วิธีการใช้งานคือชี้นิ้วสั่ง เพราะอะไรที่ออกจากปากเฮียใหญ่กับพี่แสงคือ ‘คำสั่ง’ พวกมันจะเปิดโหมดทำงานเกรี้ยวกราดแบบหน้ามือเป็นหลังตีนทันที หน้าที่หลัก ๆ คือยืนข่มขู่ชาวบ้านร้านตลาด และถ้าเคสลูกหนี้หนักหน่อยอาจลามไปถึงข่มขู่ด้วยกำลังนิด ๆ แต่ถ้าลูกหนี้มันเหลือรับประทานล่ะก็...
“ฉันไปคุยกับเฮียเอง”
‘แสง เรืองภพ’ พนักงานพิเศษตามสถานการณ์ จะปรากฏตัวขึ้นเมื่อมีเคสหนัก ๆ หลักล้านขึ้นไป และต้องในกรณีเลวร้ายระดับกำลังจะเป็นหนี้สูญเท่านั้น ด้วยค่าคอมมิชชันเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของยอดหนี้จึงถูกต่อรองบ่อย ๆ แต่มีหรือคนระดับเขาจะยอม แสงมีทั้งสมองและคอนเนคชันเรื่องสืบทรัพย์จัดว่าโปรฯ แถมยังพ่วงมาด้วยรังสีอำมหิตที่ใช้ข่มขู่ลูกหนี้ได้ดีจึงเป็นที่ต้องการตัวของเฮีย พลาดบ้างได้ไม่ครบบ้างแต่ก็ยังเก็บมาให้ไม่เจ็บตัวมากได้
แผ่นหลังกว้างสูงสง่าขยับเข้าไปใกล้บานประตูไม้ด้านใน อาคารหลังนี้แคบก็จริงแต่มีความลึกแถมเจ้าของยังเป็นพวกคลั่งฮวงจุ้ยดังนั้นการตกแต่งจึงจัดอยู่ในระดับรกครึ้ม วัตถุปรับดวงถูกแขวนถูกวางแบบไม่ดูขนาดพื้นที่และระดับเฮียมันต้องใหญ่สมชื่อ แสงเหลือบมองปี่เซี๊ยะตัวเท่าหมาบีเกิ้ลที่วางข้างประตูจนลำบากให้เดินหลบ ไอ้ครั้นจะไปวิจารณ์รสนิยมสีสันแห่งเงินทองก็เฮียก็เกรงว่าจะละลาบละล้วงจนเกินไป
ก๊อก ๆ
“เฮียใหญ่ ผมมาแล้วครับ”
“แสงเหรอ” เสียงแหบแห้งดังมาจากด้านใน “เข้ามาเลย”
ทันทีที่ผลักบานไม้เข้าไปเครื่องปรับอากาศในห้องก็ปะทะใบหน้าในทันที กลิ่นพิมเสนฉุนจมูกราวกับจะรมคนด้านในให้ตายทั้งเป็น มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างราว ๆ ห้าเมตรที่ถูกตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ฮวงจุ้ยมาก่อนความปลอดภัย หน้าเป็นน้ำหลังเป็นภูเขา ดังนั้นห้องแคบเท่าแมวดิ้นตายก็ต้องมีตู้ปลาวางอยู่ติดผนังข้างประตู เหนือศีรษะมีเครื่องรางสะท้อนสิ่งชั่วร้ายห้อยระโยงระยางแอร์เป่าทีก็โฉบเกือบฟาดหัวแสงไปที โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองเขาเร็วพอ
เก้าอี้หนังถูกหันให้เห็นพนักพิงสูง และก่อนจะทันได้เอ่ยปากเสียงแหบแห้งก็ดังมาจากคนด้านหลังนั้น….
“ไอ้ที่โกดังเป็นไงบ้างล่ะ”
และนี่คือหัวขององค์กร ‘เฮียใหญ่’ ชายผู้มีส่วนสูง 157 ซม. ใบอิ่มเอิบอืดบานเต็มพนักเก้าอี้แม้แต่ลำคอก็เต็มปกเสื้อ จมูกใหญ่เหมือนราชสีห์ ติ่งหูยาวเหมือนพระพุทธรูป ร่างป้อมเหยียดหลังตรงบนเก้าอี้ที่ดูใหญ่เกินตัว นิ้วอูม ๆ สวมแหวนเพชรเม็ดเป้งและหยกข้างละสาม แน่นอนว่าที่คอต้องมีสร้อยทองขนาดเท่าโซ่รถมอเตอร์ไซค์ตามสูตรละครไทยเด๊ะ
“คายโฉนดมาแล้วใบหนึ่งแต่เป็นชื่อลูกชายครับ”
“งั้นเหรอ คิดว่าพอจะปิดยอดได้หมดไหมล่ะ”
“ตอนนี้ยัง แต่ถ้าห้างขึ้นฝั่งตรงข้ามเมื่อไหร่ผมว่าเกินยอดหนี้แน่นอนครับ” แสงรายงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย รังสีมาเฟียที่แผ่จากร่างป้อม ๆ ทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด “ถ้าเฮียยังไม่พอใจผมสืบมาว่ามันยังมีซ่อนเอาไว้อีกใบ”
“ไอ้สักงั้นเหรอ” เฮียลูบคาง “อันที่จริงแค่ดอกที่มันผ่อนมาห้าปีกว่านี่ก็ปิดต้นไปหมดแล้ว เฮียเองก็ไม่ได้เข้าเนื้ออะไร....”
ขวับ ไอ้มั่นไอ้หมายหันมาสบตาพร้อมถอนหายใจเงียบ ๆ แสงรู้ดีไอ้พวกใจปลาซิวนี่ขี้คร้านไปข่มขู่เพิ่มแล้ว
“แต่....”
นั่นไงล่ะ! พวกแกไม่รู้จักเฮียใหญ่เสียแล้ว
“ได้ข้อมูลมาสำรองไว้ก็ดี”
“ได้ยินที่เฮียสั่งไหม” แสงหันไปถามไอ้ลิ่วล้อด้านหลัง พวกมันรีบยืดหลังตรง
“ครับ! จะไปจัดการให้เฮียเดี๋ยวนี้เลยครับ!” รับบัญชาเสร็จก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน ไอ้มั่นม้วนแขนเสื้อขึ้นหันไปพยักหน้ากับแฝดน้องพากันหายออกไปหลังประตู ทิ้งไว้เพียงลูกจ้างพิเศษเท่านั้น
“แกทำงานได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ”
“ขอบคุณครับเฮีย” คนตัวสูงค้อมศีรษะตอบ “แล้วชื่อรอบใหม่ล่ะครับ”
“อยู่นี่” แกเคาะแผ่นกระดาษเอสี่บนโต๊ะ “มีสิบเอ็ดคน ซ้อลงรายละเอียดไว้หมดแล้ว”
หนุ่มใหญ่รับมันมากวาดสายตาดูตารางลวก ๆ “เยอะมากเลยนะครับเนี่ย”
“เศรษฐกิจไม่ดีก็แบบนี้แหละ” พูดเหมือนจะเข้าข้างลูกหนี้ทั้งที่เพิ่งเอาปืนจ่อหัวเขาแท้ ๆ “ระดับแกคงตามกลับมาได้บ้างแหละ ฉันเชื่อมือแกนะแสง”
“ได้เลยครับเฮีย”
ร่างเตี้ย ๆ ลุกจากเก้าอี้ ความสูงอยู่ในระดับอกของแสงเท่านั้น จัดว่าเป็นความสูงแบบพระนางซีรีส์เกาหลีที่ดีเลยทีเดียว น่าเสียดายที่นางเอกอวบอูมไปสักหน่อย แสงมองกระดุมเสื้อตรงพุงของเฮียที่พร้อมจะดีดอัดหน้าอย่างระแวดระวัง
“รอบนี้มีคนหนึ่งที่ฉันหมายหัวไว้เป็นพิเศษ” แกยกมือไขว้หลังขณะเดินท่อม ๆ ไปมา “เข้าใจใช่ไหมว่าหมายความว่ายังไง”
“มีโอกาสเป็นหนี้สูญมากที่สุดเหรอครับ”
“ไม่ใช่”
เฮียใหญ่หยุดยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่างด้านหลังโต๊ะทำงาน ตาตี่เล็กเหม่อมองออกไปยังที่ไกลแสนไกลก่อนจะค่อย ๆ ขยับโฟกัสลงด้านล่าง กรอบรูปไม้สีวอลนัทวางอยู่บนนั้น ขนาดของมันใหญ่โตที่สุดท่ามกลางกรอบสีทองอันอื่น นิ้วอูมลูบลงบนแผ่นกระจกอย่างรักใคร่
หญิงสาวใบหน้าสะสวยเหมือนอาซ้อไม่มีผิด จะมีก็แต่ดวงตาเรียวเล็กที่ได้พ่อมาเต็ม ๆ ใช่แล้ว...นี่คือ ‘อาเหมย’ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของวงศ์ตระกูล ‘แซ่หวัง’ เปรียบดั่งหงส์เหนือมังกรหล่อนเติบโตอย่างสวยงาม เพียงหลับตาคิดถึงคืนวันเก่า ๆ ที่มือเล็กจิ๋วกอบกุมมือพ่อไม่ห่างริมฝีปากหนาก็แย้มยิ้ม
“รายชื่อลำดับที่เจ็ด...”
เหมยตัวน้อย ๆ ของป๊าเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่งเพียบพร้อมทั้งหน้าตากิริยามารยาท รอจนบรรลุนิติภาวะเฮียก็เทียวหาคู่ครองอย่างดีมาให้ เป็นถึงลูกชายร้านทองสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก และในคืนวันก่อนแต่งงานนั่นเองที่เฮียจะจำไปจนวันตาย....
‘ป๊า เหมยมีแฟนแล้ว’
คนเป็นพ่อเบิกตากว้าง และถลนออกมาในประโยคถัดไป...
‘แฟนเหมยเป็นผู้หญิง’
“ลำดับที่เจ็ด...อีเป็นกะเทย!!”
ปัง!! กรอบรูปที่ยกมาลูบดั่งไข่ในหินเมื่อครู่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะก่อนใบหน้าดุดันจะตวัดมอง “พวกลักเพศ! วิปริตวิปลาสชาติไม่เจริญ อั๊วเกลียดมังที่สุด!”
“เอ่อ...เฮียใจเย็น ๆ นะครับ” ถึงขั้นหลุดสำเนียงดั้งเดิมมาขนาดนี้แสงว่าชักไม่ดี
“จะใช้วิธียังไงกับมันก็ได้! ใช้กำลังข่มขู่เอาให้มันอาย! ให้มันไม่มีที่ยืนในสังคม!”
“ยาดมครับเฮีย”
“ขอบใจ” เฮียรับมาสูดดังฟืด “อ้ายอีพวกนี้มันอกตัญญู เลี้ยงเปลืองข้าวสุก เอาเงินอั๊วไปแล้วไม่สำนึก”
“ครับ ๆ” แสงพัดโบกกระดาษรายชื่อคลายร้อนในใจเฮีย แอบเหลือบมองเหยื่อผู้โชคร้าย คุ้น ๆ ว่าเป็นเจ๊ร้านตัดผมในตลาด “นั่งก่อนเถอะครับเฮีย เดี๋ยวเป็นลมนะครับ”
ร่างเตี้ยป้อมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตามคำแนะนำ นายจ้างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนแสงกลัวว่าแกจะลงไปชักแหงก ๆ บนพื้น ใครจะเชื่อว่าผ่านมาสี่ปีแล้วแผลใจเฮียใหญ่จะยังเหวอะหวะไม่หาย
อาเหมยเป็นเลสเบี้ยน... เท่านั้นไม่พออียังพังงานแต่งเสียยับเยินจนวงศ์ตระกูลไม่มีหน้าไปเข้าสังคมที่ไหน อาซ้อหนีไปบวชชีอยู่ร่วมสามเดือน นังลูกตัวดียังมีหน้ามาควงแฟนที่คบกันตั้งแต่สมัยมัธยมไปหาถึงที่ ถึงจะบอกว่ามาลาก่อนเดินทางไปอเมริกาก็เถอะแต่เฮียไม่เชื่อหรอก!! ก็ตอนแอบตามไปดูที่สนามบินยังระริกระรี้ก้อร่อก้อติกกับนังหนูที่เป็นแฟนไม่ห่าง เห็นมันมานอนที่บ้านบ่อย ๆ ตั้งแต่สมัยเรียนใครจะไปคิดว่าเด็กนี่จะกลายเป็นตัวต้นเหตุกรีดแผลใจเจ้าพ่อเงินกู้เสียยับเยิน
ฟืดดดดดดดด
“ยาดมนั่นผมยกให้เฮียเลยแล้วกันครับ” ยัดเข้ารูจมูกสูดสุดกำลังขนาดนั้นจะเอามาใช้ต่อแสงก็เกรงใจ “ถ้าเฮียไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
แสงค้อมหัวอย่างสุภาพ เดินออกจากห้องไปพร้อมกระดาษแผ่นเดียวนิ่งสงบไม่ต่างจากโสดาบัน จังหวะที่ปิดประตูก็ได้ยินเสียงรำพึงรำพันลอดออกมา
“แซ่หวังสิ้นหวังแล้ว...”
....................................................
.....................................
....................
.......