สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 221291 ครั้ง)

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
โฮ่ๆๆๆ อ่านสองตอนรวดเลยยยยย

เหอะๆอาจารย์ตุ้มนี่ ตอนเรียนม.ปลายก็เหมือนกึ่งๆจะเจออะไรที่ใกล้เคียงแบบนี้อยู่นะ
อ่านแล้วนึกย้อนเรื่องตัวเอง
ขึ้นได้อีก ณ จุดนั้น


แต่อาจารย์นางน้อยนี่  :laugh: ชอบอ่ะ ชอบอาจารย์นางน้อย
แต่ว่า..เหมือนองค์อาจารย์น้องญี่ปุ่นมาลงเลย


ชอบเพลงที่คุณlasomมาแปะเนื้ออ่ะ นึกถึงเรียนม.ปลายจริงๆนะ ที่สุดจริงๆ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2010 16:11:18 โดย knightofbabylon »

humanculus

  • บุคคลทั่วไป
คุณอิ้กกี้ชอบแกล้ง  เด็กๆๆค้า   โดยเฉพาะเด็กน่าจิ้ม  แกเล็งไว้ตั้งแต่กลิ่นโชยมา


ต้มน้ำไว้นานๆๆระวังจะถูกโยนใส่ไม่รู้ตัว   บอกว่าเด่วบอกๆๆ   จัดมาแบบไม่ทันตั้งตัว  หัวใจวายตายได้คุณพี่




แค่นี้ก็ซึ้งจนน้ำตาไหลพรากๆๆๆๆหมดตัวแล้ว  ทั้งเลือดทั้งน้ำ   ปวดตับจัง

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๔

ปุจฉา เสียงที่พึงใจ กลิ่นที่พึงใจ สัมผัสที่พึงกาย มีวันที่จะแปรเปลี่ยนไปได้ไหมหนอ

งานบุญเดือนสามปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ทางเข้าวัดประดับประดาไปด้วยผ้าหลากสีม้วนเกี่ยวด้วยลวดทำเป็นดอกไม้ช่อใหญ่เรียงรายกันระโยงระยางจากทางเข้าถึงกำแพงวัด ภายในวัดเองก็ประดับประดาไปด้วยดอกดาวเรืองในกระถางบานชูช่อสีเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณ ร้านขายของต่างๆทางวัดให้ออกมาขายภายนอกกำแพงวัดเพราะเนื้อที่ภายในวัดไม่เพียงพอ ผู้คนที่หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศเพื่อมานมัสการองค์พระธาตุและรอดูมหรสพสมโภชในตอนกลางคืนหนาแน่นยิ่งนัก ยิ่งคืนที่มีคณะของเฉลิมพล มาลาคำ หมอลำชื่อดังนั้นแทบจะไม่มีที่ให้เดิน ผู้คนมากหน้าหลายตาแออัดกันอยู่ในบริเวณวัด ภายนอกเองมีชิงช้าสวรรค์ติดไฟแสงสีเป็นวงกลมใหญ่อยู่กลางทุ่งนาข้างๆวัด มีร้านรวงต่างๆมากมายเรียงแถวยาวออกไปจนนอกหมู่บ้าน ทั้งเอ๋ เดือน ติ๊กและฝนที่มีบ้านอยู่บ้านใหญ่นั้นก็เปิดบ้านต้อนรับเพื่อนๆในห้องเป็นอย่างดี แต่วันที่มีหมอลำคณะเฉลิมพลก็จะยกข้าวของไปรวมกันที่บ้านของเดือนเพราะบ้านของเดือนอยู่ไม่ห่างจากวัดเท่าไหร่นัก น้ำกับบอทขอรถเครื่องของพ่อถาวรไปใช้ขับมาจอดไว้ที่บ้านของเดือน พ่อถาวรเองก็ไม่ได้ว่าอะไร

"โหหวานว่ะอีเอ๋"

บอทร้องขึ้นหลังจากยกขันใส่สาโทเข้าปาก

"เอาอีกหน่อยไอ้ไก่"

ยื่นไปให้ไก่ด้วย รายนั้นก็ไม่ปฏิเสธ

"อย่าเมานะเว้ยบอท เดี๋ยวไม่มีคนขับรถนะ"

น้ำบอก บอทยิ้มแต่ก็ยกขันต่อไป สาโทที่ดีนั้นต้องหวานออกขมปะแล่มๆไม่เปรี้ยวหรือขมจัด กินแค่ขันสองขันหน้าก็แดงเดินไม่ตรงแล้ว น้ำเองก็ยกขันเหมือนกันคุยกับเดือนแล้วว่าถ้ากลับไม่ไหวก็จะค้างที่บ้านของเดือนเพราะเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็ค้างกัน เพราะขากลับอันตรายทั้งมืดและยังมีวัยรุ่นจากต่างบ้านมาคอยดักทำร้าย ไม่มีใครแนะนำให้เดินทางในตอนกลางคืนเพียงลำพังหรือเป็นคู่ก็ตาม

"เมื่อไหร่มันจะออกวะเฉลิมพลน่ะ สี่ทุ่มแล้วนะมึง"

เล็กร้องขึ้นเพราะจากการฟังเสียงอยู่ในบ้านของเดือนไม่มีทีท่าว่าเจ้าของคณะจะออกมาเลย เล็กนั่งอยู่กลางวงสาโทหน้าแดงก่ำอยู่ติดกับน้ำ

"มันออกดึกๆนี่ เดี๋ยวให้อีเอ๋เดินไปดู ไปดิเอ๋ ไอ้ไก่พามันไปหน่อย"

บอทร้องบอกเอ๋ รายนั้นหน้าหักงอลงทันที ไก่เองก็ทำหน้าเหรอหรา

"มึงไม่ไปวะไอ้บอท กูขี้เกียจ"

"อ้าว กูเมานี่หว่า ไอ้นี่ เดี๋ยวไปมองหน้าใครเขาจะต่อยเอา"

"กูก็เมา"

"อย่าพูดมากไอ้ไก่ มึงนั่นล่ะพามันไป ไปกับอีเอ๋ปลอดภัยโว้ย เพราะมีแต่คนเขากลัวมัน เพราะมันมีหน้าเป็นอาวุธ"

"อีเล็ก มึงหน้าตาดีนักนี่ ฮึกูไปเองก็ได้"

เอ๋งอนลุกไปแล้ว ไก่ยังนิ่งอยู่ บอทเอาไหล่ไปกระแทกให้ไก่ลุกตามเอ๋ไป ตอนแรกไม่ยอม เอาไปเอามาก็ยอมลุกไปแต่โดยดี

"มึงนี่ไปวุ่นวายกับมันจริงๆนะเล็ก"

น้ำกระซิบว่าเล็กเพราะกลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องของเอ๋กับไก่

"ฮ่าๆ ก็อยากให้มันรักกันนี่น้ำ ดีกว่ามาทำท่างอนกันแบบนี้เห็นแล้วหมั่นไส้"

"เอามาอีกซิไอ้บอท"

เล็กหันไปพยักหน้าให้บอทเทเหล้าสาโทมาให้ รายนั้นหน้าแดงก่ำแล้วน้ำเองก็ไม่ต่างกัน พอเสียงเพลงแว่วมาเป็นเสียงที่คุ้นหูเหมือนเคยฟังในวิทยุ เดือนก็บอกให้เพื่อนเตรียมตัวออกไปดูเฉลิมพล

"มึงไม่รออีเอ๋กับไอ้ไก่ก่อนเหรอเดือน"

เล็กถามเพราะทุกคนเตรียมตัวลุกไปแล้ว

"คงเจอมันระหว่างทางล่ะ เร็วเดี๋ยวเข้าไม่ได้คนเยอะนะมึง"

เดือนบอกแล้วเดินนำหน้าเพื่อนๆไป พอเดินไปจะเข้าวัดก็เห็นเอ๋กับไก่กำลังเดินจ้ำมาพอดี

"คนเยอะมากแก จะเบียดเข้าไปได้หรือเปล่าไม่รู้ เห็นเฉลิมพลตัวเท่ามด"

เอ๋ร้องบอกมาแต่ไกล

"รู้จักกูน้อยไป กูเจ้าถิ่นนะมึง"

ฝนบอกบ้างทำหน้าเชิดขึ้นเดินนำบ้าง พากันเดินลัดเลาะเข้าไปในลานวัด ผู้คนคราคร่ำออแน่นกันไปหมด อากาศที่หนาวเย็นกลับร้อนอบอ้าวขึ้นมาทันที

"มึงดูๆ"

เล็กสะกิดให้น้ำหันไปมองเอ๋กับไก่ที่เดินรั้งท้ายสุด

"เฮ้ย จับมือกันว่ะ ร้ายนะเนี่ย"

"กูบอกแล้ว หึหึ รักกันแต่ทำเป็นเกลียดกันเหมือนใครก็ไม่รู้"

"หยุดเลยอีเล็ก กูไม่ได้ทำเป็นเกลียดกัน แค่กูไม่อยากให้ใครรู้"

"อ้าว กูไม่ได้ว่ามึงซะหน่อยร้อนตัวนะมึง"

เล็กทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินต่อไป น้ำเองก็เริ่มร้อนๆหนาวๆแต่ยังไงก็เชื่อใจเพื่อนคนนี้อยู่ พอเข้าไปในบริเวณที่คณะหมอลำตั้งเวทีได้ก็เล่นเอาแทบแย่เพราะต้องเบียดเสียดคนฝ่าเข้าไป บริเวณเวทีอยู่ติดกำแพงหลังวัด พื้นที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยแถมยังมีต้นสักทองขึ้นเต็มอยู่บริเวณนั้น ถือว่าลำบากทุลักทุเลเลยกว่าจะเข้าไปถึงหน้าเวที ตอนแรกเพื่อนๆบอกเอาพอเห็นก็พอ แต่ฝนกับเดือนไม่ยอมต้องเข้าไปให้ได้กลิ่นเฉลิมพลว่าอย่างนั้น พอนั่งดูอยู่ดึกพอสมควรจากการร้องหมอลำเปลี่ยนเป็นการลำเรื่องต่อกลอนแทน เพื่อนบางคนก็หลับไปแล้ว นอนทั้งที่อยู่หน้าเวทีหน้าลำโพงขยายเสียงที่ดังอึกทึกครึกโครมอย่างนั้น

"ง่วงว่ะเดือนกลับไปนอนนะ"

น้ำบอกเดือนที่กำลังตาเป็นประกายแหงนคอมองหมอลำบนเวที

"จะนอนแล้วเหรอน้ำ ไปนอนที่บ้านกูนะ เดี๋ยวพาไป ไอ้บอทมันแดกเยอะน่ะสิเหล้าน่ะ คอพับไปแล้ว"

เดือนหันมามองบอทที่นั่งคอพับอยู่ข้างๆน้ำ พอตกลงกันว่าจะไปนอนที่บ้านของเดือนเล็กเองก็ออกมาด้วย เพื่อนที่นอนอยู่ก็โดนปลุกให้ตื่นเดินตามกันออกมา เหลืออยู่ไม่กี่คน เอ๋กับไก่ก็นั่งติดกันตัวบิดไปมาอยู่

"เออว่ะ พอเดินออกมาทำไมมันไม่ง่วงวะ กินสาโทต่อดีกว่าไหม"

น้ำบอกเพราะตอนเดินออกมาหน้าปะทะอากาศที่เย็นยะเยือกความง่วงอาการเมาก็ ดูเหมือนจะสร่าง พอทุกคนเห็นดีด้วยก็พากันซื้อส้มตำไก่ย่างลูกชิ้นเข้าไปกินอีกรอบดึก ตั้งวงกันอีกรอบสรุปคราวนี้เอาจนสว่างจนเอ๋กับไก่และเพื่อนๆที่เหลือเดิน ตามออกมา

อรุณรุ่งสาดแสงมาเยือนแล้ว เสียงดนตรีในวัดยังดังแว่วออกมาอยู่ พ่อแม่ของเดือนกลับมาตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง พอเห็นลูกๆนั่งกินเหล้ากันอยู่ก็ไม่นอนมาคุยด้วย นึ่งข้าวเหนียวทำลาบให้กินอีกรอบ พอเสียงหมอลำเงียบลงประมาณ ๗ โมงเช้าทุกคนก็รวมตัวกันเดินออกไปนมัสการพระธาตุ

"แน่นท้องว่ะน้ำ"

บอทบ่นออกมาระหว่างเดินไปยังลานวัดอีกรอบ บรรยากาศในวัดตอนนี้เหมือนวัดร้าง มีเพียงเศษขยะปลิวว่อนอยู่ทั่วบริเวณ มองโดยรอบนึกภาพเมื่อคืนไม่ออกเลยว่าคนเป็นพันๆหมื่นๆเข้ามาแออัดยัดเยียดกันในนี้ได้อย่างไร

"กินเยอะน่ะสิบอท เดี๋ยวกลับไปบ้านค่อยกินยา ทนไหวไหม"

"พอไหว คงกินลาบเยอะไปหน่อย ท้องเลยอืด"

สีหน้าไม่ได้ต่างกันเลยแต่ละคน ตาปรือหน้ามันแผล่บ เดินตามกันขึ้นไปบนลานพระธาตุแยกกันไปตามสี่มุม พอกราบพระธาตุเสร็จก็ไปตักบาตรเหรียญบาท เสียงหัวเราะดังออกมาเพราะกาญจน์ถือจานใส่เหรียญมาแล้วยกขึ้นเหนือหัวทำปากขมุบขมิบอยู่สักพักก็เทเหรียญทั้งหมดลงในบาตรอันแรก

"ทำไมทำแบบนั้นวะมึง"

"โอ๊ย เหมือนกันนั่นล่ะ ให้พระท่านไปแบ่งกันเอง"

ดูพูดเข้าเพื่อนๆพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง เริ่มวันใหม่ด้วยเสียงหัวเราะที่สดใสร่าเริง พอสายน้ำกับบอทก็แยกกลับบ้าน เพื่อนๆทุกคนก็กลับกันไปหมดแล้ว

"ไปนอนที่นาหัวดอนดีกว่านะบอท นอนที่บ้านคงนอนไม่หลับหรอก"

น้ำเอ่ยปากชวนเพราะนาตอนนี้เก็บเกี่ยวเสร็จหมดแล้ว ในตอนกลางวันลมโกรกเย็นสบาย บอทเองก็เห็นดีด้วย แต่ต้องเอารถเครื่องกลับไปให้พ่อถาวรใช้ก่อนแล้วค่อยปั่นจักยานออกไป วันนี้แม่นิ่มกับแม่บุญช่วยไม่ว่าอะไรที่ทั้งสองจะไม่ทำงานหรือไปนอนกลางวันที่นา เพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กสองคนนี้ไม่เคยอู้งาน นานๆปล่อยเที่ยวบ้าง

เสียงลมพัดแกรกรากลู่ซังข้าว นกกาเหว่าร้องขานอยู่ปลายไม้ ลมพัดไอแดดมาบรรเทาหนาวให้ผ่อนคลาย สองร่างกายนอนเหยียดอยู่เคียงกัน พลิกซ้ายหันไปก็เจอหน้า พลิกขวาหันมามีทุ่งกว้าง สุขใจแล้วพึงใจแล้ว ตื่นก็เห็นหน้า นิทราก็ฝันถึง

เดือนกุมภาพันธ์ผ่านเข้ามาแล้ว มีอยู่วันหนึ่งที่นักเรียนหลายคนให้ความสำคัญกับมัน ๑๔ กุมภาพันธ์ คนที่มีความรักเหมือนกับว่าวันนี้จะเป็นวันแต่งงานหรือวันหมั้น ส่วนคนที่แอบรักรุ่นพี่รุ่นน้องอยู่ก็จะเป็นวันสารภาพรัก ให้ความสำคัญกับมันมากกว่าการสอบไล่ประจำปีตอนปลายเดือนเสียอีก น้ำเองไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเพราะบอทเคยบอกว่า

"มันก็แค่วันหนึ่งล่ะน้ำ วันแห่งความรักของเรากับน้ำคือทุกๆวันต่างหาก เพราะไม่มีวันไหนที่เราจะไม่รักน้ำ"

แล้วจะให้ไปเรียกร้องเอาวันเอาคืนแห่งความรักเพื่ออะไรในเมื่อได้ยินเสียงคนที่รักพูดออกมาแบบนี้ สุขมันเต็มมันอัดแน่นอยู่ในใจสำหรับความรักที่มีให้กัน

"น้ำก็รักบอททุกวันเหมือนกัน ไม่มีวันไหน วินาทีไหนที่จะไม่รัก"

น้ำเองก็เผยความในใจออกมาไม่มีปิดไม่มีซ่อน รู้สึกอย่างไรก็บอกแต่สำหรับบอทเท่านั้น แต่คนอื่นก็ทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ได้กลัวว่าใครอื่นจะรับไม่ได้ ไม่ได้ใส่ใจว่าชาวบ้านหรือเพื่อนๆจะครหาว่ากล่าว แต่ที่ไม่อยากให้ใครรู้เพราะไม่อยากให้ความหนักใจเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นเข้ามาเสียดแทงความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่มันไม่ด่างไม่มีรอย อยากจะเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้ให้มันสะสมเก็บให้มันเป็นความทรงจำที่ดีไปตลอดในแต่ละวินาที ในแต่ละความทรงจำให้มันนานที่สุดเท่าที่จะนานได้

"มึงเอาดอกไม้มาให้สาวคนไหนวะไอ้ไก่"

เล็กถามขึ้นแม้ในมือตัวเองจะมีกุหลาบแดงที่ลงทุนขับรถเครื่องออกไปซื้อมาจากในอำเภอ

"มีคนให้ว่ะ"

"อย่ามาโกหกกูเห็นมึงถือมาจากบ้าน กุหลาบปลูกเองนี่"

เล็กเองยังทำตัวเป็นนักสืบอยู่ไม่หาย สายตาพยายามสอดส่องมองความผิดปกติทุกอย่างที่เพื่อนแสดงออกมา

"โว้ย แล้วมึงล่ะอีเล็ก แหมหอบใหญ่เชียวนะมึง"

ไก่เองเหมือนจนทางไปเลยหันแขวะเล็กบ้าง

"กูจะเอาไปให้น้องฝน ม ๒ ไง อย่างกูน่ะไม่ปิดหรอกมึง กูเปิดเผย"

"เออ เปิดก็เปิดไปดิมึง คนอื่นเขาใช่ว่าอยากจะเปิดเหมือนมึง รักใครจำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครเขารู้ด้วยเหรอเล็ก"

คราวนี้น้ำเป็นคนพูดออกมา เล็กหน้าเจื่อนลงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที แม้เล็กเองจะใจใหญ่เป็นนักเลงไม่เคยเกรงกลัวใครแต่มีเพียงคนเดียวที่เล็กยังเกรงใจไว้หน้าอยู่ คือน้ำนั่นเอง ยังเป็นอยู่แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว

"เออ ช่วยกันเข้าไป เอาดอกไม้ไปให้น้องฝนดีกว่า ขี้เกียจคุยกับพวกแอบ อีแอบ"

"อีเล็ก"

เล็กวิ่งไปแล้ว ไก่กับน้ำร้องออกมาพร้อมกัน พอเลิกโรงเรียนถึงรู้ว่าดอกกุหลาบปลูกเองกับมือสีขาวอมชมพูนั้นไก่มันเอามาให้ใคร จะเป็นใครล่ะก็เอ๋นั่นเอง เอ๋แอบเอากุหลาบเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างมิดชิด แต่ด้วยความหวงหรืออะไรก็ไม่ทราบทำห้เอ๋พะวงกับกุหลาบในกระเป๋ามากเกินไป เล็กนั่นเองที่เป็นคนจับผิดพอความแตกเอ๋อายหน้าแดงรีบวิ่งหนีกลับบ้านไปเสีย

"บอทไม่มีดอกไม้อะไรให้น้ำบ้างเหรอ อยากได้เหมือนกันนะ"

น้ำเอ่ยขึ้นเล่นๆตอนกำลังจะก้าวออกจากโรงเรียน บอทไม่ตอบแต่วิ่งกลับเข้าไปในโรงเรียนเพียงไม่กี่ก้าว ข้างๆถนนคอนกรีตเป็นแปลงดอกเทียนใบเหลืองๆเขียวๆปลูกเป็นแถวเรียงรายกันอยู่ บอทคว้าเอาดอกเทียนที่เป็นพวงห้อยระย้าอยู่มาพวงหนึ่ง

"อ่ะ ให้น้ำ แฟนเรา"

ดอกเทียนสีม่วงอ่อนๆดอกเล็กบานห้อยย้อยลงมา ไม่เคยแลไม่เคยสนใจมอง กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนกับกลิ่นของโอวัลตินในตอนเช้า น้ำยิ้มรับเอามาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อนักเรียน

"โห ลงทุนมากเลยนะบอท"

"แหะๆ หาได้แค่นี้อ่ะ"

"น้ำไม่ได้อยากได้หรอก ล้อเล่น น้ำไม่อยากได้อะไรจากบอทหรอก นอกจากหัวใจกับความรักของบอท"

หยอดคำพูดหวานออกไป บอทหัวเราะร่า

"น้ำได้มันไปหมดแล้วนี่ ไม่เหลือแล้ว เนี่ยไม่มีเหลือไว้ให้แม้แต่ตัวเอง"

ยามเย็นแสงแดดที่ทอแสงส้มทองเป็นประกายระยับอยู่จากปลายฟ้าทางด้านทิศประจิม ทอแสงผ่านทาบร่างสองร่างที่กำลังเดินเคียงกันออกจากโรงเรียน เงายาวทาบไปกับรั้วของโรงเรียน ดอกเทียนสีม่วงอ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อติดกับอกด้านขวาแม้จะไม่ตรงกับอกทางซ้ายแต่มันกินใจเหลือเกิน ดอกน้อยๆเป็นพวงสีม่วงอ่อนๆบานสะพรั่งอยู่เต็มใจ รู้ไหมว่าเก็บไว้อยู่ในไดอารี่จนถึงวันนี้

ฤดูการสอบไล่มาถึงแล้ว ทางโรงเรียนจัดให้มีการสอบในต้นเดือนมีนาคมอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ น้ำเองอ่านหนังสือดึกทุกคืนบอทเองก็อ่านด้วยได้อานิสงไปด้วยเพราะหลังจากเกรดออกมาแล้วบอททำเกรดได้ดีกว่าเท่าที่เคยเรียนมาเลยก็ว่าได้ ส่วนน้ำยังคงรักษามาตรฐานของตนเอาไว้ได้ วันสำคัญอีกวันหนึ่งคือวันเกิดของบอท ๑๒ มีนาคม สอบเสร็จพอดี น้ำเองลงทุนนั่งรถเครื่องไปกับเล็กถึงในอำเภอหาซื้อเชือกหนังกับจี้เงินรูปหยดน้ำเล้กๆมา สายหนังเส้นเล็กสี่สายถักเกี่ยวพันกันแน่นหนา ร้อยด้วยจี้เงินรูปหยดน้ำเอาใส่ตลับยาหม่องตราถ้วยทองตลับใหญ่ที่น้ำเองคว้านเอาเนื้อยาเก็บใส่อีกกระปุกหนึ่งที่ไม่ใช่ตลับยาหม่องเก็บไว้แล้วเขียนฉลากแปะเอาไว้ว่า "ยาหม่อง"

"ปิดเทอมแล้วสินะ โหกูคิดถึงมึงแน่เลยไอ้น้ำ ไอ้บอท"

เล็กบอกในวันสุดท้ายของการเรียนการสอน

"มึงก็มาหากูที่บ้านดิ เออไหนบอกจะไปทามกันวะ พรุ่งนี้ใช่ไหม"

"กูมาหาได้แค่ช่วงก่อนปลายเดือนล่ะน้ำ เดี๋ยวกูก็ลงกรุงเทพฯไปเที่ยวซะหน่อยเออ พ่อกูให้คนลงหาปลาด้วยล่ะมึง พวกเราไปเล่นน้ำกันเฉยๆ"

"น่าอิจฉามึงเนอะ ปิดเทอมก็ลงไปเที่ยวกรุงเทพฯ อย่าลืมของฝากล่ะมึง"

"เวลาจบมึงไปเรียนรามฯ มึงก็ไปอยู่กับกูดิ พี่กูอยู่บางกะปิ เราจะได้ไปเรียนด้วยกันไง"

เล็กเอ่ยอย่างดีใจตกลงกันไว้แล้วว่าพอจบจะพากันไปเรียนต่อที่รามฯ แต่น้ำเองยังสองจิตสองใจเพราะอยากจะเอ็นฯเข้า ม เกษตรให้ได้ก่อน

"แต่น้ำมันจะเอ็นฯนี่มึง"

บอทพูดแล้วมองหน้าน้ำ ในสายตาฉายแววห่วงใยออกมา

"ไม่เห็นเป็นไรเลยมึง พอไปเรียนเกษตรมึงก็เทียวเอาดิวะ กรุงเทพฯนะมึงไม่ใช่บ้านเรา เขามีรถเมล์ตลอดเวลานั่นล่ะ กลัวไรวะ"

"เอาเถอะ ตกลงพรุ่งนี้รวมตัวกันที่ไหนวะ"

น้ำเองก็อึดอัดใจ อนาคตที่มองยังไม่เห็น ไม่อยากพูดหรือคิดให้มันหนักใจ ให้มันบั่นทอนความรู้สึกเป็นสุขในตอนนี้ เปลี่ยนเรื่องไป เล็กกับบอทเองก็รู้ดีว่าน้ำอึดอัดใจ

"บ้านกูไง จะได้เดินไป"

เล็กบอกมองหน้าบอทเหมือนกำลังคุยกันทางสายตา

"ทำหน้าเครียดไปได้น้ำ อีกตั้งนานกว่าจะจบ ป่ะกลับบ้าน"

บอทตบบ่าน้ำเบาๆ น้ำเองก็พยักหน้ายอมเดินออกจากโรงเรียนสะบัดความคิดที่กำลังดำมืดทะมึนออกจากหัว

"บอท เดี๋ยวสิ"

น้ำดึงข้อมือบอทไว้เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นพยอมที่ผ่านทุกวัน ตอนช่วงก่อนหน้าหนาวพยอมจะออกดอกบานสะพรั่งขาวโพลนไปทั้งต้นแทบมองไม่เห็นใบ กลิ่นหอมเย็นส่งกลิ่นคลุ้งกระจายไปไกลลอยลมห่างไปหลายร้อยเมตร แต่ตอนนี้มันมีแต่ใบสีเขียวกับผลของพยอมที่เหมือนกับผลของต้นตะแบก หรือยางนาคือเป็นเหมือนลูกปิ่นเวลาลมพัดร่วงลงจากต้นปลิวไปไกล

"หือ อะไรน้ำ"

บอทหันมายักคิ้วขึ้นสูงมองหน้าน้ำ น้ำเองยิ้มออกมาล้วงเอาตลับยาหม่องในกระเป๋ากางเกงแล้วดันให้บอทหันหน้าไป เอามือกำตลับนั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของบอท บอทเองไม่ได้สะดุ้งหรือมีปฏิกริยาอะไรเพราะเคยชินกับมือหรืออวัยวะทุกส่วนใน ร่างกายของน้ำเป็นอย่างดีแล้ว

"สุขสันต์วันเกิดนะบอท"

กระซิบออกไปใกล้ๆหู บอทยิ้มพราวออกมา

"ฮ่าๆๆ ทำลับลมคมในจังนะน้ำ อะไรอ่ะ"

"เดี๋ยวค่อยเปิด ไม่มีราคาอะไรหรอก"

"นะ ของเราให้น้ำมันยังแค่กะลาขัด ไม่เกี่ยวหรอกน้ำ ขอบใจมาก"

บอทล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วหยิบเอาตลับยาหม่องออกมาดู ยิ้มพราวอยู่ทั้งดวงหน้า

"เอ๊ะบอท บอกว่าอย่าเพิ่งเปิดดู"

น้ำร้องเสียงหลงหน้าแดงขึ้นมา

"โหน้ำ แพงแน่เลยอ่ะ ไม่จำเป็นเลย"

บอทหยิบสร้อยคอที่ถักด้วยสายหนังแล้วพิจารณาดูอยู่

"ไม่แพงหรอก เก็บไว้ก็ได้นะถ้าไม่ใส่"

พูดออกไปอ้อมแอ้มก้มหน้าเอียงอายอยู่

"ใส่ดิ จะเก็บไว้ทำไม ในเมื่อแฟนเราให้มา"

บอทยิ้มแล้วแกะที่คล้องออกสวมเข้าที่คอตัวเอง

"ดูของที่เราให้น้ำดิ กับของที่น้ำให้เรา ฮ่าๆๆ แตกต่างกันมาก"

"อย่าพูดแบบนี้ดิบอท สำหรับบอท มันยังมีค่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำถ้าเทียบกับที่บอทรักน้ำ"

"น้ำ"

ครางออกมายื่นมือมากุมมือของน้ำเอาไว้

"น้ำเองก็มีค่าสำหรับเรามากนะ มีค่ามากกว่าทุกอย่างในโลกนี้"

น้ำเม้มปากแน่นรื้นน้ำตาเคลือบออกมาทั้งตาทำให้ตาเป็นแววส่องประกายเมื่อต้องกับแสงอ่อนโรยแรงของดวงตะวัน เหมือนพลอยทอแสงระยับอยู่ บอทเองฉายยิ้มออกมาแววตาบอกสิ่งที่พูดนั้นออกมาจากใจ

ทับดอกไม้ในสมุดเขียนจดฝัน    ผ่านคืนวันดอกไม้ก็โรยรา

แต่ใจฉันผูกพันธ์ถวิลหา       ไม่เคยราโรยไปใจรักเธอ

ดอกเทียนม่วงสีอ่อนยังเด่นชัด    แจ่มจำรัสอยู่ในใจให้พร่ำเพ้อ

กลิ่นจะจางสีจะซีดแต่คือเธอ       ที่เสมอเหมือนดวงใจหทัยกานต์



วิสัชนา  หากโลกนี้มีสิ่งใดเที่ยงแล้ว ฤๅ รูป รส กลิ่น เสียง ก็จะเที่ยงเช่นกันแล



เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:49:37 โดย eiky »

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
  :z13: :z13: :z13:

หวานนนนนนนนนน  :-[
ช่วยด้วยค่ะ มดขึ้นคอมแว้ววว   o18:
แต่หวานๆแบบนี้ก็ดีค่ะ ดีกว่าได้กินมาม่า ช่วงนี้กินเจของดมาม่านะคะ  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2010 19:34:43 โดย ZakuPz »

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
จิ้มพี่อิ๊กกี้   อ่านกลอนแล้วกลัวบอทเปลี่ยนจัง  จุดหักเหคงตอนเข้ามหาลัยแน่เลย  เศร้าบาดคอแน่

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
วันนี้คุณอิ๊กกี้ "ฟิต" จังนะคะ วันนี้มาต่อให้ตั้งสองตอน อ่านกันจุใจเลยค่ะ  :กอด1:
อ่านจากกลอนหลายๆ บทที่เขียนแล้ว ดูท่าคุณอิ๊กกี้คงเป็นคนโรแมนติกน่าดูนะคะเนี่ย
รออ่านความรักที่หวานหยดของบอทกับน้ำตอนต่อไปนะคะ เอ....หรือว่าจะมีคู่ของไก่กับเอ๋แทรกมาด้วยหว่า :fox2:  


***************************

หน้ามันแผล่บ คำนี้ออกเสียงเป็นเสียงวรรณยุกต์เอกก็จริงนะคะ แต่ก็สะกดด้วยเสียงสระแอะ และยังมีเสียงตัวสะกดอีก จึงต้องตัดรูป ะ ท้ายคำเพื่อไม่ให้รุงรังเวลาใส่รูปตัวสะกด สระ ะ ก็เปลี่ยนรูปไปเป็นไม้ไต่คู้ พอมีไม้ไต่คู้แล้วก็ไม่นิยมใส่รูปวรรณยุกต์อีกต่อไป ดังนั้นคำนี้จึงต้องเขียนว่า แผล็บ นะคะ  
อานิสง คำนี้อย่าลืมใส่ ส์ ไว้ที่ท้ายคำนะคะ ต้องเป็น อานิสงส์ ค่ะ

กลิ่นหอมเย็นส่งกลิ่นคลุ้งกระจายไปไกลลอยลมห่างไปหลายร้อยเมตร


คลุ้ง แปลว่า กลิ่นกระจาย ตลบ ไปทั่วถูกต้องแล้วค่ะ แต่ใช้กับกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์นะคะ ถ้าเป็นกลิ่นหอมกระจายต้องใช้ ฟุ้ง ค่ะ


ทับดอกไม้ในสมุดเขียนจดฝัน    ผ่านคืนวันดอกไม้ก็โรยรา
แต่ใจฉันผูกพันธ์ถวิลหา       ไม่เคยราโรยไปใจรักเธอ


คำนี้ไม่ต้องมี ธ์ นะคะ ผูกพัน กันเฉยๆ คือทั้งผูกและพันคนสองคนไว้ด้วยกัน แต่ สัมพันธ์ ต้องมี ธ์ นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2010 20:45:52 โดย なおみ™ »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
หวานๆๆๆๆมากๆๆๆๆ
ซึ้งค่ะ
เเต่ก็กลัวว่าจะเศร้า

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ของที่คนรักเรามอบให้ด้วยใจต่อให้เป็นเพียงก้อนหินแค่ก้อนเดียวมันก็มีค่ายิ่งกว่าเพชรพลอย

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) &#
«ตอบ #339 เมื่อ15-10-2010 00:28:45 »

ชอบมากกก อ่านแล้วเขินเองอยู่หน้าคอม 555
น่ารักอ่ะพี่ คู่นี้ หวานกันได้อีก อิอิ
ขอบคุณนะคะ พี่อิ๊กกี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2010 00:42:01 โดย meiji »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) &#
« ตอบ #339 เมื่อ: 15-10-2010 00:28:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้หวานจิงจิ๊งงงงงงงงงงง (จิงๆก้หวานกันทุกตอน)
แต่ว่า มาอ่านตอนจบ วิสัชนา...
ให้ฟีลว่าเดี๋ยวพอเข้ากทม.มานั่นแหละจุดหักเห มันต้องมีอะไรแน่ๆเลย...

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
น่าร๊ากกกก หวานกันจริงหวานกันจัง

~EnSlAvE_tO_dEsIrE~

  • บุคคลทั่วไป
ชอบภาษาการเขียนของคนแต่งมากเลยค่ะ

อ่านลื่นภาษาสวยและให้ความรู้สึกแบบในชนบทดีค่ะ

เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ แต่ไม่เอาดราม่านะค่ะ เพราะเป็นคนอ่อนไหวง่ายค่ะ :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ :กอด1:

tiramisu

  • บุคคลทั่วไป
แต่งกลอนเก่งจังคับ


ชอบๆๆๆ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ลงท้ายในตอนล่าสุดนี้ ว่าด้วยเรื่องอนิจจังของทุกสรรพสิ่ง
ก็ให้กลัวว่า ที่กำลังหวานชื่นรื่นกลิ่นหอมราวพะยอมที่หอมหวาน
จะปลาสนาการหายกลายเป็นขมซะจริงๆค่ะอิ๊ก
(แต่ก็ต้องยอมรับล่ะนะ ใดใดในโลกล้วน   อนิจจัง...ฯ)

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
 :o8:หวานซึ้งตรึงใจ....นับวันความหวานยิ่งเพิ่มมากขึ้น...
ชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์...ไม่มีอะไรมาแผ่วพาน...ความหวานก็ยังคงอยู่....
ชอบกลอนนะจ๊ะ  อ่านแล้วบอกถึงความรู้สึกของน้ำได้ดี :m1:
ส่วน วิสัชนาน่ะ...เป็นแนวคิดของบอทเหรอจ๊ะ น้อง eiky  :m21:

 :L1: น้อง eiky คนขยัน :pig4:
กด + ให้ความหวานกับกลอนเพราะ ๆ  รักกัน ๆ นะจ๊ะ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
 :L2: :L2: วันนี้มาส่งใบลาคร้าบ แหะๆ แถวอ่อนนุชฝนตกอ่า นอนตื่นตอน แว้กกก ๖ โมงเย็น เหอๆๆ เขียนมะทันอ่า เดี๋ยวคืนนี้จะพยายามน้า จุ๊บๆๆ :กอด1: :กอด1:

ปล เหมือนว่าเพื่อนๆกำลังเดาความเปลี่ยนแปลงกันอยู่น้า อิอิ ใครเดาถูกให้จุ๊บๆๆๆ ยังหรอกน้า มาม่ายังไม่ได้ไปซื้อเลยอย่ากลัวน้า ช่วงนี้กินทองหยิบทองหยอดไปก่อน อิอิ แบบหวานไม่เม้ม จัดหวานก่อนเนะ อิอิ

มีคนถามว่าเวลาจะมาม่าไม่บอกล่วงหน้า บอกแน่นอนคร้าบ เพราะเรื่องนี้เพื่อนๆอ่านไม่มากเท่าไหร่ คนที่อ่านคือคนที่ให้กำลังใจผมมาตลอด เพราะฉะนั้น เราได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เหอๆๆ อยู่กลางแม่น้ำยมุนาแล้วน้า กำลังจะออกคงคา แว้กกก ว่าไปโน่น
เอาเป้นว่าผมไม่แกล้งคนอ่านแล้วเนะ อย่ากลัว ไม่มาม่า ถ้าจะมาม่าจะบอกล่วงหน้า สักสอง ชม ดีไหม อิอิ

จุ๊บๆๆๆ ช่วงนี้กินลองกองวันละโลจะแจ่มใสขึ้นไหมอ่า อิอิ รู้แต่ว่าเล็บดำเหมือนไปทำนามาเลยตรู เหอๆๆ


รักกันๆๆ รักน้าแสดงออก :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
:L2: :L2: วันนี้มาส่งใบลาคร้าบ แหะๆ แถวอ่อนนุชฝนตกอ่า นอนตื่นตอน แว้กกก ๖ โมงเย็น เหอๆๆ เขียนมะทันอ่า เดี๋ยวคืนนี้จะพยายามน้า จุ๊บๆๆ :กอด1: :กอด1:


กำลังจะเข้ามาดูอยู่พอดีเลยค่ะ
ไม่เป็นไรนะคะ พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ
 :กอด1:

ใช่ค่ะ ตกมันทั้งวันเลย เฉอะแฉะมาก เซ็งมากค่ะเวลาต้องออกไปข้างนอกเนี่ย

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โว้ว พี่อิ๊กกี้ กินมาม่าไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนะพี่
ถ้ากินก็อย่ากินนานน้าา แล้วก็นานนานกินทีด้วย 555
ปล. กินลองกองมากมากระวังไม่สบายน้าพี่ : )
เลิฟ เลิฟ พี่อิ๊กกี้เช่นกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
ตกไปหน้า 2 แล้ว 

วันนี้มานั่งรอตั้งแต่หัววัน
:laugh:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
ตกไปหน้า 2 แล้ว 

วันนี้มานั่งรอตั้งแต่หัววัน
:laugh:

รอแป๊บน้าน้องมิ กำลังเร่งมือคร้าบ นอนดีมากมาย ฝนนี่เนอะ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่๑๕

ปุจฉา อันสิ่งใดที่เราไม่พึงจะอาย

เหมันต์พ้นพัดผ่านล่วงลมหนาว         อบร้อนอ้าวคิมหันต์พัดให้หรรษา

ร้อนเล่นน้ำแสนสดใสเย็นอุรา            แลนภาฟ้าเปิดกว้างให้เห็นใจ

ปลายมีนานภาสูงร้อนอากาศ            วิปลาสแดดร้อนให้เหงื่อไหล

ต้นเมษาแดดยิ่งร้อนเผาผลาญไป       ลงน้ำใสในห้วยหนองแสนสำราญ


พอปิดเทอมใหญ่เล็กก็แวะมาหาบ้างในบางวันก่อนที่จะลงกรุงเทพฯ เล็กมาก็ไม่ได้ทำอะไรมากออกไปยิงกิ้งก่าขุดแย้ พาไปหาไข่มดแดงหรืองมปลาในบ่อ เล็กเองก็ชื่ชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วไม่มีเกี่ยง หน้าร้อนหรือหน้าแล้งไม่ใช่จนหนทางทำมาหากินหรือหาของป่า ธรรมชาติที่รายล้อมตัวได้รังสรรค์ไว้ให้อย่างวิจิตรแล้ว เราเองต้องเอาประยุกต์ปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเราเอง เข้าป่าไปมีผักมีกิ้งก่ามีของป่ามากมายให้เอามาทำกิน ในนาก็มีปูนาหอยโข่งหอยขมให้ขุดเพราะในหน้าร้อนพวกกบเขียน หอยจะจำศีลโดยอยู่ในหลุมลึก อย่างเวลาไปหากบต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันเพราะต้องตระเวนไปตามที่เคยเป็นที่ลุ่มตอนหน้าน้ำ ต้องอาศัยประสบการณ์ในการหาที่อยู่ของกบ ขุดลงไปเป็นเมตรถึงจะได้ตัวกบ ถ้าโชคร้ายหน่อยก็จะเจองู แต่ถ้างูที่เจอเป็นงูเห่าวันนั้นถือเป็นลาภเลยทีเดียว

"วันนี้ไปขุดปูเหรอน้ำ"

เสียงเล็กถามขึ้นเสียงใสในตอนเช้า มาขลุกอยู่ที่บ้านน้ำตั้งแต่เช้าแล้วกินข้าวเช้าด้วยกัน พ่อถาวรออกไปไร่เพื่อเตรียมที่ปลูกแตงโม ส่วนแม่บุญช่วยไปอนามัย หินเองเอาวัวออกไปผูกไว้ที่นาหัวดอนกับแม่นิ่ม เพราะหน้าแล้งนี้หญ้าที่ใช้เกี่ยวจะไม่ค่อยมีต้องอาศัยหญ้าตามท้องนาเวลาไปเอาก็เอาเสียมไปดายหญ้าเอามาล้างน้ำแล้วค่อยเอามาให้วัวกินในตอนเย็น ส่วนตอนกลางวันก็เอาไปล่ามไปผูกไว้กับนาคอยตักน้ำให้มันกินสองครั้งต่อวัน

"อือ ไปนาห้วยมึง เดี๋ยวกูพาไปงมหอยด้วย"

"กูจะดำไหมมึง คืนนี้กูต้องลงกรุงเทพฯแล้วนะน้ำ"

"อ้าว ไปคืนนี้เหรอ กลับเมื่อไหร่วะมึง"

บอทร้องถามขึ้นกำลังเตรียมอุปกรณ์

"คงใกล้ๆเปิดเทอมล่ะมึง กูคงขาวจั๊วะเลยล่ะ ฮ่าๆๆ คอยดูนะน้องฝนต้องหันมาแลกู"

"อ้าวตกลงมันยังไม่แลมึงเหรอวะ"

"มันอายว่ะ ที่มีทอมไปจีบมัน แต่เดี๋ยวคงชินไปเองล่ะมึง"

"กูเอาใจช่วย"

น้ำบอกแล้วเดินไปหาบอทช่วยกันเตรียมอุปกรณ์

"กูต้องคิดถึงมึงแน่เลยเล็ก เคยเจอมึงทุกวัน แต่ต้องไม่เจอมึงเกือบสองเดือนแน่ะ"

น้ำทำตาละห้อยรู้สึกใจหายไปจริงๆ เพราะเล็กเองนับเป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งถ้าไม่นับรวมกับบอท เจอหน้าทุกวันยกเว้นวันหยุด

"แหมมึง มันแค่แป๊บเดียวล่ะน่า อย่างน้อยมึงก็มีไอ้บอทอยู่เป็นเพื่อน กูดิไปอยู่กับพี่ก็จริงแต่พี่กูก็ต้องทำงาน กูนั่นล่ะจะเหงาไม่มีเพื่อนคุย"

เล็กเองก็ทำสีหน้าหดหู่ขึ้นมา

"เว้ยคุยอะไรกันวะ ปิดเทอมแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเจอกันใหม่อยู่ดี ว่าแต่อย่าลืมของที่ฝากที่ให้ซื้อนะมึง"

บอทขัดจังหวะเล็กค่อยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย

"ของอะไรบอท"

"จะอะไรล่ะน้ำ ไอ้นี่มันหมกมุ่นจะเอาแต่หนังสือโป๊"

น้ำเองไม่ตอบแต่หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แกล้งเป็นหยิบจับทำอย่างอื่นไปเสีย

การขุดปูหน้าแล้งนั้นเป็นการหาปูอีกวิธีหนึ่งไม่ต่างไปจากการถากหอยขม ขุดปูนาหน้าแล้งถือเป็นความลำบากไม่น้อยไปกว่าการไปหากบ เพราะปูจะขุดหลุมลงไปลึกเช่นกันยิ่งตัวใหญ่ยิ่งขุดลงไปลึก แต่ที่ว่าลำบากนั้นเพราะกบจะหาได้ตามบ่อที่แม้น้ำจะน้อยแต่ก็ยังพอมีความชื้นทำให้เวลาขุดแม้จะอยู่ลึกแต่ก็ไม่ลำบาก แต่ทว่าปูนาจะขุดรูอยู่กลางทุ่งนาที่หน้าดินแห้งแข็งแตกระแหงแล้ว เวลาจะขุดต้องทนขุดเอาหน้าดินที่แข็งออกก่อนกว่าจะได้ปูมาแต่ละตัวก็ลำบากไม่ใช่เล่น แต่ปูหน้าแล้งจะมีมันปูเยอะเวลาเอาไปตำทำเป็นแกงอ่อมใส่ยอดผักอร่อยหอมฉุยทีเดียว หรือเอาไปเผาไฟตำเป็นน้ำพริกอันนั้นก็อร่อย หน้าแล้งมีอีกอย่างที่น่าสนใจคือผักติ้ว ประมาณปลายมีนาคม ต้นเมษายนใบเก่าของต้นผักติ้วจะหล่นหายเกลี้ยงต้น พอถึงช่วงเวลาผลิดอกก็บานสะพรั่ง ดอกของต้นติ้วมีลักษณะคล้ายดอกซากุระที่เห็นตามหนังสือ ดอกเล็กสีขาวอมชมพูบานสะพรั่งเต็มต้น ดอกของผักติ้วสามารถเอามาปรุงเป็นอาหารกินได้เช่นเดียวกับยอดอ่อนของผักติ้วเอง มีรสเปรี้ยวเจือนิดๆ ส่วนมากเอาไปแกงใส่ปลาหรือไข่มดแดงใช้ความเปรี้ยวแทนน้ำมะขามเปียกได้ หรือไม่ก็เอามากินสดๆหรือตำรวมกับน้ำพริกกิน ส่วนหอยขมที่ไปถากมาก็จะเอามาแช่น้ำไว้คืนสองคืนให้หอยคายดินออกมาค่อยเอามาทำกิน ที่เรียกว่าถากนั้นเพราะหอยขมจะอยู่ไม่ลึกมากจากพื้นดินเท่าไหร่นักเวลาไปหา แค่เอาเสียมไปถากๆเอาก็ได้หอยขมมาแล้ว หอยขมหน้าแล้งจะตัวอ้วนพีกว่าหน้าน้ำบางตัวมีไข่ด้วย

"อยากกินก้อยแย้ว่ะมึง"

เล็กร้องขึ้นหลังจากมานั่งพักที่กระท่อมปลายนา กรอกน้ำขวดที่กรอกมาจากบ้านเข้าปากดัวกระหาย

"กูกับบอทไปหามาไว้ขังอยู่ในข้องที่บ้านกลับไปค่อยไปทำกินดิ"

"เออดีเลย จะได้แวะสอยมะม่วงนาใครไม่รู้ตอนมาเห็นเป็นพวงเลย"

"นายยายสีอ่ะดิ แกไม่หวงหรอกเอาได้ ทำน้ำปลาหวานกินด้วยไหมล่ะเห็นแม่กูบ่นๆอยากกินอยู่"

น้ำเอ่ยขึ้น เล็กเองก็ดีใจออกนอกหน้า ที่ชอบมาหาน้ำเพราะได้ทำนั่นทำนี่กินกันไม่ขาดปาก ของที่ทำกินแม้จะไม่ได้วิเศษอะไรมากแถมยังเป็นแนวพื้นบ้านเสียด้วยซ้ำแต่มัน ก็มีความสุข ความสุขที่หาไม่ซื้อไม่ได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือเก็บได้รายทาง

"เออน้ำ อีเอ๋กับไอ้ไก่น่ะมันก็ไม่ได้ไปไหนนี่ ว่างๆไม่ไปหามันล่ะ"

เล็กเอ่ยขึ้นขณะกำลังย่างแย้เพื่อจะทำก้อยแย้อย่างที่อยากกิน วิธีทำก็ไม่ยากเย็นอะไรนัก เอาแย้มาย่างให้แห้ง ซอยหอมแดงพริกสดสับมะม่วงดิบพอแย้ได้ที่ก็เอามาสับแล้วเอาไปตำโขลกรวมกันไม่ละเอียดมากแค่พอเข้าน้ำเข้าเนื้อปรุงรสกินกับข้าวเหนียวร้อนๆอร่อยเหาะ

"มันคงมีเวลาคุยกับกูหรอกนะ เดี๋ยวนี้เปิดตัวแล้วนี่ หวานกันซะขนาดนั้น"

"แหมแล้วมึงกับไอ้บอทล่ะ ไม่น้อยหน้ากันหรอกวะ"

"กูกับบอทก็ไม่มีใครรู้นี่มึง ทำอะไรก็ก็ระวังจะหวานกันก็ส่วนตัวโว้ยไม่ประเจิดประเจ้อ"

น้ำเสียงที่สูงขึ้น สายตาที่มองมายังเล็กทำให้เล็กรู้สึกตัวหน้าเสียไป

"เอ้ยมึงกูล้อเล่น แหมขึ้นเสียงไปได้"

น้ำเองก็เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว หลุบสายตาลง

"เออ กูไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน"

"เอาน่ามึง อย่าไปคิดมากเลย กูแหย่ๆมึงเล่นแค่นั้นล่ะ พอกูไปกรุงเทพฯกูก็ไม่ได้แหย่มึงอีกแล้วนะ"

"อืม"

น้ำทำเสียงสลดลง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงได้รู้สึกไม่พอใจมากขนาดนี้ทั้งที่รู้ดีว่าเพื่อนไม่มีทางปากโป้ง พอหน้าร้อนตอนบ่ายแก่ๆ เสียงหริ่งเรไรจั๊กจั่นจะดังกึงก้องะงมอยู่ทั่วทั้งป่า บางทีก็น่ารำคาญบางทีฟังไปฟังมาก็เพลินหูดี เหมือนมโหรีที่ขับกล่อมป่าทั้งป่าให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่ความร้อนอบอ้าวทำให้พื้นที่ทั้งบริเวณแห้งแล้งดินแตกระแหง ไอแดดในตอนสายระยับตาอยู่ แม้ในป่าไม้เองก็ร้อนน้ำในหนองในห้วยลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จั๊กจั่นนี่ก็กินได้ นิยมเอามาตำเป็นน้ำพริกกินกับผักกระโดนหรือผักเม็ก วิธีไปดักจั๊กจั่นก็เอาไม้ไผ่ยาวๆติดครั่งไว้ปลายไม้พอเห็นตัวจั๊กจั่นก็เอาไปแตะ แต่น้ำกับบอทไม่นิยมเพราะจั๊กจั่นไม่มีเนื้อหนังอะไรให้กินเลย หาตั๊กแตนยังกินอร่อยกว่าอีก

แม่นิ่มกับแม่บุญช่วยไปตัดต้นกกที่ห้วยเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆที่พอหน้าแล้งจะทอเสื่อต้นกกกัน การไปเอาต้นกกนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะนอกจากจะเอาต้นกกแล้วน้ำกับบอทก็ช่วยกันงมหอยขมกับทอดแหหาปลาในห้วย เอาข้าวห่อไปกินกันด้วย ส่วนวัวให้พ่อถาวรกับหินเป็นคนดูแล

"ปีนี้คงได้หลายผืนนะแม่บุญ กกงามๆทั้งนั้น"

แม่นิ่มเอ่ยขึ้นหลังจากขึ้นมาพักกินข้าวตอนบ่ายกันที่กระท่อมปลายคูห้วย ตรงที่น้ำกับบอทมาหลบฝนกันวันนั้น น้ำกับบอทตัวเปียกอยู่เพราะลงลมหอยกับทอดแหวันนี้โชคดีได้ปลาตะเพียนตัวใหญ่กับปลาช่อนสองสามตัว

"ปีนี้ว่าจะย้อมสีน้ำเงินกับสีแดงนะแม่นิ่ม ปีที่แล้วไม่ได้ย้อมสีอะไรเลยเสื่อมันไม่น่านั่ง"

"อืมดีเหมือนกันจะได้ฝากพ่อถาออกไปซื้อให้ที่อำเภอ"

วิธีการทอเสื่อต้นกกก็ไม่ได้ง่ายหรือยากลำบากมากนัก เป็นกิจกรรมที่พวกแม่บ้นหรือลูกเด็กเล็กแดงทำกันในตอนกลางวันเพราะออกไปไหนไม่ได้ด้วยแดดที่ร้อนจัด ส่วนมากกางที่ทอเสื่อไว้ใต้ถุนบ้านเอาเส้นด้ายชนิดแข็งแรงมาขึงมีฟืมหรือที่ทอวางขวางอยู่ การย้อมสีต้นกกก็สนุกเพาะเวลาย้อมสีกกเสร็จก็จะเอาเสื้อผ้าเก่าๆลงมามัดเป็นลวดลายด้วยเชือกเอาลงไปย้อมพอเสร็จแกะเชือกออกก็เหมือนได้เสื้อใหม่มาอีกตัว

"น้ำวันนี้ไปหาไอ้ไก่ไหม ชวนมันไปทอดแหที่ห้วยบ้านใหญ่"

บอทเอ่ยขึ้นตอนช่วงใกล้สงกรานต์

"อืมก็ดี จะได้แวะไปหาอีเอ๋ด้วย ไม่ได้เจอนานแล้ว"

ตอนกลางวันกิจกรรมมีให้ทำเยอะแยะไปหมด เนื่องจากไม่ได้เรียน ไม่ว่าจะเข้าป่าไปที่ไร่ช่วยพ่อถาวรขุดไร่จะปลูกแตงโม ไปหาฟืน เผาถ่าน ออกไปห้วยหาปลาหาหอย กิจกรรมมีให้ทำอยู่ทุกที่ทุกเวลาขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะทำมันหรือไม่ พอยืมรถจากพ่อถาวรได้ก็เตรียมอุปกรณ์ตรงดิ่งไปหาไก่ที่บ้าน รายนั้นยินดีมากที่จะได้ไปบ้านใหญ่ เพราะจุดประสงค์คือจะได้ไปหาเอ๋ เอ๋กำลังนั่งทอเสื่อต้นกกอยู่กับแม่พอเห็นเพื่อนๆมาหาก็ดีใจ ยิ้มมากเป็นพิเศษกับไก่

"เออพอดีเลย ห้วยตรงวังอีเย็นน้ำลงพอดี ปลาเยอะยังไม่มีใครไปกวน"

เอ๋บอกยิ้มระริกอย่างดีใจ วัง คือห้วงน้ำวนตอนฤดูน้ำหลาก ที่มีชื่อเรียกเป็นอีนั่นอีนี่ก็เนื่องจากมีประวัติไม่รู้ว่าจากรุ่นไหน ประวัติก็คือการไปพลัดตกน้ำตายอยู่ที่วังนั้น ใครตายที่ไหนก็ได้ชื่อวังเป็นเจ้าของไป

"งั้นกูเอาหม้อไปด้วยดีกว่าเนอะ เผื่อจะได้กินข้าวที่โน่นเลย"

เอ๋บอกแล้วเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือใส่ในตะกร้าไม่ไผ่ พอเรียบร้อยเตรียมพรอ้มกันแล้วก็ตรงไปยังวังอีเย็น รถเครื่องของน้ำจอดไว้ที่บ้านของเอ๋ แล้วให้ไก่เอารถไถนาที่ทำเป็นที่นั่งเหมือนเกวียนมารั้งท้าย ชาวบ้านเรียกว่ารถอีแต๊ก รถอีแต๊กเป็นของพ่อเอ๋ซึ่งตอนนี้ไม่อยู่บ้านไปหาปลาที่ทาม รถอีแต๊กขนของได้หลายอย่าง ไก่เป็นคนขับตรงไปยังวังอีเย็น แดดร้อนกลางเดือนเมษายนถือว่าร้อนแรงมากกว่าเดือนไหนๆ มองไปกลางทุ่งนาก็ระยิบระยับอยู่ด้วยไอของแดด ซังข้าวลู่ลงกับพื้นดินต้นไม้ใบหญ้าดูเหมือนเหี่ยวแห้งลงไม่มีชีวิตชีวาหรือชวนมองแต่อย่างใด

"นี่น้ำสงกรานต์น่ะกูชวนอีฝนกับอีเดือนไว้ ไปทามกันนะมึงจะได้ไปหาปลากินข้าวกัน"

เอ๋หันหน้ามาบอกน้ำระหว่างเดินทาง เสียงรถอีแต๊กดังสนั่นหวั่นไหวเวลาคุยกันต้องตะโกนแหกปากเสียงดัง น้ำพยักหน้าแล้วหันไปหาบอทที่กำลังมองดูนาอยู่อย่างเพลิดเพลิน

"ไปดิมึง วันไหนล่ะ วันแรก วันสอง หรือวันสาม"

บอทหันไปถามเอ๋บ้าง

"วันแรกดีกว่า วันสองเผื่อจะไปทำอย่างอื่น"

พอตกลงกันได้ก็คุยเรื่องอื่น เรื่องเล็กบ้างเรื่องเพื่อนคนนั้นคนนี้บ้าง แต่เอาไปเอามาหัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นครูที่โรงเรียน นินทานั่นเอง ยิ่งนินทายิ่งมันในอารมณ์

"นี่เมื่อวานกูเห็นไอ้ต้าซ้อนมอร์ไซค์ไปกับอีต้อย ม หก มึง ตัวนี่ติดกันเชียว"

"ที่ไหนวะ"

"ทางไปนากูนั่นล่ะ กูไปดายหญ้า พวกนั้นคงไม่เห็น แหมปากนะว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้ก็สมภารกินไก่วัดดีๆนี่เอง"

"อย่าเพิ่งพูดไปแก เขาอาจจะมีอะไรคุยกันก็ได้"

"โอ๊ย มันจะคุยอะไร เรื่องใต้สะดือล่ะสิ หัวงูนะไอ้ต้าน่ะ"

ไก่ร้องขึ้นบ้าง ระหว่างเตรียมตัวลงน้ำจะทอดแห

"ช่างหัวมันสิ มันทำยังไงได้อย่างนั้นล่ะ"

น้ำบอกแล้วเปลี่ยนประเด็นไปหาคนอื่นบ้าง สรุปทั้งวันก็นินทากันอยู่อย่างนั้น พอบ่ายแก่ๆก็มาทำอาหารกินกัน โดยคนที่ลงทอดแหคือน้ำกับไก่ ส่วนบอทไปหาไข่มดแดงกับเอ๋ เอ๋เป็นคนที่ทำมาหากินเก่งมาก ไปนาได้ปลาได้หอย เข้าป่าได้เห็ดได้หน่อไม้ กลางคืนก็ออกไปส่องตั๊กแตนหานั่นหานี่อยู่ไม่หยุด วันนั้นจึงได้ไข่มดแดงมาถังใหญ่ ส่วนน้ำกับไก่ก็ได้ปลาเยอะพอสมควรเพราะบริเวณนั้นยังไม่มีใครมากวน อาหารก็มีก้อยไข่มดแดงปลาช่อนเผากับส้มตำฝีมือเอ๋ ทุกคนดูมีความสุขหัวเราะหยอกล้อกันตลอดเวลา เอ๋กับไก่ดูไม่ปิดบังบอทกับน้ำแล้วว่ามีใจให้กัน คอยหยอกเอินกันอยู่ ส่วนน้ำกับบอทก็ทำตัวปกติ ไม่อยากให้ใครรู้ ไม่รู้ทำไม

พอวันว่างไม่มีอะไรทำก็ออกไปทุ่งนาเฝ้าวัวที่เอาไปผูกไว้ ตอนกลางวันก็พากันนอนอยู่ที่กระท่อมหัวนา แต่นอนไปได้ไม่นานก็ต้องพากันออกไปหากิ้งก่า หาไข่มดแดงตามประสาคนที่ไม่เคยอยู่นิ่ง แดดร้อนนับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอีก บ่อน้ำก็แห้งขอดลงไปถึงก้นบ่อ ต้นไม้ใบหญ้าก็เหี่ยวแห้งใบสีเหลืองๆแดงๆ แต่มีต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่งที่แม้จะแห้งแล้งเท่าไหร่แต่กลับผลิยอดแตกใบเขียวชะอุ่มอยู่ ผักหวานนั่นเอง ผักหวานไม่ขึ้นที่ชื้นจะชอบขึ้นตามป่าไม้โปร่งๆ ใบของมันนิยมนำมาต้มแกงกินใส่เห็ดใส่ปลา หรือแม้แต่แกงกินเฉยๆก็ยังอร่อย

"น้ำวันนี้เข้าดอนไปหาผักหวานกันไหม"

บอทเอ่ยปากชวนขึ้นวันหนึ่งตอนที่ไปเฝ้าวัวที่นากันสองคน

"อืม ดีเลยจะได้แวะหาไข่มดแดงด้วย"

พอตกลงกันได้ก็เตรียมอุปกรณ์มีถังน้ำกับมีดพร้าด้ามใหญ่ ทั้งสองเดินตามกันเข้าป่าไป ในถังมีน้ำอยู่ก้นถังเวลาได้มดแดงก็จะตัดมาทั้งรังเอายีใส่ลงไปในถังไล่มดแดงออกให้หมดเหลือไว้แต่ไข่กับตัวอ่อนของมดแดง เริ่มต้นด้วยการหารังมดแดง พอเจอบอทก็ตัดมาใส่ถังเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายเพราะมดแดงกัด ต้องรีบไปปัดออกให้กันเพราะไม่อย่างนั้นตัวจะเปื่อย พอได้ไข่มดแดงตามที่ต้องการแล้วก็ตรงไปยังดอนที่ว่า มีต้นติ้วต้นตะแบกป่าขึ้นอยู่เรียงราย พื้นดินแห้งแต่เป็นทรายขาวบางส่วน บางส่วนก็เป็นเหมือนโขดหินเหมือนกับว่าที่นี่เคยเป็นทะเลมาก่อน ทรายขาวสะอาดตา ขาวจนน้ำต้องเอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองเพื่อเอาไปกรอกขวดย้อมสี

"สวยจังบอท ไม่เคยเห็นเลยอ่ะ"

น้ำร้องขึ้นสายตาระยับอยู่ เดินเข้าไปนั่งหลบแดดใต้ร่มตะแบกป่าต้นใหญ่ บอทเองก็เดินตามมา

"เนอะ สวยดี ตรงนี้คนไม่ค่อยมาหรอก ดูยอดผักหวานดิน้ำเยอะเลย"

บอทบุ้ยปากไปทางต้นผักหวานที่ขึ้นอยู่ไม่ไกลจากตรงที่นั่งมากนัก

"รีบเก็บเถอะ จะได้ไปทำกินหิวแล้ว"

น้ำทำท่าจะลุกขึ้นแต่บอทฉวยมือเอาไว้

"เดี๋ยวสิน้ำ พักก่อนดิ ร้อน"

แรงดึงทำให้น้ำเซไปนั่งบนตักของบอท พอนั่งลงก็สะดุ้ง

"อะไรบอท คึกแต่หัววันเลยนะ"

"ก็อยู่ใกล้น้ำนี่ เนี่ยจับดูดิ"

บทอบอกพลางจับเอามือของน้ำไปวางที่เป้ากางเกงของตน

"บ้าเหรอบอท เดี๋ยวเจ้าป่าเจ้าเขาโกรธเอา ไม่เอาๆ"

"โอ๊ย ร้อนจะตายเจ้าป่าเจ้าเขาไปเล่นน้ำกันหมดแล้วล่ะน้ำ นะนะ เราลองทกันที่นี่ดีไหม เปลี่ยนบรรยากาศ"

"บ้าเหรอบอท ไม่เอา"

หน้าแดงก่ำหัวใจเต้นแรงสูบฉีดเลือดให้ไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย น้ำเองก็ขัดขืนอยู่เพราะกลัวว่าจะผิดผี แม่บุญช่วยเคยเล่าว่าแต่ก่อนหัวนาของแม่นิ่มเคยเป็นสนามม้ามาก่อน ยายของบอทเคยไปฉี่ที่หัวนา แค่ฉี่แต่เสียสติเป็นบ้าไปเลย น้ำเองจึงฝังใจตั้งแต่เด็ก อ้อนวอนบอทอยู่นานจึงยอม

"ฮ่าๆๆ กลัวไปได้ ไม่ทำก็ได้หรอก แหมยกเรื่องมาเล่าซะ ยายเราเขาคิดมากไปเองต่างหาก"

บอทหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลุกตามน้ำไปเก็บผักหวาน

"แต่คืนนี้น้ำไม่รอดนะ จะจัดให้สองชุดเลย ขัดขืนดีนัก"

"บ้า"

น้ำเขินหน้าแดงใจสั่นอยู่ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งใจสั่น ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหวั่นไหว ยิ่งนานวันยิ่งผูกพันรักแน่นขึ้นไปทุกที


วิสัชนา สิ่งที่ไม่พึงที่จะอายคือตัวตนของเรานั่นแล สิ่งใดในโลกจะอายย่อมเป็นได้ แต่ถ้าอายตัวตนของตัวเองแล้วเราจะหล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินต่อไปยังไงฤๅ



ปล แฮ่กๆๆๆ โหปั่นแทบตาย ไม่ค่อยไหลเท่าไหร่น้า พยายามจะเขียนให้ดีๆยาวๆ มาได้แค่นี้เอง ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะครับ ช่วงนี้อาจจะน่าเบื่อไปหน่อยที่พล่ามเรื่องบ้านนอกคอกหาให้ฟัง แต่อีกไม่นานน้าเดี๋ยวเรามาเข้าเรื่องกัน ว่าทำไม ถึงได้ชื่อเรื่องว่าสนิมน้ำค้าง อิอิ จุ๊บๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:52:07 โดย eiky »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
จิ้ม........


อยากรู้เร็วๆจังว่าทำไมต้องสนิมน้ำค้าง

เคยได้ยินแต่คาวน้ำค้าง


แต่ไม่เอาเศร้ามากได้ไหมอ่าส์ อ่านแล้วโรคจิตแบบว่าจำไปฝันบ้าง นั่งเพ้อบ้างอะไรบ้าง ยิ่งเครียดยิ่งจิต อ่อนๆว่างๆต้องไปพบจิตแพทย์หน่อยและ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2010 18:44:02 โดย samsoon@doll »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3

อยากรู้เร็วๆจังว่าทำไมต้องสนิมน้ำค้าง

เคยได้ยินแต่คาวน้ำค้าง


แต่ไม่เอาเศร้ามากได้ไหมอ่าส์ อ่านแล้วโรคจิตแบบว่าจำไปฝันบ้าง นั่งเพ้อบ้างอะไรบ้าง ยิ่งเครียดยิ่งจิต อ่อนๆว่างๆต้องไปพบจิตแพทย์หน่อยและ

คุณแม่บ้าน คาวน้ำค้างจริงหรา แหะๆๆๆ เค้าคิดลึกน้า เค้าก็อ่อน แต่อ่อนเวลาอาบน้ำ แว้กกกก ไม่เศร้ามากหรอกครับ ผมกำลังพัฒนาการเขียนแนวใหม่ ที่พยายามเขียนให้คนอ่านเห็นภาพชัดเจน ทรีดีแล้วจิ้นตาม ตัดฉับ อะไรประมาณนี้ แว้กกก โอ๋ๆๆ ไม่กลัวน้า


พี่โรซีน ชอบคุณคร้าบ อยากได้ดอก Forget me not อ่า อิอิ

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เอาแล้วๆๆๆอ่านตอนที่14ค้างคาใจกับประโยคนี้จังเลย

"น้ำได้มันไปหมดแล้วนี่ ไม่เหลือแล้ว เนี่ยไม่มีเหลือไว้ให้แม้แต่ตัวเอง"

พออ่านบทที่15 ตอนที่คุณอิ๊กพูดว่าเราจะมาว่า ว่าทำไม ถึงได้ชื่อเรื่องว่าสนิมน้ำค้าง

เตรียมกินมาม่าแล้วยังเนี๊ยะ o13

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
มานั่งรอตอนใหม่จ้า

ปล.ถึงจะเปลี่ยนแนวการเขียนก็จะไปตามอ่าน แต่ถ้ามีการตัดฉับๆ
ระวังข้างหลังไว้ให้ดี o18

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
แปะโป้งลงชื่อไว้  o13
เดี๋ยวมาอ่านค่ะ

 :กอด1:กอดคุณอิ๊ก

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106



อยากได้ก็เลยเอามาฝากน่ะ






แต่อันนี้ อยากกินเฉย ๆ 555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2010 21:49:04 โดย PEENAT1972 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด