วันที่หนึ่ง – กลิ่นนั้น.. ของน้ำมันหอมระเหย
“ทีน่าสปายินดีต้อนรับค่ะ สนใจเป็นนวดไทยหรือนวดน้ำมันดีคะ” พนักงานสาวในชุดเดรสทรงตรงสีเลือดหมู เอ่ยต้อนรับ เมื่อผมเปิดประตูร้านเข้ามา
ซึ่งวันนี้ผมรู้สึกเมื่อยล้าและอยากฆ่าเวลาระหว่างรอแฟนสาวของผมที่มีนัดทานข้าวกับเพื่อนร่วมทำงานของเธอในห้างสรรพสินค้าบนถนนอ่อนนุช ผมเลือกร้านนวดใกล้ห้างเพื่อผ่อนคลายตัวเองระหว่างรอ
“พนักงานสตรีคิวไม่ว่างเลย เป็นพนักงานบุรุษได้ไหมคะ น้ำหนักมือผ่อนหนักเบาได้ตามประสงค์ค่ะ” สาวคนเดิมนำเสนอ
เมื่อผมตกลง เธอนำผมมาเปลี่ยนชุดผ้าฝ้ายสีครีมแสนสบาย แล้วนั่งรอ ณ ขอบฟูกด้านในสุดของร้าน
ที่นอนถูกวางบนแนวพื้นไม้ยกสูงเรียงรายกันไป ขาผมที่ห้อยจากขอบเตียงนั้นเตี้ยพอที่จะทำให้เท้าสัมผัสกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ เสียงซอด้วงบรรเลงแผ่วเบาจากลำโพงตรงชั้นวางผ้าขนหนู สร้างความรู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
“สวัสดีครับ ขออนุญาตล้างเท้าให้นะครับ” ชายหนุ่มที่ดูวัยแล้ว อายุน่าจะสักยี่สิบต้นเอ่ยทักทาย เขาแลดูแตกต่างจากพนัก งานนวดคนอื่น แม้อยู่ในชุดหมอนวดสีน้ำตาลเข้มเหมือนกัน
อาจเพราะสีผิวซีดขาวของเขาดูตัดกับผมและคิ้วซึ่งดำสนิทจนน่าอิจฉา
หรือเพราะริมฝีปากสีจางที่พูดไปยิ้มไป
ไม่ใช่สิ.. คงเป็นเพราะเสื้อพนักงานสปาที่เขาใส่ มันไม่มิดชิดเหมือนของคนอื่น จากมุมที่ผมนั่ง สามารถมองทะลุเนื้อในที่หยวกขาวของผู้ที่กำลังบรรจงล้างเท้าให้ผม
เขาใช้อุ้งมือเปล่าตักน้ำอุ่นมาพรมบนหน้าแข้งแล้วลูบมือนิ่มถูขึ้นลง ดอกลีลาวดีสีขาวบนผิวน้ำในอ่างล้างเท้าลอยแกว่งไปมา กลิ่นมะกรูดจากปลายเท้าโชยเข้าจมูก
หนุ่มน้อยยกเท้าของผมวางบนผ้าขนหนูสีขาว แล้วเช็ดมันอย่างบรรจง เขาขอให้ผมนอนคว่ำบนฟูกนุ่ม เสียงรูดผ้าม่านมาพร้อมกับความมืดจากแสงหลอดไฟที่ถูกบดบัง คำสวดบูชาครูหมอแบบย่อสั้นแว่วมา
“หนักไปบอกได้นะครับ” แล้วหมอนวดก็เริ่มกดฝ่ามือลงที่ปลายฝ่าเท้าตามขั้นตอน
แท้จริงแล้วผมก็นวดอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่า แทบทุกเดือนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซ้อมเทนนิสแล้วมีอาการเคล็ดบ้างตามกล้ามเนื้อ เพียงแต่ครั้งนี้ มันเป็นครั้งแรกของผมที่นวดกับหมอที่ไม่ใช่สตรีเพศ น้ำหนักมือของเขาดีเหลือเชื่อ มันกดได้ลึกถึงเส้นกว่าทุกคนที่ผมเคยผ่าน
“เส้นหลังค่อนข้างตึงมาก ผมขอลงยาหม่องให้นะครับ” กลิ่นหอมระเหยจากบริเวณหลังกับความอุ่นแทรกลงบนผิว ฝ่ามือที่นุ่มแต่หยาบตรงปลายนิ้วบรรจงไต่ระดับจากแนวสะโพก เดินขึ้นตามเส้นสันหลังจรดขึ้นแนวไหล่
“รูปร่างของพี่ดีจังเลยนะครับ” หมอชายชวนผมคุยคล้ายที่ฟูกอื่นก็ทำกันแต่ใช้น้ำเสียงแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนแขกมากไป
“ผมเล่นกีฬาเกือบทุกวันครับ ใกล้การแข่งขันเลยซ้อมหนักมาก เส้นคงตึงแย่เลย เหนื่อยหน่อยนะครับน้อง”
“ดูหุ่นพี่ ผมก็ทราบทันทีเลยครับ ว่าเป็นนักกีฬา” มีเสียงหัวเราะในลำคอ เหมือนคนกระหยิ่มภูมิใจที่คาดเดาได้ถูกถ้วน
“ถือว่าชมเนอะ เอ๊ะ หรือแอบด่าว่าผมเป็นคนถึก ควรดีใจไหมนะ”
“ชมสิครับ.. รบกวนพลิกหน้าไปทางขวาทีนะครับผม” เขาร้องขอเมื่อต้องเปลี่ยนท่านวด เพื่อให้แขนซ้ายที่เหยียดตรงของผมได้มีทิศทางที่อิสระขึ้น แก้มซ้ายของผมที่สัมผัสกดทับอยู่กับหมอนแบนเตี้ย ผมจึงมองเห็นผู้นวดได้ชัดขึ้นจากมุมที่นอนคว่ำอยู่นี้ เขาส่งยิ้มอ่อนมาให้ ก่อนคร่อมหลังผมแล้วบรรจงใช้ฝ่ามือกดเดินตามเส้นไหล่ แล้วขยำกล้ามแขนของผมอย่างช้าไปจนสุดที่ปลายข้อมือ
เมื่อเสร็จจากท่านอนคว่ำในชั่วโมงแรก ก็ถึงตอนที่ต้องนอนหงาย แขนของผมอยู่บนหน้าตักของน้องดล หนุ่มนักเรียนแพทย์แผนไทยวิทยาลัยสารพัดช่างแห่งหนึ่ง ที่มาขอฝึกงานกับร้านนวดแห่งนี้ ผมยังสอบถามเขาถึงกิจกรรมยามว่างของเขา และเอ่ยขันอาสาที่จะสอนตีเทนนิสให้
น้องดลไต่นิ้วกดลงบนหน้าแขน หลังมือผมถูกวางบนขาหนีบของเขา ดลเอาฝ่ามือที่อุ่นชุ่มมีไอร้อนจากยาหม่องที่เปื้อนมือแบสัมผัสกับฝ่ามือของผม เขาบิดถูไปมา แล้วยกมือของผมขึ้นมาประสานกับมือของเขา กุมบีบแล้วคลายสลับกันสี่ห้ารอบ
จากที่รู้สึกเคลิ้มง่วงเมื่อสักครู่ ก็มีบางอย่างตื่นตัวขึ้นมา ทั้งความรู้สึกและแก่นกายที่เกร็งตัว ผมต้องหายใจให้ลึกขึ้นเพื่อกลืนความผ่อนคลายจากความเย็นกำลังดีของห้องนวดนี้ ก่อนจะหายใจลึกอีกครั้ง เมื่อแขนของผมถูกรวบขึ้นไว้ที่เหนือศีรษะแบบไขว้กัน หมอนวดชายคร่อมร่างผม ใจผมเต้นรัว..