เสียงเคาะนิ้วลงที่โต๊ะเป็นจังหวะดังขึ้นสองครั้งก่อนที่ปอจะเงยหน้ามองคนที่ยืนสวยอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเอง เขารีบลุกขึ้น “สวัสดีครับคุณมิตรา” เวลาที่อยู่ในคราบของเลขาหน้าห้องธรรมดาเขาต้องเป็นคนเรียบร้อยอบอุ่น มีแต่ต่อหน้าเจ้านายของเขาเท่านั้นที่รู้ว่างานจริงๆที่คุณนาคินฝึกเขามาคืออะไร
งานของเลขาส่วนตัวของเจ้าสัวคนเล็ก....มือขวา
“ฉันมาโดยไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน ไม่รู้เจ้านายเธอจะยอมให้เข้าพบไหม”
“คุณมินตรารอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะขออนุญาตให้” ปอว่าแล้วขยับออกจากโต๊ะกำลังจะเชิญเธอไปนั่งรอที่ชุดรับแขกด้านข้าง หากแต่เธอฉวยแขนของเลขาหนุ่มไว้ก่อน “เช้านี้เขาอารมณ์ดีไหม ยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่า”
“โกรธ?” ปอทำท่านึกก่อนจะบอกออกมา “ครับ คุณเอสอารมณ์ไม่ดี แต่ผมว่าคง...” ไม่ได้โกรธ
“เขายังโกรธฉันเรื่องคูเปอร์สินะ”
“หา?”
“เขาโกรธฉันเรื่องคูเปอร์ เป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ยอมลงให้กันเลย ไม่ว่าจะง้อยังไงก็ไม่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ โทรหาก็พูดจาเย็นชาด้วย ฉันกลุ้มใจจริงๆนะ”
“นายโกรธคุณเรื่องคูเปอร์หรือครับ”
“ใช่สิ เจ้าหมานั่นไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็สำคัญอยู่ดี ตั้งแต่ที่ฉันเคยไปคฤหาสน์นั้นเป็นครั้งแรก แค่ฉันทำท่าจะอุ้มมันยังโดนเขากวาดสายตาใส่เลย ไม่จำแท้ๆวันก่อนยังถือวิสาสะพามันไปจูงเล่นก็เลยโดนเข้าแบบนี้แหละ” เธอร่ายยาวออกมาอย่างน่าสงสาร ในตอนแรกปอทำท่าว่าจะแก้ตัวให้เจ้านายของตัวเอง ทว่าฟังเธอพูดถึงเรื่องที่ทำให้เจ้านายเขาไม่พอใจปอก็อับจนปัญญา
ก็คูเปอร์มันเป็นยิ่งกว่าหัวใจของเจ้านายเขาเสียอีก
“ไม่หรอกครับ คงเครียดเรื่องงานมากกว่าเดี๋ยวคุณมินตรารอสักครู่นะครับ ผมจัดการให้”
“ไม่ดีกว่า”
เธอฉวยแขนเขาไว้อีกครั้งแล้วส่ายหน้า ก่อนยื่นสิ่งที่ถือขึ้นมาด้วยให้ “ฉันรบกวนเธอเอาของสิ่งนี้ให้เขาหน่อยได้ไหม คิดว่าพบตอนนี้เขาก็คงจะเย็นชากับฉันอยู่ดีนั่นแหละ บอกเขาด้วยว่าฉันจะต้องไปถ่ายแบบที่หัวหินสองสามวัน”
“เอ่อ จะดีเหรอครับ คุณมินตราทำไมไม่เข้าไปบอกเอง” คุณเป็นคู่หมั้นเขานะ
“มินต์ไม่กล้าน่ะ แบบนี้แหละดีแล้วให้เขาอารมณ์เย็นขึ้นกว่านี้ก่อนดีกว่า ปรเมทช่วยเอาขวดโหลนี่ให้เขาทีละกันไว้เดี๋ยวฉันจะโทรมาถามว่าเอสเขาเอามันตั้งไว้ที่ไหน บอกเขาด้วยว่าฉันทำเอง รบกวนเธอด้วยแล้วกันนะปรเมท” เธอเดินฉับๆออกไปแล้ว ปอมองขวดโหลที่อยู่ในมือก่อนจะเห็นพนักงานผู้ช่วยเขาอีกคนเดินถือแก้วน้ำชากับของว่างเข้ามา
“เปลี่ยนเป็นกาแฟให้นายท่านแล้วกัน คุณมินตราเธอกลับไปแล้วล่ะ”
เขาสั่งพนักงานไปแบบนั้น รออยู่สักครู่พอกาแฟมาพร้อมปอก็รับถาดมาถือไว้เองโดยวางขวดโหลคุ๊กกี้รสใบเตยสีเขียวอ่อนลงข้าง ๆ ก่อนเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปด้านใน
“กาแฟครับ”
เอสเพียงแค่ละสายตาออกจากแฟ้มงานบนโต๊ะ เขาเหลือบมองปอแค่เพียงแวบเดียวไม่ได้ตอบรับอะไร ปอวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะพร้อมกับขวดขนมสีสวยข้างๆกัน
“เมื่อสักครู่คุณมินตรามาครับ เธอฝากขนมขวดนี้ไว้ให้คุณ”
..เงียบ..
เจ้านายของเขายังก้มอ่านเอกสารบางอย่างต่อ หน้าตาเฉยๆไร้อารมณ์แบบนี้ล่ะที่เขากลัวมากที่สุด
“มีธุระอะไรอีก”
“ไม่มีครับ” ตอบรับแทบจะทันที ก็เสียงถามดูจริงจังเสียขนาดนั้น
“ไม่มีก็ออกไปได้แล้ว กูจะทำงาน”
“ครับ” เลขาหนุ่มโค้งศีรษะลงให้อย่างสุภาพเขากำลังจะหันหลังเดินออกไปทว่าเสียงทุ้มของเจ้านายดังขึ้นก่อน “เอาถาดกาแฟของมึงออกไปด้วย ทีหลังไม่ได้สั่งไม่ต้องเอาเข้ามา”
“ขอโทษครับ” ปอรีบกุลีกุจอเอาแก้วกาแฟใส่ถาดจะยกออกไป เอสตวัดสายตาขึ้นมองเขาอีกรอบ
“ขวดโหลนี่ก็เหมือนกัน เอาออกไปด้วยพร้อมกันเลย”
“แต่ว่าคุณมินตราเธอ..” เป็นคู่หมั้นของคุณ แล้วยังทำขนมมาให้คุณอีกนะ ใจร้ายชะมัด
เอสถอนหายใจยาวเหยียดก่อนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปนั่งอยู่ที่โซฟาบุนวม ชุดรับแขกอย่างดีอีกฝั่งหนึ่งของห้อง เขาจับรีโมทขึ้นมา
“ผมว่าถ้าวางไว้ในห้องเธอคงจะดีใจครับ เธอบอกว่าเธอทำมาเอง แล้วก็อยากจะขอโทษคุณเรื่องของคูเปอร์...ด้วย”
ยังพูดไม่ทันจบเสียงเพลงวันคริสมาสต์ดังลอดออกมาจากทีวี ตามมาด้วยเสียงคุ้นเคยของเพื่อนสนิทที่สุดของเขาแล้วจากนั้นก็เป็นเสียงเห่าของคูเปอร์ ปอไม่ต้องมองดูก็พอรู้ว่านายของเขาเปิดคลิปอะไรดู
“จะเอาวางไว้ที่ไหนก็ตามใจ มึงคิดให้กูแล้วกัน”
ช่วงบ่ายของวันนั้น ประมุขน้อยของรัชชามีนัดเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจกับบุคคลสำคัญทางการเมืองที่ห้องรับรองใหญ่ชั้นรองลงมา กว่างานเจรจาจะเสร็จสิ้นปาเข้าไปบ่ายสามกว่าๆ เสียงรองเท้าหนังมันปลาบกระทบกับพื้นหินขัดดังไปก้องทางเดินหรูหราที่ทอดยาวไปถึงห้องใหญ่สุดของชั้นนี้
“สั่งดอกไม้ให้ตามที่บอกไว้หรือเปล่า”
“ครับ กุหลาบสีแดงช่อใหญ่” เหมือนเดิม
เมื่อเวลาบ่ายสี่โมงมาถึงดอกไม้ช่อสวยก็มาส่งให้ถึงที่ชั้นล่างตามคำสั่งของเลขาท่านประธาน พนักงานประชาสัมพันธ์เอาขึ้นมาส่งให้ที่หน้าห้องด้วยตัวเอง พักนี้เธอชินกับการถือดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะเลขาท่านประธานเสียแล้ว เคยลองถามว่าเป็นของใครคุณปอก็บอกแค่ว่าเป็นของนาย พอเธอรุกหนักเข้าว่านายสั่งมาให้คุณมินตราหรือ ปอก็เพียงยิ้มแหยๆให้เธอ
“ใครกันน๊า คนโชคดีคนนั้น”
โชคร้ายล่ะสิไม่ว่า ปอได้เพียงแค่นึก เพราะเอาเข้าจริง ๆ เขายังนึกไม่ออกว่าเอสส่งดอกไม้ให้ใครแทบจะทุกวัน ช่วงเย็นเขามักจะโดนสั่งว่าไม่ต้องขับรถให้ เพียงแต่ถือดอกไม้ไปวางไว้ให้ที่หลังรถแค่นั้นก็จบ
ปอไม่เคยรู้เลยจริง ๆ รู้แค่ว่าที่แน่ๆ ไม่ใช่มินตรา
“คุณเอสครับดอกไม้มาแล้ว ผมเอาวางไว้ตรงนี้นะครับ”
ปอค่อยวางช่อดอกไม้ลงที่โต๊ะกระจกเล็กๆหน้าชุดรับแขก เพื่อรอเวลาหลังเลิกงานจึงจะเป็นหน้าที่เขานำไปใส่ไว้ในรถ เอสไม่ได้เหลือบมองเขาด้วยซ้ำ
แม้แต่ช่อดอกไม้ก็ยังไม่ได้ชายตามอง
ตอนนี้ร่างสูงสง่าหลังโต๊ะไม้สักทองตัวโตกำลังนั่งดูรายงานสรุปที่เขาเพิ่งทำส่งให้ ปอจึงออกไปนั่งทำงานของตัวเองต่อเช่นกัน แต่ทว่า เพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์สายภายในก็ดังขึ้น เขาฉวยหูโทรศัพท์ขึ้นมารับขณะสายตายังโฟกัสอยู่ที่หน้าจอใหญ่ของเครื่องคอมพิวเตอร์
“เธอบอกว่าชื่ออะไรนะ” ปอขมวดคิ้วนิดๆทวนคำถามลงไป เพราะที่ฟร้อนท์โทรขึ้นมาแจ้งว่ามีคนมาขอเข้าพบท่านประธาน ยื่นบัตรแสดงตัวเรียบร้อย ที่สำคัญมีบัตรผ่านสีทองด้านหลังมีลายเซ็นต์ของนายใหญ่ชัดเจน นี่เป็นบัตรผ่านของคนพิเศษที่เอสจะให้ไว้แค่บางคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็มีเขากับเพื่อนสนิทของเจ้านายแค่ไม่กี่คน มันมีความหมายว่าจะขึ้นมาพบเมื่อไหร่เวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น
“เธอชื่อโบว์ค่ะ บอกว่าไม่ได้นัดไว้ แต่เห็นบอกว่าถ้าบอกชื่อเธอกับท่าน ท่านจะรู้จักแน่นอนค่ะ”
“เดี๋ยวผมลงไป”
ปอวางงานในมือลงทันที ไม่รู้หรอกว่าคนที่มาขอพบเป็นใครแต่ด้วยมารยาทและไม่อยากให้ผู้หญิงต้องรอนาน ยิ่งพีอาร์คนสวยกระซิบบอกมาว่าเธอใส่ชุดนักศึกษามาด้วยเขายิ่งต้องรีบลงไป
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแปลกๆ
“สวัสดีค่ะ” พอลงไปถึงเห็นคนที่มาขอพบนั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขกแล้ว โบว์ลุกขึ้นสวัสดีขณะที่ปอกวาดสายตาครั้งเดียวสำรวจความเรียบร้อยทุกอย่างของเธอ
กระโปรงสั้นไปนิด
“นี่บัตรค่ะ” มือเล็กยื่นบัตรแข็งสีทองมันวาวส่งให้ ปอพลิกดูที่ด้านหลัง รอยลายเซ็นต์ของนายเขาแสดงชัดเจน รู้สึกคุ้นหน้าเธอพอสมควรแต่ก็คิดว่านักศึกษาคนไหนๆเดี๋ยวนี้ก็สวยเหมือนกันไปหมด หน้าตางดงามหมดจด ผิวพรรณขาวสะอาด แต่เอาจริง ๆ อยากพูดเหลือเกินว่า แบบนี้ไม่ใช่สเป็คเจ้านายเขาสักนิด ผู้หญิงที่เอสเลือกควงไม่เปรี้ยวจี๊ดก็สวยจนหยาดเยิ้ม หน้าตาที่เรียกว่าน่ารักแบบนี้มันดูธรรมดามากเกินไป แต่เขาก็อดสงสัยในบัตรสีทองนั้นไม่ได้
ขนาดมินตราคู่หมั้นยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนั้นเลย
“คุณนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมรายงานเจ้านายให้” พอขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของตัวตึก ปอเชิญให้เธอนั่งรอที่ชุดรับแขก อดสังเกตสายตาเธอไม่ได้เพราะตลอดทางที่เดินมาเธอดูตื่นเต้นจนเหงื่อตก ยิ่งตอนอยู่ในลิฟต์แก้วหรูหราและออกมาถึงทางเดินโอ่อ่าแต่เต็มไปด้วยความเป็นส่วนตัวของชั้นกว้าง ๆ ชั้นนี้ เธอมองซ้ายมองขวาไม่หยุด
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเอสอยู่ในห้องนั้นเหรอคะ” เธอรั้งปอไว้ด้วยคำถาม กับใบหน้าตื่นๆ ปอพยักหน้าให้ “ใช่ครับ คุณเอสนายเป็นายใหญ่ของที่นี่ ท่านคือท่านประธานของรัชชากรุ๊ป ตำแหน่งสูงสุดของแวดวงรัชชาเป็นรองแค่คนเดียวคือคุณพ่อของท่าน นั่นก็คือท่านเจ้าสัวใหญ่ครับ”
คนฟังหน้าซีดเผือด เธอรู้ว่าเอสทำงานที่นี่ ในบัตรนั่นไม่ได้เขียนอะไรนอกจากชื่อแล้วก็ตำแหน่งเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เธอเข้าใจความหมายแต่ไม่คิดว่าจะลึกซึ้งอะไรขนาดนี้ ก็แค่คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าส่วนใดส่วนหนึ่งของรัชชา สารภาพตรงๆไม่รู้จริงๆว่านามสกุลอัครรัชชานนท์ คือเจ้าของความยิ่งใหญ่ในจุดนี้
“คุณรอสักครู่นะครับ”
ปอไม่ได้ตอบคำถามเธอ ทว่าเขาตรงไปเคาะประตูแล้วเข้าไปรายงานให้เจ้านายทราบทันที เอสเพียงแค่ขมวดคิ้วนิดๆ เขาหยุดงานในมือลงแล้วเงยหน้ามองเลขาตัวเอง ปอเองก็จ้องตอบไม่ลดสายตาลงเหมือนกัน
“มีอะไร ทำไมมองหน้ากูแบบนั้น”
“เปล่าครับ” พูดว่าเปล่าแต่คนเป็นเลขากลับลืมตัว เหลือบมองไปที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงสดนั่น เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้เขานึก ว่าเจ้าของดอกไม้นั่นคือหญิงสาวในชุดนักศึกษาคนนี้
“ไปเชิญเธอเข้ามาสิ” เอสปิดแฟ้มงานลง ขยับเก้าอี้หมุนเปลี่ยนองศานิดหน่อย แต่สายตาคมกริบก็ดูรู้ว่าเลขาตัวเองมองดอกไม้แล้วเลื่อนมองมาที่เขา
“เธอเป็นเจ้าของดอกไม้นั่นเหรอครับ” ปอตัดสินใจถามอย่างเสียมารยาท เขาไม่รู้หรอกว่าแววตาเขามันฟ้องเหลือเกิน อย่าคิดว่าเขาไม่สนใจไม่ใส่ใจ ที่ผ่านๆมาเอสควงเล่นไปเรื่อยเขาไม่ยี่หระอยู่แล้วแม้กระทั่งคู่หมั้นอย่างคุณมินตราก็ไม่กระทบใจเขาแม้แต่นิด เขาเฝ้าดูให้ตลอด
เฝ้าดูให้เพื่อนสนิทตัวเอง
เอสไม่เคยจริงจังกับใคร ไม่มีใครเลยที่เคยได้รับช่อดอกไม้แบบนี้ และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เจ้านายของเขาจะให้สิทธิพิเศษได้การ์ดสีทองใบนั้น การ์ดที่เหมือนกับของเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแคป
“ไปเชิญเธอเข้ามา อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สาม”
ในที่สุดหญิงสาวหน้าตาน่ารักเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าท่านประธานหนุ่มแห่งรัชชา เอสกระตุกรอยยิ้มให้เธอเมื่อพบว่าแววตาในดวงหน้านั่นประหม่าถึงที่สุด เขาลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหาก่อนส่งยิ้มให้
รอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาอีกเช่นเคย...พลอยทำให้เลขาหนุ่มระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
นึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างแทนไอ้เพื่อนบ้าเสียแล้ว โชคดีที่เขาพอจะดูเจ้านายของเขาออก
“ไม่คิดว่าเธอจะมาหาฉันที่นี่” คนพูดฉวยเอาข้อมือขาวผ่องดึงให้เดินตามไปที่เก้าอี้รับแขก ก่อนที่เขาจะหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาส่งให้เธอ “ดีใจนะที่เธอมา ยินดีต้อนรับ”
คำพูดอ่อนหวานแบบนั้นทำเอาบุคคลที่สามอย่างปอตาวาวขึ้น แน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินและได้เห็นเอสในโหมดนี้ ดอกไม้ช่อนั้นเป็นของเธอคนนี้จริงดั่งที่คิด ดวงหน้าอ่อนหวานเขินจัดจนซับสี ปอยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกยังไงเขาก็นึกไม่ออก
“อ่ะ เอ่อ โบว์ขอโทษนะคะที่มารบกวนเวลางานของคุณ”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้รบกวนเธอมีธุระกับฉันหรือ?”
“ใช่ค่ะ วันนี้โบว์เลิกก่อนเวลาอยากจะทำเซอไพร้ซ์คุณเอส โบว์เลยชิงมาหาคุณก่อน” ก่อนที่คุณจะแวะไปรับเหมือนอย่างทุกๆวัน
“หึ...” เอสแค่นเสียงออกมาจากลำคอ เขาขยับชิดเข้าไปหาเธออีกหน่อยก่อนจะสังเกตเห็นว่าเลขาส่วนตัวของเขายังไม่ได้เคลื่อนย้ายตัวเองออกไป
“ปรเมท..”
เสียงทุ้มของเจ้านายเอ่ยชื่อเขาเรียกสติดังก้องกังวาล ปอถึงค่อยโค้งคำนับแล้วออกจากห้องไป หน้าที่ของเขาคือตระเตรียมเครื่องดื่มให้สำหรับแขกของเจ้านายด้วยเพราะอย่างนั้นต้องมัวมายืนจ้องอยู่แบบนี้คงไม่ดี ขณะที่ที่บรรยากาศภายในห้องอาจจะเรียกได้ว่าอาบไปด้วยสีชมพูอาจจะได้
“โบว์ชอบกุหลาบสีแดง” ตอนนี้ได้มาเกือบทุกวัน เธอจัดมันไว้จนเต็มห้องไปหมด ถึงจะรกยังไงก็ไม่มีทางแบ่งให้ใครเด็ดขาด “ขอบคุณมากนะคะ”
“ถ้าอยากได้อย่างอื่นก็บอกฉัน” ชามะลิร้อนๆถูกนำเข้ามาเสิร์ฟ สายตาของเลขาหนุ่มเผลอมองฝ่ามือที่กุมกันอยู่ของทั้งสองคน
คุณเอสจับมือผู้หญิงคนนี้??
แก้วชาร้อนสั่นขึ้นนิดๆ หรือบางทีอาจจะไม่นิดเพราะว่าเสียงถ้วยกระเบื้องเคลือบชั้นดีในมือกระทบกับถาดจนระคายหู ปอรีบปลุกปลอบใจตัวเอง
หรือว่าทุกอย่างระหว่างเจ้านายของเขากับเพื่อนรักของเขาจะจบลงแล้วจริง ๆ
“ไม่มีธุระอะไรแล้ว ออกไปได้” คนถูกบอกเผลอตวัดสายตามองนายเหนือหัวของตัวเองอย่างลืมตัว เอสเพียงแค่สบสายตาเขานิ่ง ๆ ก่อนจะเลื่อนถ้วยชาขยับส่งให้เธออีกครั้ง
อย่างเอาอกเอาใจ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวครับ” เลยเวลาเลิกงานแล้ว เขาก็ไม่อยากจะอยู่ต่อนักหรอก ก่อนออกไปยังอดไม่ได้ที่จะหันมองสองคนในห้องอีกครั้ง เอสพิงลงที่พนักของเบาะในท่าทีสบาย ๆ ขณะที่หญิงสาวหยิบขวดแก้วสีสวย ขวดคุ๊กกี้ของคุณมินตราที่เขาเพิ่งจะเอาวางไว้ข้างแจกันดอกไม้ให้ หลังจากนั้นบานประตูก็ถูกปิดลง
“ขวดคุ๊กกี้สวยจังเลยค่ะ” โบว์คว้าขวดแก้วสีสะท้อนแสงเอาขึ้นมาดูหมุนไปหมุนมา เธอทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน เอสจึงคว้าเอามาเปิดฝาออกแล้วส่งให้เธอหนึ่งชิ้น
“โบว์ทานได้เหรอคะ ของใครเอ่ยคุณเอสให้โบว์แบบนี้เจ้าของเขาอาจจะเสียใจก็ได้นะคะ”
“ลองชิมดูว่าอร่อยหรือเปล่า” เธอไม่ได้รับไปหากแต่นั่งนิ่งๆแล้วมองหน้าอีกคนอย่างมีจริต แต่ทว่าเอสเองก็ไม่ได้ขยับมือที่ยื่นส่งให้ขึ้นไปถึงริมฝีปากสวยเช่นกัน เขานิ่งค้างอยู่แค่นั้น
อยากให้ป้อนต้องก้มลงมากินเอง
“อร่อยจังค่ะ” ในที่สุดเธอต้องก้มลงไปกัดชิมลิ้มรสชาติดู รอให้เขาป้อนชาตินี้อาจจะไม่ได้กิน
“อร่อยก็หยิบทานได้เลย”
เธอยิ้มขอบคุณแล้วหยิบทานอย่างที่เอสว่าจริง ๆ หากแต่ยังรักษามารยาทส่วนหนึ่งไว้ ไม่ได้เปิดเผยความแก่นแก้วให้อีกฝ่ายเห็นทั้งหมด พอทานเสร็จยกชาร้อนขึ้นจิบ
“ชาก็อร่อย หอมมากเลยค่ะ”
“ถ้าชอบวันหลังก็แวะมาทานได้”
“โบว์มาที่นี่ได้อีกจริงเหรอคะ”คนถามทำตาเป็นประกาย
เอสพยักหน้าเบา ๆ เขาเลื่อนสายตามองกล่องบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนคว้าเอาออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดสูบ ควันสีขาวกลิ่นมินต์ลอยระอุอยู่รอบกาย น้องโบว์หันมองอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ซ้ำยังขยับเข้ามาชิดอกเขาขึ้นอีก
เอสก็แค่ชำเลืองลงมอง
“สูบด้วยกันไหม” เขาลองใจ
“อื้ม ไม่ค่ะโบว์สูบไม่เป็น” เธอดันมือที่คล้องลำคอเธออยู่ซึ่งยื่นเอาบุหรี่มาทาบลงที่ริมฝีปากเธอออก ก่อนบอกว่าตัวเองไม่สูบ เอสยกริมฝีปากขึ้นนิดๆ “เป็นเด็กดีงั้นเหรอ”
“โบว์สูบไม่เป็นหรอกค่ะ คุณเอสสูบเถอะ”
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเคยหยุดสูบสิ่งที่คีบอยู่ในมือ
แต่ตอนนี้กลับมาสูบใหม่แล้ว...ซ้ำยังสูบหนักยิ่งกว่าเดิม
“มีธุระอะไรกับฉันใช่ไหม” ถามพลางยกมือที่กอดบ่าเธอออกแล้วบี้ก้นบุหรี่ลงที่จานเขี่ย หันมายกชาร้อนในแก้วตัวเองจิบล้างปาก
“ความจริงวันนี้โบว์อยากจะมาชวนคุณเอสไปงานวันเกิดโบว์”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“พรุ่งนี้เพื่อนโบว์จะจัดให้ค่ะ เป็นงานเล็กๆอยู่ที่ร้านพี่ชายของเพื่อน พวกเราชอบไปนั่งทานข้าวกันที่นั่น โบว์อยากให้คุณเอสไปด้วย ไม่รู้ว่าคุณจะว่างไหมโบว์เลยอยากลองมาชวนด้วยตัวเองค่ะ”
“จะเปิดตัวฉันหรือ?”
“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น” ความจริงคือใช่
“กะ...ก็ เราเป็นแฟนกัน”
“เราเป็นแฟนกันงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มถามขึ้นเบาๆเหมือนดั่งแกล้ง น้องโบว์เงยหน้าขวับมองทันที ในแววตาเล็กสั่นไหวคล้ายไม่เข้าใจ เอสที่ยังทำหน้าเฉยๆเสียจนอีกฝ่ายกลัว ในที่สุดก็ยิ้มออกมา “ได้สิ ฉันว่าง”
“จริงเหรอคะ คุณเอสไปได้แน่ๆนะคะ” เธอดีใจฉีกยิ้มกว้าง ยิ่งเอสพยักหน้าบอกว่าไปได้แน่ ๆ เธอยิ่งปริ่มใจจนถึงที่สุด ใบหน้าที่แสดงความไม่มั่นใจในสถานะของตัวเองบัดนี้ฉายแววแห่งความพึงพอใจถึงที่สุด
“สำหรับโบว์ ถึงไม่ว่างก็คงต้องเคลียร์”
น้องโบว์ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริ ใบหน้าน่ารักขึ้นสีชมพูจาง ๆ เผลอนั่งมองคนข้างๆอย่างลืมตัว ถึงเขาจะเย็นชาแต่เขาก็ดีกับเธอ จีบเธออย่างเปิดเผย ส่งดอกไม้ให้ เทียวรับเทียวส่ง ถึงจะไม่ค่อยบ่อยแต่เมื่อไหร่ที่เขาว่างเขาจะมารับเธอที่หมาวิทยาลัยพร้อมกับกุหลาบช่อใหญ่เสมอ จนเพื่อนๆแซว และเพราะเป็นแบบนี้ถึงได้รวมตัวกันจัดงานวันเกิดเธอขึ้นมา
หวังเพียงอยากรู้จักคนที่มัดหัวใจเธอได้...ผู้ชายเย็นชาที่เธอบอกกับเพื่อนอยู่เสมอ
ในใจลึกๆเธออยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะเร่าร้อนแค่ไหนอยู่บนเตียง...ถ้าเธอได้สิ่งนั้นเป็นของขวัญวันเกิดก็คงจะดี
“คิดอะไร ทำไมหน้าแดง” ถามทั้งที่รู้ ผู้หญิงแสดงออกทางสีหน้าปิดยากจริงๆ
“ปะ...เปล่าค่ะ” เธอส่ายศีรษะปฏิเสธจนลิ้นพันกัน กลัวเขาจะอ่านเธอออกเหลือเกิน หากแต่เอสก็แค่มองดูเธอแล้วเบนสายตาออกไปจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีดำๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เปิดรายการอะไร
“จัดที่ไหนนะ กี่โมง”
แล้วกำหนดการของวันพรุ่งนี้ก็ถูกเธอบอกเขาไป สองคนคุยกันอย่างออกรส ไม่สิ ความจริงคือเธอพูดอยู่คนเดียวมากกว่า อีกคนแค่นั่งฟัง
“พรุ่งนี้พี่ชายโบว์จะมาด้วย”
คนฟังชะงัก..
“โบว์ชวนเองแหละค่ะ พี่ชายโบว์ใจดีแล้วก็หล่อด้วย โบว์อยากแนะนำให้คุณรู้จัก พี่แบงค์ใจดีมาก รักโบว์มาก แล้วเพื่อนสนิทพี่แบงค์ก็จะมาด้วย พี่แคปเองก็ใจดีค่ะ ถ้าคุณเอสได้พบพี่โบว์ทั้งสองคนรับรองว่าคุณต้องชอบ โดยเฉพาะพี่แคปใจดีแล้วก็น่ารักมากๆ สอนโบว์หลายอย่างเลย”
“ใจดี?” ไม่ใช่ว่าใจร้ายที่สุดหรอกหรือ แค่คำว่าเพื่อนสนิทของพี่ชายก็ทำเอาเขาเจ็บราวกับเข็มที่มองไม่เห็นเป็นพันๆเล่มพุ่งเข้าใส่
เอสนิ่ง
“ใช่ค่ะ” เธอตอบรับพลางฉวยกระเป๋าถือใบเล็กๆขึ้นมาแล้วหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากด้านใน มันเป็นกระดาษแก้วสีม่วงสดห่ออะไรบางอย่างอยู่เป็นลูกกลมๆ คล้ายท็อฟฟี่ลูกแก้ว
ยื่นมันส่งให้เอส “โบว์ให้ค่ะ”
กว่าคนถูกให้จะหยิบเอาไป ดูเหมือนเขานั่งนิ่งชั่งใจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ของที่เธอให้ไม่ใช่ของมีค่ามีราคาเหมือนอย่างผู้หญิงคนก่อนๆที่เคยให้กับเขา มันดูเหมือนเป็นแค่อะไรสักอย่าง
บางอย่างที่เธอทำเอาเอง..แบบบ้านๆ
“ลองแกะดูสิคะ คุณชอบไหม”
เอสมองสิ่งที่อยู่ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ แกะห่อกระดาษแก้วสีม่วงออก
มันเป็นลูกมังคุดสีเข้มสวยงามหนึ่ง มังคุดจิ๋วที่ลูกถูกห่อไว้ด้วยกระดาษแก้วธรรมดาๆ
“พี่ชายโบว์แนะนำมาว่าถ้าทำอะไรแบบนี้คุณอาจจะชอบ โบว์เลยลองทำดูค่ะ”
“พี่ชาย?” เสียงทุ้มครางถามออกมา “พี่ชายโบว์?” พี่ชายคนไหนกัน ใช่คนที่เป็นเจ้าของสวนผลไม้นั่นหรือเปล่า
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเคยได้ของคล้ายๆแบบนี้จาก...คนที่เคยรัก ‘มังคุดหิน’ ตอนนั้นคนยื่นให้บอกคำจำกัดความของมัน ก่อนหัวเราะเสียงดังคล้ายกับขำนักขำหนา
“คุณเอสชอบเหรอคะ ยิ้มเลย”
เขายิ้ม?
“พี่แคปไปได้ลูกแปลกมาค่ะ มันน่ารักดีพี่เขาบอกว่าถ้าเอามาห่อใส่กระดาษแก้วที่ใช้ห่อท๊อฟฟี่แล้วให้คุณ คุณอาจจะชอบ แล้วคุณก็ชอบจริงๆด้วย”
“หมายความว่ายังไง” เสียงแทบจะถูกกลืนหายไปกับคำถาม ถึงอย่างนั้นคนถูกถามก็ยังได้ยิน
“เพราะโบว์บอกว่าแฟนโบว์ เอ้ย คุณค่อนข้างเย็นชา ทำแต่งานแล้วก็มีฐานะดีมาก โบว์ซื้อของอะไรให้คุณก็แค่รับไว้เฉยๆดูท่าทางไม่ค่อยดีใจอะไร พี่ชายโบว์เลยแนะนำแบบนี้ค่ะ”
“พี่ชาย...”
“ใช่ค่ะ พี่แคปเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายแท้ๆของโบว์ โบว์จึงนับถือพี่เขาเหมือนพี่ชายคนนึงของโบว์เลยค่ะ”
เอสก้มลงมองของที่อยู่ในมือเขาอีกครั้ง ระคายหูกับคำว่าเพื่อนสนิทน่าดู เขาเผลอกำไว้แน่นจนคนข้าง ๆยังสงสัย หากน้องโบว์ไม่ทันได้อ้าปากถาม เสียงทุ้มก้องกังวาลก็เอ่ยขึ้นก่อน พร้อมกับประกายนัยน์ตาที่วูบวาบขึ้นมา โดยที่เธออาจจะไม่ทันได้เห็น
“ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะให้อะไรกับเธอเป็นของขวัญวันเกิด”