<<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]  (อ่าน 22401 ครั้ง)

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แวะมาให้กำลังใจ~~~
เรื่องน่าติดตามค่ะ พอเดาเนื้อเรื่องได้แต่ก็ยังน่าอ่านอยู่ดีสู้ๆค่ะ


ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 8 บ้านร้างเก้าศพ 1


     บรรยากาศตอนเช้าที่บ้านคุณตาคุณยายนี่อาการดีเป็นบ้าเลย  ถึงแม้เมื่อคืนจะมีเรื่องมากวนใจทำให้ผมนอนไม่ค่อยจะหลับสักเท่าไหร่ ทั้งเรื่องที่พัตเตอร์พูดกับผม และเรื่องที่นายนะโม เอ่อ... ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากพูดถึงเพราะยิ่งนึกถึงมันยิ่งแค้น การโดนผู้ชายถึงแม้จะเป็นวิญญาณเอาปากมาชนกับปากผม มันถือเป็นการเสียศักดิ์ศรีมากนะสำหรับชายชาตรีอย่างผม แต่การตื่นมาใส่บาตรตอนเช้า ๆ นี่แทบจะเป็นกิจวัตรของผมไปเสียแล้ว ตั้งแต่มีเรื่องประหลาดแบบนั้นเกิดขึ้นกับผม ถ้าวันไหนไม่ได้เพลียจนตื่นไม่ไหวจริง ๆ ก็จะต้องลุกขึ้นมาทำ อย่างน้อยมันก็ทำได้จิตใจผมสบายขึ้น และกุศลที่ผมทำมันอาจจะช่วยส่งให้ให้ใครบางคนได้ผ่อนทุกข์จากหนักให้เบาลงรวมถึงน้องฟาง และเจ้าหมาดำด้วย  ถึงอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมพอจะทำได้



     “นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้นายดูเหนื่อย ๆ นะ” นายนะโมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน วันนี้นายนั่นดูมีสภาพอิดโรยผิดปกติ ตาปรือ ใต้ตาคล้ำราวกับว่าไม่นอนมาหลายวัน สภาพของนายนะโมตอนนี้เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง แล้วถ้าผมไม่ได้รู้สึกไปเอง วันนี้ภาพที่ผมมองเห็นเขามันไม่เหมือนเดิม จากปกติผมจะมองเห็นนายมะโนไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่มันวันนี้ผมกลับมองเห็นนายนั่นเหมือนวัตถุโปร่งแสง ร่างกายของเขาดูเลือนล่างจนผมสามารถมองผ่านทะลุไปเห็นสิ่งของที่อยู่ด้านหลังของเขาได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ ถึงจะยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้

     “ก็เมื่อคืนผมใช้พลังไปเยอะนี่นา ชลไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมได้รับบุญที่ชลส่งมาแล้วเดี๋ยวอีกวันสองวันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว” ใช้พลังเยอะ?  นายนั้นไปใช้พลังอะไรมาเมื่อคืนก็เห็นยังปกติดี

     “ใช้พลัง นายไปใช้พลังอะไรมา” ผมเอียงคอมองนายนะโมอย่างจับผิด นายนั่นยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

     “อ้าว ชลลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกัน ผมยังจำรสสัมผัสที่นุ่มนวลจากริมฝีปากชลได้อยู่เลยนะ ทั้งนุ่ม ทั้งหวาน” นายนะโนว่าไปพลางยิ้มเสมือนกำลังมีความสุขล้นปรี่ ถึงภาพของเขาจะเลือนรางแต่ความหื่นกามบนสีหน้าของเขานั้นผมรับรู้ได้อย่างชัดเจน


     แต่นี่ แค่ปากแตะกันนิดเดียวนายนั่นจดจำความรู้สึกได้ขนาดนั้นเลยเหรอ มะโนเอาเองทั้งเพ  แต่ถึงจะรู้ว่านายนั่นแค่มะโนไปเองแต่คำพูดของเขาก็ทำให้ผมหน้าชาไม่น้อย ผมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะตรงริมฝีปากร่องรอยที่ถูกนายนั่นกระทำไปเมื่อคืน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนมันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ แสดงว่าที่ผมกับเขาสัมผัสตัวกันได้เมื่อคืน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่มันเกิดจากความตั้งใจของนายนั่นล้วน ๆ ยิ่งนึกถึงภาพนั้น จากที่ผมชาแค่หน้า ตอนนี้ความชามันเกาะกินแผ่ซ่านไปตั้งแต่หัวจรดเท้า โอ้ย ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อนายนะโมมาทำอะไรแบบนี้กับผมที่สุดเลย เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ารู้สึกแบบไหน

     “แน่ะ แน่ะ ชลหน้าแดงอีกแล้ว” ผมหันไปมองตาขวางชนิดที่พร้อมกินเลือดกินเนื้อใส่นายตัวก่อเหตุที่ยิ้มร่าอย่างไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทั้งผมนี่พร้อมจะกระโดดเข้าไปบีบคอนายนั่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

     “นี่ชลรู้ไหมว่าผมต้องทุ่มเทขนาดไหนเพื่อแลกกับได้จุ๊บชลแค่เสี้ยววินาที ดูสภาพผมตอนนี้สิแค่ก้าวขาเดินยังเหนื่อยเลย”

     “แล้วใครใช้ให้นายลงทุนขนาดนั้นเล่า นายจะมาอะไรกับฉันนักหนาห๊ะ ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย”

     “โห ชลไม่เคยได้ยินเหรอพรหมลิขิตอ่ะ พรหมลิขิตมันไม่เลือกเพศหรอกนะ ชลก็เห็นใจผมบ้างสิ ผมชอบชลจริง ๆ นะ” พอเลยพอ อย่าพูดมาอะไรชวนเลี่ยนและมองด้วยแววตาหวานซึ้งแบบนั้นนะ

     “ไม่คุยด้วยแล้วโว้ย!” ผมสะบัดหน้าหนีพลางสาวเท้าเดินออกห่างนายนั่นโดยเร็ว ใครจะอยู่ทนยืนอยู่ให้โดนแทะโลมทางสายตาและวาจาอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ กันเล่า
อยู่ดี ๆ ก็มาบอกชอบผู้ชายด้วยกันได้อย่างหน้าตาเฉย นายนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ

☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     “เอ่อ พี่ชลเย็นนี้ผมขอไปกินเหล้ากับเพื่อนได้ไหม ไม่ได้เจอกันนานอ่ะ ไปไม่นานหรอกจะรีบกลับ แต่ถ้าพี่ชลไม่อนุญาตก็ไม่เป็นไรนะ ผมไม่ไปก็ได้” พัตเตอร์เข้ามาพูดกับผมท่าทางเจ้าเด็กนั่นดูเกรงใจผมไม่น้อย อ้าวจะไปก็ไปสิวะ ทำไมต้องมาขออนุญาตอย่างกับว่าผมเป็นเมียมันอย่างนั้นแหละ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อครู่นี้เจ้าเด็กนั่นบอกว่าจะไปกินอะไรนะ คำนั้นมันสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง

     “แกไปเถอะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เอ่อ... พี่ไปได้ด้วยไหมอ่ะ” ผมหัวเราะแหะ ๆ กลบเกลื่อน แต่แหม สุรากับนารีมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับชายโสดอย่างผมนี่นา ถึงบ้านคุณตาคุณยายจะวิวสวย อากาศดี แต่มันก็ไม่มีอะไรสนุก ๆ ให้ทำเลยนี่นา ถ้าได้ดื่มอะไรที่มันคล่องคอสักหน่อยคงจะบันเทิงไม่น้อย


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ไอ้พัตเตอร์ ไม่ได้เจอกันนานมึงหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะเว้ย”

     “เออ ใครจะขี้เหร่เสมอต้นเสมอปลายเหมือนมึงล่ะ”

     เด็กหนุ่มคนนั้น กล่าวทักทายและหยอกล้อกับเจ้าเด็กพัตเตอร์อย่างดูสนิทสนม เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อไกด์ พัตเตอร์เล่าให้ผมฟังว่าสมัยก่อนบ้านของไกด์อยู่ใกล้กับบ้านของคุณตาคุณยาย ตอนเด็ก ๆ ช่วงปิดเทอมคุณแม่ของพัตเตอร์จะให้พัตเตอร์รวมถึงยัยเจ็ดสีด้วยมาอยู่กับคุณตาคุณยาย พัตเตอร์ก็เลยได้สนิทกับไกด์ แต่ตอนนี้ไกด์ย้ายบ้านมาอยู่อีกอำเภอหนึ่งแต่ก็ไม่ไกลกันมาก เด็กสองคนนั้นยังติดต่อกันตลอดถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอกัน ตอนนี้ผมกับพัตเตอร์ก็มาหาเจ้าเด็กไกด์ถึงบ้าน

     “เออ นี่พี่ชล รุ่นพี่กู” พัตเตอร์แนะนำผมให้เพื่อนสนิทรู้จัก เจ้าเด็กไกด์รีบยกมือไหว้ผมถึงท่าทางเด็กนั่นจะดูห่าม ๆ แต่เขาก็ดูนอบน้อมดี ผมยิ้มรับไหว้

     “หวัดดีครับพี่ชล ตัวจริงน่ารักแบบนี้นี่เองเพื่อนผมมันถึงได้..” เจ้าเด็กไกด์ว่าไปพลางอมยิ้มมองผมแปลก ๆ แต่ยังพูดไม่ทันจะจบเสียงกระแอมและสายตามองแรงออกแนวข่มขู่ของเจ้าพัตเตอร์ ทำให้เจ้านั่นชะงักไปเสียก่อน อะไรกันนะไอ้เด็กพวกนี้นี่

     “เออ มึงพาพี่ชลเข้าได้เลยคืนนี้พ่อแม่กูไม่อยู่  ไม่เมาไม่เลิกเว้ย” เจ้าเด็กไกด์เดินนำผมกับพัตเตอร์เข้าบ้าน ผมดึงแขนรั้งพัตเตอร์ที่กำลังทำท่าจะเดินตามเจ้าเด็กไกด์เข้าบ้านไป ก่อนจะเสมองไปทางนายนะโมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ในสภาพอ่อนปวกเปียกขนาดยืนอยู่ยังจะสัปหงก สภาพนี้ยังจะดันทุรังตามมาอีกนะ


     “เฮ้ย ไกด์มึงให้พวกกูเข้าไปทุกคนใช่ไหมวะ” พัตเตอร์ประโกนถามเพื่อนสนิทที่เดินนำเข้าบ้านไปแล้ว ถึงเจ้าพวกนั่นจะดูเซ็ง ๆ ที่เห็นไม้เบื่อไม้เมาอย่างนายนะโมตามมาด้วย แต่เมื่อผมขอเขาก็ยอมตามใจผมแต่โดยดี ช่างเป็นน้องชายที่น่ารักจริง ๆ ผมยิ้มให้พัตเตอร์แทนคำขอบคุณ เจ้าเด็กนั่นเห็นผมยิ้มเขาทำปฏิกิริยาเหมือนทำตัวไม่ถูกทำเหมือนคนกำลังเขินจนเกือบจะบิดไปบิดมาอย่างไรอย่างนั้น จะมาเขินอะไรกันเล่า


     “เออ เข้ามาให้หมดนั่นแหละ”



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมหันมองนาฬิกาที่ผนังห้องเจ้าเด็กไกด์ นี่ห้าทุ่มกว่าแล้วหรือเนี่ย กะจะมาแค่เดี๋ยวเดียวแต่ดันติดลมอยู่จนถึงป่านนี้ ส่วนเจ้าพัตเตอร์เมาหลับไปสักพักแล้ว เจ้าเด็กนี่คออ่อนกว่าที่ผมคิดเสียอีก นอกจากพวกเราสามคนแล้ว ยังมีพงษ์และหนึ่งเพื่อนในระแหวกบ้านของเจ้าเด็กไกด์มาร่วมวงด้วย เจ้าเด็กพวกนั้นก็คุยสนุกเสียด้วยเล่นเอาผมติดลมนั่งยาว นี่ผมเองก็เพิ่งได้ดื่มจริง ๆ จัง ๆ ไม่กี่แก้วก็หลังที่เจ้าพัตเตอร์หลับคาวงไปแล้วนี่แหละ ก่อนหน้านี่ผมแทบจะได้ดื่มแต่น้ำอัดลมหรือไม่เจ้าเด็กนั่นก็ผสมมาให้ผมเสียเจือจางจนแทบไม่เหลือกลิ่นไปของแอลกอฮอล์ แต่ตัวเองดันซดเอาเพียว ๆ เสียอย่างกับน้ำเปล่า จนหมดสภาพอยู่อย่างตอนนี้


     “เฮ้ยพวกมึงคืนนี้หาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีไหมวะ” เจ้าหนึ่งพูดแทรกขึ้นมากลางวงด้วยน้ำเสียงอื้ออึงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็ดึงความสนจากผมและเจ้าไกด์ เจ้าพงษ์ไปได้ไม่น้อย

     “ไปล่าท้าผีกันดีไหมวะ” เรื่องเกี่ยวกับผี? เอ่อ งั้นผมขอไม่ยุ่งดีกว่า ในขณะที่เจ้าเด็กอีกสองคนกำลังดูมีทีท่าสนอกสนใจไม่น้อยกับคำชักชวนของเจ้าหนึ่ง แต่ผมขอมุ่งมั่นกับการชงแล้วดื่มต่อไปก็แล้วกัน จะให้ผมไปล่าทำไมทุกวันนี้ก็มีมาให้ผมพบเจอโดยไม่ได้รับเชิญอยู่แทบจะทุกรูปแบบเกือบทุกวันอยู่แล้ว

     “แถวบ้านเพื่อนกูมีบ้านร้างที่เขาว่าโคตรเฮี้ยน พวกเราลองไปกันดีไหมวะ” เจ้าเด็กพวกนั้นพูดคุยถึงเรื่องบ้านหลังนั้นกันอยู่สักพัก ก่อนจะตกลงกันว่าจะไปแน่ ๆ  ใครจะไปก็ไปนะแต่ผมไม่เอาด้วยแน่ ๆ

     “พี่ชลไปด้วยกันนะ” เจ้าพงษ์หันมาชวนผม ในขณะที่เจ้าเด็กพวกนั้นเตรียมตัวจะออกไปกันแล้ว

     “เอ่อ พี่ว่าพี่อยู่ดูแลพัตเตอร์ดีกว่านะ พวกนายไปกันเถอะ” ผมพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงหาข้ออ้างที่จะไม่ไปกับเจ้าเด็กพวกนั้น ไปก็บ้าแล้วไหมล่ะ ไปบุกถึงถิ่นเขาแบบนั้นเจ้าเด็กพวกนั้นอาจจะโชคดีไม่เห็นหรือไม่รู้สึกได้ถึงสิ่งใด แต่ผมนี่โดนเต็ม ๆ แน่นอน

     “ก็ปล่อยมันหลับไปนั่นแหละ พี่จะไปดูแลมันทำไม ไปทำอะไรน่าตื่นเต้นกับพวกผมดีกว่า”


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ไม่ได้เต็มใจจะมาด้วยเลย แต่เจ้าหนึ่งและเจ้าไกด์ล็อกแขนผมคนละข้างแล้วลากผมมาด้วยจนได้ รถกระบะของเจ้าหนึ่งถูกขับมาจอดลงที่หน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ ที่ตั้งอยู่หลังเดียวโดด ๆ กลางป่าที่รกร้าง ตัวบ้านหลังใหญ่ดูทรุมโทรมและวิเวกวังเวงมากขนาดมองจากด้านนอกยังชวนขวัญผวา ประวัติของบ้านหลังนี้ตามที่เจ้าหนึ่งเล่าเมื่อเกือบยี่สิบที่แล้ว บ้านหลังจากถูกโจรขึ้นบ้านและฆาตกรรมคนในบ้านยกครัวอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะกวาดทรัพย์สินไป ครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ลูกทั้งสามชีวิตต้องถูกสังเวยให้กับความระยำของพวกสัตว์นรกในร่างมนุษย์


     บ้านหลังนี้หลังเป็นที่โจษจันในเรื่องของอาถรรพ์ของวิญญาณอดีตเจ้าของบ้าน ไม่ว่าใครที่เขามาอาศัยอยู่ชีวิตจะต้องพบกับความตกต่ำและหายนะอยู่ร่ำไป ที่หนักที่สุดคงจะเป็นคู่สามีภรรยาที่เพิ่งซื้อต่อบ้านหลังนี้มาในราคาที่ถูกแสนถูก แต่อยู่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องน่าสลดใจขึ้น เมื่อผู้เป็นสามีได้ฆาตกรรมภรรยาสุดที่รักอย่างทารุณด้วยการใช้มีดจ้วงแทงเธอไปนับสิบแผลโดยที่ก็ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด ก่อนจะที่เขาจะปลิดชีพตนเองตามภรรยาไป และนั่นคือสองคนที่สุดท้ายที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ก่อนที่จะถูกปล่อยทิ้งร้างมาจนถึงปัจจุบัน


     เรื่องราวความน่ากลัวของบ้านหลังนี้มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อบ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างไปเพียงปีเศษ ๆ หญิงสาวผู้ผิดหวังในความรักรายหนึ่ง เธอเลือกใช้ต้นหูกวางต้นใหญ่ที่ขึ้นอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นที่จบชีวิตตัวองไปพร้อมกับความรักที่พังทลายด้วยการแขวนคอ และถัดจากนั้นมาหลายปีก็มีหญิงสาวผู้น่าสงสารถูกพวกเดนนรกฉุดมาขืนใจแล้วฆ่าปาดคอเธอปิดปากที่บ้านร้างหลังนี้ และสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่กลุ่มวัยรุ่นเข้ามาใช้ที่นี่เป็นที่มั่วสุมเสพยากันอย่างไม่เกรงกลัวกิตติศัพท์เรื่องความเฮี้ยนที่ชาวบ้านต่างเลื่องลือและเกิดเหตุผิดใจกันในกลุ่มและมีการฆ่ากันตายไปอีกสองศพ รวม ๆ แล้วมีผู้ที่ต้องมาจบชีวิตที่บ้านหลังนี้ถึงเก้าศพ จนเป็นเหตุให้บ้านหลังนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความน่ากลัวของเหล่าดวงวิญญาณจนไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะเข้าใกล้หรือผ่านมาแถวนี้ในยามวิกาล



     แม้จะยืนยันว่าไม่อยากเข้าไปแต่เด็กพวกนั้นก็ลากผมลงจากรถจนได้ สภาพบ้านแค่มองจากภายนอกก็ชวนขนหัวลุกแล้ว แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เพียงเท่านั้นน่ะสิ สำหรับคนอื่นมองจากตรงนี้คงจะเห็นแค่เพียงบ้านหลังใหญ่ที่ดูน่าสะพรึงกลัว แต่สิ่งที่ผมเห็นมันมีมากกว่านั้น เพราะที่ต้นหูกวางต้นใหญ่ที่หน้าบ้านปรากฏร่างของหญิงสาวผมยาวประบ่าเธอใส่ชุดสีดำทั้งตัว  เนื้อตัวของเธอซีดเผือดไปทั้งร่าง โดยเฉพาะที่ใบหน้าที่ขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดเป็นเส้น ๆ ทั่วทั้งใบหน้าได้อย่างชัดเจน คอของเธอถูกมัดแขวนกับกิ่งไม้ใหญ่ เธอกำลังโล้คอตัวอย่างไปแกว่งไปมาตามสายลม ราวกับกำลังโล้ชิงช้าอย่างไรอย่างนั้น เสียงร่างกายของเธอลู่กับลม และเสียงเชือกเส้นใหญ่เสียดสีกับต้นไม้ มันช่างหลอนโสตประสาทของคนที่ได้ยินเสียเหลือเกิน แววตาของเธอจ้องมองมาที่พวกเรา ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยราวกับไร้ความรู้สึก เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้ผมสยองจนอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว 

     “ชลอย่าเข้าไปเด็ดขาด วิญญาณข้างในนั้นเป็นวิญญาณที่มีแรงอาฆาตสูง พวกเขามีพลังมากพอที่จะทำร้ายคนที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของเขา” ภาพของนายนะโมที่ยังเรือนรางปรากฏขึ้นตรงหน้าผม นายนั่นตะโกนร้องห้ามอย่างร้อนอกร้อนใจและดูกำลังซีเรียดมาก ๆ

     “พี่ว่าอย่าเข้าไปเลยนะ มันอันตราย” ผมพยายามห้ามเด็กพวกนั้นตามคำเตือนของนายนะโม แต่ดูท่าแล้วพวกเขาไม่ได้ใส่ใจฟังคำเตือนของผมเลยแม้แต่น้อย

     “โถ่ พี่ชลอุตส่าห์มาถึงแล้วจะไม่เข้าไปได้ไง  รีบ ๆ เข้าไปสำรวจจะได้รีบกลับ” เด็กหัวรั้นพวกนั้นยังดึงดันที่เข้าไปข้างในให้ได้ และยังพยายามจะลากผมเข้าไปด้วยให้ได้

     “ปัดโธ่เว้ย กูบอกไม่เข้าก็ไม่เข้าสิวะ” เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด ผมตะโกนใส่เด็กพวกนั้นอย่างหัวเสียและผลักพวกเขาออกจากตัวผม เด็กพวกนั้นดูตกใจและอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง

     “พี่ชลนี่ตุ๊ดสมกับที่ไอ้พัตเตอร์มันอยากจับทำเมียจริง ๆ เออ ไม่กล้าเข้าก็ไปต้องเข้า พวกเราไปกันสามคนก็ได้” เจ้าเด็กไกด์ว่าให้ผม ก่อนจะหันไปหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจกับเจ้าพงษ์และเจ้าหนึ่ง เออ อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เวลานี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาต้อล้อต้อเถียงอะไรทั้งนั้นแหละ


     เด็กพวกนั้นกำลังเดินมุ่งตรงเข้าไปสู่บ้านหลังใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ผมได้แต่เพียงยืนมองอยู่ด้านนอก เออ ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง ก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของพวกแกก็แล้วกัน


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     นี่เด็กพวกนั้นหายเข้าไปข้างในตั้งนานแล้ว จนป่านนี้ทำไมยังไม่ออกสักที ผมยืนรออยู่ด้านนอกอย่างร้อนอกร้อนใจยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ผู้หญิงชุดดำคนนั้นแววตาของเธอยังคงจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา ยังโชคดีที่ผมยังมีนายนะโมอยู่เป็นเพื่อนแชร์ความหลอนผมกำลังเผชิญ ถึงแม้ผมจะพยายามไม่มองเธอ แต่เสียงตัวเธอที่กำลังแกว่งไปมาลู่กับลม และเสียงเสียงครูดกับกิ่งไม้ดังครืด ๆ มันชวนให้ขนลุกขนพองมากพอแล้ว


“ว้าก!!!!”



     เฮ้ย! ผมสะดุ้งและรีบหันมองไปที่ตัวบ้านตามเสียงร้องโวกเวกราวกับกำลังตกใจกลัวอะไรบางอย่างอย่างสุดขีด ก่อนที่จะเจ้าเด็กพวกนั้นวิ่งหน้าตาตื่นกระเจิงออกมาจากด้านใน แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมถึงออกมากันแค่สองคนล่ะ มีแค่พงษ์กับหนึ่งที่วิ่งออกมา แล้วเจ้าไกด์ล่ะ


     “แล้วไกด์ล่ะ ทำไมไม่ออกมาด้วยกัน”

     “ไม่รู้โว้ย อยู่ไม่ได้แล้วโว้ย” เจ้าเด็กสองคนนั้นตอบผมในสภาพที่ยังสติแตกก่อนที่จะกระโจนขึ้นรถไปอย่างไวและสตาร์ทเครื่องเตรียมจะออกตัว


     “พี่ชลถ้าจะไปก็รีบขึ้นมา” เจ้าหนึ่งที่ประจำอยู่ตรงที่นั่งคนคนขับตะโกนเรียกผม

     “แล้วไกด์ล่ะ จะทิ้งไว้แบบนี้เหรอ”

     “ช่างหัวไอ้ไกด์มันเถอะ ป่านนี้มันตายห่าไปแล้วมั๊ง เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” ผมอึ้งไปไม่น้อยกับสิ่งที่เจ้าเด็กหนึ่งพูดออกมาโดยไร้ซึ่งความห่วงใยเพื่อนที่ยังติดอยู่ด้านในโดยไม่รู้ชะตากรรม

     “ไม่ได้อ่ะ ยังไงก็ปล่อยไกด์ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้”

     “เออ ถ้าเป็นห่วงมันก็เข้าไปช่วยมันเองแล้วกัน พวกกูไปล่ะ” ว่าจบเจ้าหนึ่งก็เหยียบคันเร่งนำพารถออกตัวพุ่งไปอย่างแรง ผมได้แต่เพียงผมตามท้ายรถกระบะที่เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงอย่างตกใจไม่คิดว่าเจ้าเด็กพวกนั้นจะกล้าทิ้งเพื่อนไว้จริง ๆ ผมมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างหวั่นใจ ทำเอาผมถึงกับต้องกลืนก้อนสะอึกเพราะความน่าสะพรึงของสภาพภายนอก ไม่อยากจะนึกภาพเลยด้านในมันจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ยังไงผมก็ปล่อยเจ้าเด็กไกด์ทิ้งในนั้นไม่ได้


     “ชล ผมก็ขอย้ำนะว่าอย่าเข้าไปในนั้นเด็ดขาด”  นายนะโมพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมาก

     “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉัน แต่ฉันทิ้งเด็กนั่นไว้ไม่ได้จริง ๆ ” ผมตัดสินใจที่จะเมินต่อคำเตือนของนายนะโมแล้วกั้นใจก้าวเท้าเดินเข้าไปในอาณาเขตของบ้านหลังนั้น


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     เพียงแค่ก้าวผ่านรั้วยังไม่ทันจะได้เข้าไปในตัวบ้านเลยด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกราวกับว่าได้ข้ามมาอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ใช่ที่ของมนุษย์ มันคือสถานที่ที่ไม่ควรมีมนุษย์หน้าไหนย่างกายเข้ามาทั้งนั้น เพราะที่นี่คือของโลกของพวกเขา ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานของพวกเขาที่ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ทุกย่างก้าวเป็นไปด้วยระทึกใจเพราะผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

     “ชลนี่ดื้อจริง ๆ เลย ผมบอกแล้วไงว่ามันอันตราย ทำไมไม่ฟังกันบ้าง” ร่างอันเลือนรางของนายนะโมปรากฏตัวมาเดินอยู่เคียงข้างผม นายนั่นดูจะไม่พอใจเอามาก ๆ กับการที่ผมตัดสินใจเข้ามาในนี้ แต่อย่างน้อยการที่มีนายนั่นอยู่ข้าง ๆ มันก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาก เพราะผมรู้ว่ายังไงเขาก็จะไม่ทิ้งผมไปไหน

     “เพราะฉันรู้ไง ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรนายจะไม่ทิ้งฉัน ถ้ามีนายอยู่ฉันก็ไม่กลัวอะไรหรอก” คำกล่าวจากใจจริงผม ทำให้สีหน้าเคร่งเครียดของนายนะโมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มละมุนอ่อน ๆ ขึ้นมาแทนที่ได้




     “ผมจะปกป้องชลด้วยทั้งชีวิตและวิญญาณของผม..”





TBC


________________________________________________-


กลับมาแล้วว ขอโทษที่หายไปนานนะทุกคน  :mew2: :mew2: :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 19:53:31 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ชลนี่หละ เป็นคนดีเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ mamazung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งได้มาอ่าน อ่านรวดเดียวเลย

สนุกมากเลยค่ะ ลุ้นระทึก เป็นคนกลัวผีมาก แต่ก็ชอบอ่านเรื่องผี

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 o13 ชื่นชอบสำนวนและพล็อตของคุณนักเขียนมากๆครับ  o13

 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ฮือออ ลุ้น

ชลเอ้ยยยยย การเป็นคนดีแต่ละครั้งมักพาความซวยเข้าหาตัวตลอด แต่ยังไม่เข็ดเนอะ ทำไมเป็นคนดีแบบนี้เนี่ย...ลูกกกกก

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เด็กพวกนี้นี่นะ อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่เชื่อก็ไม่ควรไปลบหลู่เขาสิ สมควรเจอดี
แล้วยังจะไปบังคับคนที่เขาไม่อยากมาให้เข้าไปด้วยอีก แย่จริง ๆ
ไอ้เด็กไกด์นี่ปากไม่ดี อยากให้พัตเตอร์ได้ยินแล้วซัดให้สักที ฮึ่ย โมโห  :m16:
มาด่าชลได้ไง มันน่าปล่อยทิ้งไว้นักเชียว เพื่อนที่ไปด้วยยังทิ้งกันเองเลย
มีแต่ชลเนี่ยแหละ ใจดีเกินไป พัตเตอร์นะ จบงานนี้ เลิกคบเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย
ชลยังดีที่มีนะโมอยู่ด้วย แต่นะโมจะรับมือไหวเหรอเนี่ย ที่แรงขนาดนี้
น่ากลัวมากกก อยากอ่านต่อแล้ว มันค้าง ๆ ฮือออ
รอนะคะ ชอบมากเลย  ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ Satin22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ต้องลุ้นๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
รออยู่น้า มันค้างค่ะมันค้าง  :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 9 บ้านร้างเก้าศพ 2



     ประตูไม้ที่ดูเก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลาผมเปิดมันออกพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ดังก้อวไปทั่วพื้นที่สี่เหลี่ยมด้านใน เพียงก้าวเท้าเข้ามาด้านในได้ไม่กี่ก้าวผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเจ้าประตูไม้บานนั้นถูกปิดอย่างแรงจนเสียงดังปัง ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่านั่นเป็นเพียงลมพัดธรรมดาหรือเป็นคำกล่าวตอนรับจากเจ้าของสถานที่กันแน่ อากาศด้านในเย็นยะเยือกจนจับขั้วหัวใจ ผมใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเป็นแสงไฟส่องนำทางในความมืด ด้านในบ้านเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมกว้างขวางและโล่ง ไร้ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ประดับ ญาติของอดีตเจ้าของบ้านคงมาขนย้ายไปหมดแล้ว หน้าต่างแทบทุกบานชำรุดและผุพังไปเกือบหมดแล้ว ทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยกองทัพฝุ่นและหยากไย่ จนผมต้องเอามือปิดจมูกเพราะไม่อาจทานทนต่อกลิ่นฝุ่นและกลิ่นอับที่เขลอะคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณได้


     “ไกด์ นายอยู่ในนี้หรือเปล่า” เสียงของผมดังก้องไปในพื้นที่สี่เหลี่ยมโล่ง ๆ แต่ไร้ซึ่งการขานรับจากบุคคลที่ผมกำลังเรียกหา


     ตุบ ตุบ ตุบ

     ผมหันขวับมองไปตามเสียงที่คล้ายกับเสียงฝีเท้าคนที่กำลังย่ำเท้ารัว ๆ ราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางสิ่ง ก่อนจะปรากฏร่างหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่ง วิ่งออกมาจากความมืด เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่นไปทั้งตัว ผมเผ้าดูกระเซอะเซิง  สีหน้าและท่าทางของเธอเหมือนคนกำลังตื่นตระหนกและวาดกลัวขั้นสูงสุด


     “พี่ช่วยหนูด้วย พวกมันข่มขืนหนู” เธอวิ่งตรงเข้ามาเกาะแขนผมราวกับกำลังหาที่พึ่ง เธอร้องไห้ฟูมฟายอย่างสิ้นสติสมประดี พลางมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังหวาดกลัวเป็นที่สุด

     “ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ มันเกิดอะไรขึ้น ค่อย ๆ เล่าให้ผมฟัง” ถึงเธอจะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่น่ากลัว แต่เธอก็ดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง ผมเองไม่กล้าฟันธงว่าเธอผู้นี้ยังอยู่ในภพเดียวกับผมหรือไม่ อย่างน้อยก็ลองถามความจากเธอก่อน ถ้าหากเธอเป็นคนจริง ๆ เธอคงกำลังต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก

     “หนูกำลังกลับบ้าน แล้วพวกมันก็ฉุดหนูมา พวกมันข่มขืนหนู แล้วพวกมันก็....” เมื่อกล่าวประโยคสุดท้ายเธอเว้นช่วงไปพร้อมอาการร้องไห้ฟูมฟายที่หายไป เหลือเพียงสีหน้าที่เศร้าหมอง และท่าทางที่นิ่งเฉย
 

     “เอามีดปาดคอหนู....” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของเธอ ทำเอาสติผมแทบแตกกระเจิง ที่คอของเธอค่อย ๆ ปรากฏรอยแผลคล้ายถูกของมีคมกรีดเป็นทางยาว ก่อนที่เลือดที่แดงสดจะค่อย ๆ ไหลเจิ่งนองออกมาจนย้อมเอาเสื้อสีขาวกลายเป็นสีแดงสดในเวลาชั่วอึดใจ

     ดวงตาทั้งสองข้างของเธอค่อย ๆ โปนใหญ่ขึ้น ผิวกายอันเรียบเนียนของเธอเปลี่ยนเป็นสีออกเขียวดูช้ำเลือดช้ำหนอง จากร่างกายที่ผอมเพรียวกลับบวมอืดขึ้นมาทันตา ทั้งหู ตา จมูก และ ปาก เต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนองที่ไหลเยิ้มออกมาอย่างน่าสยดสยอง กลิ่นเหม็นเน่าขั้นรุนแรงลอยมาเตะจมูกผมจนแทบอาเจียน มือที่เหนอะหนะของเธอยังคงจับแขนผมเอาไว้ ตัวผมสั่นไปหมด ภาพตรงหน้าทำเอาผมหัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่ก็ต้องพยายามข่มอารมณ์เอาไว้

     “กว่าจะมีคนมาเจอศพหนู สภาพก็เป็นแบบนี้แล้วอ่ะพี่”

     “ปล่อยชลเดี๋ยวนี้นะ” นายนะโมเดินตรงเข้าหาผู้หญิงคนท่าทางพร้อมเอาเรื่อง จนผมต้องรีบร้องห้ามไว้

     “คุณอาจจะเคยทำแบบนี้กับคนที่เข้ามาลองของที่นี่แล้วทำให้คนพวกนั้นกลัวคุณได้ แต่มันไม่ได้ผลกับผม เพราะผมไม่กลัวคุณหรอก” ผู้หญิงคนนั้นเธอชะงักไปเมื่อสิ้นคำพูดของผม

     “คุณไปเถอะอย่าเบียดเบียนกันเลย ผมไม่ได้มาลบหลู่คุณ ผมแค่ตามหาน้องชาย ผมรู้ว่าคุณทรมาน แล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลให้คุณนะ อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากที่นี่ได้เร็วขึ้น”

     “หนูยังหลุดพ้นไม่ได้หรอกพี่ ตราบใดที่ไอ้พวกคนเลวที่มันทำกับหนูยังไม่ได้รับกรรมอย่างสาสม วิญญาณของหนูก็ยังจะต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้เพื่อรอวันแก้แค้น พี่จะอุทิศส่วนกุศลให้หนูจริง ๆ นะ ตั้งแต่แม่หนูตายก็ไม่มีใครทำบุญให้หนูเลย ” ผมพยักหน้ารับคำเธอ น้ำตาเธอไหลพรากอาบเต็มสองแก้ม รูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองของเธอกลับกลายเปลี่ยนเป็นสาวสวยอย่างที่ผมได้พบเธอในคราวแรก ผมมองเธออย่างเวทนาในชะตากรรมที่เธอต้องพบเจอ เธอไม่ควรต้องมาพบจุดจบที่น่าสลดใจด้วยน้ำมือพวกเดนนรกเช่นนี้

     บ่วงแค้นคือที่สิ่งที่พันธนาการวิญญาณเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังไม่สามารถไปสู่สุขคติในสัมปรายภพได้ ผมไม่กล้าที่จะขอให้เธอปล่อยวางหรือให้อภัยได้ เพราะผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอต้องพบเจอมันหนักหนาจนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถให้อภัยผู้ที่กระทำได้ ผมได้แต่ภาวนาไม่ว่าบุญกุศลที่ผมเคยทำมาผมขออุทิศให้แด่เธอ และได้เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งดวงวิญญาณของเธอจะได้พบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง 

     “น้องชายพี่อยู่ข้างบน พี่รีบขึ้นไปช่วยเขาเถอะ ก่อนที่จะไม่ทันกาล” นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอบอกกล่าวกับผมก่อนที่ร่างของเธอจะจางหายไปกับความมืด

     ผมยกมือขึ้นทาบอกสัมผัสกับหัวใจที่เต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใจอย่างโล่งใจ ที่พูดว่าไม่กลัวเมื่อครู่ แท้จริงแล้วผมแค่แสร้งทำเป็นไม่กลัวต่างหาก ถึงจะพบเจอเรื่องแบบนี้มากี่ครั้งแต่การทำใจให้ชินกับยังคงเป็นเรื่องยาก แต่อย่างน้อยผมกับควบคุมสติตัวเองได้ดีขึ้น ผมหันมองไปทางนายนะโม เขากำลังอมยิ้มมองผมอย่างภูมิใจ ก่อนที่เราจะเดินหน้าตรงไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นไปตามหาเจ้าเด็กไกด์ที่ชั้นบนตามคำบอกกล่าวของผู้หญิงคนนั้น


     ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขึ้นบันไดผมก็ต้องชะงัก เพราะเสียงแปลก ๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องใต้บันได คล้ายกับเสียงผู้ชายสองคนกำลังพูดคุยกัน เสียงนั้นอื้ออึงจนผมไม่สามารถจับใจความได้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร แต่ว่าหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเจ้าไกด์ก็ได้ ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป้าหมาย และเดินตรงไปยังห้องเล็ก ๆ ใต้บันไดนั้น


     “ชล” ดูเหมือนนายนะโมกำลังจะทักท้วงผม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะผมเปิดประตูห้องใต้บันไดออกมาแล้ว
ผมสาดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องแคบ ๆ นั้น และผมก็ได้พบกับชายฉกรรจ์สองคน พวกเขาดูง่วนกับการก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง และพวกเขาดูกำลังมีความสุขมาก แต่ที่แน่ ๆ สองคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมกำลังตามหา


     “เสพด้วยกันไหม” ผมถึงกับผงะ เพราะที่ผมเห็นพวกเขาแค่ครึ่งในคราวแรกพวกเขาก็ดูเหมือนคนปกติ แต่เมื่อพวกเขาหันมาทางผมทำให้ผมได้เห็นพวกเขาแบบเต็มหน้าเต็มตา หน้าอีกซีกหนึ่งของพวกเขาเละราวกับถูกฟาดด้วยของแข็งจนแหลกละเอียด และหนึ่งในยื่นแขนเหยียดยาวราวกับฉากเก็บมะนาวยอดฮิตในภาพยนตร์ไทยตรงมาทางผม ในมือของเขาถืออุปกรณ์เสพยาตามแบบที่ผมเคยเห็นจากภาพข่าว ก่อนที่พวกเขาจะพากันหัวเราะออกมากันอย่างสาแก่ใจ

     “รีบไปเถอะชลพวกนี้มันวิญญาณบาปชลคุยกับมันไม่รู้เรื่องหรอก” ผมรีบวิ่งออกจากตรงจุดนั้นทันที ตามคำชี้นำของนายนะโม

     เหงื่อผมแตกซ่านไปทั้งตัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องควบคุมสติอารมณ์ กับการที่ต้องเจอเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองแบบนั้นติดต่อกันภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได ห้องใต้บันไดนั้นก็ยังมีเสียงตึงตังโครามครามตลอดเวลา



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     “ฉันรักเธอมาก แต่ก็ยังกล้ามีชู้ อย่าอยู่เลยนังผู้หญิงแพศยา” เมื่อก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายมาหัวใจผมก็ต้องตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง ตรงห้องริมสุดที่ประตูถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ด้านในเกิดภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ ชายวัยกลางคนกำลังบีบคอผู้หญิงอีกคน เขาจับเธอกดลงบนเตียงนอน ก่อนที่เขาจะคว้ามีดปลายแหลมมาจ้วงแทงไปตามเนื้อตัวเธอซ้ำ ๆ อย่างนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงคนนั้นเธอกรีดร้องและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เจอจะสิ้นใจไปอย่างช้า ๆ แม้ร่างของเธอจะแน่นิ่งไปครู่ใหญ่แล้ว แต่ชายคนนั้นยังไม่หยุดทำร้ายร่างอันวิญญาณของเธอด้วยมีดเล่มนั้น เลือดสีแดงฉานของเธอไหลนองจนเปียกโชกผ้าปูที่นอนและสาดกระเซ็นไม่โดนร่างกายของชายผู้กระทำ จนทั้งตัวของเขาโชกไปด้วยเลือดของผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นภรรยาตามที่เรื่องที่เล่าลือต่อ ๆ กันมา


     เมื่อเขากะซวกร่างของเธอจนสาแก่ใจ ชายคนนั้นร้องไห้ฟูมฟายและล้มตัวลงไปนอนกอดร่างที่ไร้วิญญาณของภรรยา พร้อมทั้งพร่ำพรรณนาถึงความรักที่เขามีต่อภรรยา ก่อนที่เขาจะใช้มีดเล่มเดียวกันปลิดชีพตัวเองตามภรรยาที่เขาทั้งรักทั้งแค้นไป  และภาพของพวกเขาก็จางหายไปต่อหน้าต่อตาผม เหลือไว้เพียงคราบเลือดแห้ง ๆ กองใหญ่บนเตียงนอนเก่า ๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้
ผมเห็นภาพเหตุการณ์นั้นตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำตาผมไหลพรากของมาอย่างเกินจะควบคุม ภาพเหตุการณ์นั้นมันโหดร้ายเกินกว่าที่ผมจะรับได้ สองขาของผมมันหมดแรงที่จะประครองตัวจนตัวผมทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะไม่อาจทำใจกับภาพเหตุการณ์ที่ต้องพบต้องเห็น



     “ชลครับ ชลต้องตั้งสตินะ ยิ่งชลอ่อนแอมันยิ่งเปิดช่องให้พวกเขาเล่นงานชลได้ง่ายขึ้น” นายนะโมย่อตัวนั่งลงข้างผม เขาพยายามจะเตือนสติผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่การจะให้ผมตั้งสติได้ในเวลานี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน



     “พี่ครับ ไปเล่นลูกแก้วเป็นเพื่อนหน่อยสิ ผมเหงามากเลยไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนผมเลย” ยังไม่ทันที่ผมจะเรียกสติสตังกลับมาได้ เด็กผู้ชายอายุน่าจะราว ๆ ห้าถึงหกขวบมาจากไหนไม่รู้ อยู่ดี ๆ เด็กคนนั้นก็โผล่มานั่งอยู่ข้างผม เขาเขย่าตัวผมเรียกร้องให้ผมไปเล่นเป็นเพื่อน

     “พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ ผมมีลูกแก้วให้พี่ด้วย” มันคงจะดีถ้าลูกแก้วที่เด็กนั่นพูดถึง มันคือลูกแก้วจริง ๆ ไม่ใช่การที่เด็กนั่นล้วงควักเข้าไปในเบ้าตาซ้ายของตัวเองและหยิบเอาลูกตาในเบ้าออกมาได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ในเบ้าตาซ้ายของเด็กนั่นกลวงโบ๋ มีแต่เลือดที่ไหล่เอ่อมาอาบเต็มแก้ม ก่อนที่เขายืนมือเอาลูกตาที่โชกไปด้วยเลือดมาให้ผม ภาพนั้นทำเอาการพยายามที่จะตั้งสติของผมถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

     “ไปให้พ้น” นายนะโมตะโกนไล่เด็กคนนั้น

     “พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ” ดูเหมือนเด็กนั่นจะไม่ได้ใส่ใจฟังนายนะโมเอาเสียเลยเขายังรบเร้าเรียกร้องจะให้ผมไปเล่นเป็นเพื่อนเล่นให้ได้

     “บอกให้ไปก็ไปสิวะ” ครั้งนี้นะโมไม่พูดเปล่า แต่นายนั่นกระโดนยันโครม จนร่างของเด็กนั่นกระเด็นไปไกล เด็กนั่นลุกมามองหน้านายนะโมอย่างไม่พอใจนัก ก่อนที่ร่างของเขาจางหายไปกับความมืด

     “ชล ชลลืมไปแล้วเหรอว่าว่าชลเข้ามาที่นี่ทำไม ถ้าชลมัวแต่อ่อนแออยู่อย่างนี้ ชลจะไปช่วยใครได้ยังไง ถ้าชลช้าไปแค่เสี้ยววินาทีเจ้าเด็กไกด์อาจจะเหลือแต่วิญญาณก็ได้นะ ผมขอเตือน”

     คำพูดเตือนสติของนายนะโมกระแทกเข้ามาในหัวผมอย่างจัง จริงสิตอนนี้เจ้าเด็กไกด์กำลังตกอยู่ในอันตรายนี่นา ผมเข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าเด็กนั่นแล้วจะผมจะมามัวนั่งร้องไห้อ่อนแออยู่อย่างนี้ได้ยังไง ผมปาดน้ำตาแล้วดันตัวเองลุกขึ้น ตอนนี้ชีวิตของเจ้าเด็กไกด์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าผมไปช่วยเจ้าเด็กนั่นไม่ทันผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ผมหันมองไปทางนายนะโมอย่างต้องการกำลังใจ รอยยิ้มที่ดูเชื่อมั่นในตัวผมของนายนั่นเป็นสิ่งที่เรียกสติและกำลังใจของผมกลับมาได้เป็นอย่างดี


     ผมเดินสำรวจมาเกือบจะครบทุกห้องแล้ว แต่ก็ยังไร้เงาของคนที่ผมกำลังตามหา จะเหลือก็แต่ห้องตรงหัวมุมสุดริมทางเดินเป็นห้องสุดท้ายแล้ว ผมไม่รีรอที่จะเปิดประตูบานนั้น ห้องโล่ง ๆ ที่ดูกว้างขวางที่สุดในบรรดาทุกห้องที่ผมสำรวจมา ผมสาดแสงไฟไปทั่วห้องและพยายามมองสำรวจไปรอบ ๆ และนั้น! เจ้าไกด์!


     เจ้าเด็กไกด์ที่ดูคล้ายกำลังไม่มีสติมากพอที่จะประครองตัว เด็กนั่นยืนตัวโงนเงนอยู่บนราวระเบียงที่ทั้งเก่าและดูพร้อมที่จะหักหรือพังได้ทุกเมื่ออย่างน่าหวาดเสียว หากเพียงแค่เจ้าเด็กนั่นขยับอีกเพียงแค่นิดเดียวเขาก็มีโอกาสที่จะตกลงไปได้ง่าย ๆ ความสูงระดับนี้พอที่จะทำให้เจ้าเด็กนั่นคอหักตายได้ไม่ยากเลย ภาพที่คนทั่วไปเห็นคงจะเป็นแบบนั้น  แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น ดวงวิญญาณชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนประกบและประครองแขนเจ้าเด็กไกด์กันคนละข้างพวกเขาจับตัวเจ้าไกด์เอนเอียงไปมาจนเกิดเป็นภาพที่น่าหวาดเสียวบนที่สูงเช่นนี้ ผมเดาใจทั้งสองวิญญาณนั้นไม่ถูกจริง ๆ ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเจ้าไกด์กันแน่     

     “ปล่อยน้องผมไปเถอะนะ เขายังเด็กเขาทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาไม่ได้ตั้งใจลบหลู่พวกคุณหรอก อย่าสร้างบาปให้ตัวเองเลย แล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้” ผมพยายามที่จะหว่านล้อมพวกเขาอย่าประนีประนอมที่สุดเพื่อความปลอดภัยของเจ้าไกด์   

     “กูไม่ต้องการบุญ มันกล้ามาลบหลู่พวกกู กูจะเอามันมาเป็นตัวตายตัวแทน” วิญญาณผู้ชายคนนั้นตวาดกร้าวใส่ผม ก่อนที่พวกเขาหันมองมาทางผมด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือกทางด้านผู้ชายมีรอยคล้ายรอยกระสุนปืนเจาะอยู่กลางหน้าผากและมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา ส่วนผู้หญิงก็มีรอยในลักษณะเดียวกันปรากฏอยู่บริเวณหน้าอกของเธอ ทำเอาผมตกใจไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน

     “กี่คนแล้วที่ต้องมาจบชีวิตที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นว่าพวกคุณหรือวิญญาณดวงไหนจะหลุดพ้นไปจากที่นี่ได้ ก็ยังต้องติดบ่วงกรรมกันอยู่ที่นี่ทุกคน” คำพูดเตือนสติของนายนะโมมันกลับทำให้พวกเขาดูโกรธมากขึ้น หัวใจผมแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทุกวินาทีหวั่นใจว่าเจ้าเด็กไกด์จะร่วงลงไปข้างล่างเสียก่อน

     “กูไม่สน มันมาลบหลู่กู ยังไงกูก็จะเอาชีวิตมัน”

     “พูดกันดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม” นายนะโมเดินดุ่มตรงเข้าไปหาสองวิญญาณนั้นท่าทางเอาเรื่อง แต่เพียงแค่พวกเขาหันมาจ้องมองร่างอันเลือนรางของนายนะโมก็กระเด็นไปจนติดกำแพง นายนั่นประครองตัวลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลดูท่าทางแล้วคงจะเจ็บไม่น้อย ผมถามไถ่นายนั่นด้วยเขาเป็นห่วงเป็นใย แม้นายนั่นจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ภาษากายของเขามันฟ้องว่าเขาต้องกำลังเจ็บมากแน่ ๆ 

     นายนะโมในสภาพอ่อนแรงจะไปสู้กับพวกเขาได้ยังไงกัน มิหนำซ้ำที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของพวกเขามันยิ่งส่งเสริมให้พวกเขามีพลังเหนือกว่าวิญญาณต่างถิ่นอยู่แล้ว ผมพยายามจะขอร้องพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่พวกเขายังดึงดังที่จะเอาชีวิตเจ้าเด็กนั่นให้ได้ นี่คงจะเป็นทางออกสุดท้ายที่ผมพอจะนึกออกในวินาทีนั้น มันอาจจะดูโง่ไปสักหน่อย แต่มันผมก็คิดว่าทางอื่นไม่ออกแล้วจริง ๆ ไม่เมื่อพยายามจะเจรจาดี ๆ แล้วไม่ฟังกัน นายนะโมก็ยังถูกทำร้าย เจ้าเด็กไกด์ก็ดูพร้อมจะหล่นลงไปทุกเสี้ยววินาที ผมคงต้องใช้ไม้แข็ง ผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกลั้นใจเอ่ยมันออกมา...


     “ข้าพเจ้า ขอสาปแช่งดวงวิญญาณที่มีจิตใจคิดร้าย และคิดจะทำร้ายเด็กผู้ชายคนนั้นจนถึงชีวิต ขอให้.....” เพราะผมเคยได้ยินเขาพูดกันมาว่าสิ่งที่วิญญาณกลัวที่สุดก็คือคำสาปแช่ง แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาพูดกันนั้นมันจริงหรือไม่ เพราะผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ผมก็ต้องหยุดชะงักไปอย่างกะทันหันด้วยแววตาที่ถ่ายทอดความโมโหอย่างรุนแรงจากพวกเขาที่ส่งตรงมาที่ผม ผมกลืนก้อนสะอึกอย่างหวาดหวั่น นี่ผมได้ทำอะไรที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ลงไปเสียแล้ว

     “มึงอยากลองดีใช่ไหม!” ดวงวิญญาณทั้งสองละจากร่างของเจ้าเด็กไกด์ ในจังหวะที่ร่างของเจ้าเด็กนั้นหลังจากถูกปล่อยตัวเอนเอียงไปมาเล่นเอาผมใจหายใจคว่ำ แต่นับว่าโชคดียังเข้าข้างเจ้าเด็กนั่นที่ร่างของเขาล้มตึงเข้ามาด้านใน ไม่ได้เกิดภาพอันน่าสลดใจขึ้นอย่างที่ผมกังวล

     ผมสะดุ้งเฮือกเพราะตกใจกับเสียงประตูที่ถูกปิดกระแทกอย่างแรง ผมพยายามที่จะเปิดมันออกแต่ทำไม่สำเร็จ ทั้งที่มันไม่ได้ถูกล็อกแต่ไม่ว่าผมจะออกแรงเท่าไหร่ผมก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ ดวงวิญญาณทั้งสองกำลังตรงเข้ามาหาผมด้วยแววตาท่าทางที่ดูพร้อมจะเชือดผมแล้วสับจนแหลกละเอียด ก่อนที่จะปรากฏร่างของผู้ชายสองคนที่ผมเจอในห้องใต้บันได เด็กผู้ชายที่ชวนผมไปเล่นลูกแก้ว และผู้ชายที่ฆาตกรรมภรรยาอย่างเลือดเย็น เดินตามหลังดวงวิญญาณทั้งสองกำลังตรงมาทางผมเช่นกัน ผมใจสั่นระรัวอย่างหวาดผวาเพราะไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าพวกเขาจะทำอะไรกับผม พยายามจะเปิดประตูนั้นออกไม่ว่าอย่างไรผมก็เปิดไม่ได้เสียที ปัดโธ่โว้ย! เปิดสิวะ

     “อย่ายุ่งกับชล....โอ๊ย!”

     “นะโม!” นายนะโมที่กระโดดเข้าตัวเองเข้ามาขวางกั้นผมกับดวงวิญญาณพวกนั้นไว้ นายนั่นถูกวิญญาณผู้หญิงจับเหวี่ยงไปจนร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง นายนั่นพยายามจะดันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่สำเร็จ แต่เดิมเขาก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแรงมากอยู่แล้วยิ่งตอนนี้นายนั่นคงกำลังบอบช้ำอย่างหนักเป็นแน่ ดวงวิญญาณพวกนั้นเข้าใกล้ผมมาเรื่อย ๆ โดยที่ผมยังอยู่ในภาวะที่ลนลานจนคิดไม่ตกว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรในสถานะการณ์เช่นนี้ แต่แล้วก็....


     “อย่างทำเขาเลย เขาเป็นคนดี” อ๊ะ! นั่นมัน

     อยู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงสองคนขึ้นมาขวางกั้นระหว่างผมกับเหล่าดวงวิญญาณพวกนั้นไว้ หนึ่งในนั้นคือวิญญาณหญิงสาวที่ผมพบเจอที่ห้องโถงด่านล่าง และอีกคนคือผู้หญิงชุดดำที่แขวนคออยู่ที่ต้นหูกวางหน้าบ้าน ทำเอาผมตกตะลึงไปไม่น้อยที่พวกเธอมาช่วยผม

     “กรี๊ด!!!” แต่แล้วพวกเธอก็ไม่สามารถต้านทานดวงวิญญาณกลุ่มนั้น พวกเธอถูกผลักอย่างแรงจนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่ของพวกเธอจะจางหายไป


     นายนะโมที่กำลังสะบักสะบอมพยายามตะโกนร้องห้ามพวกเขาแต่ดูท่าแล้วคงไม่มีใครสนใจฟัง นาทีคับขันอย่างนี้ทำหัวสมองผมตันไปหมดคิดหาหนทางอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แม้จะกลัวจนแทบจะร้องไห้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมได้แต่ยืนพิงกำแพงอย่างจนมุม ผมไร้ซึ่งทางหนีแล้วทำได้เพียงหลับตาก้มหน้ารอรับชะตากรรมที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ใครก็ได้ช่วยผมที!



     “อย่ามายุ่งกับเพื่อนของฉัน” อ๊ะ เสียงนั่นมัน เสียงที่คุ้นเคยสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง ภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา สไบสีเขียวแบบนั้น นี่มัน... พี่นี!


     พี่นียืนจังก้าขวางทางวิญญาณเหล่านั้นด้วยทีท่าที่ไร้ซึ่งความยำเกรง วิญญาณผู้ชายที่มีลอยกระสุนที่หน้าผากพุ่งตรงเข้าหาพี่นีท่าทางเอาเรื่อง พี่นีคว้าหมับเข้าที่ลำคอของชายผู้นั้นแล้วออกแรงบีบอย่างเต็มแรง ชายผู้นั้นดิ้นอย่างทุรนทุรายและพยายามจะแกะมือของพี่นีออกจากขอของตัวเองแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกพี่นีจับยกขึ้นเหนือหัวแล้วทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง จนร่างของชายผู้นั้นชายสลายหายไปต่อหน้าต่อตาผม

     “ไป!”  พี่นีชี้นิ้วกราดใส่เหล่าดวงวิญญาณตรงหน้า พี่นีจ้องมองพวกนั้นตาขวางผมไม่เคยเห็นพี่นีในโหมดน่ากลัวอย่างนี้มาก่อนเลย นัยน์ตาพี่นีกลายเป็นสีเขียวสด พี่นีในตอนนี้ดูน่ากลัวจนทำเอาผมขนลุกเกรียว ดวงวิญญาณเหล่านั้นก็มีท่าทีที่ดูเกรงกลัวพี่นีไม่น้อย ก่อนที่ร่างของพวกจะจางหายไปกับความมืด


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “นี่น้องชลคะ เรื่องบางเรื่องเห็นแก่ตัวบ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคะ เป็นคนดีแล้วตัวเองเดือดร้อนแบบนีพี่นีว่าไม่เข้าท่านะคะ คิดได้ยังไงอยู่ดี ๆ ก็เข้ามาในที่แบบนี้ถ้าพี่นีมาช่วยไม่ทันคิดสิคะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ผมแบกเจ้าเด็กไกด์ออกมาอย่างทุลักทุเล เจ้าเด็กนั่นตัวโตกว่าผมไม่น้อยเลย ไหนจะต้องทนฟังยัยพี่นีบ่นจนหูชาอีก นายนะโมนั่นก็แทนที่จะอยู่ข้างผมดันไปอยู่ฝ่ายสนับสนุนยัยพี่นีอีกเสียได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบพี่นีมาก ๆ นะ ถ้าพี่นีไม่มาช่วยผมคงแย่ วันนี้ยกให้พี่นีเป็นนางฟ้าเลยเอ้า



     ในตอนนี้ที่ต้นหูกวางหน้าบ้านมีเพียงบ่วงเชือกเปล่า ๆ แขวนอยู่บนต้นไม้ เพราะร่างของผู้หญิงชุดดำคนนั้นเธอกำลังยังยืนรอพวกผมอยู่ที่หน้ารั้วบ้านแล้ว


     “คุณก็ดูไม่ได้เป็นวิญญาณที่ดูมีแรงพยาบาท ทำไมคุณถึงยังไม่ได้ไปเกิดล่ะครับ”

     “เพราะกรรมไง บาปกรรมที่ฉันได้ก่อมันหนักหนาจนเกินจะให้อภัย วิญญาณของฉันต้องเวียนว่ายอยู่ที่นี่เพื่อชดใช้โดยที่ไม่รู้จะว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะฉันฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความรักจากผู้ชายที่ไม่ได้รักฉัน และฉันก็ได้ทำให้พ่อกับแม่ที่รักฉันมากที่สุดต้องทุกข์ทรมานใจไปชั่วชีวิต มันก็สาสมแล้วที่วิญญาณของฉันต้องทุกข์ทรมานชดใช้กรรมอยู่ที่นี่”

     เธอพูดไปพลางน้ำตาไหลพราก เมื่อสิ้นคำพูดของเธอบ่วงเชือกบนต้นหูกวางนั้นก็ห้อยลงมาคล้องเข้าที่คอของเธอ ก่อนที่เชือกเส้นนั้นจะรัดรึงและฉุดเอาร่างของเธอขึ้นไปข้างบน เธอดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างของเธอจะแน่นิ่งไป ภาพนั้นทำเอาผมช็อก ภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากตอนแรกที่ผมพบเธอที่นี่ ร่างของเธอเริ่มแกว่งไปมาทำให้เชือกเส้นนั้นเริ่มเสียดสีกับท่อนไม้ และตัวของเธอลู่กับลม จนเกิดเสียงอันชวนให้ขวัญผวาแบบนั้น เวรกรรมมันยังเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอ

     ผมหันมองไปยังตัวบ้านอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นพนม ผมขอขมากับทุกสิ่ง หากสิ่งใดที่ผมได้ล่วงเกินไปได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ ผมจะมั่นอุทิศบุญกุศลให้พวกคุณนะ ขอให้ดวงวิญญาณของพวกคุณหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในเร็ววันด้วยเถิด


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     กว่าจะแบกเจ้าเด็กไกด์ออกไปถึงถนนใหญ่ได้ก็เล่นเอาหลังผมแทบหักแต่ก็ดีแล้วล่ะที่เจ้าเด็กนั่นสลบไปผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามอะไรมากมาย โชคยังดีที่เจอรถขนสินค้าของชาวบ้านใจดีที่กำลังจะผ่านไปทางบ้านคุณตาคุณยายพอดี พวกผมเลยได้ติดรถเขามาด้วย สรุปเจ้าเด็กไกด์มีไข้ขึ้นสูงได้คุณตาคุณยายช่วยเป็นธุระพาส่งโรงพยาบาลและติดต่อพ่อแม่ของเจ้าเด็กนั่นให้


     “พี่ชล” จนถึงตอนเช้าเจ้าเด็กพัตเตอร์เพิ่งจะกลับมาบ้านในสภาพที่มอมแมม เจ้าเด็กนั่นคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่นทันทีที่พบหน้า เจ้าเด็กนั่นซุกหน้าลงบนไหล่ผมทำให้ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่น ๆ ที่เปื้อนบนบ่า พัตเตอร์กำลังร้องไห้? นี่เจ้าเด็กเป็นห่วงผมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

     “พี่รู้ไหมผมเป็นห่วงพี่มากแค่ไหน ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย”




TBC

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 19:33:47 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกมากครับ
เพื่อนๆ พัตเตอร์นี่นิสัยไม่ดีจริงๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
โห พี่นี  ฮีโร่ของสายชล  พี่นีสุดยอด ตามมาช่วยถึงนี่เลย  o13
ไม่งั้นชลแย่แน่ ๆ  วิญญาณที่นี่น่ากลัวมาก นะโมก็อ่อนแรงด้วย
แต่วิญญาณผู้หญิงสองคนก็น่าสงสาร ยังจิตใจดีคิดจะช่วยเหลือชล
สายชล เก่งและเข้มแข็งขึ้นมากแล้วนะ พยายามคุมสติอยู่ได้
ถึงจะทำได้แค่ช่วงแรก ๆ แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะมากแล้ว
แล้วก็พัตเตอร์ ย้ำเลยว่า เลิกคบเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย นิสัยแย่ ๆ ทั้งนั้น
รอตอนต่อไปจ้า ชอบเรื่องนี้มากน้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
แปะอิมเมจนายมะโนแจ็คเก็ตแดง


ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 10 เจาะเวลาหาคำสัญญา


     ♫“ได้ แต่มองตากันเธอสบตาฉันฉันก็คิดเป็น”♫  เพลงนั้นที่ทำผมหลงรักในน้ำเสียงของเธอ น้ำเสียงหวานใสกับกังวานกับสำเนียงการเอื้อนเอ่ยที่ไพเราะจับใจ ยิ่งมองใบหน้างาม ๆ และรอยยิ้มละมุนของผู้ร้องไปด้วยยิ่งเพิ่มความสุนทรียิ่งนัก

     เป็นครั้งแรกที่ผมได้มองเธอในระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ เธออยู่ห่างจากผมแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น ยิ่งได้มองเธอใกล้ ๆ เธอยิ่งดูสวยสง่า ทุกครั้งที่แววตาชวนฝันของเธอหันมองมาทางผมทำเอาหัวใจผมแทบจะละลายลงตรงนั้น แสงสีขาวนวลที่สาดส่องที่ตัวเธอยิ่งขลับให้ผิวเนียนของเธอดูสวยงามเป็นยองใยยิ่งกว่าเดิม เธอดูมีความสุขไปกับการร้องเพลงจนทำเอาคนที่ได้ฟังอย่างผมพลอยยิ้มตามไปด้วย ผมอยากจะยืนฟังเธอร้องเพลงและมองหน้าสวย ๆ ของเธออยู่อย่างนี้ทั้งวัน มันช่างเป็นความรู้สึกที่มีความสุขเหลือเกิน นางในฝันของผม

    ♫“ตา ไม่อาจซ่อนเร้นทุกสิ่งที่เห็น นั่นแหละหัวใจ”♫ ทันทีที่เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายถูกเอื้อนเอ่ยออกมา เธอหันหลังให้ผมแล้วทำท่าเหมือนจะเดินหนีจากผมไป

     “เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งไป” ผมพยายามที่จะรั้งเธอเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ใกล้ผมเพียงเท่านี้ แต่ผมกลับไม่สามารถไขว่คว้าสัมผัสตัวเธอได้เลย เธอหันกลับมาอมยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่พิมพ์ใจของเธอผมเชื่อว่าไม่ว่าชายใดที่ได้เห็นคงเป็นอันต้องหวั่นไหวกันถ้วนหน้า ก่อนที่เธอจะทำท่าเหมือนกำลังจะก้าวเดินจากผมไปอีกครั้ง

     “ผมจะได้เจอคุณอีกไหม”

     “เธอจะอยากเจอฉันไปทำไม ในเมื่อฉันก็อยู่กับเธอตลอดเวลา” คำตอบที่เธอตอบกลับมามันช่างชวนฉงน ที่เธอบอกว่าเธออยู่กับผมตลอดเวลา นั่นเธอหมายความว่ายังไงกัน เธอมาอยู่กับผมตอนไหน


     “เพราะฉันก็คือเธอ....”

     นางในฝันของผม นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบเธอในความฝันในคืนสุดท้ายที่ผมนอนค้างที่บ้านคุณตาคุณยาย จนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ผมก็ไม่เคยฝันถึงเธออีกเลย แต่สิ่งสุดท้ายที่เธอพูดกับผมมันยังเป็นคำถามที่ผมยังครุ่นคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก เธอหมายความยังไงกันแน่ที่ว่าเธอคือผม ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการที่จะสื่อสารอะไร แม้ผมจะพยายามที่จะบอกตัวเองว่าเธอก็เป็นเพียงแค่ภาพความฝันที่ผมจินตนาการขึ้นมาตอนหลับ ไม่ได้มีตัวตนไม่จำเป็นที่ผมจะต้องใส่ใจถึงเพียงนั้น แต่พอเอาเข้าจริงแล้วผมก็อดที่จะว้าวุ่นกับสิ่งที่เธอพูดกับผมไม่ได้จริง ๆ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “โอ๊ย! ไอ้เด็กแว้นที่ไหนมันมาก็ก่อกวนหน้าร้านฉัน เดี๋ยวแม่จะด่าให้จำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู” ยัยเจ็ดสีกำลังหัวร้อนอย่างหนัก ต้นเหตุก็มาจากไอ้เจ้ามอเตอร์ไซด์เครื่องแรงที่ขับโฉบเฉี่ยววนไปมาอยู่หน้าร้านอยู่สองถึงสามรอบแล้วจนเสียงเครื่องยนต์สร้างความรำคาญใจให้กับผู้คนแถวนั้นเป็นอย่างมาก แถมยังเบรกอย่างกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นคอนกรีตเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

     ยัยเจ็ดสีที่กำลังเลือดร้อนเดินจ้ำอ้าวไปหาไอ้ตัวการที่สร้างความรำคาญที่ตอนนี้ได้จอดรถอยู่ที่หน้าร้านของเราแล้ว ผมกับพัตเตอร์รีบตามยัยนั่นไปหวังจะช่วยไกล่เกลี่ย ถ้าปล่อยให้ยัยเจ็ดสีที่กำลังโมโหออกไปเคลียร์เองอย่างนั้นคงไม่เป็นเรื่องดีแน่ ยัยนี่ปกติก็ไม่ยอมใครอยู่แล้ว แล้วนี่ตอนนี้พ่วงออฟชั่นกำลังโมโหอย่างรุนแรงเขาไปด้วย ถ้าเกิดไอ้เด็กแว้นนั่นมีอาวุธยัยเจ็ดสีจะตายเอาได้ง่าย ๆ


     “นี่นายเป็นบ้าหรือไง มาขับรถเสียงดังก่อกวนหน้าร้านฉันเนี่ย” เป็นไปตามคาดยัยเจ็ดสีตวาดแว้ดใส่ชายที่ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกกันน็อคสีดำสนิท ผมกับพัตเตอร์พยายามปรามยัยนั่นเพราะเรายังไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นมาดีหรือมาร้ายเผื่อมันมีปืนขึ้นมาพวกเราจะโดนส่องหัวเอาได้ แต่ เอ รูปร่างแบบนี้มันคุ้น ๆ อยู่นะ

     ชายคนนั้นกำลังจะเปิดเผยตัว หมวกกันน็อคสีดำนั่นกำลังถูกถอดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้สวมใส่ และโฉมหน้าที่แท้จริงของชายคนนั้นก็คือ... เจ้าไกด์!!!

     “มึงมาทำไมไอ้ไกด์ อยากจะโดนตีนกูใช่ไหม” พัตเตอร์กล่าวทักทายอดีตเพื่อนสนิทที่กำลังแอคท่าหล่อกับรถมอเตอร์ไซด์คันเท่ด้วยถ้อยคำที่ฟังดูไม่ค่อยระรื่นหูนัก ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นความสัมพันธ์ของเจ้าเด็กสองคนนั้นเป็นขาดสะบั้น ผมเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีนะ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนสนิทที่คบหากันมานานต้องมาแตกคอกัน

     “กูไม่ได้มาหามึงแต่กูมา... ตามหาหัวใจ” ตามหาหัวใจ? เจ้าเด็กนั่นหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าเจ้าไกด์จะมาจีบยัยเจ็ดสี นี่เพื่อนผมจะขายออกแล้วหรือนี่

     “โอ๊ย!” ยังไม่ทันจะได้ไถ่ถามให้รู้ความ ดาวมฤตยูก็โคจรพุ่งเข้ามาเล่นงานเจ้าเด็กไกด์เสียก่อน ยัยเจ็ดสีแย่งเอาหมวกกันน็อคจากมือเจ้าไกด์แล้วจัดงานใช้มันฟาดลงกลางกบาลของเจ้าของมันไปอย่าไม่เบามือ

     “โห เจ๊ไม่เจอกันตั้งนานยังไม่เลิกโหดอีกเหรอ” เจ้าเด็กไกด์เอามือกุมหัวตรงร่องรอยที่เพิ่งกระทำพลางมองยัยเจ็ดสีอย่างเคือง ๆ

     “ก็ใครใช้ให้แกมาก่อมากวนหน้าร้านฉันห๊ะ ไอ้เด็กบ้า” ผมละอยากจะขำ คนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแทนที่จะได้เห็นโมเมนต์รำลึกความหลัง แต่กลับได้ภาพยัยเจ็ดสีใช้หมวกกันน็อคไล่ทุบเจ้าเด็กไกด์ไม่ยั้งมือมาแทน จนเจ้าเด็กนั่นทั้งวิ่งหลบทั้งตั้งกาจป้องกันยังไงก็ยังไม่รอดเงื้อมมือนางพญามาร

     “โห เจ๊ ผมก็แค่จะโชว์เท่ให้พี่ชลประทับใจเท่านั้นเอง” เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อครู่นี้เจ้าเด็กนั่นมันพูดว่ายังไง โชว์เท่ให้ผมประทับใจอย่างนั้นเหรอ ทำเพื่ออะไรกัน มันเกี่ยวอะไรกับผม เอิ่ม อย่าบอกนะว่าที่มาตามหาหัวใจนั่นคือ... เฮ้ย!!!


     เจ้าเด็กไกด์พูดมาเพียงเท่านั้นทำเอาทุกคนเหวอไปตาม ๆ กัน แม้แต่ยัยเจ็ดสีที่กำลังระบายอารมณ์ผ่านหมวกกันน็อคยังต้องหยุดชะงักไปแล้วหันเหความสนใจจับจ้องมาที่ผมแทน เจ้าเด็กบ้านี่มันเล่นอะไรของมัน แล้วทำไมมีการเอาชื่อผมไปกล่าวพาดพิงอย่างนั้นด้วย

     “ถ้าวันนั้นไม่มีพี่ชลผมคงแย่ ตอนผมไม่สบายพี่ชลก็ดูแลผมอย่างดี เพราะฉะนั้น พี่ชลเป็นแฟนผมเถอะนะ” เจ้าไกด์รูดซิปเสื้อแจ็คเก็ตแล้วล้วงหยิบเอาดอกกุหลาบสีแดงที่อยู่ด้านในออกมา แล้วเจ้าเด็กนั่นก็คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วยื่นดอกไม้ในมือนั้นมาทางผม อ้าวเฮ้ย! ทำบ้าอะไรของมันวะ ที่มันหน้าร้านผมนะเว้ย แทบจะทุกสายตาของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาตรงนั้นจับจ้องมาทางผม ผมก็อายเป็นนะเว้ย แม้แต่ยัยเจ็ดสีก็ยังตะลึงงัน หวังว่าคงไม่มีใครแอบถ่ายคลิปไปลงสื่อโซเชียลหรอกนะถ้าสาว ๆ เห็นแล้วคิดว่าผมกับไอ้เด็กบ้านี่เป็นแฟนกันมีหวังผมได้ขายไม่ออกแน่


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ถ้าจะให้พูดเรื่องคืนนั้น

     “พี่ชลผมหนาว” เจ้าเด็กไกด์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ พลางกอดรัดผมไว้แน่นและซุกตัวเข้ากับหน้าอกผมราวกับกำลังพยายามไขว่คว้าไออุ่น อยู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง เจ้าเด็กนั่นตัวร้อนอย่างกับไฟแถมยังตัวสั่นระรัว หน้าซีดปากซีดอาการดูไม่ค่อยดีเลย บนท้ายกระบะรถชาวบ้านที่พวกเราอาศัยร่วมทางมาอยู่ตอนนี้ผมคงทำได้ดีที่สุดแค่กอดให้ความอบอุ่นกับเจ้าเด็กนั่น ได้แต่หวังว่ามันคงจะพอช่วยบรรเทาได้บ้าง

     “อดทนอีกนิดนะเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

     “นี่ชลจำเป็นต้องให้ไอ้เด็กมันกอดถึงขนาดนั้นด้วยเหรอ” นายนะโมที่นั่งอยู่อีกด้านเอ่ยขึ้นมาด้วยสีท่าทางที่ดูเหมือนมีความขุ่นเคืองในอารมณ์ จะมางี่เง่าอะไรกันตอนนี้เล่า

     “อย่างี่เง่าน่านะโม ไม่เห็นเหรอว่าไกด์มันไม่สบาย”




     “เช็ดตัวก่อนนะจ๊ะ อีกสักพักถ้าไข้ยังไม่ลดยายจะให้ตาเอารถออกพาไปโรงพยาบาล” คุณยายวางกะละมังใส่น้ำอุ่นไว้บนโต๊ะปลายเตียง โดยที่ผมเป็นคนอาสาจะเช็ดตัวให้เจ้าเด็กนั่นเอง ไม่อยากจะรบกวนคุณยายดึกแล้วให้ท่านพักผ่อนดีกว่า
ผมจัดแจงถอดเสื้อผ้าของเจ้าเด็กนั่นออกผู้ชายด้วยกันคงไม่มีอะไรต้องอาย แล้วเอาน้ำขนหนูชุบน้ำบิดให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดไปบนหน้าของเจ้าเด็กนั่นอย่างเบามือและไล่เช็ดไปตามตัวของเขา โดยที่เจ้าเด็กนั่นก็ยังนอนมองผมตาระห้อยอยู่ตลอด

     “พี่ชลน่ารักแล้วก็ใจดีอย่างนี้นี่เอง พัตเตอร์มันถึงได้...”

     “พักผ่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย” ผมรีบชิงตัดบทก่อนที่เจ้าเด็กนั่นจะพูดจบประโยค เจ้าพัตเตอร์มันจะรู้สึกยังไงกับผมก็ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ไอ้ไกด์ มึงทำบ้าอะไรของมึง” พัตเตอร์ตะคอกใส่อดีตเพื่อนสนิทที่ตอนนี้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าผมอย่างหมายจะเอาเรื่อง

     “มึงเงียบไปเลยพัตเตอร์ กูกล้าบอกความรู้สึกกับพี่ชล มึงไม่กล้าบอกก็ทนอึดอัดใจอยู่อย่างนั้นต่อไปนั่นแหละ” ดูเหมือนคำพูดของเจ้าเด็กไกด์จะไปสะดุดอะไรบางอย่างในใจของเจ้าพัตเตอร์หรือเปล่า สิ้นคำพูดของเจ้าไกด์ เจ้าพัตเตอร์ก็ดูมีอาการเหมือนกำลังกล้ำกลืนแปลก ๆ

     “นะพี่ชล เป็นแฟนผมนะ เฮ้ย!”

     “มึงมานี่เลย” ในขณะที่เจ้าเด็กไกด์กำลังคะยั้นคะยอให้ผมตอบตกลงเป็นแฟนด้วย เจ้าพัตเตอร์ก็เข้ามาตัดบทก่อนที่ผมจะตอบปฏิเสธ ด้วยการล็อกคอแล้วกึ่งดึงกึ่งลาดเจ้าไกด์แล้วพากันอ้อมไปทางหลังร้าน เอ่อ มีอะไรก็เคลียร์กันเองก็แล้วกัน เรื่องนี้ขอไม่รับรู้ด้วย

     “เสน่ห์แรงจริงนะ” นายนะโมโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง หันไปอีกทีก็เห็นนายนั่นยืนอยู่ข้างผมแล้ว ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ ผมละเกลียดสายตาที่นายนั่นมองอยู่ตอนนี้จริง ๆ เลย สายตาอย่างกับคุณครูฝ่ายปกครองกำลังมองจับผิดนักเรียนที่ดูมีแนวโน้มว่าเพิ่งทำความผิดร้ายแรงมาอย่างไรอย่างนั้น

     ผมส่ายหัวระอาแล้วเดินหนีนายนั่นกลับเข้าไปในร้าน นี่ตัวผมมันสารดึงดูดเพศเดียวกันเข้าหาหรือเปล่าเนี่ย ทั้งคนทั้งวิญญาณ โอ๊ย ปวดหัว  แต่รู้อะไรไหมเมื่อครู่นี้ที่เจ้าเด็กไกด์มันทำผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจะมีก็แต่ความอายที่ถูกคนมอง ต่างกับเวลาที่นายนะโมมาหยอดมุขหวาน ๆ เลี่ยน ๆ แบบนั้นใส่ผม มันกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นกับผม ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปเรียกมันว่าความหวั่นไหว หรือผมกำลังจะหวั่นไหวกับนายนั่นขึ้นมาจริง ๆ แต่นายนะโมเป็นผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชายแล้วผมจะรู้สึกหวั่นไหวกับเขาได้ยังไง ถึงนายนั่นจะเคยบอกผมว่าพรหมลิขิตไม่เลือกเพศก็เถอะ แต่ผมก็ยังรู้สึกแปลก ๆ
 อยู่ดีนั่นแหละ ทั้งชีวิตเคยแต่จีบสาวอยู่ดี ๆ มีวิญญาณผู้ชายตัวเท่าตึกมาตามหม้อ แต่ที่แน่ ๆ เรื่องความรู้สึกสับสนของผมนี้ห้ามให้นายนั่นรู้เด็ดขาด เดี๋ยวนายนั่นจะได้ใจไปเสียก่อน


     เจ้าเด็กสองคนนั้นหายกันไปพักใหญ่ก่อนจะกลับมาพร้อมรอยแผลฟกช้ำบนหน้าคนละสองถึงสามรอย พอถามว่าไปมีเรื่องอะไรกันมา เจ้าสองคนนั้นก็พร้อมใจกันตอบว่าไม่มีอะไรแค่คุยกันตามประสาผู้ชาย เออ อย่างนั้นเอาที่พวกเอ็งสบายใจก็แล้วกัน ก่อนที่เจ้าเด็กไกด์จะขอตัวกลับไปก่อน แต่ยังบอกว่าจะมาเอาคำตอบจากผมวันหลัง เอ่อ จะมาวันไหนผมก็ยังยืนยันคำตอบว่าไม่มีทางโว้ย


     ในช่วงพักเที่ยงผมนั่งอัพเดทข่าวสารในโลกออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือคู่ใจ ผมนั่งเลื่อนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนบังเอิญไปสะดุดตากับอะไรบางอย่าง นั่นก็คือคลิปวีดีโอที่รุ่นน้องที่รุ่นแชร์ลงหน้าเฟซบุ๊ค โดยมีหัวข้อวีดีโอว่า สะกดจิตระลึกชาติ
จริงสิคุณลุงผู้ดูแลคุ้มครองบ้านผมท่านเคยบอกกับผมว่าผมกับนายนะโมมีสัญญาจากอดีตชาติที่จะเป็นสิ่งที่จะพานายนะโมกลับเข้าร่างได้ แล้วในตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าจะไปตามหาร่างของนายนั่นที่ไหน ถ้าอย่างนั้นทำไมผมถึงไม่เริ่มจากค้นหาว่าผมกับนายนั่นมีสัญญาต่อกันเรื่องอะไรเมื่อครั้งอดีตชาติก่อนล่ะ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “ผมมาพบ ดร. กุสุมา ครับ” ผมแจ้งกับพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์

     “นัดไว้หรือเปล่าคะ”

     “นัดไว้ครับ” พนักงานสาวรับคำผมก่อนจะยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงผู้เป็นเจ้านาย


     ผมต้องนัดวันเวลาล่างหน้านานพอตัวกว่าที่เธอจะมีเวลาให้ผมเข้าพบ ตั้งแต่เห็นคลิปวีดีโอจากรายการโทรทัศน์ที่มีน้องที่รู้จักแชร์ลงหน้าเฟซบุ๊คเมื่อหลายวันก่อน ผมก็รีบพยายามหาทางที่จะติดต่อเธอ ดร.กุสุมา ผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านที่ว่าเธอสามารถสะกดจิตให้คนย้อนไปเห็นสิ่งที่ตัวเองเคยทำเมื่อครั้งอดีตชาติได้ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเธอเป็นคนที่มีวาทศิลป์ที่ดี การพูดของเธอมันดูน่าเชื่อถือและทำให้คนคล้อยตามได้ไม่ยาก และการที่ผมจะมาพบเธอสักครั้งก็คงจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าเธอสามารถทำได้จริงตามคำกล่าวอ้าง ผมอาจจะหาหนทางพานายนะโมกลับเข้าร่างได้ง่ายขึ้นก็ได้



     ดร.กุสุมา เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังดูสาวและสวย เธอมีบุคลิกที่ดูสมาร์ทและดูเป็นผู้หญิงเก่ง ผมบอกเธอถึงความจำเป็นที่ผมจะต้องระลึกชาติเพื่อช่วยชีวิตใครคนหนึ่งโดยที่ผมไม่สามารถลงรายละเอียดมากกว่านั้นได้

     ผมนอนอยู่เก้าอี้ที่สามารถเอนปรับระดับได้ ดร.กุสุมา เธอให้ผมจ้องมองเพ่งสมาธิไปที่เข็มของหัวตัวอุปกรณ์กำหนดจังหวะรูปทรงคล้ายพีระมิดที่กำลังแกว่งไปมาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่เธอจะบอกให้ผมค่อย ๆ หลับตาลง

     “อย่านึกถึงสิ่งใดที่กวนใจ จงเพ่งสมาธิไปถึงเพียงสิ่งที่คุณอยากรู้เมื่ออดีตชาติของคุณ”

     สิ่งที่ผมอยากรู้อย่างนั้นเหรอ ก็คือคำสัญญาระหว่างผมกับนายนะโมอย่างไรล่ะ บรรยากาศในห้องตอนนั้นเงียบสนิท ผมได้ยินเพียงเสียงจากเข็มของเจ้าอุปกรณ์กำหนดจังหวะที่มันกำลังแกว่งไปมาตามจังหวะที่ดร.กุสุมาได้ตั้งค่าไว้ ควบคู่ไปกับเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจผม สิ่งเดียวที่ผมนึกถึงในตอนนั้นก็คือคำสัญญาระหว่างเราผมกับนายนะโม ผมต้องทำให้ได้ ผมต้องรู้ให้ได้ และผมต้องช่วยนายนั่นให้ได้....

     เป๊าะ

     ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ เพราะเสียงดีดนิ้วของดร.กุสุมา ทั้งที่ผมรู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งผ่านไปเพียงครู่เดียว แต่เมื่อเหลือบมองเข็มนาฬิกาติดผนังนี่เวลามันล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมงแล้วหรือนี่ นี่อย่าบอกนะว่าผมเผลอหลับไป เหงื่อของผมแตกซ่านไปทั้งตัว ถ้าผมเผลอหลับไปจริง ๆ ทำไมผมถึงได้ตื่นขึ้นมาในสภาพที่เหนื่อยหอบและอิดโรยขนาดนี้ล่ะ

     “ดร.ครับ ทำไมผมถึงสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”

     “ไม่ต้องตกใจไป ไม่มีใครที่ระลึกชาติได้สำเร็จ ตั้งแต่การสะกดจิตครั้งแรก ของแบบนี้มันใช้เวลา แต่วันนี้ดูคุณเหนื่อยมากพอแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เอาไว้คราวหน้าเราค่อยพบกันใหม่”



     ผมทำไม่สำเร็จเท่ากับว่าผมก็ยังช่วยอะไรนายนั่นไม่ได้อยู่ดีแต่ได้ภาวนาว่าครั้งหน้ามันคงจะดีกว่านี้ แต่จนถึงตอนนี้หัวใจผมก็ยังรู้สึกหวิว ๆ อยู่เลย ทั้ง ๆ ที่มันก็ดูไม่ได้ต่างอะไรไปจากการนอนหลับ แต่ผมกลับรู้สึกราวกับว่าผมได้ใช้แรงไปเยอะและสูญเสียพลังงานในร่างการไปมากพอสมควร รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่รู้ราวกับว่าเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่างอย่างไรอย่างนั้น



     “ชล!” นายนะโมร้องเรียกผมหน้าตาตื่น ดูเหมือนนายกำลังถอยห่างจากผมออกไปเรื่อย ๆ ไม่สิ! จริง ๆ แล้วผมต่างหากที่เป็นฝ่ายห่างออกมา หรือจริง ๆ ผมไม่ได้กำลังถอยไปไหน ผมอาจจะกำลังยืนอยู่ที่เดิมแล้วอยู่ ๆ ก็เกิดหมดแรงที่จะทรงตัว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะที่เบาไร้น้ำหนัก จนรู้สึกตัวอีกทีร่างกายของผมก็ล้มลงไปกระทบกับพื้นคอนกรีตแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแตรรถยนต์ที่บีบค้างจนเกิดเป็นเสียงแตรลากยาวเสียงดังสนั่นจนชวนปวดประสาท และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่สัมผัสได้ก่อนที่สมองของผมจะตัดขาดการรับรู้ไป


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมรู้สึกและลืมตาตื่นขึ้นในที่ไหนสักแห่ง ว่าแต่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเพราะเท่าที่จำได้ผมกำลังจะข้ามไปถนนไปเอารถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้ามกับออฟฟิศของดร.กุสุมานี่นา แต่ เอ หลอดไฟแบบนี้มันคุ้น ๆ นะ เตียงที่ผมกำลังนอนอยู่นี่ก็คุ้นมาก ที่แขนซ้ายของผมถูกเจาะด้วยเข็มจากสายน้ำเกลือด้วย ทางด้านขวามีคุณพยาบาลที่ดูอาการผมอยู่ ทุกอย่างมันชี้ชัดว่าผมกำลังนอนอยู่ในห้องพักของโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง

     “รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ” คุณพยาบาลท่านนั้นเธอถามผมพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูใจดี ว่าแต่นี่คนหรือเปล่าวะ คราวก่อนที่ผมฟื้นขึ้นมาในห้องพักโรงพยาบาลภาพแล้วเจอคุณพยาบาลสาวสวยผู้เคลื่อนที่ได้โดนไม่ได้ต้องเดิน(เพราะเธอใช้ลอย)คนนั้นยังติดตาตรึงใจ ผมลังเลกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะโต้ตอบบทสนทนากับคุณพยาบาลท่านนี้ หากเธอไม่ใช่คนแล้วเธอรู้ว่าผมมองเห็นเธอได้ล่ะก็ ผมจะโดนเธอหลอกเอาได้น่ะสิ

     “ไม่ต้องกลัวพยาบาลคนเป็นคนจริง ๆ แน่นอน” น้ำเสียงที่คุ้นเคยชักชวนให้ผมหันไปมอง นายนะโมกำลังยืนฉีกยิ้มหวานมองผมอยู่ที่ข้างเตียง แค่ได้เห็นนายนั่นอยู่ข้าง ๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามาก

     “ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับคนดีของผม” นายนั่นไม่ว่าเปล่าแต่ยังโน้มตัวลงมาเอาปลายจมูกของเขามาทำให้เกิดความรู้สึกมีลมอุ่น ๆ สัมผัสกับแก้มผมอีกแล้ว ก็ไม่ได้ชอบที่นายนั่นมาทำแบบนี้แต่ในตอนนี้มีคุณพยาบาลอยู่ด้วยครั้นจะให้โวยวายก็คงไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน

     “ว่าแต่ผมเป็นอะไรเหรอ แล้วใครเป็นคนพาผมมาส่งโรงพยาบาลเหรอครับ” ผมถามความจากคุณพยาบาล

     “ไม่ต้องกังวลนะคะคุณแค่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนเพลีย ส่วนคนที่พาคุณมาส่งโรงพยาบาล อ้าวนั่น มาพอดีเลย” คำตอบของคุณพยาบาลถูกขัดจังหวะด้วยเสียงลูกบิดประตูที่ถูกเปิดออก และร่างสูงกำยำของชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามา ด้วยกรามที่ดูชัดและจมูกที่โด่งเป็นสันทำให้ชายคนนั้นดูหล่อและดูดีมากในสไตล์เอเชี่ยนลุค การแต่งตัวของชายคนนั้นร่างกายของถูกปกคุมด้วยชุดสูทที่ดูภูมิฐานและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว เขาคนนี้น่ะเหรอที่ช่วยผมเอาไว้   

     “คุณผู้ชายคนนี้นี่แหละค่ะที่พาคุณมาส่งโรงพยาบาล”

      “อ้าว คุณฟื้นแล้วเหรอ” ชายคนนั้นยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

     “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมเอาไว้ เอ่อ คุณ......”


     “ผมไตรจักร เรียก จักร เฉย ๆ ก็ได้”







TBC


คุณไตรจักรคนนี้จะเกี่ยวข้องยังไงกับนายนะโมหรือเปล่านะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 04:05:02 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตัวละครเพิ่มเข้ามาอีกแล้ว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คุณเป็นใครคะเนี่ย  จะเกี่ยวข้องอะไรกับนะโมหรือเปล่า  :hao7:

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
สนุกมากเลยค่าาา มาต่อบ่อยๆ นะคะ  :call:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ขอโปรโมทแฟนเพจสักเล็กน้อย เรามีแฟนเพจแล้ว กดไลค์กดติดตามไว้อัพเดทข่าวสานนิยายตอนใหม่ๆ หรือเอาไว้ทวงถามตอนหายไปนานก็ได้ อิอิ คลิปที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับผม

https://www.facebook.com/papayaspicy23/

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เขาเป็นใครนะ อยากรู้ๆๆ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
น้องชล  หลงรักตัวเองเหรอเนี่ย 555  ก็นะ นางในฝันสวยเหลือเกินนี่นา
ก็ใครจะไปคิดล่ะเนอะ ตกลงคุณนวลจันทร์ คือ สายชลในชาติที่แล้วสินะ
แล้วมีความเกี่ยวข้องยังไงกับนะโมด้วยหรือเปล่า
ยังมีตัวละครใหม่มาอีก คุณไตรจักร โอย ปริศนาเต็มไปหมดเลย
รอตอนต่อไปค่า  ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:



ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 11 ทรพี



     “ต้องขอบคุณจักรมาก ๆ อีกครั้งนะ ถ้าไม่ได้จักรช่วยเราคงแย่แน่” ผมกล่าวขอบคุณไตรจักรไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ เพราะผมเกรงใจเขามากจริง ๆ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแต่เขามีน้ำใจกับผมมาก ทั้งพาไปส่งโรงพยาบาล แถมยังเป็นธุระพาผมกลับมาเอารถที่ยังจอดทิ้งไว้ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสำนักงานดร.กุสุมาอีกด้วย

     “ไม่เป็นไรเลย เป็นใครก็ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ” ไตรจักรยิ้มแย้มท่าทางดูสุดแสนจะเป็นมิตร คนอะไรก็ไม่รู้สุดแสนจะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง หน้าตาดี ขับรถหรู แถมยังนิสัยดีมาก ๆ อีก สาวคนไหนได้เขาไปเป็นแฟนคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากแน่ ๆ

     “เราไม่รู้จะตอนแทนจักรยังไงเลย ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะ ถ้าจักรมีอะไรให้เราช่วยบอกได้เลยนะ”

     “ก็เราบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ถ้าชลยังไม่หยุดขอบคุณก็ไม่ต้องคุยกันแล้วนะ” ผมเกาหัวอย่างอาย ๆ ผมก็พูดขอบคุณไปหลายรอบแล้วจริง ๆ นั่นแหละ ก็มันเกรงใจจริง ๆ นี่นา

     “แต่ถ้าชลอยากจะตอบแทนเราจริง ๆ ล่ะก็ เอาเป็นว่า...” ไตรจักรเลิกคิ้วทำหน้าครุ่นคิด ผมล่ะก็แอบหวั่นใจ ถ้าเขาอยากได้ของตอบแทนเป็นอะไรที่ราคาขึ้นมาแพงผมก็คงจุกเหมือนกัน ไอ้ชลก็ไม่ได้มีเงินเยอะแยะอะไรขนาดนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียผมก็อยากจะตอบแทนเขาอยู่ดีนั่นแหละ

     “เลี้ยงข้าวเราสักมื้อก็แล้วกัน” ผมโล่งใจไปได้เมื่อไตรจักรพูดถึงสิ่งตอบแทนที่เขาต้องการออกมา ไตรจักรก็ดูไม่ใช่คนกินจุอะไร เลี้ยงอาหารดี ๆ เขาสักมื้อก็คงไม่ได้หนักหนาอะไรเมื่อเทียบกับน้ำใจที่เขามีให้ผม ผมยิ้มรับคำไตรจักรและพยักหน้ารับคำอย่างเต็มใจ

     “วันนี้เราต้องไปธุระต่อ เอาเป็นว่าถ้าชลพร้อมเมื่อไหร่ โทรหาเรามาก็แล้วกัน เราจะรีบล้างท้องรอ แต่บอกเลยนะว่าเราอ่ะกินจุมากชลหมดตัวแน่” ไตรจักรทำหน้ากระเซ้าผมจนผมเผลอหัวเราะตามไปด้วย ก่อนที่เขาจะหยิบเอานามบัตรของเขาในกระเป๋าสตางค์ยื่นให้ผม

     ผมเก็บเจ้ากระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อ ก่อนจะกล่าวคำอำลาและขอบคุณอีกครั้งกับไตรจักร แล้วก้าวลงจากรถหรูของเขา บนยืนโบกมือให้จนกระทั่งรถสีดำสุดหรูของไตรจักรเคลื่อนตัวออกไป ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “นะโมนายเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นนายดูเครียด ๆ มาสักพักแล้วนะ” ผมถามอาการนายนะโมเพราะความห่วงใย เพราะเห็นนายนั่นดูซึม ๆ เครียด ๆ ไปตั้งแต่ตอนที่ตอนที่ผมนั่งรถมากับไตรจักรแล้ว ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนข้าง ๆ นายนะโมที่กำลังนั่งขัดสมาธิหน้าเคร่งเครียดราวกับว่าสมองกำลังถูกใช้งานอย่างนั่งบนเตียงของผม

     “อย่าบอกนะว่าโกรธที่ฉันนั่งรถมากับไตรจักร” ถามเรื่องนี้ไปก็รู้สึกแปลก ๆ อายตัวเองเหมือนกัน ที่อยู่ก็ถามผู้ชายในเชิงว่าหึงผมกับผู้ชายอีกหรือเปล่า ก็นายนั่นชอบทำท่าทางไม่พอใจที่ผมไม่อยากจะใช้คำว่าหึงหวงอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่ผมทำตัวสนิทสนมหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนอื่น ถ้านายนั่นโกรธเรื่องนั้นจริง ๆ ล่ะก็ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงแล้ว ไตรจักรเขาอุตส่าห์ช่วยผมไว้นะ

     “เรื่องนั้นน่ะโกรธอยู่แล้ว ใครจะไม่โกรธที่แฟนตัวเอง นั่งรถไปกับชายอื่นแถมยังนัดกันไปกินข้าวสองต่อสอง แต่เห็นแก่ที่เขาช่วยชลผมเลยไม่ถือสาหาความ” เอ่อ เดี๋ยวนะ ผมไปแฟนกับนายนั่นตอนไหน โมเมไปเองทั้งเพ ได้ยินแบบนั้นลูกตาผมสองข้างมันก็กรอกไปมาเองโดยอัตโนมัติ แล้วสรุปที่มานั่งเครียดอยู่อย่างนี้เป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่

     “แล้วนายเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งหน้าเครียดอยู่อย่างนี้”

     “ก็เพราะนายไตรจักรที่ช่วยชลนั่นแหละ ผมว่าผมคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก คุ้นมาก ผมมั่นใจว่าต้องเคยเจอเขาก่อนที่ผมจะเป็นวิญญาณแน่ ๆ แต่ผมพยายามนึกเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกสักที” นายนะโมกับไตรจักรอย่างนั้นเหรอ มันก็อาจจะเป็นไปได้นะ เพราะตัวตนที่แท้จริงของนายนะโมเป็นใครผมเองก็ยังไม่รู้ บางทีพวกเขาสองคนเขาอาจจะเคยรู้จักกันก็เป็นได้



     “ไตรจักร นฤไพศาลกุล” นายนะโมหน้าตาตื่นหั่นขวับมองมาทางผมทันทีที่ผมอ่านชื่อและนามสกุลบนนามบัตรที่ไตรจักรให้ผมไว้

     “ชล นามสกุลนั้นผมคุ้นหูมาก ผมต้องรู้จักเขาแน่ ๆ” นายตะโมดูแตกตื่นและดูมีประกายความหวังในแววตาไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่แค่นายนั่นสิแต่ผมเองก็มีความหวังเช่นกัน ถ้าถึงขั้นคุ้นเคยกับนามสกุลขนาดนี้ ก็คงจะต้องรู้จักหรือสนิทสนมกันพอสมควร และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ล่ะก็การช่วยให้นายนะโมกลับเข้าร่างก็คงจะง่ายขึ้นมาก

     “นายใจเย็น ๆ นะโม ลองค่อย ๆ นึกดู” สิ้นคำผม นายนะโมทำหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังใช้ความคิดกับอะไรอย่างหนัก ก็บอกว่าให้ค่อย ๆ คิดยังไงเล่า เพียงครู่เดียวเท่านั้น อาการนายนะโมก็เริ่มเปลี่ยนไป ดูเขาไม่ดีเลย ดูราวกับกำลังหายใจเริ่มเร็วขึ้นและแรงขึ้นจนไม่เป็นจังหวะ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนแทบจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่แล้ว สีหน้าแลดูเคร่งเครียดอย่างหนักยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก และในที่สุดก็....

     “โอ๊ย! ผมนึกไม่ออกเลยชล ผมปวดหัว” นายนะโมเอามือทั้งสองข้างจับกุมศีรษะของตัวเอง สีหน้าของนายนั่นตอนนี้ดูทรมานมากราวกับหัวกำลังจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น

     “นายใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไม่เป็นไรถ้าคิดไม่ออก ก็อย่าเพิ่งคิด” ผมแต่พยายามที่ปลอบประโลม และพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น ปัดโธ่เว้ย ทำไมในเวลาอย่างนี้ผมถึงสัมผัสตัวนายนั่นไม่ได้เลยนะ

     “ผมอยากกลับเข้าร่างแล้วชล ผมไม่อยากเป็นวิญญาณอยู่อย่างนี้อีกแล้ว”

     “นายยังมีฉันนะนะโม ฉันจะช่วยนายให้ถึงที่สุด และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอยู่ข้างนาย ฉันเป็นห่วงนายมากนะ”

     “ชล...” สิ้นคำพูดของผม นายนะโมก็เริ่มมีท่าทางที่ดูอ่อนลง นายนั่นหันมามองผมดวงตาของเขาแดงก่ำและมีน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นมาราวกับสายน้ำ ผมเข้าใจความรู้สึกของนายนั่นนะ ใครล่ะจะอยากเป็นวิญญาณ ถ้าเลือกได้ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตมีตัวตนกันทั้งนั้น

     “นายเข้ามาอยู่ในนี้ก่อนได้ไหมนะโม” ในตอนนั้นมีความคิดอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาให้หัวผม ผมจึงหันไปคว้าเอาหมอนสีขาวที่หัวเตียงมาวางไว้บนตัก นายนะโมมองผมและทำหน้าเชิงตั้งคำถาม

     “เอาน่า บอกให้เข้าก็เข้าไปเถอะ” ท้ายที่สุดแล้วนายนะโมก็ทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี ร่างของเขาค่อยๆเลือนหายไป ก่อนที่หมอนสีขาวใบนั้นจะเริ่มมีการเคลื่อนไหว เป็นสัญญาที่บ่งบอกว่านายนั่นได้เข้าไปอยู่ด้านในนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังนั้นผมก็....

     “ฉันรักนายนะโม” ไม่ต้องรู้หรอกว่าความรักที่ผมหมายถึงมันเป็นความเป็นความรักแบบไหน อาจจะเป็นความรักแบบเพื่อน ความรักแบบพี่น้อง หรือความรักแบบ.... ไม่ว่ามันจะเป็นความรักแบบไหนตอนนี้ขอให้ผมเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ก็แล้วกันนะ เมื่อพูดจบผมคว้าเอาหมอนใบนั้นขึ้นมากอดไว้แนบอก และได้แต่หวังว่าความห่วงใยของผมที่ส่งผ่านอ้อมกอดนี้จะช่วยเพิ่มกำลังใจให้นายนั่นรู้สึกดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

     “แค่ได้ยินคำนั้นจากปากชล ผมก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว กอดผมไว้นาน ๆ นะครับคนดีของผม”


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     วันนี้ผมออกมาคุยกับลูกค้านอกสถานที่ เรื่องสถานที่ที่จะใช้จัดงาน กว่าจะคุยงานกันเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว ผมยังไม่ทานอาหารกลางวันเลย เลยได้มาแวะทานข้าวราดแกงจากร้านในระแวกนั้น จิตใจของผมตอนนี้แทบจะให้ความสนใจจับจ้องอยู่แต่กับโทรศัพท์มือถือ เพราะเมื่อคืนผมลองเอาชื่อและนามสกุลของไตรจักรไปค้นหาในเฟซบุ๊ค โชคดีที่ผมหาแอคเคาท์ของเขาเจอ แต่จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่มีการกดตอบรับเป็นเพื่อนจากอีกฝ่ายเลย และข้อมูลทุกอย่างในเฟซบุ๊คของไตรจักรถูกตั้งค่าเป็นแบบส่วนตัวทั้งหมด ผมจะเห็นได้แค่หน้าหล่อจากรูปโปรไฟล์ของเขาก็เท่านั้น อย่างน้อยถ้าผมเข้าไปดูหน้าเฟซบุ๊คของเขาได้ ผมอาจจะเจอข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนายนะโมก็ได้ ตอนนี้ผมยังไม่มีเวลานัดเขาออกมาทานข้าว ครั้นจะให้โทรไปถามเรื่องนายนะโมตรง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง และมีโอกาสสูงมากที่เขาจะไม่เชื่อผมหรือที่ร้ายที่สุดคือเขาอาจจะคิดว่าผมเป็นพวกมิจฉาชีพ วิธีนี้ก็เลยน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่ผมพอจะทำได้ในเวลานี้


     เพล้ง

     “ก็บอกให้เอาเงินมาไงวะ ขายของทั้งวันมันจะไม่มีเงินได้ยังไง”

     “แม่ไม่มีเงินจริง ๆ นะลูก วันนี้ขายของไม่ดีเลย”

     เสียงของแตกและตามด้วยเสียงเอะอะโวยนั้น ทำให้ผมละความสนใจจากโทรศัพท์มือถือ และหันมองไปยังต้นเหตุ คุณป้าแม่ค้าร้านข้าวที่ผมกำลังนั่งทานอยู่ และเด็กวัยรุ่นชายคนนั้นจากที่ได้ยินจากสรรพนามที่ใช้คุยกันเมื่อครู่พอจะได้ความน่าจะเป็นลูกชายของคุณป้า เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังพยายามยื้อแย่งเอากระเป๋าที่คุณป้าใช้เก็บเงินที่ได้จากการขายของ ก่อนที่เขาจะทำให้สิ่งที่ผมเองคาดไม่ถึงว่าจะมีลูกคนไหนกล้าทำกับพ่อแม่

     “โอ๊ย” มือหนาของเด็กหนุ่มคนนั้นฟาดไปบนหน้าของผู้เป็นแม่อย่างแรง จนคุณป้าคนนั้นล้มกองพื้น ผมถึงกับอึ้งไปเพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครกล้าทำกับแม่ของตัวเองได้ถึงขนาดนั้น

     “ไหนบอกว่าไม่มีเงินไงวะ ตอแหลนี่หว่า” เด็กหนุ่มคนนั้นแย่งกระเป๋าเงินไปได้สำเร็จ และล้วงหยิบเงินทั้งหมดในกระเป๋าใบนั้นยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะชี้หน้าด่ากราดแม่ของตัวเอง ไอ้เด็กนี่มันเลวเกินไปแล้วนะ

     “อย่าเอาเงินแม่ไปเลยนะลูก แม่ต้องเก็บไว้เป็นทุนขายของวันพรุ่งนี้” ผู้เป็นแม่ได้แต่ร้องไห้อ้อนวอนลูกชายที่แสนระยำนั่น แต่นอกจากมันจะไม่สนใจแล้วมันยังทุบตีคุณป้าคนนั้นซ้ำอีกอย่างไม่ยั้งมือ ซึ่งมันเกินกว่าที่ผมจะทนดูได้จริง ๆ
ผมรีบตรงเข้าไปคว้าแขนของเด็กระยำคนนั้นที่กำลังง้างออกก่อนที่จะฟาดกระทบโดนคุณป้าคนนั้นอีกรอบ

     “เฮ้ย มึงเสือกอะไรวะ เรื่องของแม่ลูกเขาจะคุยกัน” เด็กระยำคนนั้นสลัดมือผมออกแล้วหันมาตะคอกผมอย่างไม่พอใจ

     “พี่ก็ไม่ได้อย่างเสือกนักหรอกนะ แต่เห็นพฤติกรรมชั่ว ๆ ของน้องแล้วพี่ทนดูไม่ได้จริง ๆ หมามันยังรู้คุณคนที่ให้ข้าวให้น้ำ แต่น้องทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดได้ถึงขนาดนี้ จิตใจน้องก็คงต่ำช้าและเดรัจฉานยิ่งกว่าหมาแล้วล่ะ”

     “ไอ้สัตว์นี่ ปากดีนักนะมึง” เด็กระยำคนนั้นเดินดุ่มตรงเข้ามาหาผมท่าทางดูเอาเรื่องมาก ๆ ดูแล้วเด็กนั่นมันคงอยากจะชกหน้าผมเอามาก ๆ เลยนะ แต่เสียใจด้วยที่คิดได้ไวกว่าเลยชกหน้ามันจนหงายไปก่อนเรียบร้อย

     “มึง!” เด็กนั่นชี้หน้าผมดูท่าทางคงกำลังโมโหสุดขีด มันพุ่งเข้าหาผมอย่างขาดสติคงหมายจะเอาเรื่องผมอีกรอบ อยากจะทำร้ายผมอย่างนั้นหรือ เสียใจด้วยไอ้น้องมันยังเร็วไปร้อยปีแสง พิษสงของไอ้ชลมีมากที่ทุกคนคิดไว้เยอะ

     ผมยันโครมมันทีเดียวเด็กนั่นมันล้มลงกองกับพื้น ผมตามไปขึ้นคร่อมตัวมันแล้วซัดหน้าซ้ำต่ออย่างไม่มีการยั้งมืออีกเสียหลายหมัด จงรู้เอาไว้อย่าทำให้ไอ้ชลโมโห เพราะผมเป็นคนรักครอบครัวรักพ่อและแม่มาก การเห็นคนกระทำแบบนั้นต่อหน้าต่อตามันเป็นสิ่งรับไม่ได้จริง ๆ สำหรับผม เป็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิงก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ไอ้เด็กนั่นแม่ระยำถึงขั้นทำร้ายผู้เป็นแม่ ผมคงปล่อยไว้ไม่ได้ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกกันเสียบ้าง

     “พอแล้วค่ะ พอแล้ว อย่าทำลูกป้าเลย” คุณป้าคนนั้นนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ ผม คุณป้าพนมไหว้ผมแล้วอ้อนวอนของร้องให้หยุดเอาเลือดชั่วออกจากตัวลูกชายคุณป้า ผมเลยจำเป็นต้องยอมหยุดมือไว้เสียก่อนแม้ว่าจะยังรู้สึกว่ายังสั่งสอนเด็กระยำไม่สาสมเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่ายังไงเสียแม่ก็ยังแม่อยู่วันยันค่ำสิคะ ไม่ว่าลูกจะเลวสักแค่ไหน ก็ยังให้อภัยและอยากจะปกป้องลูกให้ถึงที่สุด
ผมล้วงเอาเงินจากกระเป๋ากางเกงไอ้เด็กนั่นแล้วส่งคืนให้คุณป้า ก่อนจะลุกออกจากตัวมัน

     “จำไว้ ถ้าฉันรู้ว่าแกทำร้ายแม่แกอีกล่ะก็ ฉันเล่นแกถึงตายแน่” ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้เด็กนั่น

     ไอ้เด็กคนนั้นดันตัวเองลุกขึ้นยืนทั้งสภาพเลือดกลบปาก ท่าทางมันดูไม่มีความสลดแต่อย่างใด มันจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่แล้วไงใครกลัวเหรอ หลังจากนี้ผมคงต้องแวะเวียนมาสอดส่องคุณป้าบ่อย ๆ เสียแล้ว เพราะดูท่าแล้วกำปั้นผมในวันนี้คงยังไม่พอที่จะทำให้เด็กระยำคนนั้นมันสำนึกได้


     เมื่อเด็กระยำคนนั้นมันเดินออกไปจนพ้นเขตร่มเงาของหลังคาร้าน สิ่งที่ผมเห็นเอาผมถึงกับผงะและเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ร่ายกายของเด็กคนนั้นที่ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องจนเกิดเป็นเงาที่พาดไปบนพื้น มันก็คงจะเป็นเรื่องปกติหากขนาดของเงามันดูมีขนาดเหมือนเงาของคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่เงาของเด็กนั่นมันกลับทอดยาวไปเป็นความยาวหลายเมตร และมือของเด็กนั่นในเงาแผ่บานใหญ่ราวกับตาล ผมมองอย่างตกตะลึงจนเด็กนั่นกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซด์แล้วขับออกไป ทำไมเงาของเด็กมันถึงเป็นแบบนั้น

     “ไม่ต้องแปลกใจหรอกชล เด็กคนนั้นกำลังสิ้นจะอายุขัย นั่นแหละสิ่งที่เขากำลังจะต้องได้รับ” เสียงที่ฟังดูเหมือนปลงชีวิตจากนายนะโมพูดขึ้นที่ข้างหูผม ถึงเด็กนั่นมันจะเลวยังไงแต่พอได้รู้ถึงชะตาที่เขากำลังจะได้พบเจอ ผมก็อดใจแป้วไม่ได้



     ผมเดินมาช่วยคุณป้าเก็บของที่กระจัดกระจายตอนที่ผมมีเรื่องกับเด็กนั่นเมื่อครู่ ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันกระอักกระอ่วนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ไม่รู้ว่าควรจะบอกคุณป้าคนนั้นหรือไม่กับสิ่งที่ผมได้รับรู้เกี่ยวกับลูกชายระยำของคุณป้า

     “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้นะครับ” ผมพูดกับคุณป้าอย่างรู้สึกผิด ตอนนั้นผมก็ใช้อารมณ์มากเกินไปหน่อยจริง ๆ นั่นแหละ

     “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อหนุ่ม ของมันก็ไม่ได้เสียสักเท่าไหร่ ยังไงป้าก็ต้องขอบคุณพ่อหนุ่มนะที่เข้ามาช่วยป้า ไม่อย่างนั้นป้าคงไม่มีเงินไว้ซื้อของมาขายมาวันพรุ่งนี้ จนต้องไปกู้ยืมเขาอีกแน่” คุณป้าพูดไปทั้งน้ำตาไหลพราก ผมได้แต่มองอย่างเวทนา ไม่ควรมีแม่คนไหนได้รับชะตากรรมอันเลวร้ายที่เกิดจากลูกที่ตัวเองให้กำเนิดเป็นผู้กระทำแบบนี้ทั้งนั้น

     “เขาเคยทำแบบนี้มาก่อนด้วยเหรอครับ ทำไมคุณป้าถึงยังยอมให้เขาทำอีก”

     “ป้าชินเสียแล้วล่ะ เวลาเขาไม่พอใจอะไรเขาก็มาลงกับป้าแบบนี้เป็นประจำ แต่ยังไงเขาก็เป็นลูก คนเป็นแม่นะพ่อหนุ่ม ไม่ว่าลูกจะชั่วจะเลวยังไงมันก็โกรธก็เกลียดลูกไม่ลงหรอก มันก่อนลูกป้ามันเป็นเด็กดีนะแต่พอมันไปเข้ากลุ่มกับพวกเพื่อนที่พากันเสพยาและเล่นพนันมันก็เปลี่ยนไป แต่ถึงลูกป้ามันจะไม่รักป้า แต่ป้าก็รักมันมากเสมอ” ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่สักเท่าไหร่หรอกนะ แต่สิ่งที่ผมรับรู้ในฐานะที่ผมก็เป็นลูก คือผมรักแม่ผมมาก และผมไม่วันที่จะทำร้ายพ่อและแม่ผมอย่างนี้แน่นอน และไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายทุบตีบุพการีของตัวเองแบบนี้ทั้งนั้น


     ผมตัดสินใจที่ไม่บอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้นให้คุณป้ารับรู้ ปล่อยให้ทุกอย่างมันไปตามโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตก็แล้วกัน อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิด จากเรื่องของน้องฟางทำให้ผมรู้ซึ้งแล้ว่าผมเปลี่ยนชะตาชีวิตใครไม่ได้





TBC



เรื่องราวของสองแม่ลูกยังมีต่อ และสายชลก็ยังไม่ละความพยายามในการสะกดจิตย้อนอดีต เรื่องราวจะเป็นอย่าง ติดตามตอนหน้าจ้า


รักคนอ่านทุกท่าน  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 08:57:02 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
คุณจักรต้องเกี่ยวข้องกับนะโมแน่เลย เอาใจช่วยทั้งชลทั้งนะโมนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มะโนงอนหรือนั่น เป็นเราก็หึงอ่ะ เห็นคนที่เราชอบไปกับคนรวยหน้าตาดีใจก็แป้ว
หรือว่า เรื่องของลูกป้าขายข้าวจะโยงไปถึงมะโนนะ รอ รอ รอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด