- 2 - “หยุด!หยุดสิ..บอลฟังพี่..จะทำอะไร หยุดสิโว้ย!!..พลั๊ก!” ผมทั้งห้ามทั้งปัดป้องพัลวัน เพิ่งรู้ว่าน้องแรงเยอะมากก็ตอนนี้ ไม่ว่าจะพยามยามยึดมือยังไงก็ไม่อยู่ จนเผลอต่อยไปเต็มๆเพื่อต้องการหยุดเขาให้ได้
“พลั๊ก!” ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้น้องเจ็บ ร่างกายมันไปเองหรือผมไม่รู้จะหยุดเขายังไงถึงได้ทำแบบนี้ก็ไม่รู้
“มึง..ต่อย..กู” เสียงต่ำขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดกรามกรอด หลังอึ้งที่ถูกผมต่อยหน้าหงาย แววตาดุดันวาวโรจน์จ้องผมนิ่ง ยอมรับหายใจสะดุด มือไม้ปวกเปียกไปหมด ไม่เคยเห็นน้องโมโหขนาดนี้เลยจริงๆ กระทั่งลงมือลงไม้ใช้กำลังเอากับผมน้องไม่เคยทำสักครั้ง
บอลลูนไม่ฟัง ฉีกกระชากเสื้อยืดตัวบางของผมขาดติดมือดังแคว๊ก!! ก่อนจะดึงกางเกงต่อ ผมกำลังผวาจับต้นชนปลายประติดประต่อคำพูดและการกระทำของน้องอยู่ เริ่มจะเข้าใจลางๆว่าเขาต้องการทำอะไร
“หยุด!หยุดเดี๋ยวนี้! มีสติหน่อยสิ..เราเป็นพี่น้องกันนะ” ผมทั้งตะโกนห้าม มือก็ยื้อยุดฉุดกางเกงที่น้องออกแรงดึง..ไว้เต็มเหนี่ยว
“เราไม่ใช่พี่น้องกัน!!!” เสียงที่น้องตะคอกกลับมา ทำเอาผมอึ้งหลังได้ยินประโยคนี้ น้ำตาคลอหน่วยเพราะรู้สึกผิดที่เผลอชกน้องไป แต่ยังไม่ยอมให้ไหลออกมา กลับทะลักเป็นสายอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป
ประโยคนี้เหมือนมีดคมกริบ..กรีดเฉือนก้อนเนื้อตรงอกด้านซ้ายของผมจนเจ็บปวดทรมานสุดๆ ยิ่งกว่าถูกด่าว่าผมเป็นตุ๊ดจนนึกรังเกียจจากปากน้องเสียอีก มันเจ็บปวดจนหมดแรงที่จะยึดกางเกงเอาไว้ได้ ร่างกายอ่อนเปลี้ยลงไปในทันที
กางเกงผ้ายืดหลุดจากร่าง เปิดเผยส่วนเร้นลับต่อสายตา นับตั้งแต่อายุ 13 ผมไม่เคยแก้ผ้าให้ใครเห็นแม้แต่พ่อกับแม่ก็เถอะ บัดนี้มันเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าน้องชาย ที่เพิ่งทำร้ายผมด้วยคำพูดจนหัวใจผมบาดเจ็บสาหัส
“อย่า..ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่เกรงใจแล้วนะ” ผมรีบคว้าผ้าห่มเอามาปิดไว้ แต่กลับถูกกระชากทิ้งไม่ใยดี เลยกำหมัดแน่นตัดใจเด็ดเดี่ยวอาจต้องชกน้อง เพื่อรักษาตัวให้รอดจากสภาพทุเรศนี้ก่อน ทั้งที่ใจไม่คิดจะลงมือทำร้ายเลยสักนิด น้องเจ็บใช่ว่าผมจะไม่เจ็บด้วย
นอกจากไม่ยอมฟังแล้ว น้องยังถอดเสื้อออกเผยร่างกายส่วนบนที่ผมเพิ่งเห็นไปเมื่อวานตอนมื้อเย็น แต่ครั้งนี้ใกล้มากจนเห็นไรขนสีอ่อนชัด ได้กระทั่งกลิ่นเฉพาะซึ่งผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน ว่าน้องมีกลิ่นกายแบบนี้ พานทำให้ตะลึงพึงเพริดไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้น้องจับมือผมล็อกไว้แน่น ก่อนจะมุดหน้าตรงซอกคอ..ซุกไซร้อย่างคนไร้สติจนรู้สึกแสบไปหมด
“บอล..หยุดเดี๋ยวนี้..บอลลูนพี่บอกให้หยุด!” ผมทั้งร้องทั้งดิ้นบิดหน้าหนีสุดชีวิต แต่ร่างทั้งร่างกลับถูกกดทับจนขยับแทบไม่ได้
น้องยังคงไม่ฟัง แถมยังสร้างความเจ็บปวดตามร่างกายผมอย่างไม่ปราณีปราศรัย น้องกัดที่คอตรงหัวไหล่ กัดหน้าอกกักนมจนผมต้องหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อร๊ากก!! ปล่อย..พี่บอกให้ปล่อย..หยุดสิโว้ย!!” ผมแหกปากตะโกนลั่น น้องกลับเปลี่ยนเป้าหมายมาประกบปิดปากที่กำลังร้องตะโกนของผมแทน แถมยังฉกลิ้นเข้ามาซอกซอนไปทั่วอย่างวิสาสะ
ตาผมเบิกโพรงปล่อยน้ำตาไหลปานเขื่อนแตก หวาดกลัวไปกับอารมณ์โมโหจนขาดสติ ที่น้องกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ บอลลูนไม่ฟังผมเลยคล้ายไม่ได้ยินเสียงห้ามปรามของผม..ที่อ้อนวอนเขาแม้แต่น้อย
“โอย!!กัดเหรอ..ฤทธิ์เยอะใช่ไหม” กลิ่นคาวเลือดคลุ้งในปาก หลังผมหายใจไม่ทันเพราะน้องเล่นบดจูบเอาเป็นเอาตาย เหมือนต้องการขยี้ปากผมให้แหลกเละ ผมจึงกัดริมฝีปากเพื่อดึงสติให้น้องหยุดพฤติกรรมทำร้ายร่างกายผมเสียที แต่ผลที่ได้รับมันตรงกันข้าม..?
“ปึ๊กๆๆ!!..อุก!!” คราวนี้ผมร้องไม่ออกอีกแล้ว ทั้งที่น้องยอมปล่อยร่างผมเป็นอิสระ ยังทำได้แค่งอเข่าคู้เพราะจุกโดนชกใต้สะดือเต็มๆ สองสามหมัดจนหน้ามืด หมดแรงของแท้แล้วคราวนี้ น้ำตาทะลักทะลายแทบขาดใจ ไม่คิดว่าน้องจะลงมือทำรุนแรงกับผมเพียงนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่าบอลลูนจะทำร้ายผมลง
“หมดฤทธิ์แล้วสิ สำออยตอแหลหน้าซื่อตาใส พอจะสงเคราะห์ให้ดันทำสะดีดสะดิ้ง นึกหรือว่ารู้ไม่ทัน บอกแล้วอยากได้ก็จะช่วยสงเคราะห์ จะได้เลิกวุ่นวายเสียที” พูดจบเงาทะมึนที่เห็นเป็นเงาดำๆ ก็โถมทับลงมาบนร่างกายผมอีกครั้ง
ก่อนสติผมจะดับ ยังจำได้ว่ารู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนฉีกเนื้อแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ ไม่มีความเวทนาปราณีจากน้องชายที่ผมรักสุดหัวใจ ไม่มีความการุณในการกระทำที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อน ซึ่งน้องยัดเยียดให้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีความอ่อนโยนผ่อนปรนให้ผมเลย ไม่เคยคิดสักนิดว่า
จูบแรกของผมจะแรกมาด้วยน้ำตาและความทรมาน เซ็กส์ครั้งแรกของผมจะเลวร้ายถึงปานนี้ มันไม่ได้เกิดจากความรักอย่างที่ผมเคยฝันเอาไว้..ถ้าหากผมจะมีเซ็กส์มันต้องเกิดจากความรักของผมกับเขาคนนั้น
ต่างกับที่ฝันริบลับ..ไม่มีความอ่อนหวานเหมือนนิยายที่เคยอ่าน ไม่มีความอ่อนโยนแฝงไปด้วยความสุขสมเหมือนที่เขาบรรยาย ตรงข้ามมันคือนรกที่รู้สึกทรมานเจ็บปวดจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด
ก่อนสำนึกสุดท้ายจะหลุดลอยคว้างออกจากร่าง ไปพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนจากการโหมการกระแทกกระทั้น เหมือนกับกระดูกของผมจะหลุดออกเป็นชิ้นๆ จนกระทั่งไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก คงจะดีไม่น้อยหากสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่..มันคือความฝัน..??
ผมขยับเปลือกตาที่หนักอึ้ง หัวหมุนติ้วรู้สึกเหมือนสมองพองจนแทบระเบิด นิ่วหน้ากับรสชาติของความเจ็บปวดระบมไปทั่วร่าง เหมือนชิ้นส่วนหลุดกระจาย ก่อนสำนึกจะบอกให้รับรู้ว่า ผมยังไม่ตายและไม่ได้ฝันไปอยากที่ใจผมภาวนาให้มันเป็น ผมยังคงนอนอยู่ในห้องเดิม ห้องของบอลลูน ด้วยสภาพสวมชุดนอนผ้าฝ้ายของผมเอง คาดว่าคนเปลี่ยนคงไปเอามาจากตู้ในห้องของผม
เจ้าของห้องไม่อยู่ ทั้งที่ผมพยายามบิดหน้าใช้สายตาสำรวจอย่างยากลำบาก ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว..เพราะผมไม่ทราบว่าหลับไปนานแค่ไหน พยายามจะพยุงร่างกายลุกขึ้น แต่อาการจี๊ดจนกัดริมฝีปากแน่น คิดว่าคงห้อเลือดไปแล้วเรียบร้อย มันไล่ตั้งแต่ช่วงล่างขึ้นมายันหัวจนแทบระเบิด ดูเหมือนผนังห้องโคลงไปหมด ทำให้ต้องล้มลงนอนต่ออย่างหมดสภาพ
จำต้องหลับตานิ่ง ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฉากๆ ก่อนน้ำตาจะไหลลงขมับไม่ขาดสาย นี่บอลลูนทำกับผมจริงใช่ไหม น้องทำกับผมได้ลงคอเชียวหรือ เกลียดผมถึงขนาดทำร้ายผมได้ขนาดนี้ เจ็บปวดตามร่างกายยังไม่ทรมานปานขาดใจ..เท่ากับตอนนี้หัวใจผมมันแหลกละเอียด ผิดหวังเสียใจหดหู่จนบรรยายไม่ถูก
เสียงประตูถูกผลักเปิด พร้อมกับกลิ่นโจ๊กร้อนๆ ทำให้ลืมตาขึ้นสบกับตาสีเทาอมฟ้า..ที่ผมเคยคิดว่ามันสวยมาก แต่เวลานี้ผมกลับไม่อยากมองดวงตาคู่นี้แม้แต่วินาทีเดียว เลยเลือกจะปิดตาลงอีกครั้ง
“กินโจ๊กก่อน จะได้กินยา” เสียงทุ้มห้าวเรียบนิ่ง ไม่มีอิทธิพลกับความรู้สึกของผมเหมือนที่ผ่านมา ปกติก่อนหน้าหากได้ยินคำพูดแบบนี้ ผมคงหลุดยิ้มดีใจ พานคิดไปเองแล้วว่าน้องเป็นห่วงผมสินะ
“นายไม่สบายไข้ยังไม่หาย กินโจ๊กรองท้องก่อนค่อยกินยาทีหลัง” น้ำเสียงฟังดูอ่อนลงเล็กน้อย แต่ผมเลือกที่จะนิ่งไม่อยากได้ยินด้วยซ้ำ
“บู..อย่าดื้อ ไม่งั้นจับกรอกปากนะ ชอบให้บอลบังคับใช่ไหม” น้องเรียกชื่อผมหลังจากไม่เคยได้ยินมานาน แถมยังแทนตัวด้วยชื่อเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้าผมจำได้ว่ายังหลุด..กู..อยู่เลย
“จะเอาแบบนั้นแน่” สักพักร่างผมก็ถูกช้อนจนต้องลืมตาขึ้นเพราะตกใจกับการกระทำที่อุกอาจนี้ไม่น้อย
“อ๊ะ!..ทำอะไร” หลุดปากจนได้ ทั้งที่ตั้งใจจะไม่พูดด้วยแล้วเชียว แต่ผมกังวลกลัวโดนทำแบบนั้นอีก เมื่อวานขนาดผมร่างกายสมบูรณ์ยังเอาบอลลูนไว้ไม่อยู่ แล้วตอนนี้ไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“ยอมพูดแล้วสิ บอกให้กินโจ๊กแล้วกินยา” น้องจ้องผมเขม็ง ชักสีหน้าไม่พอใจใส่ ไม่อยากรองรับอารมณ์โกรธแบบเมื่อวานอีก จึงพยักหน้ายอมทำตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“อ้าปากสิ” บอลลูนตักโจ๊กป้อน ทำเอาผมอึ้งไปอึดใจใหญ่ ไม่คิดว่าน้องจะป้อน ผมไม่ได้ป่วยจนกินเองไม่ได้เสียหน่อย
“ไม่ต้อง..ทานเองได้” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อย่าอวดเก่ง ป่วยก็อยู่นิ่งๆ” ไม่ตามใจแถมสั่งผมอีก ตกลงนี่ผมเป็นพี่หรือเป็นลูก คงไม่ใช่เพราะบอลลูนพูดเองว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน เพราะคำพูดนั้นทีเดียวที่ทำร้ายผมจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาเลยไม่ใส่ใจความรู้สึกของผมอีก ไม่คิดจะรับฟังความต้องการผมสักนิดเดียว
“อ้าปาก..” เขาย้ำ..ดึงผมออกจากภวังค์ความคิด จำต้องอ้าปากรับโจ๊กที่ป้อนให้อย่างไม่คิดจะดื้อดึงอะไรอีก จะได้จบๆไป แต่ผมกลับผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วก กินได้ไม่กี่คำก็ทนฝืนไม่ไหวก่อนจะขย้อนคายสิ่งที่กินออกมาเลอะเทอะเสียก่อน
“ไม่ไหว..จะอ้วก” ผมบอก น้องก็ไม่บังคับผมให้กินต่อ นอกจากส่งยากับแก้วน้ำมาให้
“กินยาแล้วนอนพัก พรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหวนะถ้าไม่หาย” หืม..พรุ่งนี้แสดงว่าวันนี้วันอาทิตย์ ผมป่วยข้ามวันข้ามคืนเลยหรือ กินยาเสร็จเรียบร้อยผมอดถามไม่ได้
“กี่โมงแล้ว” เพราะไม่รู้จริงๆ ในห้องมันปิดม่าน
“บ่ายสอง” โอ้ผมนอนวันชนวันจริงด้วย กะขยับตั้งท่าลุกจากเตียง
“ทำอะไร” บอลลูนถือชามโจ๊กกับแก้วน้ำเตรียมเอาไปเก็บทักขึ้น
“กลับห้อง” ผมตอบ รู้สึกเราสองคนเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งผมและน้องคงไม่พร้อมที่จะคุย ส่วนผมแม้จะอยากรับรู้ว่าน้องโกรธอะไรถึงทำร้ายผมแบบนั้น แต่ยังไม่มีอารมณ์ถาม ยอมรับผมผิดหวังกับสิ่งที่โดนกระทำมาก จนไม่พร้อมที่จะเอ่ยถึงมันในตอนนี้
“นอนนี่แหละ หายแล้วค่อยกลับไป” น้องบอก แต่ผมไม่ฟังทำไมผมต้องมานอนในห้องที่มีความทรงจำเลวร้ายนี้ด้วย แต่พอลุกผมก็ทรุดฮวบขาสั่นไปหมด..ไม่มีแม้แต่แรงจะยืน พื้นโคลงจนวูบเลยทีเดียว
“ดื้อไม่เข้าเรื่อง” พูดจบตัวผมลอยหวืดก่อนแผ่นหลังจะสัมผัสเตียงที่เพิ่งลุกออกมามาดๆ ตามด้วยผ้าห่มที่คลี่คลุมให้ระดับอก
“นอนอยู่นี่ห้ามลุกขึ้นมาอีก ไม่งั้นเจอดีแน่” น้องขู่ทิ้งท้าย แล้วคว้าชามกับแก้วเดินหันหลังออกประตูไป พอเสียงประตูปิดผมกับมาจมอยู่กับคำถามในหัวที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าน้องไปเจออะไรมาแล้วไปมีเรื่องอะไร เกี่ยวอะไรกับผม..ถึงต้องโมโหรุนแรงจนทำร้ายผมแบบนี้
คำพูดที่บอกเราไม่ใช่พี่น้องกัน เป็นความรู้สึกจากจิตใจหรือไม่ น้องคิดแบบนี้จริงหรือ ผมไม่มีน้องชายอีกแล้ว..ไม่มีแล้วใช่ไหม..ก่อนที่น้ำตาจะไหลและความอ่อนเพลียจะเข้ามาครอบงำจนหนังตาหนักอึ้ง ดึงผมจมไปกับภวังค์ห้วงฝัน..ผมฝันถึงพ่อกับแม่ในอดีตที่ผ่านมานับสิบห้าปี..?
“บูเข้ามาทำความรู้จักกับน้องสิลูก” แม่เรียกผมให้ไปทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตผิวขาวตัวกลมบนเบาะนุ่ม
“หวัดดีครับพ่อ..หวัดดีครับแม่” พวกท่านยิ้มรับแววตาอบอุ่นยังคงฉายชัด ผมขยับเข้าไปใกล้ก่อนวางกระเป๋า แล้วยืนเอามือไพล่หลังมองอยู่ห่างๆ รู้สึกตื่นเต้นปนสงสัย ถามตามที่คิด
“เจ้าตัวอ้วนนี่มาจากไหน” ท่าทางลังเลไม่ผลีผลามของผมทำให้พ่อกับแม่กลั้นขำ แน่ล่ะผมไม่มีทางตกหลุมพรางอีกแน่ หลังเคยโดนพวกท่านหลอกมาแล้ว กลัวหน้าแตกถึงได้รอฟังคำตอบให้มั่นใจเสียก่อน
“คุณดูลูกสาวเราระวังตัวแจเลยคราวนี้ฮะฮ่าๆ” หัวเราะทิ้งท้ายกวนอีกต่างหาก
“เฮ้ย!แม่” ผมแหวเสียงขุ่น คิดหรือว่าพ่อกับแม่จะฟัง พากันชอบใจใหญ่หลังยั่วโมโหผมสำเร็จ
“จร้าไม่ใช่ลูกสาวแต่เป็นลูกผู้ฉิง..กร๊ากก!” พอกันทั้งคู่
“น่ารักมากใช่ไหม ตั้งแต่นี้เขามาเป็นน้องของลูกแล้ว”เสียงพ่อพูด
“........???” หน้าผมคงตลกพิลึกหลังได้ยินแบบนั้น
“ไม่เชื่อสิ..พ่อพูดจริง” พ่อยืนยันหนักแน่น มองหน้าสุดสวยเธอยิ้มให้เช่นกัน แต่ก็ยังต้องการย้ำให้มั่นใจอีกที
“จริง” ทั้งคู่พยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าผมพุ่งเข้าไปคุกเข่าจ้องเจ้าตัวกลมป๊อกที่นอนลืมตาแป๋วตั้งแต่ตอนไหน ก่อนจะเอื้อมมือสั่นน้อยๆเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กขนาดฝ่ามือปิดอย่างห้ามไม่อยู่ จวนสัมผัสรอมร่อนึกขึ้นได้รีบยั้งไว้ทัน ผุดลุกพรวดวิ่งออกนอกห้องไม่เหลียวหลัง ไม่ลืมตะโกนสั่ง
“อย่าเอาเจ้าตัวกลมไปไหน ผมไปล้างมือก่อน” ยังได้ยินเสียงหัวเราะดังตามมา สามีภรรยาจอมซ่าชอบแกล้งเป็นนิสัย จำต้องกำชับไว้ล้างมือจนสะอาดสะอ้าน มั่นใจว่าจะไม่ทำให้ผิวอ่อนละมุนเป็นอันตรายจากสิ่งสกปรกแล้ว รีบกลับเข้าไปข้างในทันที พ่อกับแม่ยังคงจ้องเจ้าตัวกลมไม่ห่าง ผมไม่ยอมเสียเวลาตรงเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างๆ อยากมองตัวกลมปุกผิวขาวอ้วนจ้ำม่ำชัดๆ จังหวะสายตาของเราประสานกันพอดี
“.....!!!” เสียงหัวใจผมเต้นตึกตักๆดังแทบทะลุอก ส่วนเจ้าตัวน้อยหน้ากลมบ็อกลูกตาใสบริสุทธิ์สบตาผมนิ่ง...ความรู้สึกอุ่นซ่านในใจแผ่ขยายลุกลามไปทั่วทั้งตัว
ฉับพลันความรู้สึกรักและหวงแหนก็เกิดตามมาอย่างท่วมท้น ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รู้แต่เพียงว่าเจ้าตัวน้อยเป็นของผม เป็นน้องที่ผมฝันอยากมีมานาน คิดว่าตัวเองคงยิ้มไม่หุบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือไปแตะอยู่ตรงแก้มนุ่มนิ่มเจ้าตัวกลมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่สายตาเรายังจ้องกันนิ่ง ผมค่อยๆลูบแก้มเจ้าตัวน้อยเบาๆ ผิวน้องดูนุ่มจังบอบบางน่าทะนุถนอม.เขาคือน้องของผม คงไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม ผิวนุ่มที่สัมผัสอยู่ ยืนยันชัดผมมีน้องแล้ว!!
“น้องของบู” เสียงผมครางเหมือนละเมอ จู่ๆแม่พูดขึ้นมาลอยๆ
“สัญญากับแม่ว่าจะไม่ทอดทิ้งน้องนะลูก” “ผมรับปากไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่ทอดทิ้งน้องแน่ครับ” ตั้งแต่นั้นมาเป็นเดือนแล้ว ที่ผมคลุกอยู่กับบอลลูน พูดๆๆๆบอลลูนของผมจะต้องพูดได้...
“พ่อ..พูดสิพ่อ” ผมจ้องเจ้าตัวดีที่มองตาแป๋ว รอยยิ้มบริสุทธิ์เผยจากปากเล็ก จนเห็นเหงือกแดง แต่ก็ยังไม่มีเสียง
ฮืมมม..คำว่า ‘พ่อ’ คงออกเสียงลำบากไป เด็กน่าจะออกเสียง ’ม’ได้ก่อน ไม่งั้นคำว่าแม่ของทุกชาติภาษาจะเป็นเสียง ’ม’ เหรอครับจริงไหม?
“แม่..แม..แม่..พูดสิบอลลูนแม่..แม่ๆๆๆ”ผมชี้นิ้วดึงความสนใจให้เจ้าตัวกลมจ้องปากผมเวลาพูด แต่ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิมน้องยิ้มลูกเดียว
“บู..เรียกสิ..บู..บูๆๆ” เปลี่ยนเป็นชื่อผม
“บู..บอลลูนพูดซิ..บู..เรียกสิบูๆๆ” เจ้าตัวกลมยังยิ้มนิ่ง จ้องผมใหญ่ แล้วปากเล็กๆก็เริ่มขยับไปมา ผมลุ้นจนแทบลืมหายใจ
“บะ...” เสียงที่เบาแทบไม่ได้ยิน ถึงไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่..บอลลูนของผม..พูดแล้ว!!!!! ผมไม่คิดไปเองใช่ไหม?
“แม่..แม่..แม่” ผมพูดนำอีก บอลลูนน่าจะพยายามออกเสียง‘แม่’ แต่ปากตัวเล็กกลับนิ่งไปซะงั้น
“บู..บู..พูดสิ..บูวววว” ผมลองเปลี่ยนมาเรียกชื่อตัวเอง ลากเสียงสระอูยาวววว..ไปถึงเชียงใหม่เลยมั้ง บอลลูนจ้องผมนิ่ง ก่อนปากเล็กกะจิดริดจะเริ่มขยับอีกครั้ง..
“บะ..บุ..บู” ...เสียงเบาๆที่บอลลูนเปล่งออกมา แต่ดังกึกก้องในหัวใจผม!! ความสุข..ความดีใจ..ความตื้นตันผสมกันยุ่ง..ออกมาเป็นน้ำตาซะงั้น ผม...กำลังร้องไห้ บอลลูนพูดได้คำแรก.. คือชื่อผม!!!
“บูอีกครั้ง..เรียกพี่อีกครั้ง..อึก..บูๆๆ” น้องจ้องผมก่อนจะขมุบขมิบปากเสียงเล็กๆ ลอดออกมาได้ยินชัดๆอีกครั้ง
“บุ..แอ้..แอ้..บู”
“ฮึกๆ..แม่!! แม่ครับ!!" ผมตะโกนเรียกแม่ไปน้ำตาไหลไป สุดสวยวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
"บูตัสเป็นอะไรไปลูก..แล้วเสียงดังทำไม..เดี๋ยวน้องตกใจหมด"
"ฮ่าๆๆๆ " ผมหัวเราะทั้งน้ำตา แม่มองอาการประหลาดของผม
"น้อง..ฮึก...น้อง..พูดได้แล้วครับ!!" แม่จ้องผมนิ่ง ก่อนละสายตาไปจ้องบอลลูนพร้อมๆกับสลับจ้องผมไปด้วย
“คิคิ..คิคิ”เสียงบอลลูนหัวเราะออกมา ผมกลับแม่เรามองหน้ากัน ก่อนเราจะระเบิดเสียงหัวเราะตามน้อง
“ฮะฮ่าๆๆๆ..” เสียงหัวเราะของเราผสมผสานเสียงหัวเราะเล็กๆของบอลลูน มันเป็นเสียงหัวเราะที่ล้นไปด้วยความสุขจากบ้านบริรักษ์
เสียงที่เจ้าตัวเล็กเปล่งได้คำแรกคือชื่อผม!! รักบอลลูนที่สุดในโลกคร้าบ..ฮะฮ่าๆๆ!!!!!!!!!!
มาต่อแล้วนะคะ สมใจกับหลายท่านหรือยังที่เชียร์น้องบอลกับบูตัส
เป็นอย่างไรเล่า น้านแหละ..
เดากันต่อไปบอลลูนไปเจออะไรมา ถึงได้กลับมาลงกับบูตัสจนเป็นเรื่องแบบนี้
ขอบคุณทุกเม้นท์ทุกโพสฯนะคะ บวก 1 บวกเป็ด ให้ทุกกำลังใจค่ะ
ขอบคุณแฟนๆที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเล้าและติดตามอ่านผลงานของคนเขียนมาโดยตลอด
Thank Luk.