ตอนที่ 22 (ตอนก่อนจบครับ) โอเวนเดินกลับมาที่ประตูด้านหน้าของสวนป่า โดยมีเงาสีดำติดตามไม่ห่าง ถัดออกไปด้านหลังคืออูซุส พ่อมดผมสีอ่อน ผู้ใช้เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม และเป็นผู้ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้
เสียงปะทะกันของระเบิดในยามต่อสู้กัน และเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นเหนือยอดไม้ทำให้คาดเดาได้ว่าการต่อสู้ที่ด้านนอกดูยุ่งยาก แต่มันคือความยุ่งยากที่เกินความจำเป็น พ่อมดจากสเปนกลุ่มนั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย ลำพังแค่ลุค เมอร์ฟี กับจัสติน ฮอฟมันน์ 2 คนก็น่าจะจัดการให้เสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หรืออาจเป็นเพราะลุคยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จึงทำให้ต้องใช้เวลานาน
หรือไม่...ดาร์ท กับไวเพอร์ก็กำลังเข้าใจคำสั่งผิดเพี้ยนไปเหมือนเคย
โอเวนในฐานะพ่อมดซอว์นีย์ ไม่เคยตั้งเฮ้นช์แมนคนใดเป็นหัวหน้ากลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนี้ หรืออีกหลายกลุ่มก่อนหน้า เพราะเห็นว่าแต่ละคนต่างก็มีความถนัดที่แตกต่างกัน และที่สำคัญพ่อมดซอว์นีย์ต้องการให้เฮ้นช์แมนและพ่อมด แม่มด ปีศาจ จนถึงวิญญาณรับใช้ฟังคำสั่งจากเขา ไม่ใช่จากหัวหน้าเฮ้นช์แมน!
ภายในกลุ่มของเฮ้นช์แมนทั้ง 4 คน เป็นที่รู้กันว่าซอว์นีย์ไว้วางใจอูซุส พ่อมดจากอเมริกาเหนือคนที่ยืนอยู่ด้านข้างในเวลานี้ เพราะนี่คือคนที่สามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย และหมดจด โดยเฉพาะการดูแลสถานที่แห่งนี้
ส่วนดาร์ทกับไวเพอร์แสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่ามีความต้องการที่จะเป็นหัวหน้าเฮ้นช์แมน หรืออย่างน้อยก็คือการได้รับการยกย่องจากพ่อมดคนอื่น ๆ เหมือนกับอูซุส และอารันญ่า ทั้งที่รู้ตัวดีว่ามีความสามารถที่ด้อยทั้งสองอยู่หลายส่วน ดังนั้นสิ่งที่ทั้งคู่มักจะทำเสมอก็คือการแย่งชิงกันสร้างผลงาน หรือไม่ก็ทะเลาะขัดแย้งกันเอง จนกลายเป็นการสร้างความยุ่งยากมากกว่าเดิมอยู่หลายครั้ง
และที่ทำให้รู้สึกน่ารำคาญใจมากขึ้นก็คือ การที่ทั้งคู่ยังมีความสามารถในการเข้าใจคำสั่งของซอว์นีย์ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ในยามที่อยู่ลับหลัง พ่อมดและแม่มดหลายคนจะแสดงความเห็นว่าทั้งคู่ต่อสู้กันเพื่อที่จะไม่ต้องอยู่ในตำแหน่งอันดับสุดท้ายของเฮ้นช์แมน หรือถูกลดตำแหน่งลงมาเป็นพ่อมดผู้ทำหน้าที่เฝ้าสุสานที่อยู่ห่างไกล แต่ทั้งคู่ต่างยืนยันหนักแน่นว่าความคิดนั้นไม่ถูกต้อง เพราะทั้งคู่มิได้มีฝีมือที่เป็นรองผู้ใด ผลงานมากมายที่ผ่านมาคือหลักฐานยืนยัน และในเวลานี้ ‘เจ้านายกำลังพิจารณาว่าใครคือผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าของเฮ้นช์แมน’
ในตอนที่ซอว์นีย์ล่วงรู้ข้อถกเถียงนี้ ก็มีเพียงการกระแทกเสียงในลำคอหนึ่งครั้ง แล้วไล่ให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน
ไม่มีใครรู้ว่าซอว์นีย์มีความคิดเห็นอย่างไร อาจรำคาญ อาจไม่พอใจ หรืออาจไม่สนใจก็ได้ทั้งนั้น
ส่วนอารันญ่า ในตอนแรกที่เธอเลื่อนขึ้นมาเป็นเฮ้นช์แมนต่อจากลินาแม่มดผู้ควบคุมเงาจากบาห์เรน เธอก็มีความเชื่อมั่นและทำหน้าที่ของแม่มดผู้ควบคุมปีศาจแมงมุมได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งมาพบกับข้าวโพด เธอก็กลับหลงรักข้าวโพดอย่างรวดเร็วและปกป้องเขา
ซอว์นีย์ในฐานะของโอเวน ไร้ท์ เข้าใจความคิดนั้น และในความเป็นจริง โอเวนเข้าใจความคิดของแม่มดผู้นี้ที่สุดในบรรดาทั้ง 4 คน
ในตอนแรกที่อารันญ่าเข้าควบคุมเบส เป้าหมายของเธอคือการกำจัดข้าวโพดตามที่ได้รับคำสั่ง แต่เมื่อกำจัดไม่ได้ ทั้งยังค่อย ๆ ซึมซับความรู้สึกของทั้งสองที่มีต่อกัน ได้รับรู้ว่าข้าวโพดมีความรักที่มั่นคง แม้เบสจะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่น่ากลัว แต่เขาก็ไม่กลัว กลับพยายามทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ พยายามรอมชอมกับผู้ควบคุมเบสอยู่ เพื่อไม่ให้เธอทำร้ายเบส
บางทีคนที่ให้คำแนะนำอย่างนั้นอาจเป็นลุค เมอร์ฟี คนที่พยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด เพราะเชื่อว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงจุดจบของคนหนึ่งคนหรือสองคนได้
เสียดายที่ลุค เมอร์ฟี ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แต่เบสสามารถทำให้อารันญ่าไม่ทำร้ายข้าวโพดได้
เบสเอง ในช่วงแรกที่ถูกควบคุมก็จะต่อต้าน แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักในการเรียนรู้ว่าอารันญ่าต้องการอะไร
ยิ่งการที่อารันญ่าผูกพันข้าวโพดไว้ด้วยการมีความสัมพันธ์กัน แล้วพยายามจะกัดอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ
เพราะคนหนึ่งพยายาม อีกคนก็หลบเลี่ยง การกระทำของทั้งคู่มันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก เบสจึงร้องขอว่า ‘อย่าทำร้ายใคร’ แม้จะเป็นคำขอที่คลุมเครือไม่ชัดเจน แต่อารันญ่าเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เธอจึงไม่ตอบรับคำขอนั้น
แต่เพราะเบสกับข้าวโพดอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา เรื่องราวในส่วนนี้จึงกลายเป็นการที่มนุษย์ 2 คนพยายามที่จะอยู่ร่วมกับแม่มดและปีศาจที่ควบคุมอยู่ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับพ่อมดหรือแม่มดตนใด
ไม่เคยมีมนุษย์คนไหน พยายามใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ใช้คาถาอาคมในแบบของทั้งคู่
รู้ตัวอีกที อารันญ่าก็กลายเป็นผู้ที่ถอยห่างออกมา ในเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในเวลากลางคืน และทำหน้าที่ปกป้องทั้งคู่
การอยู่ร่วมกันของทั้งสามราบรื่นขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน อารันญ่าก็มีความกังวล ว่าหากซอว์นีย์รู้ว่าเธอไม่ได้ทำตามคำสั่ง จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอน
ที่ด้านหลังของประตูด้านหน้า ยังมีพ่อมด แม่มดยืนอยู่ 5 ตน ทั้งหมดหันมาทำความเคารพซอว์นีย์ที่เดินมาถึง “พวกนั้นกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่”
“กราบเรียนเจ้านาย ข้างนอกนั่นมีพ่อมดสเปนอยู่ประมาณ 10 ตนถูกกำจัดไปแล้ว 8 ตอนนี้เหลืออีก 2 ขอรับ”
ซอว์นีย์ออกคำสั่งกับพ่อมดที่รายงาน “พวกแกออกไป ถ้าใครกำจัดพ่อมดสเปน 2 ตัวที่เหลือได้ ฉันจะให้เป็นเฮ้นช์แมนแทนพวกมัน”
พ่อมด 5 ตนที่ยืนอยู่ต่างรีบเร่งออกไปที่ด้านนอกของรั้วเพื่อหวังสร้างผลงาน ซอว์นีย์ส่ายหน้าเดินกลับมาที่เก้าอี้หินตัวหนาที่วางอยู่ในสวน
“นานชะมัด” พ่อมดในระยะ 100 ปีหลังมานี้มีแต่พวกขี้ขลาด มองหาแต่ทางลัดเพื่อที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่!
มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่ด้านนอก เปลวไฟลุกขึ้นสูงเหนือยอดไม้ จากนั้นพ่อมด 7 ตนก็รีบล่วงหน้าเข้ามาก่อน ตามมาด้วยลุค และจัสติน
ดาร์ทกับไวเพอร์ ยืนอยู่ตรงกลางเพื่อเตรียมรับความดีความชอบ ถัดไปคือพ่อมด 5 ตน ส่วนลุคกับจัสตินอยู่ทางด้านหลัง
“ฉันให้พวกนายคุม 2 คนนั่น” คางสวยชี้ไปที่คนที่อยู่ทางด้านหลัง “ที่ยืนแบบนี้ แสดงว่า 2 คนนั่นกำลังเป็นผู้ควบคุมพวกนายหรือไง”
ดาร์ทกับไวเพอร์ รีบขยับตัวไปทางขวามือของซอว์นีย์ ส่วนพ่อมด 5 ตนไปยืนคุมอยู่ทางด้านหลังของลุคและจัสติน
นี่คือกลุ่มของพ่อมดหรือนักเรียนอนุบาลกันแน่!
“แล้วใครกำจัดพ่อมดที่อยู่ข้างนอกนั่น”
ดาร์ทตอบ “มือปราบ กับผู้พิทักษ์ขอรับ”
ซอว์นีย์รู้สึกโกรธ ไอสีดำจาง ๆ แผ่ออกจากปลายนิ้ว
“จะ เจ้านาย” ไวเพอร์รีบคุกเข่าลงขอร้อง “เจ้าพ่อมดอ่อนด้อยพวกนี้ พอออกไปก็ร้องตะโกนคำสั่งของเจ้านาย มือปราบกับผู้พิทักษ์ก็ซัดระเบิดใส่พ่อมดต่างถิ่นเหล่านั้นทันที พวก พวกเรา ไม่ทันที่จะ...”
“ที่พวกเราบอก ก็เพราะหากต่อสู้กันแล้วพ่ายแพ้ เฮ้นช์แมนก็จะหาว่าพวกเราคดโกง” หนึ่งในพ่อมดที่อยู่ด้านหลังโต้เถียง
อูซุสที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของซอว์นีย์ยกมือขึ้น ทุกคนก็หยุดโต้เถียง
“8 ตัวก่อนหน้านั้นใครกำจัด” ซอว์นีย์ถามต่อ
“ก็ ก็เป็น...”
“พอแล้ว!” ซอว์นีย์เสียงดัง เมื่อสะบัดมือออกไป ทั้งดาร์ทและไวเพอร์ก็ถูกซัดกระเด็นในทันที ส่วนพ่อมดที่อยู่แถวทางด้านหลังของลุคและจัสตินรีบคุกเข่าลง
ซอว์นีย์ก้าวเข้ามาหาลุค และจัสตินที่ยังอยู่ในสภาพที่เหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้
“ที่แย่งชิงผลงานของพวกมัน เพราะอยากเป็นเฮ้นช์แมนหรือไง”
“ถ้านั่นคือคำสั่งของนาย” ลุคบอก
ซอว์นีย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อชี้ไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้างของลุค ปลอกข้อมือแอเรียสก็กลับมาวางอยู่บนมือของซอว์นีย์อีกครั้ง
“นั่นคือคำสั่งของฉัน แต่คนที่แสดงตัวว่าเป็นคนดี ทั้งที่ไม่ซื่อสัตย์ เอาตัวรอด เสแสร้ง และเห็นแก่ตัวแบบนาย เป็นได้แค่ไอ้คนที่น่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
ซอว์นีย์ชี้นิ้วขึ้นเหนือศรีษะแล้วหมุนเป็นวงกลม ไอสีดำจากปลายนิ้วแผ่กระจายเป็นโดมครอบสวนป่าทั้งหมด เป็นการใช้คาถาป้องกันพื้นที่กว้างใหญ่นี้ ในแบบที่เหมือนกับว่าไม่ได้ใช้คาถา
เหมือนกับว่าหากเขาต้องการให้เป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะการที่เมื่อป้องกันพื้นที่นี้เสร็จ ซอว์นีย์ก็หันหลังกลับพร้อมกับบอกให้ดาร์ทคุมตัวจัสตินไปอยู่กับอารันญ่า แล้วให้ไปรอที่ตึกศิลา ส่วนอูซุสควบคุมลุคให้เดินตามกลับมา ส่วนพ่อมดตนอื่น ๆ รวมถึงไวเพอร์ต่างก็เดินตามมาโดยที่ไม่มีการโต้เถียงกันอีก
ระหว่างทางแยกหลายจุดมีพ่อมด แม่มด และปีศาจมายืนรออยู่ เมื่อซอว์นีย์เดินมาถึงพวกมันต่างทำความเคารพแล้วเดินต่อท้ายตามมาเป็นขบวน
โอเวนคือซอว์นีย์จริง ๆหรือ...
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย แต่ช่วงเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความตึงเครียดจนลุคไม่ได้สนใจเรื่องความเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้สึกถึงความหิว ไม่แม้แต่จะขอดื่มน้ำสักแก้ว มีแต่ความคิดว่า ต่อไปจะต้องพบเจอกับอะไร
ถ้าหายตัวมา ก็ใช้เวลาเพียงแค่ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แต่ซอว์นีย์เดินนำเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปตามทางเดินที่มีทางแยกมากมาย เสียงฝีเท้า และเสียงชายผ้าในยามเดินดังก้องไปตามตามเดินภายใต้ซุ้มไม้หนามแหลม นานกว่า 10 นาทีจึงมาถึงตึกศิลา
พื้นที่ด้านหน้า ปราศจากเขม่าควันหรือฝุ่นผงใด ๆ จากการเผาไหม้ แต่เมื่อมาถึงลุคหยุดยืนมอง ใบหน้าซีดเผือด
“ไม่จริง...”
ซอว์นีย์ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ประตูใหญ่หนาหนักของตึกศิลาเปิดออก
“นายฆ่าพวกเขาไปแล้ว...”
ยามเมื่อเอ่ยคำรู้สึกแขนขาอ่อนแรงจะทรุดตัวลง แต่อูซุสก็ดึงแขนให้เดินตามซอว์นีย์เข้าไปด้านในของตึกศิลา เหลือไวเพอร์ที่ยังยืนรออยู่ที่ด้านหน้าของประตู
ห้องที่ลุคฟื้นตัวครั้งแรก คือห้องใหญ่เพียงห้องเดียวของตึกนี้ แท่นหินสีดำยังอยู่ที่เดิม ตำแหน่งที่เคยเป็นที่ตั้งของกรงขังคาร่า และสาธุคุณฌ็องส์ เวลานี้ว่างเปล่า แต่ถัดออกไปใกล้ผนังห้อง มีหม้อเหล็ก 13 ใบวางเรียงสลับกันวางอยู่ กลิ่นยาในหม้อดูคุ้นเคย แม่มดชรา 2 คนยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะกลั่นน้ำยาหันมาทำความเคารพซอว์นีย์ จากนั้นคนหนึ่งก็เดินไปตรวจดูยาในหม้อที่กำลังเดือด อีกคนกลับไปตรวจดูการกลั่นยาเช่นเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ยืนยันความคิดในครั้งแรกที่ว่าที่นี่คือสถานที่ประกอบพิธีกรรม แสงสว่างที่ลอดผ่านกระจกสี กับแสงสว่างจากตะเกียงตามมุมห้อง ทำให้เกิดแสงและเงารูปทรงประหลาด
เมื่อเข้ามาด้านใน อูซุสก็ปล่อยแขน ปล่อยให้ลุคนั่งคุกเช่าอยู่กับพื้น
ซอว์นีย์นั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนาหนักตัวเดิม ขณะที่อูซุสเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว พ่อมดและปีศาจที่ติดตามมาแยกย้ายกันไปยืนอยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆในห้อง เหลือเพียงลุคที่ยืนอยู่ระหว่างโอเวนกับแท่นหินสีดำนั้น
เงาสีดำหลายร่างวูบไหวอยู่ภายในห้อง
ดาร์ทปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของตึกศิลาแล้วเดินตามไวเพอร์เข้ามาด้านใน แยกย้ายไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน เหลือเพียงเก้าอี้ไม้สีดำของอารันญ่า ที่ได้รับคำสั่งให้เฝ้าอยู่ที่กระท่อมด้านหน้า ตามมาด้วยปีศาจ และวิญญาณรับใช้ เมื่อทั้งหมดมาพร้อมหน้ากันแล้ว ประตูของตึกก็ปิดลงช้า ๆ
ลุคไม่จำเป็นต้องหันไปมองรอบตัว เพียงแค่มองสีหน้าแววตาของซอว์นีย์ก็รู้แล้วว่า ลำดับต่อไปยังคงเป็นการทรมานเขาอยู่นั่นเอง
เพราะเขาไม่ตาย ซอว์นีย์จึงเลือกที่จะทรมานจนกว่าจะพอใจ อาจทรมานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเบื่อก็เป็นไปได้
“ทำไมนายถึงเผาพวกเขา”
“พวกเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าจะต้องถูกเผา” ซอว์นีย์ตอบ ขณะที่หงายฝ่ามือเรียกปลอกข้อมือแอเรียสออกมาหมุนเล่นรอบหนึ่งแล้ววางลงที่โต๊ะตัวเล็ก ข้าง ๆ ครอบแก้วซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกระดิ่งแก้วใส เครื่องรางของจัสติน แต่เวลานี้กระดิ่งแก้วไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
ซอว์นีย์หันมามองลุค กระดิ่งแก้วของจัสตินปรากฏขึ้นภายในครอบแก้ว แล้วหายไปอีกครั้ง
เรื่องการเรียกกระดิ่งแก้วออกมา เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในที่นี้ได้มากเท่ากับการที่ซอว์นีย์สามารถ ‘เล่น’ กับปลอกข้อมือแอเรียสของลุค
“การไล่ตามฆ่าพวกเขาไปตลอดมันทำให้ความแค้นของนายลดลงไปได้บ้างไหม”
“คำตอบอยู่ที่นาย ซึ่งพยายามซ่อนไอ้ผ้าขี้ริ้วนั่น” ซอว์นีย์พูดถูก “ฉันยังคิดว่านายบอกกับมันแล้วเสียอีก ว่ามันเป็นพ่อของนายในชาติก่อน”
“แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่”
ไบรเดน เมอร์ฟี เจ้าเมืองเบ็ตตี้ที่ตายไปตั้งแต่เมื่อ 400 ปีที่แล้ว เมื่อกลับมาเกิดใหม่ย่อมไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตได้ แต่คนที่จำได้คือลุค
“ไม่ใช่แล้วซ่อนมันทำไม คำพูดกับการกระทำของนายมันสวนทางกันตลอด ถ้านายอยากให้ใครเชื่อคำพูดของนาย นายก็ควรทำอย่างนั้น”
ลุคไม่โต้ตอบ
“ในห้วงเวลาที่ยาวนาน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอมันก่อนนาย พอจะเผามัน นายก็เข้ามาแทรกเพื่อช่วยมัน เอามันไปซ่อนไว้ในโบสถ์ ทั้งที่มันสมควรตายไปตั้งแต่หลายปีที่แล้ว”
ซอว์นีย์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่แจกันใบหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้องแตกกระจาย ทำให้วิญญาณที่อยู่บริเวณนั้นขยับหนีไปอยู่อีกด้าน!
“ปากบอกว่าไม่คิดว่ามันคือพ่อ แต่การกระทำของนายคือปกป้องมัน เชื่อฟังทุกคำพูดของมัน”
แจกันอีกใบใกล้ประตูห้องลอยขึ้นสูงแล้วร่วงหล่นลงมา เสียงดังก้องไปทั่วห้อง ชิ้นส่วนของแจกันแตกกระจาย
“โอเวนฉันแค่...”
“ในที่นี้ ทุกคนเรียกฉันว่าเจ้านาย”
“เจ้านาย” ลุคต้องการอธิบาย
มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าเจ้าเมืองเบ็ตตี้ คือผู้สอบสวนและสั่งประหารครอบครัวไร้ท์ แต่ลุคก็ยังคงคิดกล่าวโทษซอว์นีย์ คาร่า และบรรดาพ่อมดอีกหลายคนในเวลานั้นว่าเป็นต้นเหตุ ถึงกับให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนในบ้านว่ามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้
“นายยืมมือฉันฆ่าคาร่ากับพรรคพวกของเธอมานานหลายปี จนถึงตอนนี้ นายก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเธอตายอย่างไร ที่นายโศกเศร้าจะเป็นจะตายก็เพราะฉันฆ่าไอ้ผ้าขี้ริ้วนั่น และที่นายยังยอมคุกเข่าให้ฉัน ก็เพราะจับน้องชายของนายไว้ หวังให้ฉันปล่อยเขาไป”
ลุคหลับตาลง
“ดูไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ที่ต้องมาตกอยู่ท่ามกลางคนที่ต้องการล้างแค้น กับคนที่คิดแต่จะเอาตัวรอด ฉันรู้มาตลอดว่านายไม่ใช่คนดี แต่ถึงกับยืมมือพ่อมดเพื่อล้างแค้น ถือว่านายเลวกว่าที่คิด เห็นแก่ตัว และชั่วร้ายมากกว่าคนที่นายชี้นิ้วบอกว่าชั่วร้ายอย่างพวกเราเสียอีก ว่าไหม” ซอว์นีย์หันไปขอเสียงสนับสนุนจากบรรดาพ่อมด แม่มดที่อยู่ในห้อง ดาร์ทกับไวเพอร์ถึงกับช่วยกันร้องด่า
“พูดถึงเรื่องข้อมูลที่นายให้มา....” วิญญาณรับใช้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับซอว์นีย์มากที่สุดถูกกระชากด้วยมือที่มองไม่เห็นเข้ามาอยู่แทบเท้าของซอว์นีย์
นี่คือวิญญาณของ ‘โบรดี้’ หัวหน้ากลุ่มทหารที่ไปจับกุมครอบครัวไร้ท์ และเผาบ้านของพวกเขา
วิญญาณของโบรดี้กำลังถูกบิดด้วยมือที่มองไม่เห็น ทำให้ส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน
ซอว์นีย์พยักหน้า “นายไม่สนใจโบรดี้เหมือนกัน ทั้งที่ตอนมีชีวิตอยู่ เขาคือคนที่รับฟังคำสั่งพ่อของนายให้มาจัดการครอบครัวไร้ท์” วิญญาณของโบรดี้หยุดนิ่งในลักษณะที่ส่วนลำตัวท่อนบนถูกจับให้หมุนไปอยู่ด้านหลัง “ก่อนนี้ฉันก็คิดแต่จะเผาพวกมันเพื่อแก้แค้น จนมาได้แนวคิดใหม่ จากเรื่องเล่าที่นายเล่าให้ฟังว่า คาร่าเคยให้พ่อมดคนหนึ่งควบคุมวิญญาณแม่ของนายมาเป็นวิญญาณรับใช้” นิ้วมือสวยชี้ไปที่กลุ่มวิญญาณที่มุมห้อง “เพราะนาย ทำให้พวกเรามีวิญญาณรับใช้จำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พ่อมด แม่มดที่นี่ ก็เลยสะดวกสบายจนออกจะขี้เกียจเกินไปแล้ว”
ขณะที่เหล่าพ่อมด แม่มดพากันหัวเราะและสนับสนุนคำพูดของเจ้านาย แต่บรรดาวิญญาณที่อยู่ตรงมุมห้องมีความโกรธแค้นลุคมากขึ้น
การถูกจองจำให้กลายมาเป็นวิญญาณรับใช้ของพ่อมด โดยเฉพาะพ่อมดที่ขึ้นชื่อว่าชั่วร้ายที่สุดอย่างซอว์นีย์ คือการถูกทรมานอย่างหนัก ชนิดที่แม้จะตายไปแล้วก็ยังขอตายอีกรอบเพื่อให้รอดพ้นไปจากช่วงเวลานี้
ซอว์นีย์พอใจกับบรรยากาศภายในห้องเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อนายไม่สนใจโบรดี้ อย่างนั้น...”
ขณะที่คำกล่าวของซอว์นีย์ยังดังอยู่ในห้อง วิญญาณของโบรดี้ หัวหน้าหน่วยทหารคนสำคัญของเจ้าเมืองก็ถูกฉีกออก แล้วสลายไปในทันที
ดาร์ทและไวเพอร์ลุกขึ้นยืนร้องตะโกนยกย่องเจ้านายของตน
“ยอดเยี่ยม! เจ้านายซอว์นีย์ผู้ยอดเยี่ยม!”
ซอว์นีย์ยกมือขึ้นบอกให้ทั้ง 2 คนนั่งลง
“รอให้ถึงลูกหนี้คนสุดท้าย พวกนายค่อยชมเชยฉันก็ยังไม่สาย”
วิญญาณที่รวมกันอยู่ตรงมุมห้องส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว
“เงียบ”
น้ำเสียงนั้นออกไปทางเบื่อหน่าย แต่ทำให้ทุกคนในที่นี้นิ่งเงียบ แม้แต่อูซุสที่นั่งอยู่ใกล้กับซอว์นีย์มากที่สุดยังรู้สึกถึงแรงกดดันจากความไม่พอใจ
วิญญาณผู้ชาย 2 ร่างถูกดึงให้ออกมาจากกลุ่มแล้วถูกยกขึ้นสูง
“ไม่คิดจะหันไปมองพวกเขาสักหน่อยหรือ ลุค เมอร์ฟี ทักทาย และ อำลาในฐานะคนเคยรู้จักกันสักหน่อย”
ลุคขยับตัวหันไปมอง แต่ในทันทีที่จดจำได้ว่านั่นคือทหารในกลุ่มเดียวกับโบรดี้ วิญญาณนั้นก็ร่วงหล่นลงมาแล้วกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วสลายไปก่อนที่จะตกถึงพื้น
วิญญาณที่ถูกฉีกทึ้ง คือการสูญสลายอย่างเจ็บปวด แล้วกลายเป็นความว่างเปล่า...
ชายหนุ่มมองต่อไปที่กลุ่มของวิญญาณรับใช้ที่อยู่ตรงมุมห้อง พบว่าทั้งหมดคือคนที่เคยรู้จักกันในอดีตอย่างที่ซอว์นีย์บอกจริง ๆ ตั้งแต่ชาวบ้านที่ให้การยืนยันว่าครอบครัวไร้ท์เป็นครอบครัวพ่อมด ไปจนถึงผู้ที่ทำงานในโบสถ์ในช่วงเวลานั้น ยังมีคนงานที่บ้านหลายคน และเฒ่าเลียมที่ทายาทของเขากลายเป็นเฟโอ ปีศาจบึงน้ำ
ซอว์นีย์จัดการวิญญาณทีละดวงด้วยวิธีการที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นเจ็บปวด ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทรมานก่อนที่จะสลายร่างไป
...จนมาถึงเฒ่าเลียม
“สำหรับเฒ่าเลียม ฉันต้องขอบใจนายมากจริง ๆ ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก”
วิญญาณของเฒ่าเลียม เลื่อนมาอยู่ด้านหน้าของลุค ดวงตาสีแดงดั่งเลือด เงาร่างโปร่งใสกลายเป็นร่างทึบแสง
ลุคขยับตัวลุกขึ้นยืนเมื่อร่างของเฒ่าเลียมขยายใหญ่ขึ้นจนตัวสูงกว่าตนเองสองเท่าแต่การขยายใหญ่นั้นดูผิดรูปร่าง
เฒ่าเลียมที่เคยเป็นหนึ่งในพ่อมด ผู้เคยให้ความช่วยเหลือจองจำเจนนิเฟอร์แม่ของคาร่า กลายเป็นปีศาจในวันนี้
ซอว์นีย์ยังคงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ฉันเคยตามหาคนพวกนี้จากสุสาน แต่เพราะนายเจอทายาทของมันในสภาพของปีศาจ ฉันก็เลยต้องกลับไปตามหาเฒ่าเลียมคนนี้จากสมบัติที่ตกทอดจนมาถึงลูกหลานในปัจจุบัน ทายสิว่ามันหลบซ่อนอยู่ในอะไร” ซอว์นีย์ไม่รอให้ลุคตอบคำถาม “มันซ่อนตัวอยู่ในล็อกเก็ตเก่า ๆ อันหนึ่ง ที่เก็บไว้ในกล่องบุหรี่”
ปีศาจเฒ่าเลียมส่งเสียงในลำคอ เตรียมพร้อมสำหรับการตรงเข้ามาจัดการลุค
“มันมีส่วนร่วมในการทำร้ายแม่ของนายใช่ไหม จัดการมันสิ” ซอว์นีย์บอกแล้วโยนปลอกข้อมือแอเรียสให้กับลุค
ในทันทีที่ปีศาจเฒ่าเลียมพุ่งเข้าใส่ลุค ปลอกข้อมือแอเรียสก็ส่งดาบยาวคู่ให้กับลุคเพื่อรับมือ แต่เมื่อพลังจากปีศาจปะทะกับดาบยาว กลับพบว่านั่นเป็นพลังที่ซอว์นีย์ส่งมาสนับสนุนปีศาจ ผลักให้ลุคกระเด็นไปอยู่อีกฝั่งของห้อง
นี่เป็นวิธีการสร้างความฮึกเหิมให้เหล่าพ่อมดและลูกน้องได้ดีมาก เพราะทำให้เหล่าพ่อมดที่นั่งและยืนอยู่รอบห้องบ้างส่งเสียงหัวเราะ บ้างปรบมือด้วยความชอบใจ ขณะที่ปีศาจเฒ่าเลียมยิ่งลำพองใจว่าได้รับการสนับสนุนจากซอว์นีย์ ยิ่งร้องตะโกนเสียงดังก้อง พุ่งเข้าหาพร้อมส่งพลังเข้าโจมตีอย่างรุนแรง ลุคปัดพลังนั้นออกไปกระแทกตู้ไม้สีดำที่ผนังด้านหนึ่งจนเปิดออก สิ่งของที่อยู่ภายในพุ่งออกมา
หอกสั้นสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งพุ่งตรงเข้าปักที่กลางอกของพ่อมดที่ยืนอยู่ใกล้ตู้ที่สุด เปลวไฟลุกลามจากรอบรอยบาดแผลแล้วลุกลามไปทั้งตัว กลายเป็นฝุ่นเถ้าร่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับหอกสั้นสัมฤทธิ์ด้ามนั้น
ในเวลาเดียวกันยังมีธนูเงินอีกสองดอกพุ่งเข้าหาพ่อมดอีกตนหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน ฤทธิ์ของธนูนี้ไม่ได้ทำให้เกิดไฟแต่ทำให้เกิดเป็นพิษสีดำที่กัดกร่อนพ่อมดตนนั้น สร้างความเจ็บปวดกระทั่งสลายร่างไป
เป็นการทำลายร่างที่รวดเร็วอย่างน่าแปลกใจถึงขั้นที่ทำให้ซอว์นีย์ลุกขึ้นยืน พร้อมกับพ่อมด และแม่มดทั้งหมดในห้องนี้ บางคนยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเตรียมพร้อม
ส่วนแม่มดชราที่ดูแลการปรุงยายังละงานหันมามอง
มือปราบวาติกันคือผู้ที่สังหารพวกพ้อง!
จากสีหน้าท่าทางของทุกคนในที่นี้ ทำให้ลุครู้ตัวว่าเหลือทางเลือกเดียวเท่านั้น คือสู้ตาย!
เฮ้นช์แมนทั้งสามต่างเรียกปีศาจของตนเองออกมา
ปีศาจของดาร์ทคือคางคกพิษสีน้ำเงินที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นที่ชวนคลื่นเหียน ยืนอยู่ด้านหน้าของพ่อมด
ปีศาจของไวเพอร์คืองูพิษตัวเล็กราวกับก้านธนูแต่กลับมีความยาวมากกว่า 3 เมตร ในยามที่พันอยู่รอบแขนของไวเพอร์ ส่วนลำตัวยาวยังม้วนอยู่กับพื้น
และปีศาจของอูซุสคือหมีกริซลีตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้ม
เมื่อปีศาจเฒ่าเลียมบุกโจมตีอีกครั้ง ลุคปัดอาวุธทั้งหมดจากตู้ และที่ตกอยู่บนพื้นให้พุ่งเข้าหาพ่อมด แม่มด ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ขณะที่ตนเองพุ่งตรงเข้าหาแทงดาบคู่ลงไปตรง ๆ สลายร่างปีศาจเฒ่าเลียมลงได้สำเร็จ
พ่อมดหลายคนสามารถปัดอาวุธออกไปได้ แต่อีกหลายคนก็พลาด ถูกอาวุธแหลมคมทิ่มแทง จนต้องกลายเป็นฝุ่นผง
ลุคไม่ยอมเสียเวลา บุกเข้าหาอูซุสที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่หมีกริซลีของอูซุสเข้ามาขัดขวาง แม้ว่าจะเคลื่อนที่ได้เร็วแต่ก็ยังถูกดาบของลุคฟันไป 1 แผล อูซุสรีบเรียกหมีกริซลีของตนกลับมาได้ทันก่อนที่จะสูญสลาย แต่จากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับอูซุสคาดว่า ดาบคู่จะสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับหมีกริซลีตัวนั้นได้มากกว่าที่มองเห็น
ดาร์ทและไวเพอร์ต่างก้าวถอย ปล่อยให้อูซุสออกหน้าต่อสู้แลกชีวิตกับลุค
การต่อสู้ต่อหน้าซอว์นีย์ผู้ยิ่งใหญ่ อูซุสย่อมต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดลงไป คาถาต่อสู้ที่รุนแรงมากพรั่งพรูเข้าใส่คู่ต่อสู้ แต่ก็ถูกสกัดไว้ด้วยกำแพงแอเรียสสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากปลอกข้อมือแอเรียสโดยที่ลุคไม่ต้องเรียกออกมา
ซอว์นีย์เรียกให้ดาร์ท และไวเพอร์เข้ามาสนับสนุนอูซุส
เปลวไฟจากอูซุส ผสานพิษของคางคกจากดาร์ท เสริมด้วยแรงกัดเซาะจากพิษของงูของไวเพอร์ พุ่งตรงเข้าหากำแพงแอเรียสจนเริ่มแตกร้าว
บรรดาพ่อมด แม่มดที่พากันยืนดูการต่อสู้รีบเข้ามาสนับสนุนร่ายคาถาโจมตีเกราะแอเรียส
ลุครวบรวมพลังต้านทาน
แต่ปัญหาก็คือ คาถาโจมตีจากพ่อมด แม่มดในระดับรองเหล่านั้นไม่มีความมั่นคง พลังที่โจมตีจึงสะท้อนออกไปอีกฝั่งหนึ่ง สร้างความเสียหายให้กับห้องนี้มากขึ้น
ลูกไฟหลายลูก สะท้อนเข้าหาหม้อยา เตาไฟ และโต๊ะปรุงยา สังหารแม่มดชราทั้ง 2 ตน ยาทั้งที่ปรุงเสร็จแล้ว และที่ยังเดือดพล่านไหลนองพื้น ทั้งไอพิษ และความร้อนอัดแน่นภายในห้อง
กำแพงแอเรียสเริ่มสั่นไหว กำลังจะแตกร้าวในวินาทีถัดมา แต่จู่ ๆ ประตูด้านหน้าของตึกก็เปิดออก ร่างของลุคถูกผลักกระเด็นออกมาภายนอก
ในเสี้ยววินาทีที่มองกลับไป ลุค เมอร์ฟี เห็นว่าโอเวน ไร้ท์ กำลังคลี่ยิ้มกว้าง เป็นยิ้มงดงามที่อยู่ในความทรงจำของลุคมาตลอดเวลานานกว่า 400 ปี
จากนั้นประตูก็ปิดลง มีแรงระเบิดรุนแรงอีกครั้งจากภายในตึก ที่ส่งให้ลุคกระเด็นห่างออกมาอีกครั้ง...
...
(มีต่อครับ)