ตอนที่ 16
"เมี้ยวว"
เจ้าแมวขนฟูกระโดดขึ้นมาปีนป่ายบนตักของธาราอย่างออดอ้อน มันแหกปากร้องใส่เจ้านายที่กำลังงุ่นง่านกับการรัวนิ้วลงคีย์บอร์ดเสียงดังต๊อกแต๊ก แต่มันไม่สนใจหรอกว่ามนุษย์นั้นยุ่งขนาดไหน อุ้งเท้านิ่มๆเอาแต่ไต่กำแพงเนื้อจนในที่สุดก็นำหัวกลมๆนิ่มๆของมันไปถูไถปลายคางของธาราจนได้ และนั่นทำให้เขาต้องลดความสำคัญของงานตรงหน้าลงครู่หนึ่งเพื่อมาจัดการกับแมวเจ้าปัญหานี่
"จะเอาอะไรเนี่ย หิวหรือไง กินจนพุงย้วยหมดแล้ว" มือแกร่งขยุ้มลงบนพุงนิ่มๆย้วยๆของถุงเงินอย่างมันเขี้ยวก่อนจะลุกไปเทอาหารเม็ดใส่ชามอาหารสัตว์
ในขณะที่ช่วงนี้มีแมวตัวหนึ่งอ้อนเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แมวอีกตัวหนึ่งกลับระแวดระวังตัวจากธารามากขึ้น
ติณณ์แต่งตัวมิดชิดมากขึ้นทั้งๆที่ปกติก็ใช่สุดเรียบร้อยอยู่แล้ว ไม่เข้ามาคลอเคลียอย่างเดิมแล้ว ทั้งหมดเป็นผลมาจากที่ธาราแกล้งเด็กคนนี้เยอะไปหน่อย
ซึ่งติณณ์ก็รู้สึกย้อนแย้งกับตัวเองไม่น้อย ตอนแรกออกตัวกับอาธารไปว่าจะทำอะไรกับร่างกายเขาก็ได้แต่ห้ามถอดเสื้อ คนไร้เดียงสาก็คิดได้แค่ว่าจะทำอะไรได้นอกจากจูบกับหอมแก้มการกระทำเหล่านี้อยู่ในระดับที่เขาพอปรับตัวได้บ้าง แต่ไม่คิดว่าอาธารจะเจ้าเล่ห์เจ้ากล มาทำอะไรไม่รู้กับซอกขาอ่อนๆของเขาจนแทบจะหัวใจวาย
หรือมันเป็นเรื่องปกติของคนคบกัน? ไม่รู้สิ อย่างที่บอกไปว่าไม่เคยมีแฟน ไม่รู้ว่าเขาน่ะช้าเกินไปหรืออาธารเร็วเกินไป
เด็กคนนี้บอกว่าไม่ได้โกรธเลย เพียงแค่ตกใจเท่านั้น และขอเวลาตั้งตัวอีกสักหน่อย ในความหมายนี้ก็คือติณณ์ยังพูดคุยกับเขาปกติ จะผิดปกติก็แค่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ชิดเหมือนเดิม
แต่ธาราก็อดแหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้ เห็นปรางค์แก้มใสๆแล้วเป็นอันต้องเข้าไปฟัด พอคนตัวเล็กแสดงอาการตกใจก็อยากแกล้งให้พองขนขู่ฟ่อ แต่แมวตัวนี้ขู่ไม่เป็นหรอก ทำได้มากสุดก็แค่ดีดดิ้น ร้องเงี้ยวๆแล้วรีบขยับตัวหนี
"ไหนบอกว่าจะให้อาทำอะไรก็ได้ไง"
"อาธารขี้โกง"
"โกงอะไร ทำตามกติกาทุกอย่าง เสื้อไม่ถอด ไม่ปลอกเปลือกสักชิ้น"
"แต่...ฮื่อ" ติณณ์เถียงไม่ออกเพราะมันก็จริงตามที่อีกฝ่ายว่า ได้แต่ส่งเสียงตัดพ้อเล็กๆในลำคอ
"โอ๋ๆ ยอมรับก็ได้ว่าขี้โกง หลังจากนี้จะไม่โกงแล้วนะ"
"จริงนะครับ"
"อื้ม"
"จริงๆหรอ"
"จริงสิ ก็ติณณ์ตกใจนี่นา อาจะพยายามช้าลง ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ายังไม่พร้อมก็รอได้..." ธารายิ้มแบบมีลับลมคมใน "...แต่จะไม่รอนานหรอกนะ"
แม้คำพูดและท่าทางจะไว้ใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าอาธารรุกติณณ์น้อยลงจริงๆ
ไม่แน่ใจว่ากำลังยับยั้งชั่งใจอยู่ หรือเพราะช่วงนี้ทำงานหนักจนไม่มีเวลาแทะเล็มก็ไม่รู้
อย่างวันนี้อาธารก็บอกล่วงหน้าให้ทราบว่าจะอยู่ที่ไซต์งานจนเย็น ซึ่งนั่นเลยเวลาเลิกเรียนของนักเรียนไปแล้ว ติณณ์ไม่มีปัญหาเลยที่จะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง ดีใจด้วยซ้ำเพราะอย่างน้อยอาธารก็ไม่ได้สักแต่เอาใจเขาจนอีกฝ่ายต้องเดือดร้อน ไม่งั้นติณณ์คงรู้สึกแย่แน่ๆ
คนเรียนหนักก็มีความเหนื่อยล้าสะสมเช่นกัน ร่างบางพาตัวเองเข้าคอนโดมิเนียมลำพัง อุ้มเจ้าแมวขนนิ่มเข้าห้องนอน โอบกอดมันแทนความอบอุ่นของใครบางคน จากนั้นร่วงหล่นสู่ห้วงนิทราจากความอ่อนล้า
17.30 น. แกร็กๆ แกร็กๆ "เมี้ยววว เมี้ยววว!"
เสียงกรงเล็บที่ตะกุยประตูผสานกับเสียงเล็กแหลมของถุงเงินนั้นเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีให้กับเด็กที่นอนงัวเงียอยู่บนเตียง มันแหกปากร้องเพราะได้ยินเสียงประตูอีกบานที่คุ้นเคยได้เปิดและปิดลง เจ้านายของมันกลับมาแล้ว
ติณณ์กุลีกุจอก้าวเรียวขาลงจากเตียง เปิดประตูเพื่อปลดปล่อยอิสระภาพของตนและแมวไปพร้อมๆกัน เด็กหนุ่มเห็นร่างสูงกำลังนอนหลับบนโซฟาทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อสูท เนคไท และถุงเท้า เขาไม่เคยเห็นอาธารสลบด้วยสภาพเต็มยศขนาดนี้มาก่อนเลย
คงจะเหนื่อยแย่เลยสิ "ถุงเงิน อย่า!"
เจ้าแมวถูกเจ้านายคนที่สองของมันเอ็ดด้วยเสียงเบาๆ เพราะมันกระโดดขึ้นโซฟาเดียวกันกับที่มนุษย์ตัวใหญ่นอนอยู่ และเตรียมปีนป่ายภูเขาเนื้อแกร่งเพื่อสำรวจ แต่ก็ต้องล้มเหลวเพราะถูกมนุษย์ตัวบางอุ้มไปวางที่อื่นเสียก่อน ติณณ์กลัวว่าถุงเงินจะกวนใจจนอาธารตื่นขึ้นมาน่ะสิ
เนคไทสีเข้มที่ผูกเป็นปมอย่างดีมันทำให้คนมองรู้สึกอึดอัดแทน จะนอนพักทั้งทีก็อยากให้ถอดเสื้อสูท ปลดเนคไท ปลดกระดุมบนสักเม็ด ปลดเข็มขัดที่รัดทรวดทรงออกจะได้นอนสบายๆ แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนั่น ติณณ์ทำได้แค่เอื้อมมือไปแกะเนคไทให้คลายออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่กล้าไปยุ่มย่ามเครื่องแบบอื่นๆของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
แม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำให้อุณภูมิภายในห้องเย็นสบายมากแค่ไหน แต่ตามกรอบหน้าราวรูปปั้นของอาธารยังคงมีเหงื่อไหลเป็นเม็ดๆให้เห็น คงเหนื่อยมากสินะ ติณณ์อยากช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นบ้าง เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังอยู่ เวลาแม่เหนื่อยๆแบบนี้เขาชอบแอบพัดให้เบาๆ นำยาดมไปจ่อตรงจมูกจะได้สดชื่นขึ้น และตอนนี้ติณณ์กำลังทำแบบนั้นกับอาธาร
ปลายจมูกโด่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆจนเกิดเสียง กลิ่นหอมระเหยนำพาอวัยวะรับกลิ่นดอมดมต้นตอความหอม ปลายจมูกสัมผัสเข้ากับนิ้วเรียวแทนที่จะเป็นหลอดยาดม ลากไล้ไปถึงข้อมือเล็ก มือสากเอื้อมขึ้นมาประคองข้อมือนั้นแล้วกดจมูกลงไปจนจม สูดความหอมหวานเข้าเต็มปอดกระทั่งลืมตามามองเด็กดีที่ดูท่าทางตกใจ
"หอม"
หลอดยาดมของติณณ์กลายเป็นแท่งพลาสติกธรรมดาๆไปแล้ว เพราะอาธารเอาแต่ดอมดมข้อมือของเขาไม่หยุด
"อาธารดมยาดมอันนี้ดีๆสิครับ"
"ก็นี่ไง ยาดมของอา"
"นี่มันข้อมือติณณ์นะ อีกอย่างติณณ์ยังไม่ได้อาบน้ำเลย"
"หรอ แต่หอมชื่นใจออก ดมแล้วหายเหนื่อยเลย"
หายเหนื่อยจริงหรือเปล่า ถ้ามันทำให้อาธารรู้สึกดีขึ้นจริงๆล่ะก็ เขาดีใจมากเลยนะ อย่างน้อยตัวเองก็มีประโยชน์สำหรับใครบางคนสักที แม้ว่าจะแค่เล็กน้อยก็ตาม ติณณ์อยากทำให้อาธารหายเหนื่อยแบบนี้ทุกวัน
หลังจากวันนั้น เด็กหนุ่มพยายามหาข้อมูลว่าสบู่ยี่ห้อไหนให้กลิ่นหอมมากที่สุด พอกดเข้าไปในกระทู้หนึ่งก็พบว่าหลายๆความเห็นแนะนำสบู่กลิ่นผลไม้ยี่ห้อเดียวกัน ติณณ์เลยไปหาซื้อมาใช้บ้าง และวันนี้เขาต้องกลับบ้านก่อนอาธารเช่นเคย กะเวลาอาบน้ำให้เหมาะสมแล้วรีบใช้สบู่กลิ่นใหม่ที่ซื้อมาด้วยความตื่นเต้น
หอมสดชื่นจริงๆด้วย
ถ้าให้อาธารได้ดมข้อมืออีก ต้องชื่นใจกว่าเมื่อวานแน่ๆ
ติณณ์อาบน้ำสระผมจนตัวเองหอมฟุ้ง อยากให้อาธารได้ดมจะแย่อยู่แล้ว แต่พออีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามา เขากลับไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี อาธารครับมาดมข้อมือติณณ์เร็ว แบบนี้คงจะแปลกไปหน่อยไหม
คนตัวหอมไม่รู้จะพูดอะไรยังไง เลยใช้วิธีเอาตัวเข้าไปคลอเคลียแทน ทำเอาธาราต้องแปลกใจว่าติณณ์มาไม้ไหนอีก ก่อนหน้านี้ยังหวงเนื้อหวงตัวอยู่เลย ตอนนี้กลับมาอ้อนเอาๆ เด็กคนนี้ชอบให้ลูบศีรษะก็ลูบแล้ว ลูบหลายครั้งด้วย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดอ้อน แถมยังมองมาเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่กล้าพูด
"อ้อนจะเอาอะไรเนี่ยเรา สารภาพมาเสียดีๆ"
อะไรกัน ไม่เนียนหรอกหรอ นอกจากอาธารจะไม่ได้ทักถึงกลิ่น แถมยังต้องมาพูดตรงๆกับอีกฝ่ายเองอีกต่างหาก
"ติณณ์ซื้อสบู่มาใหม่" ข้อมือเล็กถูกยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย "อยากให้อาธารดมว่าหอมไหม..."
"หืม?"
"ก...ก็เห็นเมื่อวานอาธารบอกว่า...เอ่อ..."
อ้อ พอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว
เมื่อวานที่ชมว่าติณณ์ข้อมือหอมชื่นใจ วันนี้เลยไปซื้อสบู่มาใหม่ อยากให้อาธารคนนี้ได้สดชื่นอย่างเมื่อวานงั้นสิ?
มันน่าไหมล่ะ มันน่ารักให้แรงๆสักทีไหมล่ะ ธารารับข้อมือนั้นมาประคองไว้ แล้วแตะปลายจมูกลงไปรับกลิ่นหอมหวานของผลไม้สักชนิด ให้เดาว่าคงเป็นส้ม จมูกโด่งสูดดมบริเวณชีพจรนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเคลื่อนปลายจมูกไปที่ท้องแขน ต้นแขน ลามมาถึงต้นคอขาวๆที่ดูเหมือนจะมีกลิ่นรุนแรงเป็นพิเศษ
"ฮื่อ!"
เจ้าของร่างน้อยๆหลุดเสียงประหลาดออกมาเมื่อธารกดจมูกลงที่ลำคอระหงนั้น เขาจำได้ดีว่านี่คือจุดอ่อนของติณณ์ ลมหายใจอุ่นร้อนจงใจเป่ารดลงบนผิวเนื้อเนียนๆนั่นทั่วบริเวณ จนร่างกายนี้ต้องขยับยุกยิกเพราะสัมผัสชวนจั้กจี๊ อดไม่ได้ที่ต้องฝังจมูกลงไปให้จมเนื้อนุ่ม สูดดมความหอมหวานจากผู้เยาว์แสนบริสุทธิ์ ปัดป่ายปลายอวัยวะรับกลิ่นไปมาอย่างที่เรียกว่า'ฟัด'ด้วยความมันเขี้ยว
"หอมมาก" เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูนิ่มๆจนขนอ่อนต้องลุกขึ้นเกรียว
เพียงแค่นี้ก็รู้สึกหายเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว
ใจจริงอยากจะขบกัดให้คอขาวๆนี่ขึ้นรอยด้วยซ้ำ แต่พรุ่งนี้ยังคงต้องไปโรงเรียนสินะ ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะสร้างรอยบริเวณนี้นัก
อย่าให้ถึงโอกาสเหมาะๆเชียวล่ะ
พ่อจะกัดให้แดงไปทั้งตัวเลยคอยดู... วันต่อมา เป็นวันที่ติณณ์เองไม่มีเวลาอ้อนอาธารเท่าไหร่ เพราะว่าพรุ่งนี้มีสอบวิชาชีววิทยาเพื่อนรัก เขาเองก็ต้องอ่านหนังสือทบทวน
ที่ช่วงนี้อยากกลับมาอ้อนเพราะเห็นอาธารเหนื่อยทุกวัน กลับบ้านช้า นอนก็ดึกกว่าเดิม มันออกจะย้อนแย้งอีกแล้ว ตอนเขาจะเล่นด้วยติณณ์ก็กลับหนี แต่พอเขาไม่ว่างก็อยากจะไปคลอเคลีย
ไม่ได้อยากรบกวนหรอก เพียงอยากให้อีกฝ่ายได้คลายเครียดบ้าง
คืนนี้เป็นคืนที่ต่างฝ่ายก็ต่างอยู่ในมุมของตัวเอง อาธารนั่งทำงาน ส่วนติณณ์ก็นั่งอ่านหนังสือ จนเวลาล่วงเลยไปเที่ยงคืน อันที่จริงเขาอ่านหนังสือเสร็จไปตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อ่านทบทวนเท่านั้น อ่านซ้ำๆไปเรื่อยๆจนกว่าอาธารจะทำงานเสร็จ เขาอยากนอนพร้อมกับอาธาร
"ติณณ์ อ่านหนังสือจบหรือยัง" ธาราละสายตาจากจอมาถามคนในความดูแล เมื่อเห็นว่าขณะนี้ดึกพอสมควรแล้ว
"จบแล้วครับ"
"งั้นไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ"
"แล้วอาธารล่ะครับ..."
"งานยังไม่เสร็จน่ะ แต่อีกไม่เยอะหรอก ติณณ์นอนก่อนได้เลย"
ติณณ์รู้ว่าถ้าเขายังดื้อด้านนั่งแช่อยู่ตรงนี้ ต้องโดนดุแน่ๆ สุดท้ายก็ได้แต่ทำใจเดินเข้าห้องนอนไปคนเดียว
เมื่อไหร่อาธารจะได้พักบ้างนะ... เวลาล่วงเลยไปตีหนึ่งเกือบจะตีสอง
ธาราเก็บกวาดงานของตัวเองบนโต๊ะให้เรียบร้อย บิดขี้เกียจคลายเมื่อยประมาณสองสามท่า พักนี้นอนดึกติดต่อกันหลายวันเลยรู้สึกล้า แต่มันเป็นเรื่องปกติ ยิ่งอายุมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งเหนื่อยเป็นธรรมดา
ร่างสูงอาบน้ำชะโลมกายให้ไร้เหงื่อ ไร้ความเหนียวตัว จากนั้นก็เปิดประตูห้องนอนอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนนอนหลับจะตื่น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น แสงไฟเล็ดลอดออกมาจากในห้องทันทีที่บานประตูถูกแง้ม พอเปิดเข้าไปก็พบว่าเด็กน้อยยังนั่งตาแป๋วอยู่เลย
"อ้าว ทำไมยังไม่นอนล่ะ" ธาราเอ่ยถามขณะที่นั่งลงข้างๆเด็กคนนี้
"รออาธารครับ"
"รอทำไม ไม่ต้องรอ เดี๋ยวก็ตื่นไปโรงเรียนไม่ไหวหรอก"
"อาธารก็เหมือนกันครับ เดี๋ยวก็ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก"
"ไม่มีทาง ระดับนี้แล้ว อาชินแล้ว"
"ติณณ์อยากให้อาธารหาเวลาพักบ้าง กลัวว่าจะป่วยเหมือนคราวก่อน" ติณณ์ว่าเสียงซึม "ติณณ์แค่เป็นห่วง"
ธารานิ่งไปสักพัก
เขารู้สึกดีทุกครั้งที่เด็กคนนี้แสดงความเป็นห่วงเป็นใย
"พักไม่ได้หรอก ช่วงนี้งานเยอะน่ะ แถมพวกตัวใหญ่ๆยังจับตามองด้วย"
"พวกตัวใหญ่ๆ?"
"คนตำแหน่งสูงๆน่ะ" เขาอธิบาย "ยิ่งตั้งใจทำเท่าไหร่ ผลงานออกมาน่าพอใจเท่าไหร่ โอกาสได้เลื่อนตำแหน่งก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น"
"แต่เป็นระดับหัวหน้าแผนกก็เก่งแล้วนะครับ"
"เรารู้ได้ยังไงเนี่ย"
"พี่ซีบอกมา"
"อ๋อ...อืม นั่นแหละ แต่ก็ไม่เก่งขนาดนั้นหรอก มีคนอื่นๆที่อายุน้อยกว่านี้ทำตำแหน่งนี้ก็มีถมเถไป มันขึ้นอยู่กับโอกาส จังหวะ และอะไรหลายๆอย่าง"
"ไม่จริง อาธารเก่ง เข้ามาทำในบริษัทดังๆได้ก็สุดยอดแล้ว"
"ไม่หรอกติณณ์ เข้ามาได้เพราะมีเส้นสายกับอาไตรภพเขาน่ะ ซึ่งอาภพเขาก็ใช้เส้นสายมาอีกทีเหมือนกัน แต่ตอนนี้อาไม่ได้พึ่งพาความเส้นแล้ว ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่แบบที่ตัวเองไม่ชอบเมื่อตอนเด็กๆน่ะ...ติณณ์ห้ามทำแบบอานะเข้าใจไหม"
"ครับ แต่อาธารเท่จังเลยที่คิดได้"
"ไม่เท่หรอก รู้ไหมเมื่อสมัยอาเด็กๆน่ะ พ่อแม่ของอากับพ่อแม่อาภพสนิทกัน อาภพเรียนเก่งมาก เก่งจนพ่อแม่อาชอบเปรียบเทียบบ่อยๆ ตอนนั้นน่ะโคตรน่ารำคาญ แต่อาภพเขาดีกับอานะคอยช่วยเหลือตลอด รวมถึงตอนดึงตัวเข้าทำงานด้วย"
"..."
"แต่ไม่รู้สิ เป็นเพราะเมื่อก่อนโดนเปรียบเทียบบ่อยๆมั้ง เลยมีความอยากเอาชนะอยู่ลึกๆ ก็เลยอยากจะเลิกใช้วิธีลัด ถ้าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยตัวเองคงน่าจะภูมิใจกว่าตั้งเยอะ ว่าไหม"
"อ๋า..."
"ไม่ต้องสงสารนะ อาไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วล่ะ มันเลยจุดที่จะน้อยใจพ่อแม่ไปตั้งนานแล้ว ก็อายุปูนนี้แล้วนี่เนอะ อีกหน่อยติณณ์ก็จะเข้มแข็งแบบนี้เหมือนกัน"
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ติณณ์เพิ่งเคยรู้
อาธารโดนเปรียบเทียบมาตลอดเลยหรือ? กดดันมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยหรือเปล่า? อาธารไม่เคยบ่น ไม่เคยแสดงอาการว่าท้อแท้ออกมาเลย หรือว่าเป็นเพราะเลยจุดที่จะอ่อนแอแบบที่อาธารบอกมา
แล้วตอนที่ยังอยู่ในจุดอ่อนแอล่ะ มีใครให้กำลังใจหรือเปล่า
ติณณ์ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่ออาธารบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แล้วอาธารยังต้องการกำลังใจอยู่ไหม ยังไงดีล่ะ ขนาดปลอบใจตัวเองยังทำไม่เป็น แล้วเขาจะไปปลอบใจให้คนอื่นที่อายุมากกว่าได้อย่างไร
ก็อย่างที่บอกไป ติณณ์ไม่ถนัดพูด แต่ถนัดทำมากกว่า
จุ๊บ "!?"
ธาราตกใจไม่น้อย เมื่อกลีบปากสีสวยนั่นเข้ามางับๆริมฝีปากของเขาเบาๆ เบาเหมือนแมวงับเจ้าของเล่นๆ
ติณณ์ไม่เคยจูบเขาก่อน...
"ติณณ์ จะทำอะไร"
"เติมพลังให้อาธาร"
"!?"
"เห็นพักนี้เหนื่อยๆ อยากให้อาธารมีความสุขบ้าง อาชอบจูบใช่ไหม งั้นวันนี้ติณณ์จะยอมให้วันนึง...อะ...อื้อ!"
กลีบปากบางๆที่เคยเจื้อยแจ้วถูกบดเบียดเข้ามาตามคำเสนอ เด็กน้อยเผยอปากออกอัตโนมัติโดยไม่ต้องรอคำสั่ง นี่ไม่ใช่จูบแรกแต่มันก็อดจิกบ่าแกร่งไม่ได้เมื่อลิ้นอุ่นลัดเลาะเข้ามาในโพรงปาก คราวนี้ธาราไม่เร่งรีบ เขาตั้งใจละเลียดลิ้มรสน้ำหวานที่รสเยี่ยมยิ่งกว่าน้ำผึ้งไหนๆ ดูดดื่มแล้วได้พลังยิ่งกว่ายาชูกำลังใดๆ
ติณณ์ไม่ลืมสิ่งที่อาธารสอน เขาผ่อนลมหายใจตัวเองเพื่อยื้อจูบนี้ไว้ ตวัดลิ้นตอบรับไปบ้างแม้ไม่ชำนาญการเท่าอีกคน เขาพยายามมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเพราะต้องการเอาใจ และโชคดีที่จูบครั้งนี้ค่อนข้างจะอ่อนหวาน ทำให้ไม่ได้สำลักลมหายใจอย่างไวเหมือนคราวก่อน
เรียวลิ้นกวาดควานน้ำหวานชื่นใจกลืนลงคอ เสียงร้องอื้ออึงยิ่งทำให้ธาราไม่จะหยุดลิ้มรสกลีบปากนี้ ติณณ์น่ารัก ตัวเองอ่อนประสบการณ์จนจะตั้งหลักไม่ไหวแต่ยังยอมให้ดูดดื่มเพราะอยากให้อาธารคนนี้ได้เติมพลัง น่าเสียดายที่ต้องมีพักยกเป็นระยะ ไม่งั้นคงได้จูบมาราธอนจนเช้า
"ทำไมวันนี้ใส่เสื้อตัวนี้" ธาราเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กดีของเขาใส่เสื้อคอกว้างเป็นพิเศษ
"เผื่ออยากหอมแบบเมื่อวานไงครับ จะได้ถนัดๆ"
ติณณ์พูดออกมาอย่างซื่อๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่เลย แค่เห็นว่าอาธารทำแบบนั้นแล้วดูมีความสุขดีเลยอยากช่วยให้มันสะดวกมากขึ้นเท่านั้นเอง
ยั่วตาใส ธารานิยามคำๆนี้ให้ติณณ์ได้คำเดียว
นิ้วสากเกี่ยวคอเสื้อลงไปบริเวณหน้าอกเพื่อพิสูจน์ว่าคอเสื้อนี้มันกว้างขนาดไหน และพบว่ามันกว้างขนาดที่ว่าถ้าปล่อยให้คอเสื้อย้วยลงมาแบบนี้ มันเกือบจะปกปิดเม็ดทับทิมไม่มิดอยู่แล้วเชียว
อย่างกับเหยื่อที่โดนล่าหนักๆจนตกใจหนี พอนักล่าหมดแรงก็เกิดสงสารขึ้นมา เอียงคอให้กินแบบนี้เลยเนี่ยนะ
ไม่รู้จะเรียกว่าน่ารักหรือน่าตีดี จะมีใครบ้างที่ทำกับเขาแบบนี้ ยิ่งติณณ์เป็นห่วงเขา ยิ่งทำตัวน่ารักกับเขา มันยิ่งทำให้ธาราหวงเด็กคนนี้เข้าไปใหญ่ เขากลัวว่าวันนึงใครจะมาแย่งความน่ารักนี้ไป
อยากแสดงความเป็นเจ้าของจนจะแย่อยู่แล้ว
ประทับรอยหนักๆตรงซอกคอนั่นเสียเลยน่าเข้าท่าไม่น้อย
Rrrrrrrrr เสียงระบบโทรฟรีจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นขัดจังหวะเวลาชิมของหวาน และมันไม่ใช่ของธารา แต่เป็นติณณ์ที่ต้องหันไปกดรับสาย อะไรกัน กำลังจะเข้าได้เข้าเข็มแท้ๆกลับมีมารผจญมาขัดจังหวะเสียได้
"ครับพี่ซี"
มารผจญที่ว่า เป็นไอ้เด็กฝึกงานคนนั้นอีกแล้วหรือ
[คิดว่านอนแล้วซะอีก หรือว่าพี่ปลุกติณณ์หรือเปล่า]
"ผมยังไม่นอนครับ พี่ซีมีอะไรหรอ"
[เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไม่สิ วันนี้หลังเลิกเรียนพี่ไปหาได้ไหม พอดีมีของจะให้]
"ของอะไรหรอครับ"
[ตอบมาก่อนว่าว่างหรือไม่ว่าง]
"ว่างครับ"
[โอเค เดี๋ยวจะไปเซอร์ไพรส์]
"เซอร์ไพรส์อะไร เซอร์ไพรส์ทำไมหรอครับ"
[เดาไม่ออกจริงๆหรอเนี่ย วันๆดูปฏิทินบ้างหรือเปล่า]
"อ๋า..."
[แต่ไม่รู้น่ะดีแล้ว จะได้ตื่นเต้นไง แต่เอาเถอะ พี่ไม่กวนเราละ นอนๆ ฝันดีนะติณณ์]
"ด...เดี๋ยวสิครับพี่ซี ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮัลโหล...ฮัลโหล"
ธาราไม่ตั้งใจจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่เสียงลำโพงมันดันไม่ได้เบาอะไรนัก เลยพอจะได้ยินว่าทั้งคู่สื่อสารอะไรกันบ้าง
ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียนงั้นหรอ
เห็นทีต้องพานักศึกษาฝึกงานไปฝึกประสบการณ์ที่ไซต์งานบ้างแล้วล่ะมั้ง... (ต่อข้างล่างงับ)