#Re2love •11
“เปลี่ยนฉากได้เลยครับ”
หลังจากเช็คภาพในกล้องจนพอใจแล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมาส่งสัญญาณให้ทีมงานที่เหลือเซ็ทฉากต่อไปได้ ขณะเดียวกันฝ่ายคอสตูมก็รีบเอาชุดคลุมสวมใส่ให้นางแบบที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย เสร็จแล้วสาวเจ้ายังอุตส่าห์เดินนวยนาดมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
โฬมถามเสียงเรียบขณะที่สายตาจดจ้องไปยังทีมงานที่กำลังเปลี่ยนฉากกันอย่างขะมักเขม้น ท่าทางไม่สนใจคู่สนทนาทำให้นางแบบสาวมุ่นหัวคิ้วไม่พอใจนัก แต่มันก็เป็นกิริยาที่แสดงออกเพียงครู่เดียวก่อนที่ใบหน้างามตามยุคสมัยจะปั้นหน้ายิ้มให้เขา
“เห็นคุณโฬมยืนเช็คภาพอยู่ตั้งนาน นึกว่าภาพมีปัญหาซะอีก”
โฬมถอนหายใจแรงๆ เมื่อฝ่ายตรงข้ามจงใจยืนเบียดจนเขาสัมผัสได้ถึงร่างกายส่วนบนที่มีเพียงเสื้อคลุมกั้นกลางระหว่างเนื้อที่แท้จริง ร่างสูงทำหน้าเรียบเฉยก่อนจะขยับถอยห่างออกมาอย่างสุภาพจนนางแบบสาวหน้าเสีย
“เปล่าครับ”
“แล้ว...”
โฬมยกข้อมือด้านซ้ายที่สวมนาฬิกาอยู่ขึ้นดูเวลาแล้วพูดเสียงเรียบ
“คุณมีงานต่อไม่ใช่เหรอครับ? แล้วตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกไม่มาก หากว่าคุณยังถ่ายไม่เสร็จผมคงไม่ปล่อยให้คุณไปงานต่อแน่ แล้วหากคุณไปงานสายจริงๆ ผมและทีมงานคงไม่สามารถรับผิดชอบกับผลกระทบหลังจากนั้นได้”
พูดจบโฬมก็ผละเดินออกมา ไม่ทันเห็นว่านางแบบวัยละอ่อนค้อนให้จนคอแทบเคล็ดแล้วเดินฉับๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังฉาก
โฬมถอนหายใจแรงๆ พอดีกับที่ได้ยินเสียงได้จอมทะเล้นตัวสามที่กลั้นเสียงหัวเราะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลดังขึ้น เก่งเป็นคนแรกที่กล้าเปิดปากเมื่อเห็นโฬมหันมามอง
“พี่โฬมแม่งโคตรเจ๋ง กล้าปฏิเสธนางแบบแห่งยุคไปซะได้”
พูดจบได้พวกลูกคู่ที่เหลือก็ปรบมือกันเกรียวกราว
“พูดอะไรไร้สาระ”
“ถามจริงเหอะ พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอวะที่คนสวยๆ มาเชิญชวนถึงที่เนี่ย”
โฬมสั่นหัวไปมา
“งานของกูคือถ่ายภาพ”
“แต่รู้สึกว่าสาวๆ อยากจะสานต่อกับพี่หลังจบงานนะ”
ทิวกล่าวสำทับ
“พูดแบบนั้นผู้หญิงเขาเสียหาย”
โฬมปรามไม่จริงจังนัก
“ผมว่าเขาอยากเสียหายว่ะพี่”
พูดจบพวกมันก็พากันหัวเราะร่วน โฬมเลยเคาะกะโหลกพวกมันทุกคนไปสองสามที พวกมันบ่นอุบก่อนจะล่าถอยไปทำงานต่อ ชายหนุ่มเลยหันมาเช็คภาพในกล้องต่อ
‘พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอวะที่คนสวยๆ มาเชิญชวนถึงที่เนี่ย’โฬมจ้องมองภาพนางแบบในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นในกล้องด้วยสายตาว่างเปล่า แต่น่าแปลกที่แวบหนึ่งกลับคิดถึงใครบางคนที่ใส่เสื้อผ้ามิดชิด ทุกครั้งที่เขาเห็นใครคนนั้นมักชอบใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ธรรมดา แต่ทำไมไม่รู้ยิ่งอีกฝ่ายสวมใส่อย่างมิดชิดเท่าไหร่ยิ่งทำให้โฬมนึกอยากกระชากเครื่องนุ่งห่มนั่นให้หลุดออกแล้วเผยให้เห็นเนื้อแท้
โฬมนึกขำความคิดของตัวเองแล้วนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายวัน
‘เปิดโรงแรมกันเถอะพี่’จำได้ว่าโพล่งแบบนั้นออกไปเล่นเอาคนขี้เขินซัดมือใส่เขาเสียหลายตุบ โฬมจำได้ดีว่าการพูดหยอกนั่นได้ผลมากเพราะมันทำให้เขาเห็นพวงแก้มพ่อลูกหนึ่งแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศเหมือนลูกชายตัวน้อยไม่มีผิด
เสียดายไม่ได้แวะโรงแรม ร่างสูงเดาะลิ้นแต่ถึงอย่างนั้นโฬมก็ได้กำไรจากแก้มหอมกลิ่นแป้งเด็กอยู่ดี
...Rrrrr...
เพียงแค่เขานึกถึงฝ่ายนั้น ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะคิดเขาเช่นกันถึงได้โทรมาได้จังหวะขนาดนี้
“ครับ”
โฬมกดรับทันที
[อ๊ะ]
ฝ่ายนั้นทำเสียงในลำคอคล้ายกับตกใจ สาเหตุนั่นคงเพราะเขากดรับตั้งแต่ได้ยินเสียงมันดังขึ้นล่ะมั้ง
[รับเร็วจังตกใจหมดเลย]
โฬมยิ้มบางๆ เพราะนึกออกทันทีว่าตอนนี้พี่พุฒิคงทำหน้าประหลับประเหลือกเหมือนลูกชายตัวเองไม่มีผิดแน่
“พอดีมันใกล้มือครับเลยรับเร็ว ว่าแต่คิดถึงผมเหรอครับถึงโทรมา”
[ฮื่อ]
“ผมเดาว่าตอนนี้พี่คงทำปากพะงาบๆ อยู่แน่ๆ”
[โธ่อย่าชวนพี่คุยนอกเรื่องสิ]
ทำเสียงสูงแบบนี้จมูกต้องขึ้นสีแดงแล้วชัวร์ โฬมนึกจินตนาการอิริยาบถของฝ่ายนั้นอย่างเอ็นดู
“ว่าไงล่ะครับ”
[เย็นนี้โฬมว่างมั้ย พี่มีเรื่องจะรบกวนสักหน่อย เอ่อ แต่ว่าถ้าโฬมไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ]
คนขี้เกรงใจรีบพูดอธิบายลิ้นรัว
“งานผมอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จแล้วครับ พี่มีอะไรรึเปล่า”
[คือวันนี้พี่มีแก้บทที่บริษัทน่ะไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ อีกอย่างที่ร้านมีเรื่องนิดหน่อย แม่กับส้มเลยต้องอยู่เคลียร์ พี่เลยอยากวานให้โฬมไปรับพิกเล็ตที่โรงเรียนให้หน่อย]
ได้ยินว่าช่วงนี้พ่อลูกหนึ่งเขียนบทละครทางโทรทัศน์ให้กับช่องหนึ่ง เจ้าตัวเลยบ่นอุบว่าไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก
“ได้สิครับ”
[โฬมสะดวกแน่นะ พี่เกรงใจเราจริงๆ ถ้าเราไม่สะดวก พี่จะ...]
“เดี๋ยวผมไปรับพิกเล็ตเองครับ”
โฬมสำทับเสียงหนักแน่น เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเกรงใจเขาไม่น้อย ถึงจะสนิทกันในระดับหนึ่งคนติดลูกอย่างพี่พุฒิก็ยังไม่ทิ้งนิสัยขี้เกรงใจ
[ขอบคุณมากโฬม เอ่อพี่ขอรบกวนอีกอย่างสิ ยังไงตอนเย็นช่วยพาเจ้าหมูไปซื้อไอศกรีมด้วยนะ พี่สัญญากับแกว่าตอนเย็นจะพาไปซื้อ]
“ไม่ได้มีแต่ลูกพี่ที่อยากกินนะครับ”
[หือ?]
“ผมก็อยากกิน”
[โฬมว่าไงนะ]
“ผมก็อยากกิน ‘ไอติมของพี่’ เหมือนกัน”ติ๊ดๆๆ
ปลายสายทางนั้นวางสายหนีเขาไปทันที น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้พ่อลูกหนึ่งน่าจะเผลอปล่อยมือถือร่วงเพราะได้ยินเสียงโครมคราม โฬมจ้องมือถือในมือแล้วหัวเราะออกมาน้อยๆ เดาได้ไม่ยากว่าป่านนี้คนขี้เขินคงเอาหัวมุดโต๊ะทำงานไปแล้วล่ะมั้ง
“พี่นี่ตลกชะมัด”
.
.
ร่างสูงใหญ่เดินลัดเลาะตามชายคาโรงเรียนอนุบาลเอกชนมีชื่อ หลังจากได้รับอนุญาตจากครูประจำชั้นอนุบาลให้เข้ามารับเจ้าหมูได้ถึงด้านใน เพราะก่อนหน้านี้บิดาเจ้าหมูโทรมาแจ้งกับทางโรงเรียนแล้วว่าเขาจะมารับพิกเล็ตแทน โฬมสอดส่ายสายตาไปยังสนามเด็กเล่นที่ครูประจำชั้นบอกว่าเจ้าหมูนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนสนิท แล้วไม่ต้องมองหานานเมื่อเห็นเขาร่างกลมป้อมนั่งยองๆ สุมหัวกับเพื่อนอยู่กลางสนามโน่น
“โห”
พิกเล็ตทำตาโตเมื่อไตตั้นพับกระดาษเป็นจรวดอย่างคล่องแคล่วก่อนจะสาธิตการร่อนกระดาษให้อยู่กลางอากาศได้ตั้งนาน เจ้าหมูทำตาโตตบมือแปะๆ ก่อนจะเหลือบตามองจรวดของตัวเองที่ร่อนได้ยังไม่ถึงอึดใจก็ร่วงหล่นพื้นแล้ว
“ไตตั้นเก่งจัง”
“พิกเล็ตอยากเก่งมั้ย เดี๋ยวเราสอน”
“จริงเหรอ”
พิกเล็ตทำตาเป็นประกาย
“จริงสิ”
“แล้วต้องทำไงอ่ะ”
“ต้องหอมแก้มเราก่อน”
“หา”
ใบหน้ากลมทำหน้างุนงงสงสัย พิกเล็ตเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะนึกออกว่าเวลาปกติหากอ้อนขออะไรจากบิดาก็ต้องตอบแทนด้วยการหอมแก้มหนักๆ ให้ชื่นใจ
ใช่แน่ๆ เหตุผลนี้แน่ๆ พิกเล็ตเข้าใจไม่ผิดหรอกเพราะพ่อจ๋าบอกเสมอว่าเขาเก่ง
“อ๋อ เราเข้าใจแล้ว” เจ้าหมูตบมือแปะๆ “หอมแก้มตอบแทนเหรอ ได้เลยๆ เอาข้างไหนดีอ่า”
พิกเล็ตถามหน้าซื่อ
“ข้างไหนก็ได้ แต่ต้องให้เราหอมคืนด้วยนะ”
“ต้องหอมคืนด้วยเหรอ?”
เจ้าหมูมุ่นหัวคิ้ว
“ช่ายย”
“โอเล”
“หา!”
ไตตั้นทำหน้างง
“ก็โอเลที่แปลว่าตกลงไง”
“เคยได้ยินแต่โอเลเครื่องสำอางของแม่นะ” ไตตั้นบอก
“ไม่เหมือนๆ นี่โอเล ไม่ใช่เลย์ที่เราชอบด้วย อ้า พูดแล้วหิวอ่า อยากกินเลย์จังเลย”
พิกเล็ตทำหน้าเคลิ้มเมื่อพูดถึงของกิน
“พิกเล็กอยากกินเหรอ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราซื้อมาให้”
“พ่อจ๋าบอกว่าไม่ควรอยากได้ของคนอื่น แต่นี่ไตตั้นไม่ใช่คนอื่น เพราะไตตั้นคือเพื่อนสนิทเรา งั้นเอาเลย์รสสาหร่ายนะ”
เจ้าหมูตาเป็นประกายยิ้มประจบอีกฝ่ายแล้วสั่งของที่ต้องการเสร็จสรรพ
“ตกลงหอมแก้มเราได้รึยัง?”
ไตตั้นทวงยิกๆ
“ได้เลยๆ”
โฬมถึงกับตบหน้าผากตัวเอง ขณะที่กำลังอ้าปากเรียกเด็กน้อย กลับเห็นเด็กทั้งสองตรงหน้าผลัดกันหอมแก้มไปมา
“อาโฬม”
พิกเล็ตที่เอียงแก้มให้เพื่อนหอมแล้วเบี่ยงหน้ามาทางนี้พอดีเลยเห็นโฬมยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนใจอยู่เบื้องหลัง
“เอ่อ วันนี้อามารับ เพราะพ่อจ๋าติดธุระครับ”
“ครูเคทบอกหนูแล้วฮะ”
เจ้าหมูวิ่งปรู๊ดมาคว้ามือเขา
“นี่ๆ ไตตั้น” มือป้อมๆ สะกิดไหล่เพื่อน “นี่อาโฬมเจ้าของวีนัสข้างบ้านเราแหละ”
ไตตั้นยกมือไหว้อย่างเรียบร้อยโฬมเลยยิ้มรับ หลังจากนั้นโฬมคว้าเป้ใบหน้ามาถือซะเอง ส่วนมืออีกข้างก็จูงมือเจ้าหมูที่โบกมือลาเพื่อนไหวๆ
“วันนี้ไตตั้นสอบหนูพับจรวดด้วยฮะ จรวดของไตตั้นลอยได้ตั้งนานแหน่ะ ไตตั้นเก่งมากเลยฮะ”
คงจะเป็นเพื่อนรักสินะ เจ้าหมูถึงพูดถึงไม่ขาดปาก แต่ก็นะโฬมจำได้ว่าเขาเองก็มีเพื่อนสนิทแต่นึกภาพหอมแก้มมันไม่ออกหรอก ให้ตายเถอะ
“แล้วของเราล่ะฮึ”
“บินไม่ขึ้นเลยฮะ”
พิกเล็ตทำหน้าม่อย
“สงสัยว่าไม่ได้กินข้าวฮะ จรวดเลยไม่มีแรง”
โฬมขำความช่างจ้อของลูกอดีตคนรัก
“เหมือนหนูเวลาหิวข้าวจะไม่มีแรงเลย” พิกเล็ตหันมาทำตาปริบๆ “หิวไอติมจังเลยฮะอาโฬม”
แล้วก็วกเข้าเรื่องของกิน
โฬมหลุดขำก่อนจะอุ้มเจ้าหมูเข้าเอว และเด็กขี้อ้อนก็รู้งานรีบคว้าคอเขากอดหมับอย่างว่องไว
★ ☆★ ☆★ ☆
“เอารสช็อกโกแลต รสสตรอว์เบอร์รี วานิลลาก็เอาด้วยฮะ”
มือป้อมๆ จิ้มไปที่ไอศกรีมรสต่างๆ หน้าตู้
“กินหมดเหรอเรา”
โฬมเอ่ยแซว
“งื้อ”
ศีรษะทุยถูที่หน้าขาโฬมไปมา ชายหนุ่มเลยลูบกระหม่อมบางอย่างเอ็นดูก่อนจะเงยหน้าไปตอบพนักงานที่รอให้บริการ
“เอาตามนั้นแหละครับ”
พิกเล็ตตาเป็นประกายยืนน้ำลายไหล ตาจ้องมองพนักงานตักไอศกรีมอย่างจดจ่อ โฬมยิ้มขำก่อนจะมุ่นหัวคิ้วเมื่อรู้สึกว่าเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเพราะสายเรียกเข้า โฬมล้วงมือไปหยิบขึ้นมาก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นรายชื่อของปลายสาย
น่าแปลกใจไม่น้อยที่คนๆ นั้นโทรหาเขา เพราะเท่าที่จำความได้โฬมได้รับสายตรงจากอีกฝ่ายแทบจะนับครั้งได้
“ครับพ่อ”
ร่างสูงกดรับอย่างเสียไม่ได้
[อ๋อ ยังจำได้เหรอว่าฉันเป็นพ่อแก]
โฬมแค่นยิ้มใส่โทรศัพท์
“อ้าวนี่ผมจำผิดเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วย สวัสดีครับ”
[ไอ้โฬม แกจะพูดจาถอนหงอกฉันไปถึงเมื่อไหร่ไอ้ลูกบ้า]
ฝ่ายนั้นพูดไปหอบไปจนชายหนุ่มนึกเวทนา
“พูดธุระพ่อมาเถอะครับ ขืนพ่อไม่เข้าประเด็นสักที มัวแต่พูดไปหอบไปอย่างนี้ ไปตื่นอีกทีที่โรงพยาบาลผมไม่รู้ด้วยนะ”
[แกนี่มัน! ฉันเบื่อจะต่อปากต่อคำกับแกแล้วไอ้ลูกนอกคอก แต่ฉันขอสั่งให้แกมาพบที่บ้านวันนี้]
“ผมไม่ว่างครับ”
[เลือกเอาว่าจะมาหาฉันที่บ้านหรือจะให้ฉันเรียกแม่วาดมาพบ]
ปลายสายตัดสายทิ้งทันทีทำให้โฬมกำหมัดแน่นเพราะบิดาเอ่ยชื่อน้าสาวที่เป็นตัวประกันชั้นดี แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า
โฬมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะนั่งยองๆ มองใบหน้ากลมที่จ้องไอศกรีมตาแป๋ว
“พิกเล็ตครับ”
“ฮะอาโฬม”
“สั่งไปกินที่บ้านได้มั้ยครับ พอดีอามีธุระ”
“ได้ฮะ”
ถึงจะยอมแต่โอยดีแต่เวลายังจ้องของกินตาละห้อย สุดท้ายเขาก็ต้องพาเด็กน้อยที่มองของกินจนน้ำลายหกติดรถไปบ้านบิดาด้วย ขืนปล่อยให้จ้องของกินอยู่แบบนี้ก็เกรงใจว่าทำร้ายจิตใจเด็กน้อยเกินไป เพราะกว่าจะวนไปส่งที่บ้านซึ่งอยู่คนละทางไอศกรีมคงละลายหมดอร่อยแน่
.
.
“โหสวยจัง”
เด็กน้อยตาเป็นประกายตอนที่โฬมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในเขตคฤหาสน์ของบิดา เด็กน้อยชะเง้อชะแง้มองโน่นนี่หน้าตาดูตื่นเต้นไม่น้อย
“ว้าว บ้านหลังเบ้อเริ่มเลยฮะอาโฬม”
โฬมกดยิ้มมองปากมองภาพบ้านหลังใหญ่ด้วยสายตาว่างเปล่า
“หลังใหญ่แต่อยู่แล้วไม่มีความสุขนักหรอก”
“เหมือนบ้านในละครที่หนูกับพี่ส้มดูเลยฮะ”
เจ้าหมูดูไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาบอกเล่าสักเท่าไหร่ โฬมเลยเผลอยิ้มตามไม่ได้ ไม่นานร่างสูงบังคับรถคันใหญ่มาจอดสนิทที่มุขหน้าบ้านแล้วจูงร่างกลมป้อมออกเดิน
“นั่นแกพาลูกใครมาด้วย”
โฬมชะงักไปเมื่อเบื้องหน้าปรากฏร่างสูงท้วมบิดา เส้นผมสีดอกเลาบนศีรษะบ่งบอกถึงความชราแต่สีหน้าและแววตาที่จ้องมาตรงๆ นี่ไม่ปฏิเสธว่าคือเสือเฒ่าที่พร้อมจะตะปบเหยื่อที่อ่อนแอ อาจจะเป็นเพราะเก่งเรื่องกลเกมทางธุรกิจบุคลิกคนตรงหน้าถึงดูเคร่งขรึมน่าหวาดกลัวไม่น้อย ก็ดูสิเจ้าหมูเล่นเบียดตัวเองมาชิดกับขาเขาขนาดนี้ และสุดท้ายร่างกลมป้อมก็มาหลบอยู่หลังโฬมจนได้
“แกไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องจนลูกโตขนาดนี้รึเปล่าไอ้ลูกบ้า”
ท้องได้ก็ดีสิ!
โฬมยิ้มขำกับความคิดตัวเอง
“ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดหรอกน่า นี่ลูกเพื่อนผม”
จริงๆ อยากบอกว่าลูกติด
‘ว่าที่เมีย’ แต่กลัวพ่อบังเกิดเกล้าจะลมจับซะก่อน
โฬมนั่งยองๆ คว้าจะหมูมาที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังให้ออกมา
“พิกเล็ตครับสวัสดีคุณปู่ก่อนลูก”
เจ้าหมูยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกมือไหว้ตาม
“สวัสดีฮะคุณปู่”
ผู้อาวุโสรับไหว้ก่อนจะหรี่ตามองบุตรชาย
“ฉันว่ามันมีเค้าโครงแกอยู่นะ”
“พอเถอะน่าพ่อ”
โฬมส่ายหัวก่อนจะกวักมือเรียกแม่บ้านพาเจ้าหมูที่กอดถุงไอศกรีมเสียแน่นไปดูแล
.
.
อดุลย์ถอนหายใจแรงๆ เมื่อการคุยกันทุกครั้งระหว่างตนกับบุตรชายจบลงด้วยการมีปากเสียงไปทุกครา ผู้อาวุโสถอนหายใจก่อนจะหลังจากเปิดปากคุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโฬมก็ผลุนผลันออกไป ผู้สูงวัยเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วบังเอิญเห็นร่างกลมป้อมนั่งละเลงไอศกรีมในถ้วยท่าทางเอร็ดอร่อย แวบหนึ่งอดุลย์เกิดความรู้สึกเอ็นดูเจ้าหนูนี่อย่างบอกไม่ถูก
“อ๊ะ คุณปู่”
เจ้าหมูทำตาปริบๆ คาบช้อนไอศกรีมคาปากอยู่เมื่อผู้สูงวัยท่าทางเคร่งขรึมก้าวเข้ามาใกล้
“กินคนเดียวไม่คิดจะแบ่งกันเลยรึไง”
“อ่า” พิกเล็ตเกาหัวแกรกๆ “กินด้วยกันมั้ยฮะ”
อดุลย์หัวเราะถูกใจเมื่อเห็นถ้วยไอศกรีมเหลือติดก้นอยู่ไม่ถึงหยิบมือ แต่เจ้าหนูนี่ยังชวนเขากินตาใส
“คุณปู่หัวเราะอะไรฮะ”
อดุลย์ส่ายหน้ายิ้มๆ นึกภาพเด็กน้อยซ้อนทับกับภาพโฬมในวัยเด็ก
เหมือนกันไม่มีผิด!
ผู้สูงวัยหันไปเรียกแม่บ้านให้ไปเอาของหวานมาเพิ่ม ไม่นานหลังจากนั้นระยะห่างของเจ้าหมูที่ตอนแรกยังหวาดๆ ก็ขยับไปนั่งบนตักอดุลย์สร้างความประหลาดใจให้กับโฬมที่มองภาพนั้นนิ่ง
★ ☆★ ☆★ ☆
“แวะเข้าไปกินน้ำบ้านพี่ก่อนมั้ย”
พุฒิส่งหมวกกันน็อคคืนให้เด็กหนุ่มที่บังเอิญไปเจอกันหน้าปากซอยแล้วหมอนี่อาสาขับรถมาส่งถึงที่
“นึกว่าพี่จะไม่ชวนผมเข้าบ้านซะอีก”
กายพูดขำๆ ตอนที่เดินตามอีกฝ่ายเข้าบ้าน
“อ๊ะ”
พุฒิอุทานเมื่อสะดุดพื้นต่างระดับหน้าบ้านแต่ดีว่าอีกฝ่ายคว้าเอวเขาไว้ทัน พ่อลูกหนึ่งกลืนน้ำลายเสียงดังเมื่อใบหน้าเขากับกายห่างกันแค่คืบ ยิ่งแววตากายพราวระยับเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ ขอบใจนะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบใจ เป็นชอบใจผมสักทีสิครับ”
พุฒิไม่ตอบได้แต่ยืนตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้
“พ่อจ๋า”
พ่อลูกหนึ่งขยับถอยห่างอย่างเนียนๆ
“ว่าไงครับตัวแสบ”
พุฒิอ้าแขนรอท่าเจ้าหมูที่วิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาน่าเอ็นดู
“กลับมาแล้วเหรอพุฒิ แม่ทำกับข้าวเสร็จพอดี นี่โฬมเขาก็รอกินข้าวอยู่ อ้าวกาย..”
พุฒิยิ้มค้างเมื่อมองเลยแผ่นหลังมารดาไปเห็นร่างสูงใหญ่กำลังจ้องมองเขากับเด็กหนุ่มสารถีนิ่ง แววตาคมปลาบนั่นทำให้พุฒิเสียวสันหลังไม่น้อย
“อยู่กินข้าวด้วยกันนะกาย”
คุณพรรณีหันไปชวนแขกผู้มาใหม่ก่อนจะผละเข้าไปในครัว
“เอ่อ”
พุฒิยิ้มแหยมองไปทางโฬมสลับกับกาย ก่อนจะแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน โฬมรับไหว้คนอ่อนกว่าก่อนจะเอ่ยขอตัว
“จะไปไหนล่ะโฬม กับข้าวจะเสร็จแล้วนะ”
“พอดีผมมีธุระครับ”
ร่างสูงชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือก่อนจะผละออกไปทันที พุฒิหันรีหันขวางพอเห็นว่ากายเข้าไปช่วยมารดากับพิกเล็ตในครัวแล้วเขาเลยผละตามอดีตคนรักไป
“อ๊ะ”
พุฒิสะดุ้งโหยงเมื่อผลักประตูรั้วข้างบ้านเข้าไปแล้วถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดเสียแน่น
“ฬะ โฬม”
“ผมจำมอ’ไซค์คันนี้ได้”
“อ๊ะ”
พุฒิร้อนวูบวาบเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดข้างแก้มในระยะประชิด
“เขาเคยมาส่งพี่”
“อื้ม”
“ทำไมต้องมาส่งกันบ่อยๆ”
“เราบังเอิญเจอกัน อ๊ะ”
พุฒิเม้มปากตอนที่มือหนาลากไปตามซี่โครงและปัดผ่านก้นเขาอย่างแผ่วเบา
“บังเอิญอะไรบ่อยๆ”
“ฮื่อ”
“ตอบคำถามให้ถูกใจผมนะครับ ไม่งั้น..”
พุฒิหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อสบตากับอีกฝ่าย
“บังเอิญจริงๆ อื้ม”
ริมฝีปากหนาฉกจูบอย่างว่องไว ลิ้นร้อนๆ ไล่เลาะไปตามกระพุ้งแก้มนั่นอย่างเชี่ยวชาญจนพ่อลูกหนึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ต้องโอนอ่อนไปตามสัมผัส เขาเอนตัวซบที่อกโฬมนิ่งตอนที่อีกฝ่ายปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ
“โฬมหลอกพี่ออกมา”
พุฒิประท้วงเพราะเมื่ออีกฝ่ายล่อลวงจูบจนสำเร็จแล้วเขาเพิ่งมาสังเกตสายตาอีกฝ่ายว่าไม่มีความขึงโกรธใดๆ พ่อลูกหนึ่งเบ้ปากเมื่อโฬมแค่ยักไหล่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ นั่นแสดงว่าโฬมจงใจหลอกให้เขาเดินตามมาล่อลวงจูบ
ร้ายกาจชะมัด!
★ ☆★ ☆★ ☆
ในส่วนของเจ้าหมูและของกินของน้องเขา ถถถ อยากบีบพุงจังวุ้ย
หวีดในทวิตติด #Re2love ด้วยน้า