♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 32 ✦ นัดอันตราย
วันนี้บูมมาช่วยพ่อทำงานที่บริษัทเหมือนเช่นเคย สีหน้ายังคงเครียดๆ อยู่ตั้งแต่ทะเลาะกับแม่มาเมื่อสองสามวันก่อน แม้ว่าทิวจะคอยช่วยปลอบใจแต่ก็ดูเหมือนว่าบูมก็ยังคงสลัดความกังวลไปไม่พ้นอยู่ดี
บูมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนพ่อจะคอยสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เวลาที่บูมเข้าไปทำงานกับพ่อในห้องสองคน ท่าทางของพ่อเหมือนอยากจะคุยด้วยแต่ก็ยังสงวนท่าทีไว้อยู่ ปกติเวลามาทำงานแบบนี้บูมกับพ่อมักไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่ ส่วนมากก็คุยแต่เรื่องงาน พ่อจะคอยสอนงานให้บูมหลายอย่าง บางวันก็ตามพ่อออกไปนำเสนองานหรือประชุมบ้าง บางวันก็ไปดูโครงการที่จะเริ่มทำหรือไม่ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ หรือไม่ก็โครงการที่เสร็จไปแล้ว บูมเป็นคนฉลาดและหัวไวจึงทำงานได้ไม่ค่อยมีปัญหา พอจะเห็นแววความหวังที่พ่อจะให้สานต่อกิจการได้มากทีเดียว
ก่อนจะออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน คุณลิขิตก็เหมือนจะอดรนทนไม่ไหวหลังจากที่จดๆ จ้องๆ อยู่นาน
"เอ่อ...บูม..."
บูมค่อยๆ ละมือจากคอมพิวเตอร์แล้วก็หันไปหาพ่อด้วยสีหน้าสงสัย
"ครับพ่อ"
ดูเหมือนพ่อจะอึกๆ อักๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าจะพูดดีหรือเปล่า
"วันหลัง...พาทิวมารู้จักกับพ่อบ้างสิ"
คุณลิขิตตัดสินใจพูดออกไปหลังจากที่คิดทบทวนมาแล้วหลายวัน เมื่อเข้าใจลูกชายคนโตได้ก็ควรจะต้องเข้าใจลูกชายคนเล็กด้วย
"ทิวไหนครับพ่อ"
ดูเหมือนบูมจะงงๆ ไม่คิดด้วยซ้ำว่า "ทิว" ที่พ่อพูดถึงก็คือคนที่บูมรักนั่นแหละ ไพล่คิดไปว่าพ่ออาจจะหมายถึงทิวคนอื่นหรือใครสักคน
"ก็ทิว...แฟนของลูกไง"
"พ่อ!"
บูมอ้าปากตาค้างเมื่อได้ยินพ่อเรียกทิวว่าเป็นแฟนของบูม พ่อยอมรับเรื่องนี้ได้แล้วหรือ นี่บูมกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า
คุณลิขิตเดินมาหาลูกชายที่นั่งตะลึงงันอยู่อย่างช้าๆ แตะไหล่ลูกชายคนเล็กเบาๆ แล้วยิ้ม
"บูม พ่อมาคิดๆ ดูแล้ว พ่อคิดว่า...พ่อควรจะรักบูมอย่างที่บูมเป็น พ่อไม่ควรจะบังคับบูมให้เป็นสิ่งที่บูมเป็นไม่ได้ พ่อก็เลยอยากจะรู้จักทิว บางที...พ่ออาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น พ่ออยากเข้าใจบูมมากขึ้น เข้าใจสิ่งที่บูมเป็นอยู่น่ะลูก"
"พ่อ"
บูมลุกขึ้นยืนแล้วก็กอดพ่อไว้ ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ "ขอบคุณครับพ่อ บูมรักพ่อที่สุดในโลกเลยครับ"
ในที่สุดคุณลิขิตก็ได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง บูมชอบพูดประโยคนี้เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก แล้วก็ไม่เคยพูดอีกเลยหลังจากที่โตขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วลูกๆ ทั้งสองคนเป็นเด็กขี้อ้อน พ่อแม่รักนักรักหนา แต่เพราะความหวังดีที่มากจนเกินไปนั่นเอง ครอบครัวที่เคยมีความสุขและเสียงหัวเราะก็กลับมีแต่ความตึงเครียดและเสียงทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน
"พ่อก็รักบูมนะ บูมก็รักแม่ด้วยใช่ไหมลูก"
"ครับ"
บูมตอบสั้นๆ รักแม่นั้นก็รักอยู่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้บูมกับแม่ก็บาดหมางใจกันจนเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว ถ้าแม่ยังไม่ยอมรับในสิ่งที่บูมเป็น ก็ไม่รู้ว่าจะได้บอกรักแม่เหมือนที่บอกพ่อตอนนี้หรือเปล่า
"พ่อต้องขอโทษบูมด้วยนะลูก ขอโทษที่พ่อเคยบังคับจิตใจลูก ไม่เคยฟังลูกเลยว่าอยากมีชีวิตแบบไหน"
"พ่ออย่าพูดอย่างนั้นสิครับ แค่พ่อยอมรับสิ่งที่บูมเป็นได้ผมก็ดีใจแล้วครับพ่อ"
สองพ่อลูกมองหน้ากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้ม
"ให้เวลาแม่เขาหน่อยละกันนะบูม แม่เขาเป็นคนใจแข็ง...ขี้โมโห แต่เขาก็รักบูมมากนะลูก สักวันแม่จะเข้าใจ"
บูมพยักหน้า ก็รู้อยู่ว่าแม่รักและเป็นห่วง ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกของตัวเอง แต่บูมก็อยากให้แม่เข้าใจสิ่งที่บูมเป็นบ้าง
"แล้วพี่บีมล่ะครับพ่อ"
คุณลิขิตอดขำไม่ได้เพราะรู้ว่าบูมคงกลัวบีมจะน้อยใจ หลายปีมานี้ความทุ่มเทของพ่อกับแม่ดูเหมือนจะมีให้กับบูมมากกว่าพี่ชาย บูมกลัวพี่บีมจะน้อยใจเหมือนกัน ก็ไม่เคยถามหรอกว่าพี่บีมน้อยใจหรือเปล่า แต่ก็เดาเอาว่าพี่บีมคงรู้สึกบ้างไม่มากก็น้อย
"พ่อแม่ก็รักลูกทุกคนนั่นแหละบูม บูมไม่ต้องกังวลหรอก จริงๆ บีมเขามาคุยกับพ่อเรื่องของบูมแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะบีม พ่อก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรกับบูมบ้าง พี่บีมเป็นคนมีความคิดดีๆ เยอะเลยนะลูก เมื่อก่อนพ่อไม่เคยภูมิใจที่พี่ชายของบูมไปเรียนศิลปะเลย แต่ศิลปะก็สอนให้บีมเป็นคนละเอียดอ่อน รู้จักคิด รู้จักสังเกต บีมช่วยทำให้พ่อเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่พ่อไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้...พ่อภูมิใจในตัวบีมเหมือนกับที่พ่อก็ภูมิใจในตัวบูม"
"จริงเหรอครับพ่อ"
บูมอดที่จะกอดผู้เป็นพ่ออีกครั้งไม่ได้ ขอบคุณพี่บีมจริงๆ ที่ดีกับน้องชายดื้อๆ มาตลอด ถ้าพี่บีมไม่ช่วยแล้วบูมก็คงแย่เหมือนกัน
"จริงสิลูก อ้อ บูมอย่าลืมพาทิวมาหาพ่อละกันนะลูก ไปกินข้าวกันเถอะ"
"ครับพ่อ"
บูมตอบรับอย่างดีใจ หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเปลาะแล้ว ขอบคุณพี่บีมจริงๆ ช่วงนี้บูมไม่ค่อยได้เจอพี่ชายเลย ต่างคนก็ต่างทำงาน แถมบูมยังไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพราะทะเลาะกับแม่อีก กลับบ้านเย็นนี้บูมจะต้องไปขอบคุณพี่ชายให้ได้
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
นานเท่าไรแล้วที่ครอบครัวเทพย์สถิตพิทักษาไม่ได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาสี่คนพ่อแม่ลูก แต่บีมก็ช่วยทำให้มันเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะขลุกขลักนิดหน่อย แม้ว่าแม่กับบูมจะยังดูไม่ค่อยสนิใจกัน แต่หลายๆ คนก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ยกเว้นคุณทิพย์นภาที่ยังคงบึ้งตึงและเงียบขรึมอยู่
"พ่อครับ ปลาทอดสามรส อร่อยนะครับพ่อ พ่อลองกินดูสิครับ" บีมพูดพลางใช้ส้อมแซะเอาเนื้อปลาใส่จานให้พ่อ
"โห..พี่บีมน่ะ ผมกำลังจะตักปลาตัวนี้ให้พ่ออยู่พอดีเลย ทำไมมาแย่งผมล่ะ" บูมหันไปว่าพี่ชายแต่ก็ไม่จริงจังนัก
"อ้าว...พี่จะรู้ได้ไงล่ะ ก็บูมไม่ได้บอกพี่นี่นา" บีมหันมาแก้ตัว
"งั้นพ่อกินยำถั่วพลูด้วยดีกว่า บูมจำได้ว่าพ่อชอบกิน" บูมพูดแล้วก็ตักยำถั่วพลูให้พ่อบ้าง คุณลิขิตหัวเราะชอบใจที่เห็นลูกๆ แย่งกันเอาใจ
คุณทิพย์นภามองลูกชายสองคนที่แย่งกันเอาใจพ่อด้วยความงุนงง เธอไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำให้เธอนึกถึงสมัยที่ลูกๆ สองคนของเธอยังเป็นเด็กได้มากทีเดียว บรรยากาศแบบนี้หายไปนานจนเธอลืมไปแล้วว่าครอบครัวเคยมีความสุขและเสียงหัวเราะอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน
"เอาใจพ่อกันใหญ่เลย ตักให้แม่เขาด้วยสิลูก เดี่ยวแม่เขาน้อยใจ" คุณลิขิตบอกแล้วก็หันไปมองภรรยาที่ยังคงมีสีหน้าเครียดๆ อยู่
บูมกับบีมมองหน้ากันเลิ่กลั่กเหมือนกับจะตกลงกันว่าใครควรจะตักให้แม่ก่อน สุดท้ายบีมก็เป็นคนตักปลาให้แม่เพราะถ้ามัวแต่เกี่ยงกันแม่คงจะน้อยใจแย่
"อร่อยนะครับแม่ ลองกินดูครับ" บีมตักให้พลางยิ้ม
คุณทิพย์นภามองหน้าลูกคนโตที่พยายามเอาใจด้วยความรู้สึกมึนงงเพราะยังปรับตัวไม่ถูก ด้วยความมีทิฐิมานะบวกกับความน้อยอกน้อยใจ เธอก็เลยไม่กินเสียอย่างนั้น
"แม่ไม่กิน แม่ไม่หิว"
"คุณก็...ลูกอุตส่าห์ตักให้" คุณลิขิตหันไปตำหนิภรรยา
เห็นสามีกับลูกๆ กลับมาเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณทิพย์นภาก็ยิ่งน้อยใจไปกันใหญ่ ความจริงเธอก็เป็นเพียงแม่ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อยากให้ลูกๆ เอาใจบ้างเท่านั้นเอง
"ทิพย์ไม่หิวค่ะ ขอตัวนะคะ"
คุณทิพย์นภาพูดจบแล้วก็วางช้อนส้อมลงพร้อมกับเดินหนีไปทันที พ่อลูกสามคนได้แต่มองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วพ่อก็หันมาพยักพเยิดให้บูมตามแม่ไป
"ไปสิบูม" บีมสะกิดน้องชายที่ยังนั่งงงอยู่
บูมจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วก็วิ่งตามแม่ไปตามที่พ่อและพี่ชายแนะนำ บูมทำใจดีสู้เสือแล้วก็เรียกแม่
"แม่...กินข้าวด้วยกันก่อนสิครับ นานๆ เราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตานะครับแม่"
คุณทิพย์นภาหยุดหันมามองลูกชายคนเล็ก ถึงจะรู้สึกดีใจที่ลูกตามมาเอาใจแต่เธอก็ยังมีฟอร์มอยู่ดี
"ฉันไม่กิน"
คุณทิพย์นภากระแทกเสียงแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป ก่อนจะหยุดแล้วหันมามองลูกชายคนเล็กที่ยืนหน้าเสียเพราะถูกตวาดอีกครั้ง
"อ้อ...บูมควรจะหาที่เรียนต่อได้แล้วนะ จบโครงการเมื่อไรแม่จะให้บูมไปเรียนเมืองนอก จะได้..."
อยู่ๆ คุณทิพย์นภาก็หยุดพูดเหมือนนึกได้ว่ายังไม่ควรพูดสิ่งนั้นในตอนนี้
"ครับ" บูมรับคำ
พอแม่เดินขึ้นห้องไปแล้วบูมก็เดินหน้าม่อยกลับมานั่งที่เดิม บรรยากาศดูกร่อยไปพอสมควรเพราะตั้งใจว่าจะได้กินข้าวพร้อมกัน เผื่อจะทำให้บรรยากาศในครอบครัวคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง แต่แม่ก็เป็นคนมีทิฐิเสียเหลือเกิน
"ให้เวลาแม่เขาอีกหน่อยละกันนะบูม"
พ่อพยายามปลอบใจ รู้สึกสงสารทั้งลูกชายที่โดนแม่ตวาดและสงสารภรรยาที่มัวแต่ยึดมั่นถือมั่นจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์
"ครับพ่อ"
บูมตอบไปโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ยังต้องการเวลาอีกนานแค่ไหน อีกด้านหนึ่ง บูมก็เริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้แม่มีสภาพไม่ต่างจากคนที่กำลังตรอมใจ ยังไงแม่ก็ยังเป็นแม่ เป็นไปไม่ได้เลยที่บูมจะมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของแม่ตัวเอง
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ทิวย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนบูมก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ว่าแม่จะส่งคนมาทำร้ายทิวอีก ทำให้อยู่ไม่เป็นสุขทีเดียว ต้องคอยโทรถามอยู่บ่อยๆ
วันที่กลับมานั้นนอกจากบูมแล้วเอิร์ธกับวิทก็ขอมาส่งทิวที่บ้านด้วย พอเก็บของเสร็จก็พากันออกไปซื้อของที่หน้าปากซอยมากินที่บ้าน อิ่มแล้วเอิร์ธก็เลยขอให้ทิวกับบูมร้องเพลงให้ฟังเสียเลย
"น่า...ร้องให้พวกผมฟังหน่อย ได้ยินว่าเสียงดีแล้วก็เคยเป็นคู่หูดูโอ้กันสมัยเรียนไม่ใช่เหรอ" เอิร์ธคะยั้นคะยอเมื่อเห็นทั้งคู่ยังอิดออด
วิทเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งของทิวที่วางไว้ใกล้ๆ กับมุมคีย์บอร์ดมายื่นให้ทิว ก็เท่ากับเป็นการบังคับให้สองหนุ่มร้องเพลงด้วยกันกลายๆ นั่นเอง ทิวรับมาแล้วก็ยิ้มเขินๆ ตอนนี้แขนหายดีแล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการเล่น
"ร้องเพลงนั้นเลย ที่เมื่อก่อนร้องด้วยกันบ่อยๆ เพลงอะไรนะ...จำชื่อไม่ได้" เอิร์ธหันไปถามวิทที่นั่งข้างๆ
"ดีใจๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ" วิทเดา
"จำได้ใช่ไหมครับ ร้องเลยๆ อยากฟังๆ" วิทช่วยคะยั้นคะยออีกแรง
ทิวกับบูมหันมายิ้มให้กันแล้วก็เริ่มต้นร้องเพลงโดยมีทิวเป็นคนเล่นกีตาร์ บูมเป็นคนร้องและทิวคอยประสานเหมือนเช่นเคย เอิร์ธกับวิทนั่งยิ้มและตั้งใจฟัง เห็นทิวกับบูมร้องเพลงด้วยกัน ยิ้มให้กันหรือสบตากันแล้วบางครั้งสองหนุ่มก็รู้สึกเขินแทน พอจบเพลงแล้วเอิร์ธกับวิทก็ตบมือและชมกันใหญ่
"สุดยอดเลย เดี๋ยวจะเอาขึ้นยูทูบ ไม่ลองทำอัลบั้มคู่กันดูล่ะ ผมว่าดังแน่ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กเรียนอย่างบูมจะร้องเพลงเก่งขนาดนี้"
เอิร์ธชมพร้อมกับยุไปด้วย ทิวกับบูมยิ้มแก้มแทบปริ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นทิวทำสีหน้าอึ้งๆ เหมือนกับเจออะไรบางอย่าง พอหันไปมองตามก็เห็นชายคนหนึ่งยืนฟังอยู่เงียบๆ ข้างหลัง ดูเหมือนว่าจะยืนอยู่ตรงนั้นมาสักพักใหญ่แล้ว
"อ้าวต้อง มาตั้งแต่เมื่อไรวะ" บูมร้องทัก
ต้องมายืนฟังได้สักพักแล้วล่ะ พอดีทิวเปิดบ้านทิ้งไว้ก็เลยเดินเข้ามาเงียบๆ ทุกคนมัวแต่สนใจการร้องเพลงของทิวกับบูมอยู่ก็เลยไม่มีใครเห็น ต้องมองไปที่ทิวแต่ทิวก็หันหน้าหนี บูมสังเกตดูอาการของทั้งสองคนแล้วก็แปลกใจเพราะปกติทิวไม่เคยทำอาการอย่างนี้กับต้องเลย
"ก็...เมื่อกี้นี้แหละ แต่ว่า...ทิวมีแขกใช่ไหม เดี๋ยว...กลับก่อนก็ได้" ต้องบอกด้วยน้ำเสียงประหม่าแล้วก็ทำท่าจะหันหลังกลับ
บูมลุกเดินไปหาแล้วก็เรียกไว้ "เดี๋ยวก่อนสิ ไม่อยู่คุยกันก่อนล่ะ"
"ไม่เป็นไร กูจะกลับแล้ว"
สีหน้าของต้องดูเศร้าเหมือนคนน้อยใจมากทีเดียว บูมและคนอื่นได้แต่มองตามอย่างงงๆ และสงสัย วันนี้ ต้องตั้งใจจะมาขอโทษทิวหลังจากที่หายไปหลายวัน แต่ทิวดูจะโกรธต้องมากเพราะไม่ยอมมองหน้าเพื่อนเลย ยิ่งได้มาเห็นทิวกับบูมร้องเพลงให้เพื่อนอีกสองคนฟังอย่างมีความสุขด้วยแล้ว ต้องก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้ หรือจะว่าไปแล้วต้องก็ไม่ควรมาหาทิวอีกเลย
"เป็นไรของมันวะ"
บูมพูดกับตัวเองอย่างงงๆ แล้วก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาเช่นเดิม ทิวเองก็ดูแปลกไปเมื่อเจอต้อง เพื่อนมาหาแล้วทิวก็ไม่น่าปล่อยให้เพื่อนกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ คงต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
หลังจากเพลิดเพลินกับการฟังทิวกับบูมร้องเพลงแล้ว เอิร์ธกับทิวก็ยังอยู่ต่อเพราะว่าจะได้ช่วยอัปเดตการทำงานให้ทิวฟัง พร้อมกับถือโอกาสประชุมหารือการทำงานไปด้วยเพราะช่วงนี้เริ่มประชาสัมพันธ์การประกวดการออกแบบทางเท้าและเริ่มมีคนส่งผลงานเข้ามาบ้างแล้ว
จนกระทั่งเกือบสามทุ่ม สองหนุ่มจึงได้กลับไป ทิวกับบูมจึงได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจึงกึ่งนั่งกึ่งนอนคุยกันอยู่บนเตียง
"ทิว...จบโครงการแล้ว เราจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกนะ"
ทิวได้ยินแล้วก็ใจหาย เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ การจากกันอีกครั้งกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ
"ทิว...รอเราได้ใช่ไหม ไม่นานหรอก อย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสามปี เราจะตั้งใจเรียน เรียนให้จบแล้วก็จะรีบกลับมาเลย"
แม้บูมจะบอกอย่างนั้น แต่ทิวก็รู้สึกไม่มั่นใจเลยเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทิวกลัวเหลือเกินว่าบูมจะจากไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย
เห็นทิวทำหน้าซึมๆ แล้วบูมก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
"เราไม่ได้คิดจะทิ้งนายนะทิว เราตอ้งเรียนต่อ ต้องดูแลกิจการของพ่อ ยังไงเราก็ต้องทำให้พ่อกับแม่ นายเข้าใจเราใช่ไหมทิว"
ทิวเข้าใจสิ่งที่บูมอธิบายอยู่แล้วล่ะ ปัญหาคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก แต่ทิวก็กลัวใจแม่ของบูมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะกลับมาซ้ำรอยอีกหรือเปล่า
"เราเชื่อใจนายเสมอนะบูม แต่เรากลัว กลัวว่าแม่ของนายจะ..."
บูมรีบเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ กับทิวแล้วโอบไหล่ไว้ แม้ว่าจะใจหายสักแค่ไหนที่ต้องจากคนที่รักไปอีกครั้ง ชีวิตของบูมก็คงไม่มีทางเลือกที่ดีได้มากกว่านี้ พ่อกับแม่ให้บูมกลับมาก่อนเพราะอยากให้บูมสร้างโพรไฟล์ให้ตัวเองจากโครงการนี้ พร้อมกับศึกษากิจการที่พ่อทำอยู่ไปพลางๆ ด้วย เมื่อจบโครงการแล้วบูมก็ต้องกลับไปเรียนต่อโทเหมือนเดิม แต่ก็ดีแล้วล่ะที่บูมได้กลับมาทำโครงการ ที่สำคัญ บูมได้กลับมาเจอทิวอีกครั้งเพื่อฟื้นคืนความรักที่เคยหล่นหายไปให้กลับคืนมา
"ทิว...นายรู้ไหมว่าระยะเวลาสี่ปีกว่าๆ มันนานแค่ไหน นายรู้ไหมว่ามันนานพอที่จะทำให้เราลืมใครบางคนได้เลยนะ นานพอที่จะทำให้หัวใจที่บาดเจ็บหายได้ นานพอที่จะทำให้เรารู้สึกห่างเหินกับใครบางคนที่เราเคยรู้จักจนกลายเป็นคนแปลกหน้าได้ เราก็เป็นอย่างนั้นกับคนอื่นๆ นะทิว แต่...ไม่ใช่กับนาย สี่ปีกว่ามันยาวนานก็จริง แต่ก็มันยังไม่นานพอที่จะทำให้เราลืมนายได้ นายรู้ไหมว่าทำไม เพราะเรารักนายมากไงทิว นายคือรักแรกของเรา คือคนที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา คือคนที่พิสูจน์ให้เห็นว่านายรักและดีกับเรามากแค่ไหน เราไม่เคยลืมสิ่งดีๆ ที่นายเคยทำให้เราเลยนะทิว มันอยู่ในใจเราตลอด อยู่ในทุกความคิดถึง อยู่ในทุกลมหายใจ เราอยากให้นายมั่นใจว่า...เราจะกลับมาหานายอย่างแน่นอนถ้าเราไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน เราอยากกลับมาใช้ชีวิตที่มีความสุขกับนาย นายเป็นความสุขของเรานะทิว ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน...เราก็ยินดีที่จะฝ่าฟันและกลับมาหาคนที่เรารักให้ได้ ยังไงๆ ก่อนจะจากไปเราก็จะพยายามทำให้พ่อกับแม่เราเข้าใจนายเราสองคนให้ได้"
ทิวกอดบูมตอบด้วยความรู้สึกอุ่นใจที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างน้อยก็มั่นใจมากขึ้นว่าพลังดึงดูดของความรักมกจะนำคนสองคนมาเจอกันได้เสมอ เหมือนที่ทิวกับบูมได้กลับมาเจอกันในครั้งนี้ แต่ถ้ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น มันก็คือความจริงที่เราต้องยอมรับ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด เพราะยังไงแล้วบูมก็ต้องไปเรียนต่อ ทิวไม่สิทธิ์ที่จะกักขังหน่วงเหนี่ยวบูมไว้ไม่ว่าจะรักและหวงแหนมากแค่ไหนก็ตาม
"ทิว...เราถามอะไรหน่อยสิ"
ทิวเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ยังคงกอดบูมไว้อยู่ "อะไรเหรอ"
"นายกับต้อง...มีปัญหาอะไรกันหรือปล่า ไม่รู้สิ เราว่า...วันนี้นายกับต้องดูแปลกไป ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ว่า...ทำไมวันนี้ต้องมันมาแล้วก็กลับไปเลย ไม่ยอมคุยกับนาย นายก็ไม่คุยกับต้องซักคำ นายสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าทิว"
ทิวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง รู้สึกหนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะบอกบูมยังไง เมื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแทบจะเป็นเหมือนคนๆ เดียวกันก็ทยิ่งทำให้ทิวรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังบางสิ่งบางอย่าง ในขณะเดียวกันทิวก็ไม่อยากให้บูมรู้และไม่สบายใจ เผลอๆ เรื่องมันอาจจะบานปลายไปกันใหญ่ ถึงจะรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ต้องทำมากแค่ไหน แต่ทิวก็รู้ว่าต้องไม่ได้ตั้งใจ ต้องแค่เมาจนขาดสติเท่านั้นเอง ขอเวลาให้ทิวอีกหน่อยนะต้อง
"นายไว้ใจเราใช่ไหมทิว นายมีอะไรก็บอกเราได้นะ เรายินดีรับฟังทุกอย่าง ถ้านายพร้อมที่จะบอก เราก็อยากฟัง เราสองคนก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคู่รักกันแล้วนะ มีอะไรเราก็ควรจะพูดคุยกันรู้ไหม"
ทิวพยักหน้าตอบรับแต่ก็ยังคงมีสีหน้ากังวลใจอยู่
"เรา...ทะเลาะกันน่ะบูม แต่ว่า...เรายังไม่พร้อมที่จะเล่าให้นายฟังตอนนี้ นายคงไม่ว่าเราใช่ไหม"
บูมยิ้มแล้วก็ดึงทิวมาซบไหล่ตัวเองอีกครั้ง
"แล้วแต่นายละกัน เราไม่บังคับนายหรอก ถ้าพร้อมเมื่อไรนายค่อยบอกเราก็ได้" บูมปล่อยทิวเป็นอิสระแล้วก็พูดต่อ
"จริงๆ แล้ว...ต้องมันชอบนายนะ นายรู้แล้วใช่ไหมทิว"
ทิวหันมาสบตากับบูมอีกครั้ง ยิ้มเศร้าๆ และพยักหน้า
"แต่เรา...ไม่เคยคิดอย่างงั้นกับต้องเลยนะ ต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเรานะบูม แต่ยังไงเราก็รักต้องอย่างงั้นไม่ได้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันที่จะช่วยให้ต้องเข้าใจ"
แล้วทิวก็ถอนหายใจด้วยความหนักใจ สิ่งที่ทิวบอกนั้นก็พอจะทำให้บูมพอรู้ได้ว่าทิวกับต้องน่าจะมีปัญหากันเพราะเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
"เรารู้..." บุมหยุดเว้นจังหวะ "นายคงต้องให้เวลาต้องมันหน่อยนะทิว อีกไม่นานต้องก็จะเข้าใจ การตัดใจจากคนที่รักไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอก"
ทิวรู้สึกดีใจที่บูมไม่ได้พูดถึงต้องในทางไม่ดีเมื่อรู้ว่าต้องคิดอะไรกับทิว อย่างน้อยก็ทำให้ทิวรู้ว่าบูมเป็นผู้ชายที่มีสปิริตมาก
"นายหึงหรือเปล่า"
บูมรวบตัวทิวมากอดไว้แล้วก็รีบบอก
"หึงสิ...ทำไมจะไม่หึงล่ะ ก็แฟนเรา...น่ารักขนาดนี้จะไม่หึงได้ยังไงล่ะ จริงไหม" แล้วก็หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นทิวยิ้มอายๆ
"ทิว...เรามีข่าวดีจะบอกนาย นายจะต้องแปลกใจอย่างแน่นอน"
"อะไร นายถูกหวยเหรอ"
"บ้าสิ...เราไม่เคยซื้อซะหน่อย" แล้วบูมก็ขำก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
"พ่อของเราอยากเจอนาย เราก็เลยคิดว่า...วันจันทร์นี้ เราจะพานายไปกินข้าวกลางวันกับพ่อซะหน่อย"
"หมายความว่า...พ่อของนายก็จะ..." ทิวทำหน้าหวาดกลัว นี่พ่อของบูมจะต่อว่าอะไรทิวอีกหรือเปล่าถึงได้อยากเจอ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทิวคงไม่กล้าไปหรอก แค่แม่ของบูมคนเดียวก็เล่นเอาทิวแทบแย่แล้ว
"ไม่ใช่อย่างงั้น พ่อของเราอยากจะเจอ..." บูมเว้นจังหวะให้ทิวตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลศนัย "แฟนของลูกชายไง"
"จริงเหรอบูม พ่อนาย...ยอมรับเรื่องนี้ได้แล้วเหรอ" ทิวถามอย่างตื่นเต้น
"อื้อ...ตอนนี้พ่อของเราแล้วก็พี่บีมโอเคกับเรื่องของเราแล้วนะ พี่บีมช่วยไปคุยกับพ่อให้ไง"
"โห...จริงเหรอ พี่ชายของนายคงจะรักนายมากเลยนะบูม พยายามช่วยนายมาตลอดเลย เรายังจำได้...พี่บีมเคยพาพวกเราไปซื้อเสื้อผ้าที่จะขึ้นเวทีร้องเพลง พาไปโยนโบวล์ พาไปเล่นยิงปืน พาไปทำอะไรตั้งหลายอย่างแน่ะ พี่บีมเป็นคนแรกในครอบครัวที่เข้าใจนาย บูมต้องรักพี่บีมให้มากๆ นะ ว่าแต่...พี่บีมชอบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเราพาไปเลี้ยงข้าว เรายอมทุบกระปุกเลยนะบูม"
บูมได้ฟังแล้วก็ขำ "เดี๋ยวเราจะบอกพี่บีมให้ นายหมดตัวแน่งานนี้"
สองหนุ่มยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข บูมเพิ่งรู้จากบีมมาว่าตอนนี้แพรวก็เริ่มจะปล่อยวางและให้อภัยบูมแล้ว บูมเป็นหนี้บุญคุณของพี่ชายมากจริงๆ ส่วนแพรว ถ้าเธอพอทำใจได้แล้วบูมก็จะไปขอโทษและคุยกับเธออีกสักครั้ง อย่างน้อยๆ ก็น่าจะยังพอรักษาความความเป็นเพื่อนกันเอาไว้ได้ ดีกว่าต้องจบกันไปแล้วต่างคนก็ต่างมองหน้ากันไม่ติด
แต่ในบรรดาคนทั้งหมดที่บูมจะต้องเจรจานั้น คงไม่มีใครที่จะยากเกินไปกว่าคุณทิพย์นภา แม่ของบูมเองนั่นแหละ แม่เป็นคนยึดมั่นถือมั่นมาแต่ไหนแต่ไร ยากที่จะยอมง่ายๆ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
"ทิวใช่ไหม ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับเธอหน่อย วันนี้ตอนกลางวันเธอว่างหรือเปล่า"
เมื่อทิวรับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ สายหนึ่ง เจ้าของเสียงนั้นก็ถามด้วยประโยคนี้ทั้งๆ ที่ทิวยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครโทรมาและคนนั้นมีธุระอะไรที่จะคุยด้วย
"เอ่อ...จากไหนครับ"
"ฉันเป็นแม่ของบูม"
เสียงที่ตอบมาทำให้ทิวเสียวสันหลังวาบ นึกว่าแม่ของบูมจะลดราวาศอกไปบ้างแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เข้าใจเสียแล้วสิ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทิวกับบูมก็ยังคบกันเป็นปกติ ที่บ้านของบูมก็ดูเหมือนจะรับรู้กันดี แม่ของบูมเองก็เลิกบ่นเลิกว่าลูกชายไปจนใครๆ ต่างก็แปลกใจ นึกว่าคุณทิพย์นภาคงจะทำใจได้แล้วเสียอีก ที่ไหนได้ เธอแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
"คุณแม่จะคุยอะไรกับผมเหรอครับ" ทิวถามเสียงสั่น สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าบูมอยู่สำนักงานวันนี้ ทิวคงทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
"ฉันไม่ใช่แม่ของเธอ ไม่ต้องมาเรียกฉันแบบนี้ ตอบฉันมาว่าเธอจะมาคุยกับฉันวันนี้ได้ไหม เรื่องอะไรเดี๋ยวเธอก็รู้เอง อย่าถามมาก"
น้ำเสียงที่ดุดันนั้นทำให้ทิวยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่ "ได้ครับ ที่ไหนครับ"
"ตอนเที่ยงนี้ฉันจะไปรอที่ร้านอาหารฝรั่งเศสละกัน ใกล้ๆ กับที่ทำงานของเธอนั่นแหละ มีอยู่ร้านเดียว ถามคนในออฟฟิศเธอก็ได้ คงจะมีคนรู้จักอยู่หรอก อ้อ...มาคนเดียวล่ะ ห้ามเธอพาใครมาด้วยอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญ...ไม่ต้องไปบอกลูกชายฉันล่ะ"
"ครับ"
ทิวรับคำอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อวางสายแล้วก็ยืนนิ่งด้วยความหวั่นใจและวิตกกังวล คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคุณทิพย์นภาคงไม่ถึงขั้นขอคุยด้วยหรอก สิ่งที่ทิวเคยหวาดกลัวเริ่มส่อเค้าลางที่จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว แต่จะหนักหนาแค่ไหนนั้น ตอนกลางวันนี้ก็คงจะได้รู้กัน
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน