เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 11 : ต๊อบทำไรผิด
“คุณแก้วโอเคมั้ยครับ” พอออกมาได้ผมก็พาคุณแก้วไปหาที่นั่งใต้ต้นไม้ “พอแล้ว วันหลังคุณแก้วใส่รองเท้าแตะมาเลยนะครับ”
คุณแก้วหัวเราะเสียงดังออกมา เธอตีไหล่ผม “บ้า คุณต๊อบ”
“คุณแก้วไม่ปวดเท้าบ้างเหรอครับ”
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ชินแล้ว” คุณแก้วพูด เธอมองผมที่กำลังดูข้อเท้าให้ “จะไม่ให้ใส่จริงๆเหรอ”
“ก็ ก็ ใส่ก็ได้ครับ” ผมตอบงุบงิบ พอคุณแก้วอ้อนเข้าก็เสือกใจอ่อนเลย ยังไม่ทันแข็งด้วยซ้ำ! “ไม่ห้ามหรอกครับ ไว้ปวดเดี๋ยวผมนวดให้เอง”
เธอหยิกแก้มผม ดึงจนยืดออกมา ตัดแล้วพกกลับบ้านเลยไหมครับ
ถึงผมจะชอบเด็กแต่ก็ชอบเด็กดีๆมากกว่าเด็กเปรตๆนะเว้ย ชะ มาทำคุณแก้วในวันเดตวันเที่ยวกับผมแบบนี้ได้ยังไง แย่ ถ้าไม่เขินและหน้าบางมากจนเกินไปผมคงอุ้มคุณแก้วเดินชมทั่วท้องฟ้าจำลองแล้ว
“คุณต๊อบลุกเร็วค่ะ เดี๋ยวกางเกงเปื้อนหมด”
ผมนั่งคุกเข่าอยู่(อีกแล้ว) ถึงอย่างนั้นคุณแก้วก็ดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธอดึงผมลุกขึ้นแล้วมานั่งข้างๆ ก่อนจะปัดๆฝุ่นให้ ผมถามคุณแก้ว “เดินไหวมั้ยครับ”
“อือได้อยู่ค่ะ”
“งั้นเราไปดูปลากันมั้ยครับ ค่อยๆเดินดูกัน” มันต้องติดสติ๊กเกอร์ก่อนจะเข้าไปดู ผมแงะๆออกมาแล้วติดให้คุณแก้วที่ไหล่ ตอนแรกผมจะติดให้เธอแล้วที่หน้าอกแต่ก็นึกขึ้นได้เรื่องความเหมาะสม ผมเงอะงะทันที รู้สึกมือไม้เริ่มเกะกะ “อะ เอ่อ ครับ”
คุณแก้วยิ้มก่อนจะจับเสื้อเพื่อให้ผมติดโดยที่เธอไม่ว่าอะไรสักคำ ผมลอบกลืนน้ำลายแล้วค่อยๆแปะ
ส่วนเธอก็ติดให้ผมด้วย แถมยังจิ้มหลายที แหนะ คุณแก้ว ลวนลาม
“คุณต๊อบอย่ายุกยิกสิ เดี๋ยวหลุด”
“ก็มันจั๊กจี้อะครับ” ผมเหวอๆก่อนจะหัวเราะ “คุณแก้ว” จู่ๆเธอก็หยิกผมเหมือนหมั่นไส้อะไรสักอย่าง
“คุณต๊อบนี่มันน่าตีจริงๆเลย” เธอแก้มป่อง ก่อนจะทัดปอยผมไว้ข้างหู คุณแก้วเปลี่ยนมาใส่
รองเท้าตัวเองเหมือนเดิม เธอเดินควงแขนผม ค่อยๆเดินไปตรงสัตว์น้ำที่อยู่ตรงข้ามโดมท้องฟ้าจำลอง พอบรรยากาศมันให้ขนาดนี้ผมก็ไม่อยากจะถามคุณแก้วเรื่องนั้นแล้ว ผมยอมรับว่าผมกลัวที่จะต้องเสียคุณแก้วไป
มันน่าจะเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไปเองนั่นแหละ
เชี้ย ถ้าเกิดถามไปแล้วไม่ใช่ คุณแก้วเขาจะคิดไงล่ะ เออ คิดสิต๊อบ เกือบทำทุกอย่างพังเพราะความโง่ของตัวเองแล้วไหม ดีที่อย่างน้อยผมนั่งซึมอยู่เองสามวันแล้วก็จบ ไม่ได้ทำตัวงี่เง่าอะไรมากกว่านั้นต่อ
เฮ้อ
โล่งใจ
ข้างในมันมืดๆ สีไปโทนน้ำเงินหมด มีตู้ปลาเพียบ แต่เด็กแม่งเยอะมาก
เยอะกว่าปลาอีกกกก
“ตัวนี้น่ากิน” ผมเอาหน้าแนบไปกับกระจก ก่อนจะเรียกให้คุณแก้วดู
“มันกินไม่ได้” เธอหัวเราะ จะว่าไปด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบเล่นโทรศัพท์เวลาอยู่ด้วยกัน ผมเลยลืมนึกถึงเรื่องการถ่ายรูปไปเลย แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงแชะ
“คุณแก้วถ่ายทำไมไม่บอกก่อนครับ”
“คุณต๊อบซนกว่าเด็กอีก” เธอดูรูปในโทรศัพท์แต่ไม่ยอมให้ผมดู ผมพยายามเขย่งเท้าแย่งคืน แต่คุณแก้วแขนยาวไปไหนไม่รู้ เดี๋ยวนะ ทำไมเป็นงี้
“ไหนเอามาดูก่อนครับ”
“ไม่ให้” คุณแก้วมองผม ตาแบบนี้แหละ ระยิบระยับอย่างที่ผมเคยบอก ดูสนุกสนานมากกับการที่ผมแย่งโทรศัพท์จากมือเธอไม่ได้สักที
ฮึ่ย
ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะนะ อยากจับมาจูบๆๆๆสักที
“ไม่งั้นผมถ่ายคุณแก้วคืนนะครับ” ผมยกโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาบ้างก่อนจะถ่ายคุณแก้วรัวๆ เธอร้องว้ายแล้วรีบปิดหน้า เพราะผมถ่ายมุมเชี้ยมาก คุณแก้วคงยังไม่รู้กิตติศัพท์ที่ไอ้ฟักมันตั้งให้ผมสินะครับ แชะร้อยศพ
“ดูสิคะ ปลาตะเพียน คุณต๊อบดูเร็ว” คุณแก้วจับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้าง แล้วลากผมไปดูที่ตู้ปลาต่อ เธอยกมือจับหมวกแล้วมายัดใส่หัวผมแทน
“โอ้ เหมือนที่เขาพับๆเลย” ผมร้อง สนอกสนใจกับตู้ปลาอีกรอบ เออว่ะ เหมือนจริงด้วย ปกติไม่ค่อยได้เห็นสัตว์น้ำตัวเป็นๆนานแล้ว
“ตอนเด็กๆคุณต๊อบเคยพับหรือเปล่า” คุณแก้วโน้มลงใกล้ๆที่ผมกำลังมอง มีปลาอยู่สองสามตัว แต่เรามองตัวเดียวกัน
“เคยครับ แล้วก็ได้คะแนนน้อยด้วย ครูโคตรใจร้าย คุณแก้วชอบพับเหรอครับ”
“ค่ะ จำได้ว่าพับแล้วร้อยๆไว้”
ตอนเธอเล่าดูมีความสุขเหมือนนึกย้อนสมัยเด็กๆ ผมอมยิ้ม แอบจิ้มแก้มคุณแก้วแล้วคืนหมวกให้เธอ คุณแก้วสะดุ้ง ก่อนจะจับหมวกบนหัว เธอทำหน้ามุ่ย
“ถ้าผมแก้วยุ่งนะ”
“จะให้ผมมัดให้เหรอครับ”
“หัวแก้วหลุดพอดี คุณต๊อบมัดเป็นเหรอคะ”
“ก็จะพยายามฝึกเพื่อคุณแก้วครับ”
คุณแก้วยิ้มแปลกๆ เธอหัวเราะก่อนจะเดินต่อ ผมรีบเดินตามประจบเอาใจ แรกๆก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ ผมหมายถึงผมเสมอต้นเสมอปลายครับ
“คุณแก้วระวังนะครับ ตรงนี้พื้นต่างระดับ” ผมจูงคุณแก้วเดินเมื่อถึงประตูทางออก
มีความเป็นแฟมมิลี่แมนสูงทีเดียว
โฮะๆๆๆ
ถ้านับเวลารวมแล้ว บรรยายประมาณหนึ่งชั่วโมงจนถึงตอนนี้ ก็บ่ายสามเกือบจะสี่โมง “คุณต๊อบหิวหรือเปล่า”
“หิวน้ำครับ คุณแก้วหิวข้าวเหรอ”
เธอพยักหน้า “แต่ว่าไปกินอีกฝั่งได้มั้ยคะ ห้างที่อยู่ตรงข้ามน่ะ ตอนนี้แก้วร้อนมากเลย” ผมเห็นคุณแก้วโบกมือพัดแก้ม ผมลืมไปว่าคุณแก้วแต่งหน้า เดี๋ยวเครื่องสำอางหลุดไรงี้ใช่ไหม ต๊อบ มึงโคตรเข้าใจผู้หญิง มาถูกทางแล้ว
ระหว่างกำลังเดิน จู่ๆก็มีเด็กผู้ชายวิ่งมาอีกก้าวหนึ่งกำลังจะเสียหลักล้ม เพราะสะดุด จังหวะใกล้มือผมรีบเข้าไปอุ้มไว้ทันแล้วค่อยๆวางลง เสียงผู้หญิงร้องแล้วเดินเข้ามาขอบคุณผมใหญ่ สงสัยเป็นแม่ “ขอบคุณนะคะ โอ๊ย ตกใจหมด”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ อย่าวิ่งสิ อันตรายนะ”
เด็กอายุสามสี่ขวบเอง วิ่งเก่งจังวะ ผมแตะๆจมูกน้องมันแล้วหัวเราะ ก่อนจะหันไปมองคุณแก้ว เธอดูจะอึ้งๆงงๆทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เห็นอย่างนั้นผมก็หัวเราะออกมา
“คุณต๊อบเก่งจังเลยหื้อ” เธอควงแขนผมแล้วเอียงซบไหล่ไว้ จากที่กำลังหัวเราะชอบใจผมก็เสือกใบ้กินทันที
“ก็มันเห็นพอดีครับ ดีแล้วที่ไม่หน้าทิ่มไป คิดแล้วสยอง เพราะว่าผมเคยล้มแบบนั้นนะ แล้วพี่ผมไม่คว้าด้วย มันขำ เจ็บโคตรๆ” ผมเล่า ใบหน้าแสดงออกถึงประสบการณ์ โดยที่แขนก็ปล่อยให้คุณแก้วกอดไว้หลวมๆ “คุณแก้วเคยล้มไหมครับ”
“ก็เคยนะ ตอนเด็กๆ แก้วโดนแกล้ง”
ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะมองเธอ “โดนแกล้งแบบไหนครับ”
“แกล้งแบบไม่ดีเท่าไร แบบว่า”
“อ่อ”
“ใช่ค่ะ แบบนั้นแหละ” เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะพูดถึง จะว่าไปคุณแก้วมักชอบให้ผมเล่าเรื่องของผมมากกว่าทั้งๆที่ความจริงผู้หญิงส่วนใหญ่น่าจะชอบพูดดิวะ เท่าที่ผมพยายามศึกษาก่อนลงสนามรบจริง
“แล้วคุณแก้วโอเคมั้ยครับ”
“เรื่องมันนานแล้วค่ะ ก็นะ แก้วลืมหมดแล้วล่ะ”
ผมเป็นห่วงเธอ ที่จู่ๆคุณแก้วก็รู้สึกเหมือนจะเศร้าๆ เพราะถูกรังแกมาก่อนนี่เอง มิน่าตัวคุณแก้วถึงแน่นๆ เธอออกกำลังกายหนักพอดู ผมเงยหน้า มองไปรอบๆ มืออีกข้างแตะมือคุณแก้วที่กำลังกอดแขนตัวเองอยู่ จากนั้นก็แกล้งพูดเสียงหล่อๆ “ตอนนี้มีองค์รักษ์แล้วครับ หล่อ ล่ำ กล้ามใหญ่ ใจดี มีเมตตา ใครมารังแกก็บอกเขานะครับ เขาจะปกป้องคุณแก้วตีตูดเด็กเกเรให้เอง”
“ขี้โม้มาก” คุณแก้วหลุดหัวเราะ ผมก็ขำตัวเองเหมือนกันครับ “พ่อลูกคนเล็ก”
“ครับแม่ลูกคนเดียว”
“เกลียดคุณต๊อบจัง” คุณแก้วหัวเราะอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าบทสนทนาเริ่มสนิทกันมากขึ้นถ้าดูจากเดตแรกๆที่เราไปด้วยกัน คุณแก้วสวยมากแต่เหนือสิ่งใดสิ่งที่ทำให้ผมชอบเธอไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นแล้ว “รู้ได้ยังไงว่าแก้วลูกคนเดียว”
ผมเลิกคิ้วซ้ายขึ้นอย่างกวนๆแล้ว “เดา”
เราเดินเอื่อยๆ ผมไม่เดินเร็วมากเพราะคุณแก้วอาจจะยังเจ็บอยู่ และผมก็อยากค่อยๆอยู่แบบนี้กับคุณแก้วนานๆ
“แต่ลูกคนเล็กก็ไม่ได้แปลว่าต้องงอแงนะครับ” โดยเฉพาะต๊อบ ไม่ใช่เลยครับ ห่างไกลคำนั้นมากเลย
“คุณต๊อบชอบเด็กไหมคะ”
“ชอบนะ ผมชอบพวกช่างจ้อ หมายถึงเด็กๆ เวลาผมพูดเร็วกว่ารู้สึกว่าชนะ สนุกดีครับ”
“ดูเหมือนแกล้งเด็กเลย”
คุณแก้วเลิกคิ้ว เธอหัวเราะ ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คุณแก้วลูบคางผมเล่น ในใจกำลังคิดบางอย่าง ผมเลยเลิกคิ้วกลับเป็นคำถามบ้าง “แก้มผมนุ่มล่ะซี”
“แก้วชอบสากๆ”
ผมเริ่มรู้สึกร้อนวาบในกายผิดปกติ ไอ้เหี้ย นี่เขาเรียกว่าเขินแล้วก็อายใช่ไหม ตาผมกลิ้งไปกลิ้งมา ผมแกล้งเอาหัวตัวเองซบไปทางที่คุณแก้วอิงอยู่บ้าง หมวกเธอเลยโดนทับแบน
แขนกับมือนุ่มกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม ผมรู้สึกเหมือนทั้งตัวกำลังถูกคุณแก้วกอดไว้อย่างไรอย่างนั้น เธออิงไหล่ผมแล้วพูดช้าๆโดยที่ไม่ละออกมา “แล้ว…ชอบเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงคะ”
ผมย่นคิ้วกำลังนึก
“ชอบเด็กผู้หญิงครับ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะผมอยากมีลูกสาว” ผมอมยิ้ม “นึกภาพตอนเล่นบ้านตุ๊กตาด้วยกันมันก็น่ารักดีนะครับ”
เมื่อข้ามสะพานลอยมา เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงห้าง ด้านล่างมีร้านฟาสฟูดอยู่แต่มันน่าจะมีแต่เผ็ดๆกับเปื้อนมือ คุณแก้วไม่น่าจะชอบเท่าไร
“คุณแก้วกินสเต็กได้มั้ยครับ”
“ได้คะ อะไรก็ได้”
“ครั้งก่อนนั้นก็สเต็ก ผมกลัวคุณแก้วเบื่อ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เบื่อหรอก”
จู่ๆคุณแก้วดูเงียบลง ผมบอกไม่ถูก แต่มันแปลก ไม่ใช่ปกติอย่างบรรยากาศที่คุณแก้วมีต่อผม ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เหมือนตัวเองไม่รู้ว่าทำอะไรผิด ทั้งๆที่คิดว่ากำลังจะผ่านไปได้ด้วยดีแท้ๆ
พอมาในคนพลุกพล่าน เธอก็ไม่ได้กอดแขนผมอีก แต่เดินปกติ พอถึงร้านผมเลื่อนเก้าอี้ให้คุณแก้ว เธอวางหมวกไว้ข้างๆ ผมหยิบเมนูวางตรงกลางโต๊ะ ไว้เลือกด้วยกัน “เอ กินไรดีน้า กินอะไรดีครับ”
“อะไรก็ได้ค่ะ คุณต๊อบเลือกเลย”
ผมโคตรเกลีบดบรรยากาศงี้เลย ผมกลัวผิดพลาด!
มีเหงื่อซึมๆ กับความร้อนตัวอย่างไม่ทราบเหตุ ผมกลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วทำเป็นร่าเริงต่อ “ได้เลยครับผม”
“สเต็กปลาซาบะมั้ยครับ ทานกับข้าว น่าจะดี ไม่เผ็ดด้วย”
คุณแก้วยิ้มอ่อนๆ ผมยกเมนูขึ้นมาบังหน้าก่อนจะพูดไปเรื่อยๆแล้วหยุด กระทั่งเงียบไปสักพักผมก็ค่อยๆลดเมนูลงให้เห็นแค่ตาทั้งสองข้าง
ผมกระพริบตาปริบๆสองที จนกระทั่งคุณแก้วหลุดยิ้มน้อยๆ เธอหัวเราะเบาๆทีนึง
“คุณแก้วโกรธอะไรผมหรือเปล่า”
ผมถามเธอตรงๆ คุณแก้วนิ่งไปสักพัก เธอส่ายหน้า สบตาแวบหนึ่งก่อนจะก้มมองเมนู
เธอนั่งไขว่ห้าง หลังมือวางใต้คาง ผมยังไม่ยอมหยุดมองเธอ ปอยผมคุณแก้วหล่น เส้นผมรวบไม่หมดบ้าง แต่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากชมพูเม้มเพียงเล็กน้อยแทบไม่เห็น และไม่ได้ยิ้มสดใสให้ผมตอนนี้
“คุณแก้ว”
“อาหารมาแล้วค่ะ”
“ไม่ครับ”
ผมจับมือคุณแก้วไว้แล้วมองเธอ “คุณแก้วรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าครับ”
หรือว่าเธอจะปวดท้อง แบบว่า ปวดท้องอย่างนั้น ประจำเดือน แต่ไม่กล้าบอกผมอะไรอย่างนี้ไหม แต่ผมน่าจะถามว่าคุณแก้วเป็นอะไรแต่ ผมถามงั้นไปแล้ว เออ ผมสับสนอยู่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณแก้วเป็นอย่างนี้เท่านั้นเอง
สุดท้ายเธอก็มองผม ขนตาสวยกระพริบช้าๆก่อนจะเร็วขึ้นเหมือนกำลังพัดพาบางอย่าง ผมใช้สองมือกุมเธอไว้แล้วถามอย่างเป็นห่วงจากใจจริง “คุณแก้วครับ”
“คุณต๊อบ แก้ว กลับก่อนได้ไหม” เสียงเธอเริ่มสั่น บางคำหายไปในลำคอ
“คุณแก้วเป็นอะไร บอกผมสิครับ”
ผมงงไปหมด ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ก็ก่อนหน้านี้มันยังดีๆอยู่ แล้วทำไม
ดวงตาเธอสั่นไหว มีน้ำคลอขึ้นมา นั่นคือตกใจอย่างแท้จริง
ในขณะที่ใจผมกำกลังบ้าคลั่ง แต่ภายนอกทำได้เพียงนิ่งอึ้งเหมือนคนโง่ “ค คุณ แก้ว”
“คุณแก้วครับ บอกผมนะ ใครทำอะไรคุณแก้ว หรือผม ผม ผมทำอะไรให้คุณแก้วรู้สึกไม่ดี”
“ไม่หรอก แก้วทำ ตัวเอง” เธอส่ายหน้าช้าๆ และพยายามจะดึงมือกลับ แต่ผมไม่ยอม ในร้านเริ่มมีคนมองมาบ้าง แม้พวกเราจะไม่ได้เสียงดัง
ผมไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ หรือใครๆร้องไห้ เพราะผมมักใจอ่อน
เธอกระชากมือออกแล้วเดินออกมา ทันที ผมสับสน และ ผมไม่เข้าใจ ผมเรียกเธอแต่เธอก็ไม่ยอมหันมา ผมวางเงินไว้แล้วรีบลุกออกไปแต่ก็ต้องย้อนกลับมาเอาหมวกคุณแก้วไปด้วย เธอเดินเร็วมาก ไม่รู้ว่ายังไงแต่ผมลงมาด้านนอก ผมก็เห็นคุณแก้วกำลังขึ้นรถแท็กซี่ เท้าทั้งสองข้างว่างเปล่า ในมือเธอถือรองเท้าไว้
ผมปราดเข้าไปจับประตูไว้ทัน “คะ คุณแก้วหนีผมทำไมครับ คุณ ก แก้วโกรธอะไร”
ทั้งหอบทั้งเหนื่อย ผมทำอะไรไม่ถูกสักอย่างแม้แต่จะเรียบเรียงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีนี้มา ผมกำลังเจ็บที่อกประหลาด เพราะความรู้สึกนี้มันค่อนข้าง ถูกทิ้ง ผมรู้สึกไม่ดีเอามากและหายใจลำบาก
“…แก้ว…ไม่ไหว…แล้ว…” เสียงเธอแหบแห้งและต่ำมาก เหมือนกำลังจะเค้นออกมา เธอดูเศร้าสะเทือนใจอย่างที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน เธอสั่น จนผมอยากจะเข้าไปกอดไว้แน่นๆ
“คุณแก้ว” ผมคว้าตัวเธอ แต่คุณแก้วไม่ยอม เธอสะบัดผมหลุดได้ง่ายๆ
“แก้วไม่อยากโกหกทั้งคุณและก็ตัวเอง”
ใบหน้าสวยๆเปื้อนคราบน้ำตาในที่สุด เธอกำข้อมือผมไว้แน่นจนเริ่มเจ็บ
“…แก้ว มีลูก… ไม่ได้”
มันเหมือนเริ่มปะติดปะต่อ ผมรู้สึกเหมือนโดนตีหัวแรงๆทีหนึ่งและโยนลงผาอีกที ตอนนี้ผมไม่สามารถคิดอะไรได้เลย
ผมกำลังจะถูกทิ้งแบบ…ที่แล้วๆมาใช่ไหม…
“ไม่…ไม่เป็นไรนี่ครับ คุณแก้ว มีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร คุณแก้วลงมานะครับ มาคุยกันก่อน อย่าทำแบบนี้ การแพทย์มันพัฒนาแล้ว ระหรือยังไงก็ได้ ผมแค่ก็ต้องการ คุณแก้ว…”
“แล้ว…ถ้าแก้วไม่ใช่ผู้หญิง”
เสียงเธอแหบมากจนเปลี่ยนไป
วินาทีนั้นผมนิ่งงันไปทั้งกาย จู่ๆสมองก็ขาวฉับพลัน คุณแก้วผลักผม เธอดูรับไม่ได้ ไม่รู้ว่าแรงนั้นเยอะขนาดไหนแต่ผมล้ม
คุณแก้วตกใจมาก เธอชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงเม้มแน่น เธอปิดประตูแล้วรถก็ออกไป
นานเท่าไรไม่รู้
ก็สักพักใหญ่ๆ
ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลย
ว่ากำลังร้องไห้ออกมา
TBC
[24/5/2559]