วันนี้ว่างเลยมาลงไว้ให้ ผมเพิ่งหัดเขียนไม่ชอบหรืออยากให้ปรับปรุงตรงไหนบอกได้นะครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปปรับปรุง
ตอนที่ 5
#เพื่อนใหม่
“มึงไปทำไรมาม่อน หน้าอย่างกับศพ” ไอ้อาร์มทักผมตั้งแต่ก้นยังไม่แตะเก้าอี้โรงอาหาร
ก็ไม่แปลกที่มันจะถามเพราะเมื่อคืนหลังจากที่ผมหนีหนีลงจากรถของไอ้...ไอ้ภาค ผมละไม่อยากพูดถึงมันเลย แต่ก็นะหลังจากที่ลงจากรถมันผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน นอนคิดถึงภาพที่มันกำลังจูบผม
“เออ เมื่อคืนกุทำงานดึกไปหน่อย” ไม่ได้จะโกหกมันหรอกครับ ก็เมื่อคืนผมทำงานดึกจริงๆแถมโดนลากออกไปกินข้าวข้างนอกแบบงงๆ อีก
“มึงก็อย่าหักโหมมาก มีไรให้พวกกูช่วยก็บอกได้” พวกมันก็ยังคอยเป็นห่วงผมเช่นเคย และดูเหมือนจะมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์วันนั้น
“เออขอบใจพวกมึงมาก เดี๋ยวกูไปหาข้าวกินก่อน” ผมพูดแล้วเดินตรงไปยังร้านข้าวเจ้าประจำ
“กะเพราหมูจานนึ่งครับ/กะเพราหมูจานนึ่งครับ” ผมหันไปทางต้นเสียงที่สั่งเอ่ยสั่งอาหารพร้อมกัน ในประโยคเดียวกันกับผม
“นายก่อนเลย” เขาพยักพเยิดหน้าให้ผมสั่งอาหารก่อน ผมก้มหน้าเล็กน้อยเป็นคำขอบคุณ ก่อนเดินถือจานข้าวมานั่งลงที่โต๊ะ ตอนนี้หิวมากครับ มาถึงผมลงมือจัดการกับกะเพราหมูตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“มึงว่าเหมือนมีคนมองมาที่กลุ่มเราไหมวะ” เฟิร์นร้องขึ้น หันซ้ายหันขวามองหาว่าสายตาที่ว่ามาจากตรงไหน
“นั้นไงโต๊ะนั้นไง” มีนพยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะด้านหลังถัดไปไม่ไกลนัก ผมเงยหน้าหันหลังตามสายตาของไอ้มีน
ผมก้มหน้าเล็กน้อยให้ผู้ชายคนนั้น เพราะคนที่กำลังมองตอนนี้คือคนเดียวกับที่ร้านข้าวก่อนหน้านี้
“มึงรู้จักเขาด้วยหรอม่อน” เฟิร์นผู้ที่สัมผัสได้ว่าโต๊ะเราถูกมองถามขึ้น
“ไม่เชิง เพราะกูก็เพิ่งเจอเขาหน้าร้านข้าวเมื่อกี้เหมือนกัน”
“หึๆ กูว่างานนี้มีคนขายออกแล้ววะ” ขายออกอะไรของมึงมีน แล้วมึงมองหน้ากูทำไม ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ขมวดคิ้วมองหน้ามัน
เห้อ...ช่วงนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆครับ ไหนจะเรียนไหนจะงาน อีกสองอาทิตย์ก็ถึงวันสอบกลางภาคแล้ว ผมว่าผมคงต้องหยุดงานสักอาทิตย์แล้วแหละ ถึงจะเห็นผมทำงานดึกดื่นทุกวันแต่เรื่องการเรียนผมก็ไม่เคยทิ้งนะครับ เพราะเทอมที่ผ่านมาผมก็ทำเกรดได้ในระดับที่ดี จนเพื่อนในกลุ่มยังสงสัยว่าผมเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าก่อนสอบเท่าไรครับ อาศัยตั้งใจเรียนทำความเข้าใจในห้องให้ได้ นอกเสียจากว่าไม่เข้าใจจริงๆ ผมถึงจะหาเวลามาอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่สงสัยว่าเทอมนี้ผมคงต้องอ่านหนังสือก่อนสอบแล้วแหละครับ ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร หลังจากเรียนเสร็จ เย็นนี้ผมว่าจะหาโอกาสเข้าห้องสมุดหาหนังสืออ่านสักหน่อย
“มึงตอนเย็นกูจะเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมีใครจะไปกับกูมั้ง” คำตอบที่ได้จากเหล่าผองเพื่อนคือไอ้มีนกับไอ้เฟิร์นต้องไปช้อปเครื่องสำอางเพราะมีโปรลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนไอ้สองคนที่เหลือไม่ต้องเดามันมีนัดกับเกม PUBG ของพวกมันอีกตามเคย ผมเคยลองเล่นกับพวกมันหลายครั้งแล้วก็สนุกดีนะครับ แต่ทำไมผมไม่ยักติดงอมแงมแบบพวกมัน แถมทิ้งท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพวกมันก็ไม่ลืมฝากความหวังของการสอบที่จะถึงไว้กับผม จริงๆ เลยพวกมึงเนี่ย
ห้องสมุดวันนี้คนดูบางตาไม่ค่อยพลุกพล่าน น่าจะเป็นเพราะอีกตั้งสองอาทิตย์ถึงจะเข้าช่วงเทศกาลการสอบ เพราะหากถึงช่วงเวลานั้นที่นั่งทุกที่ในห้องสมุดจะถือว่าเป็นแรร์ไอเท็มขึ้นมาทันที
ผมเดินเลือกหนังสือสักพัก ก่อนหยิบหนังสือแคลคูลัสกับฟิสิกส์ติดมือมาอย่างละเล่ม
ผมทิ้งตัวลงนั่งกับโต๊ะที่ผมจองไว้ เปิดหนังสือขึ้นมาอ่าน ตอนนี้ผมเข้าสู่โหมดจริงจังเป็นที่เรียบร้อย ผมก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพร้อมกับทำโจทย์แบบฝึกที่อยู่ในหนังสืออย่างตั้งใจ
“เอี๊ยด” เสียงเก้าอี้ด้านตรงข้ามผมดังขึ้น ผมละสายตาจากหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้า มองคนมาใหม่ที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม
“เออ...เราขอนั่งด้วยคนนะ” ดึงเก้าอี้เตรียมนั่งขนาดนั้นไม่ต้องขอแล้วก็ได้มั้ง แต่ทำไมถึงหน้าคุ้นๆจัง ผมพยายามนึกว่าเคยเจอคนตรงหน้าที่ไหนมาก่อนรึเปล่า
“จำเราไม่ได้หรอ ที่เจอกันหน้าร้านข้าวเมื่อตอนเช้าไง” ผมถึงกับร้องอ๋อขึ้นมาทันที
แล้วเขามานั่งที่โต๊ะผมทำไมที่ว่างก็มีตั้งเยอะ ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งเวลาอ่านหนังสือเท่าไรนัก
“แล้ว....”
“เราเห็นนายนั่งคนเดียว เลยมานั่งเป็นเพื่อนไง” ผมยิ้มให้ก่อนก้มหน้าไปอ่านหนังสือต่อ เออนั่งเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน
“เราชื่อช้อป เรียนแพทย์ปีหนึ่ง นายละ” อะไรของเขาวะ ไม่เห็นหรอว่าผมกำลังอ่านหนังสืออยู่
“เราม่อน วิศวะ ปีหนึ่งเหมือนกัน” ผมก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ ไม่มีเสียงจากคนตรงหน้าอีก เขาคงจะรู้ว่าผมต้องการอ่านหนังสือ เพราะตอนนี้ผมก็เห็นว่าเขาก็ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน
ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูตอนนี้ก็เกือบๆ จะหกโมง ผมเตรียมตัวเก็บของออกไปหาอะไรกินของเข้าหอ กะจะนอนสักงีบก่อนออกไปทำงาน ผมก้มลงเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมลุกขึ้น
“ม่อนจะกลับแล้วหรอ” ก็เห็นอยู่ว่ากำลังจะไปจะถามทำไมเนี่ย
“อืม” ผมตอบไปแค่นี้แหละครับไม่รู้จะพูดอะไรจริง ปกติถ้าไม่สนิทกันผมก็จะไม่ค่อยคุยด้วยอยู่แล้ว
“ม่อนจะไปไหนต่อไหมพอดีเราว่าจะไปกินข้าวหลังมอ แต่ไม่มีเพื่อนไปกินด้วยนะ”
“อืม...กินข้าวหรอ งั้นพอดีเลยเราก็ว่าจะไปกินข้าวร้านประจำหลังมอพอดี” เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วรีบเก็บของยัดใส่กระเป๋า เดินนำออกมาจากห้องสมุดมาที่โรงจอดรถ
อะไรจะเป็นบุญตูดผมขนาดนี้ ครั้งที่แล้วก็ BMW ครั้งนี้ก็ BENZ นอกจากไอ้กระบะคันเก่าของพ่อผมแล้ว ชาตินี่คิดว่ายังไงผมก็ไม่มีโอกาสได้นั่งอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นบุญของผมมาก
รถของเราเคลื่อนมาจอดหน้าร้านประจำ ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในร้านโดยมี ‘เพื่อนใหม่’ ก็คงเป็นเพื่อนใหม่นั่นแหละ เดินตามหลังมาติดๆ ผมนั่งที่โต๊ะว่างใกล้ๆกับประตูร้าน พร้อมกับช้อปที่นั่งตรงข้ามหันหน้าเข้าหาผม
“พี่ครับสั่งอาหารครับ” ผมยืนบิลกระดาษออเดอร์อาหารของผมกับช้อป ซึ่งแน่นอนของผมเป็นกะเพราหมูของโปรดผม เช่นเดียวกับเมนูของช้อป
หลังจากพี่พนักงานรับออเดอร์เสร็จ ผมเริ่มรู้สึกถึงรังสีแปลกๆ อะไรสักอย่างที่กำลังเพ่งเล็งมาที่ผม ทำไมมันถึงคุ้นๆ จังเลยครับ
“เหี้ย” ผมสบท จนช้อปหันเงยหน้ามามอง ก็ไอ้ที่ผมหันไปสบตายมันเมื่อกี้คือไอ้คนที่จูบผมเมื่อคืน มันกำลังถลึงตามองผมเหมือนกับผมว่ากำลังทำอะไรผิด หรือว่ามันยังโกรธผมเรื่องที่ต่อยมันเมื่อคืนอยู่ ผมพยายามหลบสายตามัน
“ม่อนเป็นอะไรหรือเปล่า” ช้อปคงจะจับพิรุธผมได้จากท่าทางลุกลี้ลุกลนของผมตอนนี้
“เปล่าๆ พอดีเราหิวอ่ะ” ผมเลยถือโอกาสชวนช้อปคุยจะได้ลดอาการประหม่าจากสายตาที่กำลังจ้องผมอยู่ จนอาหารที่ผมสั่งก็มาวางที่ตรงหน้า ผมรีบตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว รีบกินรีบเสร็จจะได้ออกจากร้าน รีบออกไปให้พ้นสายตาของมันสักที ตอนนี้แม่งโคตรอึดอัดเลยครับ
“แอ๊กๆ ๆ ๆ” ด้วยความรีบ ผมเลยกลืนข้าวลงคอแบบไม่ได้เคี้ยวทำเอาผมสำลักหน้าดำหน้าแดง
“อะ นี้น้ำ” ช้อปที่เห็นอาการของผมรีบเดินมานั่งข้างๆ ลูบหลังพร้อมยืนน้ำมาให้ผมดื่ม ผมยกน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ตาผมทำไมมันต้องหันไปมองมันด้วย หน้าตาของมันตอนนี้อารมณ์เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เอาแล้วไงผมควรทำยังไงดีครับ
“เฮ้ย...รีบกินไปไหน เห็นไหมติดคอเลยเนี่ย” ช้อปหันมาหลังเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“อ่อ พอดีเราเป็นคนกินเร็วแบบนี้แหละ”
“แบบนี้ไม่ดีนะม่อน ไหนจะติดคอไหนอาหารจะไม่ย่อย ท้องอืดอีก” ช้อปบ่น ผมก็เข้าใจอยู่แหละครับ ก็คนเรียนหมอก็คงเป็นธรรมดา
ผมกลับมากินข้าวด้วยวิธีแบบปกติแล้ว พยายามไม่สนใจไอ้คนที่จ้องผมอยู่ ที่ตอนนี้มันกับกลุ่มเพื่อนของมันกำลังลุกจากโต๊ะ สงสัยกินเสร็จแล้ว ผมพยายามหันหน้าหนีไปอีกทางไม่ให้มันกับเพื่อนมันสนใจ พอดีว่าที่ที่ผมนั่งมันเป็นประตูทางออกร้าน เลยไม่อยากให้เพื่อนๆ ปากหมาของมันเห็น
“สงสัยมื้อนี้คงจ่ายหนักน่าดู” มันเดินผ่านผมไปพร้อมปล่อยวลีที่ผมเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง ก่อนที่มันจะเดินออกไปโดยที่ไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ
มึงจะไปก็ไปดีๆ ไม่ได้รึไง
ถึงยังไงตอนนี้มันก็ไปแล้ว ความอึดอัดก่อนหน้านี้ หายไปแล้ว แต่ยังมีอีกคน ช้อปที่นั่งตรงข้ามตอนนี้สรรหาเรื่องมาคุยเหมือนกับสนิทกันมานาน แต่ก็ดีแล้วครับไม่รู้สึกอึดอัดแถม ช้อปเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุกเหมือนได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน
หลังจากทานอาหารเสร็จช้อปก็ขับรถมาส่งที่หน้าหอ พอดีกับที่ไอ้นัทกำลังเดินขึ้นหอ ในมันมือถือถุงพลาสติกข้างในมีกล่องโฟมสีขาว มันน่าจะออกไปหาของกินหลังจากนั่งติดหน้าคอมกับเกมสุดรักของมันนั่นแหละครับ พอดีกับที่ผมเดินออกมาจากรถหันหน้าไปขอบคุณเจ้าของรถที่อุตส่าห์มาส่ง แล้ววิ่งเข้าไปหาไอ้นัทที่ยืนรออยู่หน้าหอด้วยหน้าตาสงสัย
“ไหมมึงบอกไม่รู้จักกัน แล้วทำไมมาด้วยกันได้วะ” มันถามผมแต่ตายังมองเพื่อนใหม่ของผมที่ยืนยิ้มกำลังเปิดประตูรถ
“ก็เพิ่งรู้จัก เขามานั่งอ่านหนังสือด้วย” ผมบอกมันตามตรง แต่หน้ามันตอนนี้ยังไม่หายสงสัย
“แต่กูว่ามีอะไรมากกว่านั้น” มันหันหน้ามาจ้องตาผมเหมือนพยายามค้นหาอะไรอยู่
ผมไม่ได้สนใจท่าทีของมันมากนัก เบี่ยงตัวเดินหนีมันขึ้นบันไดทันที มันไม่พูดอะไรต่อวิ่งตามขึ้นบันไดกอดคอผมเดินขึ้นห้อง
หลังจากวันนั้นที่ห้องสมุดกับวันที่เจอไอ้ภาคมันที่ร้านข้าวหลังมอ ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว หลายวันที่ผ่านมาหลังเลิกเรียนผมก็จะเดินเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด อ่านเสร็จก็กลับไปอาบน้ำที่หอเตรียมออกไปทำงานที่ผับ แต่เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะสอบกลางภาคแล้ว ผมเลยขอลางานที่ร้านอาทิตย์หนึ่ง
แต่สิ่งที่ไม่ปกติหรืออาจปกติไปแล้วก็ได้ เพราะหลังจากวันนั้นกลุ่มผมก็มีช้อปเพื่อนใหม่ของผมที่ทุกวันต้องมากินข้าวพร้อมกับกลุ่มผมเกือบทุกเช้า รวมถึงตอนเที่ยงและตอนเย็นแล้วแต่ว่าช้อปว่างตอนไหน จนผมอดคิดไม่ได้ว่าที่คณะช้อปเรียนมันไม่หนักเหรอ ถึงได้ขับรถมากินข้าวที่โรงอาหารคณะผมได้ทุกวันแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะครับดูเหมือนว่าช้อปจะเข้ากับเพื่อนผมได้ดี คุยถูกคอกันเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนเสียอีก
“ม่อนกูว่าช้อปแม่งชอบมึง” ไอ้มีนเปิดประเด็น มีเฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ
“ชอบห่าอะไร ช้อปก็เป็นเพื่อนแบบพวกมึงนั่นแหละ” ผมหันไปค้อนมันทั้งคู่
ช้อปจะชอบผมได้ยังไงก็ช้อปเป็นผู้ชาย ผมก็ผู้ชายแล้วผมก็ชอบผู้หญิงด้วย ไม่มีทางคิดกับช้อปเป็นแบบอื่น และที่สำคัญผมก็ไม่เห็นว่าช้อปจะมีท่าทีกับผมแบบที่พวกมันบอกด้วย
“ช้อปชอบไอ้ม่อนหรอ” มีนยิงคำถามทันทีที่ช้อปเดินมานั่งที่โต๊ะ ก็เป็นปกติแบบนี้ที่ช้อปจะมานั่งกินข้าวพร้อมพวกผม
“มึงพูดอะไรของมึงมีน โทษทีนะช้อปมีนมันชอบพูดเล่น”
“อืม เราชอบม่อน” ปัง ผมสตั้นไปสามวิกับคำตอบที่ออกมาจากปากช้อปที่ตอบออกมาแบบหน้าตาเฉย ผมยังคงงงกับคำตอบเมื่อกี๊ของช้อปอยู่ แต่ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มผมทำไมมันดูไม่แปลกใจอะไรเลย มีเพียงแต่ไอ้นัทที่ยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆเท่านั้น
“เออ พวกมึงกูอิ่มแล้วไปรอที่ห้องนะ” อะไรยังไง ตั้งแต่ตอนไหนที่ช้อปบอกว่าชอบผม ทั้งที่ผ่านมาผมก็เห็นช้อปก็เหมือนเพื่อนปกติทั่วไป ผมก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ที่ได้ยินจากปากช้อป ทำผมสับสนไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนนี้ ทำได้เพียงขอตัวออกมาเลี่ยงเหตุการณ์ตรงหน้าเท่านั้น
“มึงจะรีบเข้าทำไมนักหนาวะห้องเนี่ย อีกตั้งสิบห้านาที” เสียงไอ้นัทบ่นหลังจากเดินเข้าห้องมาพร้อมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม
ไอ้ห่ามึงจะให้กูเสนอหน้าอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่มาบอกชอบกุเนี่ยนะมึงคิดอะไรอยู่
“เออ ก็จะสอบแล้วกูก็ต้องตั้งใจเป็นพิเศษไง”
“ไม่ใช่ว่าเพราะไอ้ช้อปบอกชอบมึงหรอกนะ” ผมหันหน้าไปค้อนมันอย่างเอาเรื่อง
“เออน่า กูไม่พูดแล้วก็ได้ แค่จะบอกว่าไอ้ช้อปมันชวนไปดูมันแข่งบาสเย็นนี้ พวกกูก็จะไปดูอยู่พอดี เพราะคณะเราแข่งกับคณะมัน”
“เออๆ ไปก็ไป” เย็นนี้ว่างพอดีครับไม่มีงานตอนดึกก็ไม่มีงานที่ผับ ออกไปคลายเครียดลองเข้ากิจกรรมกับมหาลัยดูสักครั้งก็คงไม่เลว
“รีบเก็บของสิวะไอ้ม่อนเดี๋ยวก็ไม่ทัน”
“เออเสร็จแล้วมึงจะรีบไปไหน” ไม่รู้ว่ามันจะรีบไปไหนตอนก่อนเข้าห้องเรียนกลับบ่นพอแบบนี้ละแม่งเสือกมาเร่งกูซะงั้นไอ้ห่านัท
สนามกีฬาอเนกประสงค์ของมหาลัยถูกจัดเตรียมเป็นสถานที่สำหรับแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างคณะ ตามสแตนด์เชียร์เต็มไปด้วยนักศึกษาจากคณะต่างๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่เตรียมตัว มากรี๊ดหนุ่มหล่อจากทั้งสองคณะกันอย่างเต็มที่ พวกผมเดินหาที่นั่งซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นฝั่งวิศวะอย่างแน่นอน ถึงผมจะมาเพราะคำชวนของช้อป แต่ยังไงผมคงไม่มีทางทรยศต่อคณะอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามในฝั่งของวิศวะ ช้อปก็ยังไม่วายเดินมาหาพวกผม แถมยังเดินมาวางผ้าเช็ดหน้ากับกระเป๋าที่ตักของผมอย่างงงๆ
ฝั่งตัวเองก็มีทำไมช้อปไม่ไปฝาก
“ม่อนมึงโอเคไหม”
“โอเคอะไรของมึง ของช้อปนี่หรอ” ผมยกของช้อปที่วางอยู่บนตักผมให้มันดู เพราะอยู่ดีๆ นัทมันก็หันมาถามผมว่าโอเคไหม ผมเลยคิดว่ามันพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า
“ไม่ใช่ๆ แต่...” มันพยักพเยิดหน้าหันไปมองคนด้านล่างที่กำลังจ้องหน้าผมแบบเดียวกับที่มันเคยมองผมมาตลอด ผมไม่ได้สังเกตมาก่อนว่ามันก็เป็นนักกีฬาของคณะผม อย่างนี้ผมคงเชียร์ฝั่งแพทย์แบบเต็มที่ซะแล้ว
“กูเห็นมันจ้องมึงตั้งแต่ไอ้ช้อปเดินมาแล้ว”
“เออช่างมันเถอะอย่าไปสนใจมันเลย” ผมไม่สนใจหันไปมองบรรยากาศรอบๆ สนามที่ดูครึกครื้น ทำเอาผมตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่ากิจกรรมของมหาลัยจะน่าสนุกขนาดนี้
“ปี๊ดดดดด” เสียงนกหวีดของกรรมการในสนามดังขึ้น ทันทีที่ช้อปล้มลงไปกองกับพื้น ก็ไอ้ภาคนี่สิครับ ไม่รู้มันไปโกรธอะไรช้อปวิ่งเข้าไปชนช้อปหลายครั้ง ชนทีแรงๆทั้งนั้น ผมล่ะกลัวจะมีมวยในสนาม เพราะดูเหมือนอารมณ์ช้อปตอนนี้ก็ดูกรุ่นๆ ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
“ปี๊ดดดด” นกหวีดดังขึ้นอีกครั้งไม่ใช่นกหวีดทำฟาว์ลของไอ้ภาค แต่เป็นนกหวีดหมดเวลาผลปรากฏว่าคณะผมแพ้ไป 46-49 ก็เพราะไอ้ตัวดีภาคมันเล่นไปทำฟาว์ลตอนก่อนจบเกมจนทำให้ทีมเราแพ้ ก็สมควรแล้วแหละครับ มันเล่นอย่างกับจะมาต่อยมวย
“ขอผ้าเช็ดหน้าหน่อย” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ช้อปที่ยืนเหงื่อซก แต่ยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้า ก็คงเพราะทีมเพิ่งชนะมามั้งเลยดูดีใจขนาดนั้น
“ม่อนเราขอคุยด้วยหน่อย” ช้อปถามผมแต่หน้าหันไปทางเพื่อนผมที่ยืนพยักหน้าให้ช้อป อะไรวะถามผมแต่ให้เพื่อนตอบ ผมเดินตามแรงดึงเบาๆที่ข้อมือมาที่ห้องล็อกเกอร์สำหรับนักกีฬา ในห้องมีนักกีฬาอยู่ไม่กี่คนเพราะน่าจะยังอยู่ข้างนอกยังไม่เข้ามากัน ช้อปพาผมมายืนที่มุมเล็กๆ ข้างล็อกเกอร์ สายตาช้อปตอนนี้ดูจริงจังผิดปกติ
“ม่อน...เมื่อเช้าที่เราบอกว่าชอบม่อนเราพูดจริงนะ” พูดจริงงั้นหรอ ช้อปชอบผมจริงๆงั้นหรอ แล้วผมควรทำยังไงเหรอครับ
“เรารู้ว่าม่อนไม่ได้ชอบผู้ชาย เราก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย แค่เราเห็นม่อนแล้วอยากดูแลม่อน...” ช้อปหยุดพูดสักพัก ยกมือขึ้นมาจับแขนทั้งสองข้างของผม
“เราไม่ได้จะบอกให้ม่อนชอบเรา เราแค่จะบอกว่าขอให้เราได้ลองดูแลม่อนสักครั้งจะได้ไหม” ผมยังไม่ได้ตอบอะไรยืนนิ่งกับคำพูดของช้อปอยู่แบบนั้น
สมัยมัธยมผมเคยมีแฟนมาสามคน คนแรกคบตอนมอสาม สาเหตุที่เลิกกันเพราะผมไม่มีเงินซื้อเฟอร์บี้ให้เธอ คนที่สองตอนมอสี่เราเลิกกันก็เพราะผมไม่มีเงินซื้อโทรศัพท์บีบีที่ตอนนั้นฮิตมาก จนรู้ว่าเธอแอบไปคุยกับคนอื่น ก็คุยบีบีนั่นแหละครับ คนที่สามเลิกกันเพราะเธอแอบไปเห็นว่าผมทำงานเป็นพนักงานเซเว่น เธอบอกว่าเธออายเพื่อน หลังจากนั้นผมก็ไม่มีความคิดที่จะมีแฟนอีกเลย เพราะกลัวจะซ้ำรอยเพราะความจน ไม่มีเงินมากมายไปคอยดูแลตามใจใคร ผมเลยเลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียวดีกว่า หลังเรียนจบผมมีการมีงานที่ดีทำค่อยคิดเรื่องนี้อีกที่ เพราะแน่นอนว่าครอบครัวผมยิ่งกับแม่แล้วที่คอยพูดกรอกหูมาตลอดว่าเรียนจบก็ให้หาเมียเลยแม่เพราะแม่อยากอุ้มหลาน
เฮ้ย...แต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายมาบอกชอบผม ยิ่งทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่ ว่าจะทำยังไงดี จะปฏิเสธ แล้วจะปฏิเสธยังไง จะให้โอกาสแล้วจะให้โอกาสยังไงทั้งที่ผมชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย
“เออ...เราไม่รู้ว่าเราจะชอบช้อปได้ไหม แต่ถ้าช้อปอยากทำแบบนั้นเราก็ไม่ว่าอะไร แต่เราไม่ยืนยันนะว่าจะหลังจากนั้นเราจะชอบช้อปแบบที่ช้อปชอบเราได้ไหม”
ไม่มีเสียงตอบจากช้อปมือเพียงร่างกายของผมที่ถูกดึงเข้าไปกอดๆ แบบที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นถึงจะรู้สึกแปลกที่ต้องมายืนกอดกับผู้ชายด้วยกัน
‘ภาค’
ผมไม่รู้ว่ามันยืนตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่ามันได้ยินที่ผมกับช้อปคุยกันไหม รู้เพียงว่าสีหน้ามันตอนนี้เหมือนเสือที่กำลังจะเข้ามาตะครุบแล้วฉีกผมเป็นชิ้นๆ