---------- ต่อ ----------เจ้าของดวงตาสีนิลกระตุกแขนให้เด็กข้างกายลุกขึ้น เดินตามเขาไปยังส่วนของสนามหญ้าสีเขียวชอุ่ม วันนี้อากาศดีตามที่วรวรรณบอก ท้องฟ้าด้านบนเป็นสีฟ้าสดใส แต่งแต้มด้วยกลุ่มก้อนเมฆสีขาวสะอาด เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า บดบังแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้แรงแดดหลงเหลือเพียงแค่ไออุ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ จากบรรดาพืชพันธุ์ไม้นาๆ ชนิตต่างลอยโชยอยู่ในอากาศ โดยเฉพาะต้นปีบสูงใหญ่เหนือหัวที่กำลังผลัดดอก ร่วงโรยลงเกลื่อนเต็มพื้นสวน
เรียวตาคมเข้มเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานที่เอาแต่เงยจ้องดอกปีบหมุนวนออกจากกิ่ง ตกลงสู่เบื้องล่างตามกระแสลม ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปซ้อนหลัง ดึงรั้งร่างบางนั้นเข้ามาแนบไว้ในอ้อมอก เสียงกระซิบดังขึ้นข้างใบหูแดงเรื่อ
“หอมจัง”
“ดอกปีบเหรอครับ”
เขาส่ายหน้า ปลายจมูกโด่งคลอเคลียเข้ากับพวงแก้มใส “นาย”
คนถูกจู่โจมตัวแข็งทื่อ อุณภูมิความร้อนแล่นริ้วตั้งแต่ปลายนิ้วจรดลำคอขาว ชักไม่แน่ใจแล้วว่า วันเสาร์ตอนเป็นเจ้าชายเย็นชา กับวันเสาร์ที่จริงใจอย่างในตอนนี้ แบบไหนมันชวนขนลุกมากกว่ากัน
น่ากลัวแฮะ...
“พูดอะไรครับเนี่ย” เขาพยายามกลั้นยิ้ม
“ทำไม เขินเหรอ”
“กะ...ก็ แต่ก่อน พี่เสาร์ไม่พูดอะไรแบบนี้นี่น่า” เดี๋ยวนี้ชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ บางทีก็เตรียมใจไม่ค่อยจะทันเอาซะเลย ถึงแม้ว่าเขาจะชอบก็เถอะ
“แล้วอยากให้พูดไหม หรืออยากให้ด่าแทน ก็ได้นะ”
ฝ่ายเด็กกว่ายู่ปาก แกล้งทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหลังจนเราทั้งคู่เซไปนิด “แค่ไม่พูดว่าเกลียดผม หรือว่าไล่ผม แค่นั้นก็พอแล้วครับ”
ร่างสูงโปร่งกระชับวงแขน เหลือบตามองเด็กน้อยที่เพิ่งหลับตาพริ้มไปเมื่อสักครู่ เสียงใบไม้ปลิดปลิวดังชัดที่สุดในโสตประสาท ช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ซึ่งเขาไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายปี
และเพื่อรักษาความสุขนี้ให้คงไว้ตลอดไป เขาถึงได้ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง เขาไม่อยากถูกมองว่าไร้หัวใจ ไม่อยากทำร้ายหรือทำให้นับหนึ่งต้องเจ็บปวดอีก น้ำตาแค่หยดเดียวของเด็กคนนี้ หากไม่ใช่ตอนที่เรากำลังพลอดรักกันแล้ว เขาก็ไม่นึกปรารถนาที่จะได้เห็น คำพูดแสนเย็นชา และกริยาอันโหดร้าย ทั้งหมดนั่นเขาเลิกแล้ว
เขาแค่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อคนคนเดียว...
“ไม่ไล่แล้วไง แล้วก็จะไม่มีวันพูดว่าเกลียดด้วย”
นับหนึ่งเผยยิ้มทั้งที่ยังคงดื่มด่ำกับเสียงลมพลิ้วไหว เราต่างปล่อยให้หัวใจได้พักผ่อน ภายใต้ฟ้าใสสีครามสวย ความอบอุ่นอ่อนละมุนกำลังกระจายตัวฟุ้งไปแทบทุกหนแห่ง
ไม่นานหลังจากนั้น แม่บ้านทั้งสอง รวมทั้งลุงชัย ก็พากันมาช่วยจัดแจงโต๊ะอาหาร ตามมาด้วยพ่อกับแม่ และแน่นอนว่า น้องชายคนเดียวของเขาก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน
พร้อมด้วยผู้ชายที่เขาเคยนึกเกลียดชังมากเป็นอันดับต้นๆ
“พ่อแม่ สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะกันต์”
“สวัสดีครับพี่เสาร์” กันติกรณ์เดินมายกมือไหว้ โดยมีวันศุกร์แอบหลบหลังไม่ห่าง บรรยากาศอึดอัดทุกครั้งที่เราเข้าหน้ากันมันเริ่มลดลงตั้งแต่ที่เขายอมผงกหัวตอบรับคำทักทายนั้นเป็นครั้งแรก
“อืม”
กันต์หันไประบายยิ้มให้กับคนรัก แล้วถึงหันกลับมาโบกมือให้เด็กอีกคนตรงนั้น “ไงหนึ่ง สบายดีไหม”
“สบายดีครับ”
“ดูสดใสขึ้นนะเรา”
ร่างเล็กยิ้มรับ ก่อนจะถูกวันเสาร์ดึงแขนเข้าไปใกล้ สายตาเย็นเยียบจับจ้องไปยังใบหน้าเหลอหลาของกันติกรณ์ที่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าทำอะไรผิดให้พี่เขยคนนี้หงุดหงิดใจอีกแล้ว
“เด็กๆ มาทานข้าวได้แล้ว” วรวรรณกวักมือเรียก
แขกคนล่าสุดยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแกรกๆ หลังจากที่วันเสาร์เดินผ่านเขาไป
“ศุกร์ พี่ทำไรผิด”
“พี่เสาร์แค่หวงนับหนึ่งน่ะ” วันศุกร์ตอบทั้งอมยิ้ม ก่อนจะจูงมือรุ่นพี่ตัวเองไปทางโต๊ะกลมตัวใหญ่
พวกเราต่างจับจองเก้าอี้นั่ง บนโต๊ะหวายอัดแน่นไปด้วยอาหารกลางวันหน้าตาน่าทานเสียทุกเมนู ละเมียดเดินรินน้ำหวานสีแดงสดใส่แก้วให้สมาชิกแต่ละคน และวันเสาร์รู้ได้ทันทีเลยว่าลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาคงจะชอบใจมากเป็นพิเศษถึงได้ทำตาเป็นประกายอยู่นั่น
“ดีจัง วันนี้ทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา” หญิงวัยกลางคนประสานมือเข้าไว้ด้วยกัน ขณะไล่สายตามองเด็กๆ ทั้งสี่ตรงหน้า
“สรุปว่าแม่กับพ่อรู้เรื่องพี่เสาร์กับหนึ่งแล้วใช่ไหมครับ”
วรวรรณกับพจน์พยักหน้าลงแทบจะพร้อมกัน “ความจริงพวกเราก็พอเดาออกแต่แรกแล้วล่ะ” เพราะลูกชายคนนี้ของเธอคงไม่เก็บเด็กที่ไหนไว้ข้างกายนานขนาดนั้น หากว่าไม่คิดอะไรสักนิดเลย
“แล้วเป็นไงครับ ถูกใจลูกสะใภ้ไหม”
ลูกสะใภ้ที่ว่านั่งตัวเกร็ง ส่วนร่างสูงโปร่งด้านข้างก็เพียงส่ายหน้าให้กับน้องชายตัวดีที่เดี๋ยวนี้ชักจะขี้แกล้งขี้แซวมากไปหน่อยแล้ว สงสัยว่าจะเสียนิสัยเพราะนายกันติกรณ์นั่นแหละ
“ถูกใจซี่” วรวรรณยิ้มหน้าชื่น “หนึ่งน่ารักขนาดนี้”
“ความจริงถ้าเสาร์เลือกแล้ว พ่อก็วางใจได้เลยว่าต้องเป็นเด็กดีแน่ เพราะคนอย่างเสาร์คงไม่ไปรักใครสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะ” พจน์เสริม เล่นเอาคนตัวเล็กหน้าแดง
ทั้งหกชีวิตเริ่มต้นรับประทานอาหารกลางวัน พลางพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแผ่ซ่านรายล้อมไปทั่วทั้งวงสนทนา ภาพของพจน์ที่ลุกขึ้นตักกุ้งราดซอสมะขามใส่ไว้ในจานของภรรยา ตามด้วยกันติกรณ์ที่รีบเลียนแบบไม่ให้น้อยหน้า เรียกรอยยิ้มเล็กๆ จากทุกคนบนโต๊ะ
วันเสาร์ชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมตักกุ้งอีกตัว….ลงบนจานตัวเอง ไม่เผื่อเวลาให้ใครบางคนตั้งความหวังซะด้วยซ้ำ
เขาตั้งหน้าตั้งตาแกะส่วนหัวกับหางออก เพราะรู้ดีว่ามีคนแถวนี้ไม่ชอบกิน ก่อนจะย้ายเนื้อกุ้งเน้นๆ ไปวางไว้ในจานของเด็กที่เอาแต่เคี้ยวข้าวสวยหงุบหงับ แถมยังเลอะติดมุมปากไม่น่าดู
“จะเก็บไว้กินตอนเย็นหรือไง” เขาว่า แล้วหยิบเอาเมล็ดข้าวบนหน้าออกให้
วันศุกร์คอยเหลือบมองทั้งคู่ รู้สึกตื้นตันจนแทบจุกอก นึกไม่ออกเลยว่าเหล่าผู้คนที่เคยตราหน้าว่าพี่ชายของเขาไม่มีหัวใจและด้านชา หากว่ามาเห็นภาพนี้แล้วจะเป็นยังไง แต่ก็นะ…ใช่ว่าวันเสาร์จะแสดงด้านนี้ออกไปให้ใครต่อใครเห็นได้ง่ายๆ ซะเมื่อไร
แววตาเปี่ยมด้วยความเอ็นดูทอดสังเกตเด็กน้อยที่คอยหลบตา ใบหูนั้นขึ้นสีเรื่ออย่างน่ามันเขี้ยว ด้านที่แสนอบอุ่นของผู้ชายชื่อวันเสาร์ ที่ไม่เคยมีใครคนอื่นนอกเหนือจากเขาได้เห็น วันนี้นับหนึ่งก็ได้เห็นมันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีมุมอื่นๆ ที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห็น ไม่ว่าใครก็ไม่เคยเห็น และคงไม่มีวันได้เห็น เพราะว่ามีไว้ให้นับหนึ่งได้สัมผัสถึงมันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น... กำแพงหนึ่งพันชั้นของวันเสาร์ เด็กผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่จริง วันนี้...ได้เดินเข้ามาทลายมันแล้ว
จะบอกว่าที่วันเสาร์เป็นอยู่คือโหมดหลงเมีย ก็เห็นว่าจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะวันเสาร์ไม่ใช่เจนภพที่เปลี่ยนคนรักไม่ซ้ำเดือน หมดโปรแล้วหมดโปรอีกซ้ำซาก เขาคิดว่าคนที่จะทำให้วันเสาร์หลงได้มากขนาดนี้ บนโลกใบนี้ คงมีแค่คนเดียว
และคนนั้นคือนาย…นับหนึ่ง
“แล้วพ่อกับแม่เป็นไงบ้างกันต์ วันนั้นที่ไปหาก็ไม่เจอ” พจน์เงยหน้าขึ้นถาม
“สบายดีครับ พอดีวันนั้นท่านมีนัดกับคุณอา”
“จริงสิ แล้วคุณอรรณพเป็นยังไง งานที่คณะไปได้ดีหรือเปล่า”
“ก็ปกตินะครับ แต่ดูเหมือนว่าปีนี้มีเด็กสอบเข้าน้อยกว่าปีก่อนๆ”
วันศุกร์พยักหน้า ช่วยเสริม “ศุกร์ว่าข้อสอบปีนี้น่าจะยากขึ้นด้วย เห็นว่ามีคนไม่ผ่านหลายคนเลย จนนี่จะเปิดสมัครรอบสามแล้ว”
“แต่ถ้าระบบคัดเลือกเข้มงวดขึ้น ก็แปลว่าจะได้เด็กที่มีคุณภาพขึ้นด้วยน่ะสิ ดีออก”
“ก็คงดีมั้งครับ”
“ศุกร์ตื่นเต้น อยากเห็นหน้ารุ่นน้องไวๆ แล้วเนี่ย”
“แต่พี่เครียดมากเลยรู้เปล่า” กันติกรณ์เลื่อนมือเข้ากอบกุมคนรักเอาไว้ ไม่ได้เกรงอกเกรงใจบุพการีที่นั่งหัวโด่อยู่เลยแม้แต่น้อย “กลัวพวกรุ่นน้องมาจีบศุกร์”
“โอ้ย ให้มันน้อยๆ หน่อยพี่กันต์”
หลานชายคณบดีงอแงใส่พ่อยายแม่ยาย หลังจากโดนวันศุกร์ฟาดเข้ากับไหล่ วงสนทนาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะปะปนไปด้วยรอยยิ้มและความชื่นใจ พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกสักพักใหญ่กว่าที่พจน์ วรวรรณ์ กันต์ และ วันศุกร์จะขอตัวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมเปิดภาพยนตร์เรื่องโปรดดูด้วยกัน
เหลือแค่เพียงสองชีวิตที่ยังคงไม่ยอมไปไหน นับหนึ่งก้มๆ เงยๆ เก็บเอาดอกปีบที่ร่วงออกจากต้นมาไว้ในกำมือ ขณะที่วันเสาร์กำลังนั่งทอดสายตามองคนรัก แต่ในหัวกลับคิดถึงน้องเขยที่เขาไม่อาจยอมรับมาก่อน มันมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจเขาทุกครั้งที่ได้ยินกันติกรณ์พูดจากับวันศุกร์
พี่อย่างนู้น พี่อย่างนี้
ฟังแล้วน่ารำคาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ความสัมพันธ์ของสองคนนั้นยิ่งดูสนิทชิดเชื้อเมื่อเทียบกับเวลาที่คุยโต้ตอบคนอื่น สัมผัสได้เลยว่า…พิเศษกว่า
เพิ่งจะเมื่อกี้นี้เองที่เขาตระหนักขึ้นมาได้ว่าตลอดมาตัวเองคุยกับนับหนึ่งยังไง และมันฟังดูเย็นชาแค่ไหน
“หนึ่ง มานี่” เขาสะบัดหัวไล่ความคิด แล้วกระดิกนิ้วเรียกเด็กที่เริ่มเล่นซนด้วยการโปรยกลีบใบไม้แห้งบนพื้นขึ้นฟ้าอย่างกับลูกหมาตัวน้อยๆ
เจ้าของพวงแก้มใสวิ่งกลับมา ก่อนจะปีนคร่อมลงบนตักทันทีที่เขารั้งเอวบางเข้าหาอย่างรู้งาน รีบยกช่อดอกไม้ในมือขึ้นอวดยกใหญ่
“ดอกปีบสวยๆ เต็มเลยครับ พี่เสาร์ดูสิ”
“อืม เห็นแล้ว” มือหนาลูบศีรษะทุยอย่างนึกเอ็นดู
คนโตกว่าจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลสวย โครงหน้าหวานส่งกลิ่นหอมไม่แพ้ดอกไม้ในมือ นับหนึ่งเป็นเด็กตัวเล็ก แลดูบอบบาง น่าปกป้อง น่าทะนุถนอม หากว่าแท้จริงกลับเข้มแข็ง แถมยังใจกล้าบ้าบิ่นในบางที
ผิวเนียนละเอียด ขาวสว่าง ยามต้องแสงก็แทบจะทำเอาแสบตาทีเดียว และเพราะว่าขาว แค่เขาสัมผัสถูกนิดๆ หน่อยๆ มันก็กลายเป็นสีชมพูเอาง่ายๆ แต่นั่นก็ยังไม่โดดเด่นเท่ากับริมฝีปากบวมอิ่มสีแดงสดแทบตลอดเวลา ชุ่มฉ่ำและแวววาวราวกับจะเชิญชวนให้ใครก็ตามที่เผลอมองต้องอยากเข้าไปลิ้มชิมรสมัน ยิ่งกว่านั้น ก็ยังนุ่มนิ่ม…ไม่ว่าจะบีบจับตรงไหน ก็เพลินมือไปซะหมด แม้แต่เส้นผมหยักศกอ่อนๆ นั่นก็ยังนุ่มลื่น น่าสัมผัส
น่ารัก…
เหมือนตุ๊กตา…เป็นตุ๊กตาตัวน้อยของเขา
“หนึ่ง” กลีบปากบางเผยอออก สุ้มเสียงหนักแน่นขาดห้วง ความร้อนในกายแล่นริ้วจากลำคอสู่ใบหน้าเรียวที่พยายามทำเป็นเคร่งขรึมกลบความเขินอาย “คือ ฉั…พ..”
“หือ?”
“พะ…”
“ครับ?” คนในอ้อมกอดเอียงคอ วันเสาร์มีท่าทีแปลกๆ หน้าแดง…แล้วยังเหงื่อออก ทั้งที่อากาศวันนี้ไม่ได้ร้อนเท่าไร
มืออุ่นคอยประคองบั้นท้ายเขาไว้ไม่ให้ตกจากตัก แววตาคมวูบไหวเสมองไปทางอื่นขณะเอื้อนเอ่ยคำบางคำออกมาผะแผ่ว
“พี่…”
ดวงตากลมกะพริบถี่สองสามที ก่อนจะเบิกกว้าง พี่…? วันเสาร์แทนตัวเองว่า พี่ กับเขาเหรอ
ปากซีดพยายามเรียบเรียงประโยค แม้ว่าสิ่งที่เปล่งออกมาจะใกล้เคียงเพียงเสียงกระซิบ “พี่….ให้แทนตัวเองว่าพี่ดีไหม..”
เขารีบขยี้ตา ตามด้วยการหยิกแขนแรงๆ แต่มันก็เจ็บ ไม่อยากจะเชื่อว่าวันเสาร์คนที่เคยเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง กลับดูเลิ่กลั่ก และพูดได้เต็มปากเลยว่า…น่ารัก! วันเสาร์ตอนนี้น่ารักจนเขาหุบยิ้มไม่ลง ใบหน้าคมขึ้นสีระเรื่อไม่ใช่ภาพที่ใครจะได้เห็นบ่อยนัก หรืออาจไม่เคยมีใครได้เห็นเลยด้วยซ้ำ
“ดีครับ” เขาตอบรับพลางฉีกยิ้มกว้าง วางกลุ่มดอกไม้ที่เก็บมาไว้กับโต๊ะหวาย ก่อนจะแนบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้ากับแก้มร้อนของคนตรงหน้า
โน้มลงฝากจุมพิตบางเบาไว้กับปลายจมูกโด่งเป็นสัน วันเสาร์แย้มยิ้ม ยอมหันกลับมาสบตาเขาตรงๆ เหมือนเดิม
“ความจริงผมก็อยากให้พี่เสาร์แทนตัวเองแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“อือ…เพิ่งรู้สึกว่าเรียกฉันแล้วมันฟังดูห่างเหินยังไงไม่รู้” อีกอย่าง…เขาก็ไม่อยากแทนว่า ฉัน กับแฟนตัวเองหรอก เพราะมันไม่อ่อนโยนกับลูกเจี๊ยบตัวนี้ของเขาเท่าไรเลย
ขอบคุณพระเจ้าที่การโยนอีโก้ต่างๆ ทิ้งลงเหวของเขา สามารถช่วยให้เด็กในวงแขนร่าเริงได้มากกว่าเก่า แถมมันยังส่งผลดีกับเขาเองด้วย ในเมื่อรอยยิ้มของนับหนึ่ง ก็เท่ากับความสุขของเขาเช่นกัน
“หนึ่ง” เขาเรียก พลางเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายทัดไว้กับใบหูเล็กๆ
“ครับ”
“เราทำคะแนนวิชาภาษาอังกฤษได้ดีตลอดเลย ถูกไหม?”
“หือ” คนตัวเล็กเลิกคิ้ว ไม่คาดคิดว่าจะถูกตั้งคำถามอะไรแบบนี้ใส่ จู่ๆ ก็นึกจะชวนคุยเรื่องการเรียนเหรอ ไปไงมาไงเนี่ย แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาทำคะแนนวิชานี้ได้ดี “ก็พอได้ครับ ผมชอบวิชานี้”
เป็นโชคดีของเขาเองที่อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษของโรงเรียน เป็นคนใจดีและสอนเก่งจนทำให้อะไรๆ ก็ดูสนุกไปหมด บางคนอาจจะเกลียดวิชานี้ แต่เขาไม่ใช่เลย เขาชอบมัน และก็หวังว่ามันจะช่วยให้เขาถีบตัวเองขึ้นไปได้สูงกว่าเดิมด้วย แต่ก็นะ…เขาไม่รู้แล้วว่าจะมีโอกาสได้ใช้ความรู้ในหัวอีกไหม
“อย่างที่ได้ยิน คณะที่ศุกร์กับกันต์เรียน กำลังจะเปิดสมัครรอบสาม…”
อวัยวะในอกเต้นรัว ความหวังบางอย่างถูกจุดติด เขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ทันทีที่วันเสาร์พูดจบประโยค “เราอยากลองไปสมัครดูไหม?”
หยาดน้ำเคลื่อนตัวอยู่ภายในดวงตากลมเป็นประกาย “ย..อยากครับ! ผมอยากเรียนที่เดียวกับพี่ศุกร์”
วันเสาร์ยกยิ้มเอ็นดู ปลายนิ้วยาวสอดลูบกลุ่มผมนิ่ม
“งั้นก็ดี”
“แต่ว่า…พวกเอกสาร มันน่าจะโดนเผาไปหมดแล้ว” ใบหน้าหวานซึมลง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใบเกรดเอย ใบจบมัธยมเอย หรือแม้แต่เอกสารราชการต่างๆ ทั้งหมดมันมอดเป็นฝุ่นไปตั้งแต่วันที่เจ๊หมวยบุกเข้ามาเผาบ้านเขาแล้ว
“ไม่ต้องห่วง พี่ไปขอทรานสคริปต์กับทางโรงเรียนมาให้แล้ว”
“ห้ะ ตั้งแต่เมื่…”
“ขาดก็แค่บัตรประชาชน ต้องไปทำใหม่”
“พี่เสาร์..”
อีกฝ่ายดูจะไม่ได้สนใจคำพูดเขาเลย และยังเอาแต่แทรกกลางปล้องอยู่เรื่อย “แล้วก็คะแนนภาษาอังกฤษ เราต้องไปสอบก่อนถึงจะยื่นสมัครได้”
“เดี๋ยวก่อนพี่เสาร์ นี่มันอะไรกันครับ พี่ไปขอใบเกรดผมมาตั้งแต่เมื่อไร แล้วขอมาได้ยังไง” เขารีบรัวคำถามใส่ไม่ให้ใครขัดขึ้นมาได้อีก
คนตัวสูงจ้องเด็กตรงหน้าแน่นิ่ง หากไม่มีคำอธิบายออกจากปาก...จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเขาแอบส่งคนไปสืบเรื่องผลการเรียนของนับหนึ่ง ตั้งแต่ตอนที่ยอมให้เด็กนี่ไปทำงานอยู่ Napoli นั่นมันก่อนเขาจะรู้ใจตัวเองสักพักเชียวนะ
เพราะคำพูดของนาวาที่ย้ำว่าหนึ่งไม่ใช่ทาส รวมทั้งความดื้อรั้นของนับหนึ่งเอง มันก็ทำให้เขาสำนึกได้ว่าตัวเองคงไม่สามารถกักขังเด็กคนนี้ไว้แต่ในบ้านได้ตลอดไป สุดท้ายแล้วนับหนึ่งก็ต้องออกไปเผชิญโลกข้างนอกอย่างที่เป็นมาตลอด ต้องได้ใช้ชีวิต ต้องมีสังคม และที่สำคัญคือ...ต้องมีอนาคต
อนาคตที่เคยถูกฉีกกระชากและลบออกจากหน้ากระดาษด้วยน้ำมือของเจ๊หมวย และบางที อาจจะด้วยน้ำมือของเขาด้วย...ถ้านับหนึ่งไม่ถูกจับตัวมา ชีวิตเล็กๆ นี้ก็คงยังดำเนินต่อไป หลังจากจบมัธยม ก็ต้องเข้ามหาลัย มันควรได้เป็นแบบนั้น ไม่ใช่จมปลักอยู่ในรั้วบ้านเขาจนเฉาตาย
เขาถึงอยากคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้ ให้มากกว่าที่นับหนึ่งเคยมีด้วยซ้ำ อยากให้มีชีวิตที่ดี อยากให้ได้กินของอร่อยๆ อยากให้ได้ออกไปเที่ยวในที่ต่างๆ อยากให้ยิ้ม อยากให้หัวเราะ อยากให้มีความสุข
ถ้าวันที่ถูกเจ๊หมวยเผาบ้านและลากมาเป็นเด็กเล้าคือวันที่โลกของหนึ่งพังทลาย เขาก็อยากเป็นฝ่ายที่ช่วยซ่อมแซมมัน เขาจะสร้างโลกใบใหม่ให้ ประคับประคอง ปกป้องมันเอาไว้
ให้กลายเป็นโลกที่จะไม่มีวันพังทลาย...
“ว่าไงครับพี่เสาร์”
“จะขอมาตอนไหน หรือขอมาได้ยังไงก็ช่างเถอะน่า เอาเป็นว่าเราไปเตรียมตัวเพื่อการสอบเข้าดีกว่า” เขายีหัวคนบนตักไปสองสามรอบ นับหนึ่งหยีตาพลางส่งเสียงงุ้งงิ้งในลำคอ แต่ก็ยอมจบการเถียงแต่โดยดี “เดี๋ยวพี่จะให้ศุกร์กับกันต์ช่วยเช็คตารางสอบให้”
เจ้าตัวเล็กพยักหน้า ยิ้มกว้างไม่หุบ “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับพี่เสาร์”
“เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”
ฝ่ายถูกถามชะงักไปนิด โครงหน้าใสขึ้นสีเลือดฝาดยามคิดเลยเถิดไปถึงอะไรบ้าๆ แทนคำว่าขอบคุณเมื่อครู่ หอมแก้มเหรอ หรือจูบ...
ระ..หรือว่า...
“บอกรักพี่หน่อย” วันเสาร์เฉลย แล้วกระชับอ้อมกอด
ความร้อนแล่นริ้วขึ้นสู่พวงแก้มทั้งสองด้านยิ่งกว่าเก่า เขาได้แต่กัดปากกลั้นยิ้ม แทนตัวเองว่า พี่ ก็มีผลต่อใจมากแล้ว ยังจะมาปั้นหน้าอ้อนๆ ขอให้พูดว่ารักเนี่ย ฆ่าเขาเลยดีไหมวันเสาร์ เขินจะตายอยู่แล้ว!
เจ้าของเรียวตาคมย้ำ “พี่ยังไม่เคยได้ยินเราพูดว่ารักพี่เลยนะ”
“อ่า...”
“เร็ว” น้ำเสียงนุ่มนวลแข็งขึ้นเล็กน้อย มือซุกซนเริ่มลูบไล้สีข้างเขาไปมาราวกับต้องการเร่ง
นับหนึ่งขยับปากมุบมิบ แสร้งเป็นเสมองไปทางพุ่มไม้ละแวกใกล้เคียง หวังว่าจะช่วยปกปิดความเขินอายได้บ้างไม่มากก็น้อย ริมฝีปากอิ่มเผยอออก เอื้อนเอ่ยคำนั้นเบาหวิวเสียยิ่งกว่าสายลม หากก็ดังชัดในโสตประสาท เล่นเอาคนอยากฟังถึงกับหน้าแดงตามๆ กัน
“ผม...รักพี่เสาร์นะครับ..”
วันเสาร์อมยิ้ม ก่อนจะเชยคางมนของคนที่เอาแต่หลบตา ให้หันกลับมารับจูบแสนลึกซึ้ง เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึก รัก เฉกเช่นเดียวกับคำพูดเมื่อครู่
เสียงใบไม้พัดไหว พร้อมกับเสียงหัวใจเต้นแรงถึงสองดวง ความหวานละมุนยังคงเคลือบไว้ในโพรงปาก ก่อนที่คำรักจะดังก้องอยู่ข้างใบหูอีกครั้ง
“พี่รักหนึ่ง พี่รักหนึ่งมากที่สุด”
ฆ่าเขาเลยละกัน...
----------------------------------------------------------------------------------------------
พี่เสาร์รักน้องหนึ่งมากแค่ไหนถามใจดูนะคะ และจริงๆ ก็รักมานานแล้วด้วย แค่โง่...เอ๊ย ปากแข็งใจแข็งไปหน่อยเอง 555 หลังจากนี้น้องหนึ่งก็จะได้เข้ามหาลัย จะได้เจอทั้งตัวละครเก่าจากเรื่องน้องศุกร์ และตัวละครใหม่โผล่มาอีก หนทางพิสูจน์ความรักของทั้งคู่ยังไม่จบง่ายๆ แน่นอนค่ะ ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจและติดตามกันต่อไปด้วยน้าา
ใครคิดถึงพี่เสาร์น้องหนึ่ง อย่าลืมคอมเม้น หรือติดแท็ก #นับหนึ่งถึงเสาร์ ในทวิตเตอร์ให้ด้วยนะคะ มาหลอกล่อคนอื่นๆ เข้ามาอ่านกันอีกเต๊อะ 55555 แล้วพบกันใหม่เดือนหน้าเลยนะต้ะ ❤❤
★ ใครเคยอ่านเรื่องน้องศุกร์ ตอนนี้เรามีกิจกรรมในเพจให้เล่น (ไม่ต้องมีหนังสือก็ได้) แจกของพรีเมี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ลองไปเล่นกันได้น้าา ตามลิงก์นี้เลย >> https://www.facebook.com/aonair13/posts/2152080171578283