CHAPTER
-24-
วินาทีอันตราย
ก่อนถึงเวลาทานมื้อเที่ยงไม่นานนดลก็เริ่มแผนการที่ได้วางไว้ โดยแอบย่องเข้าไปในครัวแล้วแอบใส่ยานอนหลับลงไปในเหยือกน้ำเย็นที่เตรียมไว้สำหรับตั้งโต๊ะ รวมถึงถังน้ำที่เตรียมไว้สำหรับคนงานในบ้านและลูกน้องของเคลวิน
“อ้าวดลไม่ทานข้าวเหรอลูก” เมื่อเห็นว่าลูกชายเดินผ่านโต๊ะสำรับไปแก้วกานดาจึงเอ่ยถาม
“ทานก่อนเลยครับแม่ผมยังไม่หิว”
“อย่าคิดมากจนลืมทานข้าวนะลูก หิวตอนไหนก็อย่าลืมมาทานนะ”
“ครับแม่”
นดลเดินออกมานอกบ้านเพื่อมาดูผลงานที่ทำไว้ ลูกน้องของเคลวินกำลังทานข้าวเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีโดยมีถังน้ำวางอยู่ข้างๆ ตอนนี้ก็รอเวลาให้ยาจะออกฤทธิ์เท่านั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงทุกอย่างในบ้านก็เงียบสงบ คนงานทั้งหมดนอนหลับอยู่ตามจุดต่างๆของบ้าน ส่วนแก้วกานดา นดลและอุ่นรัก ต่างก็นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น นดลทยอยอุ้มทุกคนขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่หน้าบ้านแล้วรีบขับออกไป
นดลขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่นัดหมายกับผู้เป็นพ่อ เมื่อมาถึงเขาก็อุ้มหลานชายตัวน้อยเข้าไปข้างในทันที
“เดี๋ยวผมไปส่งแม่และน้องที่บ้านไอ้กันต์ก่อนนะครับ”
“โอเคเดี๋ยวทางนี้พ่อจัดการเอง”
“พ่อจะให้ผมโทรหาไอ้นั่นเลยดีไหม”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพ่อจัดการเองไปเถอะ” เขายิ้มให้ลูกชาย
นดลเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปหลังจากนั้น
ทรงพลไม่อยากจะทำอย่างนี้เลยแม่แต่น้อยแต่เขาเองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนี้คนที่เคลวินแคร์มากที่สุดก็คงจะเป็นลูก เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อกดดันให้เคลวินทำตามที่เขาต้องการ ทรงพลอุ้มหลานชายไปนอนบนเตียง หลังจากนั้นก็เดินออกมาโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน
“สวัสดีครับท่านประธาน” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยผ่านสายไป
“นั่นใคร?”
“มึงจำกูไม่ได้เหรอคนที่ฆ่าพ่อกับแม่มึงไง หึหึ” เสียงคำรามในลำคออย่างผู้มีชัยดังขึ้น ทำให้เคลวินถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วก็ถึงบางอ้อ
“กูไม่ว่างคุยเรื่องไร้สาระกับมึงหรอกนะ”
“คนอย่างกูไม่เคยไร้สาระ ที่โทรมาเพราะกูอยากนัดมึงเพื่อเคลียร์ปัญหาทั้งหมด”
“มึงคิดว่ากูจะยอมไปงั้นเหรอไม่มีอะไรต้องเคลียร์อีก เพราะกูได้ทุกอย่างคืนมาหมดแล้ว” เคลวินไม่สนใจคำพูดนั่นเลยแม้แต่น้อย
“มันอาจจะมีบางอย่างที่มึงต้องเสียไปถ้าไม่มาเจอกู”
“มึงหมายความว่าไง พูดมาตรงๆสิวะ” เสียงเข้มเริ่มหงุดหงิดกับความเจ้าเล่ห์ของทรงพล
“ไปเจอกูที่ดาดฟ้าของตึกร้างวันเวิร์ลตอนบ่ายสาม ไม่งั้นมึงจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าอุ่นรักอีกตลอดชีวิต” ปลายสายขู่
“มึงไม่กล้าหรอกลูกกูก็หลานมึง กูไม่หลงกลมึงหรอก” ถึงแม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกเป็นห่วงลูกชายขึ้นมาแล้ว
“จะคิดอย่างนั้นก็ช่างหัวมึง ตอนแรกที่รู้ว่านภัทรท้องกับมึงกูสั่งมันให้ไปทำแทงค์แต่เพราะสงสารลูกกูเลยเปลี่ยนใจ แต่สำหรับอุ่นรักมันมีสายเลือดชั่วๆของมึงทำไมกูจะฆ่ามันไม่ได้ล่ะ มึงก็รู้ว่ากูฆ่าได้ทุกคนถ้าบังอาจมาขวางทางกูเหมือนกับพ่อแม่มึงไงล่ะ ฮ่าๆๆ” ทรงพลหัวเราะเยาะเสียงดัง
“ไอ้สัตว์นรก! ถ้าลูกกูเจ็บแม้แต่ปลายเล็บกูเอามึงตายแน่” เขาไม่น่าปล่อยลูกไว้ที่บ้านหลังนั้นเลย
“เตรียมเอกสารโอนบ้านและหุ้นมาให้กูเพื่อแลกกับตัวอุ่นรัก หลังจากนั้นมึงกับลูกก็ไสหัวไปจากชีวิตพวกกูซะ ถ้าเลยบ่ายสามไปแล้วมึงไม่มาทุกอย่างก็จบ กูจะรอเจอมึงที่นั่น”
ตู๊ดๆๆๆ
หลังจากวางสายเคลวินโทรกลับไปที่บ้านทันที เมื่อรู้ว่าทุกคนถูกวางยานอนหลับทั้งลูกและเมียหายตัวไปกันหมด ทำให้เขานั่งคิดเรื่องนี้อยู่สักพักเพื่อชั่งใจ มองดูที่นาฬิกาข้อมือตอนนี้เวลาก็เดินไปเรื่อยๆเข้าใกล้บ่ายสามแล้ว “เอาวะไปก็ไป” หลังจากนั้นก็โทรเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามาหาที่ห้อง
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
บ้านของกันต์
ปี๊บๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นก่อนที่คนเฝ้าประตูหน้าบ้านจะเปิดให้ นดลขับรถเข้าในรั้วบ้านก็เห็นเพื่อนยืนรออยู่แล้ว
“ทำไมทุกคนถึงได้หลับไม่รู้เรื่องอย่างนี้วะดล” กันต์มองผ่านกระจกเข้าไปก็เห็นทั้งสองคนนอนไม่ได้สติ
“สงสัยจะเพลียล่ะมั้ง” นดลพูดส่งๆไปเพราะไม่รู้จะสรรหาคำแก้ตัวยังไงดี
กันต์เปิดประตูรถแล้วพยายามปลุกนภัทรให้ตื่น แต่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“หลับลึกอย่างกับโดนวางยามาซะอย่างนั้นล่ะ” กันต์เปรยออกมาเบาๆ
“มึงอุ้มน้องกูเข้าไปละกัน” เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเอ่ยออกมา นดลก็ทำหน้าเหรอหราราวกับคนมีความผิดซะอย่างนั้น
“โอเคมึงพาคุณแม่เข้าไปก่อนเดี๋ยวกูตามไป” กันต์เอ่ย
นดลพยักหน้าแล้วอุ้มผู้เป็นแม่เข้าไปในบ้าน ส่วนกันต์มองตามหลังไปเหมือนมีคำถามคาใจ สภาพอย่างนี้ต้องโดนวางยามาแน่ๆ แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรบ้าๆว่าคนที่วางยาอาจจะเป็นเพื่อนของเขาเอง “ฝากแม่กับน้องด้วยนะกูต้องไปแล้ว”
ท่าทางเร่งรีบของนดลทำให้กันต์มองอย่างสงสัย ตั้งแต่ที่พาแม่และน้องมาฝากไว้โดยไม่มีอุ่นรักมันก็แปลกมากพอแล้ว แถมยังมาในสภาพนอนไม่ได้สติอย่างนี้ เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอน
“มึงเอาน้องอุ่นไปไว้ไหน” กันต์มองหน้าเพื่อนเหมือนกำลังมองผู้ต้องสงสัยซะอย่างนั้น
“อุ่นรักอยู่กับพ่อกู” เขาพยายามเลี่ยงที่จะสบตา
“ทำไมต้องเอาไปไว้กับคุณอาทรงพลล่ะ แล้วบ้านมึงล่ะเกิดอะไรขึ้นถึงต้องแยกย้ายกันออกมาอย่างนี้” กันต์ถามทุกคำถามที่มันค้างคาใจ
“มาถึงขึ้นนี้กูก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังมึงแล้ว ตอนนี้พวกกูเป็นคนไร้บ้านไร้อาชีพไปซะแล้ว”
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ! มึงเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าวะไอ้ดล ถ้ามึงบอกกูก่อนหน้านี้ก็พอจะมีทางช่วยเหลือมึงได้บ้าง” กันต์ขึ้นเสียงใส่เมื่อรู้ความจริง เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ทำไมเพื่อนต้องปิดเขาจนต้องเลยเถิดมาถึงตอนนี้
“ถึงมึงรู้ก็ช่วยอะไรพวกกูไม่ได้หรอกเพราะคนที่มันมายึดทุกอย่างคืนจากพวกกูคือไอ้วิน”
“คุณเคลวินน่ะเหรอ!” กันต์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
“ใช่ตอนนี้มันยึดบ้านที่พวกกูเคยอยู่ตั้งแต่เด็กจนโต มันปลดตำแหน่งกูและพ่อจนไม่มีอำนาจใดๆในบริษัท พวกกูไม่เหลืออะไรแล้วว่ะกันต์” สีหน้าที่เคียดแค้นของนดลทำให้กันต์เริ่มกลัวว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่นั้นอาจจะร้ายแรงเกินกว่าที่เขาคิดไว้
“มึงจะบอกกูได้รึยังว่าตกลงคุณเคลวินเป็นใครทำไมถึงได้มีสิทธิ์ทำกับพวกมึงถึงขนาดนั้น”
“ไอ้วินมันคือลูกชายเจ้าของบ้านหลังนั้นที่ตายไปเมื่อยี่สิบปีก่อน”
“แล้วทำไมคุณเคลวินต้องแค้นพวกมึงขนาดนี้วะ มึงบอกกูได้ไหม?”
“เรื่องนี้กูขอไม่ตอบนะแต่รู้ไว้ว่ามันเลวก็พอ มันลักพาตัวน้องกูไปจนตั้งท้อง แถมตอนนี้มันยังมาแย่งทุกอย่างไปจากกูอีก กูไม่ปล่อยมันไว้แน่” สายตาที่อาฆาตแค้นจ้องมองไปอย่างไร้จุดหมาย กันต์ไม่เคยเห็นท่าทีอย่างนี้ของเพื่อนมาก่อนเลย
“กูรู้ว่ามึงแค้นเค้ามากแต่อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามนะเว้ยกูเป็นห่วงมึง” กันต์จับไหล่เพื่อนเอาไว้ พร้อมส่งสายตาที่เป็นห่วงไปให้
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูถึงได้ไว้ใจพาแม่และน้องมาฝากไว้ มึงห้ามให้ทั้งสองคนออกจากบ้านเด็ดขาด จนกว่ากูจะกลับมา ขอบใจมากนะเพื่อนฝากด้วย” นดลยิ้มให้เพื่อนแล้วรีบเดินออกไป
ก่อนจะเดินพ้นประตูหน้าบ้านไปก็มีสายโทรเข้ามา นดลมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงกดรับสาย
“ฮัลโลพ่อ”
(“ไปส่งแม่และน้องเรียบร้อยและใช่ไหม”)
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วพ่อล่ะครับโทรหาไอ้วินรึยัง”
(“เรียบร้อยแล้ว พ่อนัดมันที่ดาดฟ้าของตึกร้างวันเวิร์ลตอนบ่ายสาม”)
เมื่อได้ยินอย่างนั้นนดลก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจ วันนี้ล่ะจะเป็นวันตายของไอ้วิน
“บ่ายสามที่ตึกร้างวันเวิร์ลพ่อเลือกที่ตายให้มันได้เหมาะมากจริงๆครับ หึหึ” นดลส่งเสียงคำรามในลำคออย่างโหดเหี้ยม
(“แค่นี้ก่อนะลูกอุ่นรักเริ่มรู้สึกตัวแล้ว”)
“ครับพ่อผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
นดลวางสายแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังบังเอิญได้ยินที่พูดเมื่อสักครู่ พงษ์นั่นเองที่เดินเข้ามาแล้วเผลอทำส้มที่ซื้อมาหล่นตรงบริเวณพุ่มไม้หน้าบ้าน เมื่อได้ยินนดลคุยสายกับพ่อก็จำเป็นต้องนั่งอยู่อย่างนั้นหากแสดงตัวออกไปกลัวจะเสียมารยาท แต่นั่นทำให้เขาได้ยินความลับที่ทั้งสองกำลังวางแผนฆ่าเพื่อนของตัวเองอยู่ ช่วงหลังมานี้พงษ์ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนเลยทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเคลวินมักจะโทรมาถามข่าวคราวของลูกชายบ่อยๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเคลวินจะมาที่กรุงเทพจนเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
“อ้าวมาแล้วเหรอคุณ!” กันต์ยิ้มให้คนรักทันทีที่เห็นหน้า แต่ต้องหุบยิ้มพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นหน้าตาตื่นของอีกคน
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วคุณ!” พงษ์เอ่ยเสียงดังโดยไม่รู้ว่ามีสองร่างกำลังนอนหลับไหลอยู่บนโซฟา
“เกิดอะไรขึ้นทำไมทำหน้าตาตื่นมาซะอย่างนั้น”
“ก็เพื่อนคุณน่ะสิกำลังจะฆ่าเพื่อนผม”
“อะ...อะไรนะ ไอ้ดลน่ะเหรอ?” เมื่อได้ยินอย่างนั้นกันต์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันเป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ใจจริงๆ
“ใช่วันนี้บ่ายสามที่ตึกร้างวันเวิร์ลเค้านัดเจอกันที่นั่น ผมจะไปช่วยเพื่อนผม”
“ผมไปด้วย” กันต์มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่าเหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลานัดแล้ว
“ก่อนอื่นเราต้องแจ้งตำรวจก่อน” พงษ์กำลังจะกดโทรออกแต่โดนอีกคนห้ามเอาไว้
“คุณอย่าโทรเลยผมกลัวว่าไอ้ดลจะโดนจับ” กันต์ยึดโทรศัพท์ของคนรักเอาไว้
“เอาคืนมานะ! คุณทำอย่างนี้ไม่ได้ผมไม่ยอมให้เพื่อนคุณฆ่าเพื่อนผมแน่” พงษ์มองหน้าแฟนหนุ่มด้วยความผิดหวัง ไม่นึกเลยว่าจะเห็นแก่เพื่อนจนลืมความถูกต้องไป
“เราจะไปห้ามไอ้ดลด้วยกัน ผมมั่นใจว่าถ้าเราไปทันเวลามันจะต้องไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอนเชื่อผม” กันต์จับมือคนรักแล้วมองตาเพื่อให้ความมั่นใจ พงษ์จะพยักหน้าตอบรับก่อนจะมองเห็นนภัทรกำลังนั่งน้ำตาไหลพรากจ้องมองทั้งสองคน
“น้องภัทร!”
กันต์มองหน้าพงษ์ด้วยความตกใจก่อนจะหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง
“มันไม่จริงใช่ไหมครับพี่ดลไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม ฮือๆ” นภัทรร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ คนที่เขารักทั้งสองกำลังจะฆ่ากันเอง เมื่อตั้งสติได้นภัทรก็มองหาลูกชายตัวน้อยทันที “แล้วอุ่นรักล่ะครับ อุ่นรักไปไหน” เมื่อไม่เห็นลูกชายนภัทรก็ตกใจพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วบ้าน
“ไอ้ดลมันพาน้องภัทรกับแม่มาฝากพี่ไว้ แต่อุ่นรักมันบอกว่าอยู่กับคุณพ่อ”
“พี่ดลคิดจะทำอะไรกันแน่ทำไมต้องแยกอุ่นรักไปอยู่กับคุณพ่อหรือว่า......” เขาอยากให้มันเป็นแค่ความฝัน พี่ชายของตัวเองคงไม่ได้ใช้ลูกชายเป็นตัวล่อให้เคลวินไปหาหรอกนะ “ทำไมพี่ดลถึงทำอย่างนี้ ฮือๆๆ พาผมไปที่นั่นด้วยคนนะครับ ป่ะไปกันเถอะ” นภัทรลุกขึ้นแม้ว่าจะยังมึนๆที่ศีรษะอยู่ก็ตาม เขาเซล้มลงบนพื้นก่อนที่พงษ์จะเข้ามาพยุงเอาไว้
“น้องภัทรไม่ต้องไปหรอกนะอยู่ที่นี่รอฟังข่าวดีกว่าพวกพี่สองคนจะโทรมาบอกเป็นระยะๆ” พงษ์บอก
“ขอผมไปด้วยเถอนะครับ ถ้าผมไม่ได้ไปต้องอกแตกตายแน่นอน” นภัทรยกมือไหว้ปรกๆ
เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเข้ามาแล้วกันต์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้นภัทรไปด้วยจะได้ไม่ต้องเสียเวลามากกว่านี้
“ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้วรีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันการ”
“ถ้างั้นมานี่เดี๋ยวพี่พยุงไปขึ้นรถ” พงษ์เอ่ย
กันต์ไม่ลืมที่จะสั่งคนรับใช้ให้ดูแลแก้วกานดาที่นอนไม่ได้สติอยู่ แล้วพาทั้งสองคนขับรถออกไปทันที
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ตึกร้างวันเวิร์ล
“ฮือๆๆ คุงตามัดน้องอุ่นทำไม” เด็กชายตัวน้อยถูกมัดมือมัดเท้าไว้บนเก้าอี้ ท่ามกลางแดดจ้าบนดาดฟ้าของตึกร้างที่มีความสูงถึงยี่สิบชั้น นดลมองดูหลานชายตัวน้อยด้วยความสงสารไม่ต่างไปจากผู้เป็นตาที่มองหลานด้วยสายตาละห้อย
“น้องอุ่นอดทนอีกนิดนะเดี๋ยวตาจะพากลับบ้านเรา”
“น้องอุ่นจะหาแม่ คุงตาใจร้าย ฮือๆ” อุ่นรักร้องไห้งอแงเสียงดังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“เงียบเดี๋ยวนี้!” นดลต้องใช้ไม้แข็งไม่งั้นอุ่นรักคงไม่มีทางหยุดร้องไห้แน่
“ฮึก คุณลุงก็ใจร้าย” เมื่อได้ยินเสียงตวาดของลุงอุ่นรักก็เงียบทันที แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นอยู่เป็นระยะๆ
“คุณพ่อครับทำไมมันยังไม่มาอีก หรือว่ามันจะเบี้ยวเรา” นดลหันไปถามผู้เป็นพ่อ
“มันต้องมาสิลูกมันอยู่ที่นี่”
แววตาที่ทรงพลจ้องมองหาหลานชายนั้นเป็นแววตาของความอาฆาตแค้น วันนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เคลวินรอดไปได้อีกอย่างแน่นอน
“ไอ้ชาติชั่วขนาดหลานมึงยังไม่เว้น!” ในที่สุดคนที่รอคอยก็มาถึง เคลวินเดินเข้ามาพร้อมกับซองเอกสารที่ทรงพลต้องการอยู่ในมือ
“ในที่สุดมึงก็มา” ทรงพลแสยะยิ้มออกมา
“กูรักลูกไม่เหมือนมึงกล้าทำอย่างนี้แม้กระทั่งกับหลานตัวเอง”
“กูไม่สนถ้ามันทำให้กูได้สิ่งที่ต้องการ ยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้” เขาสั่งพร้อมกับควักปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังออกมาเล็งไปที่เคลวิน “นดลตรวจดูว่ามันพกอาวุธมาด้วยรึเปล่า แล้วเอาซองนั้นมาตรวจดูว่าเรียบร้อยแล้วรึยัง” เขาสั่งลูกชาย
“ครับพ่อ” นดลตรวจตามร่างกายของเคลวินแต่ก็ไม่พบอะไร ก่อนจะหยิบซองเอกสารในมือมาแล้วตรวจดู เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนดลก็พยักหน้าให้ผู้เป็นพ่อ
“กูพาลูกกลับไปได้รึยัง” เคลวินไม่รอคำตอบกลับเดินไปหาลูกชายที่มีสีหน้าตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าจิ้มลิ้มเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ผิวที่เคยขาวใสกลับแดงไหม้จากการโดนแดดเป็นเวลานาน เคลวินคลายเชือกที่มัดมือมัดเท้าออกให้ลูกชาย
“กูจะให้มึงได้ล่ำลาลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีโอกาส วันนี้มึงไม่รอดแน่” ทรงพลเล็งปืนไปที่เคลวินพร้อมที่จะเหนี่ยวไกยิงทุกวินาที
“มึงคิดเหรอว่ากูจะโง่ให้พวกมึงได้ทุกอย่างคืนไปง่ายๆ ถึงวันนี้กูจะตายไปก็ไม่เสียใจเพราะกูได้ทำเพื่อลูก แต่คนอย่างพวกมึงมันไม่มีศักดิ์ศรี เอาเด็กมาบังหน้าผู้หญิงบางคนยังแมนกว่ามึงเลย ไอ้ชาติหมามึงควรเอากระโปรงมาใส่แทน มึงดูสิหลานตัวแค่นี้มึงยังเอามาเป็นตัวประกันได้ ตากแดดจนตัวแดงไปหมดแถมยังเอาเชือกมัดจนผิวแดงช้ำ ตกลงมึงรักลูกหลานหรือตัวเองมากว่ากันวะ” สีหน้าที่เคียดแค้น แววตาที่ดุกร้าวมองไปยังอดีตเพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่อ
“มึงไม่ตายดีแน่!”
ปัง!
เคลวินผลักตัวลูกชายให้พ้นไปจากวิถีกระสุน ทำให้ตัวเองต้องโดนลูกตะกั่วยิงเข้าไปที่หัวไหล่ด้านซ้าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนที่พื้นทำหน้าเกยเกด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าจะมีหลานชายตัวน้อยยืนอยู่ข้างๆแต่ทรงพลก็ยังลั่นไกปืนอย่างกับคนไร้สติ
“พ่อ! กล้ายิงไปได้ยังไงอุ่นรักอยู่กับมันนะพ่อ” นดลตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองลั่นไกปืน ก่อนจะรีบวิ่งไปกอดเจ้าตัวเล็กที่นั่งร้องไห้เสียงดังอยู่ที่พื้น
“มันปากดี มันต้องตายเหมือนพ่อกับแม่มัน” ทรงพลไม่สนใจคำทัดทานของลูกชายก่อนจะเดินเข้าไปเอาเท้าเหยียบที่ข้อมือเอาไว้ เคลวินต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเงยขึ้นมามองแล้วยิ้มเยาะใส่
“ถ้ากูเป็นอะไรไปพวกมึงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ ก่อนจะมากูเขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้วหากกูตายไปให้ยกบ้านและทรัพย์สมบัติที่มีให้สาธารณกุศล ส่วนที่พวกมึงได้ไปก็ถือว่าเป็นโมฆะ”
“โถ่โว้ย! มึงเก่งนักใช่ไหม”
พลั๊วะ!
ปึกๆๆ
ทรงพลใช้เท้าเตะไปที่ใบหน้าของเคลวินจนนอนฟุบลงที่พื้นแล้วอัดเข้าที่ท้องอีกหลายครั้ง ก่อนจะมองดูผลงานของตัวเองอย่างสะใจ
“ถ้ามึงตายไม่ได้ กูก็จะให้มึงพิการไปตลอดชีวิต มึงคิดว่ามึงจะฉลาดกว่ากูงั้นเหรอวะไอ้กระจอก” ทรงพลยืนแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย
เคลวินนอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นทรงพลเล็งปืนมาที่หัวเข่าของตัวเองก็มีสีหน้าเป็นกังวล วินาทีนี้เขาจะหาทางออกให้กับตัวเองอย่างไรได้...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
----------------------------------------
ตอนหน้าก็ถึงบทสรุปของเรื่องนี้แล้วนะครับ....