- 2 - มาถึงโรงเรียนอาชีวะเกือบสี่โมง นักเรียนกำลังทยอยเลิก แลดูพลุกพล่านไปหมด กนกหาที่จอดเรียบร้อย แต่ต้องเดินย้อนมาอีกหน่อย พวกเราพากันดิ่งมาโรงเรียนทันที ก่อนจะมองหาเป้าหมาย
“โทษฮะขอถามหน่อยสิ พอรู้จักคนชื่อเขมราช ทรัพย์ไพศาล ชื่อเล่นชื่อเขม เรียนช่างกลโรงงานปี 3 ไหมฮ่ะ” กนกถามสาวสวยคนหนึ่งที่เดินมากับเพื่อนอีกสองคน แต่เธอเด่นกว่า
ทั้งสามคนมองกันไปมา เหมือนกำลังนึกว่ารู้จักหรือเปล่า เมื่อต่างคนต่างเงียบ ก็หันมามองพวกผมที่รอฟังคำตอบอยู่
“ไม่รู้จักค่ะ ลองถามคนอื่นดูสิค่ะ แผนกช่างกลโรงงานอยู่ตึก 10 เดินเข้าไปด้านหลังจะตรงจุดกว่านะคะ” คนสวยตอบมาอย่างมีน้ำใจ กนกยิ้มหล่อให้อย่างคาดหวัง ซึ่งสาวๆก็ออกอาการหน้าแดงนิดๆ
“ขอบคุณฮ่ะ ไว้มีโอกาสเจอกันทักได้นะฮ่ะ ชื่อหนกฮ่ะ” มันไม่ยอมเสียโอกาส แนะนำตัวเองเพื่อบีบอีกฝ่ายแนะนำคืนไปในตัว
“ชื่อแอนค่ะ แล้วเพื่อนๆไม่แนะนำหรือค่ะ” เธอบอกมียิ้มเขิน ก่อนจะพยักเพยิดมาทางโจ๊กที่ยืนนิ่งสนิท เวลามันไม่พูดหรือไม่ออกท่าทางแต๋วมันสามารถดึงดูดสายตาผู้หญิงและตุ๊ดแต๋วได้มากที่สุด
คนที่ถูกพาดพิง หรี่ตาเข้มแทนการค้อนที่มักทำใส่เพื่อนๆหรือคนที่อยากแหย่อยากหยอด แต่นั่นถูกระบุว่าต้องเป็นเพศผู้ แต่หากเป็นอิสตรีอยู่นอกเขตแดนที่มันทรงอิทธฤทธิ์ มันจะนิ่งแลดูเข้มประหนึ่งองค์ฟาโรห์แห่งตุตันคาเมนเลยทีเดียว
“นัทดนัยครับ” บอกชื่อเต็มยศ เสียงทุ้มแหบที่ทรงฤทธานุภาพ เพราะสาวๆทั้งสามนาง ตาไหวระริกต้องมนต์สะกดไปแล้วเรียบร้อย
“ยิ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ไม่มีชื่อเล่นหรือค่ะ นัทดนัย” สาวสวยยังคงล้วงลึกสานสัมพันธ์ โดยกนกถูกเมินเป็นที่เรียบร้อย เพราะสายตาสาวสามนางจ้องนัทดนัยปานเจอชายในฝัน
“โจ๊กครับ” มันก็ตอบเสียงทุ้มห้าวแหบ อันเป็นพื้นเสียงปกติยามที่มันไม่ดัดจริต มักจะเป็นโทนเสียงนี้เลย เสียงต้นฉบับเวลาคุยกับพ่อแม่
“ค่ะโจ๊ก..แล้วเพื่อนอีกคนละค่ะ” เธอแอบเอียงอาย หาวิธีแก้เขินถามผมเฉย เป็นพราะน้ำใจที่เธอแนะนำให้ข้อมูลแต่ต้น ผมจึงยินดีบอก
“บูตัสครับ เผอิญผมรีบทำธุระ ไว้เจอกันใหม่นะแอน” ตัดบทขืนให้กนกพูดคงอีกนาน เพราะมันมองเขาไม่วางตา ส่วนโจ๊กนิ่งเสมอยามเจออิสตรีที่ไม่คุ้นชิน ผมเคยถามทำไมมันดูเกร็ง มันบอกกูไม่ได้เกร็ง เพียงแต่ต้องระมัดระวังตัว เกิดลูกน้องพ่อหรือคนรู้จักมาเห็นจะพาซวย..
“ได้สิค่ะเชิญโจ๊กกับเพื่อนตามสบายเลย เดินเข้าไปอีก 500 เมตร จะเห็นป้ายอาคาร 10 นั่นแหละค่ะช่างกลโรงงาน” เธอพูดกับโจ๊ก แทนที่จะคุยกับผม ดันจ้องหน้าโจ๊กแถมแจงรายละเอียดอย่างมีน้ำใจอีกต่างหาก
“ขอบคุณครับ” พูดจบ โจ๊กมันล็อกคอกนกลากเดินทันที ไม่ต้องแปลกใจทำไมมันไม่ลากผม เพราะผมเดินนำออกมาแล้วไม่อยากเสียเวลา ที่มันต้องล็อกกนก เพราะรายนั้นยังยืนรากงอกพิศดูสาวสวยไม่เลิก
“กูว่าประกาศเถอะมึง ไม่งั้นเสียเวลา” โจ๊กแนะ ผมพยักหน้ารับเห็นว่าความคิดเข้าท่า เพราะเรากำลังเดินผ่านห้องประชาสัมพันธ์กันพอดี ถือโอกาสใช้ประโยชน์เสียเลย เรียกมันมาเจอมีโอกาสคุยโดยไม่เกิดเรื่อง ดีกว่าเข้าไปเหยียบถึงรัง เสียเปรียบเกินไป
ใช้เวลาประสานฝ่ายประชาสัมพันธ์ไม่นาน เขาก็ยอมประกาศให้โดยให้เหตุผลว่ามีธุระสำคัญ คนออกหน้าคือกนกซึ่งมันอยู่ในชุดไพรเวทเลยไม่เป็นที่น่าสงสัยคงเข้าใจว่าเป็นญาติ
เสียงประกาศออกไมค์ กระจายผ่านเสียงตามสายไปทั่วสถาบันชัดเจนนายเขมราช ทรัพย์ไพศาล มีคนมารอพบที่หน้าห้องประชาสัมพันธ์ เขาประกาศให้สองครั้ง บอกให้พวกผมรอที่ม้าหินอ่อนใต้อาคารแถวๆหน้าห้อง
เราสามคนก็สอดส่ายสายตามองหาผู้ชายใส่ชอปเพราะเรียนช่างเน้นพวกหน้าตาหล่อดูดีตามโปรไฟล์ที่ได้ ยังไม่สะดุดตาใครสักคนเพราะไม่มีใครใส่ชอป แต่หน้าตาดีมีไม่น้อย โดยเฉพาะโจ๊กแม้จะวางหน้าขรึมดึงดูดสายตาอิสตรีและตุ๊ดแต๋วที่ผ่านไปมาเป็นกลุ่ม แต่ตาคมเข้มกลับไหวระริกวาวระยับถูกอกถูกใจอาหารตาตรงหน้าไม่น้อย ซึ่งมันคงไม่รู้เลยมั้งว่าคนพวกนั้นหล่อไม่ได้ครึ่งของมันด้วยซ้ำ
แล้วสายตาผมก็สะดุดเข้ากับวัยรุ่นชายร่างสูงสวมชอปสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีเดียวกัน เห็นมาแต่ไกลสามคน ดูเซอร์ในมือถือสมุดคนละเล่มสองเล่ม ก่อนจะเดินมาหยุดหน้าห้องประชาสัมพันธ์
หนึ่งในนั้นกำลังมองหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเดาไม่ผิดเขาคงจะเป็นคนชื่อเขม เพราะหน้าตาไม่ขี้เหร่จัดว่าหล่อแต่เทียบบอลลูนไม่ติด วัดกับโจ๊กยังคงสู้ไม่ได้ แต่ก็หล่อแบบเซอร์ๆสูงใหญ่พอกับเพื่อนที่มาด้วยกัน ความสูงไล่เลี่ยกับโจ๊ก ก่อนสายตาเขาจะมาหยุดที่พวกผม เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่แต่งกายแตกต่าง
“โทษครับนายชื่อเขมหรือเปล่า” ผมไม่รอช้า ลุกยืนหลังสายตาเราสบกันเข้า พร้อมกับถามให้แน่ใจ
“อืมนายเองเหรอที่ประกาศเรียก” เขาเดินเข้ามาใกล้ โดยมีเพื่อนตามมาด้วย มองทั้งสามคนหน้าตาโอเคถึงเซอร์แต่ดูดี..นายเขมดูดีที่สุด
“มึงรู้จักเด็กขาสั้นพวกนี้ด้วยเหรอเขม” เพื่อนเขาถาม หลังพิจารณาพวกผมอยู่ชั่วครู่
“ไม่รู้กำลังจะถาม แต่อกเสื้อปักชื่อโรงเรียนแฟนกู” นี่คือเหตุผลที่มันตอบเพื่อนไป ที่มันจ้องคืออกเสื้อปักอักษรย่อด้านซ้ายสินะ
“ใช่..เราเรียนที่เดียวกับน้องสายไหม” ผมย้ำให้มันหายสงสัย บอกให้รู้ด้วยว่ารู้จักสายไหม จะได้ไม่ต้องเสียเวลาท้าวความ
“มีอะไรกับเรา” มันถาม
“เรามีเรื่องจะมาตกลงกับนาย” คิ้วมันขมวดทันที ก่อนจะยืนเอามือลูบคางซึ่งมีไรหนวดที่โกนเกลี้ยงแต่เขียวครึ้ม ทำให้หน้าขาวตี๋ของมันดูเข้มไม่จืดชืด
“ไม่ต้องแปลกใจเรากับนายไม่เคยรู้จักกันหรอก แค่อยากตกลงเกี่ยวกับน้องสายไหม” ผมเลี่ยงไม่ใช้คำว่าแฟนกับมัน
“มีเรื่องอะไรกับไหม..อย่าบอกมึงชอบ” มันเปลี่ยนมือเท้าสะเอว เพื่อนมันก็ล้วงกระเป๋าตาม เริ่มจะข่มผมขึ้นมาทันที
“ฮึ..ถ้ามันชอบเด็กมึงได้ ปานนี้มีแฟนเป็นกระบุงแล้วมั้ง” เป็นกนกที่หลุดปากครั้งแรก เสียงน่ารักที่มันพยายามดัดให้เข้มฟังยังไงก็ดูรู้ว่ามันไม่ใช่เสียงผู้ชาย
“หืม..นี่เป็นตุ๊ดกันเหรอ” ไอ้เขมมันเข้าใจว่าพวกผมเป็นตุ๊ดเพราะมันเดาจากน้ำเสียงของกนก
“เห้ย!..ตุ๊ดน่ารักแบบนี้ สงสัยมาเพราะแฟนมึงไปถูกใจผู้ชายพวกมันหรือเปล่าว่ะ เลยมาขอให้มึงจัดการให้” เพื่อนมันหรี่ตาจ้องผมกับกนกสลับกันไปมา พร้อมกับพูดในสิ่งที่มันคิด
“อย่าเดาซี้ซั้ว..สายไหมกับนายเลิกกันหรือยัง” ผมปฏิเสธ ก่อนถามเรื่องส่วนตัวทั้งที่รู้ว่าไม่สมควร แต่มันเป็นประเด็นหลัก หากเลิกผมจะได้รู้ว่าไม่มีพันธะต่อกันแล้ว แต่ถ้ายังคบกันอยู่ต้องเกิดเรื่องกับบอลลูนแน่
“ถามทำไม บอกธุระนายมาดีกว่า” มันไม่ตอบแต่เร่งให้ผมพูด
“น้องชายเรากำลังคบกับสายไหม” ผมหยุดรอดูปฏิกิริยาจากมันและก็ได้ผล มันหน้าเจื่อนก่อนจะถามผมเสียงดัง
“มึงพูดว่าไงนะ” เปลี่ยนสรรพนามให้เสร็จสรรพ
“ฟังไม่ผิดหรอก น้องชายเรากำลังคบกับสายไหม อาจยังไม่ตกลงเป็นแฟนแต่ก็เรียกได้ว่าดูๆกันอยู่” ผมย้ำตรงๆ โจ๊กกับกนกเริ่มยืนประกบข้างผมแล้ว หลังเห็นมันกำหมัดจนนิ้วขึ้นขาว หน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดงขบกรามแน่น
“มันตาย..คิดยุ่งกับแฟนกูเหรอ” มันสบถเสียงขรม
“เดี๋ยว!..นายทำน้องเราไม่ได้ เราถึงมาเคลียร์ไงเล่า ของแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง นายควรไปกันคนของนายสิ” ผมเองก็เริ่มเสียงดัง พวกที่เดินผ่านไปมา ชักให้ความสนใจหยุดดูกันบ้างแล้ว
“เอาดีๆ มันน้องหรือผัวกันแน่ มาหากูถึงนี่ใส่ร้ายแฟนกูใช่ไหมผัวเกิดเปลี่ยนใจมายุ่งกับแฟนกูสิท่า เดี๋ยวกูกระทืบให้มันสำนึกเอง” ไอ้เขม เริ่มออกท่าทางกร่างแบบนักเลงแล้ว เพื่อนมันก็ไม่ต่างกัน ผมสะอึกกับคำว่าผัวทุกครั้งที่ใครต่อใครชอบคิดแบบนี้ ทำให้ชะงักอึ้งไป
“มันพี่กับน้อง แฟนมึงต่างหากที่คบมึงอยู่ ดันเสือกไปอ่อยน้องของมันอีก มึงคิดเอาเองแล้วกัน น้องมันอยู่ม.3 แฟนมึงกินเด็กแล้วงานนี้” เป็นโจ๊กที่พูดแทนผม พวกมันสามคนเปลี่ยนมองหน้าโจ๊กบ้างแล้ว
“มึงพูดดีดี ไม่งั้นโดนกูดักเล่น” มันขู่
“กูพูดเรื่องจริง” โจ๊กก็ไม่ยอม
“หืม..ดูมึงแค้นแทนได้หน้าขาว เป็นผัวมันหรือไง” เพื่อนมันบอกก่อนจะพยักเพยิดมาทางผม
“เหี้ย..คิดได้ไงว่ะ กูเพื่อนกัน” โจ๊กมันก็สวน ท่าทางไม่มีออกแต๋ว เสียงห้าวแหบแมนๆ ไม่มีอาการค้อนหรือเชิดหน้าสะบัดบอบอย่างที่มันทำ เป็นแบบนี้เสมอตอนมีเรื่อง มันจะดูแมนจนใครที่ไม่รู้เข้าใจว่ามันชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ถ้าไม่ใช่ไอ้นี่ ก็คงไอ้แห้งนี่” มันเปลี่ยนมาเป็นกนกบ้าง
“กูก็เพื่อน..สัด” กนกแหวกลับ ตาขุ่นจ้องอย่างเอาเรื่อง
“โฮ๊ะ!..มึงดูมันสองตัวเขม ดูยังไงก็ตุ๊ดหน้าขาวเด้งขนาดนั้น ตกลงมึงไม่ได้เป็นผัวไอ้สองตัวนี่ งั้นพวกกูขอ” มันตบไหล่ของไอ้เขม แล้วพยักหน้าย้ำถามกับโจ๊ก
“ไปขอกับพ่อมันดิ” โจ๊กพูดจบมันเดินออกมายืนขวางหน้ากนกกับผมไว้ทันที รูปร่างมันสูงใหญ่พอๆกับพวกนั้น ดูจะหนากว่าด้วยซ้ำยิ่งมันใส่กางเกงนักเรียน ขนหน้าแข็งกับกล้ามขาแน่นปึก
“เห้ย!..เล่นถึงพ่อเลยเหรอสัด” เพื่อนไอ้เขมไม่พอใจคว้าคอเสื้อของโจ๊กรั้งทันที แต่มันเตี้ยกว่าเลยเหมือนแหงนหน้าขู่เสียอย่างนั้น
“ผลั๊ว!..อย่าทำเสื้อกูยับ กูไม่ได้ด่าพ่อมึง อยากได้มันกูก็แนะให้มึงไปขอกับพ่อมันเอาเองมาขอกูทำไม กูเป็นเพื่อนไม่ใช่พ่อ มึงฟังไม่เข้าใจตรงไหน” โจ๊กมันปัดมือออก ยืนส่ายขาดิกๆแล้ว มันพอตัวไม่เคยกลัวเรื่องต่อยตี ก็มันเป็นลูกนายทหารนิ ย่อมไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“เห้ย!..มีเรื่องในโรงเรียนเดี๋ยวซวยสัด” เพื่อนมันอีกคนเขามาดึงไว้ ส่วนไอ้เขมมันก็มองนิ่งๆ
“กูมาบอกมึงแค่นี้ ไม่ได้ต้องการมาหาเรื่อง ส่วนมึงเชื่อไม่เชื่อเรื่องของมึง แต่ห้ามทำอะไรน้องกู” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนจะพยักหน้าชวนกนกกับโจ๊กกลับโดยไม่คิดสนใจมองพวกมันอีก
“เดี๋ยว!..มึงชื่ออะไร” จู่ๆ ไอ้เขมมันก็ถามผมมา
“บูตัส” ผมก็หันกลับไปบอก
“แล้วน้องมึงล่ะ” มันถามผมอีก
“บอลลูน” ผมก็บอกไม่มีเกี่ยง
“แล้วมึงล่ะ ไอ้แห้ง” เพื่อนปากหมามันพยักหน้าถามกนก
“หนก..” ไอ้หนกมันก็ตอบ โจ๊กหมั่นไส้กระซิบด่าข้างหู
“มึงไปบอกมันทำไม” ตำหนิเสียงขุ่น
“อ้าว! มันถามกูมึงก็ได้ยิน” กนกเถียง
“ใช่เรื่องที่มึงต้องบอกมันไหม” โจ๊กมันอบรมอีก
“มึงหวงมันเหรอ ไหนบอกเป็นเพื่อนกัน” ไอ้ปากหมามันว่าโจ๊ก
“แล้วมึงจะทำไม” โจ๊กกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธย้อนถามเฉย
“เหี้ย!!ยอมรับแต่แรกกูก็ไม่ยุ่งหรอก งั้นมึงยังว่างสิ..ชื่ออะไรนะ..อ๋อ..บูตัสกูเปลี่ยนคนก็ได้” พวกผมเหว่อไปตามกัน ไอ้นี่มันบ้าหรือเพี้ยน
“มึงก็แกล้งพวกมันไอ้สรร” ไอ้เขมมันว่าเพื่อน
“แกล้งเหี้ยไรกูสนจริง เอาเบอร์มาดิ..มึงแหละ” มันบอกไอ้เขมแล้วหันมาขอเบอร์ผมเฉยเลย
“กูไปแหละ” ผมส่ายหน้าให้อย่างระอา ก่อนจะหันหลังพากันเดินออกมา ทันได้ยินเสียงพวกมันหัวเราะตามหลัง
“ฮ่ะฮ่าๆๆ..กูเอาจริงนะมึง น่ารักดีว่ะ” ตกลงพวกไอ้เขมมันสติดีกันไหมเนี่ย แต่ละคนดูล้นๆเกินๆพิลึก..??
ขอบคุณทุกเม้นท์และนักอ่านที่น่ารักที่ตามติดกันตลอด
เรื่องนี้เชียร์ใครก็จงเชียร์ต่อไป เพราะคนเขียนมันมีพล็อตไปแล้ว 5555
เอาเป็นว่ารอดูกันต่อไป ใครจะโดนใคร...ใครล่อใคร..ไม่รู้ว่าใครล่อใคร (กรุณารองเป็นเพลง)
Luk.