กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
1
EP.9หมอดิมVSแพทและหลานของผม

              Part’ s พี่ดิม ช่วงนี้ผมต้องขึ้นเวรให้พ่อผมที่โรงพยาบาลทหาร ขึ้นแบบถี่เลยก็ว่าได้ โรงพยาบาลของพ่อผม คนไข้เยอะไม่ใช่แค่ทหารนะ ครอบครัวทหารและคนที่ทำงานในค่ายทหาร และหมู่บ้านใกล้ๆ คนไข้เยอะทุกวัน มากันไม่เว้นวันหยุดราชการ และไอ้อ้นก็ฝึกทหารใหม่ทุกวันเช่นกัน มีทั้งนักเรียนรด ก็มาฝึกกับไอ้ผู้กองอ้น แต่ระดับอ้นแล้ว ยืนใส่เรแบนด์คุมอย่างเดียว และผมก็ไม่ค่อยได้เจอมันด้วย โชคดีไป เพราะว่าผมต้องทำหน้าที่ลุงรับส่งหลานแทนหมอดรีม ช่วงนี้หมอดรีมเขายุ่งมากเพราะว่าติดเด็ก ไม่ใช่เด็กไหนคนไข้เด็กทั้งนั้น ก็หมอดรีมน้องชายผมเขาเป็นหมอเด็ก ที่มีผู้ปกครองติดตามมากที่สุดและต่างก็พาเด็กมารักษากับหมอดรีม แถมเยอะขึ้นทุกวันและหมอด้าก็ต้องติดตามพ่อไปกรุงเทพบ่อยๆ เพื่อดูเครสคนไข้โรคเลือดที่โรงพยาบาลสาขาในกรุงเทพ ผมเลยต้องทำหน้าที่ลุงและพ่อจำเป็นไปด้วย

 

      “ยุง ยุง ยุง” ขณะที่ผมกำลังจอดรถติดไฟแดง และเป็นทางแยกเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ พอผมได้ยินเสียงหลายๆ บอกว่ายุง ตกใจครับ

 

      “ไหน ไหน ลูก ยุง เดี๋ยวลุงตบให้ ช่วงนี้ไข้เลือดออกระบาดเราต้องเฝ้าตบมัน เอ๊ย เฝ้าระวังลูก” ผมพูดและหันไปมองรอบรถมินิแวน รถครอบครัว ครอบครัวไอ้น้องดิวผมคนเดียวเลย เพราะว่าใส่คาร์ซีทก็เต็มแล้ว

 

      “คิกคิกคิก” เสียงหลานแฝดของผมพากันหัวเราะเพราะว่าผมกำลังหลงกลหลาน มองหายุงใหญ่เลย ผมเหลือบมองหลานๆ ผ่านกระจกมองหลัง โดนหลานแกล้ง มันน่าจริงๆ

 

      “แกล้งลุงใช่ไหมครับ “ผมถามบรรดาหลานรักของผม

 

      “ก็โอ้ได้ยินไอ้มิ้นมันเรียกยุงๆ อ่ะ คิกคิกคิก” มาริโอ้พูดแซวน้องชายคนเล็กของเขาทันทีกำลังหัดพูดเลยยังออกเสียงเรียกเพี้ยนๆ ไปหน่อย

 

         Rrrrr เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมก็รีบกดรับสายโทรเขาของพ่อผมผ่านระบบบรูทูธในรถมินิแวน

 

         “ว่าไงครับพ่อ “

 

         “ไปรับหลานมาแล้วใช่ไหมดิม” พ่อถามผม

 

         “รับมาแล้วครับพ่อ “ผมพูดและมองหลานๆ ผ่านกระจกมองหลัง และพูดให้อ่านปากว่าคุณปู่

 

         “ปู่ อยากกินเค้กกกก” อันนี้ตะโกนออกมาพร้อมกันหมดเลย

 

         “ไม่ได้ลูก กินไปเมื่อตอนสายแล้วไง พอแล้ว เอาไว้กินพรุ่งนี้แล้วกันน่ะ” พ่อผมบอก ผมแอบยิ้มสมน้ำหน้าหลาน ดูนั้นคอตกกันเป็นแถวเลย ฮาๆ แกล้งหลานคืองานของลุงดิม

 

         “ดิม เข้าไปในร้านคุณประภัสราให้พ่อหน่อย ฝากจ่ายค่าของว่างให้พ่อด้วย พ่อให้คนไปเอามาสำหรับเลี้ยง คนที่เข้ามาประชุมด่วนเมื่อเช้าน่ะ” พ่อผมบอกผม

 

         “ได้ครับพ่อแต่ผมมีหลานอยู่ด้วยนะพ่อ” ผมพูดบอกพ่อผม

 

         “พ่อโทรให้เขาลงมาเก็บเงินาที่รถแล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้ถึงไหนแล้วดิม”

 

         “ติดไฟแดงพ่อ นี้ผมกำลังจะออกแล้ว ผมจะได้เลี้ยวเข้าไปเลยพ่อ “

 

         “ถ้าอย่างนั้นพ่อโทรบอกให้เอง จะบอกให้เขาลงมารอตอนนี้เลยน่ะดิม จะได้ไม่ต้องไป งั้นก็แค่นี้ก่อนนะ พ่อมีคนไข้อีกเกือบสิบคนได้ ไปสายแน่เลยกู” พ่อผมพูด และแอบบ่นด้วย

 

         “แหมก็พ่อผมเป็นหมอหล่อบอกต่อด้วยนี้ครับ คนไข้เลยเลือกขอนัดเฉพาะ คุณหมอภาณุเดช” ผมพูดแซวพ่อผมเอง

 

         “น่าอยู่ใกล้ๆ พ่อมึงนะดิม”

 

         “จะให้รางวัลเหรอพ่อ” ผมถามพ่อผม

 

         “จะยันให้สักทีหนี่ง เตะปี๊ปไม่ค่อยดังแต่ลูกนี้เตะกระเด็นว่ะ” พ่อผมพูด บอกแล้วว่าพ่อกับลูกสนิทกันมาก

 

         “งั้นแค่นี้น่ะดิม พ่อมึงรีบ ชวนคุยอยู่ได้ ตรูดๆๆๆ” นั้นพ่อว่าลูกอีก และผมก็ออกตัวทันทีที่ไฟเขียวขึ้นและเลี้ยวเข้าไปด้านในทันที และไปจอดรอตรงที่คนในร้านลงและสามารถเห็นรถผมได้ชัดเจน เพราะว่าเขาลงมาสนุกขนมที่พ่อผมสั่งบ่อยๆ ดังนั้นเขาจะจำรถของพวกผมได้ หลานๆ ก็ทำหน้าละห้อย อยากกินเค้ก

 

         “โอ๊ย!! อย่าทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ซิลูก ลุงสงสาร” ผมพูดและเหลียวหลังหันไปมอง แอบยิ้มเล็กน้อย หลานๆ พากันค้อนผมพร้อมกันหมดเพราะว่ารู้กำลังโดนลุงแกล้งอยู่

 

         “ชิส์ “มาริโอ้ ที่กอดอกทันที

 

         “ชิส์ “อันนี้เบามากน้องไอซ์ แม้จะไม่อยากงอนแต่ก็ของอนหน่อยๆ

 

         “ฮืม!” อันนี้เอาแบบแมนๆ เลยนะลูกไอ และน้องผู้หญิงที่ทำงานในคาเฟ่ของคุณประภัสราเดินลงมาหาผมและส่งบิลให้ผมทันที ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบ ผมก็หยิบออกมาจากกระเป๋าผมและส่งให้แบบพอดี ผมก็กำลังจะคาดเข็มขัดเพื่อจะได้พาหลานๆ กลับบ้าน ก่อนที่หลานๆ จะพากันน้ำตาแตกอยากกินเค้กขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่จังหวะนั้นผมเหลือบไปเห็นรถเก๋งคันหรูเข้าจอด และคนที่ลงมาจากรถไม่ใช่ใครอื่นใด น้องแพทกับอาเปรมดิ์ มาได้ยังไงกัน ผมหันมามองหลานๆ ผม เอาว่ะยอมขัดคำสั่งพ่อ เพื่อให้หลานได้กินเค้กและต้องหางานให้หลานทำเป็นการแลกเปลี่ยน ไปช่วยลุงจีบผู้ชายครับ

 

         “หลานๆ ครับ อยากกินเค้กกันไหมครับ” ผมถามและหันไปมองสามหนุ่มสามมุม ที่ทำหน้าตกใจแต่ก็ดีใจไปพร้อมๆ กัน

 

         “แต่ลุงมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ “ผมพูด

 

         “อะไรอ่ะ ลุง เราไม่มีตังนะ เรายังเด็กน้อยอยู่เลย” ไอพูด ผมก็ไถล ลุงตาดีครับหลาน ว่ายังเด็กกันอยู่นะครับ

 

         “ลุงไม่เอาเงินนะแต่จะให้ช่วยลุงจีบป้าแพทให้ลุงหน่อย” ผมพูดเด็กก็มองผม

 

         “เค้กช๊อกโกแล็ต คนละชิ้น” ผมพูดและยักคิ้วให้หลาย อันนี้หมอดิมกำลังเสนอเหมือนประมูลงานให้ หลานๆก็ หันไปกระซิบกระซาบกัน

 

         “คนละสองชิ้น” ผมก็ต้องสะดุ้ง ตัวแค่นี้มีทำการต่อรองกลับด้วย

 

         “คนละสองชิ้นถ้าไม่ก็ไม่ช่วย” ไอพูดและกอดอก หลานมีหน้ามาต่อรองกับลุงหมอสุดหล่ออีกเหรอครับ (คนละสองชิ้น ที่เป็นห่วงไม่ใช่ไม่มีตังค์แต่ปู่จะด่าลุงไหมครับ คนละชิ้นยังพอว่านี้จะกินกันคนละสองชิ้นเลยเหรอครับ) แต่ว่าโอกาสทองแบบนี้ไม่มีบ่อย

 

         “โอเคสองชิ้น แต่ลุงขอผลงานดีดีหน่อยนะครับ “ผมพูดและจัดการลงจากรถ ผมเดินไปปล่อยเข็มขัดหลานๆ ให้ลงมาจากรถมินิแวนของผม

 

         “ขอผลงานดี เช่นได้เบอร์โทรอะไรแบบนี้ ทำได้ไหมลูก” ผมถามเด็กๆ ก่อน

 

         “ได้ซิลุง ขอใจแลกเบอร์โทร โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ” ทำเอาลุงอึ้งไปหลายนาทีเลย ผมว่าหลานๆ ผมควรจะไปตั้งวงดนตรีน่ะ นักร้องก็มีแดนเซอร์ก็มีพร้อม เต้นขอใจแลกเบอร์โทรโชว์ลุงขนาดนี้

 

         “แต่ถ้าได้เป็นแฟนเลยนะ เลี้ยงทุกวันเลย” ผมพูดบอกเด็ก เด็กก็ทำท่าคิด แต่ผมว่าเราควรจะเข้าไปกันได้แล้วเดี๋ยวหลานเปลี่ยนใจรู้สึกว่าเงื่อนไขลุงจะเยอะไปนะ

 

         “แล้วถ้าเขาไม่ให้ลุงเป็นแฟนล่ะ” อันนี้มาริโอ้เงยหน้าขึ้นมาถามผม ทำไมเหมือนหลานมันแช่งลุงเลยครับ

 

         “ก็อดกินกันทุกวันเลยเช่นกัน” ผมพูด

 

         “ฮู๋!!!!” ร้องออกมาพร้อมกัน งานลุงแกล้งหลานมันต้องมีครับ แต่ผมเชื่อว่าหลานผมทำผลงานดีอยู่แล้ว

 

         “ดังนั้นทำผลงานให้ดีนะครับ ไปครับ พลทหารตัวน้อยของลุงหมอดิม” ผมพูดและพาแฝดเดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่ ผมไม่เห็นอาเปรมดิ์แต่เห็นแพทกำลังยืนที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ เหมือนกำลังจะสั่งอะไรมาทานแน่นอน

 

         “หลานๆ ครับ เห็นหนุ่มที่ยืนเท่ๆ ตรงหน้าเคาน์เตอร์นั้นไหมครับ ป้าแพทครับของหลานๆ ว่าที่หวานใจของลุงครับ” ผมพูดเชิงกระซิบกับหลานๆ ทำหน้างงอีก

 

         “ลุง ป้าเขาเอาไว้เรียกผู้หญิงไม่ใช่เหรอแต่นี่มันผู้ชายนะลุงน่ะ ลุงนี้สับสนตลอดเลย” หลานไอพูด ผมชำเลืองตาลงมอง หลานไอถึงฉีกยิ้ม

 

         “ก็ได้” หลานไอพูด ผมพยักหน้ามันควรจะเป็นอย่างนั้น

 

         “ป้าแพทก็เหมือนป้าด้าพวกเรานั่นแหละครับ เรียกป้าได้” ผมพูด เอาพากันทำหน้างงหนักเข้าไปอีก

 

         “แฟนลุงนะครับลูกก็จะเรียกป้าได้ “ผมบอกหลาน อันนี้น่าจะเก็ตน่ะหลานน่ะ แฟนลุงนุ่ ผมพยักหน้ากันกับไอกับไอซ์ ดูท่าสองนี้จะเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ทำไมมาริโอ้หนูคิดนานไปไหมลูก แค่แฟนลุงน่ะลูก

 

         “แล้วเขาอยากเป็นแฟนลุงอะเปล่าอ่ะ” มาริโอหันมาถามผม ถามแบบนี้ยกเก้าอี้ฟาดลุงเลยไหมลูก ทำเอาลุงดิมเกือบหงายหลัง

 

         “ก็ช่วยลุงหน่อย ลุงอยากได้ป้าของหลานๆ แบบนี้ นะลูกน่ะ เรื่องเขาอยากเป็นไง เอาไว้ทีหลังตอนนี้ช่วยลุงจีบก่อนนะครับหลานๆ ครับ” ผมพูดอ้อนหลานหรือจะให้กราบก็ยอมนะ นาทีนี้ลุงอยากได้ครับ หรือว่าควรจะดิ้นเหมือนตอนหลานอยากได้ของเล่นดี ไม่เอาดีกว่าคนเยอะอายเขา

 

         “ไปครับหลานๆ “ผมพูดและดันหลานเข้าไปยืนด้านหน้าตู้ขนมเค้ก แต่แพทก็ยังไม่ทันสังเกตุว่ามีคุณหมอหล่อบอกต่อด้วยมายืนข้างๆ สนใจผมหน่อยครับ

 

         “อะแฮ้ม” ผมทำเสียงกระแอมในลำคอแต่แพทก็ยังก้มหน้าก้มตากดมือถือ

 

         “อะแฮ้ม!!!! “ดังขึ้นอีกหน่อยก็ยังคงไม่สนใจ

 

         “อะ ...” ผมกำลังจะทำให้ดังกว่าเดิมแต่ผมก็ต้องชะงักเพราะว่าพนักงานยื่นแก้วมีน้ำส่งมาให้ผม

 

         “คุณหมอดิมดื่มน้ำก่อนดีกว่าไหมคะ” พนักงานในร้าน เขาเป็นห่วงขึ้นมาทันที ผมคงกระแอมนานไปหน่อยและนั้นแพทก็หันมาทางผมพอดีเลย แม้ให้กระแอมตั้งนานแต่ผมก็แก้เขินโดยการหยิบแก้วน้ำจากพนักงานมาถือเอาไว้แทน

 

         “ดีเลยครับ ขอบคุณนะครับ แบบว่ากำลังคอแห้งเลยครับ เฮ้อๆ” ผมพูดและรับแก้วน้ำมา ผมหันมามองแพท

 

         “พี่ดิม “แพททักทายผม จำผมได้ด้วย ปลืมเลย “เจอตัวพอดีเลย เอารูปผมคืนมาเดี๋ยวนี้นะพี่ดิม “อ้าวนึกว่าจะทักทายสวัสดีครับคุณหมอรูปหล่อที่ไหนได้ทวงรูปคืน

 

         “รูปมันอยู่ในห้องนอนพี่อ่ะครับ พี่ใส่กรอบไว้แล้ว รูปมันเล็กน่ารัก พี่เลยว่างเอาไว้ให้ตรงกับที่อกด้านซ้ายของพี่ด้วยครับน้องแพท แต่ถ้าแพทอยากได้คืน ไปเอาได้ตลอดเวลาเลยนะครับ พี่ไม่ล๊อคประตูห้องครับ “ผมพูด แพทยืนกอดอกมองผมทันที

 

         “และถ้าแพทจะไปตอนนี้ พี่จะรีบกลับไปนอนรอบนเตียงพี่เลยครับ” ผมพูดและฉีกยิ้มให้แพท ก่อนจะก้มลงมองหลานๆ ที่อ้าปากค้าง คิดไม่ถึงใช่ไหมลูกว่าลูกช่างกล้า ลุงก็คิดว่าอย่างนั้นแหละครับ แต่นาทีนี้ ด้านได้อายอดครับ

 

         “เดี๋ยวผมให้พ่อผมไปทวงกับลุงภาที่เป็นพ่อของพี่ก็แล้วกันนะครับ” แพทพูดและทำท่าจะเดินออก

 

         “น้องแพทอย่าเพิ่งงอนพี่ซิครับ นี้ๆ พี่มีคนอยากจะแนะนำ ให้แพทรู้จัก” ผมพูดและแพทก็มองผม และมองที่ผมชี้ลงไป ก็เจอ สายตาที่แบ้วมาก สามคู่จ้องมองอยู่และเงยหน้ามองผม แต่ทำไมเด็กมันยืนมองกันเงียบเลยหว่า

 

         “เออ เด็กๆ เริ่มงานลูก” ผมก้มลงกระซิบกับเด็กๆ ยังพากันหันมาทำหน้างงอีก เครื่องมาลวนอะไรตอนนี้เนี่ยหลานๆ

 

         “เค้กลูกเค้ก” ผมพูดกระซิบพร้อมกับหันไปมองหน้าแพท ผมยิ้มๆให้แพทด้วย

 

         “อ้อ!” ร้องออกมาพร้อมกันเลย

 

         “ป้าแพท สวัสดีครับ” สามหนุ่มร้องทักแพท ยกมือไหว้อย่างสวยงาม แพทสะบัดหน้ามามองผมทันที และก้มลงมองเด็กแฝดของผม และสายตารอบด้านก็ชะงักพร้อมกับหันมองที่แพทกันหมด ผมสังเกตุจากอาการ ตื้นตันเหรอครับที่ผมยกตำแหน่งคุณป้าให้ น้องแพท กระเทิบมาใกล้ผมทันที ผมหันไปยกนิ้วให้หลานผมผลงานดีลูก กระเทิบเข้ามาเบียดหมอดิมขนาดนี้จะหอมแก้มผมเหรอครับ รีบครับ จอการจุมพิต
2
EP.23 บีมเจอพ่อสามีแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว

      Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้ผมแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษเพราะว่าผมกำลังจะไปคุยกับพี่ชายคนโตของอาจารย์กันตภณ ผมเองก็ไม่อยากใช้เส้นสายเข้างานแต่ก็อย่างว่า ถ้าไม่มีก็ไม่มีงานทำ งานก็หายากมาก ดังนั้นการที่ผมจะได้เกียรตินิยมหรือไม่ คงไม่ไม่จำเป็นแล้วเพราะว่าเงินเดือนก็เท่าเดิม วันนี้ผมเอาเจ้าลูกโซ่ไปฝากพี่ฟ้า พี่สาวของฟิล์ม ผมยังโชคดีที่มีเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนคอยซัปพอร์ตผม พี่ฟ้าน่ะพยายามช่วยผมน่ะแต่ผมก็เกรงใจ แม่ฟิล์มก็อยากจะช่วยแต่แม่ของฟิล์มก็ยังต้องทำงานอยู่ ฟิล์มเองก็ได้งานที่ต้องทำกะกลางคืนอีก

         RRR เบอร์มือถืออาจารย์กันตภณ

         // ครับพี่กัน//

         //บีมครับ พี่มาถึงหน้าบ้านพี่สาวของฟิล์มแล้วนะครับ// อาจารย์กันตภณบอกผม

         //ครับ ผมจะรีบออกไปเลยครับ// ผมบอกอาจารย์กันตภณก่อนจะกดวางสาย

         “พี่ฟ้าผมไปก่อนนะครับแล้วผมจะรีบกลับครับ” ผมกระซิบบอกพี่ฟ้าก่อนจะหันไปมองเจ้าลูกโซ่ ที่กำลังวุ่นวายกับของเล่นของพี่เฟิร์น ไม่รู้ว่าจะทำของพี่เฟริ์นเขาพังหรือเปล่าและนั้นมันก็ของเด็กผู้หญิงเขาเล่นกัน พี่ฟ้าพยักหน้าว่าเขาจะดูให้เอง ผมยิ้มให้พี่ฟ้า ผมรีบเดินออกไปที่หน้าบ้านของพี่ฟ้า บ้านทาวน์เฮาส์ ใกล้แหล่งช๊อปปิ้งและมีคาเฟ่มากมาย มันทำให้พี่ฟ้ามีรายได้จากการทำขนมเค้กส่ง

         “ปึก” ผมเดินไปเปิดประตูรถเก๋งคันหรูของอาจารย์กันตภณ

         “สวัสดีครับพี่กัน” ผมยกมือไหว้อาจารย์กันตภณ

         “ใส่ได้พอดีเลยน่ะ “อาจารย์กันตภณทักผมทันที ที่เห็นผมสวมเสื้อเชิ้ตที่อาจารย์เขาซื้อให้ผม แบรนด์เนมซะด้วย แถมซื้อมาได้พอดีตัวผมอีก สีฟ้าอ่อนๆ

         “ขอบคุณนะครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขายิ้มให้ผมก่อนจะออกรถไป

         “วันนี้หลานๆ ซึ่งเป็นลูกชายของเฮียเกริกพี่เขามาร่วมประชุมกันด้วยน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “ไม่ต้องกังวล พี่น่ะเกริ่นกับเฮียพี่เอาไว้แล้ว ว่าให้หยวนๆ ให้น้องสะใภ้หน่อย “อาจารย์กันตภณพูด ยังมาบอกว่าน้องสะใภ้อีก ผมหันมามองหน้าอาจารย์ตภณทันที

         “ทำไมละบีม หรือว่าพี่ยังไม่ผ่านโปรอีกละครับ โปรเป็นแฟนนะครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้เกรงใจเหลือเกิน ที่จะได้สิทธิ์คำนั้น ทำไมหลังจากที่ผมมีลูกโซ่ผมแทบไม่ได้คิดถึงสถานะของผมกับอาจารย์      กันตภณเลย ผมดูใจร้ายไปใช่ไหม

         “บีม สาขานี้จะมีธุรการสองคนน่ะ ปกติมีคนเดียวแต่นี้ได้คนใหม่เข้ามาก่อนบีมและดูเขาจะยังใหม่ พี่ชายพี่เลยให้เอาบีมเพิ่มอีกตำแหน่งน่ะ จะได้ช่วยๆ กัน” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “และพี่จะคุยกับเฮียพี่ให้เรื่องสวัสดิการ ฝากเจ้าลูกโซ่เข้าเนอสเซอรี่เด็กอ่อนซึ่งปกติจะให้สวัสดิการเฉพาะคนที่ทำงานถึงหนึ่งปีแล้วแต่นี่เขาต้องการให้บีมช่วยทำงานพี่ว่าเฮียพี่น่าจะอนุโรมให้ได้น่ะ “อาจารย์กันตภณบอกผม โรงเรียนสาขาของพี่ชายอาจารย์กันตภ ก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผมเท่าไหร่

         // บีม ขอให้ได้งานน่ะ ถ้าได้เลยบอกด้วย จะได้ทำจิ้มจุ่มฉลองกัน อยากกินอ่ะ// มะนาวส่งข้อความหาผมในไลน์กลุ่ม

         //อีอ้วนมึงอยากกินก็พูดมา // ใบชาพูด

         //เป็กซ์ทำงานหรือเปล่า” ผมถามในกลุ่ม ช่วงนี้ไม่ได้เจอเป็กซ์เลย ไม่รู้เป็นไงบ้าง

         //ฟิล์ม มึงเข้ากะไหนบอกด้วย!!// มะนาวถามฟิล์ม

         // กะบ่ายเลิกตอนหนึ่งทุ่มอ่ะ//ฟิล์มส่งข้อความมาก

         // หนี่งทุ่มก็มาได้น่ะ พวกกูรอฟิล์ม เพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอมึงเลยอ่ะ// ผมบอกฟิล์ม

         //เออ ก็ได้ งั้นเจอกัน// ผมพิมพ์ข้อความคุยกันจนกระทั่งรถของอาจารย์กันตภณเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงเรียน

         “ด้านหน้าเขาจะเอาไว้ให้ผู้ปกครองมาจอดรับเด็กนักเรียนกลับบ้านครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

                ผมก้าวเท้าลงมาจากรถเก๋งคันหรูของอาจารย์กันตภณ ผมถึงกับอึ่ง โรงเรียนดูไม่ใหญ่แต่บรรยากาศคือโรงเรียนนานาชาติ เหมือนผมเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษเลย อันที่จริงๆ ผมควรจะเรียนนานาชาติแต่แม่อยากให้ผมเรียนรู้ภาษาไทยให้เร็วขึ้นเลยส่งเรียนโรงเรียนรัฐบาล ได้ผลภาษาไทยผมเร็วมากจากที่ไม่ค่อยได้ใช้ ได้ใช้ทุกวันแต่ภาษาอังกฤษผมยังได้เรียนอยู่ เรียนพิเศษด้วยเพราะแม่ก็ไม่อยากให้ทิ้งเช่นกัน

         “สาขานี้เป็นสาขาล่าสุดและเป็นสาขาเดียวที่มีเนสเซอรี่เด็กเล็กด้วย” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรู้สึกว่าผมชอบบรรยากาศมาก ดูร่มรื่น ผมว่าอากงและพี่ชายของอาจารย์เขาเก่งมากเลยทีเดียว

         “ยังมีเวลาเหลือนะบีม ก่อนจะขึ้นประชุม พี่จะพาเราไปดูห้องเนสเซอร์รี่เด็กก่อนแล้วกันน่ะบีม” อาจารย์กันบอกผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมอยากจะดูที่ผมจะพาลูกโซ่มาฝากเลี้ยงที่นี้ ผมก็อยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ ผมเคยไปอยู่เดย์แคร์ที่ประเทศอังกฤษมาก่อนและพรีสกูล พรีสกูลหรือศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียนมาก่อนเพราะว่าแม่ผมก็ต้องทำงานไปด้วยช่วงนั้น

         “บีม นี้ไงศูนย์เด็กเล็ก” อาจารย์กันตภณบอกผม แต่ว่ามันประตูปิดและต้องใส่รหัสเข้าออก

         “ครูและพี่เลี้ยงเท่านั้นจะมีรหัสผ่านและก็ผู้ปกครองที่ต้องมารับเด็กที่เขานำมาฝาก “อาจารย์กันตภณบอกผม

         “พี่ไม่มีครับต้องถามเฮียพี่ครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

            “แต่รับรองว่าที่นี้เขาจะดูแลลูกโซ่อย่างดีเพราะว่าพี่เลี้ยงที่นี้เขาผ่านการอบรมดูแลเด็กเล็กมาด้วยครับบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “พี่ว่าเราขึ้นห้องประชุมกันดีกว่านะครับ” อาจารย์กันตภบอกผม ผมนี่เสียดายมากอยากเข้าไปดูข้างใน แต่ว่าผมน่าจะได้ทำงานที่นี้อยู่แล้วและผมควรจะเชื่อใจอาจารย์กันตภณเช่นกันเพราะว่าเขารู้จักที่นี้มาก่อนผม

         “บีม นี้ห้องธุรการที่บีมต้องมาทำงานครับ” ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านห้องธุรการ ห้องนี้จะมีประตูเปิดเข้าไปและมีห้องติดต่อประสานงาน เขาติดป้ายเอาไว้ว่าประชาสัมพันธ์และธุรการ

         Rrrrr โทรศัพท์มือถือขออาจารย์กันตภณดังขึ้นพอดี อาจารย์เขาขอตัวไปรับสายก่อน ผมยืนมองอ่านบอร์ดที่ถูกตกแต่งเอาไว้ ผมยืนมองผมจะได้นั่งทำงานในนี้เหรอ ผมเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งแต่งหน้าอยู่ เธอคงยุ่งตอนเช้าผมคิดในใจ ผมยืนอ่านอะไรเพลินๆแต่จู่ๆ

         “ปึก” ก็มีผู้หญิงเดินออกมา ผมหันไปยิ้มให้เขาเพราะว่าผมต้องมาทำงานกับเขาน่าจะเป็นวันจันทร์

         “มาติดต่อเรื่องอะไรเหรอ” เธอถามผมแต่น่าแปลกเป็นคำถามที่ห้วนมากไม่มีคำลงทายให้ฟังดูแล้วว่าเธอกำลังพยายามพูดจาสุภาพกับคนมาติดต่องาน เธอเหลือบมองเวลาก่อนจะเงยหน้ามองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์

         “บังเอิญว่าเป็นเวลาเบรก มาติดต่อใหม่น่ะ” เธอพูดแค่นั้นและเดินออกไปทันที

         (ค่ะคุณแม่ หนูเอฟกระเป๋ามาไงคะ ไม่เท่าไหร่เอง แค่ห้าหมื่นเอง ก็จ่ายให้หนูไปก่อนซิคะ ก็ไปยื่นป้าเหมือนทุกทีซิคะ หนูอยากสะพายมาทำงานค่ะ….) ผมยืนมองเธอจนเธอเดินหายลงไป นี้ผมต้องมาทำงานกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ โรงเรียนก็ดูมีมาตรฐานน่ะแต่ทำไมพนักงานถึงดูไม่เหมือนมืออาชีพขนาดนี้

         “บีม ไปครับไปที่ห้องประชุมกันดีกว่า ตอนนี้หลานๆ ของพี่ไปถึงแล้ว” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมหันไปยิ้มกับอาจารย์

         “มีอะไรเหรอบีม” อาจารย์ตภณถามผม ผมสั่นหัวไปมาว่าไม่มีอะไร แต่ก็แอบคิดหนั ผมเองไม่ชอบที่จะมาสู้รบตบมือกับคนแบบนี้เหมือนกัน แต่เอาว่ะทำเพื่อลูก ผมเดินตามอาจารย์กันตภณไป ไปที่ห้องประชุม อาจารย์เขาเดินเข้าไปก่อนแต่ว่าห้องประชุมก็ยังไม่ได้เตรียมอะไรไว้ ผมเองก็เคยฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัย เคยไปช่วยพี่ๆ เขาจัดห้องประชุม เลยรู้ว่ามืออาชีพนี้เขาทำงานแบบไหนกัน ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

         “เธอเป็นพนักงานใหม่เหมือนกัน เธอพึ่งจะมาทำงานก่อนหน้าเราได้อาทิตย์หนึ่งเอง” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “เจอแล้วหรือยังคนที่อยู่ในห้องธุรการน่ะ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมสั่นหัวว่าไม่เจอแต่จริงๆ เจอแล้วด้วย

         “เธอเป็นเด็กฝากน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเดินไปช่วยอาจารย์เขาเตรียมห้องเพื่อจะได้ประชุม ผมเองคิดในใจผมก็เด็กฝากน่ะแต่ผมคงไม่กล้าบอกหรอก ไม่อยากให้อาจารย์เขาเสียไปกับผมอีก ที่มหาวิทยาลัยก็แย่แล้ว

         “เดี๋ยวพี่มาน่ะบีม พี่จะไปดูซิว่าเขาจัดของว่างเอาไว้หรือเปล่า เรานั่งรอในห้องนี่น่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะหาที่นั่ง มีโต๊ะตั้งเยอะ ผมเลือกไปนั่งท้ายๆ แล้วกัน

         “ช่วงนี้ป๊าเรียกประชุมบ่อยไปน่ะเฮีย สาขาที่ผมดูแลไกลจากนี้ตั้งเยอะอ่ะเฮีย” เสียงบ่นดังเข้ามาในห้องประชุมเล็กของโรงเรียน ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา เป็นสามหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมได้ยินเขาเรียกใครสักคนว่าเฮีย แต่หน้าตาเขาทั้งสามคนไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามีเชื้อจีน ก็แต่ล่ะคนมีจมูกที่โด่งรั้นกันทุกคน ไม่ได้ตาตี่ ชั้นเดียว ตาสองชั้นกันหมด สูงยาวเขาดี แต่ล่ะคนก็หุ่นมาตรฐานชายไทยทั้งนั้น แต่ทำไมมองรวมๆ แล้วมันหน้าคุ้นๆ ว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่ แม้จะสลัวไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ริบหรี่เต็มทีน่ะ จนกระทั่ง

         “เพี๊ยะ!!” เสียงดีดนิ้วเรียวๆ เพื่อเรียกสติผมกลับคืนทันที

         “เห็นมองผมสามคนนานแล้ว สงสัยว่าหน้าพวกผมจะมี ความหล่อติดอยู่” คนที่ดูกวนที่สุดถามผมขึ้น

         “สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ ทันที

         “ไอ้ธัน มึงอย่าไปกวนน้องเขา น้องพึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ธุรการคนใหม่และถ้ามึงกวนเขาแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำและมึงก็ต้องมาทำเองจากที่บ่นว่าไกลมึงจะเลิกบ่นไปเลย” คนที่กวนผมหน่อยชื่อพี่ธัน ส่วนพี่อีกคนที่พูดและหันมายิ้มให้ผม ผมก็ไม่แน่ใจ ผมก็ยิ้มตอบไป

         “มาเป็นธุรการคนใหม่เหรอครับ ชื่ออะไรครับ พี่ชื่อธันครับ พี่เป็นหนุ่มหล่อที่สุดในตระกูลเดชาวชิรภังกุลชรครับผม” ผมก็ยิ้มแหยๆ ก็หล่อเท่าๆ กันหมดน่ะ

         “ช่างกล้าเปิดตัว หนุ่มหล่อและกะล่อนที่สุดในตระกูลด้วยซิครับธันครับ “อีกคนก็พูดขัดทันที ผมก็ต้องนั่งตัวรีบทันที ผมชะเง้อมองหาอาจารย์กันไปไหนเนี๊ยะ

         “ผมยังเป็นรองไอ้น้องชายคนโปรดของเฮียน่ะ เฮียธี” พี่เขาหันไปบอกพี่อีกคนดูท่าจะคนโตที่สุด

         “เหรอ!! เฮียได้ยินมาว่าทุกผลงานนี้ก็ผ่านมึงมาหมดแล้วน่ะครับ” พี่อีกคนเขาพูดขึ้น นี้ยังมีน้องชายอีกคนเหรอ

         “สวัสดีครับ พี่ชื่อธามนะครับ ยินดีที่รู้จักครับ “พี่อีกคนแนะนำตัวเอง

         “คนนี้พี่คนโตพวกพี่ ชื่อเฮียธี ดุมาก” ผมก็สะบัดหน้าไปมองก่อนจะรีบยกมือไหว้อีกที

         “อันนี้ใส่ร้ายเฮียน่ะธาม!” พี่เขาพูด แต่หน้านิ่งๆ พี่เขาดุจริงๆ ผมก็หนีบขาเข้าไปอีก

         “พี่จองตั๋วให้ไอ้น้องชายสุดที่รักพี่ยังอ่ะ” พี่ธามหันไปถามพี่คนโตสุด คุณธี

         “ส่งไปแล้ว และกูจองชั้นประหยัดให้มันด้วย และมันก็ต้องรอต่อเครื่องนานโคตรเลยว่า กว่าจะถึง พรุ่งนี้เลย ฮาๆ” พี่เขาคุยกัน

         “เข้าใจเอาคืนน่ะเฮีย” พี่เขาคุยกัน ผมได้แต่นั่งฟังเพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่าเขาคุยกันเรื่องอะไรของใครกัน

         “อะแฮม” เสียงกระแอมที่ทำลายบทสนาดังขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาหันมายิ้มให้ผม และชี้ไปทีหนุ่มใหญ่ รูปหล่อและเคล้าหน้าก็มาทางสามคนที่นั่งนี้ทั้งหมด แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับอาจารย์กันตภณนิดหน่อย ผมเดาว่าอาจารย์เขาน่าจะเหมือนม๊าของเขามากกว่า

         “บีม นี้เฮียของพี่ครับเป็นพี่ชายคนโตของพี่และก็เป็นผู้บริหารระดับสูงสุด” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แทบจะไม่ทันที ดูจากชื่อบอร์ดผู้บริหารระดับสูงสุด ชื่อเกริกเกียรติ เดชาวชิรภังกุลชร

         “น้องเขายังเกรงกลัวเลย แต่ไอ้คนน้องคนเล็กของเฮียน่ะ มันไม่ค่อยกลัวป๊าเราเลยน่ะ ถ้ากลัวมันคงกลับมานานแล้วเฮีย” มีคนกระซิบ ผมยิ่งนั่งนิ่งและตัวลีบเข้าไปอีก

         “อะแฮม!!” เสียงแอมอีกครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ และอาจารย์กันตภณก็เดินมานั่งข้างๆ ผม

         “เราชื่อกันต์ธีย์ใช่ไหม ที่ว่าจะมาทำงานแทนธุรการที่เพิ่งจะออกไปน่ะ “คนที่นั่งลงที่เก้าอี้ประธานหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่กล้าหือไม่กล้าอือเลย

         “คะ… ครับ” ผมตอบท่านประธานไป ไม่กล้าสบตาด้วย

         “อันที่จริงก็ได้มาแล้วหนึ่งคนแต่ว่าดูแล้ว งานคงจะเยอะเกินไปและเขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้มาก่อน เลยอยากได้มาเพิ่มอีกสักคน นั้นคือเราตอนนี้ เราโอเคไหม” ทานประธานเขาถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองท่านตรงๆ

         "ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอะไรเลยหรือเปล่าครับ ท่านประธาน ถึงได้ไม่รู้ว่า ควรจะสั่งอาหารว่างมาด้วยเวลามีประชุมแบบนี้" พี่คนที่ชื่อธามพูด ผมก็ว่าแปลกอยู่น่ะ ไม่มีอาหารว่างให้ทุกคนเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าคงประชุมเล็กๆเลยไม่มีหรือเปล่า

         "เอาน่ะเขาไม่มีประสบการณ์และยังเรียนรู้งานอยู่" ท่านประธานใหญ่ยกมือห้ามพี่ธามก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน

         “คือ ผม ผมก็มีประสบการณ์จากที่ไปฝึกงานมานะครับแต่ผมก็ยังเป็นแค่ผู้ช่วยพี่เขาอยู่ดีนะครับ” ผมพูดไป มือผมนี้ประสานกันจนรู้ได้ถึงความเปียกชื้นจากเหงื่อในอุ้งมือของผม

         “เฮียอย่าดุหนักซิ น้องเขาสั่นหมดแล้ว และน้องคนนี้น่ะ ทำงานดี ละเอียดรอบคอบมากน่ะ ผมเลยแนะนำมา” อาจารย์กันตภรหันไปบอกพี่ชายเขา ผมไม่กล้าสบตาเลย

         “เด็กเจ๊กกันหรือเปล่าว่ะ” เสียงที่คุยกัน ทำให้ท่านประธานหันไปมอง แค่นั้นก็เงียบกันหมด

         “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ และเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ วันนี้จันทร์เลยได้ไหม เพราะว่างานเอกสารเยอะมากคนเก่าทำเอาไว้เละเลย “ท่านประธานพูด

         “เฮีย อีกเรื่องน่ะคือน้องเขามีลูกเล็กด้วยนะครับ จะให้น้องเขาเอาลูกมาฝากเลี้ยงที่นี้โดยใช้สวัสดิการพนักงานก่อนได้ไหมเฮีย เพราะว่าสวัสดิการนี้ปกติให้คนที่ทำงานมาแล้วปีหนึ่งแต่นี้น้องเขาไม่มีคนดูจริงๆ “อาจารย์กันตภณบอกกับพี่ชายของเขา

         “ห๊ะ!! มีลูกแล้ว” พี่ๆ ทั้งสามคนแสดงอาการตกใจพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้าผม

         “อายุน้องเท่าไหร่ครับ มีแล้ว รีบเหรอ พวกพี่จะสามสิบยังไม่รีบเลย “พี่คนที่กวนๆ ผมที่ชื่อธามหันมาถามผม

         “ผมเออ ผม ไม่ได้รีบแต่มันมาแล้วอ่ะครับ และผมจบมหาวิทยาลัยแล้วด้วยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ ท่านประธานอำนวยกันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองอาจารย์กันตภณ

         “ลูกอายุกี่เดือนแล้วล่ะและแม่เด็กไม่เลี้ยงเหรอ” ท่านประธานหันมาถามผม ผมก็หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ เอาไงดี ผมนี้แหละแม่เด็ก

         “เออ เขาเลิกกันแล้วน่ะครับเฮีย ตอนนี้น้องอายุ หกเดือน เลี้ยงง่าย น่ารักเชียว “อาจารย์กันตภณหันไปบอกท่านประธาน ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แม่เด็กน่ะผมส่วนพ่อเด็กก็คงต้องเป็นผมเช่นกัน ผมคิดในใจ

         “แม้รู้ละเอียดจริงนะเจ๊กกัน หรือว่า…. “พี่ธันทำท่าแซวอาจารย์กันตภณแต่ว่าเจอสายตาท่านประธานใหญ่เลยไม่กล้าแซวต่อทันที ผมนี้ก็นั่งสั่นไปทั้งตัวแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จน่ะ

         “เอาก็ได้ ถือว่าเห็นแกที่ตอนนี้เราต้องการธุรการด่วน และผมอยากให้ คุณทำหน้าที่เลขานุการเพิ่มอีกตำแหน่ง ผมจะให้เงินเดือนเพิ่ม เพราะลูกชายคนเล็กของผมที่เพิ่งจะจบกำลังจะมารับตำแหน่งผู้บริหารงานของโรงเรียนสาขานี้ อยากให้ช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่ต้องเซ็นต์แต่ล่ะวันให้หน่อย จะเพิ่มจากเงินเดือนให้อีกเดือนล่ะห้าพันและไม่เก็บค่าดูแลลูกของเรา ถือเป็นสวัสดิการ ซึ่งปกติให้เฉพาะพนักงานที่ทำงานกับเรา หนึ่งปีแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ถึงต้องจ่ายเองไปก่อน”

         “ครับ “ผมตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่เบานิดหน่อย

         “ถ้าอย่างนั้น เฮียกลับก่อนน่ะ เพราะว่าวันนี้ อาซ้อเราน่ะมีนัด หมอนัดน่ะกัน” ท่านประธานใหญ่หันมาบอกอาจารย์กันตภณ ผมก็ลุกขึ้น คงต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน

         “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมพูดและลุกขึ้นทันที

         “หึๆ สงสัยจะกลัวท่านประธานใหญ่จนฉี่ราดแน่ๆ เลย “พี่เขาหัวเราะตามหลังผมทันที ผมรีบเข้าห้องน้ำและทำธุรส่วนตัว พอเสร็จธุระ ผมก็ต้องรีบโทรหาพี่ฟ้า พี่สาวไอ้ฟิล์ม วันนี้พี่ฟ้าเขารับเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ให้ผมก่อน

         //สวัสดีครับพี่ฟ้า//

         // บีมโทรมาพอดีเลย พี่ว่าจะโทรหาเราอยู่ พอดีเลย พี่ต้องพาลูกชายคนโตไปหาหมอฟัน หมอนัดตอนบ่ายสามน่ะ แล้วนี่เราเสร็จ

หรือยังบีม// พี่ฟ้าบอกผม

         // เสร็จแล้วพี่ฟ้า ถ้าอย่างนั้นผมไปรับเลยครับ //ผมบอกพี่ฟ้า พร้อมกับรีบกดวางสาย ผมต้องไปบอกพี่กันก่อนว่าผมต้องรีบไปรับเจ้าลูกโซ่ของผมก่อน ตอนนี้ผมไม่เรียกอาจารย์กันตภณแล้วเพราะว่าผมจบแล้วนิ และอาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์ผมแล้ว

         //อะไรน่ะ แล้วหมอส่ายป่านเขาจะเอาประวัติการรักษากูไปทำไม แต่ถ้าเขาจะเอาไปก็เรื่องของเขาดิ ภีม พอเถอะ ไม่อยากยุ่งแล้วไง อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เลยภีม แล้วคิดว่ากูควรให้อภัยอีกเหรอ เออ แค่นี้น่ะภีม จะไปส่งบีมก่อน อืม บาย // ผมเดินออกมาก็เจอพี่กันตภณยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ดูสีหน้าไม่ค่อยดี

         “พี่ทะเลาะอะไรกับพี่หมอภีมเหรอครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ

         “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันชอบง่องแง่งใส่พี่น่ะเห็นหมอภีมตัวโตโตแบบนี้ใจมันยังกับปลาซิว ว่าแต่เราเถอะจะรีบกลับเลยไหมพี่ว่าจะชวนไปหาอะไรทานสักหน่อย” พี่กันตภณพูดปนหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่สีหน้าดูแล้วน่าจะมีเรื่องกวนใจพี่เขาอยู่แต่ผมก็ไม่กล้าถาม ผมก็ยิ้มตอบให้เหมือนเคย ผมก็มองเสื้อตัวนี้ ผมไม่ได้เห็นพี่กันตภณใส่นานแล้วน่ะ ตั้งแต่วันนั้น งานเลี้ยงอำลา อาจารย์บัญชีที่เกษียณอายุ เป็นอาจารย์แม่ที่พวกผมเคารพ วันนั้นพวกผมเลยไปช่วยอาจารย์ของคณะ และวันนั้นพี่กันตภณใส่มันไป เสื้อตัวนี้ผมเป็นคนซื้อให้อาจารย์ เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง

         “มองเสื้อพี่นี้ คิดอะไรหรือเปล่า” พี่กันตภณถามผม พี่เขาจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้

         “คุ้นๆ เนอะ” ผมพูด

         “อ้อเสื้อตัวนี้พี่เอามาจากห้องไอ้ภีมไง ที่วันนั้นเจ้าลูกโซ่อึรดพี่น่ะ และพี่เห็นว่าสีมันสวยดีพี่เลยเอามาใส่อีก “ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มจางๆ ใช่มันสีเดียวกันเลย

         “เจ๊กกัน อาโกวหงส์โทรมาบอกป๊า ว่าจะให้อากันพาอาม่าไปเอกซเรย์ข้อเท้าแทนทีนะวันนี้น่ะ โกวหงส์ไปด้วยไม่ได้และเขานัดอาม่า เอ็กซ์เรย์อีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่กระดูกแตกเพิ่ม”

         “อ้าววันนี้เหรอ” พี่กันหันไปถามหลานชายพี่เขาที่วิ่งมาบอกพี่กันตภณ

         “งั้นบีมไปกับพี่ก่อนน่ะ”

         “ไม่ได้ครับพี่กัน เพราะว่าผมต้องไปรับลูกนะครับ พี่ฟ้าเขามีธุระนะครับ” ผมรีบปฏิเสธทันที

         “ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าครับ และพี่กันไปดูม๊าพี่เถอะครับ อันนั้นสำคัญกว่านะครับ ให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า” ผมพูด

         “บ้านเพื่อนน้องอยู่ตรงไหนอ่ะครับ” พี่ธามถามผม

         “อยู่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่ครับ” ผมตอบ

         “พี่ต้องไปเอาเอกสารให้ป๊า ที่อโศกเลยครับ” พี่ธามพูด ก่อนจะยิ้มให้ผม ผมก็พยักหน้าเข้าใจ อโศกกับบ้านพี่ฟ้าโคตรห่างกันเลยแถมรถติดหนักมากด้วย

         “เฮีย เฮียไปรับมิวไม่ใช่เหรอ ที่ตรงอนุสาวรีย์ชัยน่ะ เฮียไปส่งน้องเขาหน่อยดิ” พี่ธามหันไปเรียก พี่ธี พี่ธีหันมามองผมกับพี่กันตภณ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้า เฮียเขาดูดุดุน่ะผมว่า คงเพราะค่อนข้างเหมือนท่านประธานใหญ่มากที่สุด

         “อากันต้องไปดูอาม่าเพราะว่า อาม่าเขามีนัดพบวันนี้” พี่ธามเขาหันไปบอกพี่ชายคนโตเขา

         “เออ ได้ดิ ให้น้องเขาไปกับผมก็ได้เจ๊กกัน” พี่เขาบอกอาจารย์กันตภณ

         “แล้วเราจะกลับมาคอนโดยังไง” พี่กันตภณหันมาถามผมอีก ผู้ชายคนนี้หวงผมไปทุกเรื่องเลย

         “ก็แท็กซี่ไงครับ” ผมตอบอีก

         “แล้วคอนโดน้องอยู่ไหนเหรอครับ” พี่ธีถามผม

         “ก็ไม่ไกลจากนี้หรอกแค่สามป้ายรถเมย์นะธี” พี่กันตภณเป็นคนตอบแทน

         “งั้นพี่ขับกลับมาส่งให้แล้วกันเพราะว่าแฟนพี่เขาจะมาเอาของที่บ้านแม่เขาด้วยนะครับน้องบีม บ้านว่าที่แม่ยายพี่ ทางผ่านอยู่น่ะ เพราะว่าไม่ไกลจากนี้แค่สี่ห้าป้ายรถเมย์เหมือนกัน” พี่ธีพูด ยิ้มๆ ผมก็เงยหน้าขึ้น มุมปากผมค่อยปรากฏขึ้นเป็นยิ้มได้หน่อย แต่ตอนที่อยู่ในห้องประชุมนี้พี่แกขรึมน่าดู

         “งั้นไปกับธีน่ะ และให้ธีขับมาส่งที่คอนโดเรา ห้ามกลับเอง พี่เป็นห่วง “พี่กันตภณพูด

         “เจ๊กผมมาส่งให้น่ะ น้องไม่หายไปไหนหรอก รับรอง “พี่ธีพูด

         “แต่ถ้าเฮียธีหายน้องเขาก็หายไปด้วยนะเจ๊ก” พี่ธามพูด ผมทำปากยู่ทันทีแต่อาจารย์กันตภณสะบัดหน้ามามองพี่ธามทันที

         “เฮ้ย ไม่กล้า!!!” พี่ธีรีบปฏิเสธทันที

         “ไม่ทำหรอกเจ๊ก เกรงใจเจ๊ก ของเจ๊กธีไม่ยุ่ง” พี่ธีเขาพูด เจ๊กนี้ชิ้นิ้วทันที

         “งั้นอาฝากด้วยน่ะ ธี ขอบใจมาก” อาจารย์กันตภณพูด

         “บีมพรุ่งนี้พี่ไปรับเราน่ะและจะได้มาทำงานวันแรก พี่อยากมาส่ง” พี่กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

               ก่อนจะเดินตามพี่ธีไป พี่ธีก็คุยโทรศัพท์กับแฟนเขาไปด้วย ผมไม่เห็นพี่ธีสวมแหวนที่นิ้วนางนั้นแปลว่าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ เพราะว่าที่นิ้วพี่ธีเขาไม่มีแหวนเหมือนที่พี่กันสวมแหวนเอาไว้ที่เขาเรียกว่าแหวนประจำวงค์ตระกูล แต่ผมสังเกตพี่ธามและพี่ธันเขายังสวมอยู่เลยอ่ะ แหวนที่พี่กันบอกกับผม มันจะจริงใช่ไหมถ้าเจอใครที่ชอบให้มอบแหวนวงนั้นไป แปลกดีน่ะ แต่แหวนคืนนั้นน่ะ มันคงไม่ได้มอบเพราะมีคำสั่งจากวงค์ตระกูลมันมาเหมือนกันแน่ๆ แหวนพร้อมกับเงินสดห้าพัน ถุ้ย! ไอ้เชี้ยเธียร!!

         “พี่มีคู่หมั้นแล้วครับ “ผมก็สะดุ้ง ผมคงมองนิ้วพี่เขานานไปหน่อย

         “ทราบครับ” ผมเงยหน้าตอบพี่เขา

         “พี่รักว่าที่ภรรยาพี่ครับ เพราะว่าว่าที่ภรรยาพี่โคตรดุเลย” พี่ธีพูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่น่ะ คนของผมเองก็โคตรดุเลย ไปไหนมีคนมองผมไม่ได้น้องพร้อมบวกกับเขาตลอด เจ้าลูกโซ่ผมนี่แหละ

            TBC...........
3
EP.11.1 ครูคนใหม่ที่น่าสงสัย 2

                   Part’s พี่ตุ๊ ผมจึงรีบเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานของผมเพื่อไปพบครูคนใหม่ ครูวินนี่ ชื่อน่ารักเชียวผมคิดในใจ ผมคิดคงเป็นครู่ที่อ่อนหวาน จิตใจดี มีเมตตาแน่นอน แต่ทันทีที่ผมเดินขึ้นไปถึง ผมก็พบเจอใครสักคนที่ยืนอยู่ รูปร่างอาบอั้น แต่งตัวสีสันสดใสฉูดฉาด โดดเด่นมาตั้งแต่ห้าร้อยเมตรแรก เสื้อผ้าที่สวมใส่ สไตล์การแต่งตัวที่เรียกได้ว่าไม่แคร์สายตาใคร ไม่แคร์โลกจะดีกว่า ภาพครูที่ผมเห็นในใบสมัครนั้นผมต้องพับเก็บไปได้เลยมั้ง การแต่งตัวที่ดูยากไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ดูแล้วผู้ชายแน่นอน

               “สวัสดีครับ” ผมทักทายคนที่ยืน กดโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่พึ่งออกมาตีตลาดรุ่นล่าสุด แอบเปิ้ลถูกกัด

               “ใครอีกล่ะ ถ้าหันมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องน่ะ ฉันคงไม่มาแล้วแหละ โรงเรียนอะไร ใหญ่โตซะเปล่าแต่จ้างคนทำงานที่พูดจาไม่รู้เรื่องมาทำงาน เสียเวลาจริงๆ” ผมได้ยินถึงกับหน้าชาไปทันที แสดงว่าสองคนนั้นแน่นอนที่เขาพูดถึง ผมคงไม่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะจ้างเธอต่อ

              “ผมเองครับ ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด คนที่ผมทักทายหันมามองผม แสดงอาการตกใจพอสมควร
             “สวัสดีค่ะ คุณตุ๊ใช่ไหมคะ” เขาถามผมกลับทันที
             “ใช่ครับ ผมเองครับ” ผมพูด
            “นี่ใช่คุณวินหรือเปล่าครับ” ผมถามคนตรงหน้า
            “ชื่อวินนี่ค่ะ!!!” ผมถึงกลับต้องแคะหู เรียกไม่ครบแค่นี้ถึงกับออกอาการเลยเหรอครับ ผมเห็นชื่อเดิมชื่อประวินนี่ครับ
            “คือผมเห็นว่าชื่อเดิมชื่อประวินนะครับ” ผมพูด
            “ชื่อเก่ามากค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าก่อนเข้าวงการดีกว่าค่ะแต่ก็รู้ตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ถ้ารู้ก่อนคงไม่ให้พ่อกับแม่ตั้งหรอกค่ะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้า (แอบคิดในใจ แบบนี้ก็ได้เหรอแต่ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้)
            “งั้นผมก็ต้องเรียกวินนี่ใช่ไหมครับ” ผมถามคนตรงหน้า
             “ค่ะ วินนี่ค่ะ จะปลื้มมากกว่าค่ะ “ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าแบบนี้ก็ได้ 
             “ผมได้ยินเหมือนครูวินนี่บ่นอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ต้องขอโทษในความไม่สะดวกหลายๆ อย่างด้วยนะครับ” ผมพูด
            “ไม่เป็นไรค่ะ วินนี่ก็ขอโทษด้วยนะคะ ที่เผลอบ่นอะไรไปนิดหน่อยนะคะ “คนตรงหน้าผมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ดูท่าคุณคนตรงหน้าเหมือนมองอะไรจากด้านหลังของผม ผมเองก็เดินมาคนเดียวน่ะ ผมหันไปมองตามเขาก่อนจะหันมาเจอกัน
            “คุณมองหาใครอยู่เหรอครับ” ผมถามพร้อมกับมองตามแต่ที่ครูเขามองนี้ไปทางด้านหลังผม
             “หรือว่าคุณมากับใครหรือเปล่าครับ” ผมถามคนตรงหน้า พร้อมกับมองอย่างระวาดระวังตามเขาไปด้วย
             “ครูวิน” ผมเรียกเขา
             “วินนี่ค่ะ พรินซิเพิ่ลค่ะ” ครูตรงหน้าผมพูด เรียกขาดก็ไม่ได้
             “ตกลงคุณมองหาใครครับ” ผมถามครูเขา
           “ไม่ได้มากับใครคะ แค่มองหา เออ มองหา …” คุณวินนี่พูด ผมก็มองหน้าเขาว่าเขามองหาใคร
           “คือเห็นในอิเมลที่ตอบกลับไปนะครับ ว่าให้ติดต่อผู้อำนวยการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการนะคะ เลยคิดว่าน่าจะเดินมาพร้อมกันค่ะ” เธอพูด ผมหันมามองหน้า ก็จะงงๆ หน่อยๆ
          “ถ้าเขาไม่สะดวกมาก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ต้องได้เจออยู่ดีเพราะว่านี้คือสิ่งที่ วินนี่ตั้งใจมาก” คุณวินนี่พูด ผมก็หันมามอง ตั้งใจมาพบผมหรือว่าตั้งใจมาพบมาพบผู้ช่วยผู้อำนวยการ ไม่ใช่ผมที่เป็นผู้อำนวยการเหรอ ผมแอบคิดในใจ
           “อุ้ย!” คุณวินนี่ตกในที่หันมาเจอสายของผมพอดี
           “ตั้งใจมาพบผู้อำนวยการค่ะแต่วินนี่คิดว่าผู้อำนวยการน่าจะงานยุ่งกว่าผู้ช่วยผู้อำนวยการนะคะ “คุณวินนี่พูด ผมก็พยักหน้าว่าเหมือนจะเข้าใจแต่ผมสังเกตคุณวินนี้ก็ยังมองหาอยู่แต่ก็หันมายิ้มให้ผมเป็นระยะๆ
          “ว่าแต่คุณวินนี่ขับรถมาจากไหนครับ” ผมถามคุณวินนี่
          “ขับมาจากขอนแก่นค่ะ” ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง ไกลอยู่น่ะ
          “พอดีมีงานที่กรุงเทพนะคะ งานทำบุญให้พี่ที่วินนี่รักและเคารพมากที่สุด เขาเสียชีวิตไปหลายปีแล้วค่ะ วินนี้เลยผ่านมาเพื่อมาดูโรงเรียนคุณตุ๊ก่อนกำหนดด้วยไงคะ วินนี้อยากมาดูหน้า…” คุณวินนี่พูด ผมก็มองวินนี่ มาดูหน้าผมเหรอ
          “นักเรียนค่ะ เคยเห็นแต่นักเรียนอินเตอร์ค่ะ เฮอะๆ ไม่ค่อยได้สอนเด็กบ้านๆ น่าตาใส่ซื่อแบบนี้เลยนะคะ” คุณวินนี่พูด ผมก็ยิ้มๆคือว่าเด็กเหล่านี้ไม่ใช่อย่างที่ครูวินนี้คิดแน่นอนเพราะว่าโรงเรียนผมขึ้นอันดับหนึ่งนักเรียนมีเรื่องเลยตอนนี้ แต่ผมก็แค่ยิ้มๆให้กับครูวินนี่พร้อมกับเริ่มตงิดเล็กน้อย มันดูแปลกๆน่ะครูคนนี้
          “แล้วนี่คุณวินนี่จะขับรถไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณวินนี่
          “กรุงเทพค่ะ แต่งานมีพรุ่งนี้ค่ะ” คุณวินนี่พูด
         “ผมก็จะกลับพรุ่งนี้เหมือนกันครับ มีงานเหมือนกันครับ” ผมพูด ผมต้องไปงานทำบุญวันเกิดให้กับขวัญอดีตคนเคยรัก
         (ผมกับขวัญเลิกกันก่อนที่เขาจะเสียชีวิตแต่ว่ามีแค่ผมกับขวัญและพัฒน์ที่รู้เท่านั้น ตอนนั้พ่อแม่เขายังไม่รู้
         “บังเอิญนะคะ ไม่รู้บังเอิญโดยตั้งใจหรือเปล่านี่ซิคะ” คุณวินนี่พูด แต่จังหวะนั้นผมหันไปเจอคุณน้ำตาลเดินมาแต่ไกลพร้อมกับคุยโทรศัพท์มาด้วย ผมเลยคิดว่าคุณน้ำตาลอะไรนี่น่าจะหาเรื่องให้ผมกับคุณวินนี่ได้คุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน
        “ผมคิดว่าเราไปหาที่คุยกันทางโน้นดีกว่าไหมครับ” ผมพูดก่อนจะผายมือไป คุณวินนี่นี้ก็ยืนงง ทำท่าเหมือนจะไม่เข้าใจหรือเหมือนรออะไรสักอย่างอยู่ดี    
         “คุณวินนี่ครับ เชิญด้านโน้นดีกว่านะครับ” ผมต้องหันไปเร่งครูวินนี่ให้รีบเพ่นก่อนดีกว่า
        “เชิญครับ” ผมพูดและคุณวินนี่ก็เดินตามไปทางที่ผมผายมือ ผมหันมามองคุณน้ำตาลแว๊ปเดียวก่อนจะรีบเดินตามคุณวินนี่ออกไป บางสิ่งที่ผมแปลกใจกับคำพูดของคุณวินนี่ ผมภาวนาว่าขอให้เป็นแค่ผมคิดไปเองมากกว่า ผมก็รีบพาคุณวินนี่ไปหาที่นั่งคุยกันทันที
         (พัฒน์ พี่พาคุณวินนี่หนีคุณน้ำตาลไปห้องประชุมเล็กน่ะเพราะว่าพี่กลัวว่านางจะพาพี่คุยกับคุณวินนี่ไม่รู้เรื่อง) ผมส่งข้อความหาพัฒน์ ก่อนจะรีบเปิดประตูห้องประชุมเล็กและคุณวินนี่ก็เข้าไปนั่ง
         (พัฒน์ พี่ขอเครื่องดื่มมารับรองคุณวินนี่ด้วยนะครับ พี่ไม่อยากออกไปสั่งสองสาวนั้นเพราะว่าไม่อยากไปเจอคุณน้ำตาลเหมือนกัน) ผมส่งข้อความหาพัฒน์ก่อนจะผายมือให้คุณวินนี่นั่งลง คุณวินนี่ก็มองผมยิ้มๆ พร้อมกับหย่อนก้นลงที่เก้าอี้
         “ปึก!!” เสียวงดังจนผมเองก็ตกใจ เสียงดังเหมือนเก้าอี้จะหัก
          “ดูเก้าอี้ไม่ค่อยแข็งแรงเลยนะคะคุณตุ๊ เฮอะๆ” คุณวินนี้พูด
          “สงสัยจะเก่า เอาไว้ผมเปลี่ยนใหม่ครับแต่ว่าตอนนี้อะไรๆ ยังเริ่มปรับปรุงอยู่นะครับ” ผมพูด
         “วินนี้ก็พอจะมีประสบการณ์ค่ะ” ผมก็มองครูวินนี่ด้วยความแปลกใจ
         “เป็นช่างซ่อมมาก่อนเหรอครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจ ถ้าใช่จะยินดีมากผมคิดในใจ
         “วินนี่ดูเหมือนเด็กช่างเหรอคะ!!!” วินนี่ถามผมกลับแอบค้อนใส่ผมด้วย
         “ก็เห็นบอกผมว่ามีประสบการณ์นี่ครับ” ผมพูด
         “วินนี่หมายถึงประสบการณ์ในการช่วยดูแลงานบริหารจัดการโรงเรียนนะคะ พอจะช่วยคุณตุ๊ได้บ้าง พอจะมีไอเดียใหม่ๆอะไรได้บ้างนะคะ ไม่มากก็น้อยค่ะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้า
         “แต่ไม่ใช่ช่างซ่อมแน่นอนค่ะ วินนี่หุ่นออกจะบอบบางนะคะ พริ้นซิเพิ่ลค่ะ” ครูวินนี่พูด
         “งั้นเราเริ่มคุยกันเลยนะครับ “ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ผมก็หยิบมือถือมาอ่านแต่ว่าพัฒน์ก็ยังไม่ตอบผมเลยว่าจะลงมาเลยไหม
         “ผมเริ่มเลยนะครับว่าโรงเรียนของผม มีอะไรบ้าง “ผมพูดและผมก็บรรยายถึงโรงเรียนของผม มีจำนวนนักเรียนเท่าไหร่ มีครูกี่คนและสิทธิ์ผลประโยชน์ที่จะได้รับ สวัสดิการ บร้าๆ ผมพูดๆ ไปจนครบแต่ว่าผมใช้การพูดแบบรวบรัดเอา
          “ครูวินนี่มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะครับ แต่ว่าวันนี้ผมพูดรวบรัดสักหน่อยนะครับ” ผมพูด
          “ไม่เป็นไรค่ะเพราะว่าวินนี่เองก็ไม่ชอบฟังอะไรเยอะๆ นานๆ ค่ะ” วินนี้
          “แล้วมีข้อสงสัยอะไรไหมครับ” ผมถามครูวินนี่พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าพัฒน์จะลงมาหรือยัง
          “ครูพัฒน์นี้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเหรอคะ “ครูวินนี่ถามผม ผมก็ต้องขมวดคิ้วเพราะว่าที่ผมพูดๆ ไปนั้นไม่มีอะไรที่ผมเอ่ยถึงพัฒน์เลย ผมพูดเกี่ยวกับโรงเรียนล้วนๆ เลยแต่เขากลับถามถึงครูพัฒน์เฉยเลย
          “ครับ ครูพัฒน์เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ” ผมพูดพร้อมสีหน้าแปลกใจ
          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณวินนี่กลับทันทีเช่นกัน
          “วินนี่ก็ได้ยินมาตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วค่ะ มีแต่คนบอกว่าครูพัฒน์ประสบการณ์ยังน้อยและที่สำคัญครูพัฒน์ก็ไม่ได้จบสายบริหารมาด้วย คือถ้าเทียบชั้นกับคุณตุ๊ก็ค่อนข้างต่างกันมากเพราะว่าคุณตุ๊ จบมาไม่รู้กี่ใบกี่สถาบันและแต่ล่ะที่ก็ต้องหัวกะทิเท่านั้นถึงจะเข้าได้แต่ครูพัฒน์จบ...” ครูวินนี้พูด ผมนี้อึงเลย รู้รายละเอียดของผมแน่นพอสมควร
           “วิทยาลัยครู “ผมตอบ
           “ผมไม่รู้ว่าคุณวินนี่ได้ยินได้หรือได้ฟังอะไรมา ผมอยากบอกว่าพัฒน์น่ะ เขาช่วยงานพ่อผมมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำครับ คลุกคลีกับตรงนี่มานานครับ ตัวผมเองยังอ่อนประสบการณ์กว่าพัฒน์อีกนะครับเพราะว่าผมไปเสียเวลาเรียนที่ต่างประเทศหลายปีและส่วนใหญ่ผมก็ช่วยงานพ่อผมที่ต่างประเทศ งานโรงแรมนะครับ” ผมพูดชมพัฒน์
           “ดังนั้น งานเกี่ยวกับโรงเรียน พัฒน์เขามีประสบการณ์มากกว่าผมเยอะครับ เขารู้เยอะกว่าผมมากครับ ผมยังต้องถามครูพัฒน์หลายเรื่องเลยครับ” ผมพูด คนที่นั่งตรงหน้ามองหน้าผมนิ่ง จนผมเองก็เดาเขาไม่ถูกว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมคิดอะไรอยู่
           “ผมเชื่อนะครับ ว่าไม่ว่าจะจบมาจากไหน ไม่สำคัญครับ สำคัญที่ว่าทำงานเป็นหรือเปล่าแค่นั้นครับ” ผมพูด
           “เรียนเก่งก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเขาต้องทำงานเก่งเสมอไปนะครับ” ผมพูด ครูวินนี่ยิ้มเจื่อนๆให้ผม
           “แหม ถ้าอย่างนั้น คนในนี้ก็คงอิจฉาครูพัฒน์กันหลายคนนะคะ ถึงได้พูดจาใส่ร้ายกันได้ขนาดนี้” ครูวินนี่พูด
           “แล้วเรื่องที่พักละคะ” ครูวินถามผม
           “บ้านพักครูของผม ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างรีโนเวทครับแต่ว่าไม่นานครับ ผมจะรบกวนครูวินนี่ไปพักที่โรงแรมก่อนได้ไหมครับ ส่วนเรื่องค่าที่พักผม ไม่คิดครับ พักฟรีจนกว่าห้องพักครูจะเสร็จเรียบร้อยครับ” ผมพูด
           “แย่จังนะคะ แต่ก็โอเคค่ะ ที่ครูตุ๊ ให้พักที่โรงแรมหรูฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ อันนี้วินนี่โอเคมากค่ะ” ครูวินนี่พูด
           “ขอห้องมีอ่างสปาด้วยนะคะ วินนี่ชอบนอนแช่เครื่องประทินผิวนะคะ ขออ่างใหญ่ๆ หน่อยนะคะ อ่างเล็ก อึดอัดค่ะ” ผมก็มองครูวินนี่ คงต้องอ่างใหญ่พอสมควรเพราะหุ่นครูวินนี่ตอนที่ผมอ่านข้อความกับตอนที่เจอตัวจริงนี่ต่างกันกับที่ผมคิดไว้เยอะ ถามว่ารูปก็ไม่น่าจะดูอวบระยะท้ายสุดขนาดนี้
          “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ครูพัฒน์ประสานงานเรื่องที่พักให้นะครับ” ผมพูดแอบคิดในใจ
          “ขออ่างสปาด้วยเหรอ ห้องไหนวะจะมีอ่างใหญ่ขนาดนี้” ผมแอบพูดกับตัวเองเบาๆ
          “อะไรนะคะ” คุณวินนี่คงแอบได้ยินอีก
          “ไม่มีอะไรครับ ผมว่าจะให้พัฒน์ดูห้องพักพิเศษให้เลยนะครับแบบมีอ่างสปาครับ มีวิวให้ดูด้วยเลยครับ” ผมพูดยิ้มๆ
              Rrrrr จู่ๆ มือถือของครูวินนี่ดังขึ้นและครูวินนี้ก็กดรับสายทันที
          (ครูวินนี่!!!บอกไม่รู้จักจำเลยนะ ตอนนี้จำได้หรือยังล่ะ ดี อย่าให้ทบทวนหลายรอบ ครูวินนี่ วินนี่ มันยากหนักหรือไง งั้น ก็แค่นี้น่ะ คุยงานอยู่ บาย!!) ผมก็มองคนตรงหน้า
           “ขอโทษทีนะคะ วินนี่ไม่ชอบให้เรียกชื่อขาดค่ะ ขนาดมีแค่สองพยางค์นะคะ มันยังเรียกแค่วิน มันน่าโมโหค่ะ “ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ห้ามเรียกขาดว่างั้น ต้องเรียกวินนี่
            “สงสัยวินนี่ต้องขอตัวก่อนนะคะเพราะว่าคนขับรถรออยู่นะคะ ต้องรีบไปกรุงเทพต่อ” ครูวินนี่พูด
            “น่าจะรอสักหน่อยนะครับ ผมบอกให้ครูพัฒน์ เอาเครื่องดื่มและของว่างมาให้นะครับและจะได้รู้จักกันเพราะว่าครูวินนี่อาจจะต้องติดต่อประสานงานกับครูพัฒน์มากกว่าผมนะครับ” ผมพูด
            “แหม ก็เสียดายนะคะเพราะว่าตั้งใจมาก” ครูวินนี่พูด
            “ตั้งใจมาเจอครูพัฒน์เหรอครับ” ผมครูวินนี่กลับ
            “ตั้งใจมาเพื่อ…” ครูวินนี่พูด
            “มาเพื่อเป็นครูสอนที่นี้ค่ะและก็ตั้งใจอีกอย่างคือได้เจอผู้อำนวยการที่อายุยังน้อยแล้วก็อยากเจอผู้ช่วยผู้อำนวยการเหมือนกันค่ะ เห็นคุณตุ๊ชมหนักชมหนาว่าเก่ง อยากจะเจอจะได้เรียนรู้งานเอาไว้บ้างนะคะ” ครูวินนี่พูด
             “แต่วินนี่รีบจริงๆ ค่ะ” ครูวินนี่พูด
             “แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ วินนี่ได้เจอแน่ๆ ค่ะ ครูพัฒน์นะคะ” วินนี่พูด เน้นด้วยว่าได้เจอแน่ๆ
             “เออ..ครับ… เจอแน่นอนครับ” ผมพูดแต่ก็แอบคิดอะไรในใจแต่ก็ไม่น่าจะใช้น่ะ เพราะว่าครูวินนี่กับครูพัฒน์ของผมไม่น่าจะเคยเจอกันมาก่อน แต่ทำไมรัศมีบางอย่างมันดูแปลกๆ ครูวินนี่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบเอากระเป๋าทรงหมอนใบใหญ่ แว่นตาหนาเตอะมาสวมใส่
             “ร้อนนะคะ เมืองไทย ปกติอยู่แอลเอค่ะ ไม่ค่อยได้กลับ แบงค๊อกเท่าไหร่ค่ะ พอกลับมาที รู้สึกว่าเมืองไทยมันร้อนแบบ ฮิลมิดนะคะ ไม่เหมือนเมืองนอก มันร้อนแบบ อันคอมเทเบิ้ลนะคะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าเข้าใจแล้ว เหงื่อครูวินนี่นี้แตกมากเหมือนมีใครเอาน้ำมาราดเลยครับ
              “บายค่ะ” บายแบบคนต่างชาติทันที
              “ซียูทูมอโรวนะคะ” ผมก็มองครูวินนี่
             “พรุ่งนี้เหรอครับ” ผมถามครูวินนี่กลับทันทีเพราะว่าทูมอโรว์มันแปลว่าพรุ่งนี้และพรุ่งนี้มันวันเสาร์ครับ มาทำไมครับ ผมคิดในใจ
              “มันเดย์ค่ะ ขอโทษทีค่ะ ในหัวนะคิดแต่ปากซิไว้เกิ้นค่ะ ซียูออนมันเดย์ค่ะ มายด์เฟิร์สเดย์ค่ะครูตุ๊ “ครูวินนี่พูดพร้อมกับเดินลุกขึ้นแต่ว่าดูท่าจะลุกจากเก้าอี้ยากน่าดู
              “ปึก ปึก ปึก” ครูวินนี่ที่ทำท่าจะพยายามลุกขึ้นแต่เก้าอี้ไม่เป็นใจเหมือนตอนนั่งลงไป
              “ครูครับ ค่อยๆ ครับ ระวังครับ” ผมพูดด้วยความเป็นห่วงเก้าอี้ครับ
             “ห่วงวินนี่หรือเก้าอี้คะ” ครูวินนี่ถามผม
             “ทั้งคนและเก้าอี้นะครับ” ผมพูดแต่ในใจ เก้าอี้ผมครับ ผมก็มองว่าครูวินนี่จะออกได้ไหม ผมหยิบมือถือมารอแล้ว ถ้าไม่ได้จะได้ตามช่างมาไขดีกว่าให้เขาพังเก้าอี้ผม
              “ออกมาได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ผมจะได้ตามช่างมาครับ คุณวิน” ผมถามครูวินนี่ด้วยความตกใจ
              “วินนี่ค่ะ!!” นั้นตุ๊โดนเลย
              “โอเคครับ คุณวินนี่ก็วินนี่ครับ” ผมพูด เรียกชื่อขาดก็ไม่ได้
              “ต้องได้ซิคะเพราะว่าวินนี่ก็สู้ชีวิตค่ะ เก้าอี้สู้มา วินนี่สู้กลับค่ะ ไม่โกงค่ะ ไม่ต้องเป็นหวงค่ะ “ครูวินนี่พูดก่อนจะพยายามลุกให้ได้
              “ปึด” หลุดออกมาได้ หัวใจผมจะวาย
              “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมาทางปากทันทีที่คุณวินนี่หลุดมาจากเก้าอี้ผมได้
             “ครูวินนี่มาวันจันทร์นะครับ ผมจะได้สั่งโต๊ะทำงานไว้ให้พร้อมเก้าอี้ที่ใหญ่กว่านี้ครับ” ผมพูด
             “ครูตุ๊นี่ น่ารักนะคะ จะให้ดี แบบ นั่งสบายเหมือนได้สปาตลอดเวลายิ่งดีค่ะ เป็นครูสอนงานหนักนะคะ งานหนักมากค่ะและวินนี่มานี่ คงหนักมากเหมือนกันค่ะเพราะว่าในหัวนี้แพลนไว้เยอะมากค่ะ ตั้งแต่จะได้มาเป็นครูที่นี้… “ครูวินนี่พูด ผมก็มอง ถึงกับแพลนเลยเหรอ
             “แพลนว่าจะสอนยังไงดีนะคะ ตื่นเต้นเหลือเกินค่ะ” ครูวินนี่พูด ขณะที่เดินออกไปจากห้อง ผมก็ยิ้มๆ ให้ครูวินนี่ ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ หรือว่าผมคิดไปเองกันแน่ หรือว่าช่วงนี้ผมเครียดงานเอกสารมากไป จะว่าไปนี่พัฒน์ก็ยังไม่ลงมาเลยและคุณน้ำตาลนี้ไปหรือยังก็ไม่รู้

               ผมเช็กข้อความที่ผมส่งหาครูพัฒน์ เขาก็อ่านข้อความแล้วน่ะแต่ไม่ได้ตอบผม ผมเองก็ไม่เห็นคุณน้ำตาล ผมคิดว่ารอสักหน่อยดีกว่าให้แน่ใจว่าเธอออกไปแล้วค่อยขึ้นไป ระหว่างนี้ลงไปดูสระว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยขึ้นไปก็ยังทัน นางคงไม่อึดทนรอผมนานขนาดนั้น ผมแอบคิดในใจ
           
               TBC…
 



4
EP.69 ลูกแฝดของดิว 1

         อัยย์ ไอศูรย์ แฝดพี่คนโต นิสัยมุทะลุดุดันเหมือนดิวไม่มีผิดเพี้ยนรเลย เข้มแข็งไม่ยอมร้องไห้ง่าย ๆ แบบที่ดิวสอนและ อัยย์ทำหน้าที่พี่ชายคนโตได้ดี ไม่มีใครกล้ารังแกน้องแฝดเขาเลยแม้แต่คนเดียว แต่เขาทั้งรักและหวงน้องเกินไปจนดิวและพี่ๆ ดิวกังวลจะส่งผลถึงตอนโตและน้องที่เขารักและหวงแหนนั้นก็คือ ไอซ์ น้องชายฝาแฝดที่เกิดมาปุ๊ปพอเจอกันก็จับมือกันทันที

 

      ไอซ์ อิศรา แฝดคนที่สองที่สุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนพี่ชายฝาแฝดและนัองชายฝาแฝดเท่าไหร่ ไอซ์ดูอ่อนแอ้น ดูน่าทะนุถนอม ดวงตากลมโตมีความหวานๆ ริมฝีปากเล็กน่ารัก สไตล์ปากนิดจมูกหน่อย ซึ่งแน่นอนใครก็อยากจับ มันจึงเป็นเหตุให้พี่ชายอย่าง อัยย์ ที่ห่วงน้องไอซ์เอามากๆ ออกอาการเขม่นทุกคนที่เข้าใกล้น้องโดยเฉพาะผู้ชายและเด็กผู้ชาย แต่เขาไม่กังวลน่าจะมีสาวเข้ามาใกล้น้องไอซ์ของเขา

 

      โอ้ เรียกเต็มๆ ว่ามาริโอ้ อชิระ แฝดคนที่สามออกจะอาโนเน๊ะ น่ารักใสซื่อ ด้วยคำพูดอิน'นะเซินทฺทำให้ใครต่อใครหลงใหลและหลงกล แต่อย่างหลังมากกว่านะ 555

 

            เด็กทั้งสามตื่นมาแต่เช้าตรู่ วันนี้ปู่ของเขาไปตรวจคนไข้แต่เข้า ลุงๆ ก็ไปทำหน้าที่คุณหมอและลุงบางคนก็เรียนที่กรุงเทพจึงจะเดินทางกลับมาหาหลานๆ ช่วงปิดเทอมและวันหยุดยาวและวันนี้ลุงดิมพี่ชายคนโตของดิวก็เพิ่งลงเวรดึกมาก็ยังนอนไม่ตื่น ลุงดิมคงลืมไปว่าวันนี้ลุงต้องดูแลเด็กแฝดหลายของเขาแต่ว่า ณ ตอนนี้มันก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว และคนที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กก็คงเป็นอาที่อายุน้อยของพวกเขานั่นเอง อาเดียร์ หนุ่มน้อยกำลังนอนนฝันหวาน ยังไม่ยอมตื่นเช่นกัน

   "แอมจร๊า จ้วบๆๆๆ "อาของพวกเขากำลังจ้วบๆ กับหมอนข้างพร้อมกำลังกำจัดน้ำลายที่กำลังจะไหลยืดลงที่หมอนที่เขาหนุนอยู่ และอาของพวกเขาก็ไวไฟซะจริงๆ นี่แค่อายุแค่14 ปีเอง น้องคนเล็กบ้าน ด.เด็ก ที่แอบชอบแอม เรียกว่าแอบคบกันอยู่เพราะยังกลัวบาทาพี่ชายคนโตของบ้าน อ.อ่าง

   "โห่ สงสัยอาเดียร์จะหิวข้าวพี่ อัยย์ ดูซิดูดหมอนข้างดัง จ้วบๆๆ เลยอะ” มาริโอ้ หันไปพูดกับพี่ชายฝาแฝดคนโต

   "ใครบอก อันนี้ลุงดรีมเคยบอก เขาเรียก หื่นกามในความฝัน" อัยย์ ออกจะแก่แดดมากกว่าน้องๆ ที่ยังทำหน้าประหนึ่งว่ามีเครื่องหมายคำถามแปะมันคืออะไร

   "หื่นกามคืออะไรอะ มันดีอะเปล่า"มาริโอ้หันมาถามพี่ชาย เพราะว่าอีกฉายาคือเจ้าหนูจังไม

   "มันดีไหมอ่ะพี่ อัยย์ ไอซ์ไม่รู้"น้องไอซ์แฝดน้องคนที่สอง แปลกที่ว่าคำถามเดียวกันกับแฝดคนที่สามแต่มันกลับทำให้แฝดพี่คนโตยิ้มแฉ่งให้น้องแฝดคนที่สาม ในความน่ารัก

   "ไม่ดีหรอกครับน้องไอซ์ เอาอย่างนี้เรามาปลุกอาเดียร์กันดีกว่า อาเดียร์จะได้โทรสั่งของชอบเรากัน” อัยย์ผู้เป็นผู้นำเพราะว่าเป็นแฝดพี่พูดและทำท่าคิด

   “เออ พี่คิดก่อนน่ะปลุกยังไงดี เพราะดูแล้วท่าจะตื่นยาก "อัยย์พี่ชแฝดคนโตพูดและทำท่าคิด

   "ทำให้อาเดียร์ตกใจ เขาดูหนังมา แบบว่าไฟไหม้ น้ำท่วม บ้านจะพังอะไรอย่างเนี๊อะ"มาริโอ้พูดเสนอความคิด

   "ใช่โอ้พี่เพิ่งเห็นนายออกความคิดสุดยอดวันนี้แหละ"อัยย์หันไปบอกน้องชายฝาแฝดคนที่สาม

   "แล้วที่ผ่านมาละ"มาริโอ้ถามพี่ชาย (●_●)

   "ไม่ได้เรื่อง "อัยย์หันไปตอบน้องชาย

    “คิก คิก คิก” ทำให้แฝดคนที่สองถึงกับปิดปากขำแฝดพี่และแฝดน้อง

   "พี่อัยย์!! "มาริโอ้สะบัดหน้ามามองพี่ พี่ชายฝาแฝดทันที ส่วนแฝดพี่พอเห็นอากัปกิริยาแฝดน้องคนที่สามก็เดาไปว่าน้องอาจจะเหวี่ยงแน่ๆ

   "พี่ชมโอ้เหรอ ว่าความคิดโอ้ สุดยอด เย้! "แต่ว่ามันผิดคาด มาริโอ้ลุกขึ้นดีใจใหญ่ และมันก็ทำให้พี่แฝดพี่อย่างอัยย์ถึงกับต้องยกมือขึ้นเกาหัวเลย งงกับน้องตัวเอง

   "บางครั้งพี่ไม่เข้าใจนายเลยโอ้ บอกตรงๆ "อัยย์พูดกับน้องชายแฝดคนที่สาม นั้นคือมาริโอ้

   "โอเค เราสามคนมาปลุกอาเดียร์กัน"ทั้งสามคนพยักหน้าเข้าใจตรงกัน

   "อาเดียร์ ตื่นเร็ว ไฟไหม้ ไฟไหม้) )) )) )” อัยย์พี่ชายคนโตเริ่มก่อนโดยการตระโกนกรอกเข้าไปในหูผู้เป็นอา

   "อืมม ไฟไหม้ โทร 199 เดี๋ยวดับเพลิงมา แจ๊ป แจ๊ป"ผู้เป็นอาก็ยังไม่อยากตื่นแถมยังแนะนำหลานๆ โดยที่ตาก็ไม่ลืมและยังต้องกำจัดน้ำลาย ที่กำลังจะไหลย้อยลงไปที่หมอนข้างกลับเข้าไป

   “งั้นน้องไอซ์ลองบ้างนะครับ” อัยย์หันไปบอกน้องชายฝาแฝดคนที่สอง

   "น้ำท่วม น้ำท่วมอาเดียร์ตื่นเร็ว เร็วน้ำจะท่วมบ้าน) )) )) )" ไอซ์คนที่สองตะโกนกรอกหูผู้เป็นอาแบบกลัวๆ อาเดียร์จะตกใจ

   "น้ำท่วมเหรอ ในอ่างน้ำหรือเปล่า ดึงจุกออกเดี๋ยวน้ำก็ลงท่อ"ผู้เป็นอาหลับหูหลับตาพูดไป

   "แผ่นดินไหว แผ่นดิน ไหว ไหว ไหว "อันนี้มาริโอมีแอคโค้ด้วย

   "แผ่นดินไหวเหรอ แผ่นดินไหว ไหว ไหว "ผู้เป็นอากำลังเคลิ้มได้ยินอะไรแว้วๆ ว่า ไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว เห้ย!! มาหมดมาเลย 2012 แน่นอน อยู่ไม่ได้แล้วรักชีวิตต้องคิดหนี

   "ไม่ ไม่น่ะ เอาไงดี ต้องออกจากที่แคบ คุณครู บอกให้หาทางออก ทางออกคือทางที่เข้ามา หลักการดีน่ะนี่ ประตู ใช่เลย นาทีฉุกเฉินไม่ต้องพกอะไรติดตัวไป ไฟฉายไม่เอาดีกว่า ตุบ ตุ๊บ ตุ๊บ"ได้ผลที่หลานใช้วิธีนี้ปลุกผู้เป็นอา อาเขาวิ่งแจ้นลไปงแล้วก่อนจะได้สติ วิ่งกลับขึ้นมาใหม่เพราะว่า มีคำสั่งถูกป้อนเอาไว้ในหัวว่าให้ดูแลหลานแฝดให้ดีน่ะวันนี้

   "หลานๆๆๆๆ หลานอา หนีเร็วลูก โอ้วมายก๊อต ต้องพาหลานหนี"ผู้เป็นอาวิ่งกลับมาจูงหลานๆ ลงไปและพาวิ่งออกไปนอกบ้านอย่างลนลาน (สมจริงไปไหม ดูหน้าตาหลานๆ ที่ง้ง งง

   "มีหลานด้วย มีภาระเยอะ ต้องขอความช่วยเหลือเหมือนในหนังเลย ต้องไปขึ้นเครื่อง และไปขึ้นยานอวกาศหนีและไปนอกโลก!! "ผู้เป็นอาแสดงว่าดูหนังเมื่อคืนไม่จบ เขาไม่ได้หนีไปนอกโลกกันน่ะเฟ้ย!!

   "หนีเร็ว 2012 มาแล้วโลกจะแตก) )) )) )) )) "อาเขาออกไปตะโกนด้านล่างเสียงดังวุ่นวายไปถึงเพื่อนบ้านข้างเคียงกัน

   "ไอ้หนุ่มมึงเมายามาเหรอเมายากันยุงว่ะ ตะโกนอะไรเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน"ลุงข้างบ้านรีบชะเง้อคอมาจากรั่วข้างบ้าน ที่มีพื้นที่กว่า 5ไร่เศษๆ

   "ไฟจะไหม้ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว 2012 ชัดๆ ที่เขาบอกว่าโลกจะแตก ไงลุงไปอยู่ไหนมา"ยังมีหน้าไปว่าเขาอีก

   "เอ็งนั่นแหละว่ะที่ไปอยู่ที่ไหนมานี่มัน 2024 ถ้าฝันร้ายก็กลับไปนอนไป๊ ตะโกนซะกูตกใจ กำลังฝันหวาน ฝันถึงสาวๆ นุ่ง…."ลุงข้างบ้านลุงบ้านกำลังจะบอกว่าฝันถึงสาวๆ แต่แกก็เหลือบมองไปเป็นสายตาอีกสี่คู่ และหันไปมองอีแก่ที่บ้าน ถ้าไอ้เด็กสี่คนนี้มันคาบไปบอกเมียแก คงได้โดนไม่สากก็ครกแน่ๆ

   "เออ ลุง ตอนนี้มันสองพันเท่าไหร่น่ะ "ผู้เป็นอาเอ่ยถามกลับ

   “สองพันยี่สิบสามแล้วไงมึงและที่เขาบอกว่าโลกจะแตกน่ะมันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโว๊ย!! มึงน่ะไปไหนมา”

   “นี้มันสองพันยี่สิบสี่แล้วเหรอ” ผู้เป็นอาเอ่ยปากถามลุงข้างบ้านทันที

   "เออ! "ประสานเสียงจากเพื่อนบ้าน ที่มามุงดู บางคนก็ออกมายืนเอามือเท้าเอวมองคนในบ้าน ที่ยืนเกาะกลุ่มกับหลานๆ

   "มึงไม่มีปฏิทินหรือไง"ผู้เป็นอาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามองที่ระเบียงเพื่อนบ้านรอบๆ หลานๆ ตัวแสบยื่นหัวเราะชอบใจอาของเขาและเพื่อนบ้านที่พร้อมกันชะโงกมองมารอบรั่วบ้าน

   "เฮอๆ เมื่อคืนเขาดูหนัง 2012 ดูในNetflix อะ ดูแล้วไม่จบ เฮ้อๆๆ ๆ หลับก่อน "ผู้เป็นอาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะและเกาหัวกลบเกลื่อน เขารู้สึกอายต่อทุกสายตาเพื่อนบ้าน ที่มองมาที่เขาคนเดียวเลย

   "งั้นก็กลับไปดูให้จบ ตะโกนซะผู้คนตกใจกันหมด ดีน่ะที่เป็นลูกคุณหมอ "จากเพื่อนข้างบ้าน

   "อู้ย!! ดีน่ะที่ตำแหน่งพ่อปกป้องลูก"ผู้เป็นอาค่อยเดินเข้าบ้านพร้อมหลานพากันขำ

   "แกล้งอาทำไมเนี๊ย! คนกำลังฝันหวาน กลับไปนอนต่อดีกว่า"ผู้เป็นอาทำท่าจะขึ้นไปนอนต่อ

   "อาเดียร์ จอมขี้เกียจ พวกเขาหิวแล้วนะ!!!"ทั้งสามหนุ่มพูดออกมาพร้อมกัน

   "หิวก็โทรไปสั่งอาหารตามสั่งซิครับ สั่งอาก็คงไม่ได้กินหรอกครับ อาหารต้องสั่งพ่อครัวแม่ครัว ส่วนอานะ มีสั่งได้คนเดียวครับ พ่อทูนหัวของอาคืออาแอม หุ หุ หุ "อาจอมหื่นพูดพร้อมกับทำท่าคิด ที่นอนฝันอยู่ ได้กอดได้หอมแอม

   "ได้เขาจะโทรไปสั่งกับปู่ก็ได้ "หลานคนโต อัยย์ ฉลาดแกมโกงเพราะรู้ว่าอาบอกปู่อาเดียร์โดนหนักแน่ๆ ที่ไม่ยอมดูแลพวกเขา

   "ดีเลย เฮ้ย! โทรสั่งปู อาก็โดนปู่เตะซิงานนี้"ผู้เป็นอาทำท่าคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นจะโดนเท้าพ่อตัวเองเพราะปู่กำลังหลงหลาน 555

   "หยุดๆๆๆ หลานรักของอา อาล้อเล่น โอเคอาสั่งให้ รักนะต๊วบๆๆ "ผู้เป็นอาดึงหลานๆ กลับมา พยายามจะหอมด้วย

   "แหว๊ะ อาเดียร์ยังไม่ได้แปรงฟัน"หลานๆ ตัวแสบ

   "อาเดียร์จะล้างหน้าแปรงฟัน ขอเวลาสิบนาทีจะลงมาสั่งให้ "และผู้เป็นอาเดินหายขึ้นบ้านไปสักพักก็ลงมาและหยิบโทรศัพท์มาและค้นหาสมุดที่จดเบอร์ไว้

   "เอาละใครจะเอาอะไรบ้าง บอกมา"ผู้เป็นอาถามหลานๆ

   "เขาเอาพิซซาหน้า หน้า หน้า "มาริโอ้

   "หน้าจะได้กินชาติหน้า โอ๊ย! หน้าอยู่นั่นแหละ ฮาวาเอี้ยนแล้วกันน่ะ"ผู้เป็นอาตัดบทเลือกหน้าให้หลานทันที

   "เขาเอาไก่เคนตักกี้" น้องไอซ์

   "เขาเอาแมคโดนัล"น้องอัยย์ครับ"ผู้อาไม่วายบ่นหลานๆ

   "ไม่!!!! "ชัดเจนเต็มสองรู้หูผู้เป็นอาเลย

   "ถ้ากินไม่หมดน่ะ อาจะทำโทษทั้งสามคนเลย "ผู้เป็นอาพูดขึ้นและกำลังคิดแผนทำอะไรดีนะ ล้างรถพ่อเราดีกว่า เราจะได้ไม่ต้องล้างเองใช้แรงงานเด็ดถนัด

   "แล้วจะสั่งอย่างละเท่าไหร่ ชุดเล็ก"อาถามหลาน และคิดแผนไปด้วย

   "เอาชุดใหญ่ๆ เลย “ไอและไอซ์พูด ชุดใหญ่กินไม่หมดแน่นอน ไม่ต้องล้างรถแถมอิ่มจังตังอยู่ครบ ผู้เป็นดำเนินการคิดแผนชั่วร้าย

   "พิซซ่าเอาเท่านี้ ...."มาริโชว์มือให้ผู้เป็นอาดูว่าเอา5ถาด

   "พิซซ่า 5 ถาด โอ๊ย! เอาไปเลี้ยงใคร ...เออ ก็ได้"ผู้เป็นอาทำท่าจะคัดค้านแต่ว่าคิดอีกที ถึงเหลือพี่ก็กลับมากินได้และตัวเองก็ไม่ต้องทำงานบ้าน หาเรื่องทำโทษหลานไปในตัว

   "เอาละทำข้อตกลงสนธิสัญญาเบริ่ง"อาพูดกับหลานๆ แต่

   "-_? "ทั้งสามคนเลย (เด็กเล็กขนาดนี้จะไปรู้จักได้ไง คนเขียนว่าถ้าจะอาติ้งต้อง อู้ย หันมามองกลับไปเขียนต่อ)

   "ถ้ากินไม่หมด ล้างรถปู่ รดน้ำต้นไม้ในสวนหย่อมของปูและถอนหญ้าในแปลงดอกไม้ปู่ด้วย ถ้าเห็นด้วย อาจะได้โทรสั่งเดี๋ยวนี้เลย"ผู้เป็นอาถามหลานๆ ใช้แรงงานเด็กถนัดมาก

   “ว่าไง” ผู้เป็นอาหรี่ตามองหลานๆ ที่ยืนทำท่าคิดหนัก

   "โห่!! "หลานๆ พากันร้องออกมาพร้อมๆ พร้อมกับทำท่าคิด

   "ว่าไงครับ? "ผมเองและหลานๆ หันไปรวมหัวกัน

   "จะดีเหรอพี่อัยย์"ไอซ์ถามพี่ชายฝาแฝดคนโต

   "เราจะกินหมดอะเปล่า"มาริโอ้ถามพี่ชายเขาเช่นกัน

   "หมดซิเพราะว่าเรามีตัวช่วย "อัยย์กระซิบบอกน้องๆ ทุกคนหันมามองหน้ากัน ใช่แล้ว ตัวช่วยอยู่ด้านหลังบ้าน บ้านปูเป็นซอยที่มีเพื่อนๆ ของเขาในศูนย์รับเลี้ยงเด็กเยอะแยะเลย

   "โอเค"พร้อมกัน

   "ห้ามคืนคำนะ "ผู้เป็นอาพูดและกดโทรสั่งทันทีภายในสามสิบนาทีอาหารจะมาส่งโดยบริษัทรับจัดส่งอาหาร

   "เอาละอาะจะไปเตรียมอุปกรณ์ให้น่ะ อิอิ สบายเราละไม่ต้องล้างรถ รดน้ำต้นไม้และถอนหญ้า มีหลานมันดีตรงนี้แหละ หลานเด็กมาก อาเอาไว้หลอกใช้ ฮาๆ"เดินไปหัวเราะ แต่ผู้ป็นอาไม่รู้หรอกว่าหลานมีเด็ดกว่านั้นอีก เวลาผ่านไม่นานนอาหารมาส่ง ครบทุกที่ที่ผู้เป็นอาสั่ง

        TBC....
5
       
 
EP.8. คุณย่าที่หล่อที่สุด

                  Part's ผมชื่อภีมปภพ ผมเป็นทหารติดยศระดับท่านนายพลเรียบร้อย ผมเป็นพ่อของบรรดาลูกๆ อ.อ่างและผมยังเป็นที่รักของพ่อบ้านดอ.เด็ก เรารักกันมานานแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะตัดสินใจมีลูก (โดยผิดธรรมชาติ) พวกผมเป็นเด็กที่มาจากห้าตะกูลดัง แต่ทว่าพ่อแม่พวกผมถูกสังหารพร้อมกันหมดและคนที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลพวกผมนั้นคือพี่หนึ่ง คือทหารหนุ่มไฟแรงที่เข้ามารับพวกผมไปดูแล ตอนนั้นพวกผมก็อายุประมาณสิบกว่าๆ แต่พวกผมรู้จักกันมาก่อนในฐานะที่พ่อแม่ของพวกผมคือคนก่อตั้งองค์กรขึ้นมา หลังจากที่พ่อแม่พวกผมถูกสังหาร พี่หนึ่งก็เปรียบเสมือนพ่อแม่คนสองของพวกผมทุกคนถึงแม้ว่าในตอนนั้นพี่หนึ่งจะเพิ่งจบใหม่ก็ตาม แต่ท่านดูแลพวกผมและให้การศึกษาจนพวกผมได้ดิบได้ดี

 

            ผมนั้นเลือกที่จะตามพี่หนึ่งก็เลยเข้าเป็นทหารแต่ว่าพี่ภาณุเดช เขาเป็นห่วงผมเลยเข้าเป็นแพทย์ทหารก่อนผม แต่ความรักของผมสองคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะว่าพี่หนึ่งนั้นก็รักผมมากกว่าพี่ดูแลน้อง นั้นทำให้พี่หนึ่งกับพี่ภาจึงต้องฟาดฟันกัน แต่ใจผมนั้นผมรักพี่ภา พี่ภานั้นดูแลผมมาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ ผมกับพี่ภานะเราเริ่มรู้ใจตัวเองตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้นเองส่วนพี่ภาที่ห่างจากผมสามปีก็อยู่มัธยมปลาย (ดังนั้นถ้าลูกจะไวไฟก็ได้มาจากผมสองคนนี้แหละ)

 

            ผมเองก็ต้องเดินทางไปประจำการช่วยพี่หนึ่งเป็นระยะเวลาทุกๆ สามเดือนจนตอนนี้พี่หนี่งยอมให้ผมได้กลับมาอยู่กับลูกๆ และคนที่ผมรักซะที ผมไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ไปหาพี่หนึ่งอีกแล้ว แต่ว่ามีช่วงที่ผมเดินทางไปช่วยพี่หนึ่งบ่อยมากและอยู่นานกว่าสามเดือนช่วงนั้นแอ้เริ่มมีบางสิ่งที่ผิดปกติ มันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าแอ้มีบางสิ่งที่เรียกว่ามดลูกอยู่ในตัวหรือว่ามันจะใช้ได้จริง แต่ถ้าใช่แล้วแอ้จะท้องกับใครเพราะว่าผมได้ยินลูกๆ พูดถึงเด็กๆ เห็นพี่ภาจูงเด็กแฝดสามคน แต่ว่าพี่ชายผมเขามีศูนย์ดูแลเด็กเล็ก อาจจะเป็นลูกหลานเจ้าหน้าที่ก็ได้

 

      “พ่อวันนี้พ่อจะเข้าไปในกรมเลยหรือเปล่าครับ” ไอ้ลูกชายตัวดีของผม อ้นลูกชายคนโต คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับหมอทหารดิมลูกชายคนโตของพี่ภาณุเดชของผมเหมือนกัน ครอบครัวพวกผมมีลูกที่ไล่ๆ กันทุกคนเพราะว่าเราเลือกวางแผนมี่บุตรใกล้ๆ กันมันจะได้ง่ายต่อการหาคนมาทำหน้าที่อุ้มบุญ

 

      “พ่อว่าจะเข้าไปเซ็นเอกสารนิดหน่อยนะอ้นและมีประชุม เราละ” ผมหันไปถามอ้น

 

      “อ้นมีฝึกยิ่งปืนทหารนายสิบนะพ่อ” อ้นบอกผม อ้นเป็นผู้กองแล้วเขาทั้งเก่งและบ้าระห่ำ อันหลังนี้ผมเตือนเขาตลอด ความบ้าระห่ำไม่ได้ทำให้ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี

 

      “โอม...มึงไปไหนวันนี้” อ้นหันไปถามน้องชายคนที่สามของเขาทันที ผมหันไปมองลูกชายผม เดินเข้ามาในสภาพที่บ่งบอกได้ว่าหนักมาทั้งคืน ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยได้นอน และคงไม่พ้นเรื่องอย่างว่าแน่ๆ ผมพลิกนาฬิกาข้อมือยี้ห้อดังขึ้นมาดู แถมนี่เพิ่งกลับมาถึงเอาตอนเช้า โอมเป็นทหารติดยศร้อยโทและกำลังจะรับตำแหน่งผู้กองเร็วๆ นี้ด้วย ตอนนี้สวมปลอกแดงเป็นครูฝึกทหารไปพลางๆ และถ้ามีงานด่วนถึงจะไปลุยกับเขา ไม่เหมือนอ้น อ้นนี้อยู่หน่วยรบพิเศษ เพราะว่าอ้นเขาอยู่หน่วย เดลตาฟอร์ซมาก่อน

 

      “วันนี้มีออกหน่วยพี่อ้น…. หาว!” ดูยืนอ้าปากหาวขนาดนี้ จะไปออกหน่วยไหวไหม

 

      “โอมมึงจะรีบสวมแว่นตาทำไมครับ นี้มึงยังอยู่ในบ้านอยู่เลย” อ้นถามโอม คนที่นั่งลงหยิบข้าวต้ม อาหารเช้าที่อั้มลูกชายคนที่สองของผมทำไว้แต่เช้าตรู่ อั้มเป็นลูกชายคนที่สองเรื่องอาหารการกินก็จะได้ลูกคนนี้ และตอนนี้อั้มก็ได้เป็นผู้กองเหมือนอ้นแล้วและขาลุยพอกัน แต่ผมยังปามเอาไว้บ้างเลยให้เขาทำงานเอกสารมากกว่าและมีคุ้มกันกลุ่มแพทย์อาสาที่เขาให้การรักษาชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ที่ต้องข้ามภูเขาสามสี่ลูกกว่าจะเข้าไปถึงและเพื่อเข้าไปผูกมิตรกับลูกบ้านในหมู่บ้านนั้น เพื่อจะสืบข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มจอมโจรอีกที่ลักลอบนำยาเสพติดมาปล่อยที่ชายแดน แต่ถ้าอ้นไม่อยู่ด้วย ผมจะไม่ค่อยปล่อยให้อั้มไปตามลำพังเท่าไหร่

 

 

      “อ้าวไอ้นี่ ยังอีก!! ยังใส่แว่นตาคุยกับพ่ออีก เดี๋ยวโบกเลย” ไอ้อ้นมันหันมาบอกน้องชาย

 

      “แดดแรงอะพี่อ้น” โอมพูด ผมนี้ส่ายหัวไปมาเลย นี้ขนาดในบ้านยังมาบอกว่าแดดแรงอีก ผมเองก็ไม่รู้ว่าบรรดาลูกๆ ของผมมันได้ความเกรียนมาจากไหนกันหมด

 

      “มึงไปเอาเด็กมาใช่ไหม ฟ้าเหลืองเลยซิท่า ไอ้โอม” อ้นพูดก่อนจะหันขวับไปมองน้องชาย ดูจากที่ยิ้มแบบนี้ใช่เลย

 

      “งั้นพ่อไปก่อนพ่อว่าจะไปทำธุระสักหน่อย อย่าพากันออกสายล่ะ” ผมบอกลูกชายทั้งสองคนที่กำลังทานข้าวต้มกันอยู่ วันนี้อ้นรอให้หมอดิมมารับเพราะว่าอ้นเขาขอซื้อรถคันใหม่ คันเก่าเขาขายต่อให้เพื่อนรักเขาไปแล้ว

 

            ผมก็ลุกขึ้นทันที ผมตั้งใจว่าจะไปแวะหาอะไรทานที่คาเฟ่ก่อนจะเข้าไปในค่ายทหารฯ ผมน่ะได้ยินมาจากอ้นว่าเพื่อนคู่หูของอ้นหรือหมอดิมชอบหลุดปากพูดถึงเด็กและผมก็ได้ยินแม่บ้านในค่ายทหารเขาก็พูดกันว่าพี่ภาณุเดชมีเด็กมาอยู่ด้วยสามคน ผมอยากจะถามก็กลัว กลัวคำตอบว่าเด็กนั้นเกิดจากแอ้จริงๆ ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอ้ ตอนนั้นเขาป่วยมากและพี่ภาก็ช่วยเขาไว้แต่ความจริงแอ้มีสิ่งนี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนคนที่ถูกเลือก แต่โชคร้ายมันดันทำพิษจนแอ้เกือบจะไม่รอดและพี่ภาก็ช่วยรักษาแอ้โดยการปลูกถ่ายอวัยวะที่รับมาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังจะเสียชิวตลงและทุกอย่างมันเข้ากันได้ดีกับแอ้ และนั้นก็ทำให้แอ้รอดมาได้ แต่พี่ภาไม่อาจจะการันตีว่าแอ้จะท้องได้หรือเปล่า มันเป็นไปได้ยากเพราะว่ามันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแม้จะถูกตกแต่งโดยการแพทย์ก็ตาม ผมเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับแอ้เลยสักครั้ง แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ ผมเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับแอ้มาก่อน ผมเองก็ไม่อยากจะคิดเลย แค่ผมคิดก็เจ็บปวดแทนแล้ว เพราะว่าแอ้ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกให้ท้องได้ แถมปัญหาจะตามมามากด้วยและมันก็ผิดกับที่พวกผมได้ทำข้อตกลงกันไว้ ว่าต้องการแค่คนเดียวที่ตั้งครรภ์ได้ในร่างของผู้ชาย และคนนั้นที่ถูกเลือกคือบอยลูกของพี่กฤษณะ

 

               ผมขับรถมาจอดที่คาเฟ่ชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากค่ายทหาร คาเฟ่นี้มีแต่คนเข้ามาแวะดื่มทานอาหารเช้า อาหารว่างกัน เนื่องจากอยู่ด้านในค่ายฯทหารและมีแหล่งท่องเที่ยวไม่ไกลอีกด้วยและที่นี้เคยเป็นคาเฟ่ประจำของผมกับพี่ภาและผมก็คิดว่าพี่ภาน่าจะแวะมาเวลาประมาณนี้แต่นี้ผมก็ไม่ได้มาเกือบหลายปีแล้วด้วย

 

      “สวัสดีค่ะคุณภีมปภพ แม้ไม่เจอกันนานเลยนะคะ รอบนี้กลับมาประจำที่นี้เลยใช่ไหมคะ “คุณประภัสรา เจ้าของคาเฟ่ และตอนนี้เป็นแม่หม้าย เนื่องจากสามีเสียไปเมื่อสิบปีที่แล้วและผมได้ข่าวว่าเขาพยายามส่งข้าวส่งน้ำให้พี่ภาด้วยเช่นกัน แต่จะให้ผมไปหึงคงไม่ไหวแล้วมันเกินคำว่าหึงไปมากแล้วสำหรับผม เพราะว่าผมรู้ว่าเขาไม่เคยนอกกายและนอกใจผมสักครั้ง ต่อให้ห่างกันก็เถอะ ผมหันไปส่งรอยยิ้มทักทายคุณประภัสราทันที

 

         “ครับ ผมคงไม่ไปลุยกับเด็กรุ่นใหม่แล้วละครับคุณประภัสรา อายุเยอะแล้วให้เด็กรุ่นใหม่เขาลุยกันเองดีกว่าครับ” ผมตอบคุณประภัสรา

 

         “ดีแล้วแหละค่ะ แต่ดูยังไงคุณภีมก็ไม่แก่ลงเลยนะคะ ดูยังหนุ่มหล่อเฟี้ยว เหมือนคุณหมอภาณุเดชที่ดูไม่แก่สักนิดเช่นกันทั้งที่ลูกๆ ก็โตเป็นหนุ่มกันไปหมดแล้วทั้งคู่” คุณประภัสราพูดผมก็ยิ้ม

 

         “ว่าแต่คุณภีมมาคนเดียวเหรอคะรอบนี้ คุณหมอภามาด้วยไหมคะ พักนี้ประภัสราไม่ค่อยเห็นคุณหมอภามาเลยค่ะ มีแต่ลูกๆ มาซื้อให้ สงสัยงานยุ่งค่ะ เป็นคุณหมอคนเก่งคนไข้ติดเยอะก็แบบนี้มั้งค่ะ” คุณประภัสราถามผม

 

         “วันนี้ผมไม่ได้บอกพี่ภานะครับว่าผมจะมาที่นี้ บังเอิญว่าผมจะต้องเข้าประชุมและเห็นว่าเวลามันเหลือผมเลยมาแวะซื้อกาแฟนะครับ” ผมพูดบอกคุณประภัสรา

 

         “งั้นตามสบายเลยนะคะคุณภีม ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ เด็กในร้านเรียกนะคะ เดี๋ยวให้น้องๆ เขามาดูแลค่ะ เด็กๆ ที่นี้เอาใจเก่งค่ะ” คุณประภัสราพูดแถมยังทิ้งท้ายให้ผมอีกน่ะ ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ รุ่นลูกผมทั้งนั้นแหละมั้งเนี่ย และคุณประภัสราขอตัวเดินกลับไปที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้น้องพนักงานมาดูแลเพื่อรับออเดอร์

 

         “รับอะไรดีคะ” พนักงานของคุณประภัสราก็เดินมาสอบถามผม

 

         “ผมเอาเอสเปสโซ่ร้อนครับ นมอัลมอลด์มิลค์นะครับ” ผมบอกกับพนักงานที่มารับออเดอร์ ผมสั่งกาแฟที่ปกติพี่ภาจะเป็นคนสั่งให้ผม พี่ภาบอกว่าผมไม่ควรจะทานนมที่มีไขมันต่ำ เพราะว่าระบบการเผาผลาญของผมมันไม่เหมือนตอนสมัยวัยรุ่นซะแล้ว

 

         “รับอย่างอื่นเพิ่มไหมคะ”

 

         “ไม่ครับขอบคุณครับ” ผมพูดและนั่งรอแอบชะเง้อมอง จะโทรไปถามก็เกรงใจ ผมนะห่างพี่ภามาเกือบสามปี พอมาถึงก็ไปส่งแอ้ที่ไปเรียนมัธยมปลายอีกครั้งทั้งที่พากันจบแล้วด้วย ก็เนื่องมาจากพวกเด็กเกเรกันและพี่หนี่งต้องการให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตที่ลำบาก และยังมอบหมายภารกิจค่อนข้างใหญ่ให้ไปทำซะด้วย ให้ไปแก้ไขปัญหาให้โรงเรียนของพี่ภูมิและนี้จะเป็นการพิสูจน์อะไรอีกหลายๆ อย่างจากพวกเขา แม้ว่ามันจะดูขัดแย้งไปหน่อยก็ลูกๆ ควรจะได้เข้าเรียนตามสายอาชีพแล้ว และแอ้ก็ควรจะได้สอบเข้านักเรียนนายร้อยแต่นี้ต้องพักไปหนึ่งปีอีก

 

         “สวัสดีค่ะคุณหมอภา อุ้ยตายแล้ว! วันนี้พาหลานๆ มาด้วยเหรอคะ เรียกย่าซิลูก” ผมได้ยินคุณประภัสราทักทายลูกค้าเขาเอ่ยชื่อพี่ภาและยังบอกว่ามาพร้อมกับหลานๆ อีก ผมก็ค่อยชะเง้อมอง ผมนั่งอยู่ตรงมุมมีเสาบังอยู่ ผมชะเง้อแอบมองไม่อยากให้พี่ภาเห็น ผมเห็นพี่ภาแบบไม่ชัดเจนมากและเห็นว่ามีเด็กสามคนกำลังยืนเบียดพี่ภาอยู่ ใจผมนี้เต้นแรงมากจนจะทะลุออกมานอกอก อยากจะออกไปและถามพี่ภาเลยว่า เด็กๆ นี้ลูกใครแต่ผมก็คิดว่ามันจะทำให้พี่ภาเสียใจ และผมควรจะรอให้เขาบอกผมเองเมื่อไหร่กัน

 

         “เราซื้อและไปทานกันที่โรงพยาบาลกับลุงดรีมลุงด้านะเพราะว่าปู่รีบ” พี่ภาก้มหน้าลงบอกเด็กๆ ผมชอบภาพนี้พี่ภาดูอบอุ่นเสมอและยิ่งเป็นปู่ที่ดูก็รู้ว่ารักหลานมากแค่ไหน

 

         “แม้ช่วงนี้ยุ่งเหรอคะคุณหมอไม่ค่อยได้มาเลยค่ะ ประภัสราน้อยใจนะคะ” คุณประภัสราเอ่ยถามพี่ภา นี้เขาไม่ค่อยได้มา ทำไมผมแอบยิ้มนะ

 

         “ที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่งมากนะครับ ยุ่งทั้งคนไข้และสามคนนี้ด้วยครับ พากันป่วยบ่อยเลยต้องดูแลเอง” พี่ภาพูด

 

         “แต่ลูกๆ ผมก็มาซื้อขนมที่นี้ไปให้ทานครับ” ผมแอบเบ้ปากเล็กน้อยขนาดมาไม่ได้น่ะ เอะหรือว่าแอบหึงน่ะ

 

         “มาริโอ้ ...อย่าวิ่งไปไกลจากปู่ลูก กลับมานี้” ผมได้ยินชื่อพี่ภาเรียกชื่อเด็กคนหนึ่ง

 

         “คุณประภัสราครับ เดี๋ยวผมขอรับสายก่อนได้ไหมครับ น่าจะเรื่องด่วน” มีคนโทรเข้ามือถือพี่ภา ผมก็ชะเง้อมองเด็กๆ ที่่คุณประภัสรา เข้าไปจับเพื่อดูแลให้ ผมแอบอิจฉาเหลือเกิน ผมเห็นหนึ่งในนั้นดูท่าจะซนใช่เล่น

 

         “มาลูกมาอยู่กับคุณย่านะคะ “ผมก็ต้องขมวดคิ้ว เขาแทนตัวเองว่าย่าแล้วเหรอ พี่ภานะพี่ภา ห่างไปแค่สามปีเองนะ กลับมาก็คว้าชะนีมีแทนผมซะแล้ว

 

         “ไม่น่าจะใช่คุณย่า...เพราะว่าปู่นะมีคุณย่าที่หล่อมาก แต่คุณป้าไม่ได้หล่อ คุณป้าสวยต่างหาก” ผมแอบยิ้มนี้อย่าบอกนะว่าพี่ภาบอกหลายแต่เอ๊ะคุณย่าที่หล่อมาก เฮ้ย ผมน่าจะเป็นคุณปู่ซิ น่าจริงๆ พี่หมอภา

 

         “คุณประภัสราค่ะ มีสายจากคุณนุชค่ะ”

 

         “จ๊ะ งั้นดูเด็กๆ ให้คุณหมอหน่อยน่ะ” คุณประภัสราก็เดินเข้าไปด้านใน ผมก็เห็นเด็กๆ เขายืนเกาะกลุ่มกัน ผมเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าว่าเด็กๆ ให้ชัดเจนมากกว่านี้ผมอยากจะว่าหน้าตาเขาเหล่านั้นเป็นยังไง ผมก็ชะเง้อมองเด็กๆ ผมรู้แค่ว่าน่ารักไม่เบาเลย

 

         “อุ๊บ...หว่า ลูกบอลของโอ้” ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งกลิ่งมาที่เท้าผม ผมก็ก้มลงหยิบเป็นลูกบอลลูกเล็กๆ สีแดง ผมก็หยิบขึ้นมาดูและก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง มายืนมองหน้าผม ผมมองหน้าเขา มันมีภาพคนสองคนซ้อนเข้ามาแอ้และดิว ผมก็มองจน

 

         “ลูกบอลของน้องโอ้ ใช่อะเปล่าครับ” เด็กน้อยเอียงคอถามผม

 

         “เออ..น่าจะใช่ เราทำตกใช่ไหมล่ะ” ผมถาม ผมมองแววตาคู่นั้น แววตาแบบนี้ มันคือแววตาของแอ้ แต่หน้าเขาก็คมคายจนผมดูไม่ออกว่าเขาจะเหมือนใครกัน

 

         “ครับ มันตก น้องโอ้ขอคืนได้อะเปล่า..ครับ” ผมก็ต้องสะดุ้ง เสียงเล็กๆ นั้นเอ่ยถามผม

 

         “ชื่ออะไรนะเรานะ” ผมถามเด็กน้อยตรงหน้า ผมเพ่งพิจารณา หน้าตาเขามีความคล้ายคลึงกับแอ้และดิวมีความหวานของแอ้มากหน่อยและมีความคมคายเหมือนดิว

 

         “ชื่อมาริโอ้ครับ “

 

         “งั้นนี้ครับมาริโอ้” ผมส่งลูกบอลสีแดงให้และเด็กน้อยก็หยิบลูกบอลจากมือผมไปและยิ้มตาหยี่มาให้ผม

 

      “พ่อแอ้ซื้อให้ ถ้าโอ้ทำหายพ่อจะเสียใจม๊าก มาก” ผมหยุดนิ่งเหมือนจะหยุดหายใจ พ่อแอ้ อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นลูกของแอ้ อย่าบอกผมนะว่าที่พี่ภาทำให้แอ้แม้จะไม่ได้ตั้งใจ มันใช้งานได้จริง ผมอยากดึงเขาเข้ากอดเหลือเกิน

 

      “แต่ทำไมเหมือนคุณย่าของคุณปู่เลย โอ้เห็นในรูป ที่บ้านคุณปู่ด้วยน่ะ” ผมก็สะดุ้ง เด็กน้อยเข้ามายืนจ้องหน้าผมใกล้มาก ทำตาปริบๆ

 

      “ใช่คุณย่าของคุณปู่จริงๆ ด้วยนะ โอ้ไปบอกคุณปู่ดีกว่า”

 

      “เดี๋ยว..หนู..เออ..ฉัน..ไม่ใช่..คุณย่า” ผมกำลังจะอ้าปากบอก

 

      “มาริโอ้ไปไหนละไอ” เสียงพี่ภาเดินกลับเข้ามาและถามหลานชายเขา คนที่มาเก็บลูกบอลต้องบอกพี่ภาแน่ๆ เลยว่าผมอยู่ที่นี้

 

      “ก็ยัง...เออ ..หายไปอ่ะปู่ “ผมก็ชะเง้อมองเห็นเด็กน้อยวิ่งไปหาพี่ภาแล้วซิ ทำยังไงดีละ ถ้าพี่ภารู้ว่าผมมาแอบดู ทำไงดี ผมเหลือบไปเห็นห้องน้ำ ผมเลยเลยรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางนั้นทันที ผมวิ่งไปแอบอยู่ตรงมุม

 

      “มาริโอ้ไปไหนมาลูก” พี่ภาถามหลานชายที่พึ่งจะวิ่งไปจากผม

 

      “คุณปู่คุณปู่ โอ้เห็นคุณย่า อยู่ตรงโน้น” เด็กน้อยบอกพี่ภาแล้วซิ ผมแอบมองจากมุมทางเข้าห้องน้ำ ผมเห็นพี่ภาที่มีเด็กที่เรียกผมว่าคุณย่าเดินจูงมือมาที่โต๊ะที่ผมนั่งรอกาแฟอยู่

 

      “คุณย่าอยู่....” เด็กน้อยชี้โต๊ะที่ว่างเปล่าเพราะว่าผมแอบเข้ามาหลบที่มุมตรงทางเข้าห้องน้ำซะก่อน

 

      “คุณย่าไหนลูก” พี่ภาถามมาริโอ้

 

      “ก็คุณย่าของคุณปู่ไง ปู่บอกโอ้ว่าเรามีคุณย่าที่หล่อม๊ากกก”

 

    “เหรอแต่ปู่ไม่เห็นคุณย่าเลยนะโอ้” พี่ภาพูดเพราะว่าผมกำลังแอบอยู่ไงเลยไม่เห็น

 

      “ใช่นายละเม้อหรือเปล่า” ผมมองเด็กอีกคนที่ดูแล้วได้ดิวเต็มๆ เลย ที่จับมืออีกคนไว้ที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวาน ใบหน้าเขาละม้ายคล้ายกับ อาร์ม ลูกชายคนที่ 4 ของผม ผมแอบยิ้มที่ได้เห็นแบบนี้แต่ผมก็ยังไม่ฟันธงว่าเด็กนี้เกิดจากแอ้ไหม ต้องให้พี่ภาพูดเองหรือผมควรจะถามแอ้ไปเลยลูกจะได้บอกผมซะที

 

      “แต่โอ้เห็นคุณย่านะคุณปู่ “เด็กน้อยพูดยืนยันและน้ำเสียงฟังดูเหมือนจะร้องไห้เพราะว่าไม่มีใครเชื่อเขา ผมนี้รู้สึกผิดจริงๆ มาริโอ้ปู่ขอโทษ

 

      “ไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นคุณย่าเลย พี่ว่านายเห็นคุณย่าจากรูปที่บ้านปู่หรือเปล่า “คนที่พี่ชายผมเรียกว่าไอ นั้นแสดงว่าเขาชื่อไอพูด น้ำเสียงที่ดุดัน มันเลยทำให้ มาริโอ้ ยืนทำตาแดงๆ ผมเห็นแล้วอยากเข้าไปปลอบเหลือเกิน

 

      “โอ้...ฮึก..โอ้..ฮึก..” ผมนี้ใจจะขาดเด็กน้อยร้องไห้คงเสียใจที่ไม่มีใครเชื่อว่าเจอผม

 

      “ปู่ขอโทษนะลูก” ผมพูดกับตัวเอง

 

      “โอ้ไม่ร้องลูก ปู่เชื่อโอ้และไอ ก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับน้อง น้องเสียใจเห็นไหมไอ” พี่ภาบอกมาริโอ้ และคนที่รับออร์เดอร์ผมก็เดินถือแก้วกาแฟมาให้ผม ที่โต๊ะ

 

      “อ้าว ลูกค้าโต๊ะนี้ไปไหนละ” น้องพนักงานถามหาผมกับพนักงานคนอื่นๆ

 

      “อุ้ย! คุณหมอภา รอขนมเหรอคะ นี้ๆ ใครว่างตักขนมให้คุณหมอหน่อยแล้วเธอถือกาแฟใครมาจ๊ะ” คุณประภัสรา อย่าบอกพี่ภานะว่าเจอผมนะ

 

      “โต๊ะนี้นะคะแต่ตอนนี้ไปไหนแล้วไม่รู้ค่ะ” น้องที่ถือกาแฟนของผมอยู่เอ่ยถามคุณประภัสรา

 

      “เอ๊ะ! โต๊ะนี้คุณภีมปภพนี้ค่ะ “คุณประภัสสราพูด พี่ภาหันมามองคุณประภัสรายิ้มกริ่ม นั้นไงรู้จนได้ว่าผมแอบมาที่นี้

 

      “คุณย่าคงรีบนะครับมาริโอ้ เอาไว้...ถ้าปู่…เจอคุณย่านะคุณปู่จะทำโทษ” พี่ภาพูดเหมือนรู้ว่าผมแอบอยู่แถวๆ นี้แน่ๆ

 

      “เออ...มีคุณย่ากันแล้วเหรอคะ” คุณประภัสราถามพี่ภาและหลานๆ

 

      “มีแล้วครับ คุณย่าพวกเราหล่อมากๆ “หลานๆ ตอบพร้อมกันหมด มันทำให้ผมเริ่มจะอดใจรอให้ใครสักคนบอกความจริงกับผมไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

 

      “คุณย่าหล่อมากๆ เหรอคะ... “คุณประภัสราถามมพี่ภาและเด็กๆ ผมแอบอมยิ้ม จะยิ้มทำไมนะ ใจก็อยากออกไปแสดงตัวตอนนีแต่ใจผมก็คิดว่าความเชื่อใจนั้นคือผมควรรอให้พี่ภาพร้อมจะบอกผมดีกว่า

 

      “ถ้าอย่างนั้นเราไปกันดีกว่า” พี่ภาพูดเสียงดังเหมือนจะบอกผมเลยนะเนี่ยะว่าจะไปแล้ว

 

      “บอกภัสเหรอคะคุณหมอภา” คุณประภัสราถามพี่ภา

 

      “เออ...ผมบอก...หลานๆ ครับ” พี่ภาพูด

 

      “เหรอคะ...เหมือนจะบอกใครเลยค่ะแต่ไม่มายด์ค่ะ อ่ะขนมได้แล้วค่ะ”

 

      “อันนี้ของแถมนะคะคุณหมอให้เด็กๆ รักเด็กค่ะ ชอบไหมคะลูก “

 

      “ขอบคุณครับ คุณป้า”

 

      “คุณย่าลูก เรียกคุณย่านะลูกนะ” คุณปภัสสราก็พยายามให้เด็กๆ เรียกเขาว่าคุณย่า

 

      “คุณป้าดีกว่า!!!” แต่เด็กๆ ต่างพูดพร้อมกันว่าเรียกคุณป้าดีกว่า ผมยืนกอดอกยิ้มกริ่ม ตอนนี้พี่ภากำลังต้อนเด็กๆ ออกไปจากร้าน ดูท่าพี่ภาผมคงเหนื่อยน่าดูที่ต้องดูเด็กๆ ทั้งสามคนเอง ผมมเองยืนรอตรงนั้นจนแน่ใจว่าพี่ภากลับไปโรงพยาบาลแล้วจริงๆ ผมถึงได้เดินออกมาจากมุมทางเดินไปเข้าห้องน้ำของคาเฟ่

 

      “อ้าวคุณภีม หายไปไหนมาค่ะ เด็กเอากาแฟที่คุณภีมสั่งไว้ไปให้ค่ะแต่หาไม่เจอ ถ้าอย่างนั้นภัสให้เด็กทำให้ใหม่ดีกว่านะคะ เพราะว่ากาแฟเย็นหมดแล้วค่ะ” คุณประภัสราพูดผมพยักหน้

 

      “ผมขอแบบกลับบ้านนะครับเพราะว่าผมต้องเข้าประชุมแล้ว” ผมพูดบอกคุณประภัสรา และกลับมานั่งรอที่โต๊ะ

 

      “คุณภีมค่ะ คุณหมอภาสั่งคุ๊กกี้ธัญาพีชเอาไว้ให้นะคะ “มีเด็กในร้านเดินเอามากล่องคุกกี้มาให้ผม และบอกว่าพี่ชายผมสั่งเอาไว้ให้ทานกับกาแฟแน่ๆ เลย

 

      “ได้แล้วค่ะกาแฟ ที่สั่งเอาไว้ค่ะคาปูชิโน่นมอัลมอลด์ค่ะ  “เด็กในร้านคนเดิมเอากาแฟมาให้ผม ผมก็รับและส่งยิ้มไปให้ พร้อมกับจะหยิบกระเป๋าเงิน

 

      “คุณหมอภาจ่ายให้แล้วค่ะ” ผมก็ต้องพยักหน้า มีแอบจ่ายให้ด้วยนะ น่าจริงๆ ผมเดินออกจากคาเฟ่และเดินตรงไปที่รถเก๋งของผม ผมจอดเอาไว้ เรียกว่าแอบไว้จะดีกว่า ผมเดินไปกดปลดล๊อกรถเก๋งและทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปนั่งแต่ว่ามีคนมาจับประตูผมไว้ซะก่อน ผมหันมาก็เจอ หนุ่มหล่อแม้ว่าอายุอานามจะเยอะแล้วก็ตาม แต่หุ่นที่ดูก็รู้ว่าดูแลตัวเองดีแค่ไหน กล้ามที่บ่งบอกว่าเขาก็ออกกำลังกายทุกวัน พี่ภาณุเดช

 

      “ทำไมไม่โทรหาพี่ละ ว่าอยากจะมาทานกาแฟ” พี่ภาถามผม ผมหันไปมองด้านหลังพี่ภา ไม่มีเด็กๆแล้ว

 

      “แล้วพี่มากับใครละครับ” ผมถามพี่ภา พี่ภายิ้มและมองผม

 

      “นี้คิดว่าพี่ติดเด็กอย่างที่โอมพูดเหรอถึงได้มาดักรอพี่ที่นี้นะ” พี่ภาณุเดชถามผม

 

      “ผมไม่ได้มาดักรอพี่ซะหน่อย ผมจะเข้าไปในกองพันแล้ว ผมมีประชุม”

 

      “กึก” พี่ภายังคงจับประตูรถผมเอาไว้

 

      “พี่ก็ประชุมด้วยนะวันนี้นะ อย่าลืมซิว่าพี่นะหมอทหาร และตอนนี้พี่ก็ให้ได้หมอดรีมมันเอารถพี่ไปแล้ว” พี่ภาพูดบอกผม ผมก็มองพี่ภา ร้ายกาจจริงๆ เลย

 

      “หรือจะให้พี่เดินกลับไปที่กองพันเอง ร้อนนะ”

 

      “พี่นี่ เจ้าเลห์ที่สุด” ผมพูดและเดินถอยหลังออก ก็คงต้องไปนั่งเป็นคนนั่งข้างๆคุณหมอเหมือนเดิมและพี่ภาก็เข้ามานั่งในรถตรงที่นั่งคนขับแทนผม ผมก็เข้าไปนั่งข้างๆ เช่นกัน พี่ภาหันมามองหน้าผมและยิ้มกริ่มอีกครั้ง เขามองที่แก้วกาแฟที่ผมถือเอาไว้

 

      “นมอัลมอลด์ ผมรู้ว่าผมต้องดูแลตัวเองยังไงพี่ภา” ผมหันมาบอกพี่ภาณุเดช และพี่ภาก็ขับรถเก๋งผมออกไป พี่ภาหันมาจับมือผมกุมไว้เหมือนเช่นทุกครั้ง

 

      “ภีม ในโลกนี้ไม่มีความลับหรอกนะ แต่มันจะเผยออกมาในเวลาที่เหมาะสม “พี่ภาณุเดชพูดและหันมามองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะหันไปทำหน้าที่คนขับรถ ผมเข้าใจความหมายของมันดีแต่นั่นน่ะเมื่อไหร่กันละที่จะถึงเวลาที่เหมาะสม พี่ภานำรถเข้ามาจอดด้านในสุด ลึกลับไปน่ะ ผมหันมามองพี่ชายเจ้าเลห์ของผม พี่ภาปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองและของผมก็ถูกปลดไปพร้อมๆ กัน พี่ภาดึงรั้งผมเข้าไปและจูบผมแม้จะไม่ได้ดูดดื่มเพราะว่ารีบกลัวใครผ่านมาเห็น คนแก่จูบกัน

 

      “พี่ภา ไม่เอา เดี๋ยวใครผ่านมาเห็น” ผมพูดห้ามปราม

 

      “ประชุมเสร็จ พี่ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ไปห้องพักพี่กันนะ พี่คิดถึง” พี่ภาพูด ผมหันมามอง คิดถึงหรือหื่นกามกันแน่

 

      “คิดถึงและหื่นด้วย” รู้ความคิดไปซะหมดเลยนะคุณหมอคนนี้ ยศระดับผมก็มีห้องพักที่สมกับฐานะเอาไว้พักในกองพันเพื่อว่า จะเหตุการณ์ที่ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดและนี้ผมสองคนก็ใช้เป็นที่หาความสุขของผมสองคนเช่นกัน ผมยอมรับว่าไม่เคยพาพี่ภาเข้าไปนอนค้างที่บ้านเลยสักครั้ง ผมเกรงใจลูก ถึงลูกจะรู้เรื่องผมกับพี่ภาดีก็ตาม และผมเองก็ไม่เคยไปนอนค้างที่บ้านพี่ภาเช่นกัน ผมเกรงใจลูกๆของพี่ภาเหมืนกัน และความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภามันก็อิ่มตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้แล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ผมหันไปส่งยิ้มให้พี่ภา ความสุภาพและดูอบอุ่นไม่เคยหายไปจากผู้ชายคนนี้เลย พี่ภาเดินมาเปิดประตูฝั่งของผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมมองแหวนที่พี่ภาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย แม้เราจะไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กันแต่แหวนนี้ก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเป็นของผม เพราะผมเองก็มีหนึ่งวงที่พี่ภาสวมให้ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเช่นกัน

      TBC...

 

 
6
EP.24 เกริกพ่อของเธียรคิดหนัก

       Part’s เกริก (ป๊าของเธียรวิชญ์) วันนี้เกริกมีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อนๆที่เคยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกันมา ถึงเขาจะเรียนไม่จบเพราะว่าเลือกที่จะลาออกไปก่อน เขาเห็นว่าตอนนั้น คนที่เข้ามามีบทบาทเริ่มใช่อำนาจใจทางที่ผิด เขาไม่เห็นด้วยและอุดมคติที่ตรงกันข้าม เลยทำให้เขาเลือกหันหลังและกลับไปเรียนเมืองนอกทันทีตามที่ป๊าของสนับสนุน พอกลับมาก็แต่งงานทันทีกับผู้หญิงที่แอบมองมานานและสานต่อกิจการของป๊าเขา

                “วันนี้คุณหญิงคุณนายมากันเยอะน่ะม๊ามีเพื่อนเยอะเลยซิน่ะ หึๆ” เกริกถามภรรยาของเขากัญญารัตน์ไม่ได้ชอบสังคมจอมปลอมแบบนี้เลยคณหญิงเหล่านี้มีเพชรพลอยมาอวดกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันและพยายามสร้างภาพว่าครอบครับอบอุ่นเช่นกัน
                “คุณรัตน์คุณเกริกสวัดดีค่ะ” คนนี้ชื่อคุณประภัสสร เธอแต่งงานกับเพื่อนของเฮียเกริกเช่นกันตอนนีเป็นผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว เธอมีบุตรสาวสองคนและพี่บุตรชายหนึ่งคนเห็นว่าลูกชายคนเดียวพึ่งจะจบและเข้าประจำการหน่วยรบพิเศษแถมเธอยัเงป็นเพื่อนกับหงส์หยกน้องเฮียเกริกตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน
                “ไงเกริก” เพื่อนรักของเขากิตติชัย ทักทายเกริก “ไปออกรอบกันดีกว่าปล่อยให้ผู้หญิงเขาเม้าส์กันไป” กิตติชัยบอกเพื่อนรักของเขา วันนี้เพื่อรักของเขามากันหลายคนเลยเธอหันไปเห็นธรรมรัตน์เขามากับคุณหญิงนิดาและลูกสาว กัญญารัตน์อยากจะหลบหน้าสักพักเบื่อคำถามที่ถามถึงลูกชายคนเล็กแย่แล้ว
                “คุณปภัสสรค่ะดิฉันจะขอตัวไปดูเครื่องดื่มก่อนนะคะ” ธัญญารัตน์รีบลุกขึ้นทันทีแต่ช้าไปเสียแล้ว
                “คุณแม่ค่ะ สวัสดีค่ะ” แพรวาทักทายเธอแต่วันนี้แปลกเรียกเธอว่าแม่เฉยเลย เธอหันมามองหน้า
                “เรียกน้าเหมือนเดิมดีกว่าน่ะแพรวา” เธอหันมาทักทวงเบาๆแต่ก็ยังยิ้มให้อยู่
                “เรียกแม่ก็ได้มั้งหัดเอาไว้ รัตน์” คุณนิดาพูด
                “ไม่ซิต้องเรียกม๊าใช่ไหมคะ” แพรวาถามธรรมรัตน์กลับ เธอมีสีหน้ากะอักกะอวนใจอย่างมาก 
                “แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอคะ” นิดาถามกัญญารัตน์
                “จะไปดูเครื่อมดื่มสักหน่อยน่ะ” เธอตอบ
                “งั้นก็ไปด้วยกันเลยซิคุณธรรมรัตน์น่ะจะไปออกรอบกับบรรดาคุณผู้ชาย เราก็ไปหาอะไรมานั่งดื่มกันดีกว่า” คุณนิดาพูด
                “แม่ค่ะแพรวาอยากได้ค็อกเทลนะคะ” แพรวาพูด
                “ไม่ได้ค่ะแพรวาคุณพ่อสั่งห้ามค่ะ” นิดาหันไปบอกลูกสาวทันที
                “ทำไมถึงไม่ได้คะแม่!!” สิ่งที่ทำให้ธัญญารัตน์และคนอื่นๆตกใจเธอตะค็อกเสียงดังใส่แม่ของเธอ ทำเอาคนข้างยกมือขึ้นมาทาบอกตกใจอย่างมาก
                “ไม่เอานะคะลูกดื่มอะไรที่เบาๆค่ะ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนะคะ” นิดาเธอก็พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบแพรวา ช่วงนี้เธออารมณ์ฉุนเฉียวมาก
                “ไม่ค่ะ! แพรวาจะดื่มค็อกเทลค่ะ!!”เธอบอกแม่ของเธอก่อนจะเดินออกไปทันที
                “พอดีช่วงนี้แพรวาเขาเครียดนะคะเขาต้องฝึกงานนะคะเขากังวลเรื่องเกียรตินิยมแต่ว่าเขาได้แน่ๆค่ะ “คุณนิดาพูดยิ้มให้ทุกคนจนมาหยุดที่กัญญารัตน์เธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแพรวาไม่ค่อยปกติแต่พ่อแม่ก็ไม่เชื่อกัญญารัตน์ก็ยิ้มให้แค่นั้น นิดาก็รีบเดินไปหาลูกสาวทันที
                “แพรวาเขาไปฝึกงานกับพ่อของเขาใช่ไหมค่ะคุณรัตน์” คุณหญิงกมลรัตน์หันมาถามเธอเป็นภรรยาของอธิการบดี มหาวิทยาลัยที่กันตภณเป็นอาจารย์สอนที่นั้นเธอมีแต่ลูกสาวแต่งงานกันหมดแล้ว
                “ใช่ค่ะ” ธัญญารัตน์ตอบ“ฉันได้ยินเด็กที่ทำงานที่นั้นบอกว่าลูกสาวคุณธรรมรัตน์ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเดียวแต่ว่าได้เข้ามาฝึกงานเพราะว่าเธอได้เกียรตินิยมดับสองเร็วๆนี้ ฉันนี่แปลกใจจริงๆ เด็กคนนี้ได้มาได้ยังไง “คุณหญิงพูดขึ้นธัญญารัตน์เองก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมภรรยาอธิการบดีมหาวิทยาลัยถึงได้แปลกใจทั้งที่สามีของเธอก็น่าจะทราบตรงนี้ดีอยู่แล้ว
                “และอีกอย่างที่เขาพูดกันหนาหูมากแต่ห้ามไปพูดต่อหน้าคุณธรรมรัตน์น่ะว่า ลูกสาวเขาน่ะโมโหร้ายมันไม่ใช่คนปกติเขาทำกันคะคุณรัตน์” ธัญญารัตน์ทำได้แค่ยิ้มๆพยักหน้าไปเท่านั้นเธอนี้เห็นใจนิดาและลูกสาวมากน่ะคุณธรรมรัตน์รู้ว่าลูกสาวควรได้รับการรักษาแต่ไม่ยอมรับความจริง
                “ใครขัดใจไม่ได้เลยค่ะแถมสัมมาคาราวะ ไม่มีสักนิดเลย ดูซิ มานี้ไหว้แต่คุณหญิงพวกอิฉันนี้นั่งหัวหงอกอยู่นี้ ไม่ยกมือไหว้ แม่ก็ไม่ยอมบอกลูกสาวบางเลย” คุณหญิงเขาพูด ธัญญารัตน์ก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ         
                ขณะที่เกริกกำลังตีกอล์ฟเป็นกีฬาที่ทำให้เขาได้มีสังคมกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันแต่เกริกจะแตกต่างจากเพื่อนหลายคนเพราะว่าเขาถูกสอนมาในครอบครัวที่ยืดหลักให้เกียรติภรรยารักและซื้อสัตย์ต่อภรรยาของเขาแต่เพื่อนเขานี้แต่ล่ะคนมีบ้านเล็กบ้านน้อยกันทั้งนั้น มีพิเชษฐ์อีกคนที่ไม่คิดจะมีเช่นกัน
                “เกริกผมเองก็เสียดายอาจารย์กันตภณน่ะ เขาเก่งทีเดียว เป็นคนมีความรู้ความสามารถมากผมอยากให้เขาเป็นอาจารย์เพื่อทำประโยชน์ต่อ” อธิการบดีพูดเกริกหันหน้ามามองเขาที่กำลังเหวี่ยงวงสะวิงอยู่ในสนามกอล์ฟ
                “แต่ผมอยากจะให้นายเตือนน้องชายสักหน่อยนะครับเป็นไปได้อย่าไปยุ่งกับงานของดอกเตอร์เปรมสินีย์เขา” อธิการบดีพูดกับเกริก
       “คุณเปรมสินีย์นี้เป็นเด็กฝากของคุณธรรมรัตน์เขานะเกริก เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เกรงใจกันหน่อยก็ดีน่ะ” อธิการบดีพูดก่อนจะเดินไปสะวิงจุดอื่น เขาหันไปมองธรรมรัตน์ที่ยืนคุยกับเพื่อนๆคนอื่นที่เป็นนายทหาร เกริกคิดว่าถ้าเป็นเด็กฝากธรรมดาธรรมรัตน์คงไม่ออกมาเตือนเขาเช่นนี่ สงสัยจะไม่ใช่เด็กฝากธรรมแล้ว
                “เกริก วันไหนว่างๆไปเที่ยวกันไหม คุณธรรมรัตน์น่ะเขามีของดี” เกิรกหันไปมองเขาเข้าใจคำว่าของดีแต่ว่าเขาไม่สนอยู่แล้ว
                “ไม่ละอั๋วะไม่ชอบกินอาหารจั้งฟู้ด “เกริกพูดพิเชษฐ์หันมามองพร้อมกับพยักหน้าว่าเห็นด้วย พวกเขาเห็นว่าได้เวลาอันสมควรที่จะกลับบ้านแล้ว
                “ชอบกลับไปทานฝีมีอเมียลื้อที่บ้าน” พิเชษฐ์ถามเกริก เขาหันไปยิ้มแค่นั้น
                “แน่ล่ะ คุณรัตน์น่ะทำอาหารอร่อยมากน่ะ“ธรรมรัตน์พูดเพราะว่าเขาเคยไปชิมฝีมือธัญญารัตน์เมื่อครั้งที่ไปความรู้จักกับอแต่ว่าเตี่ยและม๊าเธอกลับยกให้เกริกแทนเขา
                “เกริกไปไหนหรือเปล่า” ธรรมรัตน์หันมาถามเกริก เพื่อว่าเขาชวนเองแล้วเกริกจะยอมไป
                “ผมมีนัดทานอาหารที่บ้านกับลูกๆนะครับเฮียผมขอตัวนะเฮีย ผมไม่ค่อยสะดวกจริงๆช่วงนี้เพราะว่าวันหยุดก็พาคุณรัตน์ไปพักผ่อนที่เขาใหญ่และไหนจะไปอยู่กับม๊าผมบ้างเลยไม่ค่อยว่าง และครอบครัวของผมคือสิ่งสำคัญ” เกริกพูดจังหวะที่เขาเดินเข้ามาด้านใน เขาเห็นแพรวากำลังโวยวายกับพนักงานที่เอาของที่เธอสั่งมาให้ไม่ถูกใจ
                “ไปทำมาให้ฉันใหม่เดี๋ยวนี้!!” ดูแพรวาเธอโมโหร้ายจนแม่ของเธอเองก็ห้ามไม่อยู่“แพรวา ใจเย็นๆซิลูก”คุณหญิงนิดาพูดห้ามลูกสาว
                “แกทำไม่ได้ ก็ใส่หัวออกไปลาออกไป “แพรวาพูดเสียงดังใส่พนักงานจนธรรมรัตน์เดินเข้ามาและมองหน้านิดาทำไมไม่ห้ามลูกสาว
                “นี่แล้วทำไมเธอไม่ฟังลูกฉันให้ดีดีละว่าเขาจะเอาอะไรทำเป็นไหมเธอน่ะ” นิดาที่ไม่เคยโทษลูกสาวตัวเองเลยหันมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่พนักงาน
                “เกิดอะไรขึ้นคุณ” ธรรมรัตน์ถามภรรยาและลูกสาวเขา
                “อีนี้ทำเครื่องดื่มค็อกเทลมาให้หนูผิดค่ะพ่อ” แพรวาพูดกระแทกเสียง
                “พ่อบอกว่าห้ามดื่มไงแพรวา” ธรรมรัตน์พูดแต่เขามองหน้าคุณหญิงนิดา ถ้าเป็นที่บ้านเธอคงโดนไปแล้ว
                “ไม่ค่ะหนูจะดื่มค่ะพ่อ!!” แพรวาพูดเสียงดังใส่ธรรมรัตน์
                “เอาอย่างนี้อยากดื่มไปดื่มที่บ้าน “ธรรมรัตน์ตัดบทและเขาก็กำลังหาเรื่องให้ทั้งคู่กลับบ้านอยู่เหมือนกัน
                “พาลูกกลับบ้านไปและให้คนขับรถกลับมารับผมทีหลัง” ธรรมรัตน์บอกนิดา เธอก็ทำได้แต่พยักหน้าก่อนจะดึงรั้งแพรวาออกไปแต่ล่ะคนยืนมองด้วยสีหน้าตกใจกันทั้งหมด
                “ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกันพี่พุฒิ” เกริกหันบอกธรรมรัตน์ ชื่อนี้คือชื่อเก่าของเขาตั้งแต่สมัยเด็กๆพูฒิพงษ์แต่จู่ๆเขาก็มาเปลี่ยนทีหลัง
                “คุณกลับกันหรือยังละ” ภรรยาของอธิการบดี เขาเองพึ่งจะพูดกับเกริกอยู่ว่า ธรรมรัตน์เขามีของดี
                “คุณกลับก่อนแล้วผมมีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนเก่าหน่อย “อธิการบดีบอกภรรยาถึงเธอจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ต้องเลือกหยิบกระเป๋าและลุกเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์หนัก
                “คุณรัตน์ ฉันฝากหลานสาวฉันเข้าทำงานด้วยสักคนซิค่ะพึ่งจบใหม่นะคะ สวยและเก่ง ได้ไหมคะ” คุณหญิงแฟนอธิการบดีหันมาถามธัญญารัตน์ก่อนจะเดินออกไป
                “ได้ซิ พอดีเลยธุรการเขาจะลาหยุดไม่รับเงินเดือนสามเดือน เขาจะไปเมืองนอกกับแฟนน่ะให้หลานสาวเข้ามาเขียนใบสมัครเอาไว้เลยน่ะ” ธัญญารัตน์บอกภรรยาอธิการบดีเธอพยักหน้าก่อนจะหันไปค้อนสามีตัวเอง และเธอก็เดินออกไปทันที
                “ถ้าอย่างนั้นอั๊วะกับเกริกกลับเลยแล้วกันน่ะ” พิเชษฐ์พูดพร้อมกับหันไปพยักหน้าเรียกภรรยาของเขาเช่นกัน
                “เกริกรอบหน้าชวนวิทย์มาด้วยซิ อะไรกันให้แต่งงานกับน้องสาวแต่ไม่ให้ออกมาเที่ยวบ้างเลย” อธิการบดีพูดเขากำลังสนใจที่ทาบทามวิทย์น้องเขยเกริก เพื่อความสะดวกสบายของพวกเขา
                “ก็โทรไปชวนเองเลยซิแต่ไอ้วิทย์น่ะมันยุ่งมากน่ะ ขนาดว่าอั๊วะนี้เป็นพี่เขยยังไม่ค่อยได้เจอเลย “เกริกพูดก่อนจะหันไปพยักหน้ากับธัญญารัตน์ เกริกหยิบกระเป๋าถือของภรรยาเขาไม่แคร์หรอกที่ใครบอกว่าเขากลัวเมียที่จะถือกระเป๋าให้ภรรยาของเขาระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอดูมีอายุแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่เธอเดินผ่านเกริกและธัญญารัตน์เข้าไปด้านในแสดงว่าเธอมาเพื่อนๆของเกริกที่ยังไม่กลับกัน
                “คุณเปรมสินีเชิญครับ” เกริกและธัญญารัตน์ได้ยินชื่อนี้คือเปรมสินีย์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
                “เดี๋ยวคุณรอผมสักครูน่ะ” พิเชษฐ์บอกกับภรรยาของเขาก่อนจะพยักหน้ากับเกริกให้ไปหาที่คุยกันสักครู่
                “คุณเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมคะคุณธัญญารัตน์” ภรรยาของพิเชษฐ์เอ่ยถามเธอ
                “เห็นค่ะ” เธอตอบ
                “ภรรยายาน้อยคุณธรรมรัตน์ค่ะ” ภรรยาของพิเชษฐ์พูด ทำให้ธัญญารัตน์ที่ไม่ได้ติดตามข่าวพวกนี้ถึงกับตกใจไม่น้อย
                “คุณนิดาเธอไม่รู้หรอกค่ะ” ภรรยาของพิเชษฐ์พูด
                “ขอบใจลื้อมากน่ะ “เกริกพูดกับพิเชษฐ์ก่อนจะแยกกันไปขึ้นรถธัญญารัตน์เหลือบไปมองเวลาขณะที่จวนจะได้เวลาที่ลูกๆจะพากันมาทานข้าวที่บ้านธีบอกว่าจะพามิวมาทานข้าวที่บ้านด้วย ธามและธันก็จะมาด้วยเช่นกันมันทำให้เธอคิดถึงลูกชายคนเล็กเหลือเกิน ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลย
                Rrrrrจู่ๆมือถือเธอก็มีสายเข้าจากลูกชายคนเล็ก
                “ป๊า เธียรวิชย์” ธัญญารัตน์พูดก่อนจะกดรับสาย ตอนนี้เธออยู่บนรถสีดำประจำตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดเกริกหันมามองภรรยาของเขา
                “เธียร ว่าไงลูก” ธัญญารัตน์ทักทายเธียรวิชญ์
                “ม๊า ผมจบแล้วนะม๊า” เธียรวิชญ์พูด
                “จริงเหรอเธียร! ม๊าดีใจด้วยน่ะ จบซะที กลับเลยไหมเราน่ะ”เกริกหันมามองภรรยาของเขาที่ดีใจมากที่ลูกชายคนเล็กเรียนจบซะที
                “ขอเวลาหน่อยม๊าขอเที่ยวอีกสองเดือนนะม๊า” เธียรวิชญ์พูด คนทีนั่งส่ายหัวไปมาคือป๊าเขาเอง
                “จะรออะไรอีกตอนนี้ทางนี้ยุ่ง เธียร!!!” ป๊าของเขาพูดแต่ว่าม๊าของเขาหันมาทำสีหน้าให้ใจเย็นๆก่อน
                “รอทำไมละเธียรกลับเถอะลูก” ม๊าของเธอถามลูกชาย
                “พอดีว่าเพื่อนผมนะเขาพึ่งจะขอสาวแต่งงานอาจจะมีปาร์ตี้งานหมั้น ผมจะขออยู่ต่อนะม๊า” เธียรวิชย์ม๊าของเขาและนี้คือเหตุผลว่าทำไมเขาโทรมาบอกม๊าก่อนที่จะบอกป๊าของเอง
                “เสร็จแล้วกลับมาเลยนะเธียรม๊าคิดถึงและอาม่าด้วย”
                “ครับม๊าแค่นี้ก่อนนะครับม๊า” เธียรวิชย์
                “ม๊าอย่าพึ่งบอกแพรวานะว่าผมเรียนจบแล้ว ผมกลัวเธอบินมาหาผมอีก” เธียรวิชญ์พูด
                “น้องเคยบินไปหาเราที่นั้นด้วยเหรอเธียร” ม๊าของเขาถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
                “เคยม๊าแต่ว่าลุงธรรมรัตน์เขาโทรให้แพรวากลับไปที่โรงแรมและผมก็ไปทานข้าวกับเขามาแค่นั้นม๊าส่วนแพรวาก็กลับไปกับพ่อเขาเพราะว่าต้องไปฝึกงานเธอไม่ยอมฝึกตามที่มหาวิทยาลัยสั่งแต่เธอมาฝึกทีหลัง” เธียรวิชญ์พูด
                “ระวังตัวด้วยน่ะเรื่องแพรวาน่ะ” ธัญญารัตน์บอกลูกชายแต่ไม่ได้เล่าสิ่งที่เธอเห็นวันนี้ให้เธียรฟัง
                “ได้ครับม๊า ผมรักม๊าน่ะฝากบอกป๊าด้วยว่าเธียรก็รักป๊า”
                “นั่งอยู่ข้างๆม๊านี้ไงพูดไปซิ บอกรักป๊ายังต้องมาฝากบอกอีก น่าจริงๆเลยเรานิ” ม๊าของเธียรวิชย์ พูดป๊าของเขาหันมามองที่หน้าจอ ลูกชายคนเล็ก
                “ป๊า เธียรจบแล้วเลิกบ่นเธียรสักวันน่ะป๊า” เธียรวิชย์พูดกับป๊าของเขา
                “จะให้เลิกบ่นกลับมาดูแลกิจการของอากงถ้าคิดว่าไม่กลับให้บอกป๊าจะให้เจ๊กเขาออกมาดูแลแทนและเราก็ไปทำหน้าที่ธุการเลยตอนนี้ธุรการขอลาออก” เกริกพูด
                “เรียนจบปริญญาโทมาป๊าให้ทำงานธุรการนี่น่ะป๊า” เธียรวิชญ์พูด
                “ก็เราไม่คิดจะกลับมาดูแลจริงๆจังๆจะให้ฝากทำหน้าอื่นได้ยังไง ไม่รู้ กลับมาก็ทำหน้าที่ธุการไปเลย “ป๊าของเขาพูดม๊าหันมามองหน้า คนทำหน้าเคร่งขรึม
                “งั้นแค่นี้ก่อนนะม๊าเพื่อนโทรมาตามแล้ววันนี้มีเลี้ยงฉลองม๊า บายครับม๊า” เธียรวิชญ์บอกม๊าของเขาก่อนจะว่างสายไปธัญญารัตน์หันมามองสามีของเขา
                “เอาน่ะป๊ายังไงเธียรก็จบแล้ว เขาต้องกลับมาช่วยงานอยู่แล้วป๊า” ธัญญารัตน์พูดกับสามีเกริกหันมามองภรรยาของเขา เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาใจเย็นลงเกริกพยักหน้าธัญญารัตน์ได้สั่งให้แม่บ้านทำอาหารที่ลูกๆชอบเอาไว้วันนี้แค่สามกุมารก็ยังดี
                “รอให้เธียรมาช่วยงานป๊าจะได้พาม๊าไปเที่ยวได้แล้ว อยากเที่ยวไหนนี้คิดเอาไว้เลยน่ะ” เกริกถามภรรยาของเขา          “ฉันนี่โชคดีจริงๆเลยน่ะที่ได้เฮียเป็นคู่ชีวิตของฉันน่ะ”ธัญญารัตน์พูด
                “เห็นชุดที่มาวันนี้ไหมป๊าฉันว่าแต่ล่ะคนนี้ มีปมกันทั้งนั้น ยกเว้นป๊ากับเฮียพิเชษฐ์น่ะ “ธัญญารัตน์พูด
                “ยอมรับน่ะว่ารู้ว่าเขาเป็นยังไงแต่ป๊าเชื่อว่าม๊ารู้ว่าไม่ทำแบบนั้นด้วยใช่ไหม “เกริกถามภรรยาของเขา ภรรยาเขาพยักหน้าว่าเชื่อ
                “ป๊าทำหน้าไม่ค่อยสบายใจเลยมีอะไรหรือเปล่า” ธัญญารัตน์ถาม
                “อธิการบดีเขาบอกให้ป๊าเตือนเจ้ากันว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเปรมสินีย์ น่าจะเป็นผู้หญิงทีเดินส่วนเราเข้าไปนะม๊าอธิการบดีบอกว่าเธอเป็นเด็กฝากจากธรรมรัตน์ ให้ป๊าเกรงใจธรรมรัตน์บ้างก็ดี “เกริกบอกภรรยาของเขา
                “ฝากขนาดนี้คงมากกว่าเด็กฝากแล้วแหละป๊า” ธัญญารัตน์พูด เกริกหันมาภรรยาของเขา
                “แล้วเฮียพิเชษฐ์ละป๊า” ธัญญารัตน์ถามเกริก
                “เขาบอกว่ามีคนจะทาบทามวิทย์เพราะคนนี้กำลังจะทำบางสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่จะยื่นข้อเสนอให้วิทย์ด้วยเฮียเลยฝากให้ป๊าเตือนวิทย์ ว่าอย่าหลงกล มันไม่คุ้มกัน” เกริกบอกกับภรรยาของเขาธัญญารัตน์พยักหน้า      ตอนนี้รถแลนด์เข้ามาในบ้านแล้วได้เวลาอาหารเย็นพอดีเกริกก็ไม่ลืมที่จะหันมายื่นมือให้ภรรยาของเขาจับและเดินลงจากรถหน้าที่นี้เขาทำทุกครั้งไม่เคยขาด สองคนเดินเคียงคู่กันเข้าบ้านนานแค่ไหนแล้วทีเดินคู่กันแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเบื่อ
                 “ไม่เอาอ่ะเจ๊มิวว่ามันดูอลังการไปและที่สำคัญ มันโป้ด้วยอ่ะ เฮียไม่ให้หรอก” มิวคุยกับธามเรื่องเลือกชุดแต่งงาน ถึงจะเลื่อนมาแต่ก็แพลนว่าจะแต่งกันอยู่ดี
                “ทำอะไรกันน่ะ” ม๊าเดินเข้ามาพอดีเลย
                “เรียกเฮียซิอย่าเรียกเจ๊!!” ธามลูกชายคนที่สองหันไปเอ็ดมิวพี่สะใภ้แต่อายุอ่อนกว่า
                “ป๊าหวัดดีครับ” ธามยกมือไหว้ป๊าของเขาทำเสียงแมนด้วย ป๊าเขาหันมามองและชี้นิ้วด้วย (ถามว่าป๊ารู้ไหม รู้ตลอดแต่ม๊าก็ห้ามไว้ทุกที)
                “ธีกับธันไปไหนละจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน” ม๊าถามสองคนเขาก็ชี้ไปที่ห้องนั่งเล่นที่เขาสองคนนั่งดูแข่งฟอร์มูล่าด้วยกัน
                “มิวไปตามให้นะคะม๊า” มิวบอกกับว่าที่แม่สามีเธอ ก่อนจะรีบเดินไปเรียกคนรักและน้องชายคนรักมิวรุ่นเดียวกับเธียรวิชย์ ม๊าเดินเข้าไปด้านในห้องอาหารกับเกริกก่อนตอนนี้อาหารถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
                “มล บุ้งเขากลับมาหรือยัง” ธัญญารัตน์ถามคนใช่ในบ้าน
                “ยังค่ะเห็นบอกว่าแม่ของบุ้งเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงคืนนี้ค่ะ “มลรายงานนายหญิงของบ้าน
                “ตายจริง เป็นเยอะเหรอมล” ธัญญารัตน์ถามมล มลพยักหน้า
                “งั้นก็บอกบุ้งน่ะว่ามีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยรู้ไหม “ธัญญารัตน์พูด
“ป๊าโอนเงินเดือนให้บุ้งไปก่อนเลยน่ะเพื่อว่าบุ้งต้องใช้น่ะป๊า” นายหญิงหันไปบอกสามีเธอทันที เกริกพยักหน้าว่าได้ เกริกหันมามองภรรยาของเขาที่ทำหน้าที่แม่ใหญ่ของบ้านได้ดีตอนนี้ลูกๆเดินมานั่งพร้อมหน้ากันแต่ก็ขาดเธียรวิชญ์ไปหนึ่งคน
                “ป๊าไอ้เธียรมันเรียนจบแล้วนิป๊าให้มันบินกลับพรุ่งนี้เลยไหมครับป๊า” ธามถามป๊าของเขา ทำเสียงเข้มๆหน่อย
                “กลับเลยซะที่ไหนล่ะขอม๊าเราเที่ยวต่ออีกสองเดือนนั้นแหละ” ป๊าพูดพร้อมกับหันมามองม๊า
                “ทำไมมองม๊าแบบนั้นล่ะป๊าก็ได้ยินพร้อมๆกับม๊า ทำไมไม่ค้านลูกละ มาโทษม๊าอีก” ม๊าของพวกผมพูด
                “อะไรอ่ะป๊า มันจะเที่ยวโดยไม่สนโลกแบบนี้ไม่ได้นะป๊า“ธามพูดก่อนจะหันมามองน้องชายคนที่สาม ที่หันไปแตะมือกับตั่วเฮียคนโตเขาพนันกันแล้วเธียรมันต้องหาเรื่องอยู่ต่อ
                “มาทานกันได้แล้วน่ะป๊าเขาเหนื่อยวันนี้ ไปออกรอบมา จะได้เข้านอนเร็วหน่อย“ม๊าของพวกเขาพูดก่อนจะหันมาตักที่เกริกชอบสตูเนื้อที่ใส่เครื่องตุ๋นไว้นานถึงแปดชั่วโมง อาหารที่เกริกชอบมาก ลูกๆของพวกเขาเห็นภาพที่ป๊าและม๊าดูแลกันมันทำให้พวกเขาหันมามองหน้ากันและยิ้มมีความสุขมาก โดยเฉพาะธีเขาเลือกผู้หญิงคนนี้แล้ว ถึงที่ผ่านมาเขาจะเดินทางหลงไปบ้าง ธีเคยมีแฟนเป็นผู้ชายไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่อุปสรรคมันทำให้เขาทั้งคู่ตัดสินใจยุติ จนกระทั้งธีกับมาไทยเขาก็มาเจอมิว แรกก็แค่คุยกัน มิวมีอะไรที่ธีอยากค้นหาและที่สำคัญ อาม่าชอบมิวธีเลยเดินสานสัมพันธ์หน้าจนทั้งคู่ใกล้จะเข้าสู่ประตูวิวาห์กันเร็วๆนี้
                “ม๊าป๊าไปส่งอิเมลก่อนนะป๊าลืม” เกริกบอกธัญญารัตน์ก่อนจะเดินออกไป
                “มิวจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”
                “มิวจะไปนิวซีแลนด์ค่ะพี่ที่ทำงานเคยไปเที่ยวกับครอบครัว มิวว่าบรรยากาศดีมากค่ะเสียดายเฮียไปไม่ได้อ่ะ” มิวพูดและหันมามองธีแฟนหนุ่ม
                “อยากไปแต่รอให้ตี๋น้อยกลับมาก่อนจะได้ไปกันมั้ง “เฮียธีพูดกับมิว
                “อยากไปมั้งอ่ะไอ้ตี๋น่ะไอ้ตี๋ มันตีหิตจริงๆ เลยไม่ยอมกลับ” ธามพูด
                “เพี๊ยะ!” จากม๊าของเขาเพราะว่าม๊าเขาก็แปลออกอยู่น่ะ
                “ไปว่าน้อง เดี๋ยวจะโดน” ม๊าเขาพูด
        “เจ๊ธามเอาอะไรดีอ่ะของฝาก” มิงถามธาม
  “เจ๊ก็ขอเอคเซนเซอรี่เหมืแนเดิมน่ะ
  “มิวรู้ไม่ใช่เหรอว่าเจ๊นะชอบอะไร
“ธามพูดและยิ้มให้มิว
   "แล้วเฮียธีรู้ไหมอ่ะเจ๊ธามว่าเจ๊ชอบอะไร"มิวถามน้องชายของธี
        "รู้แต่ไม่กล้าซื้อกลัวคดีพลิกป๊าหันมาเตะเฮียแทน ในฐานะที่เป็นคนซื้อมาฝาก" เฮียธีรีบพูดแก้ตัวทันที
                “ฝากมิวซื้ออีกแล้วที่มีนี้ก็ใส่ไม่หมดแล้วน่ะแถมยังไปฝากม๊าเก็บเอาไว้อีก ป๊าเขาถามม๊าแล้วเนี๊ยะไม่ใช่ว่ากลัวเปลือกงน่ะแต่ถามเพราะว่า มันคนละสไตล์กับม๊าเลย” ม๊าหันมาบอกลูกชาย
                “งั้นธามซื้อตู้เพิ่มแล้วกันนะม๊าจะเอาแบบสำหรับใส่เอคเซนเซอร์รี่โดยเฉพาะนะม๊า…” ธามพูดแต่ว่าป๊าเขาเดินกลับมาพอดี ทำให้มีคนกระทุ้งเขาเป็นการส่งสัญญาณเตือนก่อน
                “ม๊า…ภรรยาอธิการบดีเขาจะฝากหลานสาวเขาให้เข้ามาทำใช่ไหมม๊า” เสียงเข้มเต็มรสชาติมาทันที
                “ถ้าใช่ให้เข้ามาเรียนรู้งานเลยนะม๊าก่อนที่คนเก่าจะออก” ป๊าบอกม๊า ป๊ามองทุกคน
                “มีอะไรกันเหรอ” ป๊าถามทุกคน
                “ธามเขาจะให้ม๊าซื้อ….” ธันรีบดึงแขนม๊าเอาไว้ว่าอย่าพึ่งพูดเลย
                “ซื้อตู้ให้หน่อยนะม๊าธามจะเอาไว้ไปใส่รองเท้า รองเท้านักฟุตบอลม๊า” เจ๊ธามพูดทำเอาทั้งหมดที่ได้ยินหัวเราะกันคิกๆทันที
                “รองเท้าส้นสูงก็บอกมาเถอะเฮีย” ธันไม่วายที่จะแกล้งพี่ชายคนที่สอง
                (ส้นสูงบ้านแกซิ)ธามพูดพร้อมกับส่งนิ้วให้กันและกัน ใต้โต๊ะ
                “ตกลงให้ม๊าเขาซื้ออะไรธาม” ป๊าของเขาถามลูกชาย เขากอดอกมองธาม
                “ซื้อตู้ใส่รองเท้าเพิ่มอ่ะป๊าผมจะเอาไว้เก็บรองเท้าฟุตบอล ช่วงนี้อยากเตะบอลป๊า งานฟุตบอลประเพณีของโรงเรียนเราปีนี้ธามจะเตะโชว์ป๊าเลย “ธามพูด เก็กทำเสี่ยงหล่อด้วย ก่อนตะแอบชูนิ้วกลางธัน
                “มีด้วยหรอรองเท้านักฟุตบอล เฮียไม่ยักรู้ ไปซื้อมาตอนไหนอ่ะ” ธีไม่วายรีบแซวน้องชายที่ไม่เชิงว่าจะเป็นน้องชายหรือน้องสาวมันทีธามค่อยๆหันไปมองตั่วเฮีย ประมาณว่ากินหัวได้เหมือนกันน่ะเฮียธีรีบทำนิ้วว่าไม่พูดแล้ว รูดซิปปาก
                “แล้วไม่เป็นเชียร์รีดเดอร์แล้วเหรอ” ธันถาม ธามหันไปมองทันที อย่าพูดถึบงเพราะว่าปีที่แล้ว ธามแต่งเป็นมาดอนน่าค่ะป๊ายังจำไม่ได้เลย
                “ปีที่แล้วป๊าถามหามาดอนน่าจะให้รางวัลอ่ะ ในฐานะที่แต่งเหมือนจนนึกว่ามาดอนน่ามาเองตกลงเฮียตามหาเจอหรือยัง” ธันถามธาม
                “ออกไปแล้ว” ธามพูดด้วยน้ำเสียงแอบควันออกหูเล็กน้อย
                “แล้วนี่คุณลินดาเขาเข้าไปช่วยเราเครียมเอกสารหมดแล้วใช่ไหม” เกริกถามลูกๆของเขา
                “ของผมเรียบร้อยแล้วป๊ามาเร็วเครมเร็ซเลย ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเอง” เฮียธีพูด ก่อนจะหันมามองธัน
                “ของผมน่าจะใกล้แล้วป๊าธันพูด
                “ใกล้เสร็จเหรอกูว่าเสร็จไปแล้วมั้ง คุณลินดาอะไรเนี๊ยะแต่งานประเมิณมึงน่ะยังค่ะ!!” ธามพูด ป๊าสะบัดหน้าไปมองธัน ธันหันมายิ้มให้เจ๊ธามพูดทำไมเนี๊ยะ
                “แล้วธามละ” ป๊าถามธาม
     “ก็คุณลินดาอะไรนี่กระโดดข้ามธามไปตรวจไอ้ธันอ่ะป๊า จะสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ยอมมาหาธามเลยป๊าไม่รู้ติดอะไร แต่ที่แน่ ไอ้คนที่ติดน่ะจะเป็นไอ้นี้แหละ ติดเหมือนไอ้เธียรเลย” ธามพูด หันมาชี้ธันเลย
                “เบาๆหน่อยน่ะอย่าให้มีเรื่องไม่ดีย้อนกลับมาละ ถ้ามีนี้จัดการกันเองน่ะเพราะว่านี้ให้ตำแหน่งผู้บริหารแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญ” ป๊าพูด
                “ที่เขากระโดดไปเพราะว่าเขากลัวเฮียอ่ะ” ธันหันมาบอกเจ๊ธาม ผู้ไม่เป็นรองใครเรื่องปาก
                “มากลัวกูทำไมธัน” ธามถามน้องชาย
                “ใครก็รู้ป่ะว่าปากเฮียน่ะ…. อย่างนี้เลย!”ธันพูดพร้อมภาพประกอบยกนิ้วโป้งให้เฮียธามเขาทันที 
                “ปึก” อะไรสักอย่างที่ใกล้ๆลอยไปหาทันที
                “มือก็ไว้ด้วย “ธันพูด
                “เท้าก็ไวลองไหมละ” ธามพูด
                “พอได้แล้ว!!โตจนเป็นผู้บริหารยังมาตีกันอีก อายมิวเขาบ้างซิ” ม๊าต้องเป็นคนห้ามทัพแทน และทั้งหมดก็กลับมาสนทนากันอย่างมีความสุชเหมือนเช่นทุกครั้งแต่ว่าขาดไปแค่เธียรวิชญ์ธัญญารัตน์ภาวนาขอให้เธียรวิชย์เปลี่ยนใจกลับบ้านก่อนกำหนดเธอหวั่งว่าลูกชายคนเล็กจะไม่เลื่อนออกไปอีกน่ะ
                TBC

7
อ่านมาแล้วสองรอบยังไม่เข้าใจบางส่วน ไว้ปีหน้าจะกลับมาอ่านใหม่นะคะ เป็นเรื่องที่เหมือนกำลังดำน้ำอยู่ทั้งเรื่องเลย ขอบคุณสำหรับการรังสรรค์ค่ะ :L1:  :pig4:
8
EP.11.ครูคนใหม่ที่น่าสงสัย 1
               
                    Part’ s ครูตุ๊ หลังจากที่คุณผู้ช่วยผู้อำนวยการของผม ถูกหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ หนุ่มรุ่นน้องซะด้วยพึ่งจบใหม่ มาแจกขนมจีบ ทำเอาผู้อำนวยการอย่างผมหึงขึ้นมาทันที ผมน่ะรู้จักพัฒน์ดีและที่ผมหึงไม่ใช่เพราะสองสาวนั้นพูดใส่ไฟพัฒน์แต่ผมหึงเพราะว่าไอ้หนุ่มคนนี้มันแสดงอาการที่บอกได้ชัดเจนว่ากำลังจะจีบพัฒน์ของผมอย่างออกนอกหน้า มันน่าจริงๆ
           “คุณตุ๊ค่ะ น้องชายคนเล็กคุณตุ๊นี้เสียงดีมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าจะได้เป็นนักร้องหรือเปล่าคะ” ผมสะดุ้งตอนที่ครูหันมาถามผม วันนี้น้องชายคนเล็กของบ้านตอเต่า ได้แสดงบนเวที โดยการจับไมโครโฟนเป็นนักร้องนำและเขาก็ได้ตั้งชมรมดนตรีขึ้นด้วย ผมหันมามองครูคนที่เอ่ยปากชมน้องชายคนเล็กของผมก่อนจะยิ้มๆ
           “เป็นดาราด้วยใช่ไหมคะ” ครูอีกคนถามผม
           “ใช่ครับ” ผมตอบก่อนจะหันไปมองพัฒน์ ที่กำลังคุยกับครูท่านอื่นๆ จะว่าไปพัฒน์ก็มีคนรักเขาอยู่ไม่น้อยน่ะ ยิ่งนักเรียนก็หลายคนมากที่รักและเคารพพัฒน์ ผมว่ามีแค่บางส่วนเท่านั้นที่แสดงอาการหมั่นไส้พัฒน์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนของคุณน้ำตาลลูกสาวเสียวันชัย
            “ดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ตัวจริงกับตอนอยู่ในวงการบันเทิงนี่แตกต่างกันมากนะคะ” ครูนิดา คนที่นั่งข้างๆ ผมพูดกับผม ครูเขาเป็นครูแนะแนว ผมฟังจากที่ครูพูด ว่าครูเขาค่อนข้างเข้าใจวัยรุ่นดีทีเดียว
            “ตอนที่เขาอยู่ในวงการบันเทิงเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่มันก็ทำให้เขาพลาดความสดใสวัยเด็กตามวัยของเขาไป แต่ว่าตอนนี้เขาดูสมวัยตามวัยของเขานะคะ คุณตุ๊ว่าไหมคะ” ครูนิดาพูด ผมพยักหน้าว่าใช่
           “แต่ดูแล้วในวงการบันเทิง คุณติ๊กนี้ค่อนข้างจะวีนเก่งมากค่ะแต่ในโรงเรียนเธอดูเป็นคนล่ะคนกันเลยทีเดียวค่ะ” ครูนิดาพูด ผมพยักหน้าอีกทียอมรับเลย ว่าน้องชายผมเบาลงมากในเรื่องขี้วีนเหวี่ยงใครต่อใคร คงเป็นเพราะว่าเพื่อนๆ ช่วยเตือนสติ โดยเฉพาะแอ้นี่แหละ

              ติ้ง!!!จู่ๆ มือถือผมก็ดังขึ้นเนื่องจากมีข้อความเข้า ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากเบอร์ครูคนใหม่ ผมจำได้ดี

              // สวัสดีค่ะครูตุ๊ นี่ครูวินนี่นะคะ ดิฉันเดินทางมาตามจีพีเอสที่เจ้าหน้าที่ได้ส่งให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ดูฉันจะขอเข้าไปพบคุณตุ๊ก่อนเลยนะคะ อยากเห็นโรงเรียนของคุณตุ๊ค่ะ เลยขอมาก่อนค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะใกล้ถึงแล้วค่ะ สักประมาณ หนึ่งชั่วโมงค่ะ//ครูคนใหม่ ผมอ่านขอ้ความแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ครูวินคนนี้เขาใช่ค่ะกับผมตลอดเลย
             // ดิฉันขอทราบรายละเอียดเบื้องต้นก่อนด้วยนะคะ//ชัดเจนเลยว่าครูเขาอ่อนโยนเยี่ยงสตรีแน่นอน อ่านข้อความนี้แสดงว่าต้องอ่อนหวานแน่นอน พูดจาไพรเราะ ตัวเล็กแน่นอน
             // ได้ครับ ผมจะเตรียมเอาไว้ให้ครับ// ผมส่งข้อความตอบไป จังหวะนั้นน้องๆ ยังคงร้องเพลงกันสนุกสนาน ดูนักเรียนทุกคนก็สนุกสนานไปด้วย ผมเห็นแบบนี้คงต้องจัดให้นักเรียนบ่อยๆ หน่อยแต่จังหวะนั้นผมเห็นไอ้คนที่ชื่อนิรุจน์อะไรนี้เดินมาชะเง้อคอมองหาพัฒน์แน่นอนนี่มันหาเรื่องมาหาพัฒน์แน่นอน
            //พัฒน์! ขึ้นห้องไปช่วยพี่หาเอกสารที่จะให้ครูคนใหม่ดูกับพี่หน่อยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ให้ลุกขึ้น พัฒน์หันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจมากหนัก
             “เร็วพัฒน์ พี่รีบครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ไปกับผมทันที
             “คุณสองคน รับเรื่องกับผู้รับเหมาให้ผมด้วยนะครับ ผมย้ำว่าดูให้ละเอียดด้วยนะครับ เข้าใจนะครับ อันนี้หน้าที่คุณสองคน “ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ เดินออกไปอีกทางทันที พัฒน์หันมามองหน้าผมพร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจแต่ผมก็พาพัฒน์ออกไปด้านนอกจนได้
            “พี่ตุ๊อะไรจะรีบขนาดนี้เนี๊ยะ!” พัฒน์ถามผมทันที
            “รีบซิก็ไอ้เวร….” ผมหันมาพูด พัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วมองหน้าผม
            “ไม่ซิ พอดี ครูคนใหม่ซิ ขอรายละเอียดก่อนพี่เลยต้องรีบออกมาไง” ผมพูดเหมือนแก้ตัวแต่จริงๆ ก็ใช้ครับ พัฒน์มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองด้านหลัง ไอ้คนที่ชื่อนิรุจน์อะไรกำลังยืนชี้โบ้ชี้เบ้คุยกับเจ้าหน้าที่ธุรการอยู่พอดี
            “ครูคนใหม่แน่นะครับ ที่ทำให้พี่รีบขนาดนี้” พัฒน์ถามผม ผมหันมายิ้มกริ่มให้ครูพัฒน์
            “แน่ครับ” ผมพูดก่อนจะมองไอ้คนนั้นเดินตามธุรการสอบคนไปแบบเสียมิได้แต่ก็ยังมองหา ผมเดาว่ามองหาพัฒน์แน่นอน
            “ไปครับพี่รีบ ถ้าเขามาแล้วพี่ไม่พร้อมเสียหน้าแย่เลย” ผมพูดก่อนจะดึงแขนพัฒน์ไป
            “พี่รอที่ห้องทำงานนะครับ” ผมบอกพัฒน์ พัฒน์พยักหน้าก่อนจะเดินแยกตัวออกไป ผมก็ตรงไปที่ห้องทำงาน ผมตรงไปเปิดดูไฟล์ที่ผมเก็บเอาไว้ เกี่ยวกับใบสมัครงานครูคนใหม่ ผมเปิดดูมาก่อนแล้ว โรงเรียนที่น้องเขาเรียนตอนประถมโรงเรียนเดียวกับขวัญเลยน่ะ แต่คงไม่รู้จักกันหรอกผมว่าน่ะ
             ตื้ด!! จู่ๆ เสียงมีคนมาขอพบผมกดกริ่งที่หน้าห้องทำงานของผม จะว่าไปพัฒน์น่ะไม่ต้องกดเปิดเข้ามาได้เลย ผมก็เลยต้องเปิดกล้องดู ปรากฏว่าเป็นน้องชายของผมเอง ติ๊ก ผมถึงกลับขมวดคิ้วเป็นปมทันทีก่อนจะเดินไปที่
             “ติ๊ก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พี่ยุ่งอยู่” ผมถามน้องชายของผม ดูสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่าไม่สบอารมณ์กับอะไรมาแน่นอน ติ๊กก็เงยหน้ามองหน้ผม
              “ว่าไงเรา?” ผมถามติ๊ก
             “พี่ตุ๊ เพื่อนไอ้เดี่ยว ไอ้ดิวและแอ้อ่ะ คนเดิม คนที่ชื่อปูอ่ะ” ติ๊กพูด ผมเปลี่ยนมาเป็นยืนกอดอกมองน้องชายผม ที่หันไปมองทางอื่นแทนไม่ยอมมองหน้าผม
             “มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” ผมถามติ๊ก
             “มีคนบอกไอ้เดี่ยวว่า ปูเขาหายตัวไปอ่ะพี่ตุ๊ อาจจะมีคนพากไปขาย พวกไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว แอ้และไอ้ต้นข้าวมันก็เลยจะออกไปดู ดังนั้นพี่คงต้องลงไปบอกรปภ แล้วแหละว่าให้มันออกไปได้” ติ๊กพูด
              “จริงเหรอ” ผมถามติ๊ก
             “ไอ้ป๊อดลูกคนขายอาหารบอกเดี่ยวมา “ผมพูด
            “แล้วทำไมเขาไม่แจ้งความล่ะ” ผมถามติ๊ก
            “พวกมันรีบไป มันกลัวปูเป็นอะไรไปก่อนนะพี่ตุ๊และมันคงไม่อยากให้ปูเสียมากไปกว่านี้” ติ๊กหันมาบอกผม ผมได้ยินเด็กๆในโรงเรียนนี้พูดถึงปูกันเหมือนกัน ผมเองก็ไม่อยากเชื่อที่ได้ยินมาว่า เด็กคนนี้ เคยขายตัวเพื่อแลกเงิน ผมเข้าในนะว่าต้นทุนคนเราไม่เท่ากันแต่ถ้าใช่ ผมก็ต้องคุยกับเขาเพื่อหาทางเลือกที่ดีกว่านั้นให้เขา เพราะว่าเด็กคนนี้เรียนดี
            “พี่ตุ๊ “ติ๊กเรียกผม ผมพยักหน้าว่าผมจะไปจัดการเอง
            “งั้นพี่ลงไปดูเอง” ผมพูด
            “พี่ตุ๊ มีอะไรให้ทำบ้างไหมอ่ะ ไม่อยากเข้าเรียน เบื่อ!!” ติ๊กพูด
           “งั้นก็เข้าไปทำงานเอกสารหรือไม่ก็หาอะไรทำ เกี่ยวกับที่เราเรียนอยู่ก็ได้น่ะ” ผมบอกติ๊ก จังหวะนั้น ก็มีข้อความเข้ามือถือผมพอดีเลย
            // คุณตุ๊ค่ะ ดิฉันมาถึงแล้วค่ะ จะให้ดิฉันขึ้นไปหาที่ห้องทำงานเลยไหมคะ //
            //สักครูครับเดี่ยวผมลงไปที่ห้องธุรการครับ// ผมส่งข้อความตอบไป
            “ติ๊ก พอดีพี่มีครูคนใหม่ เขามาหาพี่ พี่จะลงไปพบเขาเลย ถ้าพี่พัฒน์มาบอกว่าลงไปหาพี่ที่ห้องธุรการเลยนะ” ผมบอกติ๊ก เขาก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ห้องทำงานผม ผมได้ยินเสียงปรับแอร์ทันที ผมเปิดมันก็เย็นอยู่แล้วน่ะ นี่ปรับลงอีก ผมแอบสั่นหัวเบาๆ แต่ว่าตอนนี้ผมรีบ


                     ผมเลยรีบเดินไปที่ประตูป้อมยามทันที ช่วงนี้ผมเข้มงวดกับการเข้าออกโรงเรียนเป็นพิเศษ คนของผมรายงานมาว่ามีคนของเสี่ยวันชัยมาขับรถวนไปวนมา ผมเดาได้ว่า คนของเสี่ยกำลังจะเป็นพวกส่งยา ผมไม่อยากให้เด็กๆ ในโรงเรียนนี้เป็นทาสยาเสพติด เลยต้องหาทางป้องกันเพื่อพวกเขาจะได้ไม่เสียอนาคตไปเพราะผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว หากินกับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ในโรงเรียนของผมเองแบบนี้
              “พวกคุณอีกแล้ว ยังไม่เลิกเรียนเลยครับ จะไปไหนกันอีกครับ” ผมเดินมาถึงได้ยินเสียง รปภ กำลังคุย น่าจะเป็นสามคนที่ติ๊กบอผม เดี่ยว ดิวและแอ้ ผมเองก็อยากถามติ๊กตรงๆ เหมือนกันว่ายังไงกันแน่ ผมได้ยินเด็กนักเรียนคุยกันประมาณว่า รักรักสามเส้าระหว่างติ๊ก เดี่ยวและปู แต่ที่ผมฟังดู มีแต่คนบอกว่าติ๊กไปแย้งเดี่ยวมาจากปู ผมเองไม่เชื่อและไม่อยากให้ติ๊กถูกมองไม่ดีแบบนั้น ผมคิดว่าต้องคุยกับเดี่ยวก่อน ว่าเขาเอายังไง
             “เปิดให้เขาเถอะครับ” ผมพูดทำให้ทั้งหมดหันกลับมามองผม รปภ ก็ทำความเคารพผมเหมือนทุกครั้ง ผมก็พยักหน้าว่าที่เหลือให้ผมจัดการเอง ผมมองทั้งหมดสี่คนตอนนี้ เขาหันมายกมือไหว้ผมพร้อมกันหมด ผมมองหน้าคนที่ยืนตรงหน้าผม นั้นคือเดี่ยว
             “เออ พี่ตุ๊ พวกผมจะไป…” ดิวทำท่าจะอธิบาย ผมยกมือว่าไม่ต้องอธิบายแล้ว
             “ติ๊กบอกพี่แล้ว ว่าให้พี่ลงมาเพราะว่าถ้าไม่มีคำสั่งพี่เขาก็จะไม่เปิดประตูให้เราออกไปได้” ผมพูด ทุกคนทำสีหน้าแปลกใจ โดยเฉพาะดิวและแอ้ แน่ล่ะ น้องผมดูแรงแต่ก็ไม่ใช่คนไม่เห็นใจใครน่ะ
             “ที่ผมอยากไปเองเพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหนและที่สำคัญคือถ้าไม่ร้ายแรงมากและให้พี่ไปเอง มันอาจจะเป็นผลเสียกับตัวพี่ครับ” เดี่ยวพูด มันน่าแปลกทำไมรู้สึกว่าเด็กคนนี้ความคิดโตเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ผมแอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าว่าผมเข้าใจ
             “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวกันด้วยน่ะ มีอะไรที่เกินความสามารถของเรา ให้รีบโทรหาพี่นะดิว เข้าใจไหม อย่าเข้าไปโดยพลการถ้าไม่ปลอดภัย เป็นอันขาด “ผมพูดเชิงออกคำสั่ง
 
                     ผมเชื่อว่าดิวและเดี่ยวนี่เอาตัวรอดได้ดีและแอ้อีกคนแต่อีกคนดูเด็กไปแต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนชำนาญในพื้นที่ ผมพอจะรู้จักเด็กคนนี้จากติ๊กว่าเขามาเพื่อต้องการตามหาความจริงของพี่ชายเขาที่ถูกพักการเรียนไปและพี่ชายเด็กคนนี้ทำให้โรงเรียนผม ถูกจับตามองเช่นกันเพราะตอนนั้นมันค่อนข้างน่าตกใจที่เด็กนักเรียน ออกไปตั้งแก้งและมีอาวุธปืนในครอบครองแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะว่าเด็กคนนี้ไม่ปฏิเสธอะไรเลยแต่เขาก็หมดอนาคตทั้งที่เขากำลังจะไปได้ไกล ผมรู้ว่าเขาสอบติดวิศวะมหาวิทยาลัยดังซะด้วย ช่างน่าเสียดายแทนพ่อแม่ของเขาแต่ว่าพอเด็กคนนี้กลับเข้ามาอีกมันทำให้ผมอยากจะตามเรื่องนี้ขึ้นมาแต่คงต้องรอให้ผมเคลียร์เรื่องเสี่ยวันชัยไปซะก่อน ผมว่าเสี่ยวันชัยนี่แหละคือต้นเหตุของปัญหาในตอนนี้
              Rrrr เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาเป็นเบอร์โทรจากห้องธุรการ ผมกดรับสายทันที
              (สวัสดีค่ะ คุณตุ๊ คุณตุ๊ค่ะ มีคุณครูคนใหม่มารขอพบคุณตุ๊ค่ะ)
              (ครูวินนี่ใช่ไหมครับ) ผมถามคนปลายสายทันที
              (ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้เขาขึ้นไปที่ห้องทำงานผู้อำนวยการเลยไหมคะ)
              (ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ด้านล่างแล้ว ผมจะไปหาเขาที่ห้องธุรการเลย “ผมพูด
              (รบกวนเตรียมน้ำเอาไว้รับรองแขกของผมด้วยครับ ขอบคุณครับ) ผมพูด พร้อมกับวางสาย ผมเดินตรงไปยังห้องธุรการทันที
               // พัฒน์ ครูคนใหม่มาแล้ว เอาเอกสารลงมาหาพี่เลยนะครับ // ผมพูดและจังหวะนั้น ผมหันไปเห็น รถของเสียวันชัยพอดีเลย เขามาติดต่อ ผมจะมีที่จอดรถสำหรับรถของคนที่ติดต่อเรื่องสำคัญของโรงเรียนเท่านั้น ที่จะเข้ามาจอดภายในโรงเรียนได้ ผมเดาว่าเป็นคุณน้ำตาลแน่นอนที่อยู่ในรถ ผมเองก็ไม่อยากประสาทเสียกับเธอหนักหรอก
              TBC....
9
EP.7.บ้าน ด VS บ้าน อ 2

          Part’s พี่ดิม พวกผมต้องตกใจกับผู้มาเยื่อนโดยมิได้นัดหมาย นั้นบ้าน อออ่างแถมยกกันมาเกือบหมดบ้านเลยมั้งนั้นน่ะ แต่น่าแปลกที่พ่อผมไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรเลย ที่ข้าศึกมาจ่อประตูหน้าบ้านแล้วน่ะ พ่อแค่มองพวกผมแต่พวกผมซิ กำลังตื่นตนกกันอีกแล้ว แผนการรักษาความลับ
   “อาภีมก็มานะพ่อ” ไอ้เดียร์มันหันไปสปอยด์พ่อผม ด้วยชื่อหวานใจของพ่อเลยแต่พากันมาทำไม????
   “เหมือนเดิม” ผมหันมาบอกไอ้ดรีม
   “หลานๆ ครับ เรามีเกมจะเล่นกันอีกแล้วลูก” ไอ้ดรีมมันบอกหลานๆ ของมัน
   “เกมอาไหร่อะลุง” มาริโอ้เงยหน้าขึ้นมองพวกผม
   “ซ่อนหาและห้ามส่งเสียง” ไอ้ดรีมมันบอกหลานๆ ใช่เวลาบ้านนั้นมาพวกผมจะพากันไปอยู่ห้องลับ แต่ไม่บ่อยหรอก คือแทบจะไม่ได้มาช่วงนี้แต่ทำไมวันนี้ถึงมากันได้ก็ไม่รู้
   “อีกแล้ว ไม่มีเกมอื่นเหรอลุง” ไอ ถามขึ้นทันที ผมหันมามองหน้ากัน
“กูว่าได้ฤกษ์หามุขใหม่แล้วว่ะ “ผมหันมาบอกน้องๆ พวกผม
   “เอานะ วันนี้เล่นเกมนี้ไปก่อนนะ พากันเดินตามลุงด้าและลุงเดย์ไปนะครับ ส่วนไอ้เดียออกไปเชิญเขาเข้ามา” ผมพูดและหันมามองพ่อผม พ่อผมก็คงรู้ว่าทำยังไง บรรดาหลานๆ ก็ถูกพาไปไว้อีกห้องหนึ่งด่านหลังสุด จะมีโอมเทียเตอร์และเป็นห้องเก็บเสียงได้ดี ดังนั้นจะกระโดดโล้ดเต้นก็ไม่เล็ดลอดออกมาได้แน่นอน ผมกันมามองหน้าไอ้โดม ไอ้เดียร์ ไอ้เดฟอีกคน ว่าให้ทำตัวปกติที่สุด
   “ผมว่าพวกเขาต้องระแคะระคายอะไรมาพี่” ไอ้โดมมันพูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช้ ก็ช่วงหลังมานี้ไอ้อ้นมันพยายามค้นหาความจริงจากผมเรื่องเด็กตลอด ผมเดินออกมาที่ห้องรับแขก พ่อผมนั่งรออยู่แล้ว และพวกผมก็เข้าไปนั่งเหมือนกำลังสนทนากันอยู่ ไม่นานบ้านอออ่างมันก็เดินกันเข้ามา คนแรกไอ้อ้น ไอ้อั้ม ไอ้โอมและไอ้เอ็กซ์ ผมหันไปเหล่มองมัน ดูพวกมันเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามาพร้อมกับสอดสายตาไปรอบๆ บ้านผมกัน
   “ดูดิ ส่องขนาดนี้ผมว่ามีคนบอกพวกพี่อ้นแล้วแหละพี่” ไอ้เดฟมันกระซิบ ผมก็กอดอกมอง
   “น้องกูพ่อมึงล่ะ” พ่อผมหันไปถามพวกที่เดินสำรวจบ้านผม
   “กำลังเข้ามาครับลุง” ไอ้อ้นมันตอบ ผมหันไปมองหน้าน้องๆ ยักไหล่ให้พวกมัน
   “มาทำไมกันเนี่ยะ” ผมถาม
   “ก็มาสืบ….” ไอ้โอมมันพูดผมหันไปมองหน้ามัน
   “เพี่ยะ! “โดยไอ้อ้น ที่หัวน้องโอมมัน
   “มาเยี่ยมลุงครับ ลุงสวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันน้าน นาน “ไอ้อ้นมันพูด พ่อผมหันไปเหล่มองไอ้อ้น
   “กี่วันที่ไม่ได้เจอ ถึงอาทิตย์ไหมล่ะ “พ่อผมถามมันเพราะว่าเพิ่งกลับจากประชุมมาด้วยกันมาไม่นานเอง
   “พ่อผมมาแล้วลุง ฮาๆ พ่อเชิญนั่งครับ” อาภีมดินตรงเข้ามาพร้อมกับแอร์ ดีน่ะที่หลานๆ ผมไม่เห็นอันนี้คงได้ซับซนเพราะว่าแอร์กับแอ้นะหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝดแต่รัศมีความเยือกเย็นแอร์กินขาด
   “สวัสดีครับอาภีม”
   “สวัสดีครับลุง พี่ดิม พี่เดียร์ พี่โอม พี่เดฟ “ไอ้แอร์มันยกมือไหว้พ่อผมและพวกผมกัน
   “ไงละ มาหาพี่ทำไมไม่บอกก่อนจะได้ อยู่รอทานอาหารเย็นด้วยกัน” พ่อผมถาม ผมหันไปมองพ่อถ้าทานอาหารเย็นด้วยกันเขาก็รู้นะซิพ่อ
   “ผมกะว่าแค่จะมาแวะมาดู “อาภีมพูด ผมหันไปเหล่มองไอ้โอม
   “ไอ้โอม มานั่ง เสียมารยาทนะมึงนะ! “ไอ้อ้นมันเรียกน้องชายมันที่เดินสำรวจ เปิดนั้นเปิดนี้ตามตู้โชว์ มันหาจิ้งจกหรือไงกัน ผมหันมาพยักพเยิดกับไอ้อ้น น้องมันเยอะแล้วน่ะ ดูแลด้วย
   “ไอ้โอม มานั่ง สาด!!” ไอ้อ้นมันเรียกน้องมันกลับมานั่ง
   “หาอะไรของมึงโอม” ไอ้โดมมันถามเพื่อนรุ่นเดียวกับมัน
   “พ่อบอกว่าให้ ส่องดูว่าลุงนะ แอบเด็กไว้ตรงไหน “ไอ้โอม พวกผมสะบัดหน้าไปมองมันกันหมด พ่อผมกับอาภีมด้วยเช่นกัน
   “เด็ก เด็กอะไรของมึง” ไอ้โดมหันไปถาม

   “ก็พวกผมได้ยินข่าวมาว่าบ้านลุงมีเด็ก” ไอ้โอมมันพูดขึ้น
   “นี้มึงว่าพ่อกูติดเด็กเหรอ ไอ้โอม! “ผมถามไอ้โอม
   “พ่อมันว่าพ่อน่ะ ว่าช่วงนี้พ่อติดเด็ก” ไอ้ดรีมหันมาบอกพ่อผมอีกคน
   “แก่ป่านนี้แล้วไม่เอาแล้วเด็กน่ะ “พ่อผมพูดปนขำๆก่อนจะหันไปยิ้มกับอาภีม ที่นั่งไขว่ห้างอยู่มองบรรดาลูกๆของอา ส่วนพวกผมก็หัวเราะกันร่วนเลยว่าพ่อผมติดเด็ก
   “เอาละ พ่อจะคุยกับลุงภาสักหน่อย” อาภีมพูด พ่อผมก็หันมามองหน้าพวกผม นั้นแปลว่าพ่อจะจู๋จี๋ กันนั้นเอง อย่าอยู่เป็น กขค มันแปลว่า ก้างขวางคอนั้นเอง ผมก็ต้องพาไอ้พวกบ้านอ อ่างออกมาซะก่อน
   “ไปกี่โมงว่ะพรุ่งนี้" ผมถามไอ้อ้น
   “เจ็ดโมงเช้าวะ มึงไปรับกูด้วยไอ้หมอ” ไอ้อ้นมันสั่งผม
   “แล้วนี่หมอด้าของโอมไปไหนเหรอ” ไอ้โอมมันถามหาหมอด้าแถมยังบอกของผมอีก ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้โดมจัดเพื่อนมึงดิ ไอ้โดมมันกำลังจะเตะแต่ไอ้โอมมันรีบลุกหนีซะก่อน
   “ไอ้เดฟ! “ไอ้เอ็กซ์มันเรียก ไอ้เดฟน้องชายผมซะเสียงหลง
   “อะไรไอ้เอ็กซ์”
   “มึงจำน้องที่อยู่ที่ร้านขายข้าวได้ปะ ร้านวินเทจนะ ฉลองครบรอบ สิบแปดปีวันนี้พอดีเลย ไปไหมวะ มึง น้องชวนไปช่วย!!” นั้นสิบแปดปีวันนี้ด้วยเหรอ พวกผมทั้งหมดหันไปมองว่ามันจะไปช่วยน้องเขาทำอะไรในวันเกิดแบบนี้
   "เป่าเทียนวันเกิด!!"ไอ้เอ็กซ์ตอบ
   "เทียนวันเกิดไม่ใช่เทียนในกางเกงมึงใช่ป่ะแท่งนั้นน่ะ" ไอ้โดมมันพูด ผมหันมาแตะมือกับน้องโดมของผม
   "รวมไปหมดแหละพี่น้องเขาเป่าหลายแท่ง"ไอ้เอ็กซ์พูดก่อนจะหันไปชำเลืองมองพี่อ้นของมัน ไอ้อ้นมันก็ยกนิ้วกลางให้ทันที "ตกลงจะไปไหมเดฟ" ไอ้เอ็กซ์มันยังจะถามไอ้เดฟอีกเหรอ
   “ไปดิ รออะไร” ไอ้เดฟรีบตอบทันทีว่าจะรออะไรด้วย

   “ไปครับ เดี๋ยวเจอกัน” ไอ้เอ็กซ์มันส่งข้อความเสียงไปให้น้องเขาดีใจรอทันที
   “กูไปเอาเสื้อผ้าก่อนไปอาบน้ำบ้านมึงเลยว่ะ” ไอ้เดฟมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน เอาอีกแล้ว 3p กันอีกแล้ว ไอ้สองคนนี้

   "พกถุงด้วยน่ะ ใช้ของกุซะหมดกล่อง เอามาบ้างของมันต้องมี" ไอ้เอ็กซ์พูด ผมหันมามองหน้าน้องชาย ของมันต้องไม่ให้ขาดใช่ไหม ไอ้เดฟมันยิ้มให้ผม สองคนนี้มันใจบุญมากเด็กที่มาให้ความสุขพวกมันก็มีค่าขนมให้

   “ก็ไปพร้อมกันเลยภีม พี่ก็ต้องไปอยู่แล้ว “พ่อผมเดินออกมาพร้อมกับอาภีมพวกผมหันไปมองจะไปสวีตกันที่ไหนอีกน่ะพ่อผมกับอาของผม ผมรู้ว่าอาภีมเพิ่งจะย้ายกลับมาประจำการถาวรเหมือนกัน

   “ไปพากันกลับได้แล้ว” อาภีมบอกพวกบ้านออ อ่างให้กลับบ้านได้แล้ว

   “พ่อไอ้เดฟมันชวนผมไปปั่ม ปั้ม เด็กอ่ะพ่อ ไปค้างที่ห้องพักค่ายทหารนะพ่อนะ “ไอ้เอ็กซ์มันพูด ทำให้ไอ้เดฟสะบัดหน้าไปมอง

   “มึงนิชวนกูสาด!!” ไอ้เดฟมันด่าไอ้เอ็กซ์ทันที

   “ไปได้แต่อย่าพากันเข้าอบรมสายน่ะ กูทำโทษหนักน่ะ ไม่ว่าจะลูกหรือหลานกูก็เถอะ” อาภีมพูดมองหน้ามันสองคน ผมกับไอ้อ้น ทำนิ้วเฉือนคอโชว์มันสองคน เพื่อขู่
   “ครับผม “และมันสองตัวก็รีบพากันออกไปทันที
   “อย่าสายนะมึง “ไอ้อ้นมันหันมาบอกผม ผมยักไหล่ พวกผมออกไปยืนส่งบ้านอออ่างขึ้นรถกลับบ้านกัน ทันทีที่รถแล่นออกไป ผมหันมามองหน้าพ่อผม
   “พ่อเอาไงต่อไปอ่ะ ผมว่าเราปิดได้ไม่นานหรอกพ่อ” ผมถามพ่อผม
   “รอคุยกับดิวและแอ้ก่อนแล้วกัน พ่อว่าทั้งคู่ควรจะบอกเร็วๆ นี้แหละ “พ่อผมพูด
   “อาทิตย์หน้า พากันเข้ากรุงเทพนะ ด้ากับแดนและก็เดย์ อยู่เลี้ยงหลานได้ไหม เพราะว่าพ่อต้องไปค้างที่กรุงเทพกัน” พ่อผมพูด ให้ไอ้แดนนี้นะอยู่ช่วย
   “ได้ครับพ่อ ผมอยู่ช่วยพี่ด้าเอง” ไอ้แดนมันพูด
   “พ่อ” ผมเรียกพ่อ พ่อยกมือห้าม



   “ดูท่าหลานจะหลับกันหมดแล้วมั้ง นานเกิ้น “ผมหันไปบอก น้องๆ ผม อย่าว่าแต่หลานเลย ลุงมันก็จะหลับแล้ว โคตรเหนื่อยมาทั้งวันเลย ผมเดินไปที่ห้องที่เด็กๆ ไปแอบอยู่ ผมเปิดประตูเข้าไป นอนหลับกันเป็นแถว หมอด้าก็หลับอีกคนคงเหนื่อยเหมือนกัน ผมนี้เห็นใจเลย เครสคนไข้ก็เยอะ หลานก็ต้องเลี้ยง
   “ด้า” ผมสะกิดเรียกด้า ส่วนหลานๆ พวกน้องๆ ผมกำลังจะอุ้มขึ้นไปนอนบนบ้านกัน
   “พี่ดิม” ด้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองผม

     “ขึ้นไปนอนเถอะด้า “ผมกระซิบบอกด้าเบาๆ ด้าพยักหน้าและลุกขึ้น ผมหันไปมองไอ้แดน มันคงรู้ว่าผมมองมันทำไม มันก็เดินออกไปพร้อมน้องๆ คนอื่น ผมรู้ว่ามันรักด้าแต่ว่าด้าควรมีทางเลือกที่จะไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ แบบนี้ ผมหันไปมองโดม มันอุ้มมิ้นเข้าห้องนอนมันไปแล้ว ดรีมก็อุ้มไอ เดฟก็อุ้มไอซ์และไอ้เดย์มันอุ้ม มาริโอ้ ตามขั้นบ้านไป พาไปนอนที่ห้องนอนแฝด ผมก็อุ้มน้องมีน คืนนี้จะให้นอนกับผมแทน ผมจัดการวางหนุ่มน้อยหน้าหวานลงอย่างเบามือ น่ารักมาก ก็น่ารักนุ่มนวลขนาดนี้ไม่แปลกที่ไอ้ดิวมันจะหวงลูกมันคนนี้น่าดู ใครเห็นก็ต้องอยากหอม เหมือนทอมๆมากกว่า ผมเห็นผมยังก้มลงหอมแก้มแต่หอมแบบลุงหอมหลาน
   “คิกๆ พ่อดิว “มีนพูดได้คำสั้นๆ แต่ผมก็ฟังได้ว่าเขาเรียกชื่อดิว
   “นอนหลับฝันดีนะครับ “ผมพูดกับน้องมีน และหันไปหยิบหมอนมากั้นไว้ กลัวหลานตก ผมว่าจะอาบน้ำก่อน
   “ตื้ด!!” เสี่ยงมือถือผมมีข้อความเข้า เป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย ผมก็เปิดอ่านก่อนเพื่อว่าจะเป็นเบอร์สำคัญ แจ้งว่ามีเรื่องเรียกตัวด่วน แต่ไม่ใช่ครับ เพราะข้อความมันบอกว่าเป็นข้อความจากแพท ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาทันที คนปลายสายกดรับสายผมทันควันเช่นกัน
   //พี่ดิม เอารูปผมคืนมาด้วย พี่แอบหยิบรูปผมไปจากกระเป๋าแบบนี้ได้ยังไง มันเสียมารยาทครับ //
   //ปกติพี่เป็นคนมารยาทงามมากครับ แต่ทำยังไงได้น้องแพททำให้พี่เพ้อหนักมาก พี่เลยต้องยอมเสียมายาทละครับแอบเอามาวางไว้ใต้หมอนจะได้นอนฝันทุกคืน//ผมพูด คนปลายสายเงียบ โดนใจแน่ๆ
   // ผมไม่ได้อยากโทรศัพท์มาฟังเรื่องไร้สาระ ผมอยากได้รูปผมคืน ถ้าพี่อยากฝันมากให้ไปหารูปเด็กที่พี่ซั่มมาวางแทนนะครับ ผมแน่ะนำ // มีคำแนะนำให้หมอด้วย
   //พี่ก็แนะนำว่าถ้าน้องแพทอยากได้คืน รบกวนมาเอาคืนที่บ้านพี่ซินะครับ และพี่จะยินดีมากถ้าจะขึ้นมาถึงบนห้องนอนพี่เลย ห้องพี่หาไม่ยากครับ//
   //พี่จะเล่นอย่างนี้ใช่ไหม ได้! ผมจะบอกให้พ่อผมบอกลุงภาเองแล้วกัน น่าจะได้คืนง่ายกว่าบอกพี่//แพทบอกผม
   //ดีเลยครับ พี่ว่าจะคุยกับอาเปรมดิ์ซะหน่อย ทำไมอาพี่มีลูกชายที่น่ารักแต่ดันไม่บอกหลานนะ แต่ไม่เป็นไร ต่อไปหลานจะเดินหน้าจีบลูกชายอา//

   //ฝันไปเถอะ พี่ดิม// แพทบอกให้ผมฝันถึงเขาด้วยเหรอ (คิดเองครับอันนี้ฮาๆ)
   //พี่ยอมรับว่าพี่ก็ฝันอยู่นะ ฝันถึงแพทมาทั้งคืนเลย ฝันว่าพี่ได้…. //
   //……// เงียบไปเลยไม่ตอบกลับดิมเลย สงสัยจะเขินหนักหมากแน่ๆ แต่ว่าผมจะมีโอกาสได้เจอแพทอีกมั้ยนะ สาธุ ถ้าเป็นเนื้อคู่ก็ขอให้ได้เจอกันอีก เพี้ยง! เห็นหน้าน้องแพทในกระเป๋าสตางค์ ยอมรับว่าแว่นหนาของน้องทำเอาผมมองผ่านไปแต่พอน้องไม่ใส่แว่นตานี้ดูหล่อหน้าหวานมากจนหมอดิมอดใจไม่ไหวจริงๆ แต่พอผมก้มลงดูอีกที น้องเขาตัดสายไปแล้ว เขินพี่ดิมหนักมากขนาดนั้นเลยเหรอ อย่าให้พี่เจอน่ะแพทน่ะ รอบนี้พี่ต้องรุกให้หนัก!!

         TBC...
10
   
EP.23  แหวนวงค์นั้นช่างคล้ายกัน ครึ่งแรก   
               Part’ s กันต์ธีย์ ผ่านไปเกือบสามเดือนที่ผ่านมา ที่ผมกลายเป็นแม่ลูกอ่อน วุ่นวายกับเจ้าลูกโซ่และโชคดีที่เพื่อนๆ ผมที่รอบริษัทเรียกตัวอยู่ เลยมีเวลามาคลุกอยู่กับผมพักหนึ่ง แต่ทว่าเดือนนี้ซิ คงเป็นผมคนเดียวแล้วก็เพื่อนๆ ของผม ได้งานกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังต้องอยู่บ้านดูแลเจ้าลูกโซ่ โดยมีแม่ของผมคอยส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และแม่ก็บอกว่าช่วงนี้ทะเลาะกันกับแฟนใหม่ เรื่องที่ยังคงส่งเงินให้ผมอีกทั้งที่ผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็อย่างที่บอกฝรั่งเขาไม่ส่งเงินให้ลูกแล้วถ้าโตพอจะหางานทำเองได้ ผมเองก็เกรงใจแม่ผมแย่แล้วเหมือนกัน จะหางานทำใครล่ะที่จะดูลูกให้ผม

      //บีม มะนาวไปหานะตอนเย็นน่ะ จะซื้อส้มตำไปทานกัน พวกไอ้ฟิล์มมันก็จะเข้าไปมันคิดถึงอยากฟัดหลาน// มะนาวส่งข้อความมาหาผม เป็นมือแรกที่ผมสามารถแตะส้มตำได้แล้วแผลแห้งดีแล้ว ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของข้างมากมายที่หิวมาให้ ผมก็รีบวิ่งไปช่วยอาจารย์กันตภณถือทันที ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ พลิกคว้ำพลิกง่ายเล่นที่พวกเพื่อนๆ ของผมช่วยกันซื้อมาให้ มันเป็นเพลย์ยิมสำหรับฝึกของเด็กกำลังหัดคว้ำ

      (แล้วตกลงเราเหลืออีกกี่ตัวถึงจะจบล่ะ) อาจารย์กันตภณคุยกับคนปลายสาย

      (เหลือทำThesist อย่างเดียว จะให้อานี่น่ะหาคนทำให้เหรอ) ผมได้ยินเช่นนั้น ผมหันมามองหน้าอาจารย์ทันที อาจารย์ก็มองหน้าผม เลิกคิ้วสูง ผมก็ชี้ตัวผมเอง ผมทำได้น่ะ ผมอยากมีรายได้เข้ามาบ้าง

      (จะให้หาให้แต่นายต้องจ้างเขานะ)

      “เราจะรับทำให้เขาเหรอบีม” อาจารย์กันตภณถามผมโดยใช้ฝ่ามือป้องโทรศัพท์เอาไว้เพื่อหันมาคุยกับผมก่อน

      “ผมทำได้ครับ ผมว่าง และผมควรจะมีรายได้บ้าง ผมเกรงใจที่จะต้อง” ผมพูด

      “แต่ว่า” พี่กันตภณทำท่าจะค้าน

      “ตอนลูกโซ่หลับผมก็ว่างเยอะอยู่นะครับ พี่กัน นะครับ” ผมพูดจาอ้อนอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขายิ้มให้ผม คงเห็นหน้าผมเหมือนลูกแมวขี้อ้อนแน่ๆ อาจารย์เขาเลยพยักหน้ากับผม

      (ก็ได้ ส่งรายละเอียดมาให้อาทางอิเมลเข้าใจไหม ตอนนี้เจ๊กก็ยุ่งมาก ได้แค่นี้ก่อนแล้วกันน่ะ ที่ช่วยเพราะว่าป๊าเราน่ะบ่นว่าเจ๊กทุกวัน เขารอให้นายมาดูแลโรงเรียนที่อากงเขาอุตส่าห์ก่อตั้งไว้ให้ลูกหลานแต่นายยังเกเรอยู่เลย อืม ไม่บ่นก็ได้ ส่งมาเลยน่ะ )อาจารย์กันตภณวางสายไป

      เขาก็มองหน้าผม ที่กำลังเก็บของที่อาจารย์ซื้อมาให้ผม มีผ้าอ้อม และนมกระป๋อง อาจารย์เขาซื้อนมแพะให้เจ้าลูกโซ่ทาน อันนี้ผมก็เกรงใจหนักเข้าไปอีก นมแพะแพงน่ะสำหรับผมคนที่ไม่มีรายได้ ผมได้นมจากพี่รินทร์สำหรับเจ้าลูกโซ่ สองเดือนเต็มๆ ผมก็เกรงใจพี่เขาเลยต้องหัดลูกโซ่ทานนมผงแทน และตอนนี้พี่รินทร์ก็ยุ่งมาก เพราะว่าลูกเขาตรวจผมว่าเป็นโรคหัวใจต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก ผมก็บอกกับพี่รินทร์ว่ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดีที่จะช่วยเท่าที่ผมจะช่วยได้

      “บีม” ผมหันมามองคนที่เรียกชื่อผมอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลยเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม แต่ก็ไม่ล้มเพราะว่ามีคนมาประคองเอวผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกันกับสายตาคู่นั้น ที่ดูอบอุ่นสำหรับผมเสมอ อาจารย์กันตภณ ใบหน้าของอาจารย์อยู่ใกล้ชิดกับผมมาก จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งรั้นนั้น ริมฝีปากที่ขยับเม้มเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆ เข้ามาใกล้ผมทุก เข้ามาใกล้ผมมากจนเกือบจะประกบริมฝีปากบางๆ ของผม ผมกลับเมมริมฝีปากตัวเองอัตโนมัติ

      “แหง๋!” เสียงร้องจ๋าของเจ้าลูกโซ่ ทำให้ผมต้องผลักอาจารย์กันตภณกระเด็นออกไป และผมก็หันไปมองหาเจ้าลูกโซ่ น้องไม่ได้อยู่ที่ตรงเพลย์ยิมแล้ว ผมก็ย่อตัวลงมองหาว่าไปไหน

      “ลูกโซ่!!” ผมเรียกหาทันที และผมก็พบว่าน้องกลิ้งไปติดที่แคบ

      “กลิ้งไปยังไงของเราน่ะลูกโซ่” ผมพูดปนหัวเราะก่อนจะคลานเข่าเข้าไปดึงเจ้าลูกชายตัวดีออกมา พอผมอุ้มก็กอดผมหมับ ใบหน้าที่ก็ซุกไซ้จะหาแต่ผมแบนๆ ของผม

      “ไม่เอาแล้วครับลูกโซ่ ลูกโซ่ต้องดื่มจากขวดนมน่ะครับ เพราะว่ามี้ให้ลูกโซ่ดูดนมมี้ไม่ได้นะครับ” ผมบอกลูกชาย สีหน้าผิดหวัง แต่ผมก็ต้องขัดใจ ไม่อย่างนั้น ผมต้องคอยใส่เสื้อในและต้องมีที่ซับน้ำนมที่ไหลซึมออกมาตลอดเวลา พอผมบอกไม่ได้ทำหน้างอทันที ลูกโซ่เป็นเด็กฉลาดมาก พูดอะไรไปก็รู้เรื่องไปซะหมด ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

      Rrrrr มือถือของอาจารย์กันตภณ ดังขึ้น ซะก่อนที่อาจารย์จะเดินมาหาผมเขาจึงต้องเลือกเดินกลับไปกดรับสาย ส่วนผมเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้ได้เวลาลูกโซ่ต้องดื่มนมแล้ว และดูท่าจะง่วงนอนแล้วด้วย ผมจับเจ้าลูกโซ่ไปนอนเล่นในเปลเด็กก่อน เป็นแปลแบบพับได้ และมีโมบายแขวน สำหรับให้ลูกโซ่ดู แต่ว่าลูกโซ่ของผมกลับไม่ได้ใช้แค่ตาดูครับ ใช้เท้าอันทรงพลังเตะหมุนไปมาได้ (ปกติเด็กน้อยเขาจะมองกันเพื่อความบันเทิงแต่เจ้าลูกโซ่ของผมยกเท้าขึ้นมาหมุนโมบายแขวนเล่นซะเพลินเชียว บันเทิงไปอีกอย่าง)

      “บีม พี่ต้องกลับก่อนนะครับ บีมอยู่ได้หรือเปล่า” พี่กันตภณเดินมาบอกผม ผมหันมามองอาจาย์ ผมพยักหน้าว่าผมอยู่ได้

      “ม๊าพี่น่ะ เขาล้มพี่ต้องรีบไปนะครับ พี่…”

      “ไปเถอะครับพี่กัน เพราะว่าม๊าพี่สำคัญนะครับ พี่ไปดูม๊าพี่เถอะน่ะครับ “ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

      “มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะเข้ามาหอมที่หน้าผากของผม ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบกุญแจรถยนต์ ผมหันไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างขวา แหวนพลอยแดงเหมือนกับแหวนที่ผมได้มาคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยนเลย

      “บีม มีอะไรครับ” ผมคงเพ้งมองแหวนวงนั้นนานไปหน่อย

      “แหวนสวยนะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่สวมแหวนวงนี้มาก่อน”

      “ก็สวมบ้างแต่บางทีก็ลืมอ่ะครับ นี่เป็นแหวนวงศ์ตระกูลพี่ครับ จะมีชื่อและนามสกุลอยู่ด้วยครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามอง แหวนวงศ์ตระกูลอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าไอ้แหวนวงนั้นมันแค่ ด.เด็กตัวเดียว ตระกูลไอ้นั่นมันคงจะด้วนไปน่ะ มีแค่ดอเด็กตัวเดียว

      “ม๊าพี่เคยพูดกับพี่น่ะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ให้ใช้แหวนวงนี้ หมั้นคนนั้น เพราะว่าแหวนวงนี้ป๊าพี่เป็นคนออกแบบเพื่อให้ ลูกชายและหลานชายของวงตระกูลใส่เท่านั้น” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ต้องยิ้ม ผมแอบคิดว่าอาจจะมีคนแอบก๊อบปี้ก็ได้มั้ง

      “แหง๋ๆๆ” เสียงร้องปรีดของลูกโซ่ ทำให้ผมต้องรีบหันไปชงนมทันที ตายแล้วผมลืมชงนมให้ลูกไปเลย

      “พี่กันรีบไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาถามอาจารย์กันตภณ

      “เออ ครับ พี่ไปก่อนน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ก่อนจะเดินออกไป ผมก็รีบเดินไปควักเอาเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจัดกระจายอยู่เปลเด็ก ผมอุ้มมาป้อนนมก่อน ผมไม่ปล่อยให้ลูกนอนกินนมในเปล คือถ้าลูกสำลักเราจะไม่รู้เลย ผมเลยเป็นห่วงตรงนี้มาก ผมป้อนจนตัวแสบหลับปุ๋ยไปแล้ว และนั้นถึงได้อุ้มขึ้นมาพาดบ่าผมก่อนจะวางลงนอนในเปลเด็กอีกครั้ง



****

         Part’ s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเลย ก็เพราะว่าพ่อผมขีดเส้นตายเอาไว้แล้วว่าภายในสามเดือนนี้ต้องจบปริญญาโทและบินกลับทันที และงาน Thesist ที่ผมดองไว้ ก็ต้องมาเร่งทำเอาตอนนี้เลยทำไม่ทัน นี้ผมต้องส่งข้อมูลทุกอย่างให้เจ๊กกัน หาคนทำให้ ผมทำเองแล้ว ดอกเตอร์ภรัณญูบอกว่ายังไม่ร้องว้าว!! เลยให้ผมทำใหม่ ผมลองแล้วลองอีกก็ยังไม่ผ่าน จนผมต้องหาคนช่วยนี่แหละ

      //ฮัลโหล เจ๊กกัน//

      // ว่าไงเธียร เจ๊จะไปหาอาม่าของเราน่ะ”

      //เจ๊กกัน อาม่าเป็นอะไรไปครับ//

      //เด็กที่บ้านโทรมาบอกอาว่าอาม่าเราน่ะล้ม และโกวหงส์ พามาส่งโรงพยาบาลแล้ว เธียร//

      //แล้วนี่เรานะตั้งใจเรียนให้มันจบซะที่ซิ อาม่าก็คิดถึงเราน่ะ นี้บ่นหาทุกวัน//

      //ก็รอให้ผมทำThesisส่ง ผมก็กลับแล้วเจ๊ก//

      //เจ๊กคุยกับเขาให้แล้ว เขาโอเค ดังนั้นเราก็จ้างเขาแล้วกันน่ะ เขายังไม่มีงานทำ เขารออยู่ ดังนั้นเงินค่าจ้างเขาจะได้เอาไปใช้จ่ายช่วงระหว่างรอกลับไปทำงานเธียร//ผมบอกหลานชายผม

      //และคนนี้เขาเป็นคนเก่ง ทำงานละเอียดเรียบร้อยดี ไว้ใจได้ //ผมการันตีบีมอีกเสียง

      //นาทีนี้ ผมไม่เลือกแล้วเจ๊ก เพราะว่าถ้าผมไม่จบ ป๊าบอกให้ผมหางานทำที่นี้ไปเลยไม่ต้องกลับแล้วอ่ะ//

      //กลัวขึ้นมาหรือไงล่ะ//

      //ถ้าให้ผมไปทำงานตามบริษัทที่นี้ก็เป็นลูกจ้างดิเจ๊ก งั้นผมเลือกกลับไปช่วยป๊าดีกว่า เพราะว่ามันยากกว่า //ผมพูด

      //กว่าจะคิดได้น่ะนายนี้ เอาล่ะ ส่งอิเมลรายงานที่นายต้องการมาให้เจ็ก และเจ๊กจะดูหนังสือที่ต้องใช้ประกอบให้กับกันต์ธีย์เขาทำให้//

      // โอนเงินให้เขาเองด้วยน่ะ เจ๊กจะส่งเลขที่บัญชีไปให้ นะเธียร//

      //แค่นี้ก่อนน่ะเธียร เจ๊จะเข้าไปดูอาม่าแล้ว //

      //ครับเจ๊ก // ผมกดวางสายจากมือถือากันก่อนจะหันไปสแกนรายวิชาที่ผมต้องการให้ คนที่เจ๊กจ้างมาทำรายงานให้ผม แต่ชื่อกันต์ธีย์ ชื่อแปลกดีน่ะ และเจ๊กยังบอกว่าเด็กคนนี้เพิ่งจบแต่ไม่มีงานทำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเขารับทำเท่าไหร่ ผมนั่งนึก ผมเคยจ้างเขาทำอยู่ที่ สองหมื่นห้า เอาว่ะ จ่ายตามนี้แล้วกัน

      // ฮัลโหล //เฮียธันรับสายผม พี่ชายคนที่อายุห่างจากผมแค่หนึ่งปีเอง พี่ธีนน่ะถูกส่งมาเรียนเหมือนผมเช่นกันจบและกลับไปก่อนผมปีหนึ่ง

      //เฮีย// ผมเรียกเฮียธัน

      //ว่าไงว่ะ เธียร // น้ำเสียงที่กำลังหงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะแน่ๆ ฮั้นแน่ หนีป๊ามาหาเด็กเฮียน่ะซิ

      //ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะเฮีย ขัดจังหวะเฮียเหรอครับ//

      //มีอะไรรีบพูดมาเลย เฮียรีบ เพราะว่าต้องรีบกลับบ้าน ไปกินข้าวบ้าน //

      //เฮียอยู่ไหนอ่ะ//

      //อยู่คอนโดดิ มีอะไร//

      //มาคอนโดเฮียเหรอ //

      // ไม่ใช่คอนโดเฮีย คอนโด… //เฮียธันพูด แสดงว่าไปคอนโดสาว เพราะถ้าเฮียไม่ชอบจริงๆ จะยังไม่พาไปที่บ้านหรือคนโดตัวเอง

      //ไปฟันเขาถึงที่เลยนะเฮีย//ผมชมเฮียผม

      //กูไม่ใช่มึงครับไอ้เธียร ถ้าเป็นแฟนกูก่อนแล้วกูค่อยขอเขา มึงน่ะเจอปั๊บฟันปุ๊ปทิ้งขว้างทันที และนี่มีอะไรว่ามาเฮียจะรีบไปอาบน้ำแล้วต้องกลับไปหาม๊า ช่วงนี้ม๊าน้อยใจอยากให้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ ขาดแต่มึงนี่แหละ ตี๋น้อย//

      //เฮียโอนเงินให้หน่อย ผมจ้างเขาทำThesis ให้น่ะเฮีย สองหมื่นห้าพันบาท เฮีย //ผมบอกเฮียเพราะว่าจะโอนเป็นเงินไทย ให้เฮียโอนดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่าโอนแพง

      //เอาเลขที่บัญชีมา // เฮียธันบอกผมโดยไม่ต้องคิดมากทันที

      //เดี๋ยวส่งให้เลยเฮีย//

      //อืมงั้นแค่นี้น่ะ เฮียรีบ//

      //ปั่ม ปั๊ม สาวเหรอเฮีย//

      //รู้อีกแค่นี้แหละ // และเฮียธันก็วางสายจากผม ผมก็รีบ forward เลขที่บัญชี คนที่เจ๊กกันให้ผมมา เป็นเลขที่บัญชีของผมจ้างให้ทำThesis ผมรีบโอนก่อนเลยน้องจะได้ไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเพิ่งจบก็ต้องอ่อนกว่าผมสองสามปี เพราะว่าแพรวาก็จบปีนี้ ยังอ่อนกว่าผมสามปีเลย


      TBC….
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด