สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 221295 ครั้ง)

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โว้ว ฟังเเล้วขนลุกเพลงนี้ พลังเสียงสุดยอดดด
สมควรที่คนดูจะเงียบแหะ 55555
น้ำเก่งจัง :D

มีคู่ใหม่รึเปล่าน้าา เอ๋กับไก่
ฮิ้ว เอาใจช่วยให้ผ่่านกำแพงในหัวใจไก่นะจ๊ะ

ขอบคุณพี่อิ๊กกี้นะคะ
ปล. คิดถึงญี่ปุ่นม๊ากมากก อิอิ  :กอด1:

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อ่านตอนนี้แล้วมันเหมือนมีสัญญาณเืตือนอะไรรึป่าวเนี๊ยะ

สงสารเอ๋เหมือนกันนะ

เอ๋สู้ๆๆ น้ำกับบอทอย่ายอมให้คุณอิ๊กกี้แกล้งเล่นง่ายๆนะ
 o13

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
เบาๆค่ะ

เอ แบบนี้แสดงว่าเจ๊พร้อมแล้วเหรอคร้าบที่จะรับแบบหนักๆ อิอิ อดใจแป๊บน้า เดี๋ยวจัดหนักให้
จุ๊บๆๆ

humanculus

  • บุคคลทั่วไป
ขอหนักๆแบบ  เอาทุกท่วงท่าอะ   มะช่ายดราม่า   ม่ามา ก็ม่ายเอา  เอาแบบเลือดวายหมดตัวอะครับ   หึๆๆๆ 



รักจังเวลาตังไม่มี

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ยังตามลุ้นอยู่  ว่าจุดหักเหของบอทกับน้ำ คือการเรียนต่อหรือเปล่า

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
เบาๆค่ะ

เอ แบบนี้แสดงว่าเจ๊พร้อมแล้วเหรอคร้าบที่จะรับแบบหนักๆ อิอิ อดใจแป๊บน้า เดี๋ยวจัดหนักให้
จุ๊บๆๆ

จัดมาเลยค่ะตุณอิ๊กกี้ เต็มที่เลย
น้องมิไม่เคยหวั่น...แม้วัน"มาม่า"  
:laugh:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
 o13 น้องน้ำ.....อนาคตคงไปไกล......
มิใช่ธรรมดาแน่นอน....ดูแล้วน้องน้ำเป็นคนมีมานะ...
มีความตั้งใจสูงและเด็ดขาด....ส่วนบอท...????....
อีกคนที่แน่คือน้องเล็ก....คนจริงเลยนะเนี่ย...
รอดูอนาคตของน้อง ๆ ต่อไป.... :really2:

อ่านแล้วเป็นนิยายที่ค่อนข้างสมบูรณ์ทั้งบรรยากาศ
และเนื้อหาที่ชวนติดตาม...
 :L2: น้อง eiky   :กอด1:

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
วันนี้คุณอิ๊กกี้คงไม่มาต่อแน่เลย

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
น่าจะเป็นเช่นนั้นแล น้องมิเอ๋ย.............

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
วันนี้คุณอิ๊กกี้คงไม่มาต่อแน่เลย
น่าจะเป็นเช่นนั้นแล น้องมิเอ๋ย.............

อ่า เดี๋ยวมน้าแป๊บนึงกำลังยืนด่าเพื่อนร่วมงานอยู่ปรี๊ดแตก อิอิ

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
นั้งรอมานานแล้วน๊า TT  ไม่มาซะที

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๒
ปล ช่วงนี้จะหนืดนิดหน่อยนะครับ เหมือนเรื่องจะไม่เดินไปไหนมาไหน ทนอ่านหน่อยน้า เดี๋ยวจะเข้าเรื่องเมื่อไหร่จะบอกล่วงหน้า ตอนนี้อยากจะบรรยายสภาพบ้านนอกให้เพื่อนๆอ่านไปพลางๆก่อน จุ๊บๆๆ


ปุจฉา หากเวลารักเปรียบดังสวรรค์อยู่กลางอก แลนรกนั้นเปรียบกับสิ่งใดฤๅ

อุษาสางสาดส่องพื้นสนามฟุตบอลหน้าโรงเรียนประกายแดดทอระยับแวววาวอยู่ หญ้าที่ขึ้นเป็นหย่อมๆสีเขียวออกเหลืองซีดๆเพราะขาดน้ำขึ้นอยู่เป็นกระจุกแลไปเห็นเนินดินชัดเจน ฝุ่นที่ปลิวคลุ้งกระจายไปด้วยแรงลมกลางฤดูเหมันต์ทำให้ไม่มีนักเรียนคนไหนลงไปเล่นเตะฟุตบอลเหมือนแต่ก่อน แต่จะย้ายฝั่งมาทางสนามบาสกับสนามตะกร้อแทนเพราะเป็นพื้นปูนซีเมนต์ อากาศในตอนรุ่งอรุณยังคงตลบอบอวลไปด้วยความหนาวเย็นที่แสงสุริยาแม้จะเพิ่งไล่ความหนาวในราตรีอันยาวนานไปได้ไม่นาน คาบเรียนแรกครูนักเรียนส่วนมากจะพากันลงมาเรียนมาสอนกันที่สนาม ใครมาถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน นั่งกับพื้นไม่กลัวเลอะกลัวเปื้อน ให้แดดยามเช้ามอบความอบอุ่นให้ บางห้องไปนั่งเรียนที่ถนนคอนกรีตที่เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อตอนต้นปี เป็นถนนเส้นเล็กๆรอบบริเวณโรงเรียน เพราะฉะนั้นห้องเรียนต่างๆจึงไม่ต้องแย่งที่ผิงแดดกันแล้ว ห้องของน้ำเองก็จับจองพื้นที่ตรงถนนหลังโรงเรียนอาจารย์แววสอนเรื่องเซ็ทอยู่แต่เป็นแค่การอธิบายคร่าวๆใครมีอะไรถามก็ถามเพราะจะทำตัวอย่างให้ดูก็คงไม่ได้ นักเรียนนั่งหลังพิงกันฟังอาจารย์แววอธิบายไปอย่างเป็นสุข มันอบอุ่นไม่ใช่เฉพาะจากแสงแดดเพียงเท่านั้นแต่มันอุ่นมาจากความรู้สึกด้วย หลับตาลงคราใดภาพเหล่านั้นยังตราตรึงติดอยู่ในความทรงจำไม่สร่างซา

"อีกแล้วว่ะนังตุ้มนี่มันเป็นอะไรมากป่ะวะ รุ่นพี่ ม ๖ ไม่ให้แสดงให้เราแสดงแทน อะไรวะ"

เล็กบ่นหน้าตาท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างมาก เดือนเองก็ทำท่าเดียวกัน

"แล้วจารย์พรว่าไงมึง"

"จะว่าไงน้ำ เค้าก็เออออตามน่ะสิ อะไรวะ ม ๕ ให้เล่นละคร ส่วนเราให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลย เกินไปว่ะ"

เล็กเองแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมา เพราะได้รับมอบหมายให้จัดการแสดงและรับผิดชอบคิวงานวันคริสมาสต์ทั้งหมด เพิ่งจะได้รู้เมื่อตอนอาจารย์เรียกประชุมคาบแนะนวนี่เอง

"เดี๋ยวลองไปคุยกับจารย์พรดูก่อนมึงอย่าเพิ่งโวยวายไป"

น้ำพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อนๆไว้ เพราะทุกคนในห้องต่างเห็นพ้องต้องกันไปกับเล็ก

"ครูว่าท่าจะไม่ได้แล้วล่ะน้ำ ครูตุ้มเขาบอกมาแบบนี้"

"ทำไมล่ะครับจารย์ ให้เราเป็นคนดูแลงานทั้งหมดเองเลยมันหนักไปนะครับ ทั้งที่เราเพิ่งอยู่ ม ๔ เอง"

"ครูแย้งแล้วนะน้ำ แต่ทำไงได้ครูตุ้มเธอเป็นหัวหน้าฝ่าย"

"งั้นผมจะไปคุยกับครูตุ้มเองครับ"

"อืม ลองดูน้ำแต่มีอะไรค่อยๆคุยนะ เก็บอารมณ์ไว้หน่อย เราก็รู้อยู่ว่าครูตุ้มแกเป็นคนยังไง"

อาจารย์พรเตือน น้ำเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเล็กและเดือน รวมถึงหัวหน้าห้องที่เซื่องซึมไม่ได้สนใจหรือร้อนใจแต่อย่างใด ติ๊กเองเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้โดนลากมาถึงยอมมา น้ำเดินนำหน้าเพื่อนไปห้องภาษาอังกฤษเพื่อคุยกับครูตุ้ม

"มีอะไรน้ำ"

ปลายเสียงตวัดขึ้น

"ผมมาถามจารย์เรื่องงานวันคริสมาสต์น่ะครับ"

"ว่าไง ก็ตามที่ครูบอกไปนั่นล่ะพวกเรามีปัญหาอะไรเหรอ"

"คือที่จารย์จะให้ ม ๔ เป็นเจ้าภาพน่ะครับ ทางเราเห็นว่ายังไม่พร้อม อีกอย่างคนเราก็น้อยกว่าพี่ ม ๕ กับ ม ๖ ถ้าจะให้เป็นเจ้าภาพจริงเราขอเป็นปีหน้าได้ไหมครับ"

น้ำอธิบายออกไป แต่อาจารย์ตุ้มทำสีหน้าไม่สนใจ

"ก็ลองดูไงน้ำ ครูเชื่อฝีมือพวกเธอนะเนี่ยถึงยอมให้จัดงานเอง แต่ก่อนไม่เคยมีนะครูช่วยตลอด ปีนี้เห็นห้องพวกเธอมาแรงก็อยากให้แสดงฝีมือ เอาตามนั้น"

เหมือนเป็นประกาศิตน้ำเม้มปากแน่น ไม่เคยรู้สึกเกลียดชังครูคนไหนมาก่อน แต่เพิ่งจะรู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้านี้ไม่น่าเคารพเอาเสียเลย วันเวลานั้นตอนนั้นเนื่องด้วยวุฒิภาวะของเรายังน้อย อารมณ์ที่แสดงออกมาคิดดีแล้วว่าทำถูกทำควรแล้ว แต่พอมองย้อนกลับไปได้แต่ส่ายหน้ารู้สึกผิด บางอย่างที่เรามั่นใจแล้วว่าทำถูกแต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ความคิดของเราที่เชื่อเหลือเกินมั่นใจเหลือเกินว่าดีแล้วควรแล้วแต่มันก็ไม่ใช่ ถามว่าเสียใจไหมที่ทำลงไปอย่างนั้น เสียใจนะ แต่ถามกลับว่าแล้วทำไมถึงทำให้เราเข้าใจไปแบบนั้น มนุษย์เรามีหนทางสื่อสารอธิบายกันมากมายหลากหลายวิธี ทำไมไม่ทำให้กระจ่างใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าทำไม ให้ทำแบบนั้นเพื่ออะไร เอาเป็นว่ายอมรับว่ามีอคติกับอาจารย์ผู้สอนซึ่งมันไม่ดีเลย ทำให้เราเรียนหนังสือไม่ได้ดีเท่าที่ควร อันไหนควรถามก็ไม่ถามเก็บงำเอาไว้ในใจเพราะคิดว่าไม่ชอบคนสอน แนวคิดแบบนี้ถือว่าเป็นแนวคิดขาลงดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน

มีคำด่าทอที่ไม่เหมาะสมออกมาจากปากมากมาย ขอข้ามไป แต่บทสรุปคือหลีกเลี่ยงงานนี้ไม่ได้ต้องยอมทำตามที่อาจารย์ตุ้มต้องการ ความรู้สึกในตอนนั้นคืองานวันคริสมาสต์ทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนชั้น ม ๑ มาอาจารย์ประจำภาควิชาจะเกณฑ์เอารุ่นพี่ ม ๖ มาเป็นแรงหลักในการจัดงาน แต่แผนงานทุกอย่างรวมถึงแม่งานคือภาควิชาภาษาอังกฤษเอง ไม่เคยมีโยนให้ชั้นไหนชั้นหนึ่งทำเอง แต่ถ้าจะมองในแง่ดีอาจารย์อาจจะลองให้พิสูจน์ฝีมือดูว่ามีศักยภาพทางมากน้อยเพียงใด อย่างน้อยมันก็ดีกับตัวนักเรียนเองในอนาคต

"พวกแกๆ นี่ ไปฟังไอ้พวกชาติชั่ว ม ๖ มันนินทาเรา"

ฝนเพื่อนในห้องวิ่งกระหืดกระหอบร้องไห้เข้ามาหาเพื่อนๆ

"มันว่าอะไร"

เสียงทุกคนดังขึ้น

"พวกมันบอกว่าพวกเราไม่มีปัญญาทำหรอกสงสัยงานจะล่ม มันเป็นแผนอาจารย์ตุ้มกับพวก ม ๖ มันเห็นว่าห้องเราคนน้อยบอกอะไรก็ไม่ฟัง"

"ทำไมทำแบบนี้ เลวที่สุด"

"ใจร้ายจังเลย เป็นครูอยู่หรือเปล่า"

อยากเห็นเรื่องแบบนี้แต่ในนิยายเพียงเท่านั้นไม่เคยคิดว่าจะเจอเองกับตัว ไม่ได้สิ้นความเคารพศัทราไปเสียหมด แต่กำลังใจที่เคยมีมันถดถอยลงไปมาก

"กูจะไปฉะกับพวกมันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องทำมันแล้ว ให้มันล่มไปนั่นล่ะ"

เล็กร้องขึ้นสีหน้าสีตาโกรธแค้นไม่ต่างจากคนอื่น

"ไม่ต้องทำอะไรนะพวกเรา ช่างหัวมัน จะทำอะไรก็ทำ"

"นี่พวกแก ถ้าเราไม่ทำ พวกมันจะยิ่งไม่เยาะเย้ยเราเหรอ นี่มันเป็นแผนของพวกมันไม่ใช่เหรอ ทำไมเราไม่ทำให้มันได้ ให้พวกมันพูดไม่ออก"

หัวหน้าห้องเอ่ยขึ้นจากที่นั่งนิ่งฟังมานาน ทุกคนหันไปมอง

"จะทำยังไงทันล่ะไอ้ติ๊ก อีกแค่อาทิตย์เดียว ใครมันจะไปทำทันวะ ปีก่อนเตรียมงานกันเป็นเดือน"

"พวกเราก็ทำเท่าที่ทำได้สิ" กาญจน์พูด

"อืมกูก็เห็นด้วยกับไอ้ติ๊กนะเว้ย ทำไมพวกเราต้องยอมแพ้ ให้คนอื่นมาดูถูกพวกเราวะ"

บอทเอ่ยขึ้นสีหน้าจริงจัง

"นั่นสิ อย่างวาดรูปอีเอ๋ก็กินขาดไม่มีใครเทียบ พวกเราก็ทำฉากขึ้นมาเอง อย่างเรื่องการแสดง เดี๋ยวกูเขียนบทให้ พิธีกรกูรับเองกับเดือน ส่วนการแสดงเราก็เล่นสักเรื่องก็พอ"

น้ำเอ่ยออกมา ทุกคนมองหน้ากัน สรุปทั้งวันคุยกันเรื่องจัดการรับมือกับงานที่จะมีขึ้นในอีกไม่ถึงอาทิตย์ยังไงดี น้ำเป็นคนเขียนบทละคร ตกลงกันว่าจะเล่นเรื่องซินเดอเรล่า โดยให้บอทเป็นเจ้าชาย ฝนเป็นเจ้าหญิง เอ๋เป็นนางร้าย กาญจน์เป็นแม่เลี้ยง ไก่เป็นองครักษ์ ส่วนน้ำกับเดือนเป็นพิธีกร เล็กเองเป็นผู้กำกับเวที

"นี่พวกเรา ไหนๆจะทำแล้วทำให้มันเกิดเลยดีไหมล่ะ เต้นอีกสักเพลงไหม"

เอ๋เสนอความคิด

"เยอะไปไหมมึง"

เล็กเอ่ยขึ้น ชักสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ

"ไม่เยอะหรอกมึง ทำให้คนอ้าปากค้างหน่อยสิจะเป็นไรไป เดี๋ยวกูเต้นเอง"

"คนเดียวนี่นะ"

"บ้าเหรอ เอาไอ้ติ๊กมาเต้นด้วยสิหัวหน้าอ่ะ"

"เฮ้ย กูเต้นไม่เป็น"

"เว้ย เต้นๆไปก็เป็นเองล่ะย่ะ ไม่ต้องอะไรมากมาย"

"ห้องเราคนน้อยว่ะมึง นักแสดงมันก็ไม่พอกันอยู่แล้ว"

"ก็แสดงคนละสองอย่างสิ จะกลัวอะไร พอแสดงรายการนี้เสร็จก็ให้รุ่นน้องมาคั่นสักรายการค่อยว่ากันใหม่"

"อืม กูก็ว่าดีว่ะเล็ก"

น้ำเห็นด้วย สรุปจึงมีการเต้นเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งรายการ คนที่เต้นก็เล็กเอง เอ๋ แล้วก็กาญจน์ โดยให้เล็กแต่งตัวเป็นผู้ชายส่วนอีกสองคนแต่งตัวเป็นผู้หญิง ช่างน่าขันแท้ๆทั้งที่เอ๋เป็นผู้ชายเล็กเป็นผู้หญิงแต่สลับตำแหน่งกันเสียได้ ส่วนหัวหน้าห้องรับเป็นลุงซานต้าไป การฝึกซ้อมก็ทำกันอย่างจริงจังต่างคนต่างช่วยเหลือกัน เพื่อนที่อยู่บ้านไกลก็มานอนค้างบ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้ เล็กมานอนค้างบ้านของฝน ส่วนพวกผู้ชายคนที่ไม่มีรถเครื่องก็มานอนบ้านไก่กับบ้านติ๊กเพราะใกล้โรงเรียนกว่า น้ำเองก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนบทละครขึ้นมาคร่าวๆ ส่วนเอ๋เองก็วาดฉากหลังเป็นรูปกวางเรนเดียร์เรียงต่อกันสี่ตัวมีซานตาครอสที่ทำขึ้นจากโฟมระบายสีแดงสดเอาสำลีติดขอบเสื้อกับหมวก เอ๋เองมีฝีมือด้านนี้อยู่แล้วจึงไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องชุดเนื่องจากฝนมีน้าสาวเป็นนักร้องคาเฟ่เก่ามีชุดเก็บไว้ที่บ้านหลายชุด ทุกอย่างแลดูจะราบรื่นดีเว้นแต่การซ้อมเต้น เพราะหลายวันแล้วยังเต้นไม่เข้าขากันเท่าไหร่นัก แต่เอาไปเอามาก็พยายามทำจนได้

วันงานมาถึงแล้วคาบเช้าให้มีการเรียนการสอนตามปกติ แต่ชั้นเรียนของน้ำได้ขออนุญาตอาจารย์เป็นพิเศษเพื่อทำการเตรียมตัว เล็กเองไปขอร้องให้พ่อของตัวเองซื้อขนมมาแจกน้องๆด้วยพ่อของเล็กก็ใจดีให้คนไปเหมาขนมมาจากอำเภอหลายถุง

"โห เอาให้แจ่มไปเลยนะพวกเรา ดูถูกกันดีนัก"

พอใกล้ถึงเวลาแสดงก็มารวมตัวกัน ทุกอย่างพร้อมแล้ว น้ำเองลงไปกับเดือนเป็นคนแรกเพราะเป็นพิธีกร ตอนแรกก็เขินไมโครโฟนอยู่แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะโห่ฮามาจากบริเวณรุ่นพี่น้ำเองก็ฮึดสู้ขึ้นมาพยักหน้าให้เดือน

"กราบเรียนท่านผู้อำนวยการ คณะครูอาจารย์ และสวัสดีครับเพื่อนๆน้องๆทุกคน วันนี้เป็นวันคริสมาสต์นะครับ บางคนอาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ ในเมื่อเราเป็นพุธเราไปเกี่ยวอะไรกับเขา คืออย่างงี้นะครับ เพราะเราเรียนวิชาภาษาอังกฤษซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน วันนี้ ชั้น ม ๔ ของเราได้รับมอบหมายให้จัดงานนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย"

"ค่ะตามที่น้ำบอกไปนะคะ วันนี้เราได้เชิญลุงซานต้าบินลัดฟ้ามาจากขั้วโลกเหนือเลยนะคะ ไหนค้าคุณลุง มาแจกขนมเด็กๆหน่อยค่า"

เดือนเองก็ไม่ยอมแพ้ ตอนแรกยืนเกาะกันอยู่หน้าเวทีหลังชนกำแพงเพราะเขิน แต่เอาไปเอามาอยู่ตรงกลางโถงชั้นล่างของอาคารเรียนหลังใหม่แล้ว น้ำเอาขนมไปหว่านโปรยให้น้องๆ เด็กๆพอเห็นขนมก็ตะครุบกันใหญ่

"ครับ ไหนใครได้ขนมบ้างเอ่ย ออกมานี่เลยครับ เรามาเล่นเกมกันก่อนจะรับชมการแสดง"

มีการปาขนมออกจากมือจ้าละหวั่น เด็กต่างจังหวัดนั้นจะอายเกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่อหน้าสาธารณชนมากกว่าเด็กในเมือง ไม่รู้ทำไมจนปัจจุบันกลับไปโรงเรียนก็ยังเห็นว่าเด็กสมัยใหม่ก็ยังอายเขินกันอยู่ การเป็นพิธีกรของทั้งสองเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดีเพราะต่อให้กันไม่มีสะดุด พอการแสดงเริ่มขึ้นเปิดด้วยเต้นของเอ๋กาญจน์และเล็ก เต้นเพลงของโดมปกรณ์ ลัม เพลง อันตราย พอเสียงดนตรีดังขึ้นเหมือนว่าทั้งสามคนจะใส่ลีลาออกเสต็ปไปเต็มที่เสียงเด็กนักเรียน ชั้น ม ต้นกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหว ตอนซ้อมพากันซ้อมแบบแข็งๆไม่ค่อยเข้ากันแต่พอเต้นจริงเต้นออกมาดีมาก เพราะเล็กเต้นเป็นผู้ชายให้ผู้หญิงปลอมอย่างเอ๋กับหญิงแท้อย่างกาญจน์เต้นยั่วทำได้ดีมากทั้งสามคน เสียงกรี๊ดไม่ยอมลงง่ายๆแม้การแสดงจะจบไปแล้ว พิธีกรรีบมาคั่นรายการด้วยการเล่นเกมเพราะต่อไปนักเต้นอย่างเอ๋กับกาญจน์ต้องไปแสดงละครต่อ พอได้รับสัญญาณจากเพื่อนที่คอยอยู่หลังเวทีทั้งห้องที่คอยมาเป็นกำลังใจให้กัน มาคอยรุดฉากปิดเปิดม่านให้ถือหางชุดราตรียาวให้นางเอก ทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่ การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว ฝนแสดงเป็นนางซินได้สมบทบาทมากตีหน้าใสซื่อ ส่วนเอ๋แผดเสียงโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลย บทจำไม่ได้แต่ไม่มีสะดุด เสียงฮือฮาดังไม่ขาดสาย พอการแสดงจบลง ผู้อำนวยการได้มากล่าวชมเชยการจัดงาน อาจารย์พรเองก็เดินมาชม

"เก่งมากทุกๆคน ครูดีใจมาก"

แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนปริปากอะไรออกไปสักคนต่างรีบกลับไปที่ห้องของตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้า มองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน พยักหน้าให้กันอ่านใจกันจากทางสายตาเท่านั้นพอ ไม่ได้ต้องการคำเยินยอจากใคร แค่ไม่อยากให้ใครมาสบประมาท และวันนี้ทุกสายตาก็ได้ประจักษ์แล้วว่าชั้น ม ๔ ที่แม้จะมีนักเรียนหลงมาเรียนแค่ ๒๐ คน แต่ศักยภาพไม่ได้น้อยหน้าใคร

"บอทหล่อนะบนเวทีน่ะ"

พอกลับมาบ้านก็ตรงดิ่งไปนาของบอทเพื่อตีข้าวต่อ

"แล้วตอนนี้ไม่หล่อเหรอน้ำ"

"หล่อคร้าบ หล่อมากจับใจเลยล่ะ"

"งั้นคืนนี้จะทำอะไรคนหล่อดีล่ะน้ำ"

"นอนกอดไง"

"ฮื่อ กอดได้กอดดี กอดทั้งปี ทำอย่างอื่นบ้างดิ"

"เอาไว้วันอื่นค่อยทำได้ไหมอ่ะ วันนี้เหนื่อย เออ บอทวันนี้ไปอาบน้ำบ้านนะ จะได้ทำการบ้านด้วย ค่อยมานอนที่นี่"

"คร้าบ แต่เรานอนไม่หลับหรอกนะน้ำ"

"ทำไมล่ะบอท"

"ก็เราไม่ได้ทำมาหลายวันแล้วอ่ะน้ำ มันไม่ออกมันอึดอัด"

"ฮึ โน่นเลย ไปรีดออกเลย หมกมุ่นนะบอท"

"ฮ่าๆ ก้อยุ่ใกล้น้ำล่ะถึงเป็น"

หยอกล้อกันอย่างมีความสุข นาของบอทเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วกว่าจะเสร็จก็ปาไปจะข้ามปีเสีย เหลือเพียงนาเดียวจริงๆในละแวกนี้ แต่แม่นิ่มบอกว่าค่อยๆทำไปไม่ได้รีบเว้นเสียแต่ว่าฝนจะตกลงมา ถ้าแบบนั้นค่อยว่ากันใหม่ และเป็นอย่างที่แม่นิ่มพูดจริงๆ ตอนกลางคืนระหว่างที่น้ำกับบอทกำลังตีข้าวอยู่ฝนหลงฤดูก็เทลงมาต้องรีบหาเอาผ้ายางมาคลุมกองข้าวไว้ แม่นิ่มเองก็วิ่งออกมาจากบ้านมาช่วยอีกแรง ข้าวเปียกไปไม่เยอะเท่าไหร่นักเพราะคลุมไว้ทัน พอเสร็จก็พากันกลับไปนอนที่บ้านเพราะซุ้มนอนตอนฝนตกไม่ปลอดภัยเพราะสิงห์สาราสัตว์ต่างๆก็จะหลบฝนมาซ่อนตัวอยู่ในซุ้มด้วยเช่นกัน

๒๕ ธันวาคม

ไม่น่าเชื่อนะว่าอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว เร็วเหมือนกันนะเหมือนเพิ่งจะเข้าเรียนชั้น ม ปลายเอง กูไม่เข้าใจครูโรงเรียนนี้เลยว่ะ ตั้งแต่ตอนไปแข่งร้องเพลงบ้าบอนั่นแล้ว ตอนแรกคิดว่ากูคงไม่ถูกหูถูกตาเขาแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ คงไม่ใช่แค่กูคนเดียวพวกเขาคงเกลียดห้องเรา ชั้นเรา ๒๐ คนเรา แกะดำอย่างพวกเรา โกรธนะไม่รู้สิไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เป็นครูแท้ๆ ไม่ได้มีจรรยาบรรณเลย รู้ว่ามันไม่ดีนะที่จะพูดแบบนี้คิดแบบนี้ แต่นี่มันไดอารี่ของกู ทำไมล่ะในเมื่อทำให้กูกับทุกคนรู้สึกไปได้แบบนี้ จะขอโทษนะจะก้มลงกราบเลยล่ะถ้าได้คำอธิบายที่ดีพอว่าทำไม สิ่งเดียวที่ทำให้อยากเรียนที่นี่ต่อคือเพื่อนๆทุกคน วันนี้พวกเราทำให้เห็นว่าเรารักกันไม่ว่าใครจะมองยังไง เสียใจนะที่มีครูหรือรุ่นพี่ รุ่นน้องมองไม่ดี หาว่าไม่เอาถ่าน แต่ไม่เป็นไรแค่พวกเรารักกันก็พอ วันนี้มึงเล่นเป็นเจ้าชาย หล่อมากนะ กูนี่ใจสั่นเลยล่ะ อดใจที่จะจ้องมองมึงไม่ได้ ทั้งที่ได้กอดได้มองอยู่ทุกวัน ยิ่งนานวันยิ่งรักมึงมากนะบอท รักมากกว่าเดิมเสียอีก เอาเป็นว่าวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีความสุขดี และยิ่งสุขที่ได้อยู่กับมึงเพียงสองคน รักมึงว่ะ รักมึงเหมือนทุกวัน

ผีเสื้อน้อยกรีดปีกงามบนอากาศ    วิไลลาศหยาดฟ้าดังสวรรค์

ทิศประจิมฉายแสงท้ายของตะวัน    กลางเหมันต์หนาวสั่นกลางฤดี

ดอกหญ้าบานรับน้ำค้างอยู่กลางทุ่ง   ตอนย่ำรุ่งฟ้าสางเสียงปีกษี

กระพือปีกเรียกขานก้องไพรี     ส่วนเรานี้ก่ายกอดยอดดวงใจ


วิสัชนา แลนรกนั้นก็เวลาที่โดนเขาหักอกให้ดวงใจมันทุกข์ตรมขมช้ำกับรักที่ยังปักอยู่กลางอกนั่นไง มิใช่หรือ


เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:48:04 โดย eiky »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
^
^
^

 ^ูู^    :z13:   eiky  555


เพราะมีครูประเภทนี้อยู่ทำให้ระบบการศึกษารวนและล้าหลังมากๆ  :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2010 23:26:51 โดย PEENAT1972 »

salawinyeen

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้อยากฆ่าพี่ อิ๊ก ให้รอนานมากกว่าจะมาต่อ

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ

^^ By เด็ก ม.ปลายคนหนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2010 00:09:48 โดย salawinyeen »

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๑๓

ปุจฉา สิ่งที่ตาแลเห็น สิ่งที่กายสัมผัส สิ่งที่โสตประสาทรู้สึก สิ่งใดสัมพันธ์โยงใยกับใจเรามากที่สุด

ปีใหม่เข้ามาเยือนแล้ว บรรยากาศตามหมู่บ้านเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านต่างเตรียมทำความสะอาดเช็ดถูบ้านกันขนานใหญ่เพื่อต้อนรับวันปีใหม่ ซึ่งการทำความสะอาดบ้านจะทำในตอนกลางวัน เริ่มจากตื่นมาทำบุญตักบาตรแต่เช้าเพื่อความเป็นศิริมงคล ทำกับข้าวกับปลาอย่างดีให้คนในครอบครัวได้กินกัน ช่วยกันปัดกวาดฝุ่นที่เหมันตฤดูพัดหอบขึ้นไปบนบ้าน เพลากลางคืนก็มีการสังสรรค์กันที่ศาลากลางหมู่บ้านซึ่งจะจัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปี มีการจับฉลากของขวัญและละเล่นเกม โดยจะให้ชาวบ้านนำของขวัญไปร่วมกันจับฉลาก ปีนั้นรู้สึกจะกำหนดราคาขั้นต่ำของของขวัญอยู่ที่ ๒๐ บาท มีเรื่องตลกจากการจับของขวัญในปีนั้นคือมีป้าคนหนึ่งซื้อน้ำปลาแท้ซึ่งสมัยนั้นขวดละประมาณ ๑๘ บาทแต่ราคายังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้จึงซื้อลูกอมใส่เพิ่มเข้าไปอีก ๒ บาทเพื่อให้ครบตามข้อกำหนด เอาขวดน้ำปลาใส่กล่องเหล้านอกที่ลูกชายนำมาจากเมืองกรุง แต่ไม่ได้ห่อด้วยกระดาษเหมือนคนอื่นๆแต่อย่างใด พอถึงเวลาจับฉลากปรากฏว่าชายหนุ่มขี้เหล้าประจำหมู่บ้านจับได้ของขวัญของป้าแก ชายหนุ่มดีใจมากชูกล่องขึ้นเขย่าดีใจอยู่ ขวดหลุดออกจากกล่องแตกกระจายส่งกลิ่นของน้ำปลาแท้คละคลุ้งไปทั่วบริเวณศาลากลางหมู่บ้าน ชายหนุ่มคนนั้นจึงได้ฉายาไอ้ยมน้ำปลาแท้ไปโดยปริยาย

น้ำกับบอทเองไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับงานรื่นเริงนี้เลย เพราะข้าวของบอทยังตีไม่เสร็จแม้แม่นิ่มเองจะขอร้องให้พักบ้างแต่ทั้งสองก็ไม่ยอม จุดประสงค์คือการที่จะได้อยู่ด้วยกัน แม้ฉากหลังจะเป็นการตรำทำงานหนักสักเพียงใด แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันได้ยืนเคียงข้างกัน ได้เฝ้ามองใบหน้านั้นซึ่งกันและกันไม่ยอมห่าง แค่นี้เองที่ต้องการ

"น้ำนึ่งไก่กินไหม เนี่ยเราว่าจะขอเบียร์แม่สักสี่ขวด"

บอทเอ่ยขึ้นตอนเย็นก่อนจะออกไปนา

"อืมเอาดิบอท น้ำอยากกินนึ่งไก่เหมือนกัน"

"เดี๋ยวขอไก่อีสาวแม่ ปีใหม่ทั้งทีกินให้หนำใจไปเลย"

บอทว่าแล้วก็เดินไปหาแม่นิ่มที่บ้านของน้ำกำลังโพทนาเกี่ยวกับงานวันปีใหม่อยู่ลานหน้าบ้านช่วยกันห่อของขวัญกับแม่บุญช่วยอยู่ ของขวัญส่วนมากจะซื้อพวกของใช้เอาไปจับฉลาก สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอง พ่อถาวรเองขับรถเครื่องออกไปซื้อให้ถึงในอำเภอ บอทไปสักพักก็กลับมายิ้มหน้าระรื่นเห็นไรฟันเรียงกันขาววับ

"จัดการเลยน้ำ ไปจับไก่อีสาวกัน"

บอทยิ้มแฉ่งมาตั้งแต่ยังไม่ข้าวรั้วบ้านมา ทั้งสองช่วยกันไปจับไก่สาวตัวรุ่นๆมาตัวหนึ่ง บอทเป็นคนเชือดเหมือนเคยส่วนน้ำช่วยต้มน้ำแล้วก็ตำเครื่องเทศรอ วิธีทำนึ่งไก่ก็ไม่ยากเย็นนักเอาลังถึงมาตั้งไฟรอให้น้ำเดือดเอาไก่ที่คลุกกับเครื่องเทศใส่ไปในชามนึ่งเหมือนนึ่งขนมตาลแต่ใช้เวลานึ่งนานหน่อยเพราะไก่จะได้เปื่อยไม่เหนียว ระหว่างรอนึ่งไก่บอทก็ไปซื้อเบียร์ช้างสี่ขวดร้อยมาเก็บไว้ในตุ่มดินเผาพอจะกินค่อยออกไปซื้อน้ำแข็งอีกรอบหนึ่ง เพราะปีนั้นบ้านน้ำเองยังไม่ได้ซื้อตู้เย็น

"พวกอีเล็กมันทำอะไรอยู่นะป่านนี้"

น้ำเอ่ยขึ้นตอนช่วยกันถือชามใส่ไก่นึ่งหอมฉุยไปยังนา ส่วนบอทก็หอบหิ้วเอาเบียร์กับน้ำแข็งตามไป

"มันก็คงกินเบียร์เหมือนเรานี่ล่ะน้ำ"

"อืม เร็วจังนะบอท แป๊บเดียวปีใหม่แล้วอ่ะ รู้สึกว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย"

"ก็เรามีความสุขไงน้ำ มันเร็วแบบนี้ล่ะ เออน้ำ คืนนี้ขอนะ"

ทำตาแวววาวขึ้นมา น้ำเองยิ้มอายๆแต่ก็พยักหน้า แม้จะเป็นวันที่ทุกคนหยุดการบ้านการเรือนเพื่อไปสังสรรค์กันแต่เด็กทั้งสองต่างพากันไปตีข้าวอยู่นา เหลือไม่มากแล้วคงไม่เกินอาทิตย์ก็น่าจะเสร็จ ตีข้าวสลับกับการกินไก่นึ่งแกล้มเบียร์

"น้ำ ไปอาบน้ำกันเถอะดึกแล้ว"

บอทเอ่ยขึ้นดวงตาหวานฉ่ำเพราะกึ่มเบียร์ น้ำเองก็เช่นกัน เดินตามกันไปยังบ่อปลายนา อากาศยังหนาวเย็นอยู่แม้จะไม่มีลมแต่น้ำค้างก็ยังพร่างพราวลงมาจากฟากฟ้า

"โหย หนาวว่ะ สร่างเลย"

บอทครางออกมา น้ำเองก็ตัวสั่นรีบอาบน้ำแล้วเดินกลับมายังซุ้ม

"น้ำ ช่วยกินเบียร์หน่อยดิ ให้เรากินคนเดียวเดี๋ยวก็เมาทำอะไรน้ำไม่ได้หรอก"

"ดีสิ น้ำจะได้ไม่เจ็บตัว"

"อ้าว ไม่ได้นะน้ำ สัญญาแล้วนะ ไหนบอกเราจะมาทำรักกันข้ามปีไง"

หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ น้ำเองฟาดไปที่บ่าของบอทเขินอายหน้าแดงระเรื่ออยู่

"ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วน้ำ"

บอทครางออกมาเบียดกายเข้าหาทันที น้ำหันหน้าไปมองจ้องตากับบอท

"อืม"

ทั้งสองโผเข้าหากันประกบริมฝีปากเข้าหากันอย่างเร่าร้อน ด้วยแรงอัดในใจ ด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา ร่างหนึ่งคร่อมก่ายป่ายมือกอด ร่างหนึ่งชูยอดอกสั่นไหว มือกระหวัดเกี่ยวเลี้ยวลากลงไป จงอยปากไซร้ซุกซอกลงหลืบเร้น ลากลิ้นผ่านจุดหวานจุดอ่อนไหว แลดวงใจเต้นสั่นร้อนระริก มือจิกหัวอ้าปากครางซ่านเซ็น แลมองเห็นเพียงดารารายรอบตัว ร่างสองร่างปลดเปลื้องซึ่งอาภรณ์ ปากถ่ายถอนจากจุดนั้นละเลงไปทั่ว อกแนบอกกายแนบกายไม่ห่างตัว ละเลงรัวระริกร้อนระเริงใจ ดันแก่นท่อนแสนรักเข้าในร่าง มือแหวกทางปากประกบไม่ให้ไหว เนื้อร้อนเนื้อเบียดเข้าร่างช่องภายใน ใจต่อใจผสานรักไม่วางวาย

แสงดาราที่ส่องประกายระยับอยู่บนท้องฟ้าสีดำมืดนั้น สาดแสงลงมาให้คนเบื้อล่างได้แหงนหน้าขึ้นมองเชยชมอยู่ แพรดำผืนใหญ่ที่โรยไปด้วยเกร็ดอัญมณีทั่วทั้งผืนฟ้าน่าดูยิ่งนัก เสียงนับจากสิบร่นลงมาหาหลักศูนย์ดังแว่วออกมาจากข้างในหมู่บ้าน ลมนิ่งไม่ไหวติง น้ำค้างยังพร่างพราว ร่างสองร่างเหงื่อชุ่มไปทั้งดวงหน้า ก่ายกอดกันอยู่อย่างนั้น

"บอทรักน้ำนะ"

กระซิบเสียงขึ้นทำลายความเงียบสงัดของคืนวันปีใหม่ที่เพิ่งผ่านเข้ามาได้ไม่กี่นาที กระซิบบอกแล้วพรมจูบทั่วใบหน้า

"น้ำก็รักบอท"

สังเกตไหมว่าแต่ละวินาทีมันไม่เคยรีรอที่จะเดินต่อไป วาระสำคัญของใครบางคนถ้าเราเวลารอโอกาสที่จะเอ่ยหรือจะทำมัน รอทำไมในเมื่อเวลามันยังไม่เคยคอยถ้าเราเลย น้ำกอดบอทไว้แน่นในอกระบายลมหายใจออกมาอย่างเปี่ยมสุข มือก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่เปล่าเปลือย รักเหลือเกิน รักจนหมดใจ

ปีใหม่ล่วงไปแล้วพอขึ้นเดือนแรกของปีก็ต้องรีบอ่านหนังสือเตรียมสอบ นาของบอทเสร็จแล้ว วันที่ขนข้าวเปลือกขึ้นเก็บในยุ้งก็เลี้ยงต้มไก่ ต้มปลาคนที่มาช่วย เหมือนงานบุญขนาดย่อมๆนั่นเอง สอบกลางภาคใช้เวลาไม่กี่วันในสัปดาห์แรกของเดือน ที่ครูอาจารย์กำหนดวันไว้แบบนี้เหมือนจะเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง คือเหมือนไม่ให้นักเรียนฉลองปีใหม่หรือไหลไปตามเทศกาลจนลืมหน้าที่ของตน น้ำเองก็ทำข้อสอบได้ตามปกติ ส่วนบอทเหมือนกันกับเล็ก ทำได้ไม่ได้แต่ไม่เคยปริปากเหมือนจะรู้ศักยภาพของตนเองดี

"ขนาดเป็นคนไทยนะเนี่ย ทำไมรู้สึกว่าวิชานี้มันยากกว่าใครวะ"

เล็กบ่นก่อนจะกลับบ้าน

"มันละเอียดอ่อนมึง เป็นคนไทยสิเราต้องเอาให้แตกฉาน"

"โว้ย สมองกูนี่สิจะแตกก่อน อะไรวะคำเป็นคำตาย กูนี่ล่ะจะตายก่อน"

เล็กร้องออกมาอย่างอารมณ์ดีบอทเองก็คล้อยตาม

"มึงดูชีวะของไอ้ต้าสิ ห่าไปขุดมาจากไหนมาออกก็ไม่รู้"

"เออกูก็ทำไม่ได้"

น้ำบอกเพราะรู้สึกว่าวิชานี้ค่อนข้างจะยากแม้จะท่องจำมาเป็นอย่างดี

"จะผ่านไหมกู คอยซ่อมเอาละกัน เอออีเอ๋ ปีนี้บุญเดือนสามบ้านมึงเขาจ้างอะไรวะ"

เล็กหันไปหาเอ๋ที่ทำหน้าเหรอหรายืนอยู่ใกล้ๆไก่ สองคนนี้เหมือนจะมึนตึงกันอยู่แต่ก็ไม่มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว คุยกันบ้างแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม

"เฉลิมพลคืนสอง คืนแรกหมอลำหมู่ คืนสุดท้ายเป็นหนังมั้ง"

เอ๋บอกที่เรียงลำดับออกมาแบบนี้ก็เอาที่เป็นที่สนใจที่สุดขึ้นต้น งานบุญเดือนสามหรืองานนมัสการพระธาตุที่วัดบ้านใหญ่จัดขึ้นทุกปี และแต่ละปีก็จัดยิ่งใหญ่เพราะพระธาตุวัดบ้านใหญ่เป็นศาสนสถานที่ทางกรมศิลป์มาขึ้นทะเบียนไว้ มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งหมู่บ้านเสียอีก เห็นแม่ของเอ๋เคยเล่าให้ฟังว่ามีมาตั้งแต่สมัยขอม เพราะถัดไปจากวัดบ้านใหญ่คือดอนกู่ ที่เรียกว่าดอนคือเป็นเนินป่าละเมาะมีต้นยางนาต้นใหญ่ๆขึ้นเรียงรายรกครึ้ม ที่น่าสนใจคือมีก้อนหินศิลาขนาดใหญ่แผ่นสี่เหลี่ยมขนาดที่คนห้าสิบคนยกไม่ขึ้นแต่ก้อนหินนั้นมันขึ้นไปอยู่บนยอดยางนา น่าอัศจรรย์นักแต่ไม่นานมานี้ก้อนหินนั้นได้ตกลงจากยอดยางแล้ว งานบุญเดือนสามถือเป็นงานใหญ่ที่สุดในตำบล พิธีเปิดจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมาเปิดงาน มีการให้ทำบุญเข้าไปนมัสการพระธาตุตลอดทั้งวัน ส่วนเวลากลางคืนก็จะมีมหรสพตลอดทั้งคืนเช่นกัน ทุกปีจะว่าจ้างหมอลำคณะดังๆมาไม่คืนใดก็คืนหนึ่งเพื่อดึงดูประชาชนในระแวกใกล้เคียงให้มาดู

"เดี๋ยวบอกพ่อมึงเตรียมลาบเนื้อไว้ด้วยนะ พ่อสอนนี่ทำลาบเลือดอร่อยเหาะกว่าใคร"

เล็กบอกแล้วทำตาเป็นประกาย

"สาโทล่ะมึงอีเอ๋ ปีนี้ทำป่ะวะ"

บอทถามขึ้น สาโทถือว่าเป็นหัวใจหลักของงานแม้จะผิดกฏหมายแต่ชาวบ้านก็ยังทำกันอยู่ทุกครัวเรือนในเพราะถือว่าทำกินในบ้าน ทำเฉพาะเวลามีงานเทศกาลที่สำคัญเท่านั้น

"ทำดิมึง เนี่ยใกล้วันกูว่าจะไปปั้นอยู่ ปีนี้แม่กูบอกว่าข้าวดีหวานแน่ๆ"

"อยากกินแล้วว่ะ"

หัวข้อสนทนานี้ดูเหมือนจะโด่งดังกว่าหัวข้ออื่นๆในช่วงนี้ แต่ห้องของน้ำก็ได้รับมอบหมายงานให้ทำอีกรอบ คราวนี้จากผู้อำนวยการโรงเรียนเลย

"อะไรนะไอ้ติ๊ก ให้เราไปรำในงานเปิดพระธาตุเหรอ บ้าไปแล้ว ผอ"

เดือนร้องออกมาหน้าซีดเซียว เพื่อนๆทุกคนก็ไม่ต่างกัน

"โว้ย นี่มันจะอะไรกันหนักหนาวะ ห้องอื่นไม่มีเลยหรือไงทำไมอะไรๆก็ห้องเรา ชั้นเราวะ"

เล็กโวยวายขึ้น เพื่อนๆทุกคนก็อยู่ในอาการเดียวกัน

"กูว่าแปลกแล้วนะ พวกมึงว่าไหม อะไรวะ ทำไมให้เราทำแต่งานแบบนี้ มึงก็รู้ถ้าพลาดมาไม่ใช่แต่เรานะที่จะเสียหน้า ชื่อโรงเรียนเลยนะมึง"

เอ๋ให้ความเห็นบ้าง เพื่อนๆก็เห็นด้วย สรุปทั้งวันไม่ยอมเรียนกัน ต่างเครียดอยู่แต่เรื่องนี้

"ไปปรึกษาจารย์นางน้อยดีกว่าป่ะ ดีกว่ามาเครียดเอง"

น้ำออกความเห็น

"คาบต่อไปคาบจารย์นางน้อยนี่ รอแกมาก่อนดิน้ำค่อยถามทีเดียวเลย จะเอาไงวะ กูเริ่มไม่ไหวแล้วนะ ห่ามาเรียนนะโว้ย ไม่ได้มาทำกิจกรรมเพื่อสังคม"

ไก่ร้องขึ้นโวยวายเสียงดัง พอถึงคาบแนะแนวอาจารย์นางน้อยก็เดินเข้ามาในห้องจริงๆ อาจารย์นางน้อยคือครูที่ปรึกษา มีคนเดียวตั้งแต่เข้า ม ๔ จนจบ ม ๖

"เรื่องไปรำน่ะจารย์ทำไมอ่ะคะ ทำไมเราต้องทำอีกแล้ว"

เดือนถามขึ้นเป็นคนแรกเพื่อนๆทุกคนก็แสดงสีหน้าท่าทางออกไปเหมือนกัน

"อ๋อ นักเรียนจ๊ะ อย่าไปคิดมาก ผอ เขาเห็นเราแสดงในงานวันคริสมาสตร์ไงจ๊ะ ท่านเห็นว่าพวกเรามีความสามารถ จึงอยากให้ช่วยงานเขาหน่อย ดีออกนะครูว่า พวกเธอจะได้ทำให้ใครบางคนได้เห็นว่าเราน่ะ เริ่ด"

อาจารย์นางน้อยทำหน้าทำตาออกมา ปกติเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ดีและเล่นกับนักเรียนที่ปรึกษาของตน เอ๋เคยบอกว่าอาจารย์นางน้อยกะเทยยังอาย เพราะบางทีทำจริตจะก้านเกินกะเทยเสียอีก ทั้งที่เป็นคนสวยถือว่าเป็นอาจารย์หญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียนถ้าไม่ไปเทียบกับอาจารย์บลที่สอนภาษาไทย รายนั้นจะตัวสูงระหงษ์เสียงดุดัน แต่อาจารย์นางน้อยจะตัวเล็กๆขาวๆแต่ก็แต่งงานแล้วสามีทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่เมืองจันท์

"จะดีเหรอจารย์ถ้าขายหน้าเขาขึ้นมา โรงเรียนนะจะอายไม่ใช่แต่เรา"

น้ำให้ความเห็นบ้าง

"ว้าย ทำไมต้องอายล่ะคะน้ำ นี่พวกเราน่ะต้องเชื่อมั่นในตัวพวกเราเองสิ ดูอย่าง ม ๖ สิทำท่าเป็นเด็กเรียนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผอ ท่านแลไหม ไม่ค่า ม ๕ อีก ไม่เอาอ่าวทั้งกิจกรรมทั้งเรียน พวกเราน่ะดีแล้ว เรียนไม่เก่งไม่สนค่า เอากิจกรรมเราต้องเริ่ด เอาล่ะอย่าคิดมาก เรามีเวลาซ้อมอีกไม่มากนักนะ เริ่มคุยกันได้แล้วว่าจะทำยังไงกันดี"

สรุปก็ต้องยอม มาคิดย้อนหลังไปต้องไปกราบขอบคุณผู้อำนวยการ และอาจารย์ที่ยัดงานเหล่านี้ให้ เพราะเหมือนมันเป็นทักษะอีกอย่างที่ได้ติดตัวมา ทักษะที่นักเรียนชั้นอื่นคงไม่มีโอกาสที่จะได้ไป

"รำเพลงจินตหราดีไหมแก"

กาญจน์เสนอ

"เพลงไรล่ะ รักสลายดอกฝ้ายบ้านน่ะเหรอ"

"เพลงเดียวไม่พอหรอกมึง ถ้าจะเอาให้เกิดสองเพลงไปเลย"

ฝนออกความเห็นบ้าง สรุปลงมติกันที่สองเพลง ของจินตหราทั้งสองเพลง คือเพลงมออีแดง กับรักสลายดอกฝ้ายบาน เล็กมีเทปตามเคย มีการตกลงกันว่าจะรำแบบคู่ชายหญิง๑๐คู่ โดยคู่ของเอ๋กับเล็กก็ทำเหมือนเคยคือให้เล็กแต่งเป็นผู้ชายส่วนเอ๋แต่งเป็นผู้หญิง การฝึกซ้อมเริ่มขึ้นทันทีที่ห้องพยาบาลเพราะอาจารย์นางน้อยประจำอยู่ห้องนั้นคิดท่ารำก่อนในวันแรก รอเทปจากเล็กตอนแรกเพื่อนๆก็อิดออดเพราะมันเป็นงานใหญ่ อีกอย่างคนที่ดูจะไม่มีแต่นักเรียนแต่มันคือคนทั้งตำบล แต่ก็โดนขาใหญ่อย่างเล็กบังคับรวมถึงเดือนด้วยทุกคนจึงยอมร่วมมือกัน

"เอาวะพวกเรา กอดคอกันต้องเกิดเท่านั้น อย่าได้อาย"

เล็กพูดออกมาแล้วคิดท่ารำกันต่อไป ยิ่งใกล้วันยิ่งตื่นเต้นกันไปใหญ่เพราะทาง ผอ เองก็เหมือนมากดดันคอยถามว่าไปถึงไหนแล้วฝากความหวังไว้นะ อะไรเทือกนี้ เครียดมากเหมือนกันแต่ก็พยายามซักซ้อมกันอยู่ไม่ยอมแพ้

"ชุดล่ะแก ใส่ชุดอะไรดี"

เอ๋ร้องขึ้นมาเมื่อซ้อมเสร็จนั่งรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นมะม่วงนักเรียนชั้นอื่นกลับบ้านกันไปหมดแล้ว

"เออนั่นดิ มัวแต่ซ้อมไม่คิดเรื่องชุดเลย"

เดือนร้องออกมา

"ผู้ชายก็ใส่โสร่งกับเสื้อม่อฮ่อมดิ ผู้หญิงเดี๋ยวให้ไอ้ไก่ไปยืมน้ามัน น้ามันมีคณะรำอยู่ไม่ใช่เหรอ"

หัวหน้าห้องเสนอความเห็น

"เออใช่ งั้นเอาตามนี้"

เพื่อนๆเห็นด้วย พอเลิกโรงเรียนน้ำกับบอทก็ไปกับไก่ไปขอยืมเสื้อรำของน้าของไก่ คณะรำคือกลุ่มของสาววัยรุ่นประจำแต่ละหมู่บ้านที่จะมารวมตัวกันฝึกรำตอนเดือนห้าถึงเดือนหก จะมีประเพณีบุญบั้งไฟคณะรำของน้าไก่ก็จะตระเวนไปชิงรางวัลตามหมู่บ้านต่างๆ คณะรำค่อนข้างใหญ่เพราะรวมหญิงสาวทั้งแม่ลุกอ่อนสาววัยรุ่นสาวแรกรุ่นมารวมตัวกัน พอไปยืมน้าของไก่ก็ไม่ว่าอะไรให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การเตรียมตัวแม้จะไม่พร้อมเต็มร้อยแต่ด้วยความมุ่งมั่น แม่นิ่มเองงัดเอาโสร่งผ้าไหมมาให้บอทกับน้ำใส่คนละผืนตัวที่บอทใส่สีเปลือกมังคุดกับสีแดงเลือดนกเป็นพื้นหลัก ส่วนของน้ำเป็นสีเขียวปีกแมลงทับกับสีน้ำเงินเป็นพื้นหลักตัดเล่นสีตามแบบฉบับของโสร่ง ส่วนเสื้อม่อฮ่อมติ๊กเป็นคนไปจัดหายืมมาจากผู้ใหญ่บ้านได้ครบกันทุกคน วันงานมาถึงทุกคนไปรวมตัวกันที่บ้านของเดือน พ่อเดือนทำลาบให้กินอิ่มหนำสำราญกันไปทุกคน พิธีเปิดงานมีขึ้นในตอน ๙ โมงเช้า พอแต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปรวมกับเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆที่มาร่วมงาน แต่แยกไปอยู่ต่างหากไม่ยอมหันไปมองใครแม้นักเรียนจะพากันชี้นิ้วบุ้ยปากดูอยู่ก็ตาม

"จะดูห่าไรวะ ทีให้แสดงไม่แสดงนะพวกเปรต แหมทีกูทำนี่บอกเลยนะว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนมัน"

เล็กบ่นออกมา

"นั่นดิ เวลาได้หน้านี่แบกกันมารับแต่ไกลเลย แต่พอจะให้ทำไม่เอาสักคน"

"เอาน่า อย่าไปว่าพวกมันเลย พวกเราทำพวกเราก็ได้เองล่ะ ใครๆดูเขาก็รู้"

ติ๊กเอ่ยออกมา อาจารย์นางน้อยเดินมาหายิ้มแป้นมาแต่ไกล

"ว่าไงค้าเด็กๆ เต็มที่เลยนะท่านผู้ว่าก็มา เกิดค่ะเกิด"

"จารย์เวลาประกาศประกาศเขาจะบอกว่าเป็นชั้น ม ๔ หรือว่าประกาศว่ามาจากโรงเรียน"

เดือนถามหน้าตาเอาจริงเอาจัง

"ก็ประกาศว่ามาจากโรงเรียนล่ะเดือน เดี๋ยวครูจะไปกระซิบบอก ผอ ว่าให้เพิ่มเข้าไปหน่อย ไม่ต้องห่วงค่าเด็กๆ ครูก็หมั่นอีพวกแบกหน้ามารับแต่เรื่องเรื่องดีๆ แต่เวลาให้ทำเกี่ยงกันเหมือนกันค่า"

อาจารย์นางน้อยพูดโดนใจทุกคน พอถึงเวลา ผอ ก็ประกาศอย่างที่อาจารย์นางน้อยบอกจริงๆ คือนักเรียนชั้น ม ๔ จากโรงเรียนของเรา แค่นี้ทุกคนก็ยิ้มออกมา ทุกคนไปยืนเรียงแถวกันตามที่ซักซ้อมมาเพลงแรกก็เริ่มบรรเลงขึ้น ท่ารำไม่ได้วิเศษแปลกใหม่แต่อย่างใด ผู้ชายก็มือไม้แข็ง แต่ผู้หญิงก็รำได้อ่อนหวาน กระนั้นก็ได้รับคำชมจากท่านผู้ว่า ที่ตลกคือคู่ของน้ำกับจอยที่รำไม่เข้าพวก เพื่อนเขาหันไปทางซ้ายสองคนก็หันไปทางขวา แม้จะกระซิบถามกันเวลารำว่าคนมองอะไรแต่ก็ไม่ได้สังเกตรำต่อจนจบ

"ไอ้น้ำ อีจอย มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ารำไม่เหมือนเพื่อน"

เสียงเล็กดังขึ้นตอนรำเสร็จ

"จริงเหรอวะ กูไม่ยักสังเกต ถึงว่าคนมองกันใหญ่เลย"

"ฮ่าๆ ดังอยู่สองคนนะมึง"

เหตุการณ์หลายอย่างโยงใยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเข้าด้วยกัน ตอนที่เรียนรู้สึกรักเพื่อนๆมาก รักมากแม้ปัจจุบันก็ยังรำลึกถึงความหลังครั้งก่อนอยู่ แต่น่าประหลาดพอโตขึ้นต่างคนต่างแยกย้ายไปตามหนทางชีวิตของแต่ละคน เพื่อนที่เคยรักมากก็ดูจะห่างกันออกไป ห่างกันเสียจนไม่คิดว่าจะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แต่กระนั้นก็ตามความทรงจำที่งดงามมันก็ยังคงอยู่และเชื่อว่ามันอยู่ในใจของเพื่อนทุกคนไม่ได้ลบเลือนไปไหนเลย

วิสัชนา ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสใดๆถ้าหากเราพึงใจจะมอง จะสัมผัส จะรับรู้กลิ่นเหล่านั้น ทุกอย่างล้วยโยงใยไปหาใจมิใช่ฤๅ



เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:48:34 โดย eiky »

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ตอนที่13หมายความว่าไงครับเนี๊ยะตอนท้าย

อ่านแล้วเสียวๆๆไงกะไม่รู้ครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ทำไมท้ายๆดูเหมือนจะเศร้า แว่วๆก็การจากลาจังเลย  :z10:
มาเก็บสองตอนรวด  :m23:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
เหตุการณ์หลายอย่างโยงใยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเข้าด้วยกัน ตอนที่เรียนรู้สึกรักเพื่อนๆมาก รักมากแม้ปัจจุบันก็ยังรำลึกถึงความหลังครั้งก่อนอยู่ แต่น่าประหลาดพอโตขึ้นต่างคนต่างแยกย้ายไปตามหนทางชีวิตของแต่ละคน เพื่อนที่เคยรักมากก็ดูจะห่างกันออกไป ห่างกันเสียจนไม่คิดว่าจะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แต่กระนั้นก็ตามความทรงจำที่งดงามมันก็ยังคงอยู่และเชื่อว่ามันอยู่ในใจของเพื่อนทุกคนไม่ได้ลบเลือนไปไหนเลย



 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ปิดท้ายได้กลิ่นมาม่ามาแต่ไกลเลยค่ะคุณอิ๊ก  :o12:

จากลา ใครลาใครจาก หวังว่าจะไม่ใช่บอทน้ำนะคะ  :sad4:


ชอบภาษาคุณอิ๊กในเรื่องนี้จังค่ะ ภาษาสวย แต่อ่านแล้วรู้สึกว่าเข้าใจง่ายเป็นกันเอง สวยแบบน่าติดตามไม่ได้สวยจนเว่อร์แล้วอ่านไม่รู้เรื่อง  o8
ชอบค่ะ  o13
+1 จ้า  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นมาม่าลอยโชยมา...
อย่าเพิ่งนะ ยังไม่พร้อมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ให้รับรู้และสัมผัสความรักด้วยหัวใจกระนั้นรึ อิก


ออฟไลน์ I_ARMS

  • >*<
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ๊ากกกกก ไม่เอามาม่า!!!

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
คุณอิ๊กกำลังต้มมาม่าเหร๋อ ได้กลิ่นลอยมาแต่ไกลเลย
เลิกต้มนะยังไม่หิวอ่ะ อย่าเพิ่งมาม่าเลย :serius2: :z3:

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
แหมคุณอิ๊กกี้ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะคะ แอบเขียนบทอัศจรรย์ฉากร่วมรักของน้ำกับบอทให้มีสัมผัสเหมือนเป็นกลอนเลยนะคะ

กลอนตอนท้ายตอนที่ 12 ก็ยังเพราะเหมือนเดิมนะคะ  o13 จริงๆ อย่างนี้ต้อง  :จุ๊บๆ: +1 ให้อีกรอบ

รักมากแม้ปัจจุบันก็ยังรำลึกถึงความหลังครั้งก่อนอยู่ แต่น่าประหลาดพอโตขึ้นต่างคนต่างแยกย้ายไปตามหนทางชีวิตของแต่ละคน เพื่อนที่เคยรักมากก็ดูจะห่างกันออกไป ห่างกันเสียจนไม่คิดว่าจะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แต่กระนั้นก็ตามความทรงจำที่งดงามมันก็ยังคงอยู่และเชื่อว่ามันอยู่ในใจของเพื่อนทุกคนไม่ได้ลบเลือนไปไหนเลย


ใช่ค่ะ มันเป็นอย่างที่คุณอิ๊กกี้บอกไว้จริงๆ พอห่างกันมันเหมือนหมดเรื่องต้องคุยกันไปปริยาย จะคุยกันก็ได้แค่ถามทุกข์สุขเท่านั้น มันไม่มีเรื่องสัพเพเหระมาคุยเหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้ทำไม

ปล.

ถ้าไม่ไปเทียบกับอาจารย์บลที่สอนภาษาไทย รายนั้นจะตัวสูงระหงษ์เสียงดุดัน


ภาพลักษณ์ครูภาษาไทยทำไมมันช่างแย่ขนาดนี้ อย่างนี้ปฏิวัติวงการครูภาษาไทยแล้ว    :laugh:


**********************

ตอนที่ 12
คริสมาสต์ คำนี้ ต์ อยู่ที่พยางค์แรกนะคะ ต้องเขียนว่าคริสต์มาส
ศัทรา คำนี้เราไปรับเอาศัพท์ภาษาสันสกฤต ศฺรทฺธา มาใช้ เวลาเขียนเป็นคำไทยก็ยังคงรักษารูปคำแบบเดิมไว้เลยเขียนว่า ศรัทธา นะคะ
พุธ ถ้าเขียนแบบนี้จะหมายถึงชื่อดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง อีกความหมายหมายถึงชื่อวันนะคะ แต่ถ้าจะหมายถึงชื่อศาสนาต้อง พุทธ นะคะ

ตอนที่ 13
จงอยปาก คำนี้ต้องมีสระอะด้วยนะคะ ต้องเขียนว่าจะงอยปาก แต่ใช้คำนี้แล้วรู้สึกเหมือนน้ำโดนนกจิกหน้าอกอยู่เลยค่ะ
เกร็ดอัญมณี คำนี้ความหมายแรกหมายถึงสายน้ำขนาดเล็กที่เชื่อมสายน้ำขนาดใหญ่ อีกความหมายคือเรื่องย่อยๆ หรือส่วนเบ็ดเตล็ด แต่ถ้าจะให้หมายถึงส่วนอัญมณีเม็ดเล็กๆ  ต้องใช้ เกล็ดอัญมณี นะคะ
กฏหมาย ถ้า กฎ อยู่หน้าคำ เหมือนกฎหมาย กฎเกณฑ์ ต้องใช้ สะกดเท่านั้นนะคะ แต่ถ้า กฏ อยู่หลังคำเหมือน ปรากฏ ถึงใช้ สะกดนะคะ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ สองตอนรวด งงตัวเองเหมือนกันว่าพลาดตอนที่แล้วไปได้ไง
ย้อนดูตัวเองตอนม.ปลายทำให้รู้ว่านับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดอ่ะ
เดินจับมือกัน ทุกข์สุขด้วยกัน
หัวเราะร้องไห้ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ฉันไม่เคยลืมจากใจ
วันที่เรายิ้ม วันที่ทะเลาะ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
ที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

เพลงและของขวัญ ตั๋วจากโรงหนัง
จดหมายที่ส่งให้กันในวันที่ห่าง ฉันนั้นยังคงเก็บไว้
วันที่เหนื่อยล้า ถ้อยคำที่ปลอบใจ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

ไม่รู้ว่าเธอ ไม่รู้ว่าจะได้ยินเพลงนี้รึยัง
อยากจะให้เธอช่วยมารับฟังว่าฉันนั้น คิดถึง...

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างผ่านมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ได้ผ่านมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ (เพราะเธอ)

 :L1: :L1: :L1:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
 :m13:คิดในทางที่ดี....เด็กผงาดได้เพราะผู้ใหญ่ผลักดัน....
คิดแบบไม่ดี...เหมือนผู้ใหญ่โยนภาระมาให้เด็กว่าม๊ะ... :m16:
ความจริง....ผอ.กับครูน่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กมากกว่านี้นะ....
เพื่อนสนิทในวัยเรียน...น้อยคนที่ยังคบหากันอยู่....
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า....การคบหากันในวัยเยาว์นั้น...
มันสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเคลือบแฝง....ความรู้สึกดี ๆ
จึงยังฝังแน่นอยู่ในจิตใจ...ต่อให้ไม่ได้พบกันอีกเลยก็เถอะ :กอด1:

 :L1: น้อง eiky  :pig4:  :pig4: สำหรับสองตอน...
รักกัน ๆ นะจ๊ะ


ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
มีแววดราม่า  เหอะๆทำใจ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ทำให้นึกถึงเพื่อนตอน ม.3

5555+


ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
เริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นมาม่าลอยโชยมา...
อย่าเพิ่งนะ ยังไม่พร้อมมมมมมมมมมม

หืออารายน้า ได้กลิ่นอะไรน้า ยังหรอกคร้าบ ยังไม่ได้ต้มาม่า โหนะคนเราลงท้ายนิดหน่อยคิดไปโน่นแระ เดี๋ยวแจ้งล่วงหนห้า ไม่ต้องกลัวน้า

แหมคุณอิ๊กกี้ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะคะ แอบเขียนบทอัศจรรย์ฉากร่วมรักของน้ำกับบอทให้มีสัมผัสเหมือนเป็นกลอนเลยนะคะ

แหะๆ พยายามทำให้มันแปลกๆอ่ะน้องมิ เขียนแต่กลอนเดี๋ยวกลัวน้องมิจะหนี แต่เอ๊ะ น้องมิบอกแล้วนี่เนอะว่าไม่กลัว มาม่าเหมือนคนอื่น อิอิ ชื่นจายๆ

อิอิ สองตอนรวด งงตัวเองเหมือนกันว่าพลาดตอนที่แล้วไปได้ไง
ย้อนดูตัวเองตอนม.ปลายทำให้รู้ว่านับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดอ่ะ
เดินจับมือกัน ทุกข์สุขด้วยกัน
หัวเราะร้องไห้ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ฉันไม่เคยลืมจากใจ
วันที่เรายิ้ม วันที่ทะเลาะ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
ที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

เพลงและของขวัญ ตั๋วจากโรงหนัง
จดหมายที่ส่งให้กันในวันที่ห่าง ฉันนั้นยังคงเก็บไว้
วันที่เหนื่อยล้า ถ้อยคำที่ปลอบใจ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

ไม่รู้ว่าเธอ ไม่รู้ว่าจะได้ยินเพลงนี้รึยัง
อยากจะให้เธอช่วยมารับฟังว่าฉันนั้น คิดถึง...

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างผ่านมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ได้ผ่านมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ (เพราะเธอ)

 :L1: :L1: :L1:

อันนี้เพลงหรือเปล่าคร้าบ เพลงไรอ่าอยากฟังบ้างจัง จุ๊บๆ

:m13:คิดในทางที่ดี....เด็กผงาดได้เพราะผู้ใหญ่ผลักดัน....
คิดแบบไม่ดี...เหมือนผู้ใหญ่โยนภาระมาให้เด็กว่าม๊ะ... :m16:


พี่กานดา ตอนนั้นน่ะเกลียดครูจริงๆนะ เป็นหัวโจกเลยล่ะ แต่พอเราโตขึ้นมา เอาเป็นว่าแค่ก้าวพ้นรั้วโรงเรียน ไม่ได้กลับไปใส่ชุดนักเรียนเหมือนอย่างเดิมแล้ว ทำแบบนั้นมันไม่ดีเลยจริงๆ พอทุกวันนี้เวลาเจอหน้าครูก็จะทำตัวสนิทสนมเป็นพิเศษ ฮ่าๆๆ พยายามลบล้าง

ทำให้นึกถึงเพื่อนตอน ม.3


น้องจิมมี่เรียนอยู่ช่ายไหม อย่าไปเกลียดครูเหมือนพี่อิ๊กน้า อิอิ เดี๋ยวเรียนมะเก่งเหมือนพี่อิ๊ก ฮ่าๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด