ตอนที่ 2
หวุดหวิดจะโดนตาลุงหน้าโหดฆ่าหมกสวนเอาได้
เลนนี่ปาดเหงื่อที่ซึมตามไรหน้าผาก ยอมรับต่อพระเจ้าว่าชายคนนั้นมีบางอย่างที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย
เกลียดแรกพบ ของแบบนี้ก็มีจริงบนโลก
“เอาพายไปให้เขาแล้วใช่มั้ยเลนนี่”
เขา ที่ว่ากำลังวางแผนสองร้อยแผนฆ่าลูกชายแม่อยู่น่ะนะ เอาเถอะ เลนนี่ไม่ได้ระแวงเกินเหตุหรอก หน้าตาแบบนั้นเหมือนพวกทหารหนีคดีฆ่าคนบริสุทธิ์ในปากีสถานชะมัด
“เรียบร้อยครับ”
“ไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรใช่มั้ย”
“โธ่ คุณนายเทอเนอร์ครับ” เลนนี่เดินเข้าไปหยิบพายชิ้นที่ถูกตัดพอดีคำในจาน “หมอนั่นน่ากลัวจะตายไป เราอยู่ห่างๆ เขาไว้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“แม่ว่าเขาก็ดูเป็นมิตรดี”
เลนนี่ย่นจมูก “คนร้ายที่ทำตัวเหมือนคนดีมีให้เห็นถมเถ”
“พูดจาเหลวไหลใหญ่แล้วเลน”
คุณนายเทอเนอร์ป้อนพายชื้นใหญ่ใส่ปากลูกชายคนโตโดยไม่ฟังคำประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น
“เอ้า กินพายซะ แม่อุตส่าห์ทำ”
อาจเพราะวันนี้เหลือเพียงพวกเขาสองแม่ลูกในบ้าน ส่วนริกเกอร์ ลูกชายคนเล็กของเธอก็ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ คุณนายเทอเนอร์เห็นสมควรว่าพายถาดนี้ต้องจัดการให้หมด หากเหลือไว้อุ่นทานครั้งหน้ารสชาติจะไม่อร่อย
“คุณนายเทอเนอร์จะฆ่าผมหรือไง”
เลนนี่กระเดือกน้ำตามเพื่อไล่พายชิ้นมโหฬารฝืดเคืองในลำคอลงกระเพาะ เขาไม่สงสัยเลยว่าตัวเองได้ความโรคจิตมาจากไหน
“กินให้หมดนะ แม่ไม่อยากทิ้ง”
“ผมคงเป็นเบาหวานตาย ไม่ต้องมาเผาผีผมนะ”
“พูดมากจริงๆ ลูกคนนี้”
คุณนายเทอเนอร์ตีแขนลูกชายด้วยความหมั่นไส้ เลนนี่เป็นเด็กปากเสีย เธอย่อมรู้ดี แต่จิตใจของเด็กคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ใครคิด เธอเพียงหวังว่าจะมีเพื่อนหรือใครสักคนที่ดูแลและเข้าใจลูกของเธอ
“ได้ติดต่อเพื่อนสมัยไฮสคูลบ้างมั้ย” คุณนายเทอเนอร์เอ่ยถาม
“ไม่” เลนนี่ยักไหล่ “ผมไม่มีเพื่อน”
“แล้วชาร์ลีเป็นไงบ้าง” เธอยังคงถามต่อ
“ชาร์ลีไหน?”
ต้องบอกไว้ก่อนว่าทักษะการจำชื่อคนของเลนนี่มีประสิทธิภาพด้อยยิ่งกว่าเด็กสองขวบเสียอีก
“ชาร์ลีที่เขาบอกรักลูกตอนเกรดสิบเอ็ดน่ะ”
แค่ได้ยินขนทั้งตัวก็ลุกชัน แม่เกิดประสาทกลับอะไรขึ้นมาถึงขุดฝันร้ายหมายเลขห้ามาจี้ใจดำเขา “จะไปรู้เหรอ ป่านนี้คงมีลูกเมียเป็นโหล…”
…หรือไม่ก็ตายไปละ อุ้บส์
“นั่นสิ คงมีครอบครัวไปแล้ว ริกเกอร์เองก็มีแฟน แล้วลูกล่ะเลน มีโครงการบ้างมั้ย”
“ผมเพิ่งอายุสิบเก้า”
“ลูกอายุตั้งสิบเก้าแถมไม่เคยมีแฟนเลยต่างหาก”
“ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณนายเทอเนอร์ไม่ดีเหรอ” เลนนี่ทำสายตาออดอ้อน แต่มันกลับดูตลกมากกว่า “มีแฟนไปทำไมปวดหัว ผมเบื่อ
พวกผู้หญิงเรื่องมาก”
“ผู้ชายโอเคกว่า?”
“คุณนายเทอเนอร์!” เลนนี่แทบจะล้มโต๊ะ “ผมเป็นผู้ชาย!”
“แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่แฟนของริกเกอร์ก็น่ารักดีออก”
เลนนี่ได้แต่สบถกับตัวเอง เบ้ปากอย่างกับเรื่องที่ได้ยินมันช่างตลกอย่างร้ายกาจ “อลาโน่น่ะเหรอ ผมว่าเขาไม่เหมาะกับริกเกอร์เลยสักนิด”
“เขาชื่ออลันต่างหาก”
คุณนายเทอเนอร์แก้ “และลูกไม่มีสิทธิ์ไปบอกใครต่อใครว่าเขาเหมาะหรือไม่เหมาะกัน มันไม่ใช่เรื่องของลูก เข้าใจมั้ย”
“ทำไมจะไม่ใช่”
“แล้วทำไมลูกถึงคิดว่าใช่ล่ะ”
“ก็ริกเป็นน้องผมนี่” เลนนี่กอดอก อธิบายเหตุผลที่ริกเกอร์ควรเชื่อฟังคำพูดของเขาบ้าง
“แต่ลูกไม่ใช่เจ้าชีวิตน้อง แม่เองก็ด้วย”
“มันก็…”
“หรือลูกอยากให้แม่บังคับบ้าง ดีมั้ย พรุ่งนี้ไปช่วยมิสเตอร์แมดด็อกซ์เขาจัดบ้านนะ สงสารเขา แปลกบ้านแปลกเมืองก็หนักหนา
สาหัสพอแล้ว”
“ตลกแล้วครับ”
“พรุ่งนี้แม่จะบอกเขา เลนก็อย่าลืมล่ะ”
“คุณนายเทอเนอร์…” เลนนี่เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อคุณนายเทอเนอร์สั่งด้วยสีหน้าจริงจังว่าเพื่อนบ้านต้องการความช่วยเหลือจากเขา และนั่นไม่ทำให้เลนนี่ขัดคำสั่งได้ เขาไม่เคยขัดใจแม่
“แม่ขึ้นไปทำงานในห้องแล้ว จัดการพายที่เหลือด้วย คืนนี้ล็อคประตูบ้านเลยก็ได้ น้องเขามีกุญแจสำรอง”
ลับหลังคุณนายเทอเนอร์ที่เดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง เลนนี่ได้แต่ดิ้นไปมาด้วยความไม่พอใจ อะไรๆ ก็ไม่เป็นตามที่เขาคิดไว้เลย ทั้งๆ ที่วันนี้อุตส่าห์จะขังริกเกอร์ให้นอนข้างนอกเสียหน่อย แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปช่วยตาลุงนั่นจัดบ้านอีก
อ่า…ใครซวยกว่านี้เลนนี่ให้เหยียบหน้าเลย
ตกดึกการนอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างไร้จุดหมายเป็นอะไรที่เลนนี่เกลียดมาก แต่เขาก็เกลียดน้อยกว่าการที่ต้องลุกจากเตียงในชุดนอนเพื่อออกมาเปิดประตูบ้านให้คนเมาไม่ได้สติ
แย่กว่านั้น
เจ้าของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นคนแบกซากน้องชายของเขาไว้เสียด้วย
“เขามาเคาะประตูบ้านฉัน”
“ส่งเขามาสิ”
“ตามปกติแล้ว นายควรขอบคุณฉัน เจ้าหนู” ถึงปากจะบ่นอะไรน่ารำคาญ แต่วัลดัสก็พยุงริกเกอร์ส่งคืนให้เลนนี่อย่างระมัดระวัง
“…ขอบใจ…ไง”
วัลดัสยิ้มเย็น “ไม่เป็นไร”
ท่าทางทุลักทุเลที่ร่างโปร่งพยายามพยุงคนเมาทำให้วัลดัสไม่มั่นใจว่าเขาควรกลับเลยดีมั้ย ถึงแม้เลนนี่จะตัวสูง แต่ร่างบางๆ ที่กระดูกเหมือนพร้อมจะหักทุกเวลาก็ดูไม่เหมาะกับการแบกของหนักๆ เอาเสียเลย
“ทำอะไรน่ะ?!”
เลนนี่ส่งเสียงตกใจเมื่อจู่ๆ ตาลุงหน้าโหดก็คว้าร่างริกเกอร์ไปแบกไว้แทนเสียเอง
“นายอุ้มเขาไม่ไหวหรอก”
“ไหวไม่ไหวแล้วเกี่ยวไรกับคุณ นั่นน้องชายผม ส่งเขามา”
เลนนี่เท้าเอว แววตาไม่พอใจประดับไว้บนหน้าจนอีกฝ่ายพอจะเดาออกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน
“แค่พยุงนายยังทำไม่ได้เลย เจ้าหนู”
“อย่าดูถูกผม”
“ไม่ได้ดูถูก” น้ำเสียงวัลดัสอ่อนลง “ฉันแค่พูดตามที่เห็น แต่นายช่วยอย่างอื่นได้นี่ เช่นเลิกพยายามเอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วให้ฉันแบกน้องชายนายเข้าไปในที่อุ่นๆ สักที”
“เรื่องอะไรต้องให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน” เลนนี่ยังไม่ยอมแพ้
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กตรงหน้าดื้อหัวชนฝาอย่างที่วัลดัสไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในชีวิต และหากจะมีใครที่ทำให้เขาประสาทกินได้ ก็คงต้องเป็นเลนนี่ เทอเนอร์เท่านั้น
“แต่นายรู้จักชื่อฉันแล้วนี่”
วัลดัสยิ้มให้ก่อนจะแทรกตัวผ่านประตูบ้านที่แง้มไว้ “ขออนุญาตแล้วกันนะ”
“นี่…อ่า ให้ตายสิ”
เลนนี่ขยี้ผมสีน้ำตาลที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งกว่าเดิมอย่างหงุดหงิด กระแทกเท้าเดินตามหลังตาลุงจอมฉวยโอกาสเพื่อทำให้แน่ใจว่าสถานการณ์อยู่ในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากคนตรงหน้าคิดจะทำอะไรล่ะก็ สาบานว่าจะไม่ลังเลเลยที่จะ—
“แช่งฉันในใจจบหรือยัง”
“หา?” เลนนี่ไม่มั่นใจว่าตัวเองแสดงสีหน้ายังไงออกไป
“ถ้าแช่งเสร็จแล้วช่วยมาดูแลน้องชายนายต่อแล้วกัน ดูท่าเขาคงไม่สบายตัวในเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่เท่าไหร่”
“ผมมีตา เห็นเองได้”
วัลดัสยักไหล่ “ไม่บอกไม่รู้”
หน็อย… กวนประสาท เลนนี่ได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ
“เสร็จธุระแล้วก็กลับบ้านกลับช่องไปสิ” ร่างผอมเอ่ยปากไล่แกนๆ ในขณะที่เดินเข้าไปตรวจสภาพน้องชายอีกครั้ง
แย่มาก นี่ไปตกถังเหล้ามาหรือไงกัน เหม็นเป็นบ้า
“โอเค” วัลดัสกระชับเสื้อคลุมชุดนอนตัวเอง “งั้นราตรีสวัสดิ์ เลนนี่” หนุ่มอังกฤษหันหลังเดินออกจากบ้านทันทีที่พูดจบ จนไม่ทัน
เห็นแววตาที่เหลือบมองตามหลังของเขาจนลับบานประตู
แม้กระทั่งเลนนี่เองก็ไม่อาจเข้าใจตัวเอง
“อลันนน คุยกันก่อนน!!”
เลนนี่แทบหงายหลังคะเมนตีลังกาสามตลบเมื่อมือยาวๆ ของริกเกอร์ฟาดฟันไปมากลางอากาศ หากเลนนี่พลาดแม้แต่นิดเดียว เป้าหมายคงไม่พ้นแก้มขวาของเขาเป็นแน่
ริก เอ๋ย ริกขนาดนอนเป็นศพตายซากยังซ่าได้นะ!!
“ไม่มีอลันอลาโน่อะไรทั้งนั้น!” เลนนี่พ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยแรงอารมณ์ เส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ ราวกับจะระเบิดออกมา
“มีแต่เลนนี่ พี่ชายนาย และฉันจะถ่ายรูปทุเรศๆ ตอนนี้ไว้เป็นหลักฐานแบล็คเมล์นายทีหลังดีมั้ย”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เลนนี่ก็มีจริยธรรมมากพอที่จะไม่ทำเรื่องอย่างคนขี้ขลาดเขาทำกัน มือซีดแกะกระดุมเสื้อให้น้องชายนอนหายใจสะดวกมากขึ้น
คืนนี้ริกเกอร์จะต้องนอนบนโซฟาที่ห้องรับแขก ต่อให้ตื่นมาปวดหลังก็ไม่ใช่ความผิดของเลนนี่
“อลัน…นายเข้าใจผิด…”
“เออ ฉันสิเข้าใจดีทุกอย่าง” เลนนี่ตอบกลับคนเมาไม่รู้เรื่อง
“ฉันรักนาย…”
เลนนี่ทำหน้าเอือม มันใช่ธุระเขามั้ยที่ต้องฟังน้องชายพร่ำบอกรักคนที่เขาไม่ชอบหน้า แต่เพราะคุณธรรมของพี่ชายที่ดีค้ำคอทำให้เลนนี่ต้องหาผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดตัวให้ริกเกอร์และเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้ใหม่
สายตาของเลนนี่กวาดมองความเรียบร้อยอีกครั้ง
เขาพยักหน้ากับตัวเอง น้องชายตัวปัญหาสลบไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนเสียที
------------------------------------------------------------------------------------------