ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลุกขึ้นจากเปียโน เดินมาตบไหล่เพื่อน “จอห์นนี่ ฉันเข้าใจนาย... นายกำลังตกหลุมรัก นายอยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่นายรัก แต่นายทำไม่ได้ ฉันเข้าใจนายแจ่มแจ้งเลย เพราะฉันก็รู้สึกแบบนายเหมือนกัน”
“ฉันอาจจะดีกว่านิดหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยฉันก็มีคนรักแค่คนเดียว”
“โห... จอห์นนี่ นายแค้นใจฉันเรื่องอะไรเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าน่าสงสาร “หยุดเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องคนรักของฉัน บางทีฉันอาจจะไม่มีใครรักเลยก็ได้ ทั้งๆ ที่ฉันทุ่มเท แต่ดูแต่ละคนทำกับฉันสิ ฮือๆ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบไหล่เพื่อน แล้วพูดขึ้น “จริงสิจอร์จ ฉันกำลังจะได้ขึ้นชกมวย”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงยหน้ามองเพื่อนทันที “ชกมวย? กับใคร?”
“ยังไม่รู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ฉันเพิ่งคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่เมื่อวันพฤหัส เขาเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ฉันให้อนุญาตได้สำเร็จ”
“ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องด้วยความลิงโลด “ยินดีด้วยจอห์นนี่ ในที่สุดนายก็จะได้ขึ้นชกมวยแล้ว โหย... มันต้องเท่ระเบิด นายจะดูเป็นนักสู้เวลาอยู่บนนั้น ฉันนี่ขนลุกเลย ให้ฉันไปเป็นพี่เลี้ยงให้นายนะ อยากเกาะติดขอบเวทีมวยมานานแล้ว”
“ฉันก็กำลังจะชวนนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “วันพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่อีกครั้ง ว่าจะชกกับใครแบบไหนยังไง แล้วจะมาเล่ารายละเอียดให้พวกนายฟังวันพุธ”
“เยี่ยมเลย ทุกคนต้องแย่งกันเป็นพี่เลี้ยงนายแน่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่บอกเลยนะว่าฉันจองแล้ว”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นคาเวดิช แม่คงไม่ไปดู เพราะทำใจไม่ได้ ส่วนพ่อ... ฉันไม่รู้สิ แต่ฉันอยากให้กอร์ดอนไปดูนะ มันจะดูแปลกมั้ยจอร์จ ถ้าฉันชวนเขาไปดูฉันต่อยมวย พ่อจะสงสัยรึเปล่า?”
“ถ้าพวกเราไปกันหมด คงไม่สงสัยหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่พ่อนายอาจจะไม่ชอบใจที่นายเป็นเพื่อนกับช่างตัดเสื้อ”
“นั่นสิ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากให้เขานั่งที่นั่งที่เห็นชัดที่สุด โอ๊ย จอร์จ แค่คิดว่าเขาจะไปนั่งดู ฉันก็ตื่นเต้นจนเหงื่อแตกแล้ว นายว่าฉันบ้ามั้ย?”
“นายไม่ได้บ้า แต่ก็ใกล้ล่ะ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือตบไหล่เพื่อน “นายกำลังตกหลุมรัก แล้วนายก็เริ่มเพ้อ ถ้าหนักกว่านี้หน่อยนายจะไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากเจอหน้ากอร์ดอนอย่างเดียว”
“ฉันก็เกือบๆ จะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ถ้าไม่ติดว่ากลัวทุกคนจับได้น่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วหน้าแดง “ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันจะขอแต่งงาน จะมีลูกกับเขาสักสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง ลูกสาวตาสีฟ้าผมสีทองเหมือนเขา... เธอต้องสวยมากแน่ ส่วนลูกชาย ถ้าเหมือนฉันก็น่าจะดีนะ แต่เหมือนเขาก็ดี อะไรเป็นเขาดีทั้งนั้นแหละ”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แรงๆ สองที “ตื่นได้แล้วจอห์นนี่ นายอาการหนักแล้วล่ะ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ เพื่อนของเขาพูดต่อ “เห็นอาการนายแล้วฉันชักเป็นห่วง ถ้ากอร์ดอนไปดูนายต่อยมวย นายจะไม่แย่หรือ หมายถึงนายจะไม่ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกหรือ?”
“เอ... ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากให้เขาไปดูเฉยๆ”
“ลองนึกดูนะจอห์นนี่ สมมติว่าเขาไปดู เขาเห็นนาย นายเห็นเขา ถ้าเขาทำท่าตกใจเป็นห่วงนาย นายจะมีสมาธิกับการต่อยมวยรึเปล่า หรือถ้ามีผู้หญิงที่ตรงสเป็กเดินผ่าน แล้วเขาหันไปมอง แล้วนายหันไปพอดี นายลองนึกภาพนะ นายจะต่อยมวยได้มั้ย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกภาพตาม จากนั้นก็ยกมือกดหน้าผาก “เออ จริงของนาย ฉันคงไม่มีสมาธิ แต่... ยังไงฉันก็อยากให้เขาไปดู จะว่าไงดีล่ะ... ฉันรู้หรอกเขาไม่ใช่ผู้หญิง อันที่จริงแล้วผู้หญิงคงไม่ชอบไปดูมวย แต่ฉันอยากให้เขาเห็นฉันต่อสู้ อยากให้เขาเห็นว่าฉันเป็นยังไง”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “พวกเราเป็นผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตเพศผู้ ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตเพศเดียวกับเราชอบแสดงออกถึงความแข็งแกร่งให้คนอื่นเห็นเพื่อการยอมรับนับถืออยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่เราให้ความสนใจด้วยล่ะก็ จะยิ่งต้องอวดเพื่อให้เป็นที่สนใจใหญ่เลย นายไม่ผิดปกติหรอก” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แต่นายไม่ควรมองเห็นกอร์ดอน มันจะทำให้นายไม่มีสมาธิ เขามีอิทธิพลกับความสนใจของนายสูงมาก เอางี้นะจอห์นนี่ นายต้องเชื่อใจฉัน ฉันจะหาที่นั่งที่เขาสามารถเห็นนายได้ชัดที่สุด แต่นายจะมองไม่เห็นเขา จนกว่านายจะลงจากเวที แลกกับการที่นายช่วยฉันเรื่องมาร์กาเร็ต”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง “ตกลง ฉันจะเชื่อนายจอร์จ ฉันอยากชนะให้เขาเห็น”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “วางใจได้เลยจอห์นนี่ แล้วอย่าลืมเรื่องมาร์กาเร็ตล่ะ”
“อืม ฉันจะรีบจัดการให้แล้วกัน”
--------------------------------------------------
หลังตกลงใจว่าจะตัดเสื้อผ้าหนึ่งชุดเป็นของขวัญให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนก็เขียนแบบเสื้อออกมาหลายแบบ แต่จะแบบไหนเขาก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเลยสักอัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยแสดงออกว่านิยมแฟชั่น ทัศนคติที่เขามีต่อเสื้อผ้าเป็นเรื่องความสะดวกสบายเสียมากกว่า ซึ่งมันไม่เข้ากับแฟชั่นเอาเสียเลย ครั้นเขาจะตัดเสื้อสูทให้เหมือนเสื้อเชิ้ตอย่างที่ลอร์ดหนุ่มเคยพูดก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรอถึงคืนวันพุธ เพื่อที่จะเลียบเคียงถามฝ่ายนั้นถึงแบบเสื้อที่ต้องการ ทว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาปรากฏตัวที่ร้านของเขาตั้งแต่หลังเวลาน้ำชา
“สวัสดียามบ่ายครับท่านลอร์ด วันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือครับ” กอร์ดอนรีบเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้ามาในร้าน วันนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงสวมเสื้อโค้ทตัวเดิม ทับเสื้อสูทสีน้ำเงินที่สั่งตัดไปวันก่อน เขาทักทายตอบแล้วเข้าเรื่องทันที
“นี่คือรายการเสื้อผ้าทั้งหมดที่คุณต้องตัดให้ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยื่นกระดาษจดโน้ตที่มีตราประจำคฤหาสน์เดลให้เขา กอร์ดอนรับมาแล้วทำตาโต “เยอะมากนะครับ”
“ใช่” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้าแล้วถอนใจ “พ่อไม่ชอบชุดที่ผมใช้ตอนอยู่อเมริกาเลยสักชุด แถมชุดเดิมที่เคยใส่ตอนอยู่นี่ส่วนใหญ่ก็คับหมดแล้ว คุณตัดไหวรึเปล่า? ผมมีที่ต้องรีบใช้อยู่สี่ห้าชุด”
เขาชี้นิ้วลงไปตรงเครื่องหมายดอกจันที่อยู่ด้านหลังรายชื่อชุดที่ต้องการตัด “อินเวอร์เนสโค้ทตัวนี้ด่วนที่สุดเลย ถ้าเป็นไปได้ขอก่อนวันพุธหน้า ส่วนที่เหลือไม่เกินปลายเดือน พวกนี้เป็นรายการเสื้อผ้าที่จะใส่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขอก่อนเดือนกันยา ตรงนี้ของฤดูหนาว ก่อนตุลาแล้วกัน”
กอร์ดอนกวาดสายตามองรายการชุดยาวเหยียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของชุด “คุณคงเป็นคนแรกที่สั่งตัดชุดกับผมใหม่ทั้งตู้แน่ๆ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมก็ไม่เคยคิดหรอกว่าวันนึงจะต้องถือรายการตัดเสื้อผ้ายาวเหยียดมาที่ร้านตัดเสื้อ คิดว่ามีแต่พวกผู้หญิงที่ทำกัน”
กอร์ดอนยิ้ม “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ท่าทางคุณจะตัวใหญ่ขึ้นมากกว่าตอนก่อนไปอเมริกา”
“คงงั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ชุดที่ขนไปตอนแรกผมทิ้งหมดตั้งแต่อยู่ได้ครึ่งปี บางชุดก็คับจนใส่ไม่ได้ บางชุดก็เกะกะเกินไป ใส่เวลาขี่ม้าไม่สะดวก”
“ที่นั่นไม่มีรถม้าหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย เพราะได้ยินลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าแต่เรื่องขี่ม้าตั้งแต่ตอนที่ไปสโมสรคราวแรก ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ
“มีน่ะมีหรอก แต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมืองโน่น บ้านอาผมอยู่นอกเมือง ใกล้เหมือง ที่นั่นขี่ม้าสะดวกกว่า ผมชอบการขี่ม้านะ คุณสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ไปพร้อมๆ กับม้า อยากไปไหนก็ไปได้เลย ตราบเท่าที่คุณสามารถบังคับม้าให้ไปได้”
กอร์ดอนนึกภาพตาม “คุณคงมีม้าที่ขี่ประจำอยู่ ใช่ไหมครับ?”
“มีสิ” เอิร์ลหนุ่มตอบ แล้วยิ้ม เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเมื่ออยู่ในต่างแดน “มันชื่อทรีเวอร์ เป็นม้าคลีฟแลนด์เบย์ สีน้ำตาลเข้ม มีรอยเหมือนถ่านป้ายตรงสะโพกสองข้าง ผมชอบมันมาก มันเป็นม้าที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ถ้ามันไม่อยากไปตรงไหน คุณบังคับยังไงมันก็ไม่ยอม แต่ก็ไม่เคยสลัดผมตกจากหลังนะ เสียดายที่ผมเอามันขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ อาคิดว่ามันไม่เหมาะกับลอนดอน”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า “ขี่ม้าในลอนดอนคงไม่เหมาะ แต่ถ้าเป็นในชนบทผมว่าน่าสนใจ”
“ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เวลาคุณไปที่ฟาร์ม คุณต้องใช้ม้า ผมชอบม้าไชร์มาก เคยนึกอยากลองขี่ดูเหมือนกัน แต่ไม่มีใครอนุญาต”
“ไชร์มันเป็นม้าเทียมรถลากนี่ครับ คุณจะไปอยากขี่มันทำไม ผมได้ยินว่ามันเดินช้ามาก”
“แต่มันตัวใหญ่ และสวยมากนะคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสายตาเป็นประกาย “สักวันผมต้องลองขี่มันให้ได้”
กอร์ดอนได้แต่ส่ายหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทผมตัดให้คุณทันก่อนวันพุธครับ ที่เหลือก็ตามกำหนดที่คุณว่า ผมจะให้คนเอาไปส่งให้ที่คฤหาสน์ ถ้าเกิดมีเหตุให้ล่าช้า ผมจะจดหมายแจ้งไป”
“อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ไว้ว่างๆ พวกเราไปเที่ยวตากอากาศกัน พ่อผมมีคฤหาสน์สองหลังอยู่ที่บาธ ที่นั่นสวยมาก เราจะนั่งรถม้ากันไป แวะพักระหว่างทาง ดื่มน้ำชาในร้านเล็กๆ ผมว่าต้องดีมากแน่”
กอร์ดอนตัดสินใจเก็บคำพูดที่ว่า ‘เขาคงไม่เหมาะจะไปเหยียบคฤหาสน์ตากอากาศของท่านมาร์ควิส’ เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ช่างตัดเสื้อหนุ่มยิ้มให้ฝ่ายนั้น แล้วพูดตอบไป “คงอีกนานแน่ครับกว่าผมจะว่าง ดูจากรายการเสื้อผ้าของคุณแล้วผมคงมีงานทำไปยันคริสต์มาส”
“ถ้าคริสต์มาสคุณยังตัดเสื้อให้ผมไม่เสร็จ ผมต้องหนาวตายแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมบอกคุณแล้วว่าขอก่อนตุลา คริสต์มาสคุณต้องตัดชุดใหม่เตรียมไว้ใส่ฉลองกับผม พวกเราจะยืนใต้เถามิสเทิลโท แล้ว...”
กอร์ดอนรีบหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาปิดปากลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ไม่ได้นะครับ พวกเราจะไม่ยืนใต้เถามิสเทิลโท”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงกระดาษโน้ตออกด้วยการจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ “แสดงว่าคุณไม่อยากจูบกับผมงั้นสิ”
กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายนั้น และตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วเรื่องต่อยมวยเป็นไงบ้างครับ? วันก่อนคุณยังเล่าผมไม่จบเลย”
“เออ ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “เพราะคุณสำลักเหล้ารัม ผมเลยไม่ได้เล่าต่อเลย”
กอร์ดอนมองค้อนฝ่ายนั้นทีหนึ่ง “งั้นเล่าสิครับ ผมอยากรู้ว่าคุณจะชกที่ไหน ยังไง”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวด้วยความดีใจ “ผมไปคุยมาแล้วเมื่อวันจันทร์ ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่ากำหนดการชกน่าจะอยู่ช่วงกลางเดือนหน้า อาจจะเป็นวันศุกร์ที่สิบเจ็ด ผมจะได้มีเวลาซ้อมประมาณเดือนนึง”
กอร์ดอนพยักหน้า “แสดงว่างานเลี้ยงดินเนอร์คราวนั้นคุณไปคุยเรื่องชกมวยนี่เอง”
“ผมเปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ “ลอร์ดควีนสเบอรี่เป็นคนเริ่มต่างหาก เขาอยากเห็นผมขึ้นชก ในฐานะที่พวกเรามีชื่อต้นเหมือนกัน”
กอร์ดอนหัวเราะ “แต่คุณดูเหมือนอยากขึ้นชกมวยมาแต่แรกเลยนะครับ ท่าทางตื่นเต้นมาก”
“ใช่ ผมอยากขึ้นชกมาตั้งแต่ตอนเรียนอีตันแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ชอบ ก็เลยไม่ได้ชกกับใครเป็นเรื่องเป็นราวเสียที”
“เป็นผมผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักเจ็บตัว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “งะ... งั้นหรือ คุณไม่อยากให้ผมขึ้นชกมวยหรือนี่”
“อ๊ะ เปล่าครับ” กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที “ผมหมายถึง ถ้าผมเป็นพ่อใครสักคน ผมคงไม่อยากให้ลูกชายไปชกมวยเหมือนกัน แต่ในฐานะเพื่อน”
“คนรักด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริม กอร์ดอนถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น พลางเหลือบมองซ้ายมองขวา “อย่าพูดสิครับ ผมอุตส่าห์ไม่พูดแล้ว”
คนถูกห้ามหัวเราะ “ในฐานะเพื่อนคุณคิดยังไงล่ะ?”
“ผมคิดว่าผมต้องไปดูคุณชกมวย” กอร์ดอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในฐานะเพื่อนผมต้องไปเชียร์คุณให้ถึงขอบสนาม”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงจนถึงใบหู เขาจับมือกอร์ดอนแน่นขึ้น “ผมก็อยากให้คุณไปดู... แต่... ผมกลัวตัวเองจะไม่มีสมาธิถ้าเห็นคุณด้วย”
กอร์ดอนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมเข้าใจแล้ว เหมือนตอนงานเต้นรำ อืม...” เขาส่งเสียงในคออย่างใช้ความคิด “งั้นผมคงต้องอยู่บ้าน”
“ไม่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “จอร์จบอกผมแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ คุณต้องไปนะ”
“ลอร์ดจอร์จน่ะหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม ผมคุยกับเขาเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ เขาบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องคุณให้ ยังไงคุณต้องไปนะกอร์ดอน ผมดีใจมากเลยที่คุณอยากไปดูผมชกมวย”
เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดไปหน้าแดงไปด้วยความดีใจ กอร์ดอนก็พลอยรู้สึกเขินไปด้วย “ผมคิดว่าจะหาเวลาไปดูคุณซ้อมด้วยนะ คุณซ้อมวันไหนที่ไหนหรือครับ?”
“ผมซ้อมทุกวัน เริ่มพรุ่งนี้ ตั้งแต่บ่ายสองถึงบ่ายสี่ ยกเว้นวันอาทิตย์ ที่สโมสรของลอร์ดควีนสเบอรี่ เดี๋ยวผมเขียนแผนที่ให้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนรีบส่งกระดาษกับปากกาให้เขา
“บอกชื่อกับคนเฝ้าประตูแล้วบอกเขาว่าคุณเป็นเพื่อนกับผม เขาจะให้คุณเข้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พลางยื่นกระดาษโน้ตคืนให้ “อย่าลืมนะกอร์ดอน คุณต้องไปให้ได้นะ”
“ครับ ทราบแล้วครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู “ผมคงต้องไปก่อน ผมมีธุระสำคัญ เจอกันที่สโมสรนะ”
“ครับ”
------------------------------------
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรถม้ากลับไปที่คฤหาสน์ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูหรูหรากว่าเดิม แล้วนั่งรถออกจากคฤหาสน์ ไปยังภัตตาคารหรูกลางกรุงลอนดอน
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น” ผู้หญิงผมสีแดงในชุดสีแดงพอๆ กับผมของเธอเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์หลังจากที่เขามานั่งรอที่โต๊ะยังไม่ทันถึงห้านาที ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายฝ่ายนั้น “สายัณห์สวัสดิ์มาร์กี้ ชุดนี้เหมาะกับเธอมาก นั่งสิ”
หญิงสาวคลี่ยิ้มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามคำเชิญของอีกฝ่าย “วันนี้คุณก็ดูดีกว่าตอนงานเต้นรำนะ”
ที่อยู่ตรงหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นลูกสาวคนเดียวของเอิร์ลบริสโตล เธอมีชื่อเต็มว่า มาร์กาเร็ต สจวต แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก ลอร์ดบริสโตลที่สนิทกับลอร์ดแอนโดเวอร์จึงมักพาเธอไปฝากไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์บ่อยๆ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอายุอ่อนกว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันสองปี แต่เธอมีความเป็นผู้นำและเด็ดขาดกว่าเขา และตอนเด็กๆ เธอยังตัวใหญ่กว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันด้วย ดังนั้นเวลาเล่นด้วยกันทีไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงมักจะเป็นฝ่ายร้องไห้อยู่เสมอ
“ผมมาคุยเรื่องจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ หลังจากบริกรรินน้ำชาจากไปแล้ว เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วพยักหน้า “ฉันชอบที่คุณเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้ ว่ามาเลยค่ะจอห์น จอร์จจี้อยากให้คุณพูดอะไรกับฉัน”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “จอร์จอยากให้คุณถอนหมั้น”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจ “จอห์น ใช่ว่าฉันอยากจะหมั้นกับเขานะคะ จอร์จจี้เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนในลอนดอนก็ไม่ควรแต่งงานด้วย ดูที่เขาทำแต่ละอย่างสิ เห็นแก่พระเจ้า ฉันน่ะโชคร้ายมากๆ ที่ถูกจับหมั้นกับเขา”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผมก็เห็นด้วยว่าใครที่แต่งงานกับจอร์จต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ แต่มาร์กี้ จอร์จไม่ชอบคุณ ถ้าคุณไม่ถอนหมั้นกับเขาชีวิตคุณจะต้องลำบากมากเลยนะ”
“เลดี้แอนโดเวอร์เหมือนแม้แท้ๆ ของฉันค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เธอยากให้ฉันดูแลจอร์จจี้ ฉันไม่อยากให้เธอผิดหวัง”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธอแล้วถอนใจ “ผมเห็นใจคุณนะมาร์กี้”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ทำไมจู่ๆ จอร์จจี้ถึงให้คุณมาพูดเรื่องนี้กับฉันคะ?”
“เขารู้สึกว่าคุณคอยรังควานเขาน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้คิดว่าคุณรังควานเขานะ เขาพูดทำนองว่าคุณเป็นคนคอยยุยงให้ผู้หญิงคนอื่นตีตัวออกห่างจากเขา”
“ฉันเปล่ายุยง” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันแค่บอกความจริง ทั้งไอรีน ทั้งแมรี่ พวกเธอควรจะได้รู้ว่าผู้ชายที่พวกเธอควงอยู่เป็นคนยังไง”
“พวกเธอรู้มั้ยว่าคุณเป็นคู่หมั้นของจอร์จ”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสั่นศีรษะ “พวกเธอไม่รู้ค่ะ จอร์จโกหกพวกเธอว่าเขายังไม่ได้หมั้น เขาไม่เคยสวมแหวนหมั้นบนนิ้ว ฉันเองก็ไม่เคยสวมเหมือนกัน แต่การหมั้นนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้แล้ว จะเร็วจะช้าพวกเราก็ต้องสวมแหวนอยู่ดี บางทีฉันก็คิดนะคะ ว่าทำไมเขาไม่ขอใครคนใดคนหนึ่งแต่งงานไปเลย ระหว่างแมรี่กับไอรีน ถ้าเขากล้ากว่านี้ มีความมั่นใจกว่านี้ ฉันกับคุณคงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายเรื่องของเขา”
“คุณคุยกับสองคนนั้นแล้วหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามต่อ “คุณบอกพวกเธอว่ายังไง?”
“โชคดีนะคะจอห์น ที่ฉันรู้จักคุณตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นคงได้ตบหน้าคุณแน่ๆ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเล็กน้อย “ผมแค่อยากรู้ ถ้าคุณไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมา” หญิงสาวว่า ก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกฉันคุยกับแมรี่ก่อน หลังจากงานเต้นรำ เพราะคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่าจอร์จจี้จงใจหลบหน้า บอกตรงๆ นะคะ จอห์น ฉันล่ะอายแทนเขาจริงๆ เขาต้องแอบเข้าออกงานเต้นรำอย่างกับขโมย เพื่อหลบผู้หญิงสองคน”
“สามต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทำหน้าตกใจ “ยังมีใครในนั้นอีกหรือคะ?”
“คุณไง”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจเฮือก “จอร์จจี้ไม่ชอบเจอหน้าฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ คุณไม่ต้องนับฉันรวมไปหรอก”
“เขาทำท่าเหมือนกลัวว่าคุณจะหึงเขาต่อหน้าเลดี้อีกสองคน”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเบิ่งตาสีเขียวของเธอด้วยความแปลกใจกว่าเดิม “จอร์จจี้คิดว่าฉันจะหึงเขาหรือคะ? เขาคงต้องผิดปกติแน่ๆ เขาคิดว่าฉันชอบเขาหรือไง?”
“แล้วคุณไม่เคยชอบเขาหรือ?”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตีหน้าบึ้ง “จอร์จจี้เป็นคนที่ฉันควรจะเกลียดด้วยซ้ำ เขาไม่มีส่วนน่ารักเลยสักที่ ฉันควรจะเกลียดเขา... ที่จริงแล้วฉันต้องเกลียด...”
จู่ๆ น้ำใสๆ ก็กลิ้งออกมาจากดวงตาของหญิงสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ เขารีบลากเก้าอี้เข้าไปใกล้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาหมายจะซับน้ำตาให้ฝ่ายนั้น เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตปัดมือเขาออกเบาๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา
“ขอโทษนะคะจอห์น ฉันแค่นึกถึงเรื่องที่ไม่ควรนึกขึ้นมา” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด และเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาแห้งไปจากใบหน้าของเธอแล้ว แต่ดวงตายังคงชื้นอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ
“ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดเองที่มาพูดเรื่องนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ดีแล้วที่คุณพูด” เลดี้สตวจว่า เธอสูดหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “ฉันจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง เป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน”
“อืม...”
เธอเว้นจังหวะไปอีกครู่ใหญ่ “จอร์จจี้เคยขอฉันแต่งงาน”
“?”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนหายใจ “ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุสิบหก พ่อฝากฉันไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์เพราะต้องเดินทางไปทำธุระที่สวิตเซอร์แลนด์ และไม่อยากให้ฉันอยู่ที่คฤหาสน์คนเดียว วันนั้นจอร์จจี้ออกไปสนุกกับเพื่อนๆ เหมือนทุกวัน เขากลับมาตอนสี่ทุ่ม ฉันกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยเปิดประตูออกมาดู เห็นเขาทะเลาะอยู่กับอเล็กซ์ วันนั้นเขาเมามาก ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยลงไปแยกทั้งคู่ออกมาแล้วพาจอร์จจี้ไปส่งที่ห้องนอน...”
เล่าถึงตรงนี้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็หน้าแดงขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พอจะเดาเรื่องต่อได้ทันที เขาจึงพูดแทรก “แล้วจอร์จก็ขอคุณแต่งงานตอนนั้น”
“ค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก้มหน้า ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด “เขาบอกว่าฉันน่ารักที่สุด เขาโชคดีที่ได้หมั้นกับฉัน”
“แสดงว่าเขารู้ว่าเป็นคุณ ไม่ได้เมาจนเข้าใจผิด”
“เขาเรียกชื่อฉันตลอด” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด แล้วยกมือปิดหน้า “โอ้... จอร์จจี้ ฉันควรจะรู้ว่าคุณก็พูดไปอย่างนั้นเอง”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่นิ่งอึ้ง เขาอยากจะปลอบเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง ไม่นานนักหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา ถอนหายใจยาว แล้วพูดต่อ “แต่พอรุ่งเช้าเขาก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน เขาผลุนผลันออกไป ทิ้งฉันเอาไว้อย่างนั้น ไม่พูดอะไรสักคำแม้แต่คำว่าเขาเสียใจ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”
“ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมรู้ว่าจอร์จนิสัยแย่กับเรื่องแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะแย่ขนาดนี้” ลอร์ดหนุ่มรู้สึกโมโหเพื่อนของเขาขึ้นมา “เขาควรจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็ควรจะขอโทษคุณถ้าเขาไม่ได้คิดอย่างที่ปากพูด”
เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตได้แต่ยิ้มเศร้าๆ “เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วจอห์น ช่างมันเถอะค่ะ ถ้าเขารักผู้หญิงสักคนแล้วกล้าขอเธอคนนั้นแต่งงาน ฉันก็จะยอมถอนหมั้น เพราะเขามีคนอื่นดูแลแล้ว”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปนาน เขาจับมือเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแล้วบีบเบาๆ
---------------------------------
(จบตอน)
** ดิฉันมีความภูมิใจนำเสนอว่า ตอนนี้ต้องเปิดเพลงนี้คลอไปด้วยจะได้ฟีลลิ่งมากค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=DCf46I-k0Ckฟีลลิ่งความเพ้อของลอร์ดคาเวดิช และความเหนื่อยใจของลอร์ดเฟลตัน ฮ่าๆ
.
ปล. จบตอนแอบหวั่นใจว่าลอร์ดเฟลตันอาจจะโดนปาหน้าได้ ใจเย็นๆ นะคะ ท่านลอร์ดต้องมีเหตุผล เราจะหากันต่อไปค่ะ
.
ปล.2 ตอนนี้เรื่อยเปื่อยมาก ฮ่าๆ