Chapter 23 --- ❝มันเป็นเพราะว่ารักเธอ❞
----------------
วันเสาร์ของผมหมดไปกับการซื้อของเข้าห้องแล้วก็ไปทำธุระกับพี่ปราบจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ พี่ปราบเลี้ยวรถเข้ามายังคาเฟ่แมวเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายก่อนจะกลับคอนโด
เพราะมุกนี้แหละ เมื่อคืนถึงสามารถกลับเข้าไปนอนในห้องได้ไม่งั้น...อย่าหวัง
“มีนครับ พี่เหงา พี่อ้างว้าง โดดเดี่ยว”
“มีนครับ พี่หนาวข้างนอกไม่มีผ้าห่ม พี่ต้องแข็งตายแน่เลย”
“มีนพี่คิดถึง...พี่จะอยู่ยังไงถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนกอดมีน”
“ถ้าให้พี่เข้าไปนอนด้วย พรุ่งนี้สัญญาจะพาไปคาเฟ่แมว”
แกร๊ก !!!ประตูเปิดออกพร้อมคนยิ้มร่าวิ่งขึ้นเตียงจับจองพื้นที่..นี่พี่มันอ้อนเก่งหรือผมใจอ่อนง่ายกันแน่วะเนี่ยย
คาเฟ่แมวในช่วงเย็นวันเสาร์ คนค่อนข้างเยอะแต่พี่ปราบโทรมาจองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้วเป็นโต๊ะในห้องกระจกส่วนตัวที่เหมือนกับจัดไว้สำหรับเราสองคนเท่านั้น อยู่ในมุมหนึ่งของร้านมองออกไปเห็นสวน ภายในห้องวันนี้จัดตกแต่งลูกโป่งหลากสี ดอกกุหลาบสีแดงสวยงามทั่วห้อง
แปลกตาดีเหมือนกัน...
ไอ้เจ้าก้อนสีเหลืองวิ่งเข้ามาหาผมแทบจะทันทีที่นั่งลงกับเบาะ ขี้อ้อนจนผมเผลอลูบหัวตอบสนองท่าทางที่ใช้ทั้งตัวถูไถกับส่วนแขนของผม ส่วนเจ้าสีหมอกกับเจ้าฮาวี่นอนหลับยังไม่ตื่น เลยเหลือแต่เจ้าเหลืองจนฟูที่ผมยังไม่รู้จักชื่อสักทีมานอนหงายโชว์พุงอยู่บนตัก
“ขี้อ้อนนักนะแก มาถึงก็ขึ้นตักเลย” พี่ปราบขยี้หัวน้องเบาอย่างหมั่นเขี้ยว
“คนบ้าอะไร อิจฉาแม้กระทั่งแมว”
“ก็มันนอนตักมีนอะ พี่ยังไม่เคยนอนเลยนะ”
“โว๊ะ..ไอ้พี่ปราบ”
“เดี๋ยวพี่ไปสั่งเครื่องดื่มก่อนนะ เอาชาเขียวกับบราวนี่เหมือนเดิมใช่เปล่า”
“ใช่ครับ”
พี่ปราบทำท่าทางงอแงไม่เข้ากับอายุเลยจริงๆ แล้วลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มกับขนม ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกาแฟและชาเขียวเย็น
“ลุกมานี่เลยไอ้เจ้าก้อน มากินขนมเร็ว”
พี่ปราบเอาขนมแมวเลียมาล่อให้น้องลุกขึ้นจากตักผมเดินตรงหาพี่ปราบในทันทีที่ตามองเห็นขนม
“เมี๊ยว ..เมี๊ยว”
“ห้ามทำอะไรเกินหน้าเกินตา เข้าใจมั้ย เกรงใจพ่อด้วย”
น้องเลียขนมแมวอินจนตาเคลิ้ม คนป้อนลูบหัวน้องเบาๆ ทำเป็นคุยกับแมวเหมือนน้องจะเข้าใจร้องตอบทุกครั้งที่พี่มันพูด แทนตัวเองว่าพ่อซะด้วย ผมกับพี่ปราบชอบเล่นแมวด้วยกันทั้งคู่ตั้งแต่สมัยเด็กผมจะชอบอ้อนขอให้พี่มันพาไปเล่นกับแม่จนบางทีถูกแม่ตีด้วยกันทั้งคู่เพราะหายไปไม่บอก
“ไปหาแม่ไป พ่อเมื่อยจะป้อนแล้ว”
เจ้าก้อนสีเหลืองฟูพออิ่มได้ที่จึงย้ายตัวเองหนีจากพี่ปราบขึ้นมาตอนตักผมเหมือนเดิม พี่ปราบยกโทรศัพท์ถ่ายรูปรัวๆ จนผมยิ้มรับแทบไม่ทัน
ล่วงเลยจนพระอาทิตย์ตกดินความมืดมิดทำให้โคมไฟนับสิบดวงตรงสวนข้างนอกกระจกส่งแสงสวยตัดกับสีเขียวของพื้น เก้าอี้สีขาวกับกีตาร์โปร่งวางตรงชิงช้าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
พรึ่บ !!!
จู่ๆ ไฟในห้องก็มืดดับลง ... ดวงไฟนับสิบดวงตรงพื้นสว่างวาบขึ้นมาแทนไฟหลอดไฟตรงเพดาน คนตัวสูงที่บอกจะออกไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมาพร้อมเจ้าก้อนสามตัว
ฮาวี่ ...สีหมอก...และเจ้าขนฟูสีเหลือง
เสียงกีตาร์ดังขึ้นตรงสวนจากนักร้องที่กำลังเริ่มบรรเลงเพลงรักคลาสสิค เสริมบรรยากาศให้โรแมนติกมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว
พี่ปราบขยับเข้ามายืนใกล้ผม สายตาตวัดมองนิ่งจนใจผมอ่อนยวบก่อนจะเริ่มเอ่ยคำที่ทำให้ผมท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อสักล้านตัวบินวนไปทั่ว
“มีนอาจเคยเจอะเจอกับความรักที่ผิดหวังเหมือนฝันร้ายคอยตามหลอนให้ไม่กล้าจะเปิดใจเพื่อเจอกับรักครั้งใหม่”
ขอบตาผมร้อนผ่าวเมื่อคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นเอ่ยขึ้นจากปากคนตรงหน้า
“แต่ขอได้ไหม ให้อดีตที่เลวร้ายมันจบลงแค่นาทีที่ผ่านมา และต่อจากวินาทีนี้พี่อยากให้มีนมีความสุขกับฝันดีสักที”
“พี่อาจไม่ใช่คนที่ดีพร้อม แต่พี่พร้อมจะเป็นคนดีของมีนนะ”
ไอ้พี่ปราบกำลังจะซึ้ง นั่นเนื้อเพลงไม่ใช่หรือไง...
“ให้พี่ได้เป็นคนดูแลมีนต่อจากนี้นะครับ”
พี่ปราบกระตุกยิ้ม พลันเจ้าก้อนสามตัวเดินเข้ามาหาผมพร้อมผ้าพันคอสามเหลี่ยมสีชมพูปักคำที่ผมอ่านแล้วยกยิ้มขึ้นทั้งน้ำตา
ทั้งบรรยากาศ....
ทั้งคำที่อยู่บนคอเจ้าก้อนสามตัวนั้น....
และคำที่เอ่ยออกมาจากปากของพี่ปราบ...
“เป็นแฟน”
.
“กับพี่”
.
“นะครับ”
กำแพงในใจที่มีคงถึงเวลาที่ต้องพังทลายลงเพื่อเปิดรับสิ่งดีดีที่รอผมอยู่ ไม่ว่าจากนี้ผมจะต้องเสียใจแบบเดิมหรือเริ่มต้นใหม่ด้วยความสุข
ผมจะยอมรับทุกอย่าง..
และผมพร้อมที่จะเริ่มต้นกับฝันดีที่กำลังจะมาถึง....
“ครับ..มีนจะเป็นแฟนกับพี่ปราบ”
.
ขอเพียงแค่เป็นคนตรงหน้า...หัวใจของผมก็ไม่กลัวอะไรแล้ว
คนตัวสูงกว่าเดินเข้ามาคว้ารวบเอวผมเอาไว้กอดแน่น ผมหลับตาพริ้มรับไออุ่นจากคนที่คอยปกป้องผมมาตลอดตั้งแต่วันที่เสียน้ำตาจากความรักจนกระทั่งวันที่น้ำตาของผมได้หมดลง คล้ายฝันร้ายในคืนนั้นได้จบลงด้วยฝันดีที่นับจากนี้คงแต่รอยยิ้มยามตื่นนอนทุกวัน
กอดตอบรับสัมผัสนั้นด้วยความเต็มใจซบใบหน้านิ่มไว้บนอกแกร่ง พี่ปราบยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน ใครจะคิดว่าคนที่เห็นหน้ากันทุกวัน แกล้งกันมาตลอดตั้งแต่เด็กจะเป็นคนเดียวกันกับที่
‘ผมเรียกว่าแฟน’
“เป็นแฟนพี่แล้วนะ”
ผมพยักหน้ารับหงึกๆ ย้ำอยู่นั่นแหละคนในร้านมองเข้ามาหมดแล้ว เห็นแบบนี้ผมก็อายเป็นนะโว้ย
“ใครมาถามก็ต้องบอกว่ามีเจ้าของแล้วนะ”
“อือ..รู้แล้วน่า”
พี่มันกอดรัดเอวผมแน่นหนักกว่าเดิมจนแนบชิดติดกัน เสียงหัวใจพี่ปราบเต้นเร็วกว่าทุกครั้งที่เคย แหม..เห็นแบบนี้ก็เขินเป็นเหมือนกันนะเนี่ย
“พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยอะ ไม่รู้ว่าชอบมั้ย”
พี่ปราบผละผมออกจากอ้อมกอด ไล้มือทั่วกรอบหน้าปัดผมตรงหน้าผากเบามือพลางคักคิ้วขอคำตอบในสิ่งที่ทำเอาไว้ เสียงออดอ้อนแบบนั้นไปฝึกมาจากไหนผมอยากรู้
“ชอบดีมั้ยอะ”
“เอาดีดีสิมีน”
“ปกติพี่ก็เอาดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
พี่ปราบหัวเราะรั่ว บีบแก้มผมเบาๆ แก้เขิน
“นั่นมันคำพูดพี่”
ผมไม่ได้ยึดติดกับบรรยากาศหรือความโรแมนติกอะไรมากนักหรอก ถ้าพี่ปราบจะแค่กินบะหมี่ด้วยกันแล้วถามขึ้นมา คำตอบของผมก็ยังคงเหมือนเดิม
ว่าผม...จะเป็นแฟนพี่ปราบครับ
ความจริงใจต่างหากที่ผมต้องการ สิ่งนั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด และพี่เขาก็ได้ทำให้ผมเห็นและรู้สึกประทับใจมามากพอจนผมกล้าที่จะเดินออกจากจุดหลบภัยของตัวเองให้ก้าวออกมาเผชิญโลกแห่งความรักแล้ว
“พี่รักมีนนะ”
“ไหนวันนั้นบอกว่าชอบ”
“ก็วันนี้ไม่ใช่วันนั้น ความรู้สึกของพี่เพิ่มมากขึ้นทุกวันและจะไม่มีวันเปลี่ยน”
“ไปค้นกูเกิ้ลมาพูดกับมีนปะเนี่ย”
“หึ..คิดเองทั้งคืน ฮ่าๆๆ”
“มีนก็...รักพี่ปราบเหมือนกันครับ”
เรากอดกันอีกครั้งท่ามกลางแสงไฟสีนวล เสียงเพลงที่ฟังดูเพราะกว่าคราวไหน กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลทั่วบริเวณ
และเจ้าก้อนสามตัวที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างเราสองคน
“เมี๊ยววววววว”
“ไอ้ก้อน ห้ามใกล้แฟนพ่อ ...พ่อหวง”
หึ...คนบ้าอะไรหวงแม้กระทั่งแมว!!!
บางทีพี่ปราบก็ทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาผมเลยสักนิด อะไรคือการตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานแล้ววันนี้พาผมมาเปิดตัวกับที่บ้าน
อือ...อ่านไม่ผิดหรอกครับ พี่ปราบพาผมมาทานข้าวที่บ้านจริงๆ ไม่ได้มีแค่ครอบครัวของพี่ปราบเท่านั้นแต่มีคุณนายศรีแม่ของผมด้วยที่นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเย็นมื้อนี้
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ เงียบชนิดที่ว่าหายใจยังรู้สึกผิดแบบนั้นเลย มันกดดัน ตึงเครียดจนไม่กล้าจะยื่นมือไปตักกับข้าวบนโต๊ะมาใส่จานเลยด้วยซ้ำ คุณพ่อ คุณแม่ของพี่ปราบนั่งเงียบตั้งแต่พี่ปราบบอกว่าคบกับผม ส่วนแม่ผมก็นั่งนิ่งเช่นกัน จะมีแต่พี่ปกป้องที่พอรู้บ้างแล้วไม่ได้ตกใจอะไร คอยยิ้มส่งกำลังใจจากฝั่งตรงข้ามมาให้พอใจชื้นได้บ้าง
“แกแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะคบน้องจริงๆ ”
เสียงคุณลุงปรินทร์พ่อของพี่ปราบเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่มีมานาน คุณลุงเป็นคนที่น่าเกรงขาม ภูมิฐาน มีความเป็นผู้นำ น่าเคารพตามความหมายชื่อนั่นแหละ
“ใช่ครับ ผมแน่ใจ” ลูกชายคนเล็กของบ้านที่นั่งข้างๆ ผมเอ่ยขึ้น ทำเอาผมใจสั่นไปหมด แม้พี่มันจะกุมมือผมตลอดเวลาก็ตาม แต่นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยทีเดียวที่ลูกชายคนเล็กของบ้านกำลังคบกับเด็กข้างบ้าน
และที่สำคัญเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
มันจะต้องมีอุปสรรคเหมือนละครหลังข่าวที่ผมดูแน่ๆ เลย ...
“ตัดสินใจดีแล้วแน่ๆ ใช่มั้ยปราบปราม” คุณหญิงมรกตหรือป้ามอสำทับคำของสามีพลางปรายตามองมาที่ลูกชายและคนรักของเขาอีกครั้ง ใจผมสั่นไปหมดมือเย็นจนรู้สึกถึงเหงื่อที่ชุ่มไปทั่ว
“ต่อให้ถามอีกสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง คำตอบก็เป็นคำตอบเลย”
“อะไรคือกำไรและความคุ้มค่าจากการลงทุนครั้งนี้” ผู้เป็นพ่อวางแก้วไวน์ที่เพิ่งจิบไว้บนโต๊ะ ตาคมตวัดมองลูกชายนิ่งราวกับมีแสงพุ่งออกมา พี่ปราบเหมือนคุณลุงไปทุกส่วนโดยเฉพาะดวงตา
“ในการลงทุนเมื่อเราตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งที่เราลงทุนไว้ผลประกอบการไม่เป็นไปอย่างที่คาดคะเนเอาไว้ เราก็อาจจะพิจารณาขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนลง แต่ในเรื่องความรักเมื่อเราตัดสินใจร่วมชีวิตกันแล้ว เราก็ควรอยู่ร่วมกันไปตลอดไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คอยช่วยเหลือสนับสนุนให้เขาดีขึ้นจากเดิมหรือว่าดีเหมือนเดิมไปตลอดพ่อว่าจริงไหมครับ และหากถามว่าอะไรคือกำไรความคุ้มค่าจากการลงทุนครั้งนี้....”
“....”
“ก็คงเป็นความสุขที่เราสองคนได้รักกันครับพ่อ กำไรมันประเมินค่าไม่ได้เลยจากความรู้สึกที่ผมลงทุนไป”
คุณลุงยกยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายคนเล็ก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคลายความตึงเครียดลงบ้างเล็กน้อยพอให้ผมได้กล้าหายใจบ้าง
“แล้วคุณศรีว่ายังไงคะ ถ้าลูกเราสองคนจะคบกัน” คุณนายมรกตหันมาถามแม่ของผมที่นั่งนิ่งเช่นกัน คุณนายศรีจากปกติอารมณ์ดีเมาท์มอยเก่งวันนี้เงียบขรึมจนผมหวั่น
“เลิกแกล้งเด็กได้แล้วมั้งคะ คุณมอคุณปรินทร์”
“หืมม” อะไรซิ !!!
ผมกับพี่ปราบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ ในห้องดังลั่น บรรยากาศช่างต่างจากเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนซะจริงๆ ไม่เหลือแล้วความอึมครึมเหมือนฝนจะตก หรือความตึงเครียดที่ชวนให้ผมขนลุกชวนให้ฉี่จะแตกให้ได้
“หมายความว่าไงครับแม่”
“ก็หมายความว่าแม่แล้วก็ทุกคนรู้เรื่องกันหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ปราบปรามมาขอจีบเรานั่นแหละ”
“เซอร์ไพรส์”
เสียงของทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน เล่นเอาผมยิ่งงงหนักมากไปกว่าเดิมเสียอีก ส่วนคนที่นั่งข้างๆ เหมือนจะรู้เรื่องบ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เริ่มคลายยิ้มขึ้นหลังจากทำหน้าจริงจังสู้ศึกอยู่นาน
อาหารมื้ออร่อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กลิ่นความสุขอบอวลไปทั่วห้องทานข้าวของบ้านหรูนักธุรกิจใหญ่ คุณลุง คุณป้าที่ทำหน้าแกล้งดุเมื่อครู่กลับมายิ้มแย้มใจดีเหมือนเดิมแล้ว คุณนายศรีแม่ผมเองก็กลับมาร่าเริงเมาท์มอยกันสนุกสนาน
ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่ากับสิ่งที่เรียกว่าบ้านอีกแล้ว
และไม่มีใครจะเข้าใจเรามากไปกว่าสิ่งที่เรียนว่าครอบครัวหรอก
“ปราบต้องดูแลน้องดีดีนะลูก ห้ามแกล้งน้องเหมือนเมื่อก่อน ถ้าแม่รู้แม่จะทำโทษ”
ป้ามอเอ่ยสั่งลูกชายพลางกอดผมไว้แน่น ป้ามอบอกว่าพี่ปราบมาสารภาพว่าชอบผมและกำลังจะตามจีบผมหลังวันที่มีอะไรกับผมครั้งแรกแล้ว และท่านเองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรด้วยเห็นว่าพี่ปราบโตมากพอที่จะตัดสินใจอะไรได้แล้วจึงปล่อยให้ทำในสิ่งที่ต้องการ ส่วนคุณลุงเมื่อคุณป้าว่ายังไงก็ต้องตามนั้น
“ได้ข่าวว่าลูกยืนอยู่ตรงนี้มั้ยครับแม่ โอ๋มีนตั้งแต่เด็กจนโตไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
“ก็แม่รักของแม่ น้องมีนเป็นเด็กน่ารัก ยิ่งตอนนี้มาเป็นลูกชายแม่จริงๆ แล้วแม่ยิ่งรักมากขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่าเลย”
“ผมรักด้วยสิครับ” พี่ปราบทำท่าจะเดินเข้ามาทว่าถูกป้ามอดันอกเอาไว้ แม่ลูกคู่นี้ชอบกวนกันเป็นประจำตรงข้ามกับบุคลิกที่คนอื่นเห็นข้างนอก
“ขอบคุณนะครับคุณป้า”
“ครับลูก ป้าฝากดูแลพี่ปราบด้วยนะ”
“ครับผม”
“ขอบคุณนะครับคุณลุง”
ผละออกมาจากอ้อมกอดของป้ามอเดินไปตามแรงดันของท่านไปหาคุณพ่อของพี่ปราบ ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณที่ไม่รังเกียจความรักของเราสองคน
“ดูแลกันดีดีนะลูก”
พี่ปราบกุมมือของผมเอาไว้ โชคดีที่คู่ของผมกับพี่มันไม่ได้มีอุปสรรคมากอย่างที่กังวล ด้วยเพราะความเข้าใจและเห็นความสุขของลูกสำคัญกว่าสิ่งไหนจึงผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดี
“ดูแลมีนดีดีนะพี่ปราบ”
“คร้าบบบบบ”
โผเข้ากอดคุณนายศรีที่เดินมาส่งผมที่รถ หอมแก้มทั้งสองข้างให้หายคิดถึงเพราะอาทิตย์นี้ไม่ได้มานอนค้างด้วย แม่ลูบหลับผมเบาๆ มอบไออุ่นเรียกพลังแบบที่ชอบทำ แม่ยังคงเป็นผู้หญิงที่เข้าใจมากที่สุดของผมและ
ปล่อยให้ผมได้มีอิสระในชีวิตอย่างที่อยากทำ
รวมถึงความรักครั้งนี้ด้วย...
“แม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ ว่าพี่ปราบชอบมีน”
เอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจว่าแม่ผมรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้ารู้ทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกผม ปกติคุณนายศรีต้องเมาท์กับผมแล้วไม่ใช่หรือยังไง
ทำไมคราวนี้ถึงมีความลับกับลูกละครับแม่
“ตั้งแต่วันที่มีนกลับมาบ้านแล้วมีรอยแดงที่คอกลับมาไงละ”
หืม..อะไรซิ
“แม่...”
“นี่แม่นะ ทำไมจะไม่รู้ว่าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับลูกบ้าง ทั้งร่างกายทั้งความรู้สึก”
วันนั้นที่แม่หมายถึงก็คือวันที่ผมกลับมาบ้านหลังจากทะเลาะกับพี่ปราบ ผมว่าผมใส่เสื้อกันหนาวคลุมถึงคอแล้วนะแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นสายตาเหยี่ยวของคุณนายศรีได้เลย
แล้วที่ผมเห็นพี่มันนั่งคุยกับแม่ก็คุยเรื่องนี้สินะ ไอ้พี่ปราบนี่ก็ร้ายไม่เห็นบอกกันเลยปล่อยให้กลัวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน
“ปราบมาสารภาพกับแม่ว่ารังแกมีน ทำให้มีนเสียใจ เขาก็เลยอยากจะมาขอโทษและขอจีบมีน แถมยังบอกอีกนะว่าจะดูแลมีนให้ดีที่สุด”
“แล้วแม่ก็ยอมหรอครับ”
“ยอมสิ..แม่ดูคนที่นิสัยนะ” แม่หัวเราะร่วนตามประสาคนชอบอำ
“นิสัยดีหรอแม่”
“หึ..นิสัยรวย” ผ่าม !!
“แม่...”
“ล้อเล่นๆ แม่เห็นปราบตั้งแต่เด็กแม่รู้ว่าปราบเป็นคนยังไง แม่มั่นใจว่าเขาจะทำอย่างที่พูดได้”
“ขอบคุณนะครับแม่ มีนรักแม่นะครับ”
“แม่ก็รักมีนครับ”
กอดแม่อีกครั้งให้ชื่นใจ แม่ให้อิสระในการใช้ชีวิตกับผมเสมอมา ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจนเติบโตทุกสิ่งอย่างหล่อหลอมให้ผมเป็นคนที่มีความกล้าคิดกล้าตัดสินใจ สิ่งไหนผิดถือว่าเป็นบทเรียนที่แม่สอนให้ไม่ได้ผมต้องเรียนรู้ความหมายของมันด้วยตนเอง ส่วนสิ่งไหนที่ถูกต้องก็ยึดถือเป็นแนวทางที่ดีในการดำรงชีวิตต่อไป
“ขอบคุณนะครับน้าศรี” พี่ปราบเดินเข้ามายกมือไหว้แม่ผม พี่ปราบก็เป็นขวัญใจแม่เหมือนกันแหละ แม่มักจะชมพี่มันให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็ก
“ป้าฝากดูแลน้องด้วยนะครับ”
“ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ”
รถเคลื่อนที่ออกจากบ้านของพี่ปราบ พร้อมกับภาพคนในครอบครัวของเราสองคนที่ยืนส่งยิ้มแทนคำอวยพรให้กับความรักของเราสองคน คนข้างตัวคว้ามือไปเกาะกุมวางไว้บนตัก จากนี้ไปโลกของเราสองคนจะหมุนพร้อมกันตราบใดมือคู่นี้ยังจับกันแบบนี้ตลอดไป
“พรุ่งนี้ย้ายมาอยู่กับพี่เลยนะ”
“ไม่”
พี่ปราบหันขวับทันทีที่ผมตอบออกไป เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่าขับรถอยู่มั้ยไอ้พี่ปราบ ผมรีบดันหน้ากลับไปให้โฟกัสกับถนนตรงหน้า
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ พี่อยากอยู่ใกล้ๆ มีนอะ อยากเจอทุกวัน อยากกอดทุกคืน อยากกินกับข้าวฝีมือมีนด้วยอะ ทำไมใจร้ายจัง”
.
“ถ้าอยากมากขนาดนั้นก็ย้ายมาอยู่กับมีนสิ”
“หืม...อะไรนะ”
.
“ของดีมีแค่ครั้งเดียวโว้ยยย”
และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นพี่ปราบก็แวะที่คอนโดตัวเอง หยิบเสื้อผ้ากับของใช้เท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋า พร้อมโทรบอกให้แม่บ้านมาจัดการเตรียมของย้ายไปห้องผมในวันพรุ่งนี้
เอิ่ม..... อะไรมันจะเวอร์ขนาดนั้นพ่อคุณ ถามจริง
“ก็พี่อยากอยู่กับมีนนี่ครับ”ตอนหน้าจะจบแล้วนะทุกคนมาส่งกำลังใจกันหน่อย ^^