Special HBD PHakinหลังจากที่กลับมาจากเกาะกูดผมก็อารมณ์ดีเกือบตลอดวัน อาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางหายเป็นปลิดทิ้งเพราะผมได้เห็นรูปถ่ายพรีเวดดิ้งล่าสุดที่ทีเคเอามาให้ดูแล้ว ยอมรับเลยว่าหมอนั่นมีฝีมือในการถ่ายภาพมาก แถมภาคินมันก็ยังเห่อ เที่ยวเอาไปอวดที่บ้านมันอีก แค่นั้นยังไม่พอ ภาคินยังเอารูปที่ถ่ายกับสะพานมาติดในห้องนอนและที่ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ในห้องครัวมันก็ติด
“เหลือห้องน้ำอีกที่หนึ่งนะ”ผมยืนมองภาคินเปลี่ยนตำแหน่งรูปภาพอยู่หลายรอบแล้วพูดแซวมันขึ้นมา อีกฝ่ายเหลียวมองผม
“ก็อยากเอาไปติดอยู่หรอกนะ แต่ในห้องน้ำฉันว่ามันแปลกๆ เลยไม่เอาดีกว่า”เมื่อติดรูปเสร็จ คนตัวสูงก็มายืนมองข้างๆผมด้วยสีหน้ามีความสุข
“จริงๆนะเมฆ ตอนนี้ฉันมีความสุขมากๆเลย”พูดพลางขยับมาหอมแก้มผมสองฟอด
“ดีแล้ว”เพราะภาคินเจอแต่เรื่องแย่ๆมาตั้งเยอะแล้ว ได้เห็นมันยิ้มออกมาจากใจจริงแบบนี้ ในใจของผมรู้สึกอัดแน่นยังไงไม่รู้
“ฉันอยากไปเที่ยวกับนายรอบโลกเลย นี่เป็นความฝันของฉันเลยนะ”ภาคินเอาคางเกยไหล่ผมก่อนจะโยกตัวเบาๆ ผมเอนพิงไหล่กว้างของอีกคนก่อนจะตอบ
“นายคงลำบากหน่อยนะ เพราะฉันเองก็อยากไปเที่ยวอีกตั้งหลายที่ หมดตูดแน่”
“ฉันรวย เลี้ยงนายได้ทั้งชีวิตอยู่แล้ว”ผมย่นหน้าอย่างนึกหมั่นไส้ แต่ก็เป็นความจริงนั่นแหละนะ
“ขอบคุณนะ ที่รักฉัน”อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาจนผมแปลกใจต้องเหลียวหน้าไปมองภาคิน แต่มันซบหน้าลงกับไหล่ของผมซะแล้ว ผมเลยไม่เห็นสีหน้าว่ามันทำแบบไหน
“พูดอะไรอย่างนั้น ขอบคุณทำไม”ผมลูบท่อนแขนที่โอบรอบเอวของผมอยู่ช้าๆ
“ก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนี่”มันกดจมูกลงที่ซอกคอของผมก่อนจะปล่อยตัวผมออกมาจากอ้อมแขน
“อย่าทำหน้าแบบนี้ดิ ไม่สมกับที่เป็นภาคินเลย”ผมใจหายนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของมัน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำสีหน้าแบบนี้ออกมา ภาคินยกยิ้มให้ผมก่อนจะถอนหายใจ ผมเองได้อ่านในส่วนที่ภาคินตามตื้อผมแล้ว รู้สึกแย่ขึ้นมาเหมือนกันที่ผมทำให้มันรู้สึกเปล่าเปลี่ยวแบบนั้น ชีวิตของภาคินช่างต่างจากเปลือกนอกที่มันแสดงออกมาจริงๆ
“ฉันอยากไปตีแบตจัง นายไปด้วยกันไหม เห็นว่าไอ้เพชรจะแวะมาหา”ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจทันที ไม่ใช่ว่าพี่เขาต้องถ่ายหนังอยู่ที่บ้านนอกเหรอ
“โดดมาหรือว่า…”
“ไม่ได้โดด มันขอทีมงานมาเคลียร์เรื่องแฟนเก่าที่ตามราวีมันน่ะ น่าสงสารนะ ตอนนี้ได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแทนฉันไปซะแล้ว”ดูภาคินจะขบขันมากกว่าจริงจัง
“ว่าแต่จะไปไหม หรือว่าไม่มีแรงตี”ภาคินยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมทำสายตาวิบวับ
“มาแข่งกันเลยไหม พูดแบบนี้น่ะ”ภาคินหัวเราะ
“เอาสิ เพราะไอ้ชลก็มากับเพชรด้วย”ผมทำตาโตอีกรอบ ไหนว่าไม่ถูกกัน แล้วมาด้วยกันได้ยังไง
“ทำไมอ่ะ”ผมทำหน้างง แต่ภาคินแค่ยิ้ม
“ไม่รู้เหมือนกัน จะให้สองคนนั่นกัดกันตลอดก็ไม่ไหว”จากนั้นผมก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนจะเปลี่ยนชุดเพื่อไปสนามกีฬา ไม่อยากจะชมภาคินเลยจริงๆว่าใส่ชุดสปอร์ตแบบนี้แล้วดูดีมาก แถมตั้งแต่หัวจดเท้าก็เป็นของไนกี้หมดเลย ส่วนผมน่ะเหรอ เสื้อยืดตัวเก่งกับกางเกงบอลก็พอแล้ว ภาคินก็เคยซื้อเสื้อให้ผมนะ แต่ผมไม่ค่อยชอบใส่เท่าไหร่ สงสัยของแพงทำผมผื่นขึ้นแน่ๆ
คนที่สนามกีฬาคนข้างน้อยเพราะผมกับภาคินมาค่อนข้างเร็ว เห็นมันคุยโทรศัพท์กับพี่เพชรตลอดทาง ผมก็ได้แต่กวาดสายตามองรอบๆ เหมือนจะมีคนจำภาคินได้สักสองสามคนเพราะเห็นหันมามองด้วยสายตาสนใจ
“ไอ้เพชรมาถึงนานล่ะ แปลกจริงๆ”ปกติพี่เขาจะชอบมาสาย เดินไปที่สนามแบตมินตัน ผมก็เห็นร่างสูงโปร่ง ในชุดกีฬาสีเข้มยิ่งทำให้ร่างนั้นดูโดดเด่น แว่นตาที่สวมอยู่ก็ไม่ทำให้ความหล่อลดน้อยลงแต่อย่างใด ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้หล่อขึ้นจริงๆ ขนาดผิวที่เคยขาวโอโม่จะหม่นลงนิดหน่อยก็เถอะ
“อะแฮ่ม”คนข้างๆกระแอมเมื่อผมจ้องพี่เพชรนานเกินไป
“อะไร แค่มองเฉยๆ”ผมยิ้มจาง เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งเล็กน้อยของภาคิน ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่สำหรับภาคินแล้ว มันไม่ค่อยอยากแพ้เวลาแข่งกับพี่เพชร ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน จะว่าชิงดีชิงเด่นก็ไม่ใช้ ว่ากันตามตรงตอนนี้พี่เพชรกับภาคินก็อยู่คนละระดับกันแล้ว
“หวัดดีครับ พี่เพชร เป็นไงบ้างชล”ผมหันไปทักทั้งคู่ ชลก็ยังเหมือนเดิม ผิวเข้มยังไงก็เข้มแบบนั้น แต่ผมว่าเขาดูมีสเน่ห์ดีนะ แบบหนุ่มบ้านนาอะไรเทือกนี้
“ก็เรื่อยๆนั่นแหละ เมฆ เหมือนจะอ้วนขึ้นนะ”ชลกวาดตามองผมก่อนจะหัวเราะ
“แน่นอน อยู่กับฉันซะอย่าง”ภาคินเดินเข้ามาเอาท่อนแขนพาดบ่าผม
“ไอ้นี่ก็หวงจริงหวงจัง”พี่เพชรพูดแทรกขึ้นมาระหว่างที่กำลังมัดเชือกรองเท้าให้แน่น
“แล้วไปไงมาไงถึงมาด้วยกันได้ล่ะครับ”ผมเปลี่ยนมาถามเรื่องที่คาใจอยู่แทน
“พอดีผมมาทำธุระ รถกระบะของผมก็เสียอยู่ในอู้ ก็เลยขอติดรถมาด้วย ไปๆมาๆก็เลยมาอยู่ที่นี่”ชลตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย เหมือนคนที่ไม่อยากมา
“ให้ติดรถมาก็บุญแล้ว อย่าบ่นมากได้ไหม”พี่เพชรทำหน้าเคืองๆ ก่อนจะหันมาสนใจผมแทน
“ได้ข่าวว่าไปถ่ายพรีเวดดิ้งมาเหรอ หวานกันจังนะ พี่ชักอิจฉาแล้วสิเนี่ย”พี่เพชรแซวพร้อมรอยยิ้ม
“ก็เลิกเจ้าชู้สิ เดี๋ยวก็มีเข้ามาเองนั่นแหละ เหมือนกูไง ทำตัวจริงใจเข้าไว้”ภาคินตอบพร้อมมองหน้าผม หลังจากนั้นก็วอร์ม
ร่างกายกันเล็กน้อย ผมอยู่ทีมเดียวกับพี่เพชร ส่วนชลอยู่กับภาคิน ซึ่งผมว่าก็ลงตัวแล้ว ถ้าให้พี่เพชรกับชลจับคู่กันคงทะเลาะกันยาวแน่ และที่สำคัญผมอยากเอาชนะภาคินด้วย
“พี่เพชรเล่นเก่งไหม”ผมถามขึ้นมาระหว่างที่มองภาคินยืบืดแข้งยืดขาด้วยสายตาหมั่นไส้
“ก็พอได้นะ สมัยเรียนพี่เคยเล่นอยู่บ้าง”
“จริงเหรอครับ”ผมแอบแปลกใจจริงๆไม่คิดว่าคนอย่างพี่เพชรจะทำกิจกรรมของมหาลัยด้วย
“อืม ก็ไม่ได้อยากเล่นหรอก เพราะมันต้องสอบไง พี่เลยเล่น”ผมห่อเหี่ยวลงถนัดตา แต่พี่เขาก็ชกไหล่ผมเบาๆ
“อย่าเครียด เราเอาชนะได้อยู่แล้ว ไอ้คินเล่นเก่งก็จริง แต่ใช่ว่าไอ้ชลมันจะเล่นเป็นนี่ จริงไหม”พี่เพชรทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะแปะมือกับผม ไม่รู้สิ ผมมองท่าทางของชลแล้ว ผมว่าเขาต้องเล่นเป็นแน่ๆ และก็เป็นไปตามคาด ทีมผมโดนยำอยู่ฝ่ายเดียวเลย ผมวิ่งไปวิ่งมาจนเหนื่อยเพราะพี่เพชรรับไม่ทัน หรือให้พูดอีกอย่างก็เล่นไม่เป็น
“พี่เพชรเป็นคนชวนเหรอ”ผมปาดเหงื่อถามอีกคนที่ยืนเอามือเท้าหัวเข่าก้มหน้าหอบหายใจ ก็ไม่ได้ขยับเยอะ แต่ทำไมดูพี่เขาเหนื่อยๆก็ไม่รู้
“เปล่า ไอ้คินชวน แล้วพอดีพี่ไม่ได้เจอมันนานแล้วด้วย เลยอยากมาเล่นกับมันน่ะ ขอเวลานอกหน่อย”พี่เพชรยกมือบอกอีกทีมก่อนจะไปนั่งพักที่ม้านั่งข้างสนาม เห็นใบหน้าซีดๆของพี่เพชรแล้ว ผมว่าอาการพี่เขาไม่ค่อยจะดีแน่
“พี่ทำงานหนักมากไปหรือเปล่าเนี่ย”ผมมองด้วยสายตาเป็นห่วง ภาคินกับชลเดินเข้ามาพอดี
“เป็นไรวะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ภาคินแตะไหล่เพื่อนที่นั่งดื่มน้ำด้วยใบหน้าที่เห่อแดงจากอาการเหนื่อย
“กู…เหนื่อยนิดหน่อยว่ะ เหมือนไม่มีแรงยังไงก็ไม่รู้ โทษทีว่ะ ตั้งใจมาเล่นกับมึงแท้ๆดันมาเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้”พี่เพชรย่นคิ้วด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ช่างเหอะว่ะ แค่นี้เอง มึงไปพักก่อนไป เดี๋ยวยังไงกูก็มีคนเล่นด้วยอยู่แล้ว”ผมมองไปยังทางเข้าเห็นมีกลุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามาในคอร์ด
“เออ งั้นผมว่ากลับก่อนดีกว่า ช็อคตายขึ้นมาจะลำบากเอา ผมขี้เกียจเก็บศพ”ชลก้มมองพี่เพชรที่นั่งอยู่ก่อนจะกระตุกแขนเสื้อให้พี่เพชรเดินตามไป
“กูกลับก่อนนะ ไว้เจอกันคราวหน้าหรือไม่ก็แวะมาหากูก็ได้”พี่เพชรโบกมือลาภาคิน เข้ามากอดผมก่อนจะเดินตามชลออกไปจากคอร์ด เนื่องจากผมเล่นไม่เก่ง (ยอมรับก็ได้)ก็เลยขอนั่งดูภาคินเล่นกับคนอื่นแทน
“ไม่ลงเล่นเหรอ”มีเสียงทักมาจากม้านั่งข้างๆ ผมหันไปมองก็พบกับวัยรุ่นที่ใส่แค่เสื้อม.ปลายอยู่เลยนั่งกินไอติมอยู่ ข้างๆตัวมีอุปกรณ์กีฬาวางอยู่
“ไม่อ่ะ”ผมตอบก่อนจะก้มเล่นมือถือของตัวเองตามเดิม เมื่อกี้เพิ่งอัพรูปภาคินตีแบตลงไอจี มีแฟนคลับของมันเข้ามาให้กำลังใจเยอะเชียวอย่างกับภาคินจะไปแข่งทีมชาติ
“หยิ่งจังเนอะ”ผมหันไปมองเจ้าของคำพูดแว่วๆนั้น แต่พอหันไปเจ้าเด็กนั่นก็ส่งยิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเสียงข้อความที่เด้งขึ้นมาก็ดึงความสนใจไปจากเจ้าเด็กนั่น
บอร์ท:แมววววววววววว มีเรื่องแล้ว
เมฆ:อะไร
บอร์ท:อ่านข่าวนี้ยัง กูว่าเป็นเรื่องแล้วว่ะ
ผมกดลิ้งข่าวที่ไอ้บอร์ทส่งมาให้ เนื้อข่าวพูดถึงนักแสดงสาวสวยที่ออกจากวงการไปแล้ว อักษรย่อจ.ที่เคยแจ้งเกิดเพราะได้เล่นเอ็มวีกับนักร้องดังในปีนั้นอย่าง ภค. ในสะกู้ปนั้นบอกว่าจ.ได้เคยทำแท้งมาแล้วครั้งนึงเพราะท้องกับพระเอกเอ็มวี และถูกบังคับให้ออกจากวงการ
เมฆ:หมายถึงภาคินเหรอ?
บอร์ท:จะมีใครล่ะ เล่นย่อมาซะรู้เลย
ผมไม่แปลกใจกับข่าวนี้เท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าภาคินจะขอพักงานในวงการแต่ข่าวคราวเสียๆหายๆของภาคินก็ยังมาเป็นระลอกๆ จนผมงงว่าคนที่สร้างข่าวนั้นต้องการอะไร ทำลายชื่อเสียงของภาคินน่ะเหรอ ผมถอนหายใจก่อนจะเงยมองภาคินที่กำลังโต้ลูกขนไก่กับอีกคนอย่างสนุกสนาน ผมไม่อยากให้รอยยิ้มบนหน้าของภาคินต้องหายไปเลย
ผมลองเสิร์จหาชื่อนักแสดงอักษรย่อจ.คนนั้น โดยพิมพ์ชื่อของภาคินไปก่อน แล้วตามด้วยตัวจอ ซึ่งมีผลการค้นหาขึ้นมาด้วย ภาคิน เจน คู่รักวัยรุ่นที่เลิกกันแบบช็อคทั้งวงการ ผมไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ภาคินอาจจะเคยพูดถึงก็ได้ แต่ไม่รู้สิ ผมจำไม่ได้หรอก ก็ตอนที่มันไล่ชื่อกิ๊กของมันก็ตั้งเยอะหลายคนนี่นา ผมยังเชื่อในตัวภาคินเสมอว่ามันไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น
สำหรับผม ภาคินก็เป็นแค่เด็กขี้เหงาที่ต้องการความรักจากคนรอบข้างแค่นั้นเอง แต่เพราะถูกทำร้ายจึงทำให้ภาคินกลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวและเกิดภาพลักษณ์แย่ๆตามมา
“เป็นอะไร คิ้วย่นเชียว”ภาคินมายืนตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่กำลังใช้มือกดหัวผมเบาๆ
“อ่านข่าวของนายอยู่น่ะสิ”ผมยื่นโทรศัพท์ให้ภาคินดู มันไล่สายตาอ่านก่อนจะหัวเราะแล้วนั่งลงข้างๆผม
“เชื่อไหมล่ะ”มันเอนตัวมาถาม กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมทำให้ภาคินดูมีแรงดึงดูดแปลกๆ เสื้อยืดสปอร์ตเปียกแนบกับตัวเพราะเหงื่อทำให้เห็นสัดส่วนชัดเจน เรียกว่ายังไงนะ เซ็กซี่ล่ะมั้ง ผมละสายตาไปมองทางอื่นก่อนจะตอบ
“ไม่หรอก นายเห็นฉันเคยเชื่อเรื่องข่าวไร้สาระเกี่ยวกับนายด้วยหรือไง”คำตอบของผมทำให้ภาคินยิ้มออกมา
“เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้หิวโคตรๆเลย ท้องอิ่มแล้วฉันจะได้มีแรง”ภาคินลุกมาเก็บของ ผมเลยทำตาม เจ้าเด็กม.ปลายมองผมด้วยสายตาสนใจก่อนจะเดินเข้ามาดูผมใกล้ๆ
“เฮ้ย นี่ใช่คนที่เล่นโฆษณาฟีโน่ป่ะ”ภาคินหันมามองเมื่อได้ยินเสียงอันดังของเด็กตรงหน้าผม
“ก็ใช่”ผมส่งยิ้มไปให้เหมือนไม่รู้จะตอบอะไรดี
“งั้นผมขอถ่ายรูปด้วยหน่อย”ว่าแล้วก็ขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆผม แต่ภาคินยืนเป็นเสาไฟฟ้าอยู่ตรงด้านหลังเลยทำให้เจ้าเด็กม.ปลายต้องขอถ่ายใหม่
“รบกวนพี่ช่วยหลบไปหน่อยได้ไหมครับ ภาพมันออกมาไม่สวย”ผมกลั้นขำสุดฤทธิ์ เมื่อเห็นสีหน้าของภาคิน มันก็เลยต้องหลบออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“ผมขอลายเซ็นพี่หน่อยได้ไหม ผมอยากให้พี่เซ็นตรงรถฟีโน่ให้ผม รุ่นเดียวกับที่ออกในโฆษณาเลยนะ”เด็กคนนั้นชี้ไปที่ทางออก ผมหันไปมองภาคินที่พยักหน้าให้ผม ผมเองไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะไหนๆก็จะกลับอยู่แล้ว เมื่อถึงที่หมาย ผมก็ขอยืมหมึกมาจากภาคินเพราะผมไม่เคยพกปากกาติดตัวเลยสักครั้ง
“พี่คนนั้นก็เล่นโฆษณากับพี่ด้วยนะ ไม่อยากได้ลายเซ็นเหรอ”ผมหันไปมองภาคินที่ยืนเป็นตัวประกอบอยู่แถวนั้น สีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยจนผมหลุดยิ้มออกมา
“ผมไม่ชอบพี่เขาอ่ะ เก๊กๆยังไงไม่รู้”
“นิสัยดีมากเลยนะ”ผมแก้ตัวให้
“โหย เพื่อนผมเคยเจอแล้ว ขอถ่ายรูปด้วยก็ไม่ให้ถ่าย มาทำหน้าบึ้งใส่ หยิ่งจะตาย สมแล้วที่ไม่ดัง”เด็กคนนั้นพูดพึมพำจนผมแอบขมวดคิ้ว
“ดารานักร้องก็คนนี่นา ก็ต้องมีช่วงที่เหนื่อยๆบ้างนั่นแหละ ใครจะปั้นหน้ายิ้มได้ตลอดล่ะ”
“เฮ้ย พี่นี่แก้ตัวให้เยอะจัง …อ้อ…ผมจำได้แล้ว พี่เป็นแฟนเขาใช่ป่ะ”ระหว่างที่ผมกำลังงงๆอยู่นั้น เจ้าเด็กนี่ก็ไปขอให้ภาคินมาถ่ายรูปกับผมด้วย มันเองก็มีสีหน้างงๆเหมือนกัน ประหลาดจังวะ
“ขอบคุณมากนะครับ”เด็กนั่นยิ้มให้ผมก่อนจะเดินผิวปากกลับไปในสนามกีฬาต่อ ผมกับภาคินยืนมองหน้ากันมึนๆ
“จะกินอะไรดี”ผมถามทำลายความเงียบขึ้นมา
“อยากกินก๋วยเตี๋ยวไก่ ไม่ได้กินนานแล้ว”
ดังนั้นก็เลยแวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ริมทางกันก่อน ตัวโตๆอย่างภาคินแน่นอนว่าถ้วยเดียวไม่พออยู่แล้ว ต้องเบิ้ลสองตลอด
“คือแบบนี้ เรื่องของเจนน่ะ ฉันเคยคบด้วยจริง แต่ไอ้เรื่องทำแท้งฉันว่าเขาคงคิดไปเองหรือไม่ก็ท้องกับคนอื่นแน่ๆ เพราะฉันกับเจนเนี่ยคบกับแค่พักเดียว แล้วก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้นด้วย ฉันไม่คิดออกไปโต้ตอบหรอกเพราะว่าฉันเบื่อที่ต้องวิ่งตามเกมส์ของพวกนักข่าวแล้ว อยากจะเขียนอะไรก็เขียนไปสิ ฉันไม่แคร์ ตราบใดที่ไม่ทำให้นายและครอบครัวของฉันเดือดร้อน ฉันก็ไม่ยุ่งหรอก”ภาคินทำสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะโซ้ยก๋วยเตี๋ยวต่อไป ผมยิ้มก่อนจะจัดการก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า ภาคินมักจะเป็นแบบนี้
เสมอเลย ไม่กลัวถ้าหากว่าจะถูกมองไม่ดี ตัวตนของผู้ชายคนนี้ยิ่งทำให้ผมรักเขามากขึ้น ตั้งแต่ที่รู้จักภาคิน มันเป็นคนออกตัวปกป้องผมเสมอ เวลาที่ผมเจอข่าวแย่ๆ จนถึงขนาดปล่อยข่าวฉาวของตัวเองมากลบข่าวของผม แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมรักมันได้ยังไง ผมสัญญากับตัวเองและคุณพ่อคุณแม่ของภาคินไว้แล้วว่าจะดูแลและอยู่เคียงข้างภาคินไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
…………………………………………………………………….
ข่าวภาคินกับนักแสดงคนนั้นถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ แต่ภาคินเองก็เหมือนเดิมไม่สนใจและชี้แจงอะไร และมันก็เหวี่ยงใส่นักข่าวทุกครั้งที่ถูกรบกวนเวลาส่วนตัว
“ขอโทษนะเมฆที่เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”เรื่องของเรื่องคือว่าผมกับภาคินมาดูหนังที่เข้าใหม่แต่เมื่อออกจากโรงหนังมาปุ๊บ พวกนักข่าวก็เข้ามาถามถึงข่าวลือนั่นทันที จนภาคินมันไล่กลับไปหมด ผมแอบห่วงภาพลักษณ์ของมันอยู่เหมือนกัน แม้ว่าภาคินจะไม่แคร์ก็ตาม
“ไม่เป็นไรน่า นายนั่นแหละ ไปไล่พวกพี่เขาแบบนั้นเดี๋ยวก็มีเรื่องอีกหรอก”ภาคินหัวเราะก่อนจะเอาหมวกมาใส่ให้ผม ขยับหมวกให้เข้าที่ก่อนจะยื่นหน้ามาคุยกับผมใกล้ๆ
“นายเห็นฉันสนด้วยเหรอ ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันต้องการเวลาส่วนตัว เพราะฉะนั้นฉันไม่ผิด นักข่าวพวกนั้นต่างหากที่ผิด”
“นายนี่นะ…”ผมส่ายหน้ามองภาคินอย่างระอาๆ แต่ก็ยิ้มออกเมื่อมันทำหน้าทะเล้นใส่ผม เดินดูของสักพักภาคินก็ดูเร่งรีบแปลกๆ
“มีคนตามเรามา”ภาคินพึมพำก่อนจะเหลียวมองไปด้านหลัง ผมหันไปมองบ้างแต่ก็ไม่เจอใคร แต่ก็รู้สึกเหมือนมีคนตามจริงๆนั่น
แหละ
“ฉันรู้ว่าใคร”ผมเลิกคิ้วมอง
“เจน”ภาคินแค่ตอบสั้นๆก่อนจะเดินนำไปยังที่จอดรถ
“แล้วเขาตามมาทำไม”ผมยังไม่เก็ท
“เดาว่าเขาคงอยากคุยกับฉันล่ะมั้ง ปกติถ้ามีเรื่องหรือข่าวไม่ดีอะไรทำนองนี้ฉันจะติดต่อไปยังคู่กรณีเพื่อตกลงกันว่าจะเอายังไง แต่คราวนี้ฉันไม่เคลื่อนไหวอะไรก็คงจะร้อนใจล่ะมั้ง ให้เดาฉันว่าคงมีปัญหาเรื่องเงินแน่ ๆ ตอนคบกันก็มีอยู่เรื่องเดียว”ภาคินเล่าให้ฟังจนผมกระจ่าง ทำไมต้องมาเรียกร้องอะไรจากภาคินอีกนะ
“แล้วนายเอาไงต่อล่ะ”
“ก็ไม่ทำไง มันไม่ใช่ปัญหาของฉันแล้ว เราเป็นคนแปลกหน้ากันมาตั้งหลายปี พอเดือดร้อนก็โผล่มาแบบนี้ ฉันไม่ปลื้มหรอกนะ”แต่ภาคินก็ส่งสัญญาณเตือนไปด้วยการโพสต์ข้อความว่าถ้ายังไม่หยุดสร้างข่าวบ้าๆภาคินจะฟ้องกลับ เท่านั้นล่ะ ข่าวเรื่องนี้ก็ค่อยๆซาไปเอง บางทีผมก็คิดนะว่าชีวิตของภาคินจะสงบสุขบ้างไหมเนี่ย
……………………………………………………………
วันนี้ภาคินไม่อยู่ที่คอนโดเพราะออกไปเที่ยวกับครอบครัว อันที่จริงมันก็ชวนผมนั่นแหละ แต่ผมอยากให้ภาคินอยู่กลับครอบครัวมากกว่า เลยปฏิเสธไปซึ่งมันก็เข้าใจดี แต่ที่ผมไม่ไปเพราะมีเรื่องตื่นเต้นมากกว่านี้ต่างหาก คืนพรุ่งนี้คือวันเกิดปีที่ยี่สิบหกของภาคินแล้ว และผมก็เตรียมแผนไว้แล้ว จะจัดงานวันเกิดที่ร้านเฮียจอห์น ผมทำเค้กวันเกิดให้มันเองด้วย ใช้เวลานานมาก ก็คนมันไม่เคยทำนี่นะ ทำออกมาแล้วกินได้ ก็ถือว่าดีแล้ว ผมแต่งหน้าเค้กเอง พยายามวาดหน้าแมวลงไป ถ้ามองว่าเป็นแมวได้ เพราะมันบูดๆเบี้ยวๆ ที่ผมลงแรงขนาดนี้เป็นเพราะนี่ถือเป็นปีแรกที่ผมได้ฉลองวันเกิดให้ภาคิน ผมจึงอยากให้ปีนี้เป็นปีที่พิเศษสำหรับภาคิน….และผม
“ผมกลัวว่ามันจะไม่ชอบอ่ะเฮีย”ผมพูดขึ้นมาระหว่างที่เตรียมของทั้งหมดเสร็จแล้ว เช็คไปหนึ่งรอบเพื่อความแน่นอน
“มันชอบอยู่แล้วถ้าหากว่าเป็นเมฆทำ อะไรที่เราทำให้มันก็ชอบหมดนั่นแหละ”เฮียมองผมพลางหัวเราะ ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆผม
“แต่ถ้าจะให้ดี เมฆก็ต้องผูกโบว์ด้วย รับรองเป็นของขวัญวันเกิดที่มันต้องชอบแน่ๆ”ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“เฮีย…พูดอะไรก็ไม่รู้”ผมหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อกลั้นรอยยิ้ม เฮียจอห์นมองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง
“ภาคินโทรมา”ผมยืดตัวมองอย่างตื่นเต้น ที่คุยกับเฮียไว้คือไม่รับสายมัน
“สงสัยมันคงได้บ้าแน่ๆ”เฮียหัวเราะสายตาจับจ้องที่โทรศัพท์ของผมเมื่อภาคินโทรมาเป็นรอบที่สาม
“เฮียแน่ใจนะ ว่ามันจะไม่รู้ทันอ่ะ”ผมกังวลนิดหน่อย
“ไม่หรอก ภาคินมันไม่ค่อยใส่ใจกับวันเกิดหรอก โตขนาดนั้นแล้ว ถึงจะมีแฟนคลับเอามาให้ มันก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไร แต่ถ้าเป็นเมฆ…พี่ว่ามันต้องดีใจอยู่แล้ว”ผมมองรอบๆร้านที่มีผู้คนเข้ามาเที่ยวตามปกติ เฮียบอกว่าถ้าจะให้เนียนต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มันเคยเป่าเค้กกับคนในครอบครัวไหมครับ”เฮียจอห์นมองหน้าผมเหมือนผมถามคำถามอะไรที่ไม่ควรออกไป
“แล้วเมฆคิดว่ามันเคยไหมล่ะ”ผมได้คำตอบอยู่ในใจแล้ว ถึงได้ชวนคนสำคัญสำหรับภาคินมาด้วย ปีนี้อาจเป็นปีแรกเลยก็ได้ที่มัน
จะได้ฉลองวันเกิดกับคนในครอบครัว
“แต่ภาคินมันก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอก เฮ้ย มันโทรหาพี่ว่ะ”เฮียทำหน้าตกใจ
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ ก็ลองโทรไปที่บ้านน้องมันดิ”เฮียหันมายักคิ้วให้ผมที่นั่งมองอยู่
“อ้าวเหรอ แย่จังเนาะ ดันไปเที่ยวที่อื่นทั้งๆที่คืนนี้พรุ่งนี้ก็วันเกิดมึงแล้ว เหรอ…ตอนนี้น่ะเหรอ…”เฮียเอามือป้องโทรศัพท์บอกว่าภาคินจะมาตอนนี้ ผมจึงต้องย้ายไปนั่งที่พื้นที่ว่างใต้เคาน์เตอร์แทน เฮียเอาลังไวน์มาบังไว้อีกที ผมก็สงสัยนะว่าทำไมเฮียไม่ให้ผมไปรอที่ห้องหลังร้าน
ผมปิดโทรศัพท์เพราะภาคินกระหน่ำโทรมาหาผมเยอะมาก เพราะเหตุนี้ล่ะมั้งมันเลยโทรหาเฮีย ผมเตี๊ยมกับแม่แล้วก็พวกเพื่อนไว้ว่าผมไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ไม่ได้บอกมันเพราะกลัวมันไม่ให้ไปเพราะว่าค้างหลายคืน
“เหงาล่ะสิ มาหากูดิ กูจะก๊งเหล้าฉลองวันเกิดมึงเอง”แล้วเฮียก็วางสายก่อนจะก้มมาพูดกับผม
“เดี๋ยวมันจะมาแล้ว พี่ว่ามันก็สงสัยนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วง เชื่อมือพี่”
“ขอบคุณครับที่ช่วยผม”เฮียโบกมือไปมา
“อยากเห็นมันโดนแกล้งเฉยๆ”
ตอนนี้ผมเห็นแค่ขาของเฮียเท่านั้น เสียงเพลงจังหวะมันส์ๆดังตึงๆอยู่เหนือหัว เมื่อผมเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง โทรศัพท์ก็สั่นระรัวทันทีเพราะข้อความที่เด้งขึ้นมา ผมกดปิดแทบไม่ทัน จากมุมนี้ผมเห็นว่าเฮียขยับขาไปมา ผมนั่งเมื่อยอยู่นาน จนเฮียก้มหน้ามาหา
“ไอ้คินมันไปดูที่หลังร้านเพราะมันสงสัย”ภาคินนี่ช่างสงสัยจริงๆ ดีนะที่ผมหลบอยู่ตรงนี้
“เป็นไง มีไหมล่ะ”ได้ยินเสียงเฮียแว่วมา
ผมเลยตัดสินใจ ทำเนียนส่งไลน์ไปหาภาคิน มันเปิดอ่านแล้วแต่ไม่ตอบมา เดาว่ามันคงโกรธ ผมเลยส่งข้อความไปอีก
เมฆ:โทษทีพอดีว่าฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปอ่ะ
เมฆ:ฉันกลับไปทันวันเกิดนายอยู่แล้วน่า พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวตอนเช้าซื้อเค้กไปให้ อยากได้ของขวัญอะไรไหม?
ภาคิน:อยากได้นายอ่ะ
เมฆ: ก็ได้ไปแล้วนี่ -*-
ภาคิน:หมายถึงตอนนี้
เมฆ:ฉันอยู่เขาใหญ่
ภาคิน:กลับมาสิ
เมฆ:บ้าเหรอ วันเกิดสำคัญกับนายมากเลยหรือ อย่างนายไม่น่าจะสนใจนะ
ผมกลั้นใจส่งข้อความนี้ไป มันเงียบหายไปนานมาก จนผมคิดว่ามันคงไม่ตอบมาแล้ว
ภาคิน: สำคัญสิ หรือนายคิดว่าไม่สำคัญ ฉันโทรหานายเลยดีกว่า ขี้เกียจพิมพ์
แล้วมันก็โทรมาทันที แต่ผมไม่ได้รับ เดี๋ยวความลับแตก อยากเห็นหน้ามันตอนนี้เหมือนกันว่าเป็นยังไง
ภาคิน: นายยั่วโมโหฉันเหรอ รับโทรศัพท์ด้วย
มันโทรมาอีกหลายสายแต่ผมก็ไม่ได้รับ ไม่ได้ตอบไลน์มันด้วย ผมไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จเมื่อเฮียก้มมาหาผมอีกครั้ง
“เมฆ ไปรอที่หลังร้านก่อนก็ได้ มันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำ”
“มันโกรธมากไหมเฮีย”อีกฝ่ายทำหน้ามึนตึงล้อเลียนภาคิน ผมหัวเราะก่อนจะรีบไปที่หลังร้าน พวกไอ้บอร์ทโทรมาบอกว่าภาคินโทรไปป่วนพวกมันเพื่อขอคุยกับผม ส่วนพ่อกับแม่ของภาคินจะมาทีหลัง ผมเล่นเกมส์รอเวลารู้สึกเหมือนผ่านไปช้ามากๆ ใจหนึ่งก็กลัวว่าภาคินมันจะกลับไปก่อน
แต่เมื่อใกล้ๆจะเที่ยงคืนเฮียจอห์นก็ให้ผมออกมาเพราะทั้งร้านปิดไฟหมด ผมคลำๆทางๆออกมาจากหลังร้าน เจอไอ้เจนยืนรออยู่หน้าห้องพร้อมเค้กก้อนโตที่ผมทำไว้
“ไอ้ภาคินเมาแล้ว”มันกระซิบบอกพร้อมรอยยิ้ม ในผับมีแค่แสงมัวๆจากโป๊ะไฟด้านบนเท่านั้น ผมมองเห็นภาคินแล้วมันนั่งซบหน้ากับท่อนแขนเหมือนหลับ แต่ผมว่ามันคงเมามากกว่า เมื่อย่องๆไปยืนอยู่ด้านหลังมัน ผมก็เอื้อมไปสะกิดไหล่มันเบาๆ แต่ภาคินกลับสะบัดออกเหมือนรำคาญ
“ภาคิน”ผมเรียก ได้ผลมันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผม และช่วงจังหวะนั้นแสงไฟก็ส่องพรึบพรับไปที่มัน และห้องก็มืดลงอีกครั้งพร้อมกับมีภาพของผมกับมันฉายไปที่ผนังห้อง
“Happy birthday”ผมกระซิบบอกพร้อมรอยยิ้ม ภาคินดูมึนๆงงๆอยู่แต่ก็หัวเราะออกมาในที่สุด
“ว่าแล้วเชียว ว่านายต้องแกล้งฉัน สนุกนักรึไง”มันเหมือนจะโกรธแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า
“ฉันจะเซอร์ไพรส์นายต่างหาก ตกใจไหมล่ะ”
“ใจเสียมากกว่าคิดว่านายเห็นฉันไม่สำคัญไปซะแล้ว ฉันต้องเป่าเค้กไหม”มันก้มมองเค้กในมือของผม
“อธิษฐานก่อนเป่า”ผมเห็นมันแอบย่นหน้า แต่มันก็ทำตาม ช่วงที่มันหลับตา พ่อกับแม่ภาคินก็เข้ามาพอดี
“Happy birthday to phakin!”ทั้งสองคนพร้อมใจพูดพร้อมกันเมื่อภาคินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันดูงุนงงจริงๆ
“นานแล้วที่เราไม่ได้ฉลองวันเกิดกับลูกชาย”คุณแม่ยกมือทาบอกเหมือนปลาบปลื้มมาก
“ผมโตแล้วน่า…ไม่จำเป็นต้องฉลองหรอก”มันพูดเสียงเบา แต่คนทั้งสองก็เข้าไปกอดมันหลวมๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยินแต่ถ้าเดาจากสีหน้าของภาคินก็คงเป็นเรื่องดี เมื่อทั้งคู่อวยพรเสร็จแล้วก็หอมแก้มมันคนละข้าง ตอนนี้มันเหมือนกับเด็กๆเลย
“ขำอะไร”มันทำดุใส่ผม
“มีความสุขมากๆนะ ภาคิน ฉันไม่อวยพรอะไรมากหรอก เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่อยากให้นายฟังไว้ว่าฉันอยู่ข้างนายเสมอ”ผมยื่นเค้กที่มีเทียนเลขยี่สิบหกปักไว้ไปตรงหน้ามัน
“เป่าเทียนสิ”ภาคินกวาดตามองไปรอบๆ ท่าทางดูเหมือนมันจะอายๆ แต่มันก็ก้มมาเป่าเทียนจนดับ
“ขอบคุณนะ แล้วของขวัญฉันล่ะ”มันยื่นหน้ามาถามพร้อมกับเอานิ้วจิ้มเค้กมาป้ายปากผม
“ก็…เดี๋ยวค่อยให้ทีหลัง”ผมอุบอิบตอบ หวังว่ามันคงไม่ถามนะว่าคืออะไร ภาคินหัวเราะเบาๆ
“อยากกินเค้ก”
“เดี๋ยวให้เฮียเอามีด--”
“เค้กบนปากนายอ่ะ”มันยิ้มกริ่ม จนผมสตั๊นไปหลายวิกว่าจะรับรู้คำพูดของมัน
“บ้าเหรอ”ผมเช็ดออก แต่มันก็โน้มตัวมาใกล้ๆก่อนจะประกบปากลงมาบนเรียวปากของผม ในหูอื้ออึงไปหมดเพราะเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดร้อง มันย้ำจูบจนพอใจก่อนจะผละออกมา
“อร่อยดีเนอะ”
“บ้าดิ”ผมหันหลังหนีมันเพราะไม่อยากให้มันเห็นสีหน้าของผมตอนนี้ มันจูบผมต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ ต่อหน้าพ่อกับแม่ พวกไอ้เจน เฮียจอห์นอีก ผมโดนล้อไปอีกนานแน่ๆ
“หันมาทางนี้ มาถ่ายรูปก่อน”คิดเหรอว่าผมจะหันไป ผมมองเค้กในมือก่อนจะรีบเดินหนีไปที่หลังร้าน ได้ยินเสียงเชียร์อะไรสัก
อย่างดังมา
“เมฆ จะไปไหน”เสียงของมันเหมือนคนกลั้วหัวเราะ คว้าต้นแขนผมได้พอดี ผมเงยหน้ามองภาคินที่ฉีกยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้
“ตามมาทำไมล่ะ”ผมว่าจะมาสงบสติอารมณ์ซะหน่อย
“กินเค้ก”มันกระซิบใกล้ๆใบหูของผม ทั้งสีหน้าและแววตาของอีกคนทำให้ผมรู้ว่ากำลังคิดแบบเดียวกันอยู่แน่ๆ เอ่อ งั้นผมกับภาคินคงต้องขอตัวไป ‘กินเค้ก’ก่อนแล้วกัน...