{เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คิดว่าเรื่องนี้ควรมีตอนต่อไปไหม?

มีต่อตอนพิเศษสักตอน
115 (97.5%)
จบแบบนี้แหล่ะดีแล้ว
3 (2.5%)
เฉยๆ
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 118

โพลล์

คู่ต่อไปเป็นแบบไหนดี

โชตะ
41 (39%)
โตเป็นหนุ่ม
64 (61%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 105

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} เมื่อผมต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ 01/07/60 P.8 อัพเดทแล้วจ้า ^0^  (อ่าน 68121 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tonay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
[ต่อ1]           

            กนต์ธรยืนกอดอกหน้ายุ่ง เหลือบมองมนุษย์เบื้องหน้าอย่างกังวลเล็กน้อย เมื่อเจ้าหนุ่มที่มันรังแกเขาเมื่อวานไม่ยอมตื่นจากนิทราเสียที หรือว่ามันจะโดนดูดจิตไปด้วย? ชายหนุ่มคิดอย่างกังวล คิ้วมนยิ่งยุ่งไปใหญ่เมื่อคิดว่ามันอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ทั้งที่เขาอุตส่าห์ช่วยมันไว้ถึงขนาดยอมแปลงกายเป็นมนุษย์ทั้งที่จะไม่ทำถ้าไม่จำเป็นเลย
 
            การแปลงกายเป็นมนุษย์ในแต่ละครั้งกินเวลานานเป็นเดือน ซึ่งมันทำให้การดำรงชีพในป่านั้นลำบากสำหรับเขายิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วเขาจะสูญเสียพลังวิเศษ เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
 
            ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด เท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่งจึงเขี่ยสีข้างเจ้ามนุษย์หน้าโง่อย่างระบายอารมณ์นิดๆ
 
            ร่างสูงใหญ่ที่นอนบนพื้นหญ้าภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือกิ่งไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวสด ชายหนุ่มคลึงหัวคิ้วเมื่อเขารู้สึกปวดกระบอกตานิดๆ
 
            เมื่อปรับสภาพร่างกายได้เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จึงได้รู้ว่าตนได้มานอนอยู่ที่ทุ่งหญ้าไม่ใช่ที่ๆเขาอยู่เมื่อคืนนี้
 

            เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
 

            กนต์ธรที่กระโดดหลบกะทันหันเมื่อเห็นมนุษย์นั่นขยับตัว ค่อยๆก้าวขาเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของอาโปที่นั่งนิ่งอย่างกล้าๆกลัวๆ
 
            เทพหนุ่มขมวดคิ้วมองชายร่างบางตรงหน้าอย่างพยายามนึกว่าเขาเคยเห็นหน้าจากที่ไหน แล้วภาพสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติก็วาบเข้ามาในหัว
 
            “เจ้า? ที่ช่วยข้าไว้เมื่อคืน?”
 
            กนต์ธรเม้มปากมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ตอบด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
 
            “ถ้าไม่ใช่ข้า แล้วจะใครล่ะ เจ้าเห็นใครนอกจากข้าไหมล่ะ”
 
            อาโปเผลอถอนหายใจเมื่อเจอวาจายอกย้อนของคนตรงหน้า เขาเพ่งมองอาภรณ์ที่หลวมโครกบนเรือนร่างนั่นด้วยดวงตาเบิกโพลง เพราะมันเหมือนกับของเขาเสียเหลือเกิน
 
            “เจ้าไปได้เสื้อผ้าชุดนี้มาจากที่ใดรึ ช่างเหมือนของข้านัก” อาโปร้องถาม
 
            กนต์ธรกัดเล็บเหลือบมองชายหนุ่มที่ยังนั่งบื้อ ด้วยแววตาแสนซุกซน
 
            “ตื่นมาก็พูดมากเลยนะเจ้าน่ะ ขอบคุณข้าสักคำก็ไม่มี..ส่วนนี่ก็เสื้อผ้าของเจ้านั่นแหล่ะ จะของใครล่ะ” หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นมนุษย์หน้าโง่ทำหน้าเหวอ เมื่อก้มมองที่เนื้อตัวแล้วกลับพบว่าตนเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดบดบังร่างกายแม้แต่อย่างเดียว
 
            อาโปรีบเอามือปิดบังกลางลำตัวไว้อย่างประหม่าปนโมโหที่ชายหนุ่มตรงหน้าทำเหมือนต้องการกลั่นแกล้งเขา
 
            เทพหนุ่มพยายามทำใจเย็นทั้งที่ในอกนั้นร้อนรุม อยากต่อว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้านักที่บังอาจมาขโมยเสื้อผ้าของเขาไปใส่ นี่คงจะปล่อยให้เขานอนตัวล่อนจ้อนทั้งคืนเป็นแน่
 
            “...เรื่องที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าขอบคุณท่านมาก หากมีเรื่องใดที่ข้าตอบแทนบุญคุณท่านได้ ได้โปรดบอกมา...แต่ได้โปรดคืนเสื้อผ้าให้ข้าเถิด”
 
            กนต์ธรเลิกคิ้ว ปากบางคลี่ยิ้มหวานหยด ช่างเป็นภาพที่น่าดู แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ที่อาโปรู้สึกไม่ไว้วางใจรอยยิ้มของชายหนุ่มคนนี้เลย
 
            “งั้นข้าขอให้เจ้าออกไปจากป่าของข้า...ได้หรือไม่? แล้วข้าจะคืนเสื้อผ้าให้เจ้า ตกลงหรือไม่” กนต์ธรมั่นใจว่าเจ้ามนุษย์นี่ต้องยอมแน่นอน
 
            อาโปรู้ว่าเขาคงไม่เป็นที่ชอบใจของเจ้าหนุ่มนี่นัก แต่จะให้เขากลับเพราะเรื่องนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ แล้วเขาก็ชอบบรรยากาศที่นี่ ดังนั้นเขาจะไม่ทำตามความตั้งใจของเจ้านี่เด็ดขาด
 
            “หากเจ้าอยากได้ ข้ายกให้เพื่อตอบแทนที่เจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ เดี๋ยวข้าหาอย่างอื่นมาใส่ชั่วคราวก่อนก็ได้..ขอบคุณอีกครั้งนะ”
 
            เทพหนุ่มลุกขึ้นยืน มือมิได้ปิดบังส่วนใดของร่างกาย ก้าวเดินผ่านกนต์ธรไปอย่างไม่สนใจ
 
            “ด..เดี๋ยวก่อน” เจ้านกหนุ่มอึ้ง พูดเสียงหลง อาโปหยุดเดินเพื่อรอฟังว่าเจ้าหนุ่มนี่จะพูดอะไรกับเขา
 
            “เจ้าแน่ใจรึ ว่าจะอยู่ในสภาพนี้ได้ ข้าว่ามัน...”
 
            “ข้าไม่กังวลกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก ขอให้เจ้าโชคดี ข้าไปล่ะ”
 
            รู้ตัวอีกทีกนต์ธรก็คว้าข้อมือของชายผู้นี้ไว้ เขาไม่เข้าใจตนเองนักว่าต้องการจะไล่เจ้าหนุ่มนี่ออกไปจากป่าจริงๆหรือกำลังจะหาเรื่องให้ตนเองต้องยุ่งยากเพิ่มกันแน่
 
            “ถึงเจ้าจะไม่ละอายกับสภาพอุจาดตาของเจ้า แต่ข้าและสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่รับไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้น..” กนต์ธรหลับตาสะกดกลั้นอารมณ์สองขั้วที่ตีกันพัลวันอย่างตัดสินใจ
 
            “ตามข้ามา” สองขาเพรียวก้าวเดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว อาโปตั้งตัวแทบไม่ทันเมื่อเจ้าหนุ่มนี่ลากเขาให้เดินตาม
 
            เส้นผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ไหล่กว้างผึ่งผาย แขนเรียวขาวโผล่พ้นแขนเสื้อ อยู่ในสายตาของเทพหนุ่ม ดวงหน้าขาวไร้ตำหนิ ผุดผ่องสุขภาพดี คอยหันมามองเขาอยู่เป็นระยะด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง
 
            ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้ม เมื่อรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มผู้นี้นัก ทั้งที่ต้องการไล่ให้เขาไปจากที่นี่ แต่เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจจะช่วยเขาขึ้นมากันนะ
 
            ยิ่งเดินเข้ามาลึก อาโปยิ่งสงสัยเมื่อสภาพแวดล้อมข้างทางเริ่มเปลี่ยน ต้นไม้ดูจะเต็มไปด้วยเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันทั้งต้นอย่างหนาแน่น พุ่มไม้ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า โดยที่เจ้าหนุ่มเบื้องหน้าที่ปล่อยมือเขานานแล้ว แหวกพุ่มไม้เข้าไปก่อน
 
            เทพหนุ่มลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ตัดสินใจตามเข้าไปแต่โดยดี
 
            ภาพเพิงไม้โล่งๆปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา มีใบไม้เหี่ยวเฉากองเต็มหลังคาที่มีหญ้าฟางมุงไว้ แม้จะดูผุเก่า แต่มันคงเป็นที่พักพิงของชายผู้นี้
 
            กนต์ธรเดินขึ้นบนเพิงไม้ที่มีฝุ่นเกาะหนา เปิดกล่องไม้เก่าๆที่วางอยู่มุมหนึ่งของพื้น หยิบเสื้อผ้าที่เขาเก็บไว้นานออกมาสลัดฝุ่น เขาคงต้องถอดชุดคืนให้เจ้ามนุษย์นั่น เพราะชุดของเขาดูเล็กไปหากจะให้เจ้านั่นใส่
 
            เท้าเปลือยขาวก้าวลงมายืนเบื้องหน้าอาโป
 
            “ข้าคงต้องถอดชุดคืนเจ้า”
 
            เทพหนุ่มพยักหน้า จ้องมองกนต์ธรขณะถอดเสื้อ เจ้านกหนุ่มรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มนี่จ้องเขามองจริงจังจนประหม่า เลยออกปากสั่งอย่างหงุดหงิดนิดๆ
 
            “เจ้าหันหลังไปซิ ยืนมองคนแก้ผ้าอยู่ได้ ทำอย่างกะไม่เคยเห็น”
 
            อาโปหลุดหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นผิวขาวๆนั้นแดงเรื่อทั่วทั้งตัวราวกับเจ้าของกำลังเขินอายเขาอยู่
 
            “อ้อ ได้ โทษทีข้าคิดว่าเราเป็นชายเช่นเดียวกันจึงไม่ทันคิดว่าเจ้าจะอายข้า” กล่าวเสร็จอาโปก็ยอมหันหลังให้แต่โดยดี หาได้ใส่ใจว่าเจ้านกหนุ่มจะถลึงตามองเขาอย่างหงุดหงิดมากเพียงใด
 
            กนต์ธรสะกิดไหล่ชายหนุ่มพรางส่งอีกชุดคืนเจ้าของไปเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
 
            อาโปรับเสื้อผ้ามาใส่ เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อไม่ต้องเดินโทงเทงไปมาอีกแล้ว ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มอย่างขอบคุณ ก่อนกล่าว
 
            “ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าทุกอย่าง หากท่านยังอยู่ที่นี่เราคงได้พบกันอีก ข้าคงต้องไปแล้ว..”
 
            “เจ้ายังจะไปต่ออีกรึ? เจ้าไม่รู้หรือว่าในป่านั้นมีอันตรายมากมาย ทั้งสัตว์มีพิษ หรือแม้แต่ภูติปีศาจ เจ้าจะรับมือพวกมันได้รึ ดูอย่างเมื่อคืนหากข้าไม่ช่วยเจ้าไว้ ป่านนี้เจ้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”
 
            อาโปเพิ่งเข้าใจว่าสาเหตุที่เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องการให้เขาออกไปจากป่าแห่งนี้ เป็นเพราะห่วงว่าเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่สินะ
 
            “ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายข้าได้หากข้าไม่ยินยอมหรอกนะ ขอท่านจงวางใจเถิด”
 
            “จะบอกข้าว่าเจ้ายอมให้ปีศาจตนนั้นทำร้ายน่ะรึ? หึ จะบอกว่าข้าเข้าไปยุ่งเองสินะ” กนต์ธรรู้สึกโมโหที่เจ้าหนุ่มนี่พูดจาอวดดีเสียเหลือเกิน ทั้งที่เขาไม่อยากให้มนุษย์หน้าไหนมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แม้สักคนเดียว
 
            “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าข้าสามารถดูแลตัวเองได้” อาโปอยากบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่หากบอกไปเจ้าหนุ่มนี่จะเชื่อหรือ ยิ่งเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาเกือบเพลี่ยงพล้ำให้นางปีศาจนั่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ยากในการเชื่อถือ
 
            กนต์ธรพยักหน้า แสร้งยิ้ม หากแววตามีประกายของความไม่พอใจต่อคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า

            “งั้นก็ตามใจเจ้าเถิด อยากจะทำอะไรก็ทำ ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนเช่นเจ้าอีก”ร่างบางหันหลังหนี รู้สึกว่าความหวังดีของเขาจะไม่เป็นผล ในเมื่อมนุษย์หน้าโง่คนนี้ยังคงดื้อด้าน
 
            “เอ่อ...ขออภัยหากทำให้ท่านขุ่นใจข้า แต่ข้าแค่อยากหาที่สงบสักที่อยู่สักระยะหนึ่งเท่านั้น...เมื่อข้าพอใจแล้ว ข้าจะไปจากที่นี่แน่นอน ข้ารับปาก”
 
            กนต์ธรหันขวับกลับมามองร่างสูง เมื่อได้ฟังจุดประสงค์ที่แท้จริงของชายหนุ่ม คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อเริ่มสงสัยบางอย่าง
 
            “พูดอย่างกับว่าเจ้ากำลังทุกข์ใจ แล้วต้องการหาที่สงบอยู่ตามลำพังกระนั้นแหล่ะ..หรือว่าเจ้าหนีอะไรมากันแน่?”เจ้านกหนุ่มมองอาโปอย่างไม่ไว้ใจ
 
            เทพหนุ่มถอนหายใจ ยกมือลูบคิ้ว ใบหน้าคมยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
 
            “คิดว่าข้าบอกความต้องการของข้าไปแล้วนะ”
 
            “อ้อ! จะบอกว่าข้าสาระแนเรื่องของเจ้าสินะ”
 
            “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงได้คิดในแง่ร้ายนัก”
 
            “คงเพราะข้าไม่เคยเห็นว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนอยู่ในป่านี้ได้เกินสามวัน หากไม่โดนสัตว์ร้ายฆ่า ก็โดนพวกภูติมาลวงดูดวิญญาณไป ดังเช่นที่เจ้าเคยได้เจอมาแล้ว เจ้าไม่เข้าใจเลยรึ”
 
            “ข้าเข้าใจ..แล้วท่านไม่ได้ช่วยพวกเขาเหมือนเช่นที่ช่วยข้าหรอกรึ?”
 
            “ข้า..” ริมฝีปากบางสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว กนต์ธรหลับตาลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดหลายปี ทำไมเขาจะไม่ช่วย แต่บางครั้งมันก็เกินความสามารถของเขา ใครจะคิดว่าป่าที่แสนงดงามแห่งนี้จะมีอะไรที่น่ากลัวซ่อนอยู่มากมายนัก
 
            “ใช่ว่าข้าจะช่วยได้ทุกคน” เจ้านกหนุ่มลืมตามองอาโปเขม็งทั้งที่ภายในใจนั้นเศร้าสลด
 
            “คงเป็นบุญของข้าที่รอดมาได้ ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วงข้า”
 
            “ข้าไม่เคยพูดว่าห่วงเจ้า!”
 
            อาโปยิ้มขัน เมื่อคนตรงหน้าพยายามกลบเกลื่อนอาการด้วยแววตาวาววับอย่างเอาเรื่อง
 
            “ข้าคงต้องไปแล้วจริงๆ ขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะ”
 
            “เชิญ!”
            .
            .
            .
            .
            หลังจากทำความสะอาดเพิงไม้เสร็จเรียบร้อย กนต์ธรจึงได้มีเวลาไปเก็บผลไม้มาประทังท้อง ร่างบางป่ายปืนไปบนต้นเงาะป่าอย่างทุลักทุเล เพราะเขาไม่ได้แปลงกายเป็นมนุษย์มานานหลายปีแล้ว การใช้ขาจึงยังไม่มั่นคงมากนัก
 
            เขาเกาะกิ่งที่มีขนาดเท่าแขนไว้อย่างกลัวตก การเป็นมนุษย์เป็นอะไรที่ลำบากสำหรับเขามาก ทำอะไรก็ไม่สะดวก เขาอยากคืนร่างโดยไว เพราะอยู่ในร่างมนุษย์นานเท่าใด เขาก็ยิ่งจะมีอันตรายมากเท่านั้น
 

            หรือเราจะไปขอพักอยู่กับเทพพิทักษ์ป่าดี?
 

            กนต์ธรคิดอย่างหนักใจ หากท่านเทพพิทักษ์ป่าอยู่คนเดียวเขาคงจะรีบไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว แต่นี่ท่านมีภรรยาอยู่ด้วย หากตนไปก็จะเป็นการรบกวนพวกเขาน่ะสิ   
                                                                                                                                                                                                                                                                                             

            เพราะมัวแต่ครุ่นคิดเหม่อลอย ทำให้เจ้านกหนุ่มไม่ทันได้เห็นว่ามีสัตว์ร้ายได้เลื้อยมาบนกิ่งที่เขาอยู่อย่างเงียบเชียบ
 
            เสียงขู่ฟ่อ จากงูเห่าในระยะกระชั้นชิด ทำให้กนต์ธรตกใจ เผลอปล่อยมือจากกิ่งไม้ล่วงลงมาสู่พื้น จากความสูงสี่เมตร ชายหนุ่มร้องโอดโอยกุมขาข้างซ้ายด้วยความเจ็บปวด
 
            เจ้างูร้ายนั้นเลื้อยลงมาตามลำต้น คล้ายต้องการจะมาทำร้ายเขาให้ได้ กนต์ธรหน้าซีดเผือด ถดตัวถอยหลังอย่างตกใจ
 
            หากยังไม่ทันที่มันจะทำอะไรเขาได้ ก็มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขวางหน้าเขาไว้ เจ้างูหยุดคืบคลานแผ่แม่เบี้ยอย่างแสดงอำนาจ มันจ้องตากับชายตรงหน้าเขม็ง เสียงขู่ยังคงดังต่อเนื่อง แต่เมื่อผ่านไปสักพัก อสรพิษร้ายกลับยอมล่าถอยไปแต่โดยดี นั่นสร้างความประหลาดใจให้เขายิ่งนัก
 

            หรือว่าชายผู้นี้มีวิชาไล่งู?
 

            กนต์ธรส่ายหัว ลบความคิดเพ้อเจ้อนั้นไป พยายามลุกขึ้นยืนแต่เขาก็ต้องนั่งตามเดิม เมื่อขาข้างซ้ายนั้นได้รับบาดเจ็บจนอาจจะหักไปแล้วก็เป็นได้         
 
            เทพหนุ่มหันกลับมามองคนเก่งที่ดูจะสิ้นฤทธิ์ เขานั่งยองมองคนตรงหน้าที่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับสะกดกั้นเสียงแห่งความเจ็บปวด ยิ่งเห็นว่าข้อมือขาวกุมขาไว้แสดงว่าต้องได้รับบาดเจ็บเป็นแน่
 
            “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดที่ขารึ?”อาโปถามอย่างเป็นห่วง
 
            “เจ้ามาทำอะไรที่นี่” กนต์ธรไม่ตอบแต่ถามชายหนุ่มกลับ
                                     
            “พอดีว่าข้าหิวก็เลยมาเก็บผลไม้แถวนี้ เผอิญข้าได้ยินเสียงคนร้อง ข้าเลยมาดู จึงรู้ว่าเป็นเจ้า”
 
            “ข..ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ” กนต์ธรหลบตา กล่าวเสียงสั่น
 
            “แน่ใจรึ?” คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างไม่เชื่อ เขาเห็นอยู่กับตาว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ แล้วเหตุใดถึงไม่บอกเขา   
 
            “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าไปเถอะ” กลั้นใจบอก ทั้งที่ปวดขาแทบแย่
 
            เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้น อาโปจึงลุกขึ้นจะหันหลังกลับ แต่เขาเกิดเปลี่ยนใจ ก้มลงช้อนร่างบางตรงหน้าเข้ามาสู่อ้อมแขน
 
            อารามตกใจทำให้กนต์ธรคล้องคอเทพหนุ่มไว้แน่น
 
            “เจ้าอุ้มข้าทำไม ปล่อยข้าลงนะ”
 
            “เจ้าเดินไม่ไหวหรอก ให้ข้าไปส่งเจ้านะ” พูดพร้อมกับยิ้มละไม นั่นทำให้กนต์ธรอ้าปากค้างอย่างอัศจรรย์ใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามมากขนาดนี้
 
            “ต..ตามใจเจ้าเถอะ ข้าทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่” เขายอมจำนนแต่โดยดี เมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางกลับไปที่เพิงไม้ได้หากอยู่ในสภาพนี้ ตาคมเรียวมองดวงหน้าของคนที่กำลังอุ้มเขาไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ สันจมูกโด่ง ริมฝีปากหนาสีอ่อน คิ้วเข้ม ดวงตาคมที่คอยจะเหลือบมาจ้องมองเขา จนเขาแทบหลบตาไม่ทัน
 
            อาโปยิ้มมุมปาก เมื่อรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าแบบไหน หากเจ้าตัวคงไม่อยากจะเชื่อแน่ว่าจะทำเช่นนั้น

 
            มองแบบชื่นชมแบบนั้น ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ
            .
            .
            .
            เมื่อวางร่างบางไว้บนแคร่ไม้ไผ่ใต้เพิงไม้เรียบร้อย อาโปก็เช็คอาการให้ ปรากฏว่ากนต์ธรนั้นขาหักจริงๆแต่หักไม่มากนัก เขาจึงต้องไปหาท่อนไม้ไผ่มาดามขาซ้ายให้ แม้จะทุลักทุเลเพราะว่าคนเจ็บนั้นขัดขืนเพราะความเจ็บปวด แต่เขาก็ทำสำเร็จจนได้
 
            เสียงโครกครากดังมาจากท้องของคนเจ็บ ทำเอาอาโปอดขำออกกมาเบาๆไม่ได้ จนได้รับสายตาอันเขียวปั้ดกลับมา เขาจึงอาสาออกไปหาอาหารมาให้ ซึ่งกนต์ธรนั้นไม่ได้ขัดข้องอะไรแล้ว เพราะหากเขาปฏิเสธน้ำใจจากอีกฝ่าย แล้วใครจะหาให้เขากินล่ะ
 
            เมื่ออิ่มกับเหล่าผลไม้ที่เทพหนุ่มหามาให้ กนต์ธรจึงเริ่มเป็นฝ่ายชวนอีกคนคุย เพื่อทำให้บรรยากาศระหว่างเขาสองคนดีขึ้น อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีน้ำใจกับเขา
 
            “ข้าชื่อกนต์ธร” คุยกันมาตั้งนาน แต่ต่างฝ่ายต่างยังไม่รู้ชื่อของกันและกัน การเริ่มสนทนาด้วยประโยคนี้ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
 
            ร่างหนาที่นั่งข้างๆหันมายิ้มมุมปาก กล่าวแนะนำตัวเช่นกัน
 
            “ข้า..อาโป”
 
            “ขอบคุณนะอาโปที่ช่วยข้า...แล้วเจ้าจะเดินทางต่อตอนไหนรึ”
 
            อาโปมองดวงหน้าขาวของอีกฝ่ายก่อนตอบ
 
            “ข้าคิดว่าจะอยู่กับเจ้าที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายดี ข้าจึงจะไปต่อ”
 
            ร่างบางเบิกตากว้าง โบกมือพัลวัน
 
            “เจ้าไปเถิด ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้าหรอก ข้าดูแลตัวเองได้”
 
            คนฟังส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยนักกับความคิดนั้น
 
            “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ในป่านี้เพียงลำพังมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไรนะ แต่ตอนนี้เจ้าไม่สามารถที่จะอยู่เพียงตัวคนเดียวในสภาพนี้ได้หรอก...ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะ”
 
            “แต่ข้าไม่อยากรบกวนเจ้า ความตั้งใจของเจ้าจะมาพังเพราะข้าไม่ได้หรอก”
 
            “ข้าไม่ได้สูญเสียความตั้งใจแรก...แต่เพราะตอนนี้ข้าอยากอยู่ที่นี่กับเจ้ามากกว่า”
 
            กนต์ธรเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อฟังประโยคที่คนพูดอาจไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนฟังนี่สิคิดไปไกลแล้ว
 
            “อย่าบอกนะว่าเจ้า...ชอบข้า?” กลืนน้ำลายดังอึก หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงต้องระวังตัวให้มาก
 
            อาโปหน้าเหวอกับคำพูดนั้น แต่ตาคมกลับทอแววหวาน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคนที่กำลังตื่นตกใจอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าคนเจ็บมีท่าทางประหม่า อาโปเลยหลุดขำออกมาอย่างเห็นตลก
 
            “เจ้าอย่ากังวลเลย ข้าไม่คิดเช่นนั้นกับเจ้าแน่นอน หึหึ”
 
            คนฟังหน้ามุ่ย ปากยื่น
 
            “ก..ก็ดีแล้ว อย่างไรบุรุษก็ควรคู่กับสตรีที่สุด” แม้จะหน้าแตกเล็กน้อย แต่คำพูดของอาโปมันดูกำกวมจริงๆนี่
 
            “เจ้าคงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความรักสินะ..เท่าที่ข้ารู้ ความรักไม่ได้จำกัดแค่เพศที่ต้องเกิดมาคู่กันหรอกนะ ชายหญิงคู่กันเป็นอะไรที่เหมาะสม แต่คนสองคนต้องรักกันด้วยมันจึงเรียกว่าความรักได้..แล้วถ้าหากคนที่รักไม่ใช่เพศที่กำหนดมาคู่กันล่ะ? ข้าว่านะ หากรักใครสักคน ความเหมาะสมก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญแล้วล่ะ…,มันก็แค่คนสองคนรักกัน”
 
            กนต์ธรเท้าคางมองอาโปพูดอย่างตั้งใจฟัง
 
            “มันมีจริงรึ? ความรักเช่นนั้นน่ะ”
 
            อาโปยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของอีกฝ่าย ทั้งที่เจ้าหนุ่มนี่น่าจะอายุมากกว่าเขาแต่ทำไมไม่ค่อยประสาเรื่องรักใคร่เอาเสียเลย
 
            “เชื่อข้าเถอะว่ามันมีจริงๆ” เมื่อจบประโยคนั้นทั้งสองต่างจ้องตากันเงียบ แต่ด้วยด้วยความรู้สึกแปลกๆ เจ้านกหนุ่มจึงเสหลบตาก่อน อย่างไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อดี
 
            “นี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว ข้าจะไปหาฟืนมาไว้ก่อกองไฟสำหรับคืนนี้ก่อน เจ้าก็ควรพักผ่อนได้แล้วนะ” ร่างสูงบอก ก่อนจะเดินออกไปจากเพิงไม้
 
            “อืม” คนเจ็บพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย มือกุมอกที่หัวใจกำลังเต้นด้วยจังหวะถี่
 
            กนต์ธรกัดปากแน่น เขาปฏิเสธตัวเองซ้ำๆว่าไม่ใช่และไม่มีทาง ก็แค่หวั่นไหวในความใจดีของอีกฝ่ายที่มีต่อเขาเท่านั้น ไม่มีทางจะเป็นอื่นแน่ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ข่มตานอนได้ แต่เหตุใดในฝันของเขาถึงได้มีแต่ภาพรอยยิ้มของอาโปด้วยนะ
           
[ต่อด้านล่าง]
                 

ออฟไลน์ Tonay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
            [ต่อ2]

            กลิ่นหอมของปลาย่าง ปลุกให้คนที่นอนใต้เพิงไม้ลืมตาตื่น ท้องประท้วงหนัก จนคนที่กำลังย่างปลาอยู่หันมามองด้วยยิ้มขำ
 
            “ตื่นแล้วหรือ ปลาใกล้สุกแล้วล่ะ อีกเดี๋ยวคงกินได้”
 
            คนฟังแกล้งขยี้ตากลบเกลื่อนความอับอายกับเสียงท้องที่ไม่ไว้หน้าตนเลย  พยักหน้าว่าเข้าใจอย่างส่งๆ
           
            กนต์ธรรู้สึกเหนียวเหนอะตัว อยากอาบน้ำเหลือเกิน แต่มันคงลำบากเกินไป เพราะเขาอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยถนัดเลย
           
            เทพหนุ่มถือไม้ที่เขาใช้เสียบปลาตัวขนาดเท่าฝ่ามือส่งให้คนที่กำลังยกไม้ยกมือลูบคอตัวเองด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด
 
            “อะ สุกแล้วล่ะ...เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย”
 
            “ขอบคุณ” มือเรียวรับอาหารมาถือไว้ในมือ ปากบางขมุบขมิบบอกเบาๆ
 
            “ข้าไม่ค่อยสบายตัวน่ะ”
 
            “เจ้าอยากอาบน้ำ?”
 
            “เอ่อ..ข..ข้า..”
 
            “กินเสร็จแล้ว เดี๋ยวข้าพาไป”
 
            “หือ? ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่...”
 
            “คืนนี้เจ้านอนไม่หลับแน่ถ้ายังไม่ได้อาบน้ำ เชื่อข้าเถอะ เพราะข้าก็จะไปอาบเช่นกัน”
 
            “อืม”                                           
 
            อาโปยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของอีกฝ่าย เขากลับมาจัดการอาหารของเขาต่อ เนื้อปลาย่างนี่รสชาติดีกว่าที่เขาเคยกินเสียอีก
 
 คนตัวโตหารู้ตัวไม่ว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มของตนนั้นดึงดูดให้อีกคนมองเขาด้วยสายตาเช่นไร
 
               อาหารที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมานาน ทำให้เจ้านกหนุ่มกินเหลือเพียงแค่ก้างเท่านั้น ทำเอาคนทำให้กินยิ้มแก้มปริ
 
               “ไปกันเถอะ”ตาเรียวเบิกกว้าง เมื่ออาโปช้อนเอวเขาสู่อ้อมแขนกว้างโดยไม่ทันตั้งตัว แขนเรียวตวัดคล้องคอชายหนุ่มอย่างไว มองอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ
 
               “เดี๋ยวข้าใช้ไม้เท้าที่เจ้าหามาให้ก็ได้ ปล่อยข้าลงเถอะ” กนต์ธรบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ
 
               “หากใช้ไม้เท้า แล้วจะถึงลำธารเมื่อใดกันเล่า? ข้าอุ้มไปไม่นานก็ถึงแล้ว เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก” อาโปบอกด้วยท่าทีสบายๆ นั่นทำให้เจ้านกหนุ่มจำยอมแต่โดยดี
 
               “ก็ได้...หากเจ้าอุ้มข้าไม่ไหวก็ปล่อยข้าลงนะ”
 
               “อืม” ร่างสูงยิ้ม คนมองใจสั่นเมื่อเผลอมองยิ้มนั้นอย่างไม่ตั้งใจ กนต์ธรไม่อยากให้ตนเองต้องทำอะไรแปลกๆออกไป จึงซบหัวลงบนอกของอาโปเพื่อว่อนแววตาของตนเองอย่างหวั่นใจ
 
               แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเห็นยิ้มของอาโปอยู่ดี เพราะมันคงฝังเข้าไปในหัวของเขาเสียแล้ว
 
               เมื่อถึงจุดหมาย ร่างสูงก็จัดการถอดเสื้อผ้าทั้งของตนเองและของหนุ่มอีกคนออก จากนั้น อาโปก็เดินลงไปในน้ำแล้ววางคนเจ็บลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากริมลำธารประมาณสามเมตร น้ำสูงขนาดช่วงเอวของอาโปพอดี 
 
               ชายหนุ่มคอยวักน้ำ รินรดลงบนตัวของกนต์ธรแล้วขัดถูให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจ  ทั้งที่คนเจ็บนั้นคอยปัดป้องไม่ให้เขาคอยช่วย แต่เขาอาสาทำให้ด้วยความเต็มใจ โดยให้เหตุผลว่าเขามีน้องชายหลายคน อาบน้ำให้กันก็บ่อย เรื่องแค่นี้สบายมาก ซึ่งคนเจ็บก็ต้องยินยอมแต่โดยดี เมื่อไม่ว่าจะบอกเช่นไร ชายหนุ่มตรงหน้าก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างเขาจนได้
 
                เนื้อตัวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อปรากฏต่อหน้าอาโป ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงจะขัดตัวอีกฝ่ายแรงไป จึงเบามือขึ้น ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเขินอายเพียงใด ที่เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งจะมีใครได้แตะต้องตัวเขาได้มากขนาดนี้
 
               เมื่ออาบน้ำจนชุ่มปอดทั้งคู่ก็พากันกลับที่พัก ในตอนตะวันตกดินพอดี อาโปก่อฟืนหน้าเพิงไม้ ทั้งคู่นั่งข้างกัน มองแสงไฟตรงหน้าด้วยอารมณ์แตกต่างกัน
 
               “นานแล้วที่ข้าไม่ได้มานั่งตรงนี้ มันแปลกดีนะ ที่ข้าไม่ได้รู้สึกเหมือนครั้งก่อน” กนต์ธรเพ้อออกมาเป็นคำพูดที่ชวนให้อีกคนหันมาถามอย่างสนใจ
 
               “เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยเช่นนั้น? เจ้ามิได้อยู่ที่นี่ประจำหรอกรึ?”
 
               เมื่อได้สติ เจ้านกหนุ่มก็กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเก้กัง
 
               “ห..หากข้าไม่อยู่ที่นี่แล้วข้าจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าก็ถามแปลกนะ” ตาเรียวตวัดมองคนถาม
 
               “ก็เจ้าพูดเหมือนว่าเจ้าเพิ่งจะกลับมาอยู่ที่นี่ ข้าก็เลยสงสัย...ความจริงข้าก็ชักสงสัยว่าเหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่เพียงลำพังได้มาถึงขนาดนี้ ทั้งที่เจ้าบอกว่าใครก็ตามที่เข้ามาในป่าแห่งนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตาย...แล้วเจ้าทำไมถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ล่ะ”
 
               กนต์ธรอึ้งกับคำถามที่เขาไม่ได้เตรียมคำตอบมาก่อน ร่างบางขยับตัวออกมาห่างอาโปอย่างอึดอัด เขาถอนหายใจ กุมมือตัวเองแน่น สมองครุ่นคิดหาคำตอบที่ดูดีและมีความเป็นไปได้ที่สุด สองตาลอกแลกเมื่อร่างสูงมองเขาอย่างจับผิด
 
               “ข..ข้า ไม่รู้จะเริ่มต้นเช่นไร ข้าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน” สีหน้าลำบากใจของกนต์ธร ทำให้คนที่จ้องอยู่ค่อยๆคว้ามือที่เขาบีบกันเสียแน่นออกมากุมไว้
 
               สองมือใหญ่ของอาโปกุมมือเรียวไว้อย่างอ่อนโยน ยิ้มใจดีถูกส่งให้คนที่มองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง
 
               นกหนุ่มกลืนน้ำลายเมื่อเผลอมองยิ้มนั้นอย่างเผลอใจ นานแล้วที่เขาไม่ได้รับความอบอุ่นจากใครเช่นนี้ เมื่อรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายส่งมาทางการสัมผัสที่นุ่มนวล คำบอกเล่าจึงพรั่งพรูออกมาจากปากบาง
 
               “ความจริงข้าไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกหรอก พ่อแม่ของข้ารับจ้างหาของป่าไปให้พวกคนเมืองน่ะ ข้าในตอนนั้นอายุแค่ห้าขวบก็ตามพ่อแม่มาด้วย พวกท่านมักเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงที่นี่ ..ที่ที่พวกท่านมาเป็นที่สุดท้ายในชีวิต...”

          กนต์ธรในวัยเยาว์นั้น สดใสร่าเริง บิดามารดาต่างรักใคร่เอ็นดู พ่อแม่ของเขาเป็นคนชอบการผจญภัยในป่า การหาของป่านั้นสร้างรายได้ได้ค่อนข้างดีทีเดียว

              เป้าหมายที่พ่อแม่เขาหานั้นคือกล้วยไม้ป่าพันธุ์หายาก มีสรรพคุณคือสามารถนำมาสกัดเป็นยารักษาโรคภัยต่างๆให้หายได้ในเร็ววัน แต่วันนั้นคงเป็นโชคร้ายของพวกเขาที่นอกจากจะหาไม่เจอ ในตอนค่ำคืนกลับต้องเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำทั้งที่ตอนกลางวันฟ้านั้นแจ้งสดใส เขาในตอนนั้นหวาดกลัวต่อเสียงฟ้าผ่า ฝนซัดสาดตัวจนเจ็บตัวไปหมด พ่อแม่ของเขาพยายามหาที่กำบังให้ แต่ด้วยแรงลมที่พัดอย่างไม่ปรานี ได้พัดพาร่างของพ่อหายไปท่ามกลางสายฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตา แม่เป็นห่วงพ่อมากจึงบอกให้เขารออยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วท่านก็ออกไปตามหาพ่อ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลับมาหาเขาอีกเลย   

             เขานั่งร้องไห้เฝ้ารอนานเท่าใดก็ไม่มีการปรากฏตัวของทั้งคู่ จนผ่านไปสามวันที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขาเลยเลย ร่างกายเริ่มหมดแรง ไข้ขึ้นสูง ในวาระสุดท้ายในชีวิตของเขา เด็กน้อยหวังเพียงแค่ได้เห็นหน้าบุพการีเพียงสักครั้งเขาจะได้นอนตายตาหลับ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เห็นใครสักคน

            น้ำตาเด็กน้อยเริ่มแห้งเหือด มีเพียงหัวใจที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ เขาหลับตาลงช้าๆ เมื่อเขาทนฝืนต่อไม่ไหวอีกแล้ว

            ทั้งที่คิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนนอนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งมองเขาด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขา รู้แม้กระทั่งว่าพ่อแม่นั้นไม่มีใครอยู่กับเขาอีกแล้ว

            เด็กน้อยร้องไห้ อยากกลับบ้าน ทั้งสองสามีภรรยาจึงถามเขาว่าจะกลับเช่นไร เขาในตอนนั้นได้แต่พร่ำบอกว่าหากเขาบินได้ เขาก็จะบินกลับ ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วถามกับเด็กน้อยว่าอยากจะเป็นนกอะไร ด้วยความที่ที่บ้านมีนกแก้วอยู่ตัวหนึ่ง มันเป็นนกที่เขารักมาก เด็กน้อยจึงตอบว่าอยากเป็นนกแก้ว

            ทั้งคู่จึงบอกว่าเขาสามารถเป็นนกแก้วได้ อยากจะเป็นจริงๆหรือเปล่า เด็กน้อยตอบอย่างไม่ลังเลว่าอยากเป็นที่สุดแล้ว

            เด็กน้อยในตอนนั้นได้เป็นนกแก้วสมใจ มันมหัศจรรย์มากที่คนอย่างเขาแปลงกายเป็นนกตัวน้อยได้ ด้วยความคิดถึงบ้าน เด็กน้อยรีบบินไปยังจุดหมายทันที โดยไม่ได้เอะใจว่าทั้งสองเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นผู้วิเศษและเป็นผู้มีพระคุณกับเขาที่สุดรองจากพ่อแม่ 

            เขากลับมาใช้ชีวิตเป็นนกแก้วอยู่กับเจ้านกแก้วที่เขาเคยเลี้ยงมันไว้ เขาเศร้าเสียใจจากการที่พ่อแม่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่เขาก็มีความสุขที่ได้มาอยู่กับเจ้าแก้วเพื่อนรัก

            เวลาล่วงเลยมาสองปี ความสุขที่เคยมีกลับถูกความตายมาพรากเจ้าแก้วให้จากเขาไปอย่างตลอดกาล เจ้านกน้อยร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เมื่อที่พึ่งสุดท้ายของเขานั้นทิ้งเขาไว้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยสภาพจิตใจที่บอบช้ำ เขาอยากได้เจ้านกกลับคืนมา

            นกแก้วบินกลับเข้าไปที่ป่าแห่งนั้นอีกครั้ง เขาไปหาชายหญิงคู่เดิมที่เขามารู้ทีหลังว่าทั้งคู่เป็นเทพที่คอยดูแลป่าแห่งนี้ เขาแปลงร่างเป็นคน เข้าไปขอความช่วยเหลือ ขอให้ช่วยเพื่อนของเขาด้วย แต่ทั้งคู่กลับปฏิเสธเขา บอกว่าสิ่งใดที่สิ้นอายุขัยไปแล้ว ไม่สามารถช่วยให้กลับคืนชีพได้ เขาร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจเมื่อไม่มีใครช่วยเขาได้เลย

            ในวันที่เขาตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่แล้วเขาไม่สามารถกลับคืนในร่างนกได้ เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับทั้งคู่ต่อจนครบสามสิบวันจึงจะคืนร่างนกได้ เด็กน้อยนั้นไม่พอใจในตัวทั้งสองคนที่ไม่ยอมช่วยนกเพื่อนของเขา จึงมีท่าทีปั้นปึ่งใส่ทั้งคู่ แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน ด้วยความใจดีและความเอาใจใส่ หรือแม้กระทั่งความเมตตาต่อเขา มันทำให้เด็กน้อยรู้สึกดีกับสองสามีภรรยา

            ทำให้เขาได้เปลี่ยนความคิดว่าหากเขากลับไป ที่นั่นก็ไม่มีใครรอเขาอยู่ หากเขาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเขาก็จะได้อยู่กับพ่อแม่ แม้จะไม่เห็นตัวตนก็ตาม แต่เขาเชื่อว่าพวกท่านต้องอยู่ที่นี่และอยู่ใกล้ๆเขาแน่

            หลังจากนั้นเด็กชายจึงไม่กลับไปที่บ้านอีกเลย ใช้ชีวิตอยู่ในป่าโดยแยกมาอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากเกรงใจเทพทั้งสอง เขาคอยขับไล่คนที่บุกรุกมายังป่าแห่งนี้ให้ออกไปให้พ้น ด้วยไม่อยากเห็นใครต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เพราะอาจทำให้คนที่เฝ้ารอคนเหล่านั้นกลับบ้านอาจต้องรอเก้อ เพราะการสูญเสีย ดังเช่นเขา
.
.
.
.
            “เจ้าง่วงหรือยัง? หืม” มือหนายกลูบผมคนที่เหม่อราวกับกำลังปลอบขวัญจากเหตุการณ์อันหนักหน่วงใจที่เจ้าตัวได้พานพบมาตลอดหลายปี คนโดนถามได้แต่ยิ้มเลื่อนลอยก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

            “งั้นนอนกันเถิด ข้าก็ง่วงแล้วเช่นกัน” อาโปประคองให้อีกฝ่ายนอนลงก่อนแล้วเขาจึงตามลงไปนอนข้างกัน เทพหนุ่มมองคนที่พลิกตัวนอนหันหลังให้เขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก นึกไม่ถึงที่เจ้านกตัวแสบที่ก่อกวนเขาเมื่อวันก่อนจะเป็นคนๆเดียวกับคนที่นอนอยู่กับเขาตอนนี้

            ชายหนุ่มนอนหนุนแขนตัวเอง มองอีกฝ่ายที่นอนหันหลังให้เขาด้วยความอ่อนโยน ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะพริ้มตาหลับ 
                                    
            “ฝันดีนะ” เสียงกระซิบบางเบาจากด้านหลัง ทำให้หัวใจของกนต์ธรอบอุ่นอย่างประหลาด ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับไป เขาเพียงแค่ยิ้มมุมปาก คืนนี้คงเป็นคืนที่ไม่โดดเดี่ยวสำหรับเขาในรอบหลายปี      .
.
.
.
             “บอกหลายหนแล้วว่าจะไปไหนต้องบอกข้าก่อน ขาเจ้ายังไม่หายดี หากกระทบกระเทือนขึ้นมาก็ไม่หายกันพอดี” อาโปอดไม่ได้ที่จะดุคนที่ชอบขัดคำสั่งของเขาอยู่เรื่อย

            คนโดนดุทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม หัวเราะเก้อๆ เขาแค่จะเดินไปปลดทุกข์แค่นี่ทำไมต้องดุเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆกระนั้นแหล่ะ

            “ข้าปวดหนัก...แล้วอีกอย่างไม้เท้าก็มี ให้ข้าใช้มันบ้างเถอะ”

            อาโปส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

            “อยู่ด้วยกันมาจะครบเดือนอยู่แล้ว เจ้ายังจะเกรงใจข้าอยู่อีกรึ หากเจ้าก้าวพลาดเกิดล้มไป ขาเจ้าจะยิ่งแย่ไปใหญ่”

            “ข้าแค่อยากช่วยเหลือตัวเองบ้าง จะคอยพึ่งพาแต่เจ้าได้อย่างไร แค่นี้ข้าก็ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรแล้ว”

            “แค่เชื่อฟังข้าก็พอแล้ว..นะ” น้ำเสียงที่กล่าวอย่างอ่อนโยน ทำเอาคนฟังหน้าร้อนผ่าว เจ้านกหนุ่มเสหลบตา เมื่อรอยยิ้มของคนพูดมันสว่างจ้าจนเขาทนมองต่อไปไม่ไหว

            “อือ” ถึงจะกล่าวเช่นนั้น แต่กนต์ธรกลับจับไม้เท้าแน่น แล้วพยุงตนเองจะเดินกลับที่พัก

            “เจ้ามันดื้อจริงๆ” อาโปก้าวตามแล้วช้อนเอว ยกร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน กนต์ธรปล่อยไม้เท้าล่วงอย่างตกใจ มองอาโปอย่างไม่ชอบใจนัก

            “เอาอีกแล้วนะ เจ้าชอบทำข้าตกใจอยู่เรื่อยเลย”

            “ข้าชอบเวลาเจ้าตกใจ มันตลกดี” ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเทพหนุ่ม ทำเอาคนที่กำลังจะต่อว่าหุบปากฉับ เจ้านกหนุ่มพ่ายแพ้ราบคาบอีกเช่นเคย เขาซบลงที่อกอุ่น สูดกลิ่นหอมของร่างหนา หลับตาพริ้ม แล้วกล่าวเสียงเบา

            “พรุ่งนี้ข้าก็จะคืนร่าง ท่านคงไม่ได้เห็นหน้าตลกของข้าอีกแล้วล่ะ”

            ร่างสูงหยุดเดินทันที เมื่อได้ฟังประโยคนั้น คิ้วเข้มขมวดเป็นปม เพ่งมองหน้าด้านข้างของคนที่อยู่ในอ้อมแขน เขารู้ดีว่าวันที่ต้องจากกันต้องมาถึง แต่ไม่ทันได้เตรียมใจว่ามันจะไวขนาดนี้

            “เจ้าหิวหรือยัง”

            กนต์ธรเงยหน้ามอง สายตาคนพูดดูปกติ แต่เขานี่สิที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถปิดซ่อนความรู้สึกของตนเองได้เลย ทั้งที่รู้แต่ดูเหมือนว่าอาโปจะทำเป็นมองไม่เห็นเสียมากกว่า

            “อืม”
.
.
.
            แสงไฟของฟืนที่เกิดจากการเผาไหม้ สะท้อนเงาของคนคู่หนึ่งที่นั่งเคียงกันใต้เพิงไม้เก่า ทั้งสองต่างเพ่งมองไปยังแสงสว่างนั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

            “ความจริงข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า...ข้าจะกลับบ้านพรุ่งนี้ตอนรุ่งเช้า” อาโปบอกโดยเสหลบสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาก่อนจะเอ่ยต่อ

            “ที่เจ้าเคยถามข้าว่าข้าหนีเรื่องทุกข์ใจมาที่นี่หรือไม่..อันที่จริงข้าไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจมากมายเท่าใดหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าควรจะมีเวลาให้ตนเองทำอะไรที่ต้องการบ้าง...ข้ามีพี่น้องมากมาย มีท่านพ่อกับท่านแม่ที่รักพวกข้าอย่างจริงใจ..แต่พอพวกท่านมีน้องๆมาให้พวกข้ามากขึ้น มันกลับทำให้ข้ารู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักน้องๆนะ ข้าคงอิจฉาน้องกระมัง ที่ได้รับความเอาใจใส่จากท่านพ่อและท่านแม่ โดยข้าก็ลืมไปจริงๆว่าข้าก็ได้รับความรักจากท่านทั้งสองไม่ต่างกันกับน้องเลย ข้านี่แย่ชะมัด”

            กนต์ธรยิ้มอ่อน บอกอีกฝ่าย

            “มันธรรมดามากกับความคิดแบบนั้น ใครๆที่มีพี่น้องหลายคนก็เป็น เจ้าไม่ต้องรู้สึกแย่หรอก มีพี่น้องเยอะสิดี น่าสนุกดีออก..ดีกว่าอยู่ตัวคนเดียวเสียอีก” แววตาฉายแววเศร้าของกนต์ธรนั้นทำให้เทพหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งนัก

            “เอ่อ..ข้า”

            “อาโป”

            “หืม?” เทพหนุ่มมองคนเรียกที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าตั้งคำถาม

            “ที่เจ้าเคยบอกข้าว่าความรักนั้นไม่มีข้อจำกัด...ความรักเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเพศใด..รู้ไหมว่าข้าไม่อยากจะเชื่อเลย จนกระทั่งข้ารู้ว่า...เมื่อรักแล้ว ข้ากลับไม่สนใจสิ่งนั้นเลย ข้าแค่อยากเก็บเกี่ยวความสุขกับคนที่ข้ารักไว้ให้นานที่สุด..” กนต์ธรหันมายิ้ม แววตาเผยความในใจหมดเปลือก ตาคลอด้วยน้ำใสที่เจ้าตัวพยายามสกัดกั้นไม่ให้มันไหลออกมา

            เทพหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก หัวใจของเขาเต้นแรง เลือดสูบฉีดมาตรงใบหน้าเกิดสีแดงจัด

            “อ..เอ่อ เจ้า..” ชายหนุ่มกล่าวตะกุกตะกัก เมื่อพบว่าเขานั้นก็ดูจะไม่เดียงสาเรื่องรักใคร่มากนัก การเหมือนโดนสารภาพรักโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ก็ทำให้เขาอึ้งเช่นกัน

            เจ้านกหนุ่มตัดสินใจแล้ว ว่าหากคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ควรได้พูดความในใจของตนเองก่อนที่จะจากกัน โดยไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่

            “ข้าคิดว่าเจ้ารู้ว่าข้ารู้สึกเช่นไร...ข้าไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ช้ารู้ว่ามันไม่ควรที่คิดเช่นนั้น แต่เพราะความใจดีของเจ้า มันทำให้ข้ามีความสุขในทุกวันที่อยู่ด้วยกัน...ข้าขอโทษนะ”

            กล่าวจบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากหนาของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอยหน้าห่างออกมาด้วยสีแก้มระเรื่อ มือบางยกเช็ดน้ำตา ฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งที่ใจปวดแปลบ เมื่อแววตาของอาโปมีแต่ความตกตะลึง ไม่ได้มีแววหวั่นไหวดังเช่นเขาเลย

            ราวกับวิญญาณได้หลุดจากร่าง หัวใจของเทพหนุ่มสั่นรัว เขาอึกอัก ทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูเศร้าจนเขาปวดใจ ชายหนุ่มจึงคว้าไหล่บางเข้าหาตัว กอดอีกฝ่ายไว้ ลูบผมนุ่มอย่างปลอบประโลม เขาคงจะปล่อยให้อีกฝ่ายใจเสียอยู่เช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

            “ข้าไม่เคยรักใครมาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะพูดจาเช่นไรจึงจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี” เทพหนุ่มเชยคางกนต์ธรขึ้นมาสบตาตนเอง แววหวานจากดวงตาคม ทำเอาคนมองแทบละลายไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

            “ข้าจึงทำได้เพียงดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้...ข้าก็เหมือนเจ้าที่อยากอยู่กับคนที่รักให้นานที่สุด” นิ้วเรียวยาวลูบบนริมฝีปากบาง สองตาคมค่อยๆเผยความรู้สึกให้คนตรงหน้าได้รับรู้

            “เพราะฉะนั้นกนต์ธร..เจ้าไปอยู่กับข้าเถิดนะ ไปอยู่ด้วยกันเถิด”

            เจ้านกหนุ่มพยักหน้าตกลงทันที ทั้งสองโน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ ริมฝีปากของทั้งคู่แตะกันแผ่วเบา ก่อนที่เทพหนุ่มจะค่อยๆละเลียดชิมริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเชื่องข้า ความหอมหวานจากรสจูบทำให้อาโปมัวเมาจนไม่อาจยับยั้งช่างใจ มือแกร่งค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ของอีกฝ่ายออก โดยที่เจ้านกหนุ่มนั้นยอมให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ

            มือหนาลูบไล้ทั่วเรือนร่างบางของกนต์ธรอย่างทะนุถนอม สัมผัสอันอ่อนโยนของเทพหนุ่มทำให้เจ้านกน้อยเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ความเสียวซ่านปรากฏเป็นสีแดงเรื่อทุกพื้นที่ที่นิ้วแกร่งไล้ผ่าน

            ริมฝีปากหนาสีอ่อนละเลียดจูบลงบนไหล่ขาวผ่อง แล้วจึงวกขึ้นมาประกบปากสีหวานที่เริ่มบวมเจ่อจากจุมพิตอันหนักหน่วง ลิ้นสากล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากของเจ้านกน้อยที่นอนระทวยใต้ร่างหนา มือบางเกาะไหล่แกร่งแน่น เมื่อรับรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมพยายามจะเข้ามาทางช่องรักของเขา

            แววตากนต์ธรสั่นระริก เมื่อความเจ็บปวดเริ่มคืบคลานเข้ามาจนเขาแทบทนไม่ไหว แต่เมื่อมองใบหน้าคมที่ทรมานของคนที่คร่อมตนอยู่ ทำให้ชายหนุ่มค่อยๆผ่อนอาการเกร็งของตนเองลง

            กระบอกรักของเทพหนุ่มปวดหนึบ ใบหน้าอันเจ็บปวดแต่แฝงไปด้วยความรัญจวนของกนต์ธรส่งผลให้เขาค่อยๆชำแรกแทรกท่อนลำอันคับพองของตนลงบนช่องทางรักสีหวานอย่างเร่งร้อนแต่ทว่ากลับแฝงด้วยความอ่อนโยน

            ช่องทางอันคับแน่นรับตัวตนของเทพหนุ่มไว้ทั้งหมด อาโปสะกดกั้นความปรารถนาของตนไม่ให้บุ่มบ่ามเร่งร้อนมากจนเกินไป ด้วยเกรงว่าเจ้านกหนุ่มจะบาดเจ็บเอาได้ แต่เมื่อแววตาที่สะท้อนออกมาจากตาเรียวไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความทรมานแล้ว เทพหนุ่มจึงเริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า

            จังหวะเนิบนาบแต่ทว่ากลับสร้างความเสียวซ่านให้แก่ทั้งคู่ยิ่งนัก แต่ดูเหมือนว่ากนต์ธรอยากได้มากกว่านี้ ร่างบางจึงบดเบียดตัวให้แนบชิดกันมากขึ้น แขนเรียวโน้มคอร่างสูงไว้ ยื่นหน้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากหนาอย่างเรียกร้อง เทพหนุ่มเองก็อยากจะทำให้บทรักดูเร่าร้อนมากขึ้น

            ความนุ่มนวลในคราแรกเริ่มกลายเป็นรุ่มร้อนด้วยไฟแห่งความปรารถนา ร่างสองโถมเข้าหากันอย่างกระหายในรสรัก เสียงครางเครือดังออกมาจากปากเจ้านกหนุ่มไม่ขาดสาย ดวงตาสองคู่เฝ้าสบมองกันด้วยความลุ่มลึกของอารมณ์ ในช่วงสุดท้ายที่อารมณ์ทะยานเข้าสู่จุดสูงสุด อาโปปล่อยให้ธารน้ำใสของตนไหลสู่ช่องทางรักทุกหยาดหยด โดยที่กนต์ธรนั้นตอดรัดกักไว้ด้วยความเต็มใจ

            เสียงหอบหายใจก้องป่าที่มีเสียงหริ่งหรีดเรไรแว่วมา ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าตระกองกอดกัน เทพหนุ่มจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของกนต์ธรด้วยความรัก รอยยิ้มหวานของเทพหนุ่มที่เจ้านกหนุ่มชอบนักหนาปรากฏบางๆ

            “รู้ไหมว่าใบหน้าของเจ้า ข้าชอบรอยยิ้มของเจ้าที่สุด”

            เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อาโปกลับยิ้มหวานมากขึ้น นั่นทำให้กนต์ธรยิ่งหน้าร้อนด้วยความเขินอาย เนื้อที่แนบกันยังร้อนอยู่ เขาก็ยิ่งคิดว่าคืนนี้อาจจะไม่จบที่รอบเดียว มือบางจึงเริ่มดันอกคนที่เริ่มขยับเข้ามากอดเขาแน่นกว่าเดิมออก

            “ข้าไม่คิดว่าแค่รอยยิ้มของข้าเท่านั้นที่เจ้าชอบหรอกนะ...”สายตากรุ้มกริ่มของเทพหนุ่มพานทำให้คนมองหน้าแดงซ่าน

            “ข..ข้าอยากนอนแล้ว” ร่างบางทำท่าจะผละตัวออกห่างแต่อาโปที่ตอนนี้กลายร่างเป็นชายหื่นแล้วคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบแน่น แม้กนต์ธรจะทำทีขัดขืนแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก ยอมให้เทพหนุ่มจูบแต่โดยดีเพราะเขาเองก็ชอบรสสวาทที่อาโปมอบให้เช่นกัน


            และแล้วบทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง


            กนต์ธรนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หากอาโปต้องการเขาก็ยอมได้อยู่แล้ว ไม่มีเรื่องใดต้องกังวล เพราะเขาก็ชาย อาโปก็ชาย หมดปัญหาเรื่องตั้งครรภ์ไปได้เลย




            เจ้านกหนุ่มคิดอย่างสบายใจ...









สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วน้าาา เป็นตอนยาวที่เนื้อเรื่องอาจจะเรื่อยๆนะคะ แต่ก็ดีใจที่แต่งตอนนี้จบจนได้ 555
มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ  :mew2: เจอกันโอกาสหน้าจ้า :pig4:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
โธ่โธ่โธ่ เจ้านก... แล้วจะรู้ว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิด 555+

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ดีใจอ่ะ มาต่อแล้ว
คู่นี้น่ารักแบบละมุน แต่อาโปเชื้อไม่ทิ้งแถว
นกน้อยคิดผิดซะแล้ว ระดับอาโป ท้องแน่ อิอิ
มาต่ออีกน่ะ คู่นี้ยังไม่จบแค่นี้แน่ๆๆ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
จะมีลูกอีกกี่คนหนอออ อาโป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แน่ใจนะว่าจะไม่ท้อง? หึๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จบตอนของอาโปแล้วเหรอคะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
หมดห่วงเรื่องการตั้งครรภ์? แน่ใจเหรอออ ไม่ต้องกลัวจะไม่ท้องมากกว่า 55555

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ท้องแน่ๆจ้าาา เชื้อเค้าแรงงง
ตอนของอาโปน่ารักอะ
ละมุน อบอุ่น ค่อยเป็นค่อยไปดี
ดีใจที่กลับมานะคะ

ออฟไลน์ Praykanok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ดีใจที่ได้อ่านอีกครั้งค่ะ  รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หมดปัญหาเรื่องตั้งครรภ์อะไรรรร 555555555555555555555555

ออฟไลน์ เมื่อนั้นฝันว่า

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กลัวคำว่าคิดอย่างสบายใจมากอ่ะ  งื่อออออออ :z1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เรื่องราวดีมากๆ. อยากให้มาต่อนะคะ

ชอบทุกคู่เลย

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      ดีใจที่กลับมาแต่งต่อนะค่ะ
อ่านไปรู้สึกว่านี่แหละความรักจริงๆ
ของคู่อื่นไม่ค่อยละมุนแบบนี้555
อาจเป็นเพราะรพะเอกเค้าหื่นขึ้นหน้า5555
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คู่ต่อไป   เอาลูกเขยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ      :hao3:

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2

ออฟไลน์ poonziis

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบทุกคู่   :-[ หื่นทุกตอน  :z1:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
จะนานแค่ไหนก็จะรอนะคะ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด