ตอนที่ 94 ไกลแค่ไหนคือใกล้...(พี่โต้ง..)
พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน
พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ
ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้
แต่ทำไมเดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร รู้สึกโกรธ โมโห หึงจนนอนแทบไม่หลับ ที่รู้ว่าน้องพยายามโกหกปิดบัง แล้วยังไปค้างกับเพื่อนนอกรีตที่ทำให้เราเคยเลิกกันไปครั้งนึงแล้ว แถมยังติดต่อไม่ได้...
เช้ามา ออยยังโทรมารายงานอีกว่าให้รีบไปรับน้องฐากลับมา ตอนนี้อยู่ที่ไหน ไปหาใครมันก็ยิ่งกังวลใจหนักขึ้น
เข้าห้องสอบแค่ยี่สิบนาที แล้วรีบออกมา ไม่ได้สนใจว่าทำข้อสอบได้มั่วสุดชีวิต
รีบบึ่งไปหาด้วยความกระวนกระวายใจ.... เป็นห่วงมากแค่ไหนเมื่อเป็นน้องวิ่งหนีเตลิดไปคนเดียว...
พอตามเจอ... ก็ต้องระงับความโกรธโมโห เมื่อพบสภาพอ่อนล้า น้ำตาท่วม ขาเจ็บ
อยากลงโทษก็ยังทำไม่ได้ คงเหลือแต่...ความหวาดระแวงลึกๆ ในอก
“ยี่สิบนาที.... มึงได้ทำข้อสอบหรือเปล่าโต้ง...” ซาถามเมื่อผมหนีน้องลงมาหามันข้างล่าง
“ทำดิ ลายมือกูคงสุดยอดจนอาจารย์อ่านไม่ออกแน่ๆ หึหึ ช่างเถอะ พอมีคะแนนเก็บอยู่บ้าง ถึงจะยังไง คงไม่ติด Fมั้ง”
“ว่าแต่ละเป็นไง เจอโจทก์ป่ะ?”
“ไม่อ่ะ เจอน้องตอนกลับออกมาพอดี เลยไม่ได้บู๊”
“ดีแล้ว ไม่งั้น เพื่อนกูคงได้หน้าแหกกลับมา อย่างมึงต่อยตีกับใครเป็น”
“เออ...กูไม่ชอบใช้กำลัง กูใช้แต่สมอง...”
“คิดเป็นแต่แผนชั่วมากกว่า” มันค่อนขอดก่อนจะหันไปมองทางครัว ยกมือถือขึ้นจับภาพเอในชุดผ้ากันเปื้อนสาละวนทำอะไรอยู่คนเดียว
“กูก็ว่าจะเลิกอยู่ ก็คิดแผนอะไรทีไรแม่งผิดแผนตลอดจนกูชักเข็ด”
“ใช่ กูก็เข็ด.... ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่มันควรเป็นดีกว่า”
ต่างคนต่างถอนหายใจ แล้วเงียบ จนเอเดินกลับมาพร้อมจานขนม ตั้งลงตรงหน้าพวกเรา
“คุ้กกี้ครับ พี่โต้งกินสิ”
ผมหันไปมองซา เห็นมันทำหน้าเฉยๆ แล้วก็ไม่กล้ากิน จนเอเป็นฝ่ายหยิบคุกกี้ยื่นให้ซา
“ขอบใจ” มันบอกแล้วหันไปยิ้ม ลุกขึ้นจากโซฟา “คุยกันไปก่อนกูไปเอาน้ำ...”
“ได้ข่าวว่า เด็กพี่สร้างเรื่องอีกแล้ว เล่นเอาถึงกับไม่มีสมาธิสอบเลยเหรอครับ” เอหันมาถาม
“ถ้าพูดถึงสร้างปัญหา เอก็ใช่ย่อยนี่”
“ผมก็แค่ทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง..ในเมื่อชาวนา หลงผิดคิดจะขังงูพิษเอาไว้ในบ้าน เค้าก็คงเตรียมใจไว้แล้วว่าชะตากรรมจะเป็นยังไง แล้วพี่ล่ะ เลี้ยงอะไรไว้เหรอ?”
“หึ น้องฐาเหรอ คงเป็นแมวล่ะมั้ง”
“แมว...เค้าว่า ต่อให้เราดีกับมัน99 ครั้ง แต่ถ้าเราตีมันสักครั้งเดียวมันก็พร้อมจะหันมากัดเรานะครับ?”
“ไม่รู้สิ ต่อให้จะโดนกัดสักกี่ครั้ง พอมันกลับมาอ้อนเหมือนเดิม ก็โกรธไม่ลงอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วพี่อยากให้แมวตัวนั้นกลับมาอ้อนพี่เหมือนเดิมไหมล่ะ ผมช่วยได้นะ”
“ทำไง? จะช่วยทำให้น้องจำได้เหรอ? ถ้าง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ พี่ลองมาทุกอย่างแล้ว”
“ผมอาจจะทำให้เค้าจำเรื่องเก่าๆ ไม่ได้ แต่ทำให้หึงได้นะครับ คนเราจะไม่เห็นค่าคนใกล้ตัวจนกว่าจะสูญเสียมันไป ตรรกะง่ายๆ ลองดูก็ไม่เสียหายนะครับ ถึงผมไม่ได้สนิทอะไรกับน้องเค้ามาก แต่ก็พอรู้นิสัยอยู่หรอกว่าเป็นยังไง”
“แล้วเอล่ะ สมมุติวันนึงต้องเสียไอ้ซาไปบ้าง จะเสียดายหรือเปล่า”
“ถ้าเกิดของที่เสียไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าใครก็ต้องเสียดายทั้งนั้น แต่ถ้าสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วได้อะไรที่ดีกว่า ผมก็ไม่เสียดายหรอกครับ”
“ถ้างั้นอย่าดีกว่า พี่จัดการเองได้ เพราะคงไม่ได้มีแค่คนเดียวหรอกที่หึงเป็น”
ทั้งๆ ที่ผมพยายามบอกเอแล้ว ว่าอย่ามายุ่งเรื่องของผม เพราะไม่อยากให้มันต้องเจ็บตัวอีก แต่ท้ายที่สุด มันก็ไม่พ้นต้องกลายเครื่องมืออีกจนได้
ก็รู้แล้วว่าหวังดี แต่ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมายุ่งก็ยุ่งจนได้เรื่อง ไม่รู้ว่าช่วยยังไงกันทำไมเล่นเอาเปียกโชกไปถึงขา มันช่วยแรงเกินไปรึเปล่าเนี่ย แวบหนึ่งที่ผมเห็นว่าบรรยากาศมันดี ก็เลยอยากปล่อยๆ เอมันไป เลยอุตส่าห์ชวนน้องกลับบ้านแล้วเชียวแต่น้องฐาไม่ยอมกลับ สุดท้ายถึงต้องกลับมาด่าเอเอาใจน้องอีก
หลังจากเอกับซากลับไป ผมก็หันไปชงเหล้าให้น้องกิน เพื่อให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นเหมือนเดิม ผลปรากฏว่าน้องเมา....ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมอมเหล้า แค่ชงเพลินไปนิดเดียวเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็ดื่มเพลินเหมือนคนไม่เคยดื่ม แถมน้องกับไอ้ปอนด์ยังพากันโวยวายซะจนต้องรีบลากตัวกลับเพราะอายคนอื่นเขา ร้องเพลงสมัยกระเจ้าเหากันดังลั่น....
แต่เรื่องหลังจากกลับมาถึงห้องนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ ถึงไม่อยากฉวยโอกาส แต่โอกาสมันไม่ได้มากันบ่อยๆ นี่นา
นานแค่ไหนแล้ว... ที่ไม่ได้กอดน้องแบบนี้ นานแค่ไหนที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าจากเริ่มต้นจนจบ....
ผมรู้สึกเหมือนนานมาก มันนานมากจริงๆ
ย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนที่น้องจะความจำเสื่อม.... ตอนนั้นเราทะเลาะกันหนักมากเรื่องที่น้องให้ไอ้แว่นนั่นมาส่ง แล้วเราก็เลยมีอะไรกันทั้งๆ ที่ต่างคนต่างโมโห ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายดิ้นรน ขัดขืน ผมกลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด อย่างน้อย ถึงจะโกรธแค่ไหน ผมก็มั่นใจว่าน้องรักผม ต่อให้โมโหแค่ไหน เดี๋ยวก็ต้องดีกัน.. แต่ตอนนี้ ทำไมรู้สึกเหมือนความมั่นใจเหล่านั้นมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
“หนูไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเค้าคิดยังไง แต่จะมีอะไรที่สุขไปกว่า ได้เห็นความสุขของคนที่ตัวเองรัก” เวลาพูดน้องหลบตาไปทางที่อื่นไม่ได้มองหน้าผม...
ไหนล่ะแววตาของความสุข ต่อให้พยายามมองหามันแค่ไหน... ก็ไม่เจอสักที... จนอดท้อแท้ไม่ได้
ให้โง่ยังไงก็รู้ว่าพูดไปอย่างนั้นเอง
“พี่รักน้องฐามากนะ... ขอร้อง... ช่วยรักพี่บ้างได้ไหม” อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย ต้องพยายามอีกแค่ไหน...ถึงจะใกล้มากกว่านี้ ☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺
“น้องฐา จะไปไหน.....”
ตกใจที่ตื่นขึ้นมา ไม่เห็นน้องนอนอยู่ข้างๆ พอเดินออกมาจากห้องนอนก็พบน้องที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พร้อมกระเป๋าใส่ของใบย่อม น้องสะดุ้งแล้วหันมามองแล้วก็รีบหลบตาไป
“อะ....เอ่อ....จะกลับบ้านค่ะ”
“ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วย รออีกสักสองสามวันค่อยกลับไม่ได้เหรอไง”
“พอดีว่าหนูโทรไปเลื่อนที่บ้านหลายครั้งแล้ว แม่กับยายเค้าคงคิดถึง อยากเจอหนู”
“แล้วนี่จะไปทั้งๆ ที่ไม่บอกพี่ก่อนเลยเหรอ?”
“ก็เห็นพี่หลับอยู่ ก็เลยเกรงใจไม่อยากปลุก”
“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย รอให้พี่ตื่นก่อนแล้วบอกให้ไปส่งยังได้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะหนูกลับเองได้”
“น้องฐา โกรธพี่เหรอคะ?”
“เรื่องอะไรเหรอคะ? เรื่องที่พี่มอมเหล้าหนูเหรอ?”
“เปล่า ไม่ได้มอมนะ” ผมรีบปฏิเสธทันที
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องโกรธ ยังไงเราก็เป็นแฟนกันอยู่แล้ว พี่มีสิทธิ์จะทำอะไรกับหนูก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่ใช่เพราะเราเป็นแฟนกัน! แต่เพราะเรารักกันต่างหาก...” ผมเถียงเสียงดังจนอีกฝ่ายทำหน้าปั้นยาก
ผมเดินเข้าไปกอดเอวน้องเอาไว้
“ถ้าไม่โกรธอะไรจริงๆ อยู่ต่ออีกนิดได้ไหม”
“พี่คะ... หนูไม่ได้จะไปเพราะโกรธซะหน่อย พี่อย่างอแงสิ ถ้าคิดถึงจะโทรหาหนูก็ได้”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไร?”
“อืม ก็คงเปิดเทอมมั้งคะ”
“เปิดเทอม? ตั้งสองเดือนกว่า ไม่เอา นานเกินไป”
ผมกลัวว่าถ้าน้องกลับบ้านไปคราวนี้ แล้วน้องกลับไปหาคนเก่า แล้วคืนดีกันโดยที่ผมไม่รู้
ผมจะสูญเสียน้องไปตลอดกาล
“แล้วพี่จะให้หนูทำยังไงล่ะ?”
“อย่าเพิ่งกลับ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น นะ...นะ”
“พี่คะ หนูบอกแม่ไว้แล้ว ยังไงหนูก็ต้องกลับ พี่กลัวอะไรเหรอ คิดว่าหนูจะไปหาใครหรือไง หนูไม่ทำอย่างนั้นหรอก สัญญาจะไม่ไปหาคนที่ไม่อยากให้เจอ ถ้าเปิดเทอมมันนานไป อาทิตย์หน้าถ้าหนูกลับมาก็ได้ แต่พี่ล่ะ ไม่กลับบ้านเหรอคะ...”
“กลับสิ แต่ถ้าอาทิตย์หน้าน้องฐากลับมา พี่ก็จะกลับมาด้วย แล้วเราไปเที่ยวด้วยกันดีไหม”
“ที่ไหนเหรอคะ?”
“แล้วน้องฐาอยากไปไหนล่ะ? ไปต่างประเทศก็ได้นะ”
“หือ... อย่าเลยค่ะ ยุ่งยากเปล่าๆ ถ้าจะไป แค่ภาคเหนือก็พอแล้วมั้ง”
“ได้สิ สัญญาแล้วนะ ว่าเราจะไปเที่ยวกัน พี่จะรอ ถ้าอาทิตย์หน้าน้องฐาไม่มาพี่จะไปรับถึงบ้านเลย”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ทีนี้ หนูไปได้แล้วใช่ไหม...”
คำถามนั้นทำให้ผมถอนใจ มันเหมือนว่า น้องคิดแต่จะกลับท่าเดียวจนอาจจะสัญญาอะไรออกมาพล่อยๆ
ถึงจะสัญญากันแล้วแต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากให้น้องไปไหนอยู่ดี มันช่างเหมือนกับตอนนั้นจริงๆ เพียงแค่เราต้องมาสลับบทบาทกันเท่านั้นเอง...
“น้องฐา... ก่อนที่น้องฐาจะความจำเสื่อม พี่ก็กำลังจะกลับกรุงเทพเหมือนกัน ตอนนั้นน้องฐาห้ามไม่ให้พี่ไป จนถึงขนาดจะตัดขาดกันเลย พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่า และท้ายที่สุดพี่ก็เลือกที่จะไป พี่เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของน้องฐาตอนนี้เอง ว่าความรู้สึกหวาดกลัว อาลัยอาวรณ์จนไม่อยากให้ไปมันเป็นยังไง ถ้าวันนั้นพี่รู้สักนิดว่าเมื่อกลับมา พี่จะไม่ได้เจอน้องฐาคนเดิมอีก พี่คงไม่เลือกที่จะไป... พูดไปก็เท่านั้น คนเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่เปลี่ยนแปลงอนาคตได้ น้องฐาต้องกลับมานะ พี่สัญญา ว่าพี่จะไม่เห็นคนอื่นดีกว่าน้องฐาอีกแล้ว ถ้าจะมีใครสักคนต้องเสียใจ คนๆ นั้นจะไม่ใช่น้องฐา....”
ยังไม่คิดยอมแพ้ ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น
ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้
ความในใจของเธอ เหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้
ว่าทำไมเดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที
ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย มีความหมาย::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
แต่แล้ว...น้องฐาก็ไม่กลับมา...
อาทิตย์ต่อมาผมกลับมาที่ห้องก็พบแต่ความว่างเปล่า
ก่อนหน้านั้น ผมติดต่อน้องไม่ได้มาหลายวันแล้ว... ผมยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากกว่าเดิมอีก...
ไม่รู้คิดผิดหรือถูกที่ปล่อยให้กลับมาที่บ้านคนเดียว....
ผมจึงตัดสินใจโทรไปถามทางกับออยและไปหาน้องฐาที่บ้าน...
ไม่ว่ายังไง ผมก็พาน้องกลับไป โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม
“พี่มาหาน้องฐา” ผมบอกน้องทับทิมที่เดินออกมาดูว่ารถใครมาจอดอยู่หน้าบ้าน
“อ๋อค่ะ เจ๊แกนอนอยู่ข้างบน เดี๋ยวหนูไปเรียกให้นะคะ พี่เข้ามารอในบ้านก่อน”
ผมนั่งรอข้างล่างอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าหายกันไปนาน ถ้าไม่เกรงใจจะขึ้นไปตามเองแล้วเนี่ย....
พักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงโครมคราม พร้อมกับน้องฐาวิ่งลงบันไดลงมา ผมจึงลุกขึ้นหันไปมอง เห็นน้องฐายืนค้างอยู่ตรงที่พักบันได รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าซีดๆ
“พี่โต้ง...”
“น้องฐา”
ยังไม่ทันที่ผมจะขยับไปไหน น้องฐาก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามากอดผมเอาไว้เอง แน่นมากเสียจนผมก็ยังแปลกใจ
ความกังวลที่บ่มเพาะมาตลอดเวลาหลายวันลดลงไปทีละน้อย
“โทรศัพท์เป็นอะไรทำไมพี่ติดต่อน้องฐาไม่ได้เลย รู้ไหมพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน”
“อ๋อ พอดีหนูตากฝนนานไปหน่อย มือถือก็เลยใช้การไม่ได้ ตอนนี้เอาไปซ่อมอยู่ แล้วนี่...พี่มาได้ไงเหรอคะ”
“โทรไปถามทางจากออยมา ก็น้องฐาผิดนัด พี่บอกแล้วนี่ ถ้าไม่เห็นน้องฐาพี่จะมาตามเอง”
“ตายจริง นี่มันวันจันทร์แล้วเหรอคะ ขอโทษค่ะ พอดีเพิ่งหายป่วย เลยอึนไปหน่อย นึกว่ายังไม่ถึงซะอีก งั้นเดี๋ยวหนู แค่กๆ เอ่อ...ไปเก็บของเลยนะคะ เดี๋ยวแวะไปเอามือถือที่ร้านซ่อมแล้วไปเลย...” บอกแค่นั้นแล้วทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไป
“เดี๋ยว ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ...”
“รีบสิคะ.... พี่จะพาหนูไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ จะไปเชียงใหม่ พี่ได้จองตั๋วรถไว้หรือเปล่าคะ...”
“เปล่า ไม่ได้จอง...”
“อ้าว... หรือว่าเราจะไม่ไปไหนกันแล้ว..” น้องทำหน้าผิดหวัง
“ไป แต่ว่าจะขับรถไปเอง”
“ขับรถไปเอง เมื่อยแย่เลย...”
“เชียงใหม่เอง ไม่กี่ร้อยโลหรอก เวลาอยากไปไหนก็สบายดีด้วย เผื่อหาที่พักไม่ได้ จะได้นอนในรถเลยไง ดีไหม?”
คนฟังเงียบตั้งใจฟังแล้วกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าคิด....
“ล้อเล่นนะ ไม่ต้องเครียดไป พี่ไม่ให้น้องฐาต้องลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไงมันต้องมีพี่ว่างให้เรานอนอยู่แล้วล่ะ” ผมต้องรีบบอกเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวลเกินเหตุ กับแค่จะเล่นมุกด้วยเฉยๆ
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เครียดเรื่องนั้น หนูกำลังคิดว่า เราน่าจะแวะห้างซื้อเต็นท์โตๆ สักอัน ถ้าหาที่พักไม่ได้ เราจะได้ไม่ต้องนอนในรถแต่ไปกางเตนท์นอนที่ไหนสักแห่งไง หนูอ่ะอยากไปกลางเต็นท์นอนกลางป่าสักครั้งมาตั้งนอนแล้วอ่ะพี่”
แทนที่อีกฝ่ายจะตกใจกลายเป็ฯผมที่ทำหน้าเหวอ...
เฮ้ย! จะเอางั้นเหรอ? เรื่องให้นอนบนรถน่ะพูดเล่นนะ แต่คนออกไอเดียร์กางเต็นท์นี่ทำไมทำหน้าจริงจังนักล่ะ
“หนูว่าโรแมนติกดีออกนะ พี่ว่ามะ” มีการหันมาขอความเห็นด้วยสายตาวาวระยับ ทำเอาผมทำหน้าไม่ถูกเลย
ก่อนมา สับสน กังวลใจจนแทบบ้า...
แต่พอได้เจอหน้าได้คุยกันอีกครั้ง... กลับโล่งอกโล่งใจอย่างประหลาด...
พอเห็นใบหน้าตื่นเต้นล่วงหน้าแบบนั้นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้...
ต่อให้ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในสมองแต่เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นแบบนั้นมันก็อยากเอาใจซะเหลือเกิน...
ถ้าได้ไปนอนกางเต็นท์คุยกันสักคืนจริงๆ
เราสองคนจะใกล้กันมากกว่านี้ไหม?
ปล. ไกลถึงเชียงใหม่นี่ ใกล้พอหรือยัง?..........................................................................................
เอิ่ม ขออภัยนะคะ หายไปเกือบเดือน... แบบ คิดไม่ตกจริงๆ ว่าจะเอาตรงไหนก่อนดี...
ตอนนี้ กลับมา เบาๆ นิดนึงก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรีบร้อน