ตอนที่ 6วันอาทิตย์คุณหญิงไม่ได้ไปสนามกอล์ฟ ชิณณะขับรถมารับไข่ตุ๋นแต่เช้าเพื่อไปส่งที่บ้านของคุณหญิง และกลับมาพร้อมกับก๊วนกอล์ฟ เพื่อรับกลับ เพียงแต่ท่าทีของไข่ตุ๋นตอนที่มารับต่างจากในตอนที่มาส่งไปมาก
"สกาวยังไม่กลับมาใช่มั้ย"
ไข่ตุ๋นพยักหน้า ทำให้ชิณณะผ่อนลมหายใจยาว "เคยหายไปนานขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า"
ไข่ตุ๋นยังคงพยักหน้า
"คุณหญิงให้ผมดูรูปของคุณเล็ก แล้วก็เล่าเรื่อง ผมเพิ่งรู้ว่า คุณเล็กเดิมชื่อแบงค์ แต่ที่เรียกว่าเล็ก เพราะเป็นลูกคนเล็ก" หนุ่มตัวเล็กพูดเรื่อยๆ ยอมให้ชิณณะจูงมือเดินเข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงที่โซฟาในห้องทำงาน
ชิณณะเล่าเรื่องต่อ "ลูกของ...เมียน้อยท่านนายพล เธอพาแบงค์มาบ้านตอนที่เขาอายุได้ 3 ขวบ รับเงินไปก้อนหนึ่ง ต่อมาถึงได้รู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง คุณหญิงยิ่งสงสารแล้วก็ตามใจ"
ไข่ตุ๋นฟังเรื่องอย่างตั้งใจ
คุณหญิงทั้งรักทั้งสงสาร แต่การตามใจดูเหมือนจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ทั้งพ่อและโต้งพยายามตักเตือน แต่คุณหญิงก็มักจะออกรับแทนมาโดยตลอด
ยิ่งรับรู้เรื่องราวยิ่งทำให้ไม่สบายใจ
"ผมรู้ว่าความเป็นไปได้มันแทบไม่มี แต่ก็กลัว ไม่อยากให้คุณเล็กเป็นคนที่ทำร้ายพี่หวาน"
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังให้กำลังใจ
ความรู้สึกไม่สบายใจของไข่ตุ๋นเกิดตั้งแต่เห็นรูปเล็กครั้งแรก แต่ที่ยังทำต่อไป ก็เพราะสงสารคุณหญิง แต่มาคราวนี้ ดูเหมือนจะแน่ใจมากขึ้นว่าใช่ แต่ไม่อยากยอมรับ
“แล้วอะไรทำให้ไม่สบายใจ”
“ในรูปที่คุณหญิงให้ดู มีเพื่อนคุณเล็กอยู่ด้วย มีคนหนึ่งหน้าเขาคล้ายกับคนที่ร้องบอกคนที่ถ่ายรูปว่าให้ถ่ายหน้าพี่หวานให้ชัดๆ อย่าถ่ายเขา ทำให้เขาเป็นคนเดียวที่เห็นหน้าชัดที่สุดในตอนที่เปิดกล้อง...”
ชิณณะขมวดคิ้ว “ถามคุณหญิงหรือเปล่าว่าคนนั้นชื่ออะไร”
“ผมไม่ได้ถาม แต่คุณหญิงเล่าว่า เพื่อนคุณเล็กเกเร แต่คุณเล็กไม่ใช่ แล้วก็ชี้บอกว่าคนนั้นคนนี้ชื่ออะไร ส่วนคนนี้ชื่อเก่ง แต่ก็อย่างที่ผมบอกคุณ ผมยืนยันได้แค่ว่าคล้าย เพราะผมรู้สึกตกใจตอนที่เห็นคลิปของพี่ แล้วก็รีบปิดไป”
ชิณณะกอดหนุ่มตัวเล็กไว้ กดศีรษะเล็กๆ ให้ซุกพิงที่อกกว้าง
สำหรับไข่ตุ๋นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างหยุดอยู่แค่ความไม่แน่ใจ
แต่ที่แน่นอนก็คือ งานศพของเก่งเพิ่งผ่านไป โต้งบอกว่าแม่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่แม่กลับเอารูปของเก่งให้ไข่ตุ๋นดู
อาจบังเอิญ หรือเจตนายังไม่รู้
บางทีแม่อาจให้ใครบางคนสืบเรื่องของไข่ตุ๋น แต่ถ้าผลของการสืบมันโยงไปจนถึงเรื่องของเก่งกับไข่ตุ๋น ก็แสดงว่าต้องรู้เรื่องที่เก่งทำร้ายสกาว
มันออกจะหลงทิศหลงทางมากไปหน่อย
โดยทั่วไปนักสืบมักจะตามหาเฉพาะเป้าหมาย คือเรื่องของไข่ตุ๋นเป็นหลัก
ความคิดยังคงสับสน จนคล้ายระแวงไปหมดทุกคน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นโต้งโทรมาบอกว่า ตำรวจพบรถของเล็กในแม่น้ำแถวอ่างทอง เป็นศพอยู่ในรถ และกำลังจะไปยืนยันเรื่องรถ ส่วนศพต้องรอกลับมาที่นิติเวช
“แล้วแม่ล่ะ”
“ยังไม่ได้บอก กูกับพ่อคุยกันว่าดูให้แน่ใจ ตกแต่งศพให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยให้แม่เห็น อยากให้แม่จำเล็กในสภาพที่ดีที่สุด”
โต้งพูดแล้วสบถ ชิณณะก็เลยบอกว่าให้ใจเย็นๆ เพราะกำลังขับรถอยู่
“กูไม่ได้ขับมาเอง ให้พี่เขาขับให้ มือกูสั่นไปหมดแล้วเนี่ย”
คำว่าพี่ของโต้ง หมายถึงหนึ่งในกลุ่มทหารคนสนิทของพ่อ
ตลอดเวลาที่ชิณณะคุยโทรศัพท์กับโต้งไปเรื่อยๆ ไข่ตุ๋นก็เลยลุกไปรินน้ำเย็นมาให้
ชิณณะหันมาขอบใจแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
“น้องยังอยู่ที่นี่ กูยังไม่ได้ไปส่งบ้าน”
ชิณณะตอบคำถามของโต้ง แล้วก็ชวนคุยไปตลอดทาง โต้งยังคงเปิดสายโทรศัพท์ทิ้งไว้ ในตอนที่ไปถึงที่พบรถ
ชิณณะฟังเสียงสนทนา
คำพูดของโต้งชัดเจนจนเหมือนก้องอยู่ในหู “นี่เป็นรถปอร์เช่ของน้องผมครับ ทะเบียน สีรถ ยี่ห้อถูกต้องหมดครับ”
จากนั้นก็เป็นการยืนยันทรัพย์สินในรถ และผลการตรวจสอบเบื้องต้น ว่า “ดูจากสภาพของตะไคร่น้ำที่รถ กับศพที่เราย้ายไปที่นิติเวชแล้ว คาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 เดือน แต่ต้องรอผลพิสูจน์ยืนยันอีกครั้งนะครับ”
โต้งกลับเข้ามาในรถ ทิ้งตัวลงพิงเบาะอย่างหมดแรง บอกกับเพื่อนที่ยังคงอยู่ในสาย “กูจะกลับเข้ากรุงเทพฯ ไปนิติเวช แต่กูต้องโทรหาพ่อก่อน ขอบใจที่อยู่ด้วยกันว่ะเพื่อน”
“เออ อยากให้กูไปนิติเวชด้วยมั้ย”
“อย่าเลย กูไม่อยากร้องไห้กับมึงต่อหน้าน้อง แค่นั่งพร่ำเพ้อกับมึงมาตลอดทางจนถึงตอนนี้ กูก็แย่พออยู่แล้ว”
“งั้นกูไปส่งน้องก่อนก็ได้ ห่า กลัวเสียหน้ากับน้องก็ไม่บอก”
ชิณณะตัดสายทันที แล้วหันมาบอกกับไข่ตุ๋นว่า จะแวะไปส่งที่คอนโดฯ ก่อน
“เรื่องไปอยู่กับคุณหญิงเช้าวันอาทิตย์ พี่จะคุยเอง ถึงข้ออ้างมันจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถ้าทำแล้วไม่สบายใจ ก็หยุดดีกว่า”
“นั่นแหละที่ผมว่าแย่มาก เพราะมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากที่ผมสามารถทำได้”
ไข่ตุ๋นเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินมาหาชิณณะที่รออยู่หน้าบ้าน
“แล้วไข่ตุ๋นอยากดูแลคุณหญิงอีกหรือเปล่า”
ไข่ตุ๋นกัดปากแล้วส่ายหน้า “คุณถามพี่โต้งกับพ่อก่อนดีมั้ย ถ้าพวกเขาเห็นว่าผมควรจะไปดูแลคุณหญิง ผมก็จะไป แต่ถ้าไปแล้วเกิดทำให้คุณหญิงเสียใจมากกว่าเดิม ผมก็ไม่ควรไป”
ชิณณะพยักหน้ารับทราบ ขับรถไปส่งไข่ตุ๋นที่คอนโดฯ กำชับให้พักผ่อน อย่าเครียดกับเรื่องของคุณหญิงให้มากและไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน
ตอนที่ชิณณะไปถึงนิติเวชมีทหารรออยู่ก่อน 2 นายจนกระทั่งโต้งมาถึง ก็เข้าไปพร้อมกัน เจ้าหน้าที่แจ้งว่า การพิสูจน์ยังไม่เสร็จสิ้น แต่ถ้าจะดูศพตอนนี้ก็ทำได้เช่นกัน
“เรายังต้องตรวจสาเหตุการเสียชีวิต แต่ถ้าผู้พันจะยืนยันศพก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องแจ้งขอดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบ”
เมื่อเข้าไปในห้องกลิ่นของศพก็ปะทะจมูกทันที เพียงแต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่แพทย์ถอดมาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ ทำให้โต้งคว้าข้อมือเพื่อนไว้แน่น
“นั่นนาฬิกาของเล็กครับ ส่วนเสื้อผ้าผมไม่แน่ใจ”
เจ้าหน้าที่นิติเวชจดบันทึกตามที่โต้งบอก แล้วเดินนำไปที่โต๊ะ ยังไม่เปิดผ้าที่คลุมไว้
“พร้อมหรือไม่ครับ”
โต้งพยักหน้า เจ้าหน้าที่เปิดผ้าช้าๆ ให้เห็นส่วนศีรษะที่เน่าเปื่อยแล้ว
เวลา 4 เดือนนานเกินกว่าจะหลงเหลือเค้าเดิมของน้องชายที่หายไป
มือใหญ่แตะที่เส้นผมสีอ่อน ขณะที่พยักหน้าอีกครั้ง
“น้องของผมเองครับ”
กลับออกมาข้างนอก โต้งเดินนำไปที่เก้าอี้ใต้ร่มไม้ใหญ่ ถอนหายใจยาวแล้วกดโทรศัพท์หาพ่ออีกครั้ง จากนั้นก็เป็นการแจ้งให้ทหารคนสนิทจัดการเรื่องราวทุกอย่าง
“ผมยังเอาน้องออกมาไม่ได้ เพราะเขาต้องหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม”
โต้งบอกพ่อไปตามที่แพทย์บอกมา แล้วหันมาหาเพื่อน
“ทีนี้ก็ขั้นตอนที่ยากที่สุด”
“บอกแม่”
“เออ” โต้งยอมรับ รวมถึงทหารคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็ยอมรับเหมือนกัน “ทุกคนรู้ว่า แม่รักเล็กมากขนาดไหน จนกูเคยคิดว่าสงสัยกูนี่แหละลูกเมียน้อย” นายทหารตัวโตชี้เพื่อนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “อย่ามายิ้ม เห็นกูอย่างนี้กูก็น้อยใจเป็น เพียงแต่พอโตๆ ขึ้นมา กูกลับคิดว่า ที่แม่ทำกับเล็ก มันเหมือนพ่อแม่รังแกฉัน”
“เล็กไปสบายแล้ว” ชิณณะเตือน
“เออ กูแค่กำลังพยายามรวบรวมคำพูดไปบอกแม่”
และทั้งที่พ่อกับโต้งพยายามคิดหาคำพูดบอกกับแม่เรื่องเล็ก แต่แม่ก็ยังคงเสียใจมากจนต้องไปรับแพทย์มาดูแล
ผลการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบว่าเป็นการฆาตกรรม ไม่พบว่ามีใครอยู่ในรถของเล็กอีก ทำให้คาดว่าเล็กอาจหักรถหลบบางสิ่งบางอย่างบนถนน ทำให้เสียหลักตกลงไปในแม่น้ำ
หวานกลับบ้านในตอนเย็น พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ขณะที่ไข่ตุ๋นนั่งเขียนรายงานอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“โห คุณชายนึกยังไงมาทำรายงานในครัว”
ไข่ตุ๋นไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามไปอีกเรื่อง “กินอะไรมาหรือยัง”
“ยัง เบื่อน่ะก็เลยกลับ”
ดวงตากลมที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนมองมานิ่งๆ “พี่เปลี่ยนเบอร์อีกแล้วหรือ”
“เออ แกโทรหาฉันหรือไง”
“ก็คราวนี้พี่หายไปตั้ง 2 อาทิตย์ เวลาเรียนจะไม่พอเข้าสอบ”
“ไม่พอก็ไม่พอสิ” หวานยักไหล่ เดินไปหยิบน้ำดื่มแล้วกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับไข่ตุ๋น “ไม่ถามหรือไง”
ไข่ตุ๋นส่ายหน้าเก็บรายงาน รู้เหมือนกันว่าควรถามเรื่องเงินที่หายไป แต่สมองมันหนักๆ ใจมันก็อึมครึม ถ้าถามไปพี่สา่วจะตอบมาตามตรงหรือเปล่า “กินข้าวผัดหมู กับแกงจืดนะ”
“ขอเป็นต้มยำได้มั้ย แต่ฉันอยากกินข้าวผัดแหนมแล้วก็ขนมจีบกุ้งด้วย”
น้องชายพยักหน้า หันมาหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปจากห้อง
หวานแค่ล้างหน้าล้างมือ รื้อของในกระเป๋าเสื้อผ้า กริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น
จากกล้องหน้าห้อง คนที่มาคือชิณณะ
หญิงสาวหรี่ตาลงแล้วยกยิ้มมุมปาก ที่เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเหมือนสกาวคนเดิมในทันทีที่เปิดประตูห้องให้ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง
“มาหาสกาวหรือคะ”
“เปล่า” ชิณณะตอบตรงๆ ขณะที่ก้าวเข้ามาแล้วมองไปรอบห้อง “ไข่ตุ๋นล่ะ”
“ออกไปข้างนอกค่ะ ที่นี่ไม่มีเบียร์ คุณชิณณะรับน้ำส้มนะคะ” หญิงสาวกอดแขนรั้งให้เดินมาที่โซฟาหรูในห้อง
พอชิณณะหยิบโทรศัพท์ออกมา หญิงสาวก็ดึงไว้ “ตุ๋นไม่อยู่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ เราจะได้คุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที” หญิงสาวเบียดร่างกายแนบชิด ใช้นิ้วมือเกลี่ยที่คางสาก ชิณณะคว้าข้อมือไว้ให้หยุด
“ฉันไม่มีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธอแล้ว”
“สกาวรู้ตัวนะคะ ว่าเป็นคนที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน คุณเองน่ะแค่เงิน 2 ล้านมันไม่ทำให้คุณย่ำแย่ลงได้หรอก”
ชิณณะหัวเราะหึหึ “ฉันไม่ย่ำแย่หรอก ถ้าสกาวเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ แต่จะย่ำแย่ถ้าสกาวเอาเงินนั้นไปกิน ดื่ม เที่ยวหาความสุขไปเรื่อย แล้วยังเอาเงินของน้องไปอีก”
หญิงสาวก้มหน้า เหลือบตามองประตูห้องพัก
“สกาวบอกคุณไม่ได้หรอกค่ะ ว่าสกาวมีความจำเป็นอะไร แต่สกาวไม่ได้เอาเงินของคุณไปเล่นการพนันหรือหาความสุขไปเรื่อย”
มีเสียงเบาๆ ดังที่หน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแตะที่คางสาก ขยับตัวเข้ามาหา
“ไข่ตุ๋น!” ชิณณะร้องด้วยความตกใจ
แต่ปฏิกิริยาของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับดูนิ่งเฉย ถอดรองเท้าไว้หน้าห้องแล้วเดินเอาของที่ซื้อมาเข้ามาวาง
มีเพียงชิณณะที่รีบลุกมาหา คว้าข้อมือไว้ แต่ไข่ตุ๋นก็แกะมือออก
“ไข่ตุ๋น พี่ไม่ได้..”
“คุณชิณณะคะ เราไปคุยกันต่อไม่ดีกว่าหรือคะ หรือว่าอยากออกไปข้างนอกเหมือนเคย” หญิงสาวตามเข้ามาควงแขน รั้งให้ชิณณะหันมาหา
ไข่ตุ๋นเหมือนไม่เห็น ไม่ได้ยิน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น สะบัดมือของชิณณะออก แล้วหันไปเตรียมเครื่องทำข้าวผัด กับต้มยำ
“ไข่ตุ๋น ฟังพี่ก่อน พี่กำลังคุยกับสกาวว่า เอาเงินไปทำอะไร แต่สกาวบอกกับพี่ว่ามีความจำเป็น แต่บอกไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้เอาเงินไปเล่นการพนัน” ชิณณะพูดอย่างรวดเร็วไม่ฟังเสียงของสกาวที่พยายามขัดคำพูด
ทั้งไม่สนท่าทีที่นิ่งเฉยของไข่ตุ๋น และยังคงเหมือนไม่ได้ยินอยู่เหมือนเดิมเมื่อชิณณะพูดจบ
ไม่เคยลำบากใจและเป็นทุกข์ใจ เมื่อถูกเมินเฉยขนาดนี้มาก่อนเลย
เป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต
หญิงสาวเงยหน้ามองชิณณะ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยใช้เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แววตาที่มองน้องชายไม่ต่างอะไรจากคนอกหักโดนทิ้งจนหมดสภาพเลยสักนิด
...ถึงเขาจะดูน่าสงสาร แต่ก็ดีแล้ว ที่ไข่ตุ๋นไม่สนใจผู้ชายคนนี้...
ทั้งชิณณะ และสกาวต่างก็รู้ ว่าการแสดงท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้ของไข่ตุ๋นหมายถึงความโกรธอย่างถึงที่สุด และไข่ตุ๋นกำลังลงโทษด้วยการทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นเพียงอากาศ
ไข่ตุ๋นทำอาหารให้พี่สาวเสร็จก็เก็บของเดินกลับเข้าห้อง
ชิณณะเดินตามไปเคาะประตูห้องเบาๆ “ไข่ตุ๋น แล้วพี่จะโทรหานะ”
หวานไม่ลืมที่จะตามไปย้ำกับชิณณะอีกครั้ง “เรื่องเงินน่ะ ให้สกาวใช้คืนคุณเองดีกว่านะคะ ไม่ต้องให้ตุ๋นไปทำงานให้คุณหรอก” น้ำเสียงและแววตาของหวานบอกชัดเจนยิ่งกว่าคำพูด ว่าจะใช้คืนด้วยอะไร
ชิณณะถอนหายใจแรงๆ “สัญชาติเสือน่ะมันดันทุรังทั้งที่รู้ว่ามันทำผิด ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตมันก็จะทำให้ได้ แต่คนโง่ที่ไม่รู้ตัวว่าทำผิด กลับคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วก็ยังคงทำต่อไป ยิ่งทำยิ่งพาตัวเองจมลงไปในเหวลึก”
=======จบตอนที่ 6======
สวัสดีวันจันทร์ครับ
หลังจากอ่านความเห็นมาหลายตอน จนถึงตอนนี้ทำำให้ชักกังวล เพราะ "ความจริง" มันอยู่ตอนที่ 19 ที่เป็นตอนจบ
พักสอบตอนเที่ยงตัวหนังสือสีฟ้าคงมาตอบคำถามคุณ
เพราะถ้าให้ผมบอก ผมก็คงบอกกับคุณว่า "โปรดอ่านตอนต่อไปครับ"
กับ
ผมกับน้องไม่ได้ลึกลับนะครับ หากต้องการคุยกันก็เชิญที่เฟสจะสะดวกกว่าครับ
ขอบคุณที่คุณชอบและให้คำแนะนำ พบกันวันพุํธนะครับ
ไจฟ์ครับ
ตัวหนังสือสีฟ้ามาตอนค่ำวะฮะฮ่า เพราะพอจะพิมพ์ก็ให้มีอุปสรรคเสียทุกครั้งไป แล้วไหนล่ะคำถามน่ะ รบกวงนถามหน่อยเหอะ คนอยากบอกมันปึ้ดปั๊ดฮัดช่า
งั้นเรื่องที่ภูมิใจนำเสนอมากก็คือ ผมเขียนหวานหรือสกาวหล่ะ เพราะป๋าต้องการให้มีความหวงแบบเกมและจิตแบบก้อย คือเกมเนี่ยผมเขียน แต่ก้อยเป็นป๋าเขียน (ตัวโกงป๋าเป็นก.ไก่้ทุกคนเลยเนอะ แต่กิ๊บ(นามสมมุติ)เนี่ยผมคิดเอง) ก็เขียนไปแก้ไปกว่าประโยคมันจะคงที่
เวลาเขียนไข่ตุ๋นจะตลกมาก เพราะเขาเป็นตัวที่ไม่พูดแล้วใ้ช้ภา่ษาท่าทาง ช่วงแรกของตอนนี้ พี่ไจฟ์เขียนเสร็จ ผมก็พยักหน้า แต่ไม่พิมพ์ว่าพยักหน้าไง ป๋าก็ ทีหลับหรือไง ผมก็พยักหน้า ป๋าก็ เออ งั้นไปนอนไป ผมก็พยักหน้าอีก ป๋าก็อะไรวะ ไปนอน ผมก็พยักหน้า แล้วนึกขึ้นได้ รีบพิมพ์กลับมาว่าพยักหน้า ป๋าถึงกับเพลีย
คิดถึงคุณเหมือนกัน
ทีครับ